Thursday, 2 May 2024
EA

‘EA - บลูเทคซิตี้’ มอบทุนการศึกษา ปี 2566 พัฒนาศักยภาพกำลังบุคลากรด้านพลังงานสะอาด

(24 ก.ค. 66) กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ (EA) เดินหน้าเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพกำลังบุคลากรคุณภาพ ด้วยวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นสร้างความยั่งยืน ด้านพลังงานสะอาดให้กับประเทศไทย ได้จัดพิธีมอบทุนการศึกษา ประจำปีการศึกษา 2566 ภายใต้โครงการทุนการศึกษา กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เพื่อการพัฒนาบุคลากร เขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก (EEC) และทุนการศึกษา โครงการ Star of the Future ให้กับนิสิตและนักศึกษา ในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) หลักสูตรทวิภาคี ภายใต้ทุน EEC จำนวน 14 ทุน และระดับปริญญาตรี หลักสูตรสหกิจศึกษา ภายใต้ทุน EEC จำนวน 9 ทุน และ ทุน Star of the Future หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต จำนวน 6 ทุน รวมเป็นทุนการศึกษาทั้งสิ้นกว่า 4,800,000 บาท ณ ห้องประชุมโชคอนันต์ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ. ฉะเชิงเทรา 

โดยภายในงาน คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ เป็นประธานในพิธี ร่วมกันกับ นางสาว กุลพรภัสร์ วงศ์มาจารภิญญา ประธานผู้บริหารนิคมอุตสาหกรรมฉะเชิงเทราบลูเทคซิตี้ โดยมี นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา ให้เกียรติกล่าวให้โอวาทแก่นิสิตและนักศึกษา ทุนการศึกษานี้ครอบคลุมค่าธรรมเนียมการศึกษาตลอดหลักสูตร เบี้ยเลี้ยง และที่สำคัญคือ การให้โอกาสเข้าฝึกงานกับกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ สถานประกอบการที่มีมาตรฐานสากล ซึ่งจะเป็นการสร้างความพร้อมและพัฒนาทักษะความสามารถก่อนที่จะเข้าสู่โลกการทำงานหลังสำเร็จการศึกษาต่อไป

ร่วมโปรโมต ‘EV Smart Building’ ณ อาคารจอดรถรามาธิบดี-พลังงานบริสุทธิ์

(27 ก.ค. 66) สาวงามผู้เข้าประกวดเวทีนางสาวถิ่นไทยงาม กว่า 23 คน เดินสายร่วมโปรโมต ‘EV Smart Building’ by EA Anywhere อาคารต้นแบบแห่งแรกที่ติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ามากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน เป็นจำนวน 578 เครื่อง เดินหน้าส่งเสริมความยั่งยืนด้านพลังงาน ภายใต้แนวคิด ‘Sustainable Beauty’ พลังแห่งความงามที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยมี ศ. นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วยผู้บริหารกลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ ให้การต้อนรับ ณ อาคารจอดรถรามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์

อนึ่ง สำหรับประชาชนที่มารับบริการที่โรงพยาบาลรามาธิบดี สามารถนำรถยนต์ (เฉพาะรถยนต์เท่านั้น) เข้าจอดได้ที่อาคารจอดรถรามาธิบดี - พลังงานบริสุทธิ์ ได้ทุกวัน เวลา 05.00 - 21.00 น. โดยไม่สามารถจอดรถยนต์ค้างคืนได้ ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติม www.eaanywhere.com

‘EA’ ผนึก ‘EVE-Sunwoda’ ยักษ์ใหญ่ด้านผลิตแบตเตอรี่  ร่วมศึกษา-จัดตั้งโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในไทย

เมื่อไม่นานมานี้ นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า EA ได้ลงนาม MoU กับ EVE Energy Co.,Ltd. (EVE) และ MoU กับ Sunwoda Mobility Energy Technology Co.,Ltd. (Sunwoda) ซึ่งเป็น 2 พันธมิตรผู้ผลิตแบตเตอรี่รายใหญ่ของจีน ที่สนใจการขยายตลาดแบตเตอรี่ในไทย เพื่อร่วมศึกษาและจัดตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่กำลังผลิตเริ่มต้นที่ 6 GWh ในประเทศไทย โดยคาดว่าผลจากการศึกษานี้จะนำไปสู่การจัดตั้งโรงงานผลิตเซลล์แบตเตอรี่ขั้นสูงด้วยต้นทุนที่สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมแบตเตอรี่เพื่อยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) และระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (Energy Storage System : ESS) เพื่อรองรับความต้องการของแบตเตอรี่ในกลุ่มบริษัท EA รวมถึงตลาดแบตเตอรี่ในประเทศไทยและอาเซียน โดยเฉพาะเพื่อป้อนเข้าโรงงานผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าที่ได้มีการลงทุนตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง

เมื่อผลการศึกษาวิจัยครั้งนี้ประสบความสำเร็จ EA จะนำเสนอ บริษัท Amita Technology (Thailand) Co.,Ltd เข้าร่วมการลงทุนกับพันธมิตรจีน เพื่อสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ แบบ Prismatic Battery Cell โดยใช้เทคโนโลยีกระบวนการผลิตระบบอัตโนมัติขั้นสูงและมีข้อได้เปรียบทางด้านต้นทุนวัตถุดิบต่ำจากพันธมิตรจีนที่มี Raw material supply chain ครบวงจร มีการวิจัยพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่ที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่สูง ซึ่งรวมถึงการต่อยอดการผลิตแบตเตอรี่แพ็ค เพื่อให้มีต้นทุนรวมในการผลิตแบตเตอรี่ใกล้เคียงกับต้นทุนแบตเตอรี่ที่ผลิตจากจีน โรงงานนี้จะผลิตเซลล์แบตเตอรี่ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในไทยและรองรับความต้องการใช้แบตเตอรี่ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน

โดยการวิจัยและพัฒนาเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายลูกค้าผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และการผลิตระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า (ESS) โดยระยะเริ่มต้นดำเนินกำลังการผลิต 6 กิกะวัตต์ชั่วโมง ในประเทศไทย เพื่อตอบรับสนับสนุนนโยบาย 30@30 ทั้งนี้ นโยบายส่งเสริมการลงทุนผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าจากภาครัฐจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยทำให้การดำเนินโครงการนี้มีความเป็นไปได้ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ร่วมทุน ดังนั้น ภาครัฐควรมีมาตรการเร่งรัดและผลักดันนโยบายนี้ออกมา เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตแบตเตอรี่ Lithium-ion และก้าวไปเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียนในอนาคต

โดย EVE Energy Co.,Ltd. (EVE) ดำเนินธุรกิจด้านการให้บริการเทคโนโลยีด้านแบตเตอรี่ Lithium-ion อันดับ 3 ของจีน มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ไม่น้อยกว่า 360 GWh โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยนำมาใช้อย่างแพร่หลายในด้าน Internet of Things (IoT), ยานยนต์ไฟฟ้า และด้าน Energy Storage System (ESS) ซึ่งให้บริการแก่แบรนด์รถยนต์ชั้นนำระดับโลก เช่น BMW, Daimler, Hyundai และ Jaguar Land Rover รากฐานการขายทั่วโลกของบริษัทได้ขยายไปยังสหรัฐอเมริกา เยอรมนี มาเลเซีย และภูมิภาคอื่นๆ นอกจากนี้ บริษัทยังเป็น 1 ใน 10 บริษัทชั้นนำของโลกในด้านการให้บริการติดตั้งแบตเตอรี่

ขณะที่ Sunwoda Mobility Energy Technology Co.,Ltd. (Sunwoda) ถือเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ Lithium-ion สำหรับ EV อันดับ 5 ในประเทศจีนและอันดับ 9 ในตลาดโลก มีกำลังการผลิตแบตเตอรี่ต่อปีมากกว่า 100 GWh และจะเพิ่มเป็น 138 GWh ภายในปี 2568 ตลอดจนมีแผนในการเข้าสู่ตลาดยุโรปและการสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในฮังการี โดย Sunwoda ได้รับการยอมรับในการเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ชาร์จเร็ว, แบตเตอรี่ PHEV/HEV ตลอดจนแบตเตอรี่ Super-Fast Charge SFC480 นอกจากนี้ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Tier 1 ของ Benchmark ในกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่สำหรับยานยนต์ ได้แก่ Dongfeng Maxus, Geely, Li Auto, Huawei, XPeng, Renault และ Nissan เป็นต้น

‘EA’ จับมือ ‘กรมอนามัย’ หนุนการใช้รถยนต์ EV ติดตั้งสถานีชาร์จแห่งแรกในกระทรวงสาธารณสุข

บจก.พลังงานมหานคร บริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จับมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ผลักดันการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมจัดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นองค์กรภาครัฐต้นแบบในการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อวันนี้ 4 ส.ค. 66 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า “ในการเป็นประธานลงนามความร่วมมือโครงการสถานีชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าระหว่างกรมอนามัย และ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด ณ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ว่า จากรายงาน Biennial update report ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในปี 2565 พบว่า ก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในประเทศไทยประมาณร้อยละ 70 มาจากภาคพลังงานและภาคขนส่ง โดยเฉพาะ PM2.5 ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ ทั้งนี้กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข จึงให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ พร้อมสนับสนุนการเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งนโยบายรถไฟฟ้า (EV : Electric Vehicle) ถือเป็นมาตรการหนึ่งที่สำคัญของประเทศในภาคพลังงานและขนส่ง เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดมลพิษทางอากาศ และลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนในระยะยาว”

“กรมอนามัย จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท พลังงานมหานคร จำกัด วางโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน รวมทั้งจัดตั้งสถานีอัดชาร์จสำหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแห่งแรกของกระทรวงสาธารณสุข เพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคลากรในกระทรวงสาธารณสุข และประชาชนทั่วไป ได้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น ก่อนนำไปสู่การขยายผลให้ครอบคลุมพื้นที่อื่น ๆ รองรับการใช้งานของประชาชนในอนาคต ที่จะช่วยกันลดปัญหาสิ่งแวดล้อม สร้างอากาศที่บริสุทธิ์ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของคนไทยต่อไป” กล่าวปิดท้าย

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) กล่าวว่า “กลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ได้มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจ ‘Green Product’ โดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงานสะอาด มากกว่า 15 ปี ทั้งด้านพลังงานทดแทน พลังงานหมุนเวียน และปัจจุบัน EA ซึ่งเป็นบริษัทไทยบริษัทแรกที่มีการเริ่มต้นพัฒนานวัตกรรมพลังงานไฟฟ้าด้วยฝีมือคนไทย ทั้งธุรกิจแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งสถานีชาร์จ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของยานยนต์ไฟฟ้า โดยปัจจุบัน EA เป็นผู้นำด้านการให้บริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ EA Anywhere มากกว่า 5 ปี เปิดให้บริการแล้วกว่า 490 สถานี รวม 2,460 หัวชาร์จ ทั้งสถานีระบบ Normal Charge และ EA ได้คิดค้นนวัตกรรมการชาร์จที่มีประสิทธิภาพสูง ใช้เวลาเพียง 15 - 20 นาที ด้วยเทคโนโลยี Ultra-Fast Charge เพื่อตอบสนองต่อความต้องการ ในการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น สร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV ECOSYSTEM) ที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าระดับสากล

ดังนั้น โครงการดังกล่าว จึงถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญ ที่ EA และ กรมอนามัย หน่วยงานราชการที่มีเจตนารมณ์เดียวกันกับบริษัทฯ ในการร่วมเดินหน้าส่งเสริมสถานีชาร์จสําหรับรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าภายในพื้นที่กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาด  ช่วยลดปัญหามลภาวะทางอากาศ และฝุ่น PM 2.5 ให้กับชุมชนและสังคม สร้างสุขภาพอนามัยที่ดีต่อทุกคน ทั้งยังส่งเสริมให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้เร็วยิ่งขึ้น สนับสนุนขับเคลื่อนให้เกิดเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพสิ่งแวดล้อมไทยที่ยั่งยืน

‘EA’ เตรียมขายกรีนบอนด์ 3 รุ่น อายุ 1-5 ปี อันดับเครดิต A- ผลตอบแทน 3.20 - 4.15% ต่อปี

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาด โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เตรียมแผนเสนอขายหุ้นกู้ให้กับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน (Public Offering) จำนวน 3 รุ่น ผ่านสถาบันการเงินชั้นนำ 6 แห่ง โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการจัดอันดับเครดิตจากทริสเรทติ้ง เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2566 ที่ระดับ A- สะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลเพื่อออกและเสนอขายหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือที่รู้จักกันในชื่อ กรีนบอนด์ (Green Bond) ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เรียบร้อยแล้ว โดยหุ้นกู้ที่จะเสนอขายให้กับผู้ลงทุนทั่วไปมีจำนวน 3 รุ่น คือ 

1.หุ้นกู้รุ่นอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.20 - 3.40%  
2.หุ้นกู้รุ่นอายุ 3 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.50 - 3.70%  
3.รุ่นกู้รุ่นอายุ 5 ปี อัตราผลตอบแทนระหว่าง 3.95 - 4.15%  

ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยและวันจำหน่ายที่แน่นอน บริษัทฯ จะประกาศให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ผ่าน 6 สถาบันการเงินชั้นนำ”

“บริษัทฯ เป็นผู้นำในธุรกิจพลังงานสะอาดในระดับภูมิภาค มีกระแสเงินสดที่แข็งแรงจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด ‘MISSION NO EMISSION’ โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์กำลังการผลิตเริ่มต้นที่ 1 GWh และกำลังขยายกำลังการผลิตที่ 4 GWh ในช่วงไตรมาสที่ 2/2567 อีกทั้งมีโรงผลิตและประกอบยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์มีกำลังการผลิตสูงสุด 9,000 คันต่อปี โดยที่ผ่านมา EA ได้ส่งผลิตภัณฑ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง เช่น รถโดยสารไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า เรือโดยสารไฟฟ้า ตลอดจนมีสถานีชาร์จ ยานยนต์ไฟฟ้ากว่า 490 สถานี ครอบคลุมทุกภูมิภาค จึงมั่นใจว่าการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุนเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา และเชื่อว่า หุ้นกู้ EA ที่จำหน่ายในครั้งนี้จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ลงทุนต้องการลงทุนในกิจการที่มีความมั่นคง และต้องการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้” นายอมรกล่าวเพิ่มเติม

สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2566 มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 16,860.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 6,589.79 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 64.16 โดยในไตรมาสที่ 2/2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม จำนวน 7,956.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,502.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.88 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,454.07 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากธุรกิจรถโดยสารไฟฟ้าและรถเพื่อการพาณิชย์ ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน รวมถึงธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 

นอกจากนี้ นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) ยังได้รับโล่เชิดชูเกียรตินักบริหารดีเด่นแห่งปี 2566 สาขาบริหารและพัฒนาองค์กรและรางวัล CEO Awards จากความมุ่งมั่นกว่า 15 ปีในการดำเนินธุรกิจ ‘Green Product’ ได้แก่ ธุรกิจไบโอดีเซล, ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และ ธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า สามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมพลังงานสะอาดให้เป็นที่ยอมรับในระดับประเทศและระดับสากล ทำให้องค์กรให้เติบโตควบคู่ไปกับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ EA ได้รับรางวัลด้านองค์กรยอดเยี่ยม ได้แก่ รางวัล Most Innovative Energy Solution Provider Thailand 2021 โดย World Business Outlook, รางวัล Outstanding Company Performance Award 2022 ในกลุ่มบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดสูงกว่า 100,000 ล้านบาท โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร 

รางวัลในประเภทนวัตกรรมยอดเยี่ยมด้านผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อ ได้แก่ รางวัล Emerging Technology of the Year : The 2020 Global Energy Awards ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดย : S&P Global Platts, รางวัลนวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี ผลงานเรือโดยสารไฟฟ้า MINE Smart Ferry โดยสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน), รางวัล Best Innovative Company Award 2022 ผลงานนวัตกรรมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน AMITA Technology (Thailand) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและวารสารการเงินธนาคาร อีกทั้งบริษัทฯ ได้รับการประเมินเป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืน MSCI ESG Ratings 2023 : A โดย : MSCI และสมาชิกดัชนีวัดความเสมอภาคทางเพศ Bloomberg Gender Equality Index (GEI) โดย : Bloomberg

ปัจจุบัน บริษัทฯ อยู่ระหว่างการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ซึ่งยังไม่มีผลบังคับใช้ สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจจองซื้อหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.sec.or.th หรือติดต่อผ่านสถาบันการเงินทั้ง 6 แห่ง ดังนี้

-ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ยกเว้นสาขาไมโคร โทร. 1333 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน Bualuang mBanking
-ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ โทร. 02-777-6784 หรือจองซื้อทางออนไลน์ผ่านแอป SCB EASY
-ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โทร. 02-626-7777 (โดยบุคคลธรรมดาสามารถจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน แอปพลิเคชัน - CIMB Thai Digital Banking ได้อีก 1 ช่องทาง)
-บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โทร. 02-658-5050
-บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 02-846-8675
-บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) โทร. 02-820-0410

‘EA’ ผนึกเครือข่ายพันธมิตร จัดกิจกรรม ‘วิทยาศาสตร์พลเมือง’ เรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ สร้างความยั่งยืนให้ป่าชายเลน

เมื่อไม่นานมานี้ บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด เดินหน้าอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตามกลยุทธ์ EA Go Green Clean Energy ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมวิทยาศาสตร์พลเมือง (Citizen Science) มุ่งมั่นส่งเสริมความหลากหลายทางชีวภาพ ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ กองทัพบก (บางปู) จัดขึ้นโดย สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พร้อมด้วยเครือข่ายภาคเอกชน และพันธมิตร

นายฉัตรพล ศรีประทุม ผู้อำนวยการ โครงการกลยุทธ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาอย่างยั่งยืน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ เป็นผู้แทน EA ร่วมผลักดันกิจกรรมวิทยาศาสตร์พลเมือง เรียนรู้ความหลากหลายทางชีวภาพ พร้อมด้วยภาคีเครือข่ายจากภาคธุรกิจจำนวน 6 หน่วยงาน ประชาชน และสื่อมวลชนกว่า 150 คน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้ธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพ ผ่านกิจกรรมวิทยาศาสตร์พลเมือง โดยมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดงานดังกล่าว โดยภายในงานได้มีกิจกรรมสร้างความรู้ ความเข้าใจและตระหนักในคุณค่าความหลากหลายทางชีวภาพ ดังนี้

- Exploring Nature by Technology สร้างการเรียนรู้ระบบคลังข้อมูลความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศ (Thailand Biodiversity Information Facility: TH-BIF) และ TH-BIF Journey แอปพลิเคชัน เพื่อการสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพ

- Anyone can be Citizen Science เรียนรู้ความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน และภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ

- Nature Walk, Nature Talk ให้ความรู้เบื้องต้นผ่านการสังเกต ศึกษา และสำรวจความหลากหลายทางชีวภาพของพืช สัตว์ และระบบนิเวศ ควบคู่ไปกับการทดลองใช้งาน แอปพลิเคชัน TH-BIF Journey 

- Art and Science เชื่อมโยงศิลปะกับวิทยาศาสตร์ การบันทึกธรรมชาติ ผ่านภาพวาด และเทคนิคการถ่ายภาพ

นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทพลังงานบริสุทธิ์ ตระหนักถึงความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตที่อาศัยและสุขภาพของระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมที่ร่วมกันส่งผลให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพในวงกว้าง ดังนั้นเราจึงมุ่งมั่นที่จะจัดการและดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมฯ ตลอดจนรวมการพิจารณาและประเมินความหลากหลายทางชีวภาพเข้ากับกระบวนการทำงานของเรา รวมถึงได้มีการสำรวจความหลากหลายของชนิดพันธุ์และเส้นทางการบินของนกแต่ละชนิดในพื้นที่โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม และได้สำรวจความหลากหลายของพืชพรรณโดยใช้รูปแบบทุติยภูมิ ภาพถ่ายดาวเทียมและการสำรวจในพื้นที่ ตลอดจนการนำเทคโนโลยีมาพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดในการขับเคลื่อนการยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาวและเกิดความยั่งยืน

‘รถโดยสารไฟฟ้า’ หนึ่งในกุญแจสำคัญพาเมืองไร้มลพิษ ช่วยปลดล็อกปัญหาโลกร้อน - ส่งมอบอากาศใสบริสุทธิ์

ปัญหาโลกร้อน มลพิษทางอากาศ ถือเป็นปัญหาที่ผู้คนทั้งโลกกำลังเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในขณะเดียวกันก็เริ่มตระหนักและมองหาทางออกที่ยั่งยืน เพื่อรักษาอุณหภูมิและสภาพแวดล้อมของโลกให้คงความเหมาะสมสำหรับอยู่อาศัยกันต่อไป

ทางออกที่มองหาจนเจอก็คือการพาโลกทั้งใบไปสู่ ‘สังคมคาร์บอนต่ำ’ โดยมีตัวแปรสำคัญคือ ‘พลังงานสะอาด’ ที่จะมาทำหน้าที่ทดแทนพลังงานรูปแบบเดิม (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน) แต่มีประสิทธิภาพไม่ด้อยไปกว่ากัน

และหากมองกระแสโลกในปี 2023 ก็พอจะเห็นว่า ‘พลังงานไฟฟ้า’ กำลังได้รับความสนใจจากคนทุกกลุ่ม และหลาย ๆ อุตสาหกรรมพยายามประยุกต์ใช้พลังงานไฟฟ้า เนื่องจากเห็นประโยชน์และศักยภาพที่คุ้มค่า แต่ที่เห็นได้ชัดก็คงเป็นเรื่องของ ‘ยานพาหนะ’ ที่ตอนนี้มีหลายเจ้ายานยนต์ได้เปิดตัวอวดโฉม ‘รถยนต์พลังงานไฟฟ้า’ ในค่ายของตัวเอง แถมมียอดจับจองถล่มทลาย

แต่การใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลก็ยังมีข้อจำกัดในเรื่อง ‘จำนวนผู้โดยสาร’ ที่บรรจุได้เพียงไม่กี่คนต่อหนึ่งเที่ยว (บางครั้งก็แค่ 1 คน 1 คัน) และหากทุกคนหันมาเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลกันหมด เราก็คงจะได้เห็นภาพท้องถนนที่เต็มไปด้วยรถยนต์ที่ขยับทีละ 2 เมตรก็ต้องจอดนิ่งเหมือนเดิมแน่

หนทางเลี่ยงเหตุการณ์น่าสะพรึงแบบนั้นก็คงต้องหันหน้าเข้าหา ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ หรือ e-Buses เพราะนอกจากจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดฝุ่น-มลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง เป็นยานพาหนะที่เข้าถึงคนได้จำนวนมาก บรรทุกผู้โดยสารต่อรอบได้เยอะกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล และหากมีระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมีประสิทธิภาพ ก็จะช่วยลดการใช้รถยนต์ส่วนตัวและหันมาใช้บริการรถโดยสารสาธารณะกันมากขึ้น ทำให้ปริมาณความหนาแน่นบนท้องถนนลดลงด้วย

ซึ่งแนวโน้มการหันมาใช้รถโดยสารไฟฟ้าก็พอจะเด่นชัดมากขึ้น สอดคล้องกับรายงานที่น่าสนใจของ Bloomberg ที่คาดว่าภายในปี 2040 หรืออีก 17 ปี ข้างหน้า รถโดยสารสาธารณะทั่วโลกจะถูกปรับเปลี่ยนเป็น ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ ในสัดส่วนมากกว่า 67% ของรถโดยสารทั้งหมด

แน่นอนกว่า หากมีปัจจัยอื่น ๆ หนุนนำให้สังคมโลกนิยมใช้รถโดยสารไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น เช่น ระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพ นวัตกรรมทันสมัยที่เกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้า ก็คงได้เห็นรถโดยสารไฟฟ้าวิ่งให้บริการมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งในหลาย ๆ ประเทศ ก็เริ่มเดินหน้าจัดหารถโดยสารพลังงานไฟฟ้ามาวิ่งให้บริการประชาชนในประเทศกันแล้ว

เอาล่ะ!! มองกลับมาที่ ‘เมืองไทย’ ของเราก็ไม่น้อยหน้าต่างประเทศเหมือนกัน ทั้งภาครัฐและเอกชนก็เริ่มตื่นตัวและให้ความสนใจกับรถโดยสารไฟฟ้าแล้ว ซึ่งหากได้ยืนรอรถที่ป้ายรถเมล์สักแห่งในกรุงเทพฯ หรือแม้แต่สัญจรบนท้องถนนทุก ๆ วัน ก็ต้องสะดุดตากับรถโดยสารไฟฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่วิ่งมาจอดเทียบป้ายอยู่เรื่อย ๆ แถมยังมีหลากหลายเส้นทางให้บริการด้วย

หากเพ่งมองให้ดีจะพบว่า ‘รถโดยสารไฟฟ้า’ สีน้ำเงินเข้มนี้เป็นของ ‘ไทย สมายล์ บัส’ ตอนนี้ให้บริการครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ และพื้นที่ปริมณฑล ภายใต้สโลแกน “เดินทางด้วย รอยยิ้ม ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” 

ซึ่งก็เป็นการ ‘ใส่ใจสิ่งแวดล้อม’ ที่เห็นเป็นรูปธรรม เพราะการใช้รถโดยสารไฟฟ้าจะไม่เพิ่มมลพิษทางอากาศ ไม่ปล่อยฝุ่น PM2.5 หรือควันสีดำเหม็น ๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อระบบทางเดินหายใจ

ทั้งนี้ รถโดยสารไฟฟ้า 1 คัน สามารถลดก๊าซคาร์บอนฯ ได้มากถึง 72 ตันคาร์บอนต่อปี เทียบเท่ากับการดูดซับคาร์บอนฯ ของต้นไม้ 7,602 ต้นต่อปี (อ้างอิงข้อมูลจากสำนักเศรษฐกิจป่าไม้ กรมป่าไม้ ระบุว่า ป่าไม้พื้นเมืองดูดซับคาร์บอนฯ 0.95 ตันคาร์บอน / ไร่ / ปี หรือ 100 ตัน / ไร่)

เรียกได้ว่า ยิ่งมีรถโดยสารไฟฟ้ามากแค่ไหน ผู้คนก็ยิ่งได้สูดอากาศบริสุทธิ์เต็มปอดมากเท่านั้น หรือหากต่อยอดให้ครอบคลุมได้ทั้งประเทศ นอกจากจะได้อากาศที่สดชื่นชุ่มปอดแล้ว ระบบการเดินทางของไทยก็จะเชื่อมต่อหากันแบบไม่สะดุด ส่งผลดีต่อการท่องเที่ยว ส่วนผู้ประกอบการก็คงได้ยิ้มออกกันถ้วนหน้า

สรุปง่าย ๆ ก็คือได้ประโยชน์หลายต่อนั่นเอง!!

ก็มารอดูกันว่าในอีก 17 ปีข้างหน้า ระบบขนส่งบ้านเราจะพลิกโฉมไปใช้ ‘พลังงานไฟฟ้า’ ได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากฝันอยากเห็น ‘เมืองไทยไร้คาร์บอน’ แบบครอบคลุมทั่วประเทศ ก็คงต้องเร่งมือพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะให้โดนใจประชาชน และจัดหา ‘ยานยนต์พลังงานไฟฟ้า’ มาแล่นให้บริการโดยไว

‘EA’ คว้ารางวัลใหญ่ ‘Corporate Excellence Award’ จาก ‘APEA 2023’ ตอกย้ำ ‘ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด’

EA ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด คว้ารางวัลใหญ่ ‘Corporate Excellence’ Category-Energy ในเวทีระดับสากล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) แห่งปี 2023 เชิดชูเกียรติกลุ่มพลังงานบริสุทธิ์ ในฐานะองค์กรที่เป็นเลิศด้านการบริหารงานและสร้างการเติบโตทางธุรกิจด้วยนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง จัดโดย Enterprise Asia Enterprise Asia ซึ่งได้คัดเลือกองค์กรที่มีผลงานดีเด่นในการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืนทั่วภูมิภาคเอเชีย

นายวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President บริษัทพลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า EA มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้านพลังงานสะอาด ควบคู่ไปกับการรับผิดชอบสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยรางวัล Corporate Excellence Award APEA 2023 เป็นอีกหนึ่งรางวัล สะท้อนถึงการที่บริษัทฯ มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลของการบริหารจัดการองค์กรที่ดีเลิศ มีพัฒนาองค์กรการเติบโตที่มั่นคงแข็งแกร่งและยั่งยืน การันตีความสำเร็จของกลุ่ม EA จากการขับเคลื่อนองค์กรด้วยการนำเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมด้วยฝีมือคนไทยในด้านพลังงานสะอาด สู่เวทีระดับสากล

โดยความสำเร็จที่เกิดขึ้น มีรากฐานจากกลยุทธ์การบริหารธุรกิจแบบ ‘Green Produt’ เพื่อประโยชน์ต่อสังคมที่ยั่งยืน โดยครอบคลุมในทุกมิติด้านพลังงานสะอาด ทั้งธุรกิจพลังงานทดแทน ที่มีการวิจัยและพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันสู่ผลิตภัณฑ์ Biodiesel, Glycerin, Green Diesel และ Bio-PCM ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน โรงไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานจากลม (Wind) และแสงอาทิตย์ (Solar) กำลังการผลิต 664 เมกะวัตต์ (MW) ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่และยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจที่จะยกระดับนวัตกรรมฝีมือถือคนไทยสู่ระดับนานาชาติ 

โดย EA มุ่งมั่นสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้าที่ครบวงจร โดยมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน อมิตา เทคโนโลยี (ประเทศไทย) กำลังผลิตเริ่มต้น 1 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ที่มีกำลังการผลิตขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ต่อยอดสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบวงจรกำลังผลิตสูงสุดที่ 9,000 คันต่อปี อีกทั้งธุรกิจสถานีอัดประจุไฟฟ้า EA Anywhere มีสถานีชาร์จไฟฟ้าให้บริการทั่วประเทศกว่า 500 สถานี หรือกว่า 2,500 หัวชาร์จ ทั้งยังมีอาคารจอดรถ ‘รามาธิบดี-พลังงานบริสุทธิ์’ อาคารต้นแบบด้านการจัดการพลังงานสำหรับการชาร์จแห่งแรก ที่มีหัวชาร์จมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน

นอกจากนี้ EA ยังเดินหน้าพัฒนายานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ทั้งหัวรถจักรไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (EV on Train) ซึ่งสามารถเพิ่มตู้แบตเตอรี่แยก (Power Car)  เพิ่มระยะทางการวิ่งรวมแบตเตอรี่ขนาด 4.1 MWh วิ่งได้ระยะกว่า 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จ พร้อมมีการพัฒนาสถานีชาร์จขนาดใหญ่แห่งแรกของโลก 

“EA พร้อมจะขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรม สร้าง Champion Product : Commercial EV ยกระดับขนส่งสาธารณะให้มีความสะดวก สบายและทันสมัย ทั้ง รถ-เรือ-ราง ที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะ และด้วยกลยุทธ์บริหารธุรกิจ EA Ecosystem จะเป็นกุญแจสำคัญให้อุตสาหกรรมใหม่ New S-Curve ได้เติบโตพร้อมกับการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานสะอาด สร้างโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมให้ประเทศ ด้วยผลงานนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่ภาคภูมิใจ” นายวสุกล่าวทิ้งท้าย

‘EA’ ลงนามสินเชื่อ SLL กับ ‘EXIM BANK’ มูลค่า 500 ลบ. ผลักดันนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยีธุรกิจพลังงานสะอาด

เมื่อวันที่ 4 กันยายน ที่ผ่านมา นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) และ ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ลงนามการสนับสนุนทางการเงินภายใต้ วงเงินกู้ระยะยาวลักษณะ Sustainability Linked Loan (SLL) มูลค่า 500 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนการลงทุนในธุรกิจแบตเตอรี่ และนำนวัตกรรม เทคโนโลยีมาพัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาด ณ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ กรุงเทพฯ

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ได้ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกํากับดูแลที่ดี (Environmental, Social, Governance : ESG) ครอบคลุมธุรกิจที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานสะอาด ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ และ ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ซึ่ง EA ได้จดทะเบียนอยู่ในรายชื่อ Thailand Sustainability Investment (THIS) 5 ปีติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่สำคัญ มีการเปิดเผยข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม

โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ มีการประเมินและบริหารจัดการความเสี่ยง รวมถึงมีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเข้าข่ายที่ EXIM bank จะสนับสนุนเงินกู้ระยะยาวในลักษณะ SLL ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ส่งเสริม สนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีความตระหนักและมีแผนการจัดการโดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยสามารถบรรลุสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ Net Zero Emission

EA ส่ง ‘สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์’ เซ็นสัญญา PPP กับเมืองพัทยา ตั้งศูนย์จัดการขยะครบวงจรในเกาะล้าน ยกระดับสู่เมืองท่องเที่ยวยั่งยืน

บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ บริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด ได้เข้าร่วมลงนามสัญญาร่วมลงทุนแบบ PPP กับ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีสัญญาระยะเวลา 25 ปี 

บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ ได้ชนะการประมูลศูนย์กำจัดขยะชุมชนบนพื้นที่เกาะล้าน ต่อมาได้มีการลงนามสัญญากับเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ร่วมลงทุนในรูปแบบ Public Private Partnership (PPP) จัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยชุมชน โดยแต่งตั้ง บจก. รอยัล กรีน เอ็นเนอร์จี เป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาโครงการด้วยวิธีเผาทำลายบนพื้นที่เกาะล้านแบบครบวงจร มีวัตถุประสงค์ลดปริมาณขยะในชุมชน โดยการนำเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่อยมลพิษจากการเผามาใช้ เนื่องจากปัจจุบันมีปริมาณขยะมูลฝอยชุมชนสะสมที่บ่อขยะเกาะล้าน กว่า 65,000 ตัน และยังมีการคาดการณ์ในอนาคตจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นกว่า 25 ตัน/วัน 

ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างยั่งยืน จึงต้องมีการบริหารจัดการอย่างมีแบบแผนและเร่งด่วน ซึ่งได้แบ่งการกำจัดขยะมูลฝอยเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรกเป็นการจัดการขยะมูลฝอยที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และการจัดการขยะมูลฝอยที่สะสมอยู่ในบ่อพักขยะมูลฝอย โดยคาดว่ามีปริมาณขยะที่ต้องกำจัดไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน พร้อมเตรียมกำจัดขยะมูลฝอยแบบถาวร ในระยะที่ 2 ต่อไป 

นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า ปัจจุบัน จากการขยายตัวของชุมชน และการขยายตัวของภาคธุรกิจร้านค้าหรือสถานประกอบการต่างๆ บนเกาะล้านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับการเติบโตด้านการท่องเที่ยว จึงส่งผลกระทบให้เกิดปัญหาขยะมูลฝอยตกค้างสะสมและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

เมืองพัทยาเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและตระหนักถึงความจำเป็นอย่างยิ่งในการแก้ไขปัญหาให้มีผลกระทบต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด จึงได้ดำเนินโครงการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทุกขั้นตอน เพื่อให้การอนุมัติโครงการดังกล่าวเกิดความสัมฤทธิ์ผล และสามารถที่จะดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชนและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่

นายวสุ กลมเกลี้ยง Executive Vice President บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ กล่าวว่า EA ผู้นำนวัตกรรมพลังงานสะอาด มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ ‘Green Product’ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี ตั้งแต่กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน, ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน, ธุรกิจแบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน, ยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และสถานีชาร์จ EA Anywhere โดย EA ได้ส่ง บจก. สมาร์ท เวสท์ เมนเนจเมนท์ ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการขยะ ที่สามารถชนะประมูลในรูปแบบร่วมลงทุนก่อสร้างและบริหารจัดการระบบกำจัดขยะมูลฝอยตามสัญญาสัมปทาน แบบ Build Operate Transfer (BOT) มีระยะเวลาดำเนินการรวม 25 ปี นับจากวันที่เริ่มดำเนินการกำจัดขยะมูลเพื่อชุมชน

“โครงการนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดธุรกิจใหม่ของ EA ที่เกี่ยวข้องกับการกำจัดขยะมูลฝอยสะอาดอย่างยั่งยืน ทั้งยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในเมืองพัทยาและประเทศไทยต่อไป” นายวสุ กล่าวทิ้งท้าย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top