Saturday, 10 May 2025
Econbiz

‘บางจาก’ ยกระดับคุณภาพน้ำมันดีเซล ชู!! มาตรฐาน EURO 5 เริ่ม 15 พ.ย. 66

(3 พ.ย. 66) บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เตรียมปรับคุณภาพน้ำมันดีเซลทุกชนิด และผลิตภัณฑ์พรีเมียมของบางจาก ทั้งบางจาก ไฮพรีเมียม 97 พรีเมียมแก๊สโซฮอล์ และบางจาก ไฮพรีเมียมดีเซล S ในเขตกรุงเทพมหานครให้มีปริมาณกำมะถันต่ำเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 เริ่มจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป

โดยบางจากฯ จะปรับสูตรน้ำมันดีเซลที่จำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันบางจากและสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่เดิม ซึ่งเป็นสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ปรับจากสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมจำนวน 224 สาขา ให้เป็นดีเซลปริมาณกำมะถันต่ำเทียบเท่ามาตรฐานยูโร 5 ที่มีค่ากำมะถันลดลงถึง 5 เท่า อ้างอิงจากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการ

โดยการปรับลดปริมาณกำมะถันในน้ำมันดีเซลนี้ สามารถช่วยลดปัญหาฝุ่นละอองและก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ได้ เพราะกำมะถันในน้ำมันเมื่อถูกเผาไหม้จะเกิดเป็นซัลเฟตและจับกับมลพิษอื่น ทำให้เกิดเป็นฝุ่น PM 2.5

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาเดียวกัน ลูกค้าบางจากฯ สามารถนำใบเสร็จจากการเติมน้ำมันไปรับบริการตรวจเช็กสภาพรถฟรี 11 รายการ ได้ที่ FURiO Care และ Wash Pro สาขาที่ร่วมรายการ

พร้อมให้คำปรึกษาและคำแนะนำในการดูแลให้เครื่องยนต์ให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ปล่อยเขม่าที่เกิดจากการเผาไหม้อันเป็นสาเหตุของฝุ่น PM 2.5 โดยสามารถดูรายชื่อ FURiO Care และ Wash Pro ได้ที่ www.bcpcarcare.com

'สถาบันคุ้มครองเงินฝาก' เผย เงินฝาก ‘คนไทย’ เริ่มหดตัวตั้งแต่ปี 65 น่ากังวล!! ส่วนใหญ่มีแค่ 'เศษเงินติดบัญชี' มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท

(3 พ.ย. 66) นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคฝ.) กล่าวว่า สิ้นเดือน ส.ค. 2566 มีจำนวนผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 93.46 ล้านราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 0.05 ล้านราย คิดเป็นการเติบโต 3.37% โดยปัจจุบันวงเงินคุ้มครองเงินฝากตามที่กฎหมายกำหนดที่ 1 ล้านบาท ยังคงสามารถคุ้มครองผู้ฝากเงินได้เต็มจำนวน ครอบคลุมผู้ฝากเงินรายย่อยส่วนใหญ่ของประเทศ คิดเป็นสัดส่วน 98.08% ของผู้ฝากเงินที่ได้รับความคุ้มครองทั้งระบบ

ขณะที่จำนวนเงินฝากที่ได้รับความคุ้มครอง อยู่ที่ 15.96 ล้านล้านบาท ลดลง 1.32% ซึ่งเกิดจากปัจจัยความผันผวนทางเศรษฐกิจ

โดยในรายละเอียด พบว่า จำนวนผู้ฝากเงินที่มีเงินฝากไม่เกิน 50,000 บาท หรือส่วนมากไม่เกิน 5,000 บาท ในเดือน ส.ค. 2566 อยู่ที่ 81 ล้านราย จากทั้งหมด 93.46 ล้านราย เติบโต 4.45% ซึ่งในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มีเงินฝากไม่ถึง 5,000 บาท แต่จำนวนเงินฝากกลับเริ่มมีการหดตัวตั้งแต่ปี 2565 ที่ ติดลบ 0.63% และในเดือน ส.ค. 2566 ติดลบ 3.61%

ทั้งนี้ ผู้มีเงินฝากมากกว่า 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 1,000,000 บาท มีการปรับตัวลดลง ทั้งจำนวนเงินฝากและจำนวนผู้ฝากตลอดช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อผู้ฝากที่มีเงินฝากไม่มากนักจึงต้องนำเงินออมมาใช้จ่าย จนอาจทำให้สุขภาวะที่ดีทางการเงินอ่อนแอลงได้

เช่นเดียวกับผู้มีเงินฝากตั้งแต่ 1,000,000-5,000,000 บาท ก็เริ่มมีตัวเลขเงินฝากลดลงในปีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แรงกดดันจากภาวะสงคราม ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่าง ๆ ของโลก ต่างกำหนดนโยบายการเงินที่เข้มงวด เพื่อรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับสูง ส่งผลโดยตรงต่อการบริโภคและการลงทุน

‘พีระพันธุ์’ ยัน!! เร่งปรับปรุงกฎหมาย-โครงสร้างราคาน้ำมัน ชี้!! ต้องคุมให้ราคาน้ำมันนิ่ง-ไม่หวั่นต่อปัจจัยนอกประเทศ

(3 พ.ย. 66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ให้สัมภาษณ์ถึง การใช้เงินกองทุนน้ำมันมาสนับสนุนภาษีสรรพสามิต แก๊สโซฮอล์ลง 2.50 บาทต่อลิตร ว่า ไม่มีผลกระทบ ถ้ามีผลกระทบคงทำไม่ได้ แต่ถ้าสถานการณ์โลกทำให้ราคาน้ำมันปรับขึ้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งตนเคยพูดไปแล้วว่ามาตรการต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นมาตรการระยะสั้น ตนคิดว่า ต้องศึกษาปรับโครงสร้างแบบใหม่ ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาว่าเวลาราคาน้ำมันโลกลดลง หรือเกิดสถานการณ์ต่าง ๆ เราต้องเต้นตามกระแส เราควรหาทางทำให้ราคาพลังงานในประเทศนิ่งให้ได้ และทำให้ได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกลดลง ฉะนั้นการจะทำตรงนี้ได้ ต้องปรับปรุงกฎหมาย และรูปแบบการทำงาน หรือการกำหนดวิธีการดูแลระดับราคาพลังงานให้เป็นรูปแบบใหม่ ไม่ใช่แบบที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

รมว.พลังงงาน กล่าวถึงการสู้รบในประเทศอิสราเอลว่า ถ้ามีปัญหาแบบนี้ก็กระทบทั่วโลกอยู่แล้ว แต่คิดว่าทุกประเทศก็ต้องคิดเหมือนกันว่าเมื่อเจอปัญหาแบบนี้ จะดูแลและป้องกันคนของตัวเองอย่างไร ซึ่งประเทศไทยก็หนีไม่พ้น เราต้องมานั่งคิดว่าควรทำอย่างไร เมื่อเกิดเหตุต่าง ๆ เพื่อกำกับดูแลราคาพลังงานให้อยู่ในหลักที่ประชาชนไม่เดือดร้อน ไม่ใช่ปล่อยนิ่งให้อยู่แบบที่เป็นมา ไม่เช่นนั้นเราจะเจอผลกระทบอีกแบบหนึ่ง

“ขณะนี้ผมกำลังศึกษารูปแบบต่าง ๆ เพื่อจะเร่งดำเนินการปรับปรุงอยู่ ส่วนจะเป็นแนวทางใดยังพูดไม่ได้ ยังไม่สรุปว่า จะเป็นแบบไหน หากพูดไปก่อนอาจทำให้ข้อมูลสับสน เอาเป็นว่าตอนนี้กำลังหาวิธีการใหม่ในการรักษาระดับราคาพลังงาน ไม่ให้กระทบปัจจัยภายนอก” รมว.พลังงานกล่าว

'อนุทิน' ยัน 'ภท.' หนุนเต็มที่ดิจิทัลวอลเล็ต ชี้!! ผ่านขั้นครม. มาแล้ว ต้องสนับสนุน

(3 พ.ย. 66) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตถูกโจมตี ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลจะสนับสนุนโครงการดังกล่าวหรือไม่ ว่า พรรคร่วมรัฐบาลต้องปฏิบัติตามนโยบายของรัฐบาล ไม่อย่างนั้นจะเป็นพรรคร่วมได้อย่างไร 

อย่างกรณีนี้ถือเป็นนโยบายของพรรคแกนนำ ที่ต้องมีการหารือถึงนโยบาย งบประมาณ และวิธีการ กว่าจะมาถึงคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องผ่านกระบวนการทั้งหลายมาแล้ว เรามีหน้าที่ต้องให้การสนับสนุน

‘ซิซเลอร์’ เผย!! เทรนด์ทานที่ร้านกลับมาฮิต พร้อมขยายสาขาใน ‘ห้าง-หัวเมือง’ เพิ่ม ส่ง ‘3 เมนูสเต๊ก’ ไฮไลต์ ชิงดีมานด์ปลายปี มั่นใจ!! โตตามเป้าก่อนปี 67

(3 พ.ย. 66) นายอนิรุทร์ เดวิด คอลลินส์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอสแอลอาร์ที จำกัด (ซิซซ์เล่อร์) ภายใต้ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้ากว่า 90% ของฐานสมาชิกกว่า 4 แสนคน เข้ามาใช้บริการในรูปแบบไดน์อิน (Dine-in)

ปรากฏการณ์นี้ส่งผลให้ประสบการณ์ในทั้งการออกแบบและตกแต่งบรรยากาศร้าน รวมถึงเมนูอาหารมีความสำคัญมากขึ้น

ดังนั้นช่วงไฮซีซันไตรมาส 4 นี้จะใช้ กลยุทธ์ 'Festive Marketing' เชื่อมโยงเทศกาลเข้ากับเมนูอาหารและกิจกรรมส่งเสริมการตลาดหลากหลาย เพื่อดึงดูดผู้บริโภคที่ชื่นชอบการทานอาหารนอกบ้าน

มีไฮไลต์เป็น 3 เมนูสเต๊ก Festive Season ทั้งสำหรับการทานคนเดียวและเป็นกลุ่มประกอบด้วย สเต๊กปลากะพง และเบคอน (Bacon-Wrapped Sea Bass Steak), สเต๊กบีฟลอยน์ และเบคอน (Bacon-Wrapped Beef Loin Steak), สเต๊กเนื้อไพร์มริบ (สำหรับ 2 ท่าน) (Grilled Sous Vide Beef Prime Rib Cote De Boeuf)

เชื่อว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินธุรกิจในปีนี้คาดว่าจะเติบโตตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

ผู้บริหารซิซซ์เล่อร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2567 จะขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ห้างสรรพสินค้าและหัวเมืองสำคัญทั่วประเทศมากยิ่งขึ้น ควบคู่กับเมนูสเต๊กและสลัดบาร์ใหม่ ๆ

รวมถึงจัดกิจกรรมลอยัลตี้ โปรแกรมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกทุกระดับต่อเนื่อง ตามแผนเน้นสร้างประสบการณ์เอกซ์คลูซีฟ

มีดีต้องกล้าโชว์!! ‘อนุทิน’ ชม สินค้าไทยคือของดีน่าอวด แนะ รัฐบาลเร่งหาตลาดส่งออกเพิ่ม ปั้นสินค้าไทย สู่ Soft Power ระดับโลก

เมื่อไม่นานนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวชื่นชมสินค้าไทย โดยฝีมือของคนไทย มั่นใจว่าไม่แพ้ใครในโลก

“อย่าง OTOP สำหรับผม ผมว่าหลายอย่างงดงามระดับโลกเลยนะ ผ้าไทย ผมใส่โชว์เลย ก็มันสวย แล้วผมก็เป็นคนที่ภาคภูมิใจในการใช้ของไทยอยู่แล้ว ถ้าเรากล้าอวดซะอย่าง ของที่เราอวดมันก็มีคุณค่าขึ้นมาแล้ว ใครอยากจะปั้น Soft Power ไทย ต้องกล้าทำ กล้าโชว์ก่อน ถ้ามานั่งกล้าๆ กลัวๆ หรือที่แย่กว่าคือการด้อยค่ากันเอง แบบนั้นไปไม่รอด ถ้วยกาแฟใบโปรดของผมก็ซื้อจากงาน OTOP สวยงามมาก ผมยังโพสต์อวดอยู่เลย” นายอนุทินกล่าว

‘นายก’ มุ่งแก้ปัญหา ‘หนี้นอกระบบ’ เชิงรุก ให้ปชช. ชี้!! ตั้งใจให้เป็น ‘วาระแห่งชาติ’ พร้อมสั่งผู้เกี่ยวข้องเร่งแก้ที่ต้นทาง

(3 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) ระบุว่า...

“ความรับผิดชอบในการจัดการเรื่องหนี้นอกระบบ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ทุกฝ่ายต้องหาแนวทางในการแก้ไข เพราะเป็นปัญหาที่กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ซึ่งผมตั้งใจให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะในบางครั้งมีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่สูงเกินกฎหมาย และลูกหนี้ต้องรับภาระหนี้ ที่เกินเงินต้นเป็นจำนวนมากเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมได้สั่งการให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหาแนวทางในการจัดการแก้ไขหนี้สินรายย่อยเชิงรุก เพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินที่ต้นทางให้ประชาชนครับ”

‘เอ็กโก กรุ๊ป’ ปลื้ม!! ขายกรีนบอนด์ 7 พันล้านหมดเกลี้ยง เล็งนำเงินหนุนโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่ Net Zero

(3 พ.ย. 66) บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (หุ้นกู้กรีนบอนด์) เป็นครั้งแรก ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ รวมมูลค่า 7,000 ล้านบาท ด้วยยอดจองท่วมท้นกว่า 3 เท่าของมูลค่าการเสนอขาย สะท้อนความเชื่อมั่นต่อทิศทางการเติบโตของบริษัทสู่การพัฒนาพลังงานสะอาดและการบรรลุเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (2050)

นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า เอ็กโก กรุ๊ป ได้เสนอขายหุ้นกู้กรีนบอนด์เป็นครั้งแรก มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ต่อนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ในวันที่ 1-2 พฤศจิกายน 2566 และจัดออกหุ้นกู้ในวันที่ 3 พฤศจิกายน 2566 โดยได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากกว่า 80 ราย ที่แจ้งความจำนงความต้องการลงทุนเป็นจำนวนกว่า 20,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 3.15 เท่าของ มูลค่าการเสนอขายเดิมที่ 6,500 ล้านบาท 

บริษัทจึงเพิ่มหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoes) อีก 500 ล้านบาท เพื่อตอบสนองความต้องการและช่วยขยายฐานนักลงทุนใหม่ โดย นักลงทุนที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้ในครั้งนี้ ได้แก่ กองทุนภายใต้การบริหารของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันภัย ธนาคารพาณิชย์ กลุ่มสหกรณ์ และนักลงทุนประเภทอื่น ๆ

สำหรับหุ้นกู้กรีนบอนด์ของเอ็กโก กรุ๊ป เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ จำนวน 5 ชุด รวมมูลค่าทั้งหมด 7,000 ล้าน ประกอบด้วย 

หุ้นกู้อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.35% จำนวน 1,000 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 3.71% จำนวน 700 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.02% จำนวน 500 ล้านบาท 
หุ้นกู้อายุ 10 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.32% จำนวน 1,000 ล้านบาท
หุ้นกู้อายุ 15 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.65% จำนวน 3,800 ล้านบาท 

โดยหุ้นกู้กรีนบอนด์นี้ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ AA+ จากทริสเรทติ้ง และจัดออกภายใต้โครงการหุ้นกู้ของเอ็กโก กรุ๊ป ปี 2566 วงเงิน 30,000 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา ทำหน้าที่เป็น Joint Green Structuring Advisors และเป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ในครั้งนี้

“เอ็กโก กรุ๊ป ขอบคุณนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและจองหุ้นกู้กรีนบอนด์อย่างท่วมท้น โดยเฉพาะประเภทหุ้นกู้อายุ 15 ปี แม้สภาวะตลาดในปัจจุบันมีความผันผวนทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน การสนับสนุนดังกล่าวทำให้บริษัทมีต้นทุนทางการเงินที่เหมาะสม โดยบริษัทมีแผนจะนำวงเงินระดมทุนนี้ไปใช้ชำระคืนเงินทุนสำหรับโครงการเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมประเภทพลังงานหมุนเวียนที่มีอยู่เดิมของบริษัทและบริษัทในเครือ ภายใต้กรอบการจัดหาเงินทุนเพื่อโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ และขับเคลื่อนสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593 (2050)” นายเทพรัตน์ กล่าว

‘เศรษฐา’ เคาะ!! 10 พ.ย.นี้ แถลงดิจิทัลวอลเล็ตชัดเจน แย้มใช้ ‘แอปฯ เป๋าตัง’ ร่วม เพิ่มความสะดวกให้ประชาชน

(4 พ.ย. 66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างนั่งรถไฟขบวนพิเศษ 995 จากสถานีรถไฟกรุงเทพฯ (หัวลำโพง) ไปยังสถานีรถไฟแหลมฉบัง ต.ทุ่งสุขลา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ถึงความคืบหน้าเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า วันที่ 10 พ.ย.นี้ รู้เรื่องทุกอย่าง อย่างที่ตนเรียนแล้วไม่ได้ไปว่าใครที่ไปพูดอะไรทั้งสิ้น วันนี้การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ วันที่ 10 พ.ย.นี้ จะรู้ที่มาที่ไปทุกอย่าง มีขั้นตอนไทม์ไลน์กฎกติกาที่ชัดเจนและต้องให้เกียรติคณะกรรมการด้วย

ซึ่งตนอยากให้เป็นไปตามขั้นตอน เพราะเดี๋ยวจะเกิดความสับสน อย่างที่บอกเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเรื่องสำคัญ อาจจะมีความเห็นต่างบ้าง แต่ทุกคนก็ยอมรับว่าจะต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ลักษณะหรือขอบเขต หรือปริมาณการกระตุ้นเศรษฐกิจเท่าไหร่อย่างไรก็ต้องมาพูดคุยกัน อย่างที่ตนยืนยันตลอดเวลาว่าหากใครมีข้อเสนอแนะก็รับฟังตลอด และการรับฟังก็ไม่ใช่การรับฟังเฉยๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่านโยบายนี้ดูเหมือนจะเป็นการเดิมพันฝีมือก้าวต่อไปของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าให้ประชาชนเป็นคนตัดสินจะดีกว่า ทุกนโยบายสำคัญ และกรณีที่สื่อบางสำนักได้ทำโพลสำรวจมา เห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจปากท้องเป็นสิ่งสำคัญ ดิจิทัลวอลเล็ตก็เป็นเรื่องสำคัญ

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องหนี้ครัวเรือน ซึ่งตนก็ได้ประชุมไปแล้วในเรื่องของหนี้ครัวเรือน เรียกนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาหารือ และตนก็เป็นรมว.คลังด้วย เพราะเห็นว่าเรื่องนี้สำคัญ รวมไปถึง 30 บาทรักษาทุกโรค มีหลายเรื่องสำคัญ และเห็นว่าทุกเรื่องเป็นเดิมพันหมด แม้แต่เรื่องการบริหารจัดการน้ำก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะเกษตรกร 30-40 ล้านคน รอเรื่องนี้อยู่ ภาคอุตสาหกรรมและเรื่องอีอีซีก็เป็นเดิมพันด้วย ไม่มีเรื่องอะไรที่ตนจะด้อยค่า ซึ่งต้องทำเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง

วันนี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ก็ทำงานหนัก แต่เวลามีไมค์มาจ่อปากท่านก็ต้องตอบ แต่ก็เป็นเรื่องที่เราอยู่ระหว่างการทำงาน ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง พูดวันนี้อย่างแต่ก็อาจจะมีการเปลี่ยน แต่มาหาว่าท่านพูดกลับไปกลับมามันไม่ใช่ เพราะมันอยู่ระหว่างการคุย เวลาไปคุยกับแบงก์ชาติเขามีข้อเสนอกลับมา ก็กลับมาบอก เมื่อสื่อเอาไมค์จ่อปากเขาก็พูดว่ารับฟังแบงก์ชาติรับฟังสภาพัฒน์ฯ ก็มาบอกว่าพูดจาไม่รู้เรื่อง

นายเศรษฐากล่าวว่า เมื่อมีคำเตือนมาตนก็รับฟัง สื่ออาวุโสหลายท่านก็เตือนมา ผู้ว่าฯแบงก์ชาติก็บอกไม่ได้ติดอะไรแต่ให้ระวังในเรื่องนี้ ให้เขียนภาพระยะยาว เวลาที่ออกมาแล้วจะกระทบกับเศรษฐกิจในเชิงบวกอย่างไร รวมถึงการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจ ดังนั้นเวลาที่จะแถลงก็ต้องแถลงให้ครบทั้งหมด เมื่อเวลามีคำถามอะไรตนจะได้ตอบได้ แต่ก็เห็นใจนายจุลพันธ์ ทำงานหนักมาก ในฐานะที่ดูแลเรื่องนี้และไปคุยกับทุกภาคส่วน ขณะเดียวกันก็ยังมีกฤษฎีกาด้วย เยอะแยะเต็มไปหมด รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วย ที่เราได้หาเสียงและพูดอะไรไป ก็ต้องไปปรึกษาเมื่อมีข้อคิดเห็นมาเราก็ต้องฟัง

เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีมาจากนักธุรกิจประชาชนก็คาดหวังสูงในเรื่องเศรษฐกิจปากท้องจะดีขึ้น นายกรัฐมนตรีมีความตั้งใจแบบนั้นหรือไม่ว่าภายในกี่เดือนประชาชนจะยิ้มอย่างมีความสุข นายเศรษฐากล่าวว่า ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่ความตั้งใจของตนอยากให้ยิ้มทุกวัน อยากให้ยิ้มเร็วๆ ตนกระตือรือร้น มีความอยากจะทำ แต่ไม่ได้หมายว่าจะทำไม่ได้ นิสัยของตนไม่ใช่คนแบบนั้น ตนก็อยากทำให้ได้ ทุกคนก็รู้ดีมันไม่ได้อยู่ที่ตนคนเดียว ซึ่งก็มีปัญหาต่างๆเข้ามาและมีปัจจัยภายนอกรุมเร้าเยอะ

เมื่อถามว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าต้องระวัง ถอยหลังก็ไม่ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ถ้าพูดอย่างนั้นก็หมายความว่าตนมีความคิดที่จะถอยหลัง ตนไม่ได้คิดจะถอยหลังเลย ฉะนั้นจะต้องทำ และต้องทำออกไปให้ดีที่สุด ให้ถูกต้องตามกฎหมายที่สุด ให้คนได้รับผลประโยชน์สูงสุด ซึ่งสาธารณชนต้องเข้าใจด้วยว่าระบบนี้วิธีการนี้ ไม่มีการคอร์รัปชัน ในเชิงปฏิบัติไม่มีที่ให้ประชาชนต้องสงสัยว่าใครได้อะไร เป็นเรื่องที่ธรรมดา เรื่องทุจริต ประพฤติมิชอบ ตนก็ไม่สบายใจ แต่ไม่ต้องห่วง 

ส่วนแอปพลิเคชันเป๋าตังมีส่วนร่วมแน่นอน เพราะเป็นเรื่องของการให้ความสะดวกและง่ายให้กับประชาชนใช้นโยบายนี้ได้อย่างสบายใจ

ส่วนการกำหนดพื้นที่การใช้ หรือการระบุให้ถอนใช้เป็นเงินสด แล้วไปใช้ที่จังหวัดอื่น ตนบอกว่าไม่ได้ อย่างที่ จ.เชียงใหม่หรือ กทม. เมืองเหล่านี้มันเขียวอยู่แล้ว ตนอยากให้ไปใช้ในเมืองที่มีจีดีพีรายได้ต่อหัวต่ำ อยากให้หญ้าพื้นที่ตรงนั้นเขียว ก็จะทำให้ชุมชนและเศรษฐกิจพื้นที่เหล่านั้นเฟื่องฟูลืมตาอ้าปากได้ ส่วนที่มีการบอกว่าให้ไปซื้อของออนไลน์ได้นั่น ตนตอบไม่ได้หมดตรงนี้

นายเศรษฐา กล่าวว่า “มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำเรื่องใหญ่ๆ พวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีผู้มีความรู้ต่างๆมากมายที่ให้คำแนะนำ ซึ่งรัฐบาลเองก็ต้องรับฟังทุกส่วนและเป็นคนตัดสินว่าตรงไหนมีความเหมาะสมมากที่สุด ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะไม่ทำ ไม่รับฟังหรือดื้อที่จะทำ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เศรษฐศาสตร์ ไม่ใช่คณิตศาสตร์เพราะคณิตศาสตร์ 1+1 เป็น 2 ส่วนเศรษฐศาสตร์เขามีมุมมองแต่ละคนอย่าง ที่ตนคุยกับผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เราคุยกันแบบผู้ใหญ่ เราคุยกันด้วยความเข้าใจที่ตรงกัน ถามว่าเห็นตรงกันทุกเรื่องไหมก็ไม่ใช่ ตนก็ยอมรับ แต่เราคุยกันด้วยดี และมีความเข้าใจซึ่งกันและกัน สำคัญที่สุดอะไรต้องเดินไปข้างหน้าด้วยกัน วันนี้ประชาชนเดือดร้อนกันมากแล้วอย่างที่บอกไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าจีดีพีเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.8% มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องแก้ไขตรงนี้และทำให้และทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น”

นายกฯ กล่าวว่า เรามาวันนี้ มาตรงนี้เพื่อที่จะทำ ซึ่งเรื่องความยุติธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ต้องไม่ให้สังคมมีข้อกังขาก็พยายามทำให้ดีที่สุด หลายเรื่องก็ต้องพยายามทำไป วันเสาร์อาทิตย์รัฐมนตรีหลายท่านก็ทำงาน ไม่มีที่จะไม่เห็นความสำคัญเรื่องเหล่านี้

เมื่อถามว่านายกฯ ทำงานไม่เหน็ดไม่เหนื่อยตามที่เคยระบุไว้ใช่หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า “ไม่มีสิทธิ์เหนื่อย อาสาเข้ามาแล้วก็ต้องทำ ถ้าเหนื่อยก็พักไม่เป็นไร”

‘True’ แจง ‘Single Grid’ ช่วยเพิ่มคุณภาพเน็ตเร็วขึ้น 110% แถมเป็นการลดเสาซับซ้อน ที่อาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนได้

(5 พ.ย.66) ทรู คอร์ปอเรชั่น แจงข้อมูลประเด็นการรื้อถอนสถานีฐานกระทบคุณภาพความเร็วอินเทอร์เน็ต ชี้การทำ Single Grid ช่วยเพิ่มคุณภาพสัญญาณให้ครอบคลุม และประสิทธิภาพโดยรวมดีขึ้น

ซึ่งสำหรับโครงการรวมโครงสร้างเสาสัญญาณระบบโครงข่ายเดียว (Single Grid) โดยควบรวมสถานีฐานในพื้นที่เดียวกันผสานจุดแข็งเสาสัญญาณของทรูและดีแทค เพิ่มประสิทธิภาพการประสานการทำงานของโครงข่ายในทุกคลื่นสัญญาณ ลดเสาที่ซ้ำซ้อนและอาจก่อให้เกิดสัญญาณรบกวนลง 30%

โดยในการลดเสากระจายสัญญาณจะมีการนำอุปกรณ์สถานีฐานจากเสาเดิมย้ายไปติดตั้งในจุดใหม่ ทำให้ในภาพรวมจำนวนสถานีฐานไม่ได้ลดลง มีแต่การลดเสาสัญญาณที่อยู่ในพื้นที่ซ้ำซ้อน และอาจทำให้เกิดการรบกวนกันในพื้นที่

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังคงความเป็นผู้ให้บริการที่มีจำนวนเสาโทรคมนาคมมากที่สุดในประเทศ โดยการทดสอบพื้นที่ที่ทำระบบ Single Grid เสร็จสมบูรณ์พบว่าเน็ตมือถือเร็วขึ้นสูงสุดราว 110% พร้อมมุ่งสู่ผู้นำอันดับ 1 ด้านความเร็วในการให้บริการ 5G และ 4G ของไทย

ในส่วนของประเด็นเรื่องราคา ทรู คอร์ปอเรชั่น มุ่งหน้าสร้างประโยชน์สูงสุดทุกมิติเพื่อลูกค้ามากสุดในไทย ด้วยการนำเสนอแพกเกจที่มาพร้อมกับสิทธิประโยชน์สุดคุ้ม เพิ่มคุณค่าที่หลากหลายซึ่งตรงกับความต้องการไลฟ์สไตล์และทุกคนสามารถเข้าถึงได้

จาก 6 เดือนที่ผ่านมาหลังการควบรวมกิจการ ได้ผสานสร้างสรรค์สิทธิพิเศษที่ดียิ่งกว่าตรงใจยิ่งขึ้น โดยมีลูกค้าแลกรับสิทธิประโยชน์มากกว่า 120 ล้านสิทธิ และจำนวนรายการสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 54% ครอบคลุมสิทธิพิเศษที่หลากหลาย เช่น ร้านอาหารและบริการชื่อดัง บริการสุขภาพ ห้างร้าน ชอปปิ้งออนไลน์มากมาย พร้อมด้วยสิทธิประโยชน์ยอดนิยมอย่าง รับฟรีค่าเน็ต ค่าโทร และกิจกรรมลุ้นรับทองคำและของรางวัลใหญ่ให้แลกลุ้นกันทุกวัน เป็นต้น

ทั้งนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยืนยันคุณภาพสัญญาณมือถือ ลุยสร้างเครือข่ายที่เหนือกว่า เร่งเดินหน้าโครงการ ‘Single Grid’ เพื่อลูกค้ากว่า 50 ล้านราย บทพิสูจน์หลังควบรวมทรู-ดีแทค ยกระดับประสบการณ์สัญญาณมือถือ 5G และ 4G เผยใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยสู่การจัดการโครงข่าย ลดจุดเสาซ้ำซ้อน ไม่ลดสถานีฐาน เพิ่มความครอบคลุมพื้นที่ใช้งานทั่วไทย พร้อมประสานคลื่นความถี่ รวมพลังอัปเกรดสัญญาณอย่างรวดเร็วด้วยศักยภาพความพร้อมในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top