Thursday, 2 May 2024
ElectionTime

‘เจะอามิง’ ความหวังของ ‘ประชาธิปัตย์’ กับภารกิจทวงคืนเก้าอี้ ส.ส. ชายแดนใต้

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นอีกสนามที่พรรคการเมืองใหญ่หวังแจ้งเกิด หรือรักษาฐาน ขยายฐานของพรรค แน่นอนว่า จะเป็นการสับประยุทธ์กัน 4-5 พรรค ทั้งประชาชาติ (เจ้าถิ่น) ประชาธิปัตย์ อดีตเจ้าถิ่นที่หวังกลับมายึดฐานที่มั่นคืน พรรคพลังประชารัฐ ที่คราวที่แล้ว แจ้งเกิดไปหลายท่าน พรรคภูมิใจไทย ที่หวังจะขยายฐานมากขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้

กล่าวถึงประชาธิปัตย์ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รองหัวหน้าพรรค ลงไปคุมพื้นที่ด้วยตัวเอง พร้อมกับการคัดเลือกตัวผู้สมัคร และจัดกิจกรรมในพื้นที่ถี่ยิบ ด้วยความหวังว่า จาก 12 ที่นั่ง จะต้องได้กลับคืนมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ด้วยนโยบายที่ประกาศไปแล้ว ทั้งเรื่องให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นคลังอาหาร การช่วยเหลือผู้ใช้แรงงานร้านอาหารต้มยำกุ้งในประเทศมาเลเซีย และการเอาใจใส่ดูแลพี่น้องชาวประมงกับอีกหลากหลายปัญหาที่ยังต้องเจอ

สำหรับนราธิวาสเป็นอีกสนามเลือกตั้งที่พรรคประชาธิปัตย์หมายมั่นปั้นมือว่า จะต้องกลับมายึดพื้นที่คืน ดึง ‘เจะอามิง โตะตาหยง’ อดีต ส.ส.5 สมัย กลับมาอยู่บ้านหลังเดิม ที่มั่นคง คราวที่แล้วไม่ได้ลงสนามเลือกตั้ง หลีกทางให้ลูกชาย อาจารย์ เจ๊ะ อิลย๊าส โตะตาหยง ที่ไปลงกับพรรคลุงกำนัน ‘รวมพลังประชาชาติไทย’ หรือพรรครวมพลังในปัจจุบัน แต่เลือกตั้งครั้งหน้า ‘นิพนธ์’ ดึง เจะอามิง กลับมาเข้าค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผม  

พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาผงาดในจังหวัดนราธิวาสได้อีกครั้ง แต่ไม่ควรมองข้ามคู่ต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน ทั้งจากพรรคพลังประชารัฐ พรรคสร้างอนาคตไทย และพรรคภูมิใจไทย

‘พึ่งได้ ใกล้ชิด ติดดิน’ ตามหลักยึด ของ ‘เจะอามิง โตะตาหยง’ เข็มทิศทางความคิดที่มุ่งมั่นขันอาสาทำหน้าที่ตัวแทนประชาชนพรรคประชาธิปัตย์นราธิวาส เขต 5 เดินหน้าต่อไป ในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความมั่นคง ด้วยผลงาน ‘โฉนดชุมชน’ และจัดตั้งสถาบันบริหารจัดการที่ดิน เพื่อพี่น้องชายแดนใต้มีที่ทำกิน ที่อยู่และสร้างอาชีพ โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอ รือเสาะ ศรีสาคร บาเจาะ ยี่งอ สุคิรินทร์ จะแนะ ระแงะ สุไหงปาดี มีเอกสิทธิ์ที่เป็นโฉนดที่ดิน เป็นของตนเอง และผลงานสำคัญด้านการกระจายอำนาจและงบประมาณสู่ท้องถิ่นเข้มแข็ง ทำได้ไว ทำได้จริง

‘เจะอามิง โตะตาหยง’ กล่าวถึงนโยบาย และแนวทางในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง คือพูดถึงนโยบายที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง พูดถึงในแง่การแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจ ราคายางพารา ทำให้ภาพรวมความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้น ก็เป็นที่พอใจของประชาชน เงินผู้สูงอายุที่ได้กันทุกคนทุกครัวเรือน นี่คือสิ่งที่ชาวบ้านพอใจ เงิน อสม.(อาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน) เข้าโรงพยาบาลรักษาโรคฟรีก็เป็นที่พอใจของชาวบ้าน

มีคำถามว่า ต่อไปว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์จะยังคงนโยบายเหล่านี้ไว้หรือไม่ ‘เจะอามิง’ ย้ำว่า เป็นแนวนโยบายที่ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะเดินหน้าต่อ เป็นการสานต่อนโยบายหลักของพรรค

ส่วนมิติการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจะอามิง บอกว่า ได้พยายามสื่อสารกับชาวบ้านว่า ณ วันนี้ รัฐบาลได้แสดงความตั้งใจและจริงใจโดยการออกกฎหมาย ศอ.บต.(พระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. 2553) ซึ่งประชาชนยังไม่ทราบว่า มีแนวนโยบายอย่างไรบ้าง ประชาชนยังไม่ทราบถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากกฎหมายฉบับนี้

แต่เดิม การแก้ปัญหาที่ผ่านมา ที่ไม่ได้ผลส่วนหนึ่งมาจากความไม่เป็นเอกภาพของระบบราชการ วันนี้พอออกกฎหมายฉบับนี้ ทุกหน่วยงานต้องมาอยู่ภายใต้เงื่อนไขของกฎหมายฉบับนี้ ทำให้หน่วยงานราชการเกิดเอกภาพ ทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งเดิมต่างคนต่างทำ ทำให้การแก้ปัญหาไม่สามารถเดินหน้าไปได้เท่าที่ควร

“ความสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ คือนายกรัฐมนตรีจะเข้ามาดูแลโดยตรง และมีรัฐมนตรีดูแลอีกหนึ่งคน ไม่สังกัดกระทรวงมหาดไทยแต่จะขึ้นตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรีโดยตรง สาระสำคัญคือ ชาวบ้านสามารถชี้แนวทางการแก้ปัญหาผ่านสภาที่ปรึกษา ศอ.บต.(หมายถึง สภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้) แนวทางต่าง ๆ ไม่ว่า ด้านการศึกษา สังคม เศรษฐกิจ ศาสนา”

ส่วนในกรณีที่ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม อันเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ ประชาชนสามารถร้องเรียนไปยังเลขาธิการ ศอ.บต. ถ้ามีมูลความผิดจริง เลขาธิการ ศอ.บต.ก็สามารถสั่งย้ายได้ภายใน 24 ชั่วโมง เพื่อเป็นการลดเงื่อนไขต่อประชาชน

มิติการพัฒนาพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เจะอามิง กล่าวว่า เราจะขับเคลื่อนงบประมาณค้างท่อ ที่เคยสะท้อนติดตาม ขับเคลื่อน ในกระบวนการ สภาผู้แทนราษฎร จนได้รับการแก้ไข จากรัฐบาลจนสำเร็จ เช่น ที่ผ่านมา ถนนสาย ยะลา – สี่แยกดอนยาง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเดิมเป็นเงินค้างท่อ สร้างไม่เสร็จ เราจึงได้ลบล้างข้อครหาที่ว่า งบลงมาแล้วแต่ไม่ดำเนินการอะไรเลย เราดำเนินการจนสร้างเสร็จในสมัยรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ถนนสายสี่แยกตะโล๊ะหะลอ อำเภอรามัน จังหวัดยะลา – ปาลอบาต๊ะ อำเภอยี่งอ จังหวัดนราธิวาส หรือ ถนนสาย 4066 ก็เกิดจากเงินค้างท่อ ซึ่งสร้างจนเสร็จอีกเส้นทางหนึ่ง

เจะอามิง กล่าวอีกว่า ในจังหวัดนราธิวาสเราได้พัฒนาสนามบินบ้านทอนให้เป็นสนามบินระดับนานาชาติ เพื่อรองรับชาวมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่จะใช้เดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยรัฐบาลอภิสิทธ์ ฯ ได้จัดสรรงบประมาณขยายรันเวย์เพื่อให้ได้ตามมาตรฐาน ทำให้สามารถรองรับเครื่องบินบินตรงไปยังประเทศซาอุดิอาราเบีย ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

ในส่วนของมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ เดิมมีแค่ป้าย แต่นักศึกษาไปฝากตามมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ขอนแก่นบ้าง เชียงใหม่บ้าง กรุงเทพบ้าง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์บ้าง พอเรียนจบก็จะมาสวมชุดครุยมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ แต่ตอนนี้รัฐบาล สมัยอภิสิทธิ์ ฯ ได้ให้งบไทยเข้มแข็งเกือบพันล้าน เพื่อสร้างอาคารต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์ สามารถรับนักศึกษา เรียนที่สถาบัน ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน

ส่วนโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ตอนนี้ ยกระดับมาเป็นโรงพยาบาลศูนย์แล้ว นี่เป็นผลงานรัฐบาลอภิสิทธิ์เช่นกัน

ในด้านเยาวชน รัฐบาลได้ให้งบพัฒนาการกีฬา โดยทุ่มงบกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบผูกพัน สร้างสนามฟุตบอลในจังหวัดนราธิวาส ให้เป็นสนามฟุตบอลที่ใหญ่สุดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนในจังหวัดยะลา รัฐได้ให้งบสร้างสนามบินเบตง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งได้เปิดให้บริการไปแล้ว เพื่อให้ผู้คนหลั่งไหลไปเที่ยว เบตง แล้วจะเป็นจุดขายต่อไป

- นโยบายทางด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงแม้ที่ผ่านมาอาจจะดีระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ แนวทางการแก้ปัญหาตราบใดที่ยังมีการสูญเสียของประชาชน ก็ยังไม่แฮปปี้ การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ มีหลายขั้นตอนหลายเงื่อนไข การแก้ไขนับตั้งแต่นี้ไป ต้องแก้ไขในแต่ละเงื่อนไข แก้ปมไปทีละปม ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาพอสมควร

“ขอยืนยันว่า แนวทางการเมืองนำการทหารบวกกับการพัฒนา สร้างอาชีพ อย่างมั่นคงในอนาคตที่ดี แต่ความสำเร็จทั้งหลายมันต้องอยู่บนพื้นฐานกลไกของรัฐ คนที่รับผิดชอบต้องตั้งใจและจริงใจในการแก้ปัญหา”

‘พิธา’ เผย เลือกตั้ง 66 ชี้ชะตาประเทศไทย ยืน!! หากกา ‘ก้าวไกล’ อนาคตสดใสแน่นอน

‘พิธา’ ชี้ เลือกตั้งครั้งนี้สำคัญ ประชาชนต้องเลือกระหว่างอดีตกับอนาคต ปฏิเสธพรรคสืบทอดอำนาจ ทั้งพรรคประยุทธ์-พรรคประวิตร ย้ำ กาก้าวไกล ประเทศไม่เหมือนเดิม แนะ นายกฯ แข่งขันการเมืองแฟร์เพลย์-ร่วมเวทีดีเบต-ยื่นบัญชีทรัพย์สิน

(10 ม.ค. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ว่า จริง ๆ พล.อ.ประยุทธ์ และพวก เป็นนักการเมืองตั้งแต่วินาทีที่ตัดสินใจใช้กำลังยึดอำนาจการเมืองการปกครองของประเทศแล้ว ที่แย่ก็คือท่านเป็นนักการเมืองที่ไม่ได้มาตามครรลองประชาธิปไตย ในขณะนั้นประชาชนเลือกอะไรไม่ได้เพราะถูกใช้กำลังบังคับข่มเหง แต่ในเมื่อตอนนี้ ท่านแสดงเจตนารมณ์จะอยู่ต่อให้นานที่สุดเช่นนี้แล้ว ก็เป็นอำนาจของประชาชนที่จะสามารถพิพากษาเอาท่านออกจากการเมืองได้โดยกลไกที่สงบและเรียบง่ายที่สุด นั่นก็คือการลงคะแนนเลือกตั้ง

พิธากล่าวว่า ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งนี้จึงสำคัญมาก นั่นคือประชาชนจะเลือกตั้งเพื่อปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมออกไปจากการเมือง และยืนยันหลักประชาธิปไตย โดยการไม่เลือกพรรคการเมืองสืบทอดอำนาจ อย่างพรรคสังกัดของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะรัฐประหาร และถึงเวลาแล้วที่ท่านในฐานะนักการเมืองจะมาแข่งขันกับนักการเมืองด้วยกันแบบแฟร์เพลย์ ไม่ใช้เทคนิควิธีการหรือช่องโหว่ที่ตัวเองร่างกฎหมายมาเพื่อให้ตัวเองได้เปรียบมากกว่านักการเมืองคนอื่น และต้องเปิดกว้างต่อการตรวจสอบสาธารณะ ไปร่วมทุกเวทีดีเบตประชันนโยบายและจุดยืนการเมืองให้ประชาชนได้เปรียบเทียบกับพรรคอื่น ๆ อย่างรอบด้าน ยื่นบัญชีทรัพย์สินให้โปร่งใส ตอบคำถามของสังคมให้กระจ่างชัดในหลายกรณีทุจริตที่เกี่ยวพันกับรัฐบาลของท่านและตัวท่านเองด้วย

‘ชัยวุฒิ’ ยันอยู่ต่อกับ ‘บิ๊กป้อม’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ไม่เคยชวนย้ายค่าย

(10 ม.ค. 66) ที่พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมกรรมการบริหารพรรคพปชร.ว่า ประชุมกรรมการบริหารพรรคกับคนที่จะทำงานกับพรรคต่อ เพื่อขับเคลื่อนพรรคต่อไป 

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายชัยวุฒิ ยืนยันว่ายังอยู่กับพรรค พปชร.ใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ยังทำงานกันอยู่ และเตรียมที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง เมื่อถามว่า ความสัมพันธ์กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม เป็นอย่างไร นายชัยวุฒิ กล่าวว่า สนิทกับทุกคน เพราะทำงานทั้งกับนายกฯ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค อยู่แล้ว เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ชวนไปร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่มี

'อนุทิน' จ่อเปิดตัว 'พุทธิพงษ์' 11 ม.ค.นี้ เสริมแกร่ง ภท. เลือกตั้งสนามเมืองหลวง

(10 ม.ค. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ระบุถึงความคืบหน้าการเปิดตัวนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เข้าร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อมาดูแล กทม. ว่า วันที่ 11 ม.ค.นี้ พรรคจะมีการประชุมและสรุปนโยบายการดำเนินงาน และแนะนำให้เห็นว่าใครคือว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. ของพรรคภูมิใจไทย ทั้งนี้ที่ผ่านมาตนได้คุยกับนายพุทธิพงษ์ มาระยะหนึ่งแล้ว และแสดงเจตจำนงมาช่วยงานการเมืองให้พรรคภูมิใจไทย โดยจะมารับผิดชอบพื้นที่กทม. ซึ่งนายพุทธิพงษ์ได้เตรียมการมาระดับหนึ่งแล้ว

ส่วนคาดหวังจะปักธง ส.ส.กทม.อย่างไร เพราะที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ไม่เคยมีส.ส.มาก่อน นายอนุทิน ระบุว่า เราส่งใครลงสมัครก็อยากให้ชนะหมด ซึ่งนโยบายพรรคต้องดี การสนับสนุนปัจจัยต่าง ๆ ของพรรคต้องดี มีความพร้อมและความใกล้ชิดประชาชน ผู้สมัครก็ต้องดี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยมั่นใจว่ามีปัจจัยเหล่านี้ นอกจากนี้มีการคุยกับส.ส.บางคนที่ลาออก ถ้าจะมาสมัครพรรคภูมิใจไทย ก็พร้อม

‘กรณ์’ นำทีม ‘ชาติพัฒนากล้า’ ล่องใต้ เปิดที่ทำการพรรค ‘ภูเก็ต - ชุมพร’ เตรียมเลือกตั้ง

‘กรณ์ จาติกวณิช’ นำทัพ ‘ชาติพัฒนากล้า’ ลงใต้ เปิดที่ทำการพรรคจังหวัดภูเก็ต - ชุมพร เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

เปิดปีใหม่ ก็ลุยเปิดตัวแทนเขตเลย นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า พร้อมด้วย ผศ.ดร.เอราวัณ ทับพลี รองเลขาธิการพรรค นำทัพลงใต้ เปิดตัวแทนเขตและที่ทำการ ณ จังหวัดภูเก็ต โดยมี 2 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต เทมส์ ไกรทัศน์ อรทัย เกิดทรัพย์ และ จังหวัดชุมพร มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ชุมพร ลิขิต ศรีชาติ เข้าร่วมการประชุมจัดตั้งตัวแทนเขตในครั้งนี้ด้วย 

เมื่อวันเสาร์ที่ 7 มกราคม 2566 นายกรณ์ พร้อมด้วยทีมงาน ได้ร่วมเปิดที่ทำการและจัดตั้งตัวแทนพรรคชาติพัฒนากล้า เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดภูเก็ต ณ โรงแรม ตูร์ เดอ ภูเก็ต โดยมี อรทัย เกิดทรัพย์, เทมส์ ไกรทัศน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดภูเก็ต มาร่วมกันจัดประชุมจัดตั้งตัวแทน พร้อมกับรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของสมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้าในพื้นที่ด้วย 

สำหรับโดยที่ทำการตั้งอยู่ ณ เลขที่ 237/10 หมู่ 3 ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง จังหวัดภูเก็ต 83110

หลายพรรคลุยติด ‘ป้ายหาเสียง’ ทั่ว กทม. สร้างสีสัน - หวังคะแนนเสียงจากชาวกรุง

ช่วงนี้ถือเป็นโค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งใหญ่ของประเทศไทยแล้ว แต่แหม..ยังไม่ทันไร ป้ายจากพรรคต่าง ๆ ก็มาปักให้เห็นกันแล้ว 

วันนี้ (11 ม.ค. 66) ทีมข่าว THE STATES TIMES ได้ลงพื้นที่กรุงเทพมหานคร ในหลายเขต หลายพื้นที่ ก็ได้พบเห็นว่าพรรคการเมืองหลายพรรคเริ่มติดป้ายแนะนำพรรค โปรโมตนโยบายพรรค ที่แฝงมาในรูปแบบสวัสดีปีใหม่ ตรุษจีน พร้อมทั้งติดภาพว่าที่ผู้สมัครของพรรคขนาดใหญ่ เพื่อให้ประชาชนคุ้นหน้าคุ้นตาก่อนใคร ถือเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างสีสันก่อนการเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงในเร็ววันนี้

‘อนุทิน’ เปิดบ้านต้อนรับ ‘วีระกร-ฑีฆะพล’ ชี้!! อุดมการณ์เดียวกัน - พร้อมรับใช้ปชช.

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมต้อนรับนายวีระกร คำประกอบ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.นครสวรรค์ และนายฑีฆะพล ทวีเกื้อกูลกิจ ว่าที่ผู้สมัครส.ส. เขต 2 จ.ตาก ที่ได้เดินทางสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย โดยเป็นการสมัครสมาชิกพรรคแบบตลอดชีพ ก่อนที่นายอนุทิน จะสวมเสื้อแจ็คเก็ตพรรคภูมิใจไทยให้กับนายวีระกร และนายฑีฆะพล เพื่อเป็นการต้อนรับในฐานะสมาชิกพรรคอย่างเป็นทางการ

จากนั้น นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หลังมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มเติมอีก 2 คน ว่า เราต้องไม่พูดว่ามีผู้สนใจเข้ามา แต่เราต้องพูดว่ามีผู้ที่พร้อมจะดูแลรับใช้พี่น้องประชาชน คนที่จะเข้ามาทำงานที่พรรคภูมิใจไทยต้องศึกษานโยบาย และเจตนารมณ์ของพรรคภูมิใจไทย ใครก็ตามที่มีความตั้งใจจะรับใช้บ้านเมือง รับใช้ประชาชนก็ถือว่าเป็นที่ต้อนรับของมวลหมู่สมาชิกพรรคภูมิใจไทยทุกคน

เมื่อถามว่า จะมีสมาชิกเข้ามาเพิ่มหลังจากนี้อีกหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า พรรคเราเปิดรับผู้ที่พร้อมรับใช้บ้านเมือง และประชาชน ซึ่งตามกฎหมายได้กำหนดชัดเจนว่า จะต้องเป็นสมาชิกพรรคภายในกี่วัน คนที่เข้ามาเป็นสมาชิกไม่จำเป็นต้องเป็นผู้สมัครอย่างเดียว แต่เรายังมีเรื่องที่ต้องขับเคลื่อนเพื่อบ้านเมืองอีกด้วย

เมื่อถามถึงการทาบทามนายวีระกร นายอนุทิน กล่าวว่า ในส่วนของการทาบทามคงไม่มี เพียงแต่ได้พบเจอกันที่รัฐสภา และมีโอกาสไปเปิดโรงพยาบาลที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ และนายวีระกรก็ได้พาตนไปแนะนำให้รู้จักกับคนนครสวรรค์จำนวนมาก ต่างฝ่ายต่างเห็นการทำงานให้กับประชาชน ก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน

‘วีระกร’ เชื่อ ‘ภูมิใจไทย’ กวาด ส.ส.เกิน 120 คน ชี้!! ‘เสี่ยหนู’ นั่งนายกฯ ต่อจาก ‘บิ๊กตู่’ แน่นอน

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายวีระกร คำประกอบ อดีตส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ภายหลังจากสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ว่า คงไม่มีการชวนใครมาจากพรรคพลังประชารัฐ เพราะเป็นพรรคเก่าที่อยู่กับเขามาถึง 4 ปี เป็นพรรคที่ดี ไม่ใช่ว่าเราออกมาด้วยเหตุผลเป็นพรรคที่ไม่ดี หัวหน้าพรรคก็ใจดี แต่สิ่งที่ตนต้องขออนุญาตว่าทำไมต้องย้ายมาพรรคภูมิใจไทยขอให้เหตุผล 2 ข้อ เรามีความคล่องตัวการทำงานการเมืองมากกว่า เราเจอกันในสภา เป็นนักการเมืองด้วยกันเจอกันอยู่ตลอด มีอะไรปรึกษาหารือกันได้ตลอด แต่ถ้าอยู่พรรคเดิมอาจจะต้องใช้เวลาที่จะพบกับหัวหน้าพรรค ไม่ได้พบกันแบบง่าย ๆ ข้อที่ 2 ตนมั่นใจในนโยบายพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะเรื่องที่ตนชอบใจมาก และสนับสนุนมาตลอดก็คือเรื่องที่ไม่ยอมขายหรือต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้กับผู้ถือสัปทาน เพราะอีกไม่กี่ปีจะกลับมาเป็นของประชาชนแล้ว

เมื่อถามว่า ได้ลา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเก่าหรือไม่ นายวีระกร กล่าวว่า จริง ๆ ตนคุยกับพล.อ.ประวิตรมา 2-3 เดือนแล้ว ตนพยายามอธิบายให้ท่านเข้าใจแล้วว่าตนมีปัญหาอะไรในเรื่องงาน อย่างที่เล่าว่าตนไม่ค่อยคล่องตัวในการที่จะทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หลาย ๆ เรื่องจะทำอะไรต้องรอฟังหัวหน้าพรรคก่อน การรอบางทีมันนานเกินไปมันไม่คล่องตัว ต้องเข้าตามระเบียบเขา ซึ่งไม่เหมือนนักการเมืองจะเจอกันทุกวันในการประชุมสภา 

เมื่อถามว่า แต่ช่วงหลังพล.อ.ประวิตร ได้แต่งตั้งเป็นรองผอ.พรรค นายวีระกร กล่าวว่า เมื่อตนพูดไปแล้วหัวหน้าพรรคคงเข้าใจแล้วว่าตนจะลาออกท่านจึงให้ตำแหน่งนี้มา ตนก็เรียนกับท่านว่าอย่างนั้นตนจะเริ่มทำงานเลย เพราะตนเข้าใจว่าจะเข้าพบได้ง่ายแล้ว 

เมื่อถามว่า แล้วฟางเส้นสุดท้ายคืออะไร นายวีระกร กล่าวว่า ฟางเส้นสุดท้ายคือท่านบอกว่า “จะทำอะไรให้มาขอผมก่อน” ตนเข้าใจการไปพบผู้ใหญ่ต้องรอ แต่นักการเมืองด้วยกันไม่ต้องรอ คล่องตัวกว่า แต่สิ่งที่คุยหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยให้ความเมตตา เข้าใจในเรื่องของเกษตรกร โดยเฉพาะเรื่องโรงงานปุ๋ย ตนมาคุยกับนายอนุทินเรื่องนี้เลยชวนตนมาช่วยพรรค

‘พุทธิพงษ์’ นำทัพ ‘อดีตส.ส.-คนรุ่นใหม่’ สมัครเข้าภท. พร้อมย้ำอุดมการณ์ ขอทำเพื่อคนกทม. ตลอด 24 ชม.

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 12.55 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. นำอดีต ส.ส.กทม. ประกอบด้วย นายจักรพันธ์ พรนิมิตร, น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์, นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์, น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ และนางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา รวมถึงทีมคนรุ่นใหม่ เช่น น.ส.พีร์ปภาอร เสถียรไทย หลานสาวนายสุรเกียรติ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี, นางศลิษา สิงหเสนี, น.ส.พิชามญช์ ชมะนันทน์, น.ส.อัชญา จุลชาต และนายพศิน ชาญศิลป์ นั่งรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้ามาตาม ถ.พหลโยธิน เข้ามายังที่ทำการพรรคภูมิใจไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค และเปิดตัวทีม ‘ภูมิใจไทย ภูมิใจกรุงเทพฯ’ 

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางมาถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับ พร้อมทั้งขอเป็นคนทดลองขับรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า โดยมีนายพุทธิพงษ์ และว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม. บางส่วน ร่วมนั่งบนรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้าด้วย ซึ่งนายอนุทินได้ขับวนรอบพรรคหนึ่งรอบก่อนนำทั้งหมดขึ้นมาบริเวณชั้น 2 ของที่ทำการพรรค เพื่อทำกิจกรรมเปิดตัว

ต่อมาเวลา 13.48 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ยินดีต้อนรับครอบครัวภูมิใจไทย พี่น้องภูมิใจไทยในเขตกทม. สู่บ้านหลังนี้ ความสัมพันธ์ของตนกับนายพุทธิพงษ์ มีมายาวนานตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ คุณแม่ จนถึงรุ่นลูก ซึ่งนายพุทธิพงษ์ มีความทุ่มเท เสียสละ ทำงานรับใช้บ้านเมือง ตรงตามเจตนารมณ์ของพรรค วันนี้ดีใจที่ท่านมาเป็นตัวแทนพรรคเสนอเป็นทางเลือกให้ประชาชนในเขตกทม. ต้องถือว่าท่านเป็นผู้เติมเต็ม เราพยายามรับใช้ประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ แต่พรรคเราเริ่มต้นมาจากต่างจังหวัด ไม่มีพื้นฐานในกทม. เราอาจจะประหม่าในการเข้าถึงจิตใจคนกทม. แต่ช่วงที่ผ่านมา 4 ปี ที่เราได้ร่วมบริหารราชการแผ่นดิน เรามองว่ากทม. เป็นหัวใจของประเทศอีกหนึ่งจังหวัด เราไม่เคยมองข้าม ตนเชื่อว่า นายพุทธิพงษ์ และทุก ๆ คน คงมองว่าถึงเวลาที่พรรคภูมิใจไทยจะเข้า พื้นที่กทม.แล้ว เราจะทำจนสุดความสามารถที่ทำให้คนกทม. เชื่อมั่นในพรรค เหมือนกับคนทั่วประเทศที่เชื่อมั่น และให้โอกาสพรรคมาทำงาน 

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า พรรคนี้เข้าถึงทุกคน ทั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค รองหัวหน้าพรรค และผู้บริหารพรรค เดินไปเดินมาตลอดไม่มีห้องกั้น ไม่ต้องแลกบัตร ปั๊มบัตร ปั๊มมือ ไม่ต้องเขียนชื่อเข้าพบ เราอยู่กันแบบพี่น้อง แบบครอบครัวที่อบอุ่น นี่คือจุดแข็งของพรรค ความเป็นเอกภาพถือเป็นเอกลักษณ์ของพรรค ขอให้ท่านนำสิ่งเหล่านี้มาสิงในตัวเอง หรือเรียกว่าองค์ลง สิ่งที่คนเชื่อว่ายากก็จะขับเคลื่อนได้ ถ้าเรามีประชาชนเป็นเป้าหมายก็จะประสบความสำเร็จ สุดท้ายขอแสดงความยินดีกับตัวเอง และผู้บริหารพรรคทุกคน ที่ได้คนดี ๆ มาร่วมงาน ขอคารวะทุกท่านที่มาร่วมงานด้วยกัน 

ด้านนายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น และยินดีที่ได้มาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทย วันนี้นำทีมคนรุ่นใหม่ 60-70 คน มาเป็นทีมทำงานร่วมกัน ครั้งนี้ตนจึงไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับทีมกทม. ทั้งนี้ หากย้อนดูตลอด 3 ปีที่ป่านมา พรรคภูมิใจไทย ไม่มีส.ส.กทม แต่ผลงานในหลายกระทรวงจากรัฐมนตรีของพรรค ทำประโยชน์สร้างโครงการต่าง ๆ ในกทม.จำนวนมาก ผลงานที่ทำไว้ แม้พรรคจะไม่มีส.ส.กทม.เลย แต่ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเราเสนอคนดี คนเก่ง มาเป็นจุดกลางทำนโยบายให้เกิดขึ้นจริง ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้นในกทม. นี่คือเหตุผลว่าทำไมตนต้องมาพรรคภูมิใจไทย

นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า เราเชื่อตรงกันว่าคนกทม.มีปัญหามาก สิ่งที่คนกทม. รอคอยไม่ค่อยได้รับการแก้ไขได้ตรงจุด และทันเวลา วันนี้เชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยให้โอกาสพวกเราได้คิดเป็นนโยบาย และนำกลับไปทำประโยชน์ให้ประชาชน คำว่า ‘พูดแล้วทำ’ มีความหมายมาก เราจะนำคำนั้นกลับไปในกทม. ว่าพวกเราพูดแล้วทำ เราไม่ได้มาแค่ให้ท่านสวมแจ็คเก็ตให้เรา แต่เราเตรียมนโยบายที่คิดว่านำไปปฏิบัติได้จริง ไม่ใช่นโยบายเมกะโปรเจกต์ แต่เป็นนโยบายบ้าน ๆ เรียบง่าย มาจากปัญหาที่เกิดขึ้นจริง ทำได้จริงไม่เพ้อฝัน 

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจ!! สามารถลงสมัคร ส.ส. ได้ แนะ ‘อดีต 8 ส.ส.กทม.’ ต้องรักษาพื้นที่ตัวเองให้ดี

‘พุทธิพงษ์’ มั่นใจคุณสมบัติลงสมัคร ส.ส.ได้ แต่เป็นรมต.ไม่ได้ ชี้ ‘อดีต 8 ส.ส.กทม.’ ย้ายซบ ‘ภท.’ ต้องรักษาพื้นที่ให้ได้ มองเป็นสิ่งดี ‘บิ๊กตู่’ โดดลงสนามการเมือง เพิ่มทางเลือกปชช. ลั่นไม่มีใครดีกว่าใคร อยู่ที่สถานการณ์วันนั้นใครเหมาะสมนำพาชาติ

(11 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 14.50 น. ที่พรรคภูมิใจไทย นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ สมาชิกพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติส.ส. จะสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ หลังเคยต้องคดีชุมนุมทางการเมืองกับกปปส. ที่ต่อต้านรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า ได้ตรวจสอบข้อกฎหมายแล้ว สามารถลงสมัครส.ส.ได้ เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด อีกทั้งก่อนหน้านี้ที่ตนเคยถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นสภาพส.ส. ก็เป็นการร้องในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.อยู่ และเหตุการณ์จบไปแล้ว ซึ่งหากได้เป็นส.ส.ในครั้งนี้เรื่องดังกล่าวก็ไม่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่สามารถดำรงตำแหน่งได้ เพราะตามรัฐธรรมนูญได้ระบุคุณสมบัติรัฐมนตรี ต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษา โดยไม่คำนึงว่าคดีจะถึงที่สุดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนจะลงสมัครส.ส.หรือไม่อยู่ที่พรรคภูมิใจไทยจะพิจารณาอีกครั้ง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top