Tuesday, 14 May 2024
โควิด-19

กาฬสินธุ์ - สหกรณ์มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยสมาชิก แก่ปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

สหกรณ์จังหวัดกาฬสินธุ์ มอบเงินชดเชยดอกเบี้ยเงินกู้ให้เกษตรกรสมาชิกสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 และประสบภัยพิบัติกว่า 4 ล้านบาท เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ นำไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 มกราคม 2565 ที่ห้องประชุมสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ พร้อมเจ้าหน้าที่สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้ร่วมกันมอบเช็คเงินสด ซึ่งเป็นเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สหกรณ์ร่วมโครงการจำนวน 14 สหกรณ์ มีสมาชิกที่ได้รับเงินชดเชยดอกเบี้ยจำนวน 8,076 ราย มูลหนี้ต้นเงินรวม จำนวน 1,190,866,211.64 บาท เงินชดเชยดอกเบี้ย จำนวน 4,357,459.92 บาท

นายวิทยา วัฒนวิเชียร สหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า โครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 จะจ่ายเป็น 2 งวด งวดที่ 1 คือวันนี้ จำนวน 2,178,729.94 บาท และงวดที่ 2 จะจ่ายประมาณเดือนเมษายน จำนวน 2,178,729.98 บาท ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกร ที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ตามวัตถุประสงค์ของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่จะช่วยลดภาระดอกเบี้ย และลดต้นทุนในการประกอบอาชีพการเกษตรแก่สมาชิก  และเพื่อให้สมาชิกที่ประกอบอาชีพการเกษตร มีโอกาสนำเงินส่วนที่ได้รับการช่วยเหลือไปฟื้นฟูประกอบอาชีพ ตลอดจนมีเงินทุนไว้ใช้จ่ายในครัวเรือน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นี้ด้วย

นายวิทยากล่าวอีกว่า สำหรับการมอบเงินชดเชยดอกเบี้ย ตามโครงการช่วยเหลือด้านหนี้สินสมาชิกสหกรณ์และกลุ่มเกษตรกร ทางสำนักงานสหกรณ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้จัดมอบแล้ว 3 ครั้ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมด ครั้งแรกในปี 2562 จัดมอบไป 6 สหกรณ์ 1.สหกรณ์การเกษตรถาวรพัฒนากาฬสินธุ์ จำกัด 2.สหกรณ์การเกษตรท่าคันโท จำกัด 3.สหกรณ์การเกษตรนามน จำกัด 4.สหกรณ์การเกษตรเมืองกาฬสินธุ์ จำกัด 5.สหกรณ์การเกษตรร่องคำ จำกัด และ6. สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนตำบลโคกสะอาด จำกัด จำนวนเงิน 3,246,202.12 บาท โดยจ่ายครบ 100%

 

ลำปาง - กองทัพบกเดินหน้า ร่วมปกป้องพี่น้องชาวลำปางให้ปลอดภัยจากโควิด-19 โดยจิตอาสามณฑลทหารบกที่ 32 อำนวยความสะดวกและแจกจ่ายเจลแอลกอฮอล์พระราชทาน

พลตรีอโณทัย ชัยมงคล ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 32/ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทานมณฑลทหารบกที่ 32 จัดวิทยากรจิตอาสา 904 พร้อมด้วยกำลังพลจิตอาสามณฑลทหารบกที่ 32 อำนวยความสะดวก และแจกจ่ายเจลแอลกอฮอล์พระราชทานให้กับประชาชนชาวลำปาง ที่เข้ารับบริการการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นการฉีดวัคแอสตราเซนิก้า เข็มที่ 2 ตามใบนัดหมาย  

โดยมียอดผู้มารับบริการ จำนวน 3,000 คน นับเป็นความห่วงใยประชาชนที่ในพื้นที่ให้ได้รับฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุม เพื่อเป็นการป้องกันตนเองและเพื่อให้ทุกส่วนร่วมกันป้องกัน การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 ให้เกิดประสิทธิภาพ

 

ผบ.ตร.ห่วงใย!! สั่งการกำลังพลตรวจ ATK ก่อนกลับมาปฏิบัติหน้าที่ เข้มมาตรการป้องกันโควิด-19 แบ่งกำลัง Work From Home ลดเสี่ยง!!

6 ธ.ค.65 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เผยว่า สถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เริ่มกลับมาแพร่ระบาด โดยเฉพาะสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ทำให้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นและเนื่องจากช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน ซึ่งพี่น้องประชาชน อาจมีการไปท่องเที่ยว หรือกลับภูมิลำเนา รวมถึงข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวก ป้องกันอาชญากรรม ช่วงเทศกาลปีใหม่นั้น

พล.ต.ต.ยิ่งยศฯ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) อย่างเคร่งครัด และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยกำลังพล จึงมีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัด กำลังพลทุกนาย ก่อนปฏิบัติหน้าที่ ให้ ตรวจ Antigen Test Kit หรือ ATK เพื่อคัดกรองโรคโควิด-19 ทุกราย และขอให้เข้มงวดกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด สวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยจากผู้อื่น หลีกเลี่ยงพื้นที่ปิด พยายามอยู่ในพื้นที่เปิดโล่งและอากาศถ่ายเทสะดวก ล้างมือบ่อย ๆ โดยใช้สบู่และน้ำ หรือเจลล้างมือที่มีส่วนผสมหลักเป็นแอลกอฮอล์

รวมถึงการนำมาตรการ Work From Home หรือการทำงานจากที่บ้าน กลับมาใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ โดยไม่ให้กระทบกับการบริการประชาชน และการปฏิบัติหน้าที่ราชการ กรณีหน่วยงานในสังกัดต้องการรับการสนับสนุน สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ โรงพยาบาลตำรวจ

 

‘นักแสวงบุญนครเมกกะ’ ยืนยัน!รอติดโควิด เพราะยาสมุนไพรไทยเสริมภูมิที่ ‘บิ๊กแจ๊ส’ แจกให้ แต่ผู้โดยสารอื่นติดยกลำ!!

เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2565 เวลา 10:30 น. ที่องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตำบลบ้านฉาง อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี , นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นางกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา และ พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ (วัดน้ำตก) ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวยืนยันประสิทธิภาพยาสุมนไพรเสริมภูมิของวัดคีรีวงก์ เสริมสร้างสร่างภูมิคุ้มกันได้จริง

โดยชาวมุสลิม จ.ปทุมธานี จำนวน 4 คน ที่เดินทางร่วมกับชาวมุลลิมจังหวัดอื่น ๆ อีก 27 ท่าน รวม 31 คนไปแสวงบุญนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย จำนวน 14 วัน หลังกลับมา ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 27 ราย ส่วนชาวปทุมธานี 4 รายที่ทานยาสมุนไพรไม่ติดเชื้อเลย สืบเนื่องจากการเดินทางไปแสวงบุญ ที่นครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยมีพี่น้องมุสลิมจากทั่วประเทศเช่น กรุงเทพฯ นนทบุรี นครราชสีมา จำนวน 31 คน ในส่วนนี้มีชาวจังหวัดปทุมธานีร่วมด้วยจำนวน 4 คน

เมื่อกลับมาประเทศไทยพบว่าติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 27 คน ส่วนอีก 4 คน ที่ไม่พบว่าติดเชื้อ คือ นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) ที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี , นายไพฑูรย์ ฮึกหาญ อายุ 58 ปี , นายสุพจน์ สมนึก อายุ 52 ปี และนายกมลชัย ยะลาน อายุ 28 ปี ชาวมุสลิมปทุมธานี เนื่องจากได้ทานยาสมุนไพรเสริมภูมิของวัดคีรีวงก์ จ.ชุมพร

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวว่า เนื่องจากจังหวัดปทุมธานีมัสยิดจำนวน 32 มัสยิด และมีพี่น้องอิสลามเยอะจึงแต่งตั้ง นายอดุลย์ มะหะหมัด (บอบอเลาะฮ์) เป็นที่ปรึกษานายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อเขาเดินทางไปแสวงบุญที่นครเมะกะ ก็มีกังวลและห่วง ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้ยาสมุนไพรของวัดคีรีวงก์ แจกให้พี่น้องประชาชนชาวปทุมธานีทั้งไทยพุทธและมุสลิมไปเยอะแล้ว เมื่อกินแล้วได้ผลจึงให้นำติดตัวไป 50 ชุด เพื่อพี่น้องมุสลิมชาวปทุมธานีในการเดินทางไปแสวงบุญ ผลที่ได้รับกลับมาไม่มีใครติดเชื้อโควิด แม้แต่รายเดียว 

ในส่วนของ อบจ.ปทุมธานีที่ให้ตรวจ ATK พบว่าติดเชื้อ 100 คน จึงให้ยาสมุนไพรไปกิน ทั้งจำนวน 100 คน ผลที่ออกมาหายทั้ง 100 คน ภายใน 3- 5 วัน แต่ที่ชาวมุสลิมกลุ่มนี้ไปจำนวนกว่า 30 คน กินอยู่หลับนอนด้วยกันทั้งความแออัดต่าง ๆ แต่ 4 คนชาวปทุมธานีที่กินยาสมุนไพรไม่พบว่าติดเชื้อ จึงอยากให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นสุมนไพรไทยสามารถช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้นกันได้ ทาง อบจ.ปทุมธานีได้ยาสุมนไพรมาจำนวนหลายล้านเม็ดได้แจกให้พี่น้องประชาชนไปทั้งหมด ที่ผ่านมาเทศกาลลอยกระทง เทศกาลปีใหม่พบว่ายอดจำนวนผู้ติดเชื้อภายในจังหวัดปทุมธานีก็ยังคงที่ กำลังหารือกับ คุณกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา เพราะว่าโรงเรียนเปิดการเรียนการสอน จะให้ทุกโรงเรียนมียาตัวนี้ติดไว้ที่โรงเรียน เพราะว่าเราไม่สามารถจัดชุดอุปกรณ์การตรวจ ATK ให้ไม่ได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่จะหายาให้ใครพบว่าติดเชื้อให้ยาไปกิน ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน อยากให้ทุกโรงเรียนมียาสมุนไพรจำนวน 100-200 ชุดในแต่ละโรงเรียนในจังหวัดปทุมธานี

นายไพฑูรย์ ฮึกหาญ อายุ 58 ปี ชาวมุสลิม จ.ปทุมธานี กล่าวว่า ทางทีมพวกเราไปจำนวน 31 คนตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2564 ออกจากประเทศไทยเวลาตี 2 ไปถึงเมืองมาดีนะห์ก็เริ่มทานยาสมุนไพรที่ บอบอเลาะฮ์แจกให้ทาน อยู่ที่เมืองมาดีนะห์จำนวน 4 วันจากนั้นเดินทางไปทางโดยเครื่องบินอีก ซึ่งภายในเครื่องบินก็แออัดมาก เพื่อที่จะเดินทางไปนครเมกกะ ประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยอยูที่นครเมกกะจำนวน 10 วัน เราก็ทานยาสุมนไพรทุกวันเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันไว้จนถึงวันกลับ สภาพแออัดมากมีชาวแอฟริกาจำนวนมากที่อยู่บนเครื่องบินจากนั้นมาเปลี่ยนเครื่องที่ประเทศกาตาร์ เพื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย ก็กักตัวเพื่อตรวจสวอพ 1 คืน มีผลออกมายืนยันว่าไม่พบการติดเชื้อ และมากักตัวที่บ้าน ซึ่งระว่างนั้นผมยังได้ตรวจสวอพ PCR จำนวน 3 ครั้ง และตรวจ ATK ทุกวันไม่พบว่ามีการติดเชื้อ

ทางด้าน พระมหาขวัญชัย อัคคชโย เจ้าอาวาสวัดคีรีวงก์ กล่าวว่า ยาสมุนไพรชุดนี้สามารถกินเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เนื่องจากปัจจุบันยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสรวมถึงเชื้อตัวใหม่ที่กลายพันธุ์อยู่ขณะนี้ เมื่อร่างกายเกิดภูมิคุ้มกันดีขึ้น อวัยวะภายในแข็งแรง ไวรัสต่าง ๆ ภายนอกร่างกายก็ไม่สามารถเข้าไปทำร้ายอวัยวะภายในได้ จึงต้องทำให้ภูมิคุ้มกันแข็งแรง เนื่องจากยาสมุนไพรชุดนี้เป็นธรรมชาติและการทำงานครั้งนี้ได้รับความอนุเคราะห์จากคุณกิ่งกาญจน์ อารักษ์พุทธนันท์ ประธานมูลนิธิตามรอยบาทพระศาสดา และ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายก อบจ.ปทุมธานี ที่ช่วยสนับสนุนในการบริจาคแคปซูลด้วย

 

กาฬสินธุ์ - ชาวนาพอใจ เงินประกันรายได้ภาพรวมถึงมือแล้ว 3,600 ล้าน

ชาวนาจังหวัดกาฬสินธุ์ พอใจเงินประกันรายได้ทำนา และเงินค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตข้าว ฤดูกาลผลิต 2564/65 ที่รัฐบาลจัดให้ ช่วยลดต้นทุนการผลิต มีเงินใช้จ่ายในการครองชีพช่วงสถานการณ์โควิด และมีเงินทุนทำนาปรัง อยากให้มีโครงการนี้ตลอดไป ในขณะที่เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ เผยภาพรวม รัฐโอนถึงมือชาวนาแล้ว 9 งวดเม็ดเงิน 3,678,654,188 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการติดตามบรรยากาศการประกอบอาชีพของประชาชนชาว จ.กาฬสินธุ์ ในช่วงฤดูแล้งและสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 พบว่าในเขตใช้น้ำชลประทานลำปาว เริ่มลงมือเพาะปลูกข้าวนาปรังกันแล้ว หลังทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว ได้ระบายน้ำมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2565 บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก แม้ราคาขายข้าวเปลือกนาปีที่ผ่านมาจะตกต่ำ โดยเริ่มต้นเพียงกิโลกรัมละ 5 บาท ทำให้ชาวนาหลายคนถอดใจไม่อยากทำนา เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุน  แต่วันนี้ชาวนากลับมาทำนาด้วยความหวังใหม่อีกครั้ง  ทั้งนี้เป็นผลพวงจากการได้รับเงินส่วนต่าง หรือเงินประกันรายได้ รวมทั้งยังได้รับเงินค่าเก็บเกี่ยวอีกไร่ละ 1,000 บาท เป็นรายได้ 2 ต่อหลังจากขายข้าวเปลือกขาดทุนอีกด้วย

นายพงษ์ศักดิ์ ชินคีรี เกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ในส่วนโครงการที่รัฐบาลมอบให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวฤดูกาลผลิต 2564/65 มี 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องปีที่ 3 คือโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินส่วนต่าง และโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเงินค่าเก็บเกี่ยว  ซึ่งเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวไว้และผ่านการรับรอง จำนวน 153,884 ครัวเรือน 265,859 แปลง เนื้อที่ 1,558,244.46 ไร่ ผ่านการรับรองและได้รับการช่วยเหลือ ตัดยอดล่าสุด 9 งวด (4 ม.ค.65) จำนวน 153,544 ครัวเรือน 264,997 แปลง เนื้อที่ 1,553,351.34 ไร่

นายพงษ์ศักดิ์กล่าวอีกว่า ผลการโอนเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว 2,272,155,530 บาท ขณะที่ผลการโอนเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จำนวน 1,406,498,618 บาท รวมจำนวน 3,678,654,188 ล้านบาท โดยยังเหลือที่จะโอนให้อีก 2 งวด รวมที่รัฐบาลจะจัดโอนให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั้ง 2 โครงการทั้งหมด 11 งวด ทั้งนี้ เพื่อเป็นเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ในการลดต้นทุนการผลิต มีเงินใช้จ่ายในการอุปโภค บริโภคในครัวเรือน ซึ่งผลการดำเนินการที่ผ่านมาเกษตรกรได้รับความพึงพอใจ 100%

ด้านนายประเสริฐ ภูสิงหา อายุ 55 ปี ชาวนาบ้านหนองบัวหน่วย อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 16 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์กล่าวว่า ตนที่พื้นที่ทำนา 19 ไร่ ขายผลผลิตข้าวนาปีได้กิโลกรัมละ 6 บาท ซึ่งขาดทุน เนื่องจากค่าปุ๋ยเคมี ค่าเก็บเกี่ยวสูงมาก จนคิดว่าในฤดูแล้งนี้ไม่อยากจะทำนาปรัง เพราะทำไปก็ขาดทุนซ้ำซาก แต่พอทางรัฐบาลจัดเงินส่วนต่างและค่าเก็บเกี่ยวให้ โดยโอนผ่าน ธ.ก.ส.ครอบครัวตนได้เกือบ  30,000 บาท ทำให้พอมีเงินใช้หนี้ปุ๋ยเคมี และชดเชยค่ารถเกี่ยวข้าว ทั้งมีเหลือพอใช้จ่ายในครัวเรือนบ้างจึงมีกำลังใจที่จะทำนาต่อไป ทั้งนี้อยากให้รัฐบาลมีโครงการดี ๆ นี้ต่อเนื่องตลอดไป

 

‘เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี’ จัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว ภายใต้โครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari"

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 7 มกราคม 2565 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) โดยสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี จัดแถลงข่าวการจัดโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari" โดยมี นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นประธานเปิด และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมด้วย ณ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี

นายสายสิทธิ์ เจตสิกทัต ปฏิบัติหน้าที่แทน ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาพิงคนคร กล่าวว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ส่งผลกระทบโดยตรงและโดยอ้อม ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง เนื่องจากมีมาตรการการปิดประเทศ ทำให้ภาคผู้ประกอบการท่องเที่ยวและภาคประชาชนต้องอยู่ในสภาวะวิกฤตจากพิษเศรษฐกิจที่หยุดชะงักตัวลง ความหวังเดียวในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวคือ การกระตุ้นการท่องเที่ยวของคนไทยในประเทศด้วยกันเอง เนื่องจากรายได้หลักมาจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจึงมีแนวคิดที่จะฟื้นฟู ปรับปรุง และสร้างกิจกรรมที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทย เพื่อสร้างรายได้ให้กับเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและชุมชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น

จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน “Chiang Mai Night Safari” ขึ้น เพื่อสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมาเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีและจังหวัดเชียงใหม่เพิ่มขึ้น และเพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง พร้อมพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ให้เกิดการกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งก่อให้เกิดกระแสการท่องเที่ยว การซื้อสินค้า และบริการ ทั้งในระดับจังหวัดและระดับภูมิภาค เป็นการกระจายรายได้สู่ภาคประชาชน ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน ต่อไป

ทร.เตรียมพร้อม!! รพ.สนาม รับมือการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์ใหม่ โอมิครอน

พลเรือโท ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส covid-19 สายพันธุ์โอมิครอ ที่กำลังระบาดอยู่เป็นวงกว้างในขณะนี้ พลเรือเอก สมประสงค์  นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้สั่งการให้หน่วยต่าง ๆ ของกองทัพเรือที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เตรียมความพร้อมของโรงพยาบาล/สถานพยาบาล/โรงพยาบาลสนามเพื่อรองรับการแพร่ระบาด ดังนี้

 1. ให้โรงพยาบาลสมเด็จพระปิ่นเกล้า และโรงพยาบาลสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กรมแพทย์ทหารเรือ เป็นโรงพยาบาลหลัก สามารถให้บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการ มีหอผู้ป่วยวิกฤต ห้องแรงดันลบ หอผู้ป่วยรวม และห้องแยก มีขีดความสามารถในการตรวจวินิจฉัย และให้การรักษา ตั้งแต่อาการเล็กน้อย จนถึงขั้นวิกฤติ

 2. ให้มีความพร้อมของโรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือ 3 แห่งที่จัดตั้งมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้วให้การสนับสนุนสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถรองรับผู้ป่วยได้รวม 1,109 เตียง ประกอบด้วย

 - โรงพยาบาลสนาม ศูนย์การฝึกหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (เกล็ดแก้ว) อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 544 เตียง

 - โรงพยาบาลสนาม ค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี จำนวน 180 เตียง

 - โรงพยาบาลสนาม สนามฝึกกองทัพเรือ หมายเลข 16 บ้านจันทเขลม จังหวัดจันทบุรี จำนวน 385 เตียง

ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังได้เน้นย้ำให้ข้าราชการกองทัพเรือ เพิ่มความระมัดระวังทั้งแก่ตนเองและสมาชิกในครอบครัว ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ระบาดเพิ่มขึ้นนี้ โดยให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคระบาดตามที่รัฐบาล กำหนดและมาตรการตามที่กองทัพเรือ ได้สั่งการอย่างเคร่งครัดอีกด้วย

ทั้งนี้ โรงพยาบาลสนามของกองทัพเรือทั้ง 3 พื้นที่ อยู่ภายใต้การบริหารจัดการและกำกับดูแลของหน่วยงาน สาธารณสุขจังหวัดใน แต่ละพื้นที่ ที่ผ่านมาได้ปิดการใช้งานชั่วคราว เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ลดลงในช่วงปลายปี 2564 อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบกับ โรงพยาบาลสนามทั้ง 3 พื้นที่ ทราบว่า พร้อมให้การสนับสนุนสาธารณสุขจังหวัด ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 10 มกราคม 2565 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป

 

 

“บิ๊กตู่" เชิญชวนคนไทยรณรงค์ เทศกาลตรุษจีน ปลอดภัยห่างไกลโควิด-19 ร่วมมือปฏิบัติตามคำแนะนำของ สธ. ช่วง "วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว"

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เชิญชวนคนไทยรณรงค์เทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2565  ปลอดภัยห่างไกลโควิด-19 พร้อมขอให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขในช่วง วันจ่าย วันไหว้ วันเที่ยว ซึ่งปีนี้ตรงกับวันที่ 1 ก.พ. 65  หลายครอบครัวมีการรวมกลุ่มญาติพี่น้อง ซึ่งอาจมีพฤติกรรมหรือกิจกรรมที่มีความเสี่ยงต่อการติดและแพร่เชื้อของโควิด-19  จึงขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างเคร่งครัด โดยทั้ง 3 วันนี้ สมาชิกทุกคนในครอบครัวต้องปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล “DMHTTA” อย่างเคร่งครัด

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนศาสนสถาน และสถานที่จัดงานตรุษจีน ให้ปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยสำหรับองค์กร (COVID Free Setting) ดังนี้ 1.ประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำแก่ผู้ดำเนินการศาสนสถานในการบริหารจัดการเพื่อลดมลพิษจากการจุดธูปสำหรับศาสนสถาน ศาลเจ้า สถานที่จัดงานตรุษจีน 2.ประชาสัมพันธ์ให้กับประชาชนผู้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาสนสถาน ศาลเจ้า สถานที่จัดงานตรุษจีนให้มีวิธีการปฏิบัติที่ดี เพื่อลดอันตรายจากการสัมผัสมลพิษจากควันธูป รวมทั้งปฏิบัติตามมาตรการ DMHTTA มาตรการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) 3.จัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ควบคุม กำกับ ศาสนสถาน ศาลเจ้า สถานที่จัดงานตรุษจีนที่ประชาชนนิยมไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้ถือปฏิบัติตามมาตรการ ในการป้องกันอันตรายจากควันธูปและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  เนื่องจากปีนี้ อยู่ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โควิด-19 และยังไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ดังนั้น   จึงได้มีการประกาศงดการจัดงานเทศกาลตรุษจีนที่ถนนเยาวราช  แต่มีการประดับตกแต่งไฟบริเวณซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา (วงเวียนโอเดียน)  ในส่วนของพี่น้องประชาชน เชื้อสายจีน ยังคงสามารถสืบสานประเพณีรวมถึงการไหว้เจ้าตามสถานที่ต่าง ๆ ภายใต้มาตรการควบคุมป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 

สมุทรปราการ - ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธีเปิด ‘ร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ’ พร้อมให้กำลังพลและครอบครัวมีความสะดวก สุขใจ และปลอดภัย!!

พลเรือโทชาติชาย ทองสะอาด ผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือเป็นประธานในพิธี เปิดร้านค้าสวัสดิการโรงเรียนนายเรือ โดยมี รศ.​ ดร.วัชรีวรรณ​ ทองสะอาด ภริยา พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของโรงเรียนนายเรือ ร่วมพิธีฯ ณ สโมสรโรงเรียนนายเรือ บริเวณบ้านพักข้าราชการ อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ

สำหรับร้านค้าสวัสดิการ โรงเรียนนายเรือ เป็นหนึ่งในนโยบายของผู้บัญชาการโรงเรียนนายเรือ ประจำปีงบประมาณ 2565 ด้านสวัสดิการและสุขภาพ โดยกำหนดให้มีการจำหน่ายสินค้าราคาประหยัดในพื้นที่ของโรงเรียน เพื่อให้กำลังพลและครอบครัวได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและสินค้าเพื่อสุขภาพ 

 

โฆษกภูมิใจไทย เผย '4 ส.ส.' ติดเชื้อโควิด -19 

นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีส.ส.ติดเชื้อโควิด - 19  หลายคน และหลายพรรค โดยในส่วนของพรรคภูมิใจไทยที่ได้รับรายงาน ยืนยันติดเชื้อแล้ว คือ นายยศวัฒน์ มาไพศาลสิน ส.ส.กาญจนบุรี  นายอำนาจ วิลาวัลย์ ส.ส.ปราจีนบุรีและ นายคงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ ส.ส.ระนอง รวมถึงนายสิริพงศ์  อังคสกุลเกียรติ ส.ส. ศรีสะเกษ  ที่ติดไปก่อนหน้านี้

แสดงให้เห็นว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้นไม่แสดงอาการ อย่างนายสิริพงศ์ เขาก็ป้องกันตัวเอง ตรวจATKวันละ 2 ครั้ง และก่อนวันที่จะตรวจว่ามีผลติดเชื้อ ก็พบว่ายังคงมีผลเป็นลบ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุแต่เชื่อว่าในอนาคต การติดเชื้อจะมากขึ้น พร้อมกับตั้งคำถามถึงมาตรการของสภาฯ ว่าจะต้องเข้มข้นขึ้นหรือไม่อย่างไร โดยส.ส.ที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการรุนแรง จึงเชื่อว่าผู้ที่ได้รับวัคซีน 3 เข็มไปแล้ว อาจทำให้ความรุนแรงของโรคน้อยลง


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top