Tuesday, 14 May 2024
โควิด-19

สระบุรี - จัดโครงการ “คลินิกเกษตรเคลื่อนที่” ในพระบรมราชานุเคราะห์ฯ ครั้งที่ 1/2565

วันนี้ (22 ธ.ค.64) นางอังคณา ชิตะติตติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานเปิดงานโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระบรมราชานุเคราะห์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565ครั้งที่ 1 ณ องค์การบริหารส่วนตำบลหนองหัวโพ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี

ในสถานการณ์ปัจจุบันมีการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา covid-19 ทำให้วิถีการทำเกษตรเปลี่ยนไปการรวมกลุ่มการทำกิจกรรมทางการเกษตรไม่สามารถดำเนินการได้ตามปกติเกษตรกรไม่สามารถจำหน่ายสินค้าได้เท่าที่ควร เนื่องจากช่องทางจำหน่ายลดลงทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงต้นทุนผลิตสินค้าเกษตรมีราคาสูง ขาดอำนาจการต่อรอง ถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง และยังประสบปัญหาด้านการเกษตรด้านโรค แมลง ศัตรูพืชระบาด จะเห็นว่าปัญหาด้านการเกษตรมีความหลากหลาย จึงจำเป็นต้องบูรณาการ ออกหน่วยให้บริการถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อให้เกษตรกรเตรียมความพร้อมในการประกอบอาชีพการเกษตรและแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดสระบุรี ได้จัดงานคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระบรมราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประจำปี 2565 ครั้งที่ 1 เพื่อให้บริการเกษตรกรในการแก้ไขปัญหาการผลิตด้านการเกษตรอย่างรวดเร็ว อย่างทั่วถึง และสอดคล้องกับความต้องการของเกษตรกร บูรณาการความร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานส่งเสริม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการให้บริการและแก้ไขปัญหาทางการเกษตรร่วมกัน ให้สามารถผลิตพืชผลทางการเกษตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยั่งยืน

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! ช่วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาส “สร้างข่าวปลอม – เว็บไซต์ปลอม” เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน!!

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ เตือนภัย!! ช่วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาส “สร้างข่าวปลอม – เว็บไซต์ปลอม” เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน!!

​พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เตือนภัยห้วงเทศกาลหยุดยาว อาจมีมิจฉาชีพฉวยโอกาสสร้างข่าวปลอมหรือจัดเว็บไซต์ปลอม เพื่อหลอกเอาทรัพย์สินหรือข้อมูลส่วนตัวของประชาชน

​เนื่องด้วยปัจจุบันมีการพัฒนาด้านเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ประชาชนเข้าถึงโลกออนไลน์รวมถึง Application ต่าง ๆ ประกอบกับห้วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้มีการปรับเปลี่ยนใช้บริการผ่านโลกออนไลน์มากขึ้น โดยเหล่ามิจฉาชีพก็ได้อาศัยช่องว่างดังกล่าวสร้างกลอุบายในการหลอกลวงข้อมูลส่วนตัว หลอกให้โอนเงิน ดังกรณีในห้วงที่ผ่านจะพบว่ามีข่าวปลอมหลายเรื่องเกี่ยวกับการจัดโปรโมชั่นของขวัญสำหรับห้วงเทศกาลหยุดยาวปีใหม่ อาทิ รัฐบาลโอน 1,000 บาท ให้บัตรคนจนเป็นของขวัญขวัญปีใหม่กดจากตู้ใช้ได้ทันที , กรณีปรับเบี้ยยังชีพแจกเพิ่ม 2,000 บาท เป็นต้น โดยมิจฉาชีพสร้าง Link หลอกลวงให้คลิกเข้าไปเพื่อลวงเอาข้อมูลส่วนตัว หรือในบางครั้งก็ทำการติดต่อให้โอนเงินสำหรับค่าดำเนินการไปก่อน ซึ่งอาจสร้างความเสียหายในวงกว้างให้กับประชาชนก็เป็นได้

​พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ตระหนักถึงพิษภัยภัยจากการหลอกลวงของมิจฉาชีพในลักษณะดังกล่าว อันเป็นการสร้างความเสียหายซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชนในห้วงการแพร่ระบาดโควิด-19 จึงได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มีมาตรการและดำเนินการป้องกันปราบปรามตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างจริงจัง

​พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญและตระหนักถึงภัยจากอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมาโดยตลอด จึงได้สั่งการให้ บช.น.,ภ1-9,บช.ก.,บช.สอท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งดำเนินการสืบสวน ปราบปรามจับกุมและขยายผล ผู้กระทำความผิดในทุกรูปแบบ พร้อมทั้งเร่งทำการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ถึงพิษภัยบนโลกออนไลน์พร้อมแนวทางการป้องกันให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป

​การกระทำลักษณะดังกล่าวนอกจากจะเป็นการซ้ำเติมประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนกันอยู่แล้วและยังเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ด้วยข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฐานความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อส่วนตัว ผู้เสียหายจะต้องเข้าร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวนในท้องที่ เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด รวมถึงเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักฐานการโอนเงิน บันทึกการสนทนา รายการเดินบัญชีธนาคาร เป็นต้น เพื่อใช้เป็นหลักฐานประกอบการดำเนินคดี

 

 

สมุทรปราการ - “สส.พลังประชารัฐ” ส่งความสุขรับปีใหม่! เดินหน้า “โครงการปันสุข” ลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชน

ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนและผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในเขตพื้นที่เทศบาลตำบลแพรกษา จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในชุมชนต่างๆ ในเขตพื้นที่ ภายใต้โครงการ "แพรกษา ปันสุข” อาทิ ชุมชนบ้านเอื้ออาทร 12 หมู่บ้านปัญฐิญา หมู่บ้านศุภาลัย เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

โดยถุงยังชีพนั้นประกอบด้วย ข้าวสาร อาหารแห้ง เจลแอลกอฮอล์ น้ำยาฆ่าเชื้อ เงินสด จำนวน 200 บาท และสิ่งของอื่น ๆ อีกหลายรายการ โดยกิจกรรม “แพรกษา ปันสุข” ในวันนี้ถือเป็นการส่งมอบความสุข ความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องประชาชน รับเทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึง

ด้าน ดร.ยงยุทธ สุวรรณบุตร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า ในวันนี้ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และตัวแทนพี่น้องประชาชนจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วย นางอรัญญา สุวรรณบุตร นายกเทศมนตรีตำบลแพรกษา มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนที่ขาดรายได้ และประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงได้นำคณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ คณะเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลแพรกษา ลงพื้นที่จัดกิจกรรม”แพรกษาปันสุข” เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งถือโอกาสอวยพรปีใหม่ให้กับพี่น้องประชาชนอีกด้วย

 

‘สำนักงานตำรวจแห่งชาติ’ สนองนโยบายรัฐบาล กำชับการปฏิบัติ เพิ่มมาตรการคุมเข้ม! การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 สายพันธุ์โอมิครอน

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) โดยเฉพาะสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังแพร่ระบาด อยู่ในทุกพื้นที่ทั่วโลกในขณะนี้

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.ประวิตร  วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว โดยเฉพาะการควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ จึงกำชับให้หน่วยงานด้านความมั่นคง เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว ทั้งนี้ ให้เพิ่มมาตรการคุมเข้มตามแนวชายแดนที่มีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านด้วย

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์  แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สนองตอบนโยบายของรัฐบาล ความห่วงใยในสถานการณ์ดังกล่าว จึงสั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัดบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังพื้นที่ที่เป็นแนวติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งพื้นที่ทางบกและทางน้ำ  เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของแรงงานต่างด้าว โดยมีการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด ด่านตรวจ รวมไปถึงการจัดกำลังตำรวจลาดตระเวนในพื้นที่เสี่ยง พร้อมทั้งให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดอย่างเด็ดขาด

 

ทีมเชียงใหม่มหานคร ร่วมพัฒนา "ตลาดน้ำ ท่าจะฮักสบแฝก" เชียงใหม่

ที่ผ่านมา ณ ท่าจะฮักสบแฝก หมู่ที่ 2 บ้านสบแฝก ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ "ทีมเชียงใหม่มหานคร" จิตอาสาช่วยเหลือสังคมเพื่อคนเชียงใหม่ นำโดย "นายทศพร สุจา" หัวหน้ากลุ่มเชียงใหม่มหานคร / ดร.ชวาล พ่วงฟัก  / นายสุรพันธ์ พัฒนพงษ์ / นางสาวสุริยะวรัญญา อสัตถสนธิ / นางสาว สุริยาวรัญญา อสัตถสนธิ / นางสาวมณีญาภรณ์ สมบัติจินดา /นายณัฐพล มุคำหล้า / นาย นิธิทัศน์ เด่นสท้าน / นางสาว จิตสุริยะมาตา จิตจักรวาลทอง และ ดร.ณัฐนนท์ จิรกิจนิมิตร คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ / ท่านอดีต สจ. ภราดร มนตรีกุล ณ อยุธยา / นางสาว เจนจิรา มนตรีกุล ณ อยุธยา / นาย อดุลย์ ตานัน ผู้ใหญ่บ้านสบแฝกหมู่ 2 ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่

และทุกหน่วยงานสำคัญอื่น ๆ ของชุมชนบ้านสบแฝกหมู่ 2 ร่วมประชุมเสวนา การพัฒนาร่วมกันที่เริ่มจากความตั้งใจของผู้ใหญ่บ้านที่ต้องการผลักดันให้พื้นที่ดังกล่าวให้เกิดประโยชน์แก่ชุมชน โดยมีความตั้งใจจะผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวชุมชน ริมแม่น้ำปิง มีทั้งการตั้งร้านค้า และส่งเสริมกิจกรรมทางน้ำ เช่น การล่องแพ ระยะทางเกือบ2 กิโลเมตร ซึ่งกิจกรรมดังกล่าว ดำเนินการโดยคนในชุมชนที่มีความชำนาญในการล่องแพ  จนประสบความสำเร็จเป็นสถานที่ที่คนในพื้นที่และรวมไปถึงในจังหวัดเชียงใหม่ รู้จักกันในนาม " ท่าจะฮักสบแฝก" แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ตามระเบียบมาตรการการควบคุมโรคติดต่อ ทำให้การท่องเที่ยวและการสร้างรายได้ของชุมชนเกิดวิกฤต ส่งผลกระทบให้ "ท่าจะฮักสบแฟก" ต้องปิดตัวลงชั่วคราว และทิ้งสถานที่ให้รกร้าง ยาวนานเกือบ 2 ปี 

ทั้งนี้ นายอดุลย์ ตานัน ผู้ใหญ่บ้านสบแฝกหมู่ 2 ต.แม่แฝกใหม่ อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้เสนอแนวทางพัฒนาพื้นที่ "ท่าจะฮักสบแฝก"  ฟื้นฟูให้กลับมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชุมชนอีกครั้ง และมีแนวทางจะพัฒนาให้เกิดรายได้ในชุมชนอย่างยั่งยืน เพื่อเพิ่มช่องทางในการสร้างอาชีพให้แก่คนในชุมชน  โดยทางทีมงาน "เชียงใหม่มหานคร" และน้องแพน สุริยะวรัญญา อสัตถสนธิ ได้เข้ามาช่วยระดมความคิดและวางแผนร่วมกันกับชุมชนเพื่อพัฒนาสถานที่ดังกล่าว ทางทีมงานได้มีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพื่อประสานและหาแนวทางขับเคลื่อนโครงการให้สัมฤทธิ์ผลในอนาคต

 

ประจวบคีรีขันธ์ - ผอ.สบอ.3 ตรวจแหล่งท่องเที่ยวประจวบฯ ช่วงปีใหม่ พบ นทท.ตอบรับดีอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (สบอ.3) สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่าได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแหล่งท่องเที่ยวภาย ใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเตรียมความพร้อมการต้อนรับนักท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ รวมไปถึงความพร้อมของศูนย์บริการและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวของอุทยานแห่งชาติในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) นายยุทธพล อังกินันท์ ที่ปรึกษา รมว.ทส. และ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

โดยเน้นย้ำให้หน่วยงานในสังกัดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งกำชับให้หน่วยงานรักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยรวมไปถึงการดูแลป้องกันการบุกรุกป่าในพื้นที่รับผิดชอบ จากนั้นได้มอบหน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ไว้ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน

 

นราธิวาส - ผอ.ศปพร. ลงพื้นที่ อวยพรปีใหม่ - มอบถุงยังชีพ แทนใจให้แก่สมาชิกกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง และกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 / ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ  พร้อมด้วย พันเอก ยุทธนา สายประเสริฐ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 151 /หัวหน้าคณะทำงานฯ ที่ 3  หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำท้องถิ่น  เดินทางไปยังวัดรัตนานุภาพ และวัดลอยประดิษฐ์ ตำบลโต๊ะเด็ง อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เพื่อกราบนมัสการ ถวายภัตตาหารเพล และปัจจัย แด่พระสงฆ์ ตามโครงการเสริมสร้างชุมชนที่เข้มแข็ง กิจกรรมการสนับสนุนภัตตาหารแด่พระสงฆ์ในพื้นที่ล่อแหลม เสี่ยงภัย ไม่สามารถบิณฑบาตได้ รวมถึงเพื่อสอบถามพระสงฆ์ ถึงเหตุการณ์ ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอสุไหงปาดีในช่วงที่ผ่านมา ตลอดจนสอบถามความเป็นอยู่ของพระสงฆ์ และการปฏิบัติศาสนกิจในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จากนั้นได้เข้าเยี่ยมเยียน พบปะ และให้กำลังใจ อวยพรปีใหม่ ให้ แก่พี่น้องสมาชิก กองพันราษฎรอาสารักษาหมู่บ้าน อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส

โดย พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้เน้นย้ำ แผนการรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านของตนเอง รวมทั้งความสำนึกในหน้าที่ของการเป็นราษฎรอาสารักษาหมู่บ้านเสริมสร้าง วินัย ความซื่อสัตย์ สุจริต เรียนรู้การอยู่ร่วมกัน รู้จักเคารพสิทธิผู้อื่น สร้างความคุ้นเคยและให้ปฏิบัติงานร่วมกันได้ซึ่งจะก่อให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ และเหนือสิ่งอื่นใด จะเป็นการแสดงออกถึงความจงรัก ภักดี และความหวงแหนในสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เพื่อแสดงออกถึงพลังในความสามัคคีของประชาชนในพื้นที่และยึดมั่น สืบสาน รักษา ต่อยอด ตามพระราชเสาวนีย์แม่ของแผ่นดิน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สืบไป 

จากนั้น พลตรี เฉลิมพร ขำเขียว ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และคณะ ได้ตรวจเยี่ยมและพบปะให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญเทศกาลปีใหม่ให้กับสมาชิกโครงการศิลปาชีพ กลุ่มปักผ้า ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยได้รับฟังบรรยายสรุปประวัติความเป็นมา สอบถามปัญหาข้อขัดข้องในการดำเนินงาน สอบถามความต้องการในช่วงสถานการณ์โควิด ตลอดจนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่  ซึ่งโครงการศิลปาชีพ กลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ดำเนินกิจการปักผ้า เพื่อนำส่งมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  สำหรับวัสดุอุปกรณ์ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิศิลปาชีพฯ คณะทำงานฯ ที่ 3 จัดนายทหารประสานงานอำนวยความสะดวกในการดำเนินงาน และประสานเรื่องต่าง ๆ ของสมาชิก ปัจจุบันกลุ่มศิลปาชีพปักผ้า บ้านโต๊ะเด็ง มีสมาชิก จำนวน 45 ราย ซึ่งเป็นพี่น้องไทยมุสลิมหญิงล้วน  การปักผ้าเป็นอาชีพเสริม หลังว่างจากการกรีดยาง โดยส่งครูผู้ช่วยของกลุ่มเข้าไปเรียนรู้ ณ ศิลปาชีพปักผ้าค่ายจุฬาภรณ์ เพื่อนำความรู้ที่ได้ มาถ่ายทอดให้แก่สมาชิกและพัฒนาต่อยอด จนสามารถสร้างเป็นรายได้เสริมให้เลี้ยงดูครอบครัวตนเองได้ และในเวลาต่อมา ได้เดินทางไปเยี่ยมเยียนให้กำลังใจ กลุ่มเปราะบางในพื้นที่ พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพ เป็นของขวัญปีใหม่ ให้กับผู้สูงอายุ จำนวน 3 ราย ได้แก่ 1.นางสุรณี พันธุ์นรา อายุ 65 ปี 2.นายสุรินทร์ บุตรจีน อายุ 70  ปี และ 3. นายสุเทพ ผึ้งตำบล อายุ 80 ปี โดยได้พูดคุยสอบถามอาการ สภาพ

 

กระบี่ - สสจ.กระบี่ยืนยัน! พบนักท่องเที่ยวต่างชาติติดโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน 3 ราย ผู้ว่าฯสั่งคุมเข้มเข้ม งานเคาท์ดาวน์ อ่าวนางบีช เฟสติวัล 2022 ถ้ามาตรการไม่เป็นไปตามที่กำหนด สามารถพิจารณาให้หยุดงานได้ทันที

วันที่ 28 ธ.ค.64 นายแพทย์ชัยวัฒน์ ทองไหม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า "จากการที่จังหวัดกระบี่เป็นจังหวัดนำร่องการท่องเที่ยว จนถึงขณะนี้มีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว 1,900 คนเศษ จากการตรวจทุกราย พบเชื้อโควิด-19 จำนวน 11 ราย ในจำนวนนี้เป็นสายพันธ์โอมิครอน 3 ราย จากสายการบิน Finnair 2 ราย อยู่ในระหว่างการรักษา โดยมีกลุ่มเสี่ยง 200 ราย ซึ่งเฝ้าระวังครบ 7 วัน ตรวจเชื้อแล้วไม่พบ ส่วนอีก 1 ราย จากไฟล์ส่วนตัว ที่บินตรงเข้ามา ซึ่งได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว"

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ยังมีนักท่องเที่ยวที่ได้ลงทะเบียนไว้ อีก 1,400 คนที่จะเดินทางเข้าจังหวัดกระบี่โดยตรง ก็จะต้องใช้หลักเกณฑ์ใหม่ คือเมื่อมาถึงต้องตรวจ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งอยู่ในระหว่างการวางแผนว่าใครจะเป็นเจ้าภาพในการตรวจ รวมถึงค่าใช้จ่าย จากเดิมที่ตกลงไว้ คือ ตรวจ RT-PCR ครั้งเดียว ส่วนอีก 1 ครั้งให้นักท่องเที่ยวตรวจเองแบบ ATK และส่งผลมายืนยัน  ด้านมาตรการเฝ้าระวังได้มีการ ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา  หรืออยู่ในที่สาธารณะ ส่วนมาตรการอื่น ๆ ได้มีการประชาสัมพันธ์และเข้มข้นตลอดเวลา  ร่วมทั้งเร่งฉีดวัคซีนของคนกระบี่เองให้ได้ครบตามกลุ่มเป้าหมาย

นายนายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวในที่ประชุมกรมการจังหวัดว่า "งานเคาท์ดาวน์ อ่าวนาง ได้มอบหมายให้ สสจ และผู้บังคับการตำรวจประสานกันอย่างใกล้ชิด ถ้าพบว่าไม่ทำตามมาตรการที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ปิดได้ทันที" ผู้ว่าย้ำ ต้องเข้มงวดเข้าใจว่าเป็นเรื่องเศรษฐกิจแต่ชีวิตก็ต้องรักษาด้วย

ด้านพล.ต.ต.ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.กระบี่ย้ำ ดูแลการจัดงานเคาท์ดาวน์ อ่าวนางบีช เฟสติวัล 2022 อย่างเข้มงวดในการจราจรและความปลอดภัย โดย จัดทำแผนจราจรบริเวณการจัดงาน จัดทำป้ายบอกเส้นทางเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ไปร่วมงาน ด้านความปลอดภัย ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวด ดังนี้ จำกัดคนเข้างาน ( 4 ตร.ม.ต่อ 1 คน ร่วมงานได้ไม่เกิน 1,000 คน) และกำหนดแบ่งเป็นโซน คือ โซนคอนเสิร์ตและไม่ใช่คอนเสิร์ต ซึ่งผู้เข้าชมคอนเสิร์ต ให้นั่งชมเท่านั้น) ผู้ที่เข้าร่วมงานต้องลงทะเบียน มีผลการฉีดวัคซีน และผลตรวจ ATK  เป็นลบภายใน 72 ชม.

 

เชียงใหม่ - ‘คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช’ เปิดการประชุมวิชาการ อกท.ภาคเหนือ ครั้งที่ 42 ที่จังหวัดเชียงใหม่

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2564 คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการประชุมวิชาการองค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ระดับภาค ภาคเหนือ ประจำปีการศึกษา 2564

โดยมีนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายประพัฒน์ วงค์ชมพู ปลัดอาวุโสอำเภอสันป่าตอง นายวันชัย โตมี ประธานกรรมการอำนวยการ อกท. ระดับภาค ภาคเหนือ / นายณรงค์ชัย เจริญรุจิทรัพย์ ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการอาชีวศึกษา ผู้มีเกียรติ และสมาชิก อกท.ร่วมพิธี ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่

คุณหญิงกัลยา โสภณพณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการกล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อ พัฒนาคุณภาพ และความเป็นเลิศทางวิชาชีพของสมาชิก อกท. และยังได้จัดให้มีการเชิดชูเกียรติสมาชิก อกท. ศิษย์เก่า ตลอดจนผู้ทำคุณประโยชน์แก่ อกท.รวมทั้งได้จัด เผยแพร่ผลงานกิจกรรมของสมาชิกและหน่วย อกท.และการอนุรักษ์และสืบสาน ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี และภูมิปัญญาไทยทำให้สมาชิก อกท. มีเจตคติที่ดีต่อการเรียนวิชาชีพเกษตร และสามารถปฏิบัติตน เป็นพลเมืองที่ดี มีคุณค่าต่อสังคมในอนาคต

ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิก อกท.ทุกคน ขอให้สมาชิกทุกคน ได้ยึดถือคติพจน์ของ อกท. เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน และช่วยเหลือสังคม ตลอดไปและในฐานะที่ ทุกคนเป็นเยาวชนที่กำลังศึกษาในภาคการเกษตร ท่านต้องพัฒนาตนเอง ให้มีความรู้ ความสามารถอย่างกว้างขวาง ควบคู่ไปกับการมีคุณธรรมจริยธรรม เพื่อให้มีความพร้อมและมีความเชื่อมั่นที่จะออกไปประกอบอาชีพต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ  

การประชุมวิชาการครั้งนี้ จะเป็นเวทีให้ทุกคนได้แสดงออก ถึงความรู้ ความสามารถและทักษะสำคัญที่จะนำไปใช้ในการประกอบวิชาชีพ  รวมถึง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ทักษะและประสบการณ์ สามารถนำความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ไปพัฒนาตนเองในงานอาชีพให้ประสบผลสำเร็จ ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้ประเทศชาติของเรา มีความมั่งคั่ง  เป็นแหล่งผลิตอาหารเลี้ยงมวลมนุษยชาติต่อไปขอให้สมาชิก อกท. ทุกคน มีความมานะ วิริยะ อุตสาหะ ขยัน หมั่นเพียร ตั้งใจศึกษา หาความรู้และประสบการณ์ เพื่อนำพาตนเอง สังคม และประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป

นายวันชัย โตมี ประธานกรรมการอำนวยการ อกท. ภาคเหนือ กล่าวว่า องค์การเกษตรกรในอนาคตแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นองค์การสากลของสมาชิก ดำเนินงานโดยสมาชิก และเพื่อสมาชิก มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ ระหว่างองค์การเกษตรกรในอนาคตทั้งในและต่างประเทศ อย่างสม่ำเสมอ กิจกรรมขององค์การนี้มุ่งเน้นฝึกฝนความเป็นเลิศด้านวิชาชีพ ฝึกคุณลักษณะการเป็นผู้นำที่ดี ส่งเสริมการมีคุณธรรมความเป็นพลเมืองดีให้แก่สมาชิกขององค์การ โดยมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกับกระบวนการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา เปิดโอกาสและส่งเสริมให้เยาวชนอาชีวะเกษตร ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง ในสถานการณ์จริง เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ที่หลากหลายเหมาะสมกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคปัจจุบันและอนาคต องค์การนี้มีชื่อย่อว่า "อกท." โดยมีคติพจน์ขององค์การที่ว่า

“เราเรียนรู้ด้วยงานการฝึกหัด เราปฏิบัติเพื่อหวังทางศึกษา หาเลี้ยงชีพเพื่อชีวิตพัฒนา ใช้วิชาเพื่อบริการงานสังคม”

การจัดการประชุมวิชาการครั้งนี้ จัดในระหว่างวันที่  25-28  ธันวาคม 2564  ณ  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีเชียงใหม่ โดยมีสถานศึกษาอาชีวศึกษาเกษตรกลุ่มภาคเหนือ เดินทางมาร่วมงาน  ประกอบด้วย  สมาชิกซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา ผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษา จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในภาคเหนือรวม 12 สถานศึกษา ส่งสมาชิกเข้าร่วมกิจกรรมการประชุมวิชาการ ประกอบไปด้วย/กิจกรรมการสัมมนา การประกวด การแสดง การแข่งขัน และการเชิดชูเกียรติ หน่วยและสมาชิก อกท. จำนวนรวมทั้งสิ้น  500 คน ในการจัดการประชุมวิชาการ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ทักษะและประสบการณ์ ด้านวิชาการของสมาชิก เพื่อเชิดชูเกียรติสมาชิก และ หน่วยที่ประสบผลสำเร็จ ในการดำเนินกิจกรรม ตลอดจนผู้ทำคุณประโยชน์แก่ อกท.เพื่อเผยแพร่ผลงาน กิจกรรมต่าง ๆ ของสมาชิกและหน่วย อกท.และเพื่อคัดเลือกตัวแทนสมาชิก อกท.ภาคเหนือ ไปร่วมการประชุมวิชาการ อกท. ระดับชาติ ครั้งที่ 42 ในระหว่างวันที่ 23-27 กุมภาพันธ์  2564 ณ วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสระแก้ว โดยสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีองค์อุปถัมภ์ขององค์การ เสด็จเป็นองค์ประธานเปิดงาน ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2564

กิจกรรมที่จัดขึ้นในการประชุมวิชาการ อกท. ภาคเหนือ ครั้งนี้ เป็นปีที่พิเศษกว่าปีก่อน เพราะเนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้น เพื่อลดการรวมกลุ่ม การแข่งขันทักษะจึงแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่  แบบ Online และแบบ onsite ทักษะที่จัดการแข่งขันแบบ Online ได้แก่ การสัมมนาผลงานทางวิชาการของสมาชิก โดยมีวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีสุโขทัย รับเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน ลดจำนวนคนเข้าร่วมได้ 192 คน ทักษะสาขาพืชศาสตร์  วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีลำพูนเป็นเจ้าภาพ ลดจำนวนผู้เข้าร่วม 50 คน นอกจากนี้ ยังมีทักษะที่จัด onsite ก่อนการจัดงานวันนี้ ได้แก่ ทักษะสาขาช่างกลเกษตร และทักษะสาขาสัตวศาสตร์  ลดจำนวนผู้เข้าร่วมงาน ได้ไม่ต่ำกว่า 200 คน จึงเหลือทักษะที่ทำการแข่งขัน จำนวน 4 สาขา 20 ทักษะ การจัดนิทรรศการแสดงผลงานทางวิชาการของสมาชิก การประกวด และการแสดง สิ่งประดิษฐ์ทางการเกษตร  

  

 

ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่!! “อลงกรณ์” เปิดวิสัยทัศน์ “ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”

นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ.รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคประชาธิปัตย์ อดีตส.ส.6สมัยและอดีตรัฐมนตรี เขียนบทความในเฟซบุ๊กวันนี้ เรื่อง “ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”

“ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่”

เป็นตอนที่ 2 ของซีรี่ย์ “ก้าวใหม่ประเทศไทย” อย่างน่าสนใจ…….

ก้าวใหม่ประเทศไทย (ตอนที่2)

เรื่อง“ปฏิรูปเกษตรไทย อนาคตประเทศไทย”

“ปลดกระดุมทุกเม็ดแล้วกลัดใหม่”

โดย อลงกรณ์ พลบุตร

4 มกราคม 2564

องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ(FAO) โครงการอาหารโลก(World Food Program) องค์การสหประชาชาติ(UN) และองค์การอนามัยโลก(WHO)รายงานผลการประชุมสุดยอดระบบอาหารโลก(UN Food System Summit 2021)โดยสรุปว่า โลกกำลังเผชิญภาวะขาดแคลนอาหารจากประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นและการ

แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชากรโลกประสบปัญหาการเข้าถึงอาหารและราคาอาหารจะแพงขึ้น

เป็นวิกฤติของโลกแต่ก็เป็นโอกาสของไทยในฐานะประเทศผู้ผลิตและส่งออกสินค้าเกษตรและอาหารชั้นนำของโลก

ประเทศไทยของเรามีศักยภาพการผลิตและการตลาดด้านเกษตรและอาหารสูงมาก

ปี 2560 เราเป็นประเทศผู้ส่งออกอาหารอันดับ 14 ของโลก

ปี 2561 ขึ้นเป็นอันดับ 12 ของโลกซึ่งมีเพียง 2 ประเทศเท่านั้นที่ปีเดียวขึ้น 2 อันดับ และเป็นครั้งแรกที่ขึ้นเป็นที่2ของเอเชียรองจากประเทศจีนเท่านั้น

ปี 2562 ขยับต่อเนื่องขึ้นเป็นอันดับ 11 ของโลก และยังครองอันดับ 2 ของเอเชีย

นับเป็นประเทศ “หนึ่งเดียวในโลก” ที่ 2 ปีขึ้น 3 อันดับ

ไทยแลนด์ โอนลี่ครับ

หลังโควิดคลี่คลาย เราจะสานฝัน”ครัวไทย ครัวโลก”สู่อันดับท็อปเทนของโลกตามนโยบายของรัฐบาล

วันนี้สินค้าเกษตรสินค้าอาหารและสินค้าเกษตรอุตสาหกรรมของไทยติดท็อปเทนของโลกจำนวนไม่น้อย เช่น ยางพารา ยางรถยนต์ ถุงมือยาง น้ำตาล ทุเรียน ข้าว สับปะรดกระป๋อง อาหารทะเล ทูน่ากระป๋อง อาหารสัตว์เลี้ยง เอทานอล มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ฯลฯ

ส่วนใหญ่ส่งออกในรูปวัตถุดิบและสินค้าแปรรูปขั้นต้นมูลค่าต่ำแบบที่เรียกว่า”ทำมากได้น้อย(More for Less)” ประเทศและเกษตรกรจึงมีรายได้น้อยมาอย่างยาวนาน เรา จึงต้องเปลี่ยนใหม่สู่การ”ทำน้อยได้มาก(Less for More)”

   ถ้าทำแบบเดิม ๆ จะไม่สามารถยกระดับอัปเกรดภาคเกษตรเทคออฟสู่เพดานใหม่ได้

   อย่างไรก็ตามแม้โจทย์จะชัดเจนในตัวเอง แต่คำถามคือ แล้วเราจะทำอย่างไร

    ผมจะยกตัวอย่างการถอดสมการนำมาสู่การออกแบบโมเดลการปฏิรูปภาคเกษตรไทย

ถ้าเราย้อนมองบริษัทเช่น  Amazon Alibaba Google Apple Teslaจะได้คำตอบว่าทำไมบริษัทเหล่านี้จึงสามารถทะยานขึ้นสู่บริษัทแนวหน้าของโลกภายในเวลา20ปีโดยเฉพาะAppleเป็นบริษัทแรกของโลกที่มีมูลค่าตลาดทะลุ3ล้านล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา(มากกว่างบประมาณไทย30ล้านเท่า)

คำตอบคือ วิสัยทัศน์ เทคโนโลยีและการบริหารจัดการใหม่ ๆ

อีกตัวอย่างเช่น ประเทศจีนที่พัฒนาตัวเองจากประเทศยากจนด้อยพัฒนาสู่ประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ2และมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีภายใน30ปี

คำตอบก็เหมือนกัน

    การถอดบทเรียนจากตัวอย่างเหล่านี้ช่วยให้การดีไซน์การปฏิรูปง่ายขึ้น

    การปลดกระดุมแล้วกลัดใหม่จึงเกิดขึ้นที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

    เป็นกระบวนการปฏิรูปการบริหารจัดการเชิงโครงสร้างและระบบ โดยใช้เทคโนโลยีเป็นแก่นกลาง

2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้เร่งรัดการปฏิรูปภาคเกษตรเดินหน้าภายใต้ 5 ยุทธศาสตร์ของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ.(จบปริญญาเอกด้านยุทธศาสตร์โดยตรง)และนโยบายของรองนายกรัฐมนตรี จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีพาณิชย์(เจ้าของสโลแกน”ทำได้ไวทำได้จริง”)ด้วยการสร้างกลไก4แกนหลักคือภาครัฐภาคเอกชนภาควิชาการและภาคเกษตรกรเป็น4เครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ตลาดนำการผลิต ยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร4.0 ยุทธศาสตร์3S(Safety-Security-Sustainability)เกษตรปลอดภัยเกษตรมั่นคงเกษตรยั่งยืน ยุทธศาสตร์เกษตรกรรมยั่งยืนและยุทธศาสตร์บูรณาการทำงานเชิงรุก นโยบายโลจิสติกส์เกษตร นโยบายอาหารแห่งอนาคต รวมทั้งการปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดินและการบริการ22หน่วยงานเพื่อยกระดับศักยภาพองค์กรและพัฒนาต้นน้ำการผลิตด้วยการเพิ่มผลิตภาพ(productivity)ลดต้นทุน การพัฒนาคนและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน(Competitiveness) ของประเทศ

ผมจะเล่าให้ฟังโดยสังเขปว่า 2 ปีมานี้ เราทำอะไรไปบ้าง ขอยกตัวอย่างเพียง 10 เรื่อง

1.เราจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม(Agritech and Innovation Center)เรียกสั้น ๆ ว่า ศูนย์ AIC 77 จังหวัดเป็นฐานเทคโนโลยีของทุกจังหวัดและยังมีศูนย์AICประเภทศูนย์ความเป็นเลิศเฉพาะด้าน(Center of Excellence:COE)อีกกว่า 20 ศูนย์ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนา(R&D)และเป็นศูนย์อบรมบ่มเพาะเกษตรกรผู้ประกอบการและถ่ายทอดนวัตกรรมเน้นเมดอินไทยแลนด์(Made In Thailand)เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีของเราเองโดยคิกออฟพร้อมกันทุกศูนย์ทุกจังหวัดทั่วประเทศเมื่อ1มิถุนายน2563 วันนี้มีเทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมกว่า624ชิ้นงานพร้อมถ่ายทอดต่อยอดสู่แปลงนาแปลงสวนแปลงไร่และอุตสาหกรรมต่อเนื่องกว่า7,000ราย

เราจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรแห่งชาติ(National Agriculture Big Data Center:NABC)ภายใต้แพลตฟอร์มดิจิทัลใหม่ ๆที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.)เริ่มตั้งแต่มีนาคม2563 เพราะเทคโนโลยีข้อมูล(Information Technology)คือเครื่องมืออเนกประสงค์ของทุกภารกิจและทุกหน่วยงานโดยกำลังเชื่อมต่อกับBig Dataของหน่วยงานรัฐ เอกชนและศูนย์AICทุกจังหวัด

เราปฏิรูปกระทรวงเกษตรฯ.ภายใต้คอนเซปต์ GovTechให้เป็นกระทรวงที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี(TechMinistry) 22 หน่วยงาน ในสังกัดกำลังพัฒนาตัวเองโดยโครงการดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น(Digital Transformation)เพื่อ เปลี่ยนบริการอนาล็อคเป็นบริการออนไลน์ เปลี่ยนการลงนามอนุมัติด้วยมือเป็นลายเซ็นดิจิทัล(Digital Signature) การเชื่อมโยงตามโครงการNational Single Window การบริการออนไลน์และแพลตฟอร์มแผนที่เกษตร(Agrimap)แบบmobile users

2.เราขับเคลื่อนฟาร์มอัจฉริยะ(smart farming)ตามแผนปฏิบัติการเกษตรอัจฉริยะโดยใช้เทคโนโลยีใหม่ๆเช่น ระบบเซนเซอร์ตรวจวัดดินน้ำอากาศและการอารักขาพืช การปรับระดับพื้นแปลงเกษตร(Land Leveling) ระบบเทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์(Sead Technology) ระบบชลประทานอัจฉริยะรวมทั้งการใช้โดรนการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมและแพลตฟอร์มแผนที่เกษตรดิจิทัล(Agrimap platform)

3.เราริเริ่มโครงการใหม่ ๆ เช่นการส่งเสริมเกษตรกรรมยั่งยืนในเมือง(urban Farming)อย่างเป็นระบบเป็นครั้งแรกตอบโจทย์Urbanization(ประชากรไทยในเมืองมากกว่าในชนบทตั้งแต่ปี2562) การจัดตั้งสภาเกษตรอินทรีย์PGSแห่งประเทศไทย การขยายพื้นที่เกษตรอินทรีย์1.3ล้านไร่ การวางหมุดหมายแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่บนฐานศาสตร์พระราชาทุกตำบล การจัดตั้งองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น2พันองค์กร การฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพประมงไทย การพัฒนาเกลือทะเลไทย การพัฒนาวัคซีนจากโปรตีนพืชสำหรับสัตว์ โครงการเกษตรแม่นยำ(Recision Agriculture)2ล้านไร่ โครงการพลังงานทดแทนโซล่ารถเซลล์ในฟาร์มกุ้งฟาร์มปลา โครงการธนาคารสีเขียว(Green Bank)ตอบโจทย์Climate Changeโดยเพิ่มต้นไม้ลดก๊าซเรือนกระจกโครงการCold Chainตลอดห่วงโซ่อุปทานและระบบแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลวแบบNitrogen Freezer เป็นตัวอย่าง

4.เราริเริ่มและขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต พืชแห่งอนาคต(Future Food Future Crop)เช่นการส่งเสริมโปรตีนทางเลือกจากพืช(Plant base Protein) มีบริษัทstartupเกิดขึ้นจำนวนมาก การสนับสนุนโปรตีนทางเลือกจากแมลง(Edible Inseat base Protein)ปัจจุบันมีกว่า2หมื่นฟาร์ม(FAOประกาศเมื่อ3ปีที่แล้วว่าแมลงกินได้Edible Insectคืออนาคตใหม่ของโปรตีนโลก)

เราเปลี่ยนวิสัยทัศน์และแนวทางใหม่โดยโฟกัสการผลิตและการตลาดใหม่แบบคลัสเตอร์เช่น คลัสเตอร์อาหารเจอาหารVeganและอาหารFleximiliamอาหารใหม่(Novel food) คลัสเตอร์อาหารฮาลาลซึ่งมีลูกค้ากลุ่มประชากรมุสลิมและไม่ใช่มุสลิมกว่า2พันล้านคน มูลค่าตลาด48พันล้านบาท และการส่งเสริมการตลาดแบบไฮบริดแพลตฟอร์ม(hybrid marketing platform)ทั้งตลาดในและต่างประเทศ ทั้งออนไลน์ (on-line)ออฟไลน์(off-line)และออนไซต์(on-site)ด้วยโครงการLocal HeroทุกจังหวัดมีทีมE-Commerceรับผิดชอบเป็นต้น

5.เราได้วางโรดแม็ปเส้นทางโลจิสติกส์เกษตรเชื่อมไทยเชื่อมโลกในระบบการขนส่งหลายรูปแบบ(Multimodal Transportation)ทั้งทางรถทางรางทางน้ำและทางอากาศ(Low Cost Air Cargo)เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์และเพิ่มความรวดเร็วในการเข้าถึงตลาดทั่วโลกและตลาดเป้าหมายใหม่เช่น

โครงการดูไบคอริดอร์-ไทยแลนด์ คอริดอร์ (Dubai Coridor- Thailand Corridor),เส้นทางรถไฟอีต้าอีลู่(BRI)เชื่อมไทย-ลาว-จีนสู่จีนทุกมณฑล-เอเชียใต้-เอเชียตะวันออก-เอเชียกลาง-ตะวันออกกลาง-รัสเซียและยุโรป และกำลังเปิดประตูใหม่จากอีสานสู่แปซิฟิกไปทวีปอเมริกาเหนืออเมริกาใต้และเปิดประตูตะวันตกประตูใต้สู่ทะเลอันดามัน-อ่าวเบงกอลและมหาสมุทรอินเดียสู่เอเชียใต้ แอฟริกา ตะวันออกกลางและยุโรป

6.เรากำลังปรับเปลี่ยนเกษตรแปลงย่อยเป็นเกษตรแปลงใหญ่(Big Farm)ซึ่งขณะนี้ขยายเพิ่มเป็นกว่า8,000แปลงเป็นพื้นที่รวมกว่า7ล้านไร่แล้วโดยมีการสนับสนุนเครื่องจักรกลเกษตรและระบบเกษตรอัจฉริยะเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต

7.เราพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่เป็นyoung smart farmerได้กว่า 20,000คนและส่งเสริมพัฒนาศูนย์ศพก.เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ระดับอำเภอพร้อมกับยกระดับเกษตรกรที่มีประสบการณ์สู่ระบบคุณวุฒิวิชาชีพโดยร่วมมือกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ

8.เรานำระบบทรัพย์สินทางปัญญา(Intellectual property)มาใช้ในการสร้างเกษตรมูลค่าสูงสร้างผลิตภัณฑ์สร้างแบรนด์ภายใต้แนวทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์(Creative Economy)โดยมีทีมงานรับผิดชอบโดยตรง

9.เราบริหารการพัฒนาเชิงพื้นที่(Area base)ควบคู่กับการบริหารการพัฒนาเชิงคลัสเตอร์เช่น โครงการ1กลุ่มจังหวัด1นิคมอุตสาหกรรมเกษตรอาหารทั้งหมด18กลุ่มจังหวัดเป็นศูนย์การแปรรูปผลผลิตเกษตรเพื่อกระจายการพัฒนาทุกภาคทุกจังหวัดไม่ให้เจริญแบบกระจุกตัวซึ่งก่อให้เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำของการพัฒนาโดยปี2565 รัฐมนตรีเกษตรฯ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาการเกษตรระดับอำเภอ878อำเภอทั่วประเทศและคณะทำงานเกษตรกรรมยั่งยืนระดับตำบล7,255ตำบลเพื่อสร้างจุดเปลี่ยนระดับพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด

10.ความก้าวหน้าของงานแต่ละด้านเกิดจากการบริหารแบบเปิดกว้างสร้างหุ้นส่วน(Partnership platform)ในการทำงานกับทุกภาคีภาคส่วนเช่นสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมต่าง ๆ สถาบันอาหาร มหาวิทยาลัยและวิทยาลัย สมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย สมาพันธ์ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทย เครือข่ายองค์กรเอกชน ทุกกระทรวงและทุกพรรคการเมืองไม่ว่าฝ่ายค้านหรือรัฐบาล การยึดประโยชน์บ้านเมืองมาก่อนประโยชน์ทางการเมืองได้สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจนำมาซึ่งความร่วมมืออย่างจริงจังและจริงใจ ประการสำคัญคือการทำงานอย่างทุ่มเทของคนกระทรวงเกษตรฯ

งานหนักและอุปสรรครออยู่ข้างหน้าอีกมาก แต่ด้วยก้าวใหม่ ๆ ตามโรดแม็ปที่วางไว้ เราเดินเข้าใกล้เป้าหมายในทุกก้าวที่กล้าเดิน

 


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top