Monday, 29 April 2024
AI

รู้จักแอปฯ อัจฉริยะ ‘DingTalk for Asian Games’ เบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของ ‘เอเชียนเกมส์หางโจว’

เมื่อวันที่ 27 ก.ย. 66 เผยโฉมโซลูชัน ‘DingTalk for Asian Games’ หัวใจของการจัดงาน ‘เอเชียนเกมส์หางโจว’ เป็น ‘DingTalk’ เวอร์ชันที่ออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดงานเอเชียนเกมส์ครั้งนี้

เบื้องหน้าของมหกรรมกีฬายิ่งใหญ่ มีเบื้องหลังที่แสนอัจฉริยะ ‘DingTalk for Asian Games’ เป็นดิจิทัลโซลูชันคลาวด์-เนทีฟที่ทำงานและบริหารจัดการบนคลาวด์ที่เสถียร ปรับขนาดได้ และปลอดภัย เป็นเครื่องมือทำงานร่วมกันแบบ one-stop ที่เชื่อมโยงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดในทุกขั้นตอนของการจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์หางโจว ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬา ผู้จัดงาน ซัพพลายเออร์ ไปจนถึงอาสาสมัคร และผู้ดำเนินงานที่ประจำอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ครอบคลุมทุกรูปแบบการทำงาน เช่น การอนุมัติด้านการบริหาร การประชุม การฝึกซ้อม การสนับสนุนของสปอนเซอร์ การตรวจสอบสภาพอากาศ การสนับสนุนทางการแพทย์ รวมถึงระบบพิเศษสำหรับการแพร่ภาพวิดีโอ การบริหารจัดการด้านไอที และการบริหารจัดการด้านอาสาสมัคร

‘อเล็กซ์ ลี’ รองประธานของ DingTalk กล่าวว่า “เราตื่นเต้นที่จะได้มอบโซลูชันนี้ที่จะช่วยให้ผู้จัดงานและการดำเนินงานของหางโจวเอเชียนเกมส์มีประสิทธิภาพมากขึ้น DingTalk มีบทบาทสำคัญมากต่อเอเชียนเกมส์ครั้งนี้ และเป็นโอกาสสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีช่วยให้การจัดงานที่มีขนาดใหญ่ระดับนี้มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นได้อย่างไร

DingTalk for Asian Games ไม่เพียงเชื่อมต่อผู้คนให้ทำงานร่วมกันได้เท่านั้น แต่ยังเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นศูนย์รวมผู้ใช้ที่มีจุดประสงค์และความสนใจร่วมกันไว้ด้วยกัน เราเชื่อว่าเทรนด์ที่จะเกิดขึ้นแน่นอนสำหรับการจัดงานกีฬาขนาดใหญ่ในอนาคต คือ จำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มที่ชาญฉลาดเอาไว้ทำงานร่วมกัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการจัดการด้านการสื่อสารของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย”

นั่นหมายความว่า ในแง่ของการแข่งขัน DingTalk for Asian Games มีบทบาทช่วยให้การแข่งขันมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น มีความสะดวก ถูกต้องแม่นยำ สมกับความเป็นแพลตฟอร์มอัจฉริยะ

ในแง่ของการประสานงาน เชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วย ‘DingTalk for Asian Games’ มีลักษณะเป็นโครงสร้างองค์กรแบบแนวราบ (flat organizational structure) ที่เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครนับหมื่นคนแสดงตัวและสื่อสารซึ่งกันและกัน สื่อสารกับพันธมิตรภายนอก ตลอดจนแบ่งปันข้อมูลและจัดประชุมต่างๆ ได้ง่ายๆ

นอกจากนี้ DingTalk for Asian Games ใช้ความสามารถของบริการ Alibaba Cloud Machine Translation ที่ใช้เทคโนโลยี deep learning และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (Natural Language Processing: NLP) ที่มีประสิทธิภาพระดับแนวหน้าของบริษัทฯ จึงแปลภาษาแบบเรียลไทม์ได้อย่างอัจฉริยะถึง 14 ภาษา รวมถึงภาษาจีน อังกฤษ ญี่ปุ่น และไทย นับเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารระหว่างพนักงานและผู้เข้าร่วมงานจากนานาประเทศ

ในการใช้งาน ‘DingTalk for Asian Games’ ก็นับว่าค่อนข้างเข้าถึงง่าย เพราะได้รับการออกแบบมาให้ใช้งานกับสมาร์ทโฟน เชื่อมต่อภาพและเสียงระหว่างผู้ใช้และศูนย์ปฏิบัติการหลักของการแข่งขัน (main operation center : MOC) ได้ทันที จะช่วยให้ MOC ติดต่อกับพนักงานและสถานที่จัดงานทั้งหมด เพื่อทำการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว

ไม่เพียงแค่นั้น DingTalk for Asian Games ยังมีคุณสมบัติอีกหลายอย่างที่จะเป็นตัวช่วยให้ผู้เกี่ยวข้องกับเอเชียนเกมส์ประสานงานและทำงานสะดวกมากๆ ดังนี้

สร้างการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด
‘DingTalk for Asian Games’ ช่วยให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครทุกคนทำงานใกล้ชิดกันโดยไม่จำเป็นต้องมีพื้นที่ทำงานโดยเฉพาะ ทุกคนทำงานร่วมกัน ผ่านการพรีวิวและรีวิวออนไลน์ แก้ไขได้แบบเรียลไทม์ และจัดการกับระบบจัดเก็บการเปลี่ยนแปลง (version control) ที่เกิดขึ้นกับเอกสารนั้นๆ ได้

ประสิทธิภาพของ DingTalk for Asian Games ช่วยให้ประมวลผลคำขออนุมัติ ครอบคลุมบริการด้านการบริหารต่างๆ การใช้สินทรัพย์ การยื่นใบรับรองของซัพพลายเออร์ กิจกรรมทางการตลาด และอื่นๆ อีกมากมาย โดยที่ไม่ต้องใช้กระดาษแม้แต่แผ่นเดียว

ทำงานโดย AI สุดอัจฉริยะ
‘DingTalk for Asian Games’ ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)  ทำให้เข้าใจ ตอบสนอง และสร้างคอนเทนต์ เพื่อรองรับความต้องการหลากหลายระหว่างการเตรียมงาน เช่น เมื่อนำแชตบอท ที่ built-in อยู่ใน DingTalk มาใช้ในกรุ๊ปแชตของเอเชียนเกมส์ จะตอบคำถามที่เกี่ยวกับการแข่งขันต่างๆ ได้อัตโนมัติอย่างรวดเร็ว โดยการวิเคราะห์และดึงข้อมูลจากเนื้อหาและข้อเท็จจริงที่เกี่ยวกับการแข่งขัน รวมถึงกติกาการแข่งขัน และเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับคำถาม ผู้ใช้จะย่อยเนื้อหาเพื่อดึงประเด็นสำคัญ หรือใช้เพื่อทำข่าวประชาสัมพันธ์ ได้ง่ายยิ่งขึ้น

ใช้งานง่าย
‘DingTalk for Asian Games’ ออกแบบมาให้มีฟีเจอร์ low-code ต่างๆ ที่ช่วยให้ผู้ใช้พัฒนาแอปพลิเคชันของตนเองและปรับให้เหมาะและเจาะจงกับสถานการณ์ใหม่ๆ เช่น แอปพลิเคชันนัดหมายที่เป็นแบบ low-code ซึ่งได้รับการพัฒนาเพื่อให้นักกีฬานัดหมายการฝึกซ้อมได้สะดวกและได้ผลดีมากขึ้น นักกีฬาตรวจสอบความพร้อมของสถานที่ฝึกซ้อมในสนามกีฬาเอเชียนเกมส์ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ของเมืองหางโจวและเมืองใกล้เคียงได้อย่างง่ายดาย และจองสถานที่สำหรับฝึกซ้อมล่วงหน้าผ่าน mini app บน DingTalk for Asian Games

‘เกอ จาง’ รองผู้อำนวยการฝ่ายวิทยุ โทรทัศน์ และเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะกรรมการจัดงานเอเชียนเกมส์หางโจว ให้ข้อมูลว่า…

“ความร่วมมืออย่างเต็มกำลังระหว่างคณะกรรมการจัดงานเอเชียนเกมส์หางโจว และ DingTalk ช่วยให้ DingTalk for Asian Games ประสบความสำเร็จในการประสานความร่วมมือครั้งยิ่งใหญ่ขององค์กรออนไลน์ การสื่อสารออนไลน์ และธุรกิจออนไลน์ ให้ผู้เข้าร่วมงานทุกระดับ ทุกแผนก และทุกภูมิภาค DingTalk for Asian Games ไม่เพียงทำให้เศรษฐกิจดิจิทัลของหางโจวเป็นรูปธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นทรัพย์สินและประสบการณ์อันมีค่าที่หางโจวต้องการมอบให้การแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติต่างๆ ในอนาคตด้วย”

‘พิมพ์ภัทรา’ ขานรับนโยบายรัฐบาล ยกระดับภาคอุตฯ เสริมแกร่งศักยภาพและมาตรฐาน ‘อุตฯ EV - AI’

เร่งรัดให้สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) จัดทำมาตรฐานในปีงบประมาณ 2567 ที่ตอบโจทย์การพัฒนาอุตสาหกรรมไทยตามนโยบายรัฐบาล และสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้แก่พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะมาตรฐานในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศ เน้นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ ได้แก่ EV อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ เครื่องมือแพทย์ อุตสาหกรรมชีวภาพ AI ฮาลาล และ Soft power ซึ่งคาดว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่สามารถนำเม็ดเงินมาสู่ภาคอุตสาหกรรมของไทยได้เป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายไว้ 600 มาตรฐาน 

ด้าน นายวันชัย พนมชัย รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวว่า สมอ. เตรียมขออนุมัติแผนการกำหนดมาตรฐานในปีงบประมาณ 2567 รวม 600 มาตรฐาน ในการประชุมบอร์ด สมอ. ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 ที่สามารถจัดทำมาตรฐานได้ 478 มาตรฐาน ทั้งนี้ ให้เร่งผลักดันมาตรฐานที่เป็นเรื่องเร่งด่วนตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมก่อน เช่น มาตรฐานสถานีชาร์จรถไฟฟ้า สาธารณะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า มาตรฐานอาหารฮาลาล AI เครื่องมือแพทย์ BCG และหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ เป็นต้น

“ภายหลังที่บอร์ดให้ความเห็นชอบมาตรฐานที่ สมอ. เสนอแล้ว จะเร่งรัดให้ สมอ. ดำเนินการจัดทำมาตรฐานให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อยกระดับภาคอุตสาหกรรมในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐาน และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับภาคอุตสาหกรรมเพื่อก้าวสู่ความเป็นอุตสาหกรรม 4.0 และคุ้มครองผู้บริโภคให้ปลอดภัยจากการใช้สินค้า โดยเฉพาะสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชน” นายวันชัยฯ กล่าว

'สำนักพุทธฯ' ประสาน 'ตร.ไซเบอร์' จัดการเพจดัง ใช้ AI ทำภาพพระ 'เล่นกีตาร์-แข่งจยย.' ไม่เหมาะสม

(7 พ.ย. 66) นายสุพัฒน์ เมืองมัจฉา ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า พศ.ทำหนังสือถึงตำรวจไซเบอร์ เพื่อขอความอนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูล หลังจากที่ พศ.ตรวจพบมีเพจเฟซบุ๊กนำเสนอรูปภาพที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ที่สร้างขึ้นมาจากปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นภาพพระภิกษุกำลังเล่นดนตรี 9 ภาพ โดยอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายแก่ภาพลักษณ์ของทางคณะสงฆ์ และอาจทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความไม่สบายใจเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว

นายสุพัฒน์ กล่าวว่า พศ.จึงขอความอนุเคราะห์ในการตรวจสอบข้อมูล เพื่อดำเนินการนำภาพที่ไม่เหมาะสมออกไป พร้อมกันนี้พศ.กำลังตรวจสอบแหล่งที่มาของภาพเอไอ พระสงฆ์แข่งจักรยานยนต์ เพื่อประสานตำรวจไซเบอร์ดำเนินการต่อไปด้วย

โฆษกพศ. กล่าวต่อว่า ขณะนี้พบว่ามีผู้ใช้เอไอไปสร้างภาพที่ทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อคณะสงฆ์เพิ่มมากขึ้น อาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อผู้ที่พบเห็นภาพดังกล่าวได้ และถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่มีการนำเอไอมาใช้สร้างภาพของพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียแล้วนำส่งต่อในโลกออนไลน์ หากพบภาพที่สงสัยว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีพฤติกรรมเสื่อมเสียจริงหรือไม่ สามารถแจ้งมาได้ที่เบอร์โทร 0-2441-7992

‘Nvidia’ พัฒนา ‘H200’ ชิป AI รุ่นใหม่เร็วแรงกว่าเดิม เด่นด้านการประมวลผล ‘Google-Microsoft’ จ่อใช้ปีหน้า

(14 พ.ย. 66) สำนักข่าวรอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ยักษ์ผู้ผลิตการ์ดจอในสหรัฐฯ ‘เอ็นวิเดีย’ (Nvidia) ได้เพิ่มคุณสมบัติใหม่ให้กับชิปรุ่นล่าสุดที่ใช้สำหรับการพัฒนา AI

ทั้งนี้ ชิปดังกล่าวมีชื่อเรียกว่า ‘H200’ ซึ่งจะมีคุณสมบัติแซงหน้า ‘H100’ ที่เป็นชิปเรือธงรุ่นปัจจุบันของ Nvidia โดยส่วนที่ได้รับการอัปเกรดเป็นหลัก คือหน่วยความจำที่มีแบนด์วิธสูงขึ้น ถือเป็นหนึ่งในส่วนที่แพงที่สุดของชิป เพราะมีผลต่อความเร็วในการประมวลผลข้อมูล

ชิป H200 มีหน่วยความจำแบนด์วิธสูงถึง 141 กิกะไบต์ เพิ่มขึ้นจาก 80 กิกะไบต์ในชิป H100 รุ่นก่อน ซึ่ง Nvidia ไม่ได้เปิดเผยรายชื่อซัพพลายเออร์สำหรับการพัฒนาชิปตัวใหม่ แต่รายงานข่าวจาก Micron Technology ระบุว่าบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อเป็นซัพพลายเออร์ของ Nvidia รวมถึง Nvidia ยังซื้อหน่วยความจำจาก SK Hynix ผู้จัดจำหน่ายชิปในเกาหลีใต้ด้วย

นอกจากนี้ รายงานข่าวระบุด้วยว่า ชิป H200 จะเริ่มใช้กับผู้ให้บริการคลาวด์ เช่น Amazon Web Services, Google Cloud, Microsoft Azure และ Oracle Cloud เป็นรายแรก ๆ ในปีหน้า นอกเหนือจาก CoreWeave, Lambda และ Vultr ที่เป็นผู้ให้บริการคลาวด์ AI โดยเฉพาะ

อย่างไรก็ตาม Nvidia ยังคงครองตลาดชิปสำหรับการพัฒนา AI ซึ่งผลิตภัณฑ์ของ Nvidia เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนบริการของ ChatGPT และโมเดล AI อื่น ๆ โดยการเพิ่มหน่วยความจำให้มีแบนด์วิธสูงขึ้น จะช่วยให้การประมวลผลของชิปเร็วขึ้นด้วย

‘เกาหลีใต้’ หวั่น!! 20 ปีข้างหน้า ‘AI’ แย่งงาน 4 ล้านตำแหน่ง ‘นักเคมี-แพทย์-ทนายความ-บัญชี-ผู้จัดการทรัพย์สิน’ เสี่ยงสุด

(16 พ.ย.66) สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานโดยอ้างอิงผลการศึกษาของธนาคารกลางเกาหลีใต้ (Bank of Korea) ที่ระบุว่า AI อาจเข้ามาแทนที่ตำแหน่งงานในเกาหลีใต้มากถึง 4 ล้านตำแหน่ง หรือ 14% ในอีก 20 ปีข้างหน้า ส่งผลต่อความกังวลของตลาดแรงงานทั่วโลก

นายโอ ซัมอิล (Oh Sam-il) ตัวแทนจากธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า นักเคมี แพทย์ ทนายความ นักบัญชี และผู้จัดการทรัพย์สิน เป็นหนึ่งในกลุ่มที่จะถูกคุกคามมากที่สุด ในขณะที่ผู้เผยแพร่ศาสนา งานด้านบริการ การสอน และการร้องเพลง จะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อยที่สุด

“บุคคลที่มีรายได้สูงและวุฒิการศึกษาดีจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่มากขึ้น เนื่องจาก AI สามารถจัดการงานต่าง ๆ และวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็ว”

นอกจากนี้ ผลการศึกษาของธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ ยังระบุด้วยว่า AI จะช่วยเพิ่มศักยภาพการเรียนรู้ด้าน STEM หรือวิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) ควบคู่ไปกับการพัฒนาทักษะด้านมนุษยสัมพันธ์ เช่น การสื่อสารและการทำงานเป็นทีม เป็นต้น

ทั้งนี้ ผลการศึกษาของธนาคารกลางแห่งเกาหลีใต้ ยังสอดคล้องกับรายงานของ Goldman Sachs ในปีนี้ที่ประเมินว่า งานกว่า 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลกถูกแทรกแซงโดย Generative AI แม้ว่าจะเป็นเทคโนโลยีสำคัญที่ช่วยเพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจทั่วโลกได้ 7% ในระยะเวลา 10 ปีก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้หุ่นยนต์สูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการเข้าสู่สังคมสูงวัย (Aging Society) แต่อันดับการใช้งาน AI ยังคงต่ำกว่าอีกหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย สิงคโปร์ เป็นต้น 

‘Microsoft’ เล็งใช้ไทยเป็น ‘ฮับ AI’ ในภูมิภาคเอเชีย ‘ตั้งศูนย์ฯ AI - พัฒนาระบบคลาวด์’ พาไทยโบยบินด้วยดิจิทัล AI

(24 พ.ย.66) นายสัตวแพทย์ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยการพบหารือระหว่างนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กับผู้บริหารบริษัทภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ หลายบริษัท ระหว่างการเยือนนครซานฟรานซิสโก สหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ประจำปี 2566 

โดยในส่วนของบริษัท Microsoft ประเทศไทย วางแผนที่ใช้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในภูมิภาคเอเชีย โดยจะจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้าน AI และพัฒนาข้อมูลระบบคลาวด์ภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลไทย และบริษัท Microsoft ได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนประเทศด้วยดิจิทัล AI 

โดยบริษัท Microsoft เห็นว่า ไทยมีศักยภาพที่จะเป็น 1 ในศูนย์กลาง AI ในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรัฐบาลไทยเองก็พร้อมที่จะร่วมมือและสนับสนุนแหล่งพลังงานหมุนเวียน เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่ภายในปี พ.ศ. 2568 ศูนย์ข้อมูล (Data Centers) ทั้งหมดของ Microsoft ทั่วโลกจะใช้พลังงานหมุนเวียน 

ภาพ AI ‘พระแม่คงคา’ ตื่นมาพบขยะเกลื่อน หลังคืน ‘วันลอยกระทง’ สะท้อนอีกด้านของเทศกาล หวังกระตุ้นผู้คนตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม

เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 66 ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก ‘Sujittra Jittreenit’ ซึ่งเป็นสมาชิกในกลุ่มเฟซบุ๊ก ‘AI CREATIVES THAILAND’ ได้โพสต์ภาพสะท้อนถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม พร้อมแคปชันว่า…

“เมื่อแม่คงคาตื่นมายามเช้า” พร้อมติดแฮชแท็ก #วันลอยกระทง #งดลอยกระทง #งดทิ้งขยะลงน้ำ

สำหรับ ‘วันลอยกระทง’ ที่ในปีนี้ตรงกับวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ซึ่งปีนี้หลายคน มองว่า ควรเกิดการตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง หลังโลกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น จาก ‘ภาวะโลกเดือด’ ที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทั่วโลก โดยผู้คนได้เริ่มหันมาช่วยกันกระตุ้นการตระหนักรู้ รวมถึงการรณรงค์ ‘งดลอยกระทง’ ไม่ทิ้งเศษขยะ รวมถึงวัสดุต่างๆ ลงในแม่น้ำ คู คลอง เพื่อรักษาความสะอาดของสิ่งแวดล้อม

‘รองนายกฯ สิงคโปร์’ เตรียมเพิ่ม ‘แรงงาน’ ด้าน AI ขึ้น 3 เท่า หวังใช้ประโยชน์ปัญญาประดิษฐ์ปรับปรุงคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น

เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.66) สิงคโปร์เตรียมเพิ่มจำนวนผู้ปฏิบัติงานด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขึ้น 3 เท่าเป็น 15,000 คน ทั้งด้วยการฝึกอบรมคนในท้องถิ่นและว่าจ้างแรงงานจากต่างประเทศ ส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระดับชาติ ด้านเทคโนโลยี

โดย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน นายลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์กล่าวในงานหนึ่งเมื่อวันจันทร์ (4 ธ.ค.)

“สิงคโปร์เชื่อในศักยภาพระยะยาวของ AI และปณิธานของเราคือการใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI อย่างเต็มที่เพื่อปรับปรุงชีวิตของเรา โดยอาศัยนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรด้านการเรียนรู้ พวกเขาเป็นกระดูกสันหลังของ AI”

ทั้งนี้ แถลงการณ์จากรัฐบาลสิงคโปร์ในวันเดียวกัน ระบุว่า สิงคโปร์ได้วางกลยุทธ์ด้าน AI ที่ได้รับการปรับปรุง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่มีความรับผิดชอบและเชื่อถือได้ ในขณะเดียวกันก็ป้องกันผลกระทบในทางลบหรือการใช้งาน AI ไปในทางที่ผิดด้วย

‘ทรู-ดีแทค’ ประกาศ ‘เลิกใช้กระดาษ’ ในศูนย์บริการ 100% เดินหน้าใช้ AI ช่วยเซฟเวลาทำงาน 5 แสนชั่วโมงต่อปี

(7 ธ.ค.66) บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น บริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย ยกเลิกการใช้เอกสารแบบฟอร์มกระดาษทั้งหมดในศูนย์บริการทรูและดีแทค ด้วยระบบการทำงานแบบดิจิทัลที่เร็วกว่าและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าดียิ่งขึ้น การให้บริการแบบไร้กระดาษ (Paperless) จะช่วยให้บริษัทฯ ลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) จากกิจกรรมการทำงานของบริษัท และเป็นส่วนหนึ่งที่เดินหน้าใช้ระบบอัตโนมัติ 100% ในงานพื้นฐานประจำวันที่ซ้ำๆ ภายในปี 2570 โดยการพลิกโฉมการดำเนินงานในครั้งนี้จะช่วยประหยัดเวลาดำเนินการในศูนย์บริการได้รวม 400,000 ชั่วโมงต่อปี

นายชารัด เมห์โรทรา รองประธานคณะผู้บริหาร บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “นี่คือการมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าในทุกศูนย์บริการและทุกช่องทาง เรากำลังนำนวัตกรรมโซลูชัน อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์เสมือน เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการให้บริการและปกป้องข้อมูลของส่วนบุคคลของลูกค้า ทั้งนี้ จากการยกเลิกการใช้เอกสารแบบฟอร์มกระดาษ 100% ในศูนย์บริการทำให้ลูกค้าของเราใช้บริการได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น การใช้ระบบดิจิทัลอย่างสมบูรณ์แบบยังช่วยปกป้องข้อมูลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมของเราอีกด้วย”

ทั้งนี้ จากเดิมก่อนปรับเป็นระบบดิจิทัล หรือไร้กระดาษ (Paperless) 100% ทรู คอร์ปอเรชั่น ได้มีการใช้เอกสารในรูปแบบต่างๆ สำหรับการทำรายการ 24 ประเภท ซึ่งการทำธุรกรรมต่างๆ ลูกค้าต้องกรอกเอกสารที่ใช้เวลานาน และการใช้กระดาษยังส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว แบบฟอร์มกระดาษอาจจะเกิดความเสี่ยงข้อผิดพลาดในการนำข้อมูลมาป้อนลงในระบบ แพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่จะพลิกโฉมขั้นตอนนี้และเพิ่มการปกป้องคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้เข้มงวดยิ่งขึ้นในการเข้าถึงได้

นอกจากการพลิกโฉมสู่การดำเนินการแบบไร้กระดาษ ทรู คอร์ปอเรชั่นยังปรับระบบการทำงานสู่รูปแบบอัตโนมัติ โดยนำระบบหุ่นยนต์เสมือนมาช่วยในส่วนของการทำงานที่สิ้นเปลืองเวลามากแต่มีการปฏิบัติซ้ำๆ และชัดเจน ซึ่งสามารถจัดการกระบวนการที่ลูกค้าต้องรอในร้านค้าได้ถึง 80% ทำให้ดำเนินการได้เร็วขึ้นทันที นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้เพื่อดำเนินการอัตโนมัติเพิ่มอีก 20% เพื่อให้ประหยัดเวลาของลูกค้าโดยรวมได้มากขึ้นจาก 400,000 เป็น 500,000 ชั่วโมงต่อปีในไตรมาสที่ 1 ปี 2567

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับเพื่อทำให้ช่องทางบริการทรูและดีแทคเป็นอัตโนมัติมากยิ่งขึ้น ขณะนี้ ศูนย์บริการทรูและดีแทค พร้อมกับตัวแทนร้านค้าได้นำโซลูชัน AI มาใช้งาน ทำให้สามารถวินิจฉัยปัญหาและเสนอแนะได้ทันที ลดเวลาในการจัดการลง 35% รวมถึงการนำ AI มาใช้กับแชทบอท บริการลูกค้าประมาณ 150,000 รายการต่อเดือน

ระบบอัตโนมัติเป็นหนึ่งในโครงการริเริ่มกว่า 100 โครงการที่ทรู คอร์ปอเรชั่นกำลังดำเนินการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของ Synergies มูลค่าปัจจุบันสุทธิ (NPV) 2.5 แสนล้านบาท ระหว่างปี 2566-2573 โดยส่วนหนึ่งของ Synergies ประมาณ 65,000-70,000 ล้านบาทมาจากการผสานองค์กรและการดำเนินงานแบบครบวงจร ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงการดำเนินการให้ทันสมัยและระบบอัตโนมัติ

นอกเหนือจากการติดตั้ง AI ไว้ในระบบการให้บริการและการดำเนินงานของบริษัทแล้ว ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีกด้วย โดยกลุ่มทรู ดิจิทัล ได้พัฒนาโซลูชั่นด้านการค้าปลีก เกษตรกรรม และสุขภาพ โดยผสานข้อมูลจากอุปกรณ์ IoT การใช้งาน 5G และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) เข้าด้วยกันเพื่อการใช้งานรูปแบบต่างๆ ดังนั้น จึงสามารถยกระดับสู่โรงพยาบาลอัจฉริยะไปจนถึงฟาร์มอัจฉริยะและการค้าปลีกอัจฉริยะ รวมถึงการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine learning) ยังมาช่วยเพิ่มความปลอดภัย การขนส่งสินค้ารวดเร็ว และลดการใช้พลังงาน

“ในฐานะบริษัทโทรคมนาคม-เทคโนโลยีชั้นนำอันดับ 1 ของไทย เรามุ่งมั่นที่จะสร้างมาตรฐานนำเสนอบริการที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า และยั่งยืนยิ่งขึ้นเพื่อลูกค้าของเรา เรายังมุ่งมั่นในการนำโซลูชันเพื่อพัฒนาทุกภาคส่วน และยกระดับการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลของประเทศร่วมกัน” นายชารัด กล่าวในที่สุด

กระแสชอปปิงผ่าน ‘ไลฟ์สด’ ในจีน ส่งสัญญาณสดใส หลังหลายร้านแห่ใช้ ‘AI’ ขายแทนคน สร้างความแปลกใหม่

(11 ธ.ค.66) ตามรายงานของแมคคินซี่ย์ แอนด์ คอมพานี (McKinsey & Company) บริษัทที่ปรึกษารายใหญ่ระดับโลก ระบุว่า ยอดขายสินค้าผ่านไลฟ์สดในจีนพุ่งสูงขึ้น 19% ในช่วงเทศกาลวันคนโสด (Singles Day) เมื่อเดือนพ.ย. ขณะที่ยอดขายสินค้าผ่านทางแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบดั้งเดิม ปรับตัวลง 1%

นับตั้งแต่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดในจีนเมื่อช่วงต้นปี 2563 กลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนได้หันไปว่าจ้างนักไลฟ์สด หรือไม่ก็พัฒนาตนเองเป็นนักไลฟ์สดเพื่อขายสินค้า ขณะที่บรรดาอินฟลูเอนเซอร์ออนไลน์ เช่น ออสติน หลี่ ได้กลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง และเป็นเศรษฐีเงินล้านเพียงชั่วข้ามคืน ผ่านการไลฟ์สดขายสินค้า

ดาเนียล ซิปเลอร์ นักวิเคราะห์ของแมคคินซี่ย์กล่าวว่า การไลฟ์สด โดยเฉพาะการไลฟ์สดเพื่อขายสินค้านั้น กำลังเป็นที่นิยมในประเทศจีนมากกว่าประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก และขณะนี้บริษัทค้าปลีกหลายแห่งกำลังหันมาใช้เอไอ แทนคนในการไลฟ์สดขายสินค้า และหลายบริษัทเริ่มใช้อวตาร (Avatar) หรือภาพกราฟิกที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้แทนภาพลักษณ์จริงของมนุษย์

เสี่ยวเฟิง หวัง นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์กล่าวว่า การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงเพื่อไลฟ์สดขายสินค้า ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงเทศกาลวันคนโสดในจีนปีนี้ โดยคุณภาพของเอไอ หรืออวตาร ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น และดูเหมือนคนจริง ๆ มากขึ้น โดยเฉพาะเอไอที่พัฒนาโดยบริษัทเทนเซ็นต์

นักวิเคราะห์จากบริษัทฟอร์เรสเตอร์ กล่าวว่า

“เราคาดว่ากลุ่มผู้ค้าปลีกในจีนจะใช้ AI ในการไลฟ์สดขายสินค้าเพิ่มขึ้นอีก เพื่อสร้างความแตกต่างจากการขายสินค้าทั่วไป และเพื่อลดต้นทุนในการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ที่มีชื่อเสียง” 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top