Thursday, 2 May 2024
EA

EA คว้า 3 รางวัลแห่งเกียรติยศ ‘Best Innovative Company Award’ ควบ 2 รางวัลผลงานดีเด่นจาก ‘SET Awards 2022’

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA คว้ารางวัล ‘Best Innovative Company Award’ พร้อมผลงานดีเด่น 2 รางวัล จากงาน ‘SET Awards 2022’ 

เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2565 นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เข้ารับรางวัล ‘Best Innovative Company Awards’ ในงาน ‘SET Awards 2022’ ที่จัดโดย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ วารสารการเงินธนาคาร โดยได้รับรางวัลจากผลงานนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนอมิตา (AMITA Li-ion Battery) 

สำหรับนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนอมิตา (AMITA Li-ion Battery) เป็นนวัตกรรมที่มีความโดดเด่นในการอัดประจุไฟฟ้าได้รวดเร็วภายใน 15-20 นาที มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน กักเก็บพลังงานได้สูง มีน้ำหนักเบา และยังเป็นนวัตกรรมที่สำคัญในการสร้างอุตสากรรมแบบ New S-Curve

‘ไทย สมายล์ บัส’ เข้ากลุ่ม EA ควบรวมรถ – เรือโดยสาร ยกระดับบริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า

ไทย สมายล์ บัส เข้าร่วมเป็นบริษัทในกลุ่ม EA สยายปีก ควบรวมรถโดยสารเข้ากับเรือโดยสารยกระดับการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษครบวงจร นำร่องช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมสะสม Carbon credit

(24 พ.ย.65) ณ ไทย สมายล์ บัส สาขาตลิ่งชัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทำพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา – อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งในวันดังกล่าว บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (หรือ 'ไทย สมายล์ บัส') ยังได้ประกาศผลสำเร็จในการขยายธุรกิจของบริษัทที่สามารถควบรวมกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 21 บริษัท ไว้เป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้แนวคิด Thai Smile as One ไทยสมายล์รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นผลให้กลุ่มไทย สมายล์ และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (หรือ 'BYD') ได้เข้าไปเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (หรือ “EA”) ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาดและด้านยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า EA มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะพัฒนาและส่งเสริมการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและ PM2.5 ตลอดจนลดต้นทุนพลังงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเพื่อการพาณิชย์ที่มีการใช้งานสูง เช่น รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก เป็นต้น EA ได้มองเห็นศักยภาพของ BYD ซึ่งมีการลงทุนในบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด อันเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของใบอนุญาตให้บริการรถโดยสารประจำทางจากกรมการขนส่งทางบกจำนวนรวมสูงถึง 80 เส้นทาง และกำลังจะลงทุนเพิ่มอีก 6 เส้นทาง โดยมุ่งเน้นให้บริการด้วยรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหลัก จึงนับว่ามีวิสัยทัศน์และแนวคิดที่สอดประสานกันกับกลุ่ม EA อย่างลงตัว จึงตัดสินใจนำบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน BYD ร้อยละ 23.63 คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997 ล้านบาท และมีการจัดโครงสร้างด้วยการขายกลุ่มธุรกิจให้บริการรถโดยสารในเครือ EA จำนวน 37 เส้นทาง และเรือโดยสาร 3 เส้นทาง ให้แก่ไทย สมายล์ บัส เพื่อให้มีการควบรวมกิจการในคราวเดียวกัน ส่งผลให้กลุ่มไทยสมายล์มีสายการเดินรถในกรุงเทพฯและปริมณฑลกว่า 120 เส้นทาง และเรือโดยสารอีก 3 เส้นทาง นับเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม EA ให้ครบวงจรอย่างแท้จริง และยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง อีกทั้ง EA ได้ร่วมมือกับ BYD ในโครงการขายคาร์บอนเครดิตกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมขึ้นอีกในอนาคตได้ ส่งเสริมให้กลุ่ม EA เป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเดินหน้าลงทุนในกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BYD ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในรูปเงินให้กู้ยืมถึง 8,550 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ทั้งในด้านเทคโนโลยี บุคลากร การวางแผนกลยุทธ์ การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ไทย สมายล์ บัสเชื่อมั่นว่า จะสามารถขยายการให้บริการแก่ประชาชนเพื่อตอบโจทย์ให้ทันใจต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้ตามแผน ทั้งนี้ ได้ประมาณการไว้ว่าต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 18,000 ล้านบาท และสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน มากกว่า 7,500 ตำแหน่ง

“เราจะเป็นผู้นำในการพลิกโฉมการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้เป็นเครือข่ายของระบบให้บริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้มลพิษและไร้ PM2.5 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และครบวงจรเป็นประเทศแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการให้บริการเส้นทางเดินรถและเดินเรือจำนวนกว่า 120 เส้นทาง เราได้นำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมต่อการเดินทางและการเก็บค่าโดยสารทางบกและทางน้ำเป็นโครงข่ายเดียวกัน  (หรือ Single Network) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล  ยกระดับคุณภาพการให้บริการและจัดระบบการควบคุมได้อย่างรัดกุมแบบรวมศูนย์ หรือ (Single Service) และจะนำระบบการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย ภายในโครงข่ายของกลุ่มไทยสมายล์ (หรือ Single Price) เพื่อลดภาระของผู้โดยสาร แนวคิด 3-Single นี้  จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคนต่อไป” นางสาวกุลพรภัสร์กล่าว

ไทย สมายล์ บัส เข้าร่วมกลุ่ม EA ควบรวมรถ – เรือโดยสาร ยกระดับระบบขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า

ไทย สมายล์ บัส เข้าร่วมเป็นบริษัทในกลุ่ม EA สยายปีก ควบรวมรถโดยสารเข้ากับเรือโดยสารยกระดับการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าไร้มลพิษครบวงจร นำร่องช่วยลดการปล่อย CO2 พร้อมสะสม Carbon Credit

ไม่นานมานี้ที่ไทย สมายล์ บัส สาขาตลิ่งชัน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ทำพิธีเปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งในวันดังกล่าว บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (หรือ ‘ไทย สมายล์ บัส’) ยังได้ประกาศผลสำเร็จในการขยายธุรกิจของบริษัทที่สามารถควบรวมกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารรวมทั้งสิ้น 21 บริษัท ไว้เป็นกลุ่มเดียวกันภายใต้แนวคิด ‘Thai Smile as One’ ไทยสมายล์รวมใจเป็นหนึ่ง เป็นผลให้กลุ่มไทย สมายล์ และบริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) (หรือ BYD) ได้เข้าไปเป็นบริษัทในกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (หรือ ‘EA’) ผู้นำด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาดและด้านยานยนต์ไฟฟ้า กล่าวว่า EA มีจุดยืนที่ชัดเจนที่จะพัฒนาและส่งเสริมการนำยานยนต์ไฟฟ้ามาใช้เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และ PM2.5 ตลอดจนลดต้นทุนพลังงานได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถเพื่อการพาณิชย์ที่มีการใช้งานสูง เช่น รถโดยสารประจำทาง รถบรรทุก เป็นต้น 

EA ได้มองเห็นศักยภาพของ BYD ซึ่งมีการลงทุนในบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด อันเป็นกลุ่มบริษัทที่เป็นเจ้าของใบอนุญาตให้บริการรถโดยสารประจำทางจากกรมการขนส่งทางบกจำนวนรวมสูงถึง 80 เส้นทาง และกำลังจะลงทุนเพิ่มอีก 6 เส้นทาง โดยมุ่งเน้นให้บริการด้วยรถโดยสารไฟฟ้าเป็นหลัก จึงนับว่ามีวิสัยทัศน์และแนวคิดที่สอดประสานกันกับกลุ่ม EA อย่างลงตัว จึงตัดสินใจนำบริษัทย่อยเข้าลงทุนใน BYD ร้อยละ 23.63 คิดเป็นมูลค่าซื้อหุ้นเพิ่มทุน 6,997 ล้านบาท และมีการจัดโครงสร้างด้วยการขายกลุ่มธุรกิจให้บริการรถโดยสารในเครือ EA จำนวน 37 เส้นทาง และเรือโดยสาร 3 เส้นทาง ให้แก่ไทย สมายล์ บัส เพื่อให้มีการควบรวมกิจการในคราวเดียวกัน 

ส่งผลให้กลุ่มไทยสมายล์มีสายการเดินรถในกรุงเทพฯ และปริมณฑลกว่า 120 เส้นทาง และเรือโดยสารอีก 3 เส้นทาง นับเป็นการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจที่เสริมศักยภาพในการพัฒนาธุรกิจด้านยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม EA ให้ครบวงจรอย่างแท้จริง และยังเป็นส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสทางธุรกิจจากการผลิตรถโดยสารไฟฟ้าของบริษัท แอ๊บโซลูท แอสเซมบลี จำกัด ให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคง 

อีกทั้ง EA ได้ร่วมมือกับ BYD ในโครงการขายคาร์บอนเครดิตกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มเติมขึ้นอีกในอนาคตได้ ส่งเสริมให้กลุ่ม EA เป็นผู้นำทางด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร

นางสาวกุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะเดินหน้าลงทุนในกิจการรถโดยสารและเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้าตามแผนที่วางไว้ โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก BYD ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในรูปเงินให้กู้ยืมถึง 8,550 ล้านบาท และยังได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ทั้งในด้านเทคโนโลยี บุคลากร การวางแผนกลยุทธ์ การบริหารจัดการอย่างมืออาชีพ และการสนับสนุนในทุกๆ ด้านที่สอดประสานกันอย่างเป็นระบบ ทำให้ไทย สมายล์ บัสเชื่อมั่นว่าจะสามารถขยายการให้บริการแก่ประชาชนเพื่อตอบโจทย์ให้ทันใจต่อความต้องการของผู้ใช้บริการได้ตามแผน ทั้งนี้ ได้ประมาณการไว้ว่าต้องใช้เงินลงทุนรวมทั้งสิ้นอีกกว่า 18,000 ล้านบาท และสามารถสร้างงาน สร้างอาชีพ ให้กับพี่น้องประชาชน มากกว่า 7,500 ตำแหน่ง

“เราจะเป็นผู้นำในการพลิกโฉมการให้บริการขนส่งมวลชนสาธารณะของกรุงเทพฯ และปริมณฑลให้เป็นเครือข่ายของระบบให้บริการขนส่งมวลชนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าที่ไร้มลพิษและไร้ PM2.5 มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และครบวงจรเป็นประเทศแรกและใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยการให้บริการเส้นทางเดินรถและเดินเรือจำนวนกว่า 120 เส้นทาง เราได้นำเทคโนโลยีมาใช้เชื่อมต่อการเดินทางและการเก็บค่าโดยสารทางบกและทางน้ำเป็นโครงข่ายเดียวกัน (หรือ Single Network) ครอบคลุมพื้นที่ทั่วกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ยกระดับคุณภาพการให้บริการและจัดระบบการควบคุมได้อย่างรัดกุมแบบรวมศูนย์ หรือ (Single Service) และจะนำระบบการคิดค่าโดยสารแบบเหมาจ่าย ภายในโครงข่ายของกลุ่มไทยสมายล์ (หรือ Single Price) เพื่อลดภาระของผู้โดยสาร แนวคิด 3-Single นี้ จะนำไปสู่การสร้างคุณค่าให้กับเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยทุกคนต่อไป” นางสาวกุลพรภัสร์ กล่าว

ปัจจุบัน กลุ่มไทยสมายล์เปิดให้บริการรถโดยสารสาธารณะแล้ว กว่า 70 เส้นทาง หรือกว่า 900 คัน โดยแบ่งเป็น รถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 35 เส้นทาง หรือจำนวนรถที่บริการ 612 คัน และรถโดยสารสาธารณะเอ็นจีวี 37 เส้นทาง หรือคิดเป็นจำนวนรถที่ให้บริการ 365 คัน สำหรับวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 นี้ เป็นวันที่เปิดให้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าสาย 515 เส้นทาง ศาลายา - อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งคาดว่า จะได้รับการตอบรับและการสนับสนุนจากผู้โดยสารเป็นอย่างดีดังเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และจากเสียงสะท้อนที่แสดงถึงความพึงพอใจในการใช้บริการรถโดยสารพลังงานไฟฟ้า 100% ของเรา กลุ่มไทยสมายล์จึงมีความยินดีที่จะแจ้งว่า เรามีแผนที่จะเปลี่ยนรถโดยสารทั้งหมด เป็นรถโดยสารพลังงานไฟฟ้าตั้งแต่ต้นปี 2566 เป็นต้นไป  

กระบะไฟฟ้าสัญชาติไทย EA ‘เผยโฉม-เปิดจอง’ MINE MT30 ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2022

‘EA’ ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าส่ง MINE Mobility เปิดโฉม พร้อมเปิดจอง MINE MT30 ครั้งแรกในงาน Motor Expo 2022 นี้

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ (EA) เดินหน้าเต็มสูบขับเคลื่อนธุรกิจผลิตยานยนต์ไฟฟ้า 100% โดยส่ง MINE Mobility บริษัทในกลุ่ม เปิดตัวและเปิดให้จองรถกระบะไฟฟ้า MINE MT30 ภายใต้แนวคิด ‘Driving Toward Net Zero by MINE MT30’ ตอกย้ำวิสัยทัศน์มุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero เพื่อสร้างความยั่งยืน เสริมความมั่นใจหลังการขายด้วยศูนย์บริการชั้นนำ Cockpit ที่มีจุดบริการครอบคลุมทั่วประเทศ

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ กล่าวถึง วิสัยทัศน์ของ EA ที่มุ่งเน้นด้านพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อพัฒนาธุรกิจขององค์กรให้ขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย Net Zero พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ล่าสุดเปิดตัวยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘MINE MT 30’ รถกระบะไฟฟ้าสัญชาติไทย 100% ประสิทธิภาพสูง ซึ่งผู้ประกอบการสามารถนำรถ ‘MINE MT30’ ไปใช้ได้หลายวัตถุประสงค์ ทั้งด้านโลจิสติกส์ ด้วยการดีไซน์เป็น Shutter Van หรือ Mobile Office หรือแม้แต่สามารถดัดแปลงเป็น Food Truck ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ได้ด้วย การทำเป็น Campervan เป็นต้น

MINE MT30 เป็นรถกระบะไฟฟ้าคุณภาพสูงที่พัฒนาขึ้นด้วยกลยุทธ์ Respect Environment กับแนวทางดำเนินงานตามกลยุทธ์ 5E

MEA - PEA - EGAT - OR - EA 5 พันธมิตร ผนึกกำลังยกระดับการให้บริการ EV พัฒนาแอปฯ ดูหมุดสถานีชาร์จข้ามค่ายได้แล้ว

MEA - PEA - EGAT - OR - EA นำร่องพัฒนาแอปฯ ยกระดับการให้บริการ EV ในประเทศไทย ดูหมุดสถานีชาร์จข้ามค่ายได้แล้ว

ไม่นานมานี้ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ 5 หน่วยงาน ได้แก่ การไฟฟ้านครหลวง / การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค / การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย / บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) และ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการแพลตฟอร์มกลางของสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อมุ่งเน้นให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้า 

โดยทั้ง 5 หน่วยงาน ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงโครงข่ายแอปพลิเคชันการจัดการสถานีอัดประจุไฟฟ้า เพื่อสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งในเฟสแรกของความร่วมมือดังกล่าวได้ร่วมกันพัฒนาให้ผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสามารถค้นหาพิกัดสถานีอัดประจุไฟฟ้าของทั้ง 5 หน่วยงาน ผ่านแอปพลิเคชันทุกเครือข่าย ได้แก่ MEA EV (MEA), PEA VOLTA (PEA), EleXA (EGAT), EV Station PluZ (OR) และ EA Anywhere (EA) ได้สำเร็จ และเปิดทดลองใช้งานเพื่อเก็บข้อมูลสำหรับพัฒนาในเฟสต่อไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

นายจาตุรงค์ สุริยาศศิน รองผู้ว่าการไฟฟ้านครหลวง (MEA) เปิดเผยว่า MEA ได้ส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 เป็นวาระครบรอบ 10 ปีที่ MEA ขับเคลื่อนเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับ EV มีโครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาครอบคลุมทั้งในด้านสถานีอัดประจุไฟฟ้า และรูปแบบยานยนต์ไฟฟ้าต่าง ๆ ตลอดจนการสร้าง MEA EV Application ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับผู้ใช้รถ EV อย่างครบวงจร ซึ่ง MEA พร้อมที่จะบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน

สมโภชน์ อาหุนัย นักธุรกิจพลังงานทดแทนแห่งปี

หากจะเอ่ยถึงนักธุรกิจด้านพลังงานในรอบปี 2565 ที่ผ่านมา ย่อมมีชื่อของ ‘สมโภชน์ อาหุนัย’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) อยู่ในนั้นอย่างแน่นอน

หนึ่งนั้น เพราะในปี 2565 สมโภชน์ ติดอันดับมหาเศรษฐีไทยอันดับที่ 6 โดยมีมูลค่าทรัพย์สิน 3.9 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.37 แสนล้านบาท โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขามาจาก บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจพลังงานทดแทน อาทิ ธุรกิจไบโอดีเซล ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 

ซึ่งธุรกิจข้างต้นนั้น ล้วนตั้งอยู่บนพื้นฐานธุรกิจแห่งความยั่งยืน หรือ BCG Model ที่สามารถสร้างเงินสร้างรายได้ ไปพร้อม ๆ กับช่วยโลกใบนี้

สมโภชน์ก่อตั้งบริษัท ‘บริษัท ซันเทคปาล์มออยล์ จำกัด’ ขึ้นมาเมื่อปี 2549 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด เป็นบริษัทพลังงานสะอาดที่เน้นเรื่องพลังงานทดแทน จากนั้นได้นำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ในปี 2556 และย้ายเข้ามาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ครั้งแรกเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2560 กระทั่งปัจจุบันบริษัทเติบโตจนมีมูลค่าสูงถึง 3.5 แสนล้านบาท

'EA' ร่วมกับ 'มูลนิธิหัวใจบริสุทธิ์' สนับสนุนเครื่องออกซิเจน มอบให้ 'มูลนิธิกระจกเงา' ต่อลมหายใจผู้ป่วยในชุมชน

(10 ก.พ.66) กลุ่มบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ สนับสนุนเครื่องผลิตออกซิเจนจำนวน 100 เครื่อง ประกอบไปด้วย เครื่องขนาด 5 ลิตร จำนวน 50 เครื่อง และเครื่องขนาด 10 ลิตร จำนวน 50 เครื่อง 

เจ้าแรกในเอเชีย!! EA ปลื้ม!! โครงการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตรถเมล์ EV ผ่านฉลุย พร้อมเดินหน้า ‘ลดก๊าซเรือนกระจก-มลพิษ’ ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล

บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ฉลุย!! โครงการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตรถโดยสารประจำทาง EV ของบริษัท ผ่านการอนุมัติจากรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์และรัฐบาลไทยเรียบร้อยแล้ว หวังช่วยลดก๊าซเรือนกระจกและมลพิษต่างๆ ในบริเวณจังหวัดกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล โดยเป็นโครงการแรกของทวีปเอเชียที่มีการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตภายใต้ความตกลงปารีส Article 6 ขณะที่ ‘Kilk Foundation’ เป็นผู้ให้การสนับสนุนด้านการเงินผ่านการซื้อคาร์บอนเครดิต ช่วยส่งเสริมให้โครงการมีสถานะการเงินที่แข็งแกร่งมากขึ้น 

นายฉัตรพล ศรีประทุม ผู้อำนวยการ ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า โครงการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตภายใต้ความตกลงปารีส Article 6 ของรถโดยสารประจำทาง EV นี้ เป็นโครงการอันดับแรก ๆ ของโลก และเป็นโครงการแรกของทวีปเอเชียโดยทาง EA มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการส่งเสริมความร่วมมือกันระหว่างประเทศในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม การเดินหน้าของโครงการเราจะเป็นการสนับสนุนให้เราก้าวเข้าสู่สังคมเศรษฐกิจแบบปลอดคาร์บอน และช่วยกระตุ้นบรรยากาศที่ดีสำหรับภาคเอกชนในการพัฒนากิจกรรมที่ช่วยรักษาและปกป้องสิ่งแวดล้อม

Mr. Michael Brennwald, Head International, Kilk Foundation กล่าวว่า โครงการแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตภายใต้ความตกลงปารีส Article 6 ของรถโดยสารประจำทาง EV นี้ เป็นโครงการนำร่องเพื่อการสนับสนุนกิจกรรมการรักษาสิ่งแวดล้อมแบบยั่งยืน การแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิตผ่าน Article 6 นั้นมีการร่วมกันพัฒนามาอย่างแข็งขันจากทุกภาคส่วน 

นอกจากนี้เรายังมองหาโอกาสในการร่วมมือกับภาคเอกชนในประเทศไทยและประเทศข้างเคียงเพื่อที่จะสร้างโครงการในการร่วมมือกันระหว่างประเทศกับสวิตเซอร์แลนด์ 

เติมอากาศ (ดี) ให้เพื่อนบ้าน EA 'เซ็น MOA - ร่วมมือ' รัฐบาลแห่ง สปป.ลาว 'ยกระดับ-พัฒนา EV' ช่วยลาวเดินหน้าสู่สังคมไร้มลพิษ

EA ร่วมมือรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว เซ็น MOA เพิ่มขีดความสามารถพลังงานสะอาด และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ครบวงจร ยกระดับ สปป.ลาว สู่สังคมไร้มลพิษ

เมื่อไม่นานมานี้ (10 มี.ค.66) ได้มีการจัดงานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Agreement) ว่าด้วย ความร่วมมือเพื่อการลงทุนในธุรกิจด้านพลังงานและกิจกรรมที่เกี่ยวข้องร่วมกับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว โดยกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) แห่ง สปป.ลาว จัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางด้านพลังงานสะอาด โครงสร้างสายส่ง และพัฒนาระบบขนส่ง EV เชิงพาณิชย์ของ สปป.ลาว อย่างครบวงจร เพื่อยกระดับสู่สังคมไร้มลพิษ ได้รับเกียรติจาก ฯพณฯ ท่านสะเหลิมไซ กมมะสิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ ของ สปป. ลาว เป็นประธานในพิธี โดยมี ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) และนายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)  ร่วมในพิธีลงนาม ณ โรงแรม ลาว พลาซ่า นครหลวงเวียงจันทน์ สปป. ลาว 

ดร. ภูทนูเพชร ไซสมบัตร รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน (กระทรวงการคลัง) สปป. ลาว ได้กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ จะเป็นขีดหมายสำคัญระหว่างภาครัฐและเอกชน ในการยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถทางด้านพลังงานและระบบขนส่งด้วยยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องของ สปป.ลาว ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) (EA) เปิดเผยว่า บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในบริษัทผู้นำด้านเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ และสิทธิบัตรที่หลากหลายในธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจน้ำมันชีวภาพ ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงการพาณิชย์แบบครบวงจรทั้งทางบกและทางน้ำ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า รวมถึงธุรกิจแบตเตอรี่และระบบกักเก็บพลังงานที่ทันสมัย โดยพัฒนานวัตกรรม Ultra Fast Charge Technology ที่สามารถอัดประจุไฟฟ้ายานยนต์ทุกชนิด 80% ในระยะเวลาเพียง 15-20 นาที บริษัทฯ มีความมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ กับรัฐบาลแห่ง สปป.ลาว จะประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ส่งเสริมให้ สปป.ลาว ก้าวสู่สังคมไร้มลพิษในอนาคตอันใกล้”

‘TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD’ จากงาน ‘THAILAND TOP COMPANY AWARDS 2023’

เมื่อไม่นานมานี้ นายวสุ กลมเกลี้ยง ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายพัฒนากลยุทธ์และวางแผนการลงทุน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้แทนบริษัทเข้ารับมอบรางวัล Thailand Top Company Award 2023 ประเภทความเป็นเลิศ ‘TOP INNOVATIVE COMPANY AWARD’ จาก ฯพณฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม วัฒนชัย องคมนตรี โดยรางวัลดังกล่าวมอบให้กับสุดยอดองค์กรธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมและมีความเป็นเลิศด้านการพัฒนานวัตกรรมโดยฝีมือคนไทย อันเป็นคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งถือเป็นองค์กรต้นแบบที่ดำเนินธุรกิจพลังงานสะอาด สู่ระบบกักเก็บพลังงาน แบตเตอรรี่ลิเทียมไอออน อมิตา เทคโนโลยี และธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ MINE Mobility ด้วยกลยุทธ์ Ultra-Fast Charge Solution สู่การเป็นผู้นำระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (Ecosystem) อย่างครบวงจร อันเป็นนวัตกรรมที่พัฒนาโดยฝีมือคนไทยที่จะช่วยสร้างอุตสาหกรรมใหม่ให้กับประเทศไทยบนพื้นฐานความยั่งยืน


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top