Monday, 7 April 2025
แพทองธารชินวัตร

นายกฯ คิกออฟ กดปุ่มโอนเงินหมื่น เฟส 2 กลุ่ม 60 + เติมเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท

นายกฯ คิกออฟ กดปุ่มโอนเงินหมื่น เฟส 2กลุ่ม 60 + กว่า 3 ล้านคนทั่วประเทศ เติมเม็ดเงินเข้าระบบเศรษฐกิจไทยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ย้ำกรณีโอนไม่ผ่านหรือติดขัดในวันนี้รัฐบาลจะโอนซ้ำอีก3รอบ วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 28 มีนาคม และ28เมษายน จากนั้นจะนำข้อมูลมาพิจารณา

(27 ม.ค. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน (Kick Off) โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้สูงอายุ พร้อมกล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรัฐบาลได้เน้นย้ำและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ เพื่อทำให้ประชาชนมีกินมีใช้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาในเฟสแรกมีการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ จำนวน 14 ล้านคน โดยได้มอบเงิน จำนวน 10,000 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างมากมาย มีการจับจ่ายซื้อของทำให้เศรษฐกิจกระตุ้นขึ้น และบางครอบครัวได้นำเงินมารวมกันเพื่อต่อยอดทำธุรกิจสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นความสำเร็จของรัฐบาลที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ และวันนี้เป็นเฟสที่สองของการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะจ่ายเงิน 10,000 บาท ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนให้ผู้สูงอายุจำนวนกว่า 3,000,000 คน ส่งผลให้มีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไทยเป็นจำนวนประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท  โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีกับประชาชน และหวังให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยเงินจำนวนนี้ เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ แบ่งเบาภาระได้หลาย ๆ อย่าง และนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพต่อไป 

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กดยืนยันการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่กลุ่มเป้าหมายของโครงการฯ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปิดตัวโครงการฯ อย่างเป็นทางการ เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง และสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรัฐมนตรีที่ได้แถลงต่อรัฐสภา

ภายหลังกดปุ่มโอนเงิน นายกรัฐมนตรีรับฟังความรู้สึกจากตัวแทนกลุ่มผู้สูงอายุที่ได้รับเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุต่างขอบคุณรัฐบาลที่เห็นความสำคัญ ไม่ทอดทิ้งกลุ่มผู้สูงอายุ มอบโอกาสให้ผู้สูงอายุมีเงิน 10,000 บาท เพื่อนำเงินที่ได้รับไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง และครอบครัว

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พูดคุยผ่านระบบ Video Conference กับป้าจันทร์ อายุ 79 ปี อาชีพแม่ค้าขายไข่สด โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวทักทายป้าจันทร์ว่า วันนี้หน้าตาสดใส ทางด้านป้าจันทร์กล่าวว่า หน้าตาสดใสเพราะดีใจที่ได้รับเงิน 10,000 จากรัฐบาล พร้อมกับกล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ดำเนินโครงการที่ดีเป็นประโยชน์ โดยจะนำเงินที่ได้รับไปซื้อไข่มาขายต่อ และเงินอีกส่วนหนึ่งจะนำไปจับจ่ายใช้สอยในชีวิตประจำวัน พร้อมกับกล่าวให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ขอให้มีกำลังใจที่ดีในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้กำลังใจป้าจันทร์ ขอให้มีกำลังใจในการประกอบอาชีพ และมีสุขภาพที่แข็งแรง

สำหรับเงินสนับสนุน เฟส 2 นี้ หากดำเนินการโอนแล้วติดขัดเรื่องใด ๆ จากจำนวนผู้ลงทะเบียน รัฐบาลจะ โอนซ้ำอีก 3 ครั้งในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 28 มีนาคม และ 28 เมษายน ปีนี้และหากพ้นกำหนด 3 ครั้ง ก็จะ ตรวจสอบว่าเหลืออยู่จำนวนเท่าไร เพื่อนำมากำหนดวิธีสำหรับผู้ไม่มี สมาร์ตโฟนต่อไป

'นายกฯ อิ๊งค์' เตรียมเยือน!! จีน คุย 'ปธน.สี จิ้นผิง' เจริญสัมพันธไมตรี ครบ 50 ปี ขับเคลื่อน!! ความร่วมมือในทุกมิติ ‘การค้าการลงทุน – เศรษฐกิจ – สังคม’

(1 ก.พ. 68) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในช่วงบ่ายของวันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ จะออกเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ณ กรุงปักกิ่ง โดยในเช้าวันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ นายกรัฐมนตรี และคณะ มีกำหนดการเข้าประชุมหารือกับ นายสี จิ้นผิง (H.E. Xi Jinping) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายจ้าว เล่อจี้ (H.E. Mr. Zhao Leji) ประธานสภาประชาชนแห่งชาติสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายหลี่ เฉียง (H.E. Mr. Li Qiang) นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อขับเคลื่อนความสัมพันธ์และความร่วมมือในทุกมิติ ทั้งการค้าการลงทุน เศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปี 2568 นี้ เป็นปีทองแห่งมิตรภาพไทย - จีน ครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต

นายจิรายุ กล่าวว่า จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์วีรชน ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมพิธีตรวจแถวสวนสนามภายในศาลามหาประชาชน และเข้าพบปะหารือร่วมกับนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนและคณะ จากนั้นนายกรัฐมนตรีจะเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างไทย - จีน ทั้งในเรื่องเศรษฐกิจการค้าการลงทุน และ ข้อตกลงต่าง ๆ ระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศที่ได้บรรลุข้อตกลงระหว่างกัน โดยในช่วงค่ำรัฐบาลจีนโดยนายกรัฐมนตรีจีนและคณะผู้บริหารของรัฐบาลจีนได้จัดงานเลี้ยงรับรองคณะนายกรัฐมนตรีและคณะ

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นในวันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ช่วงเช้านายกรัฐมนตรีพร้อมคณะจะออกเดินทางจากกรุงปักกิ่งไปยังเมืองฮาร์บิน ในมณฑลเฮย์หลงเจียง ซึ่งอยู่ทางภาคเหนือของประเทศจีน ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน โดยในช่วงเที่ยงวันดังกล่าวประธานาธิบดี สี จิ้นผิง จะเป็นประธานเลี้ยงต้อนรับผู้นำของแต่ละประเทศ และเชิญ นางสาวแพทองธาร เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 อย่างเป็นทางการ นอกจากในส่วนของการต้องรับของรัฐบาลจีนแล้ว นายกรัฐมนตรีจะพบกับนักกีฬาไทยที่ประสบความสำเร็จในการแข่งขันในงานแสดงศิลปะแกะสลักน้ำแข็ง หรือ Harbin Ice and Snow World โดยในปีนี้จะร่วมทำการแข่งขันอีกด้วย

นายจิรายุ กล่าวว่า ทั้งนี้ คณะของนายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางประกอบไปด้วย 1.นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 3.นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 4.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 5.นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 6.นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 7.นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 8.นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ 9.นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ แพทองธารพบผู้นำสภาจีน เดินหน้าปราบอาชญากรรม-กระชับสัมพันธ์ 50 ปี

(6 ก.พ. 68) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย พบปะหารือกับ จ้าวเล่อจี้ ประธานคณะกรรมการถาวรประจำสภาผู้แทนประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) ณ กรุงปักกิ่ง เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่างสองประเทศ พร้อมเตรียมฉลอง 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตในปี 2025  

จ้าวเล่อจี้เน้นย้ำว่าความสัมพันธ์จีน-ไทยมีพัฒนาการที่มั่นคงและยั่งยืน ซึ่งเป็นผลจากวิสัยทัศน์ของผู้นำทั้งสองประเทศ จีนพร้อมร่วมมือกับไทยเพื่อสานต่อฉันทามติที่ได้บรรลุร่วมกัน และเดินหน้าสร้างประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน  

เขายังระบุว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างหน่วยงานนิติบัญญัติเป็นองค์ประกอบสำคัญของความร่วมมือ ไทยและจีนจะทำงานร่วมกันในด้านต่างๆ เช่น การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน การปกครองสังคม และการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน  

ด้านแพทองธารยืนยันว่าไทยยึดมั่นนโยบายจีนเดียว พร้อมเดินหน้ากระชับความร่วมมือในหลายมิติ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนด้านนิติบัญญัติและการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การฉ้อโกงทางโทรคมนาคม ทั้งนี้ ไทยและจีนจะร่วมกันส่งเสริมเสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และความยั่งยืนของประชาคมจีน-ไทยต่อไป

จับมือจีนลุยศก.-ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เดินหน้ารถไฟไทย-จีน

(6 ก.พ. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงสาธารณรัฐประชาชนจีนเพื่อเข้าเยี่ยมคารวะและหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ณ มหาศาลาประชาชน กรุงปักกิ่ง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีไทยยังได้ร่วมพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์วีรชน ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน  

ในการหารือ นายกรัฐมนตรีแพทองธารกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนที่สถาปนามาเป็นเวลา 50 ปี และได้พัฒนาเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน รวมถึงเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่สำคัญ  

นางสาวแพทองธารเสนอแนวทางความร่วมมือในอนาคตโดยให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นศูนย์กลาง มุ่งเน้นให้ประชาชนมีกินมีใช้ มีความปลอดภัย และมีความพร้อมต่ออนาคต รวมถึงสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสองประเทศ  

ทั้งสองผู้นำยังให้ความสำคัญต่อการยกระดับความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ยังเห็นพ้องในการกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และโครงการเชื่อมโยงในภูมิภาค โดยเฉพาะโครงการรถไฟไทย-จีน ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่ทั้งสองประเทศให้การสนับสนุน

'อิ๊งค์' ปลื้ม!! เยี่ยมคารวะ 'ปธน.สี จิ้นผิง’ ยังได้พบผู้นำระดับสูงของจีนอีก 2 คน นายกรัฐมนตรี ‘หลี่ เฉียง’ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน ‘จ้าว เล่อจี้’

(8 ก.พ. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กว่า … 

นอกเหนือจากการเข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผลสำเร็จจากการเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการในครั้งนี้ ดิฉันยังได้พบหารือกับผู้นำระดับสูงของจีนอีกสองท่านที่กรุงปักกิ่งด้วย คือ

1. ประชุมหารือกับท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง ซึ่งดิฉันได้ขอบคุณท่านนายกหลี่ฯ ที่เชิญเยือนและต้อนรับอย่างอบอุ่น ทั้งสองฝ่ายพร้อมกระชับความร่วมมือในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่จำเป็นต่อการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและดิจิทัล เช่น EV AI เซมิคอนดักเตอร์ พลังงานทางเลือก การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน การยกระดับมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า เชื่อมโยงนวัตกรรมทางการเงินและตลาดทุน การพัฒนาความเชื่อมโยงในภูมิภาค ซึ่งรวมถึงรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนหารือแนวทางร่วมมือแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่สำคัญเราจะยกระดับความร่วมมือแก้ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะปัญหาคอลเซ็นเตอร์

ดิฉันยังได้เชิญท่านนายกรัฐมนตรีหลี่ฯ เยือนไทยในโอกาสปีทองแห่งมิตรภาพไทย - จีน ซึ่งท่านได้ตอบรับด้วยความยินดี

ดิฉันได้ร่วมกับท่านนายกหลี่ฯ เป็นสักขีพยานการลงนามเอกสารความร่วมมือ

สองฝ่ายรวม 13 ฉบับ ครอบคลุมผลประโยชน์หลายสาขา เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล เทคโนโลยีนิวเคลียร์ อวกาศ และ AI

2. พบหารือท่านจ้าว เล่อจี้ ประธานสภาประชาชนแห่งชาติจีน ซึ่งเราเห็นพ้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น และส่งเสริมความเข้าใจระหว่างประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ด้วยทุนการศึกษา วัฒนธรรม และ soft power

ทั้งหมดนี้ดิฉันได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามและเร่งรัดการดำเนินผลให้เป็นรูปธรรมในโอกาสแรก เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยกับจีน และการดำเนินความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งในอนาคต 50 ปีข้างหน้าต่อไปค่ะ

เดินหน้าร่วมมือจีน!! ‘แพทองธาร’ กระชับ!! มิตรภาพสองชาติ เปิดบทใหม่ สร้างสายสัมพันธ์อันดี

(8 ก.พ. 68) "จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่สวยงาม คนไทยไม่น้อยอยากมาเที่ยว ตัวดิฉันเคยมาปักกิ่งหลายครั้งและชอบที่นี่เช่นกัน นอกจากรู้สึกเหมือนบ้านแล้วยังสัมผัสได้ถึงมิตรไมตรี" 

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนจีนอย่างเป็นทางการ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวในกรุงปักกิ่ง เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) ที่ผ่านมา

ปี 2025 ตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งระหว่างการสัมภาษณ์ แพทองธารได้แสดงเข็มกลัดที่ระลึกเนื่องในวาระดังกล่าว พร้อมเอ่ยวลี "จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" หลายครั้ง เน้นย้ำหลายหนว่าไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับจีน และกล่าวถึงความเป็นมาการแลกเปลี่ยนฉันมิตรระหว่างสองฝ่ายหลายครั้ง

แพทองธารกล่าวว่าการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนชาวไทยกับชาวจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมิตรภาพระหว่างสองประเทศก้าวสู่ 50 ปีทอง โดยทั้งสองฝ่ายร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากกรุงปักกิ่งมาประดิษฐานในไทย ซึ่งชาวไทยสนใจอย่างมาก และมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิมระหว่างสองประเทศ

สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้า แพทองธารเริ่มต้นด้วยการชื่นชมการพัฒนาอันรวดเร็วของจีนและผลการดำเนินงานอันโดดเด่นของกลุ่มบริษัทจีนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยการพัฒนาอันรวดเร็วของจีนดึงดูดความสนใจจากทั่วโลก และหลายแนวคิดที่เสนอโดยผู้นำจีนเป็นที่จับตามองกันอย่างมาก

เมื่อวันที่ 4 ม.ค. แพทองธารได้เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีและอนุมัติโครงการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 2 พร้อมระบุว่าจะเดินหน้าส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานและความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าภายใต้กรอบการทำงานตามแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ต่อไป

นอกจากนั้นไทยจะส่งเสริมการก่อสร้างทางรถไฟไทย-จีน เพื่อให้ทางรถไฟสายนี้ที่เชื่อมต่อไทย ลาว และจีน กลายเป็นเส้นทางขนส่งข้ามชาติที่สำคัญสำหรับการขนส่งผู้คนและสินค้าโดยเร็วที่สุด โดยแพทองธารแสดงความเชื่อมั่นว่าการเชื่อมโครงสร้างพื้นฐานจะส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและประชาชนยิ่งขึ้น

แพทองธารยังกล่าวถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีนในไทย ระบุว่าปี 2024 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเยือนไทยราว 6.7 ล้านคน แม้ยังไม่แตะระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโรคระบาดใหญ่ แต่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี โดยไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีนทุกคนเป็นอย่างยิ่ง และเธอได้หารือกับตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายอื่น ๆ อยู่หลายครั้งเกี่ยวกับการปกป้องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวชาวจีน

ขณะเดียวกันแพทองธารในฐานะนายกรัฐมนตรีแสดงความจริงจังในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามพรมแดน เช่น การพนันออนไลน์และการฉ้อโกงทางโทรคมนาคม กล่าวว่าไทยได้ตัดกระแสไฟฟ้าที่จ่ายแก่เมียนมาตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. ซึ่งทราบว่าช่วยลดจำนวนสายโทรศัพท์หลอกลวงลง และจะประเมินผลลัพธ์ของการตัดไฟหลังจากครบหนึ่งสัปดาห์

แพทองธารกล่าวว่าไทยจะทำงานร่วมกับจีนในอนาคต เพื่อศึกษาการจัดตั้งกลไกคณะทำงาน แลกเปลี่ยนข้อมูล ปฏิบัติงานร่วมกัน และร่วมแก้ไขปัญหานี้

สำหรับการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ในเมืองฮาร์บิน มณฑลเฮยหลงเจียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน แพทองธารกล่าวว่าแม้ไทยไม่มีหิมะ แต่ชาวไทยสนใจกีฬาน้ำแข็งและหิมะอยู่ไม่น้อย โดยเธอจะเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันครั้งนี้ พร้อมส่งกำลังใจแก่นักกีฬาไทยและนักกีฬาจากประเทศอื่น ๆ ที่เข้าร่วมด้วย

แพทองธารกล่าวว่ากีฬาเป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรม เป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างซอฟต์พาวเวอร์ (soft power) ของประเทศ และเป็นส่วนสำคัญของมิตรภาพระหว่างไทยกับจีน ซึ่งเธอวางแผนจะประชาสัมพันธ์กีฬาไทยเดิมอย่างมวยไทยระหว่างเดินทางเยือนเมืองฮาร์บินด้วย

ทั้งนี้ แพทองธารทิ้งท้ายว่าชาวไทยและชาวจีนเปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน มีการไปมาหาสู่และติดต่อสื่อสารใกล้ชิด วัฒนธรรมประเพณีคล้ายคลึงกัน การช่วยเหลือสนับสนุนซึ่งกันและกัน สามารถเข้าใจและไว้วางใจกันและกันเสมอมา โดยไทยพร้อมทำงานร่วมกับจีนเพื่อเปิดบทใหม่ของความสัมพันธ์ไทย-จีน

‘เทพไท’ เย้ย!! 'นายกฯอิ๊งค์' เยือนจีน ได้แต่ภาพ ไม่ได้ผล ชี้!! แค่การลงนามใน ‘MOU’ แบบพื้นๆ ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

(9 ก.พ. 68) นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ‘เทพไท – คุยการเมือง’ เรื่อง อุ๊งอิ๊ง เยือนจีน ได้ภาพมากกว่าผล?

หลังจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลับจากการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 5 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 แล้ว ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัว ถึงความสำเร็จที่ได้เซ็นเอ็มโอยู 13 ฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทางการทูต ที่ผู้นำประเทศเดินทางไปเยือนกัน จะมีพิธีการลงนามในเอ็มโอยูกันเป็นปกติ

แต่อย่าลืมว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้เป็นการเดินทางเยือนในโอกาสครบรอบ 50 ปีของความสัมพันธ์ทางการทูต ซึ่งเป็นวาระสำคัญ น่าจะมีประเด็นสำคัญเป็นกรณีพิเศษมากกว่าการลงนามในเอ็มโอยูแบบพื้นๆ

ในขณะเดียวกันการเดินทางเยือนประเทศจีนครั้งนี้ ก็ไม่มีประเด็นข่าวที่สื่อมวลชนในต่างประเทศเสนอ และให้ความสำคัญเลย แม้แต่สำนักข่าวซินหัวของจีน ก็ลงข่าวแค่ภาพที่นางสาวแพทองธารจับมือกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิงเท่านั้น ไม่มีเนื้อข่าวประกอบ หรือคำอธิบายเพิ่มเติมเลย

ส่วนการเสนอข่าวของสื่อไทย ก็เป็นการเสนอข่าวการสัมภาษณ์ของรัฐมนตรีที่ติดตามคณะของนางสาวแพทองธาร ทุกคนจะเน้นในประเด็นที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ชื่นชมนางสาวแพทองธารและรัฐบาลไทย ที่ได้ตัดกระแสไฟฟ้าชายแดนพม่า 5 จุด เพื่อสกัดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ นางสาวแพทองธารเองก็รู้สึกปลื้มกับคำชมนี้มากด้วยเช่นกัน

จึงไม่แปลกใจว่า ทำไมรัฐบาลจึงเร่งการตัดไฟชายแดนพม่าอย่างเร่งด่วนให้ได้ ก่อนที่นางสาวแพทองธารจะออกเดินทางไปเยือนประเทศจีน ทำให้นายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เร่งตัดไฟตอนเวลา 9 โมง ก่อนที่นางสาวแพทองธารขึ้นเครื่องบินไปประเทศจีน 3 ชั่วโมง  ถ้าหากว่าไม่มีประเด็นการตัดไฟก่อนไปเยือนประเทศจีน คงไม่มีประเด็นอะไรไปอวด ให้นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ชื่นชมและขอบคุณ

สำหรับประเด็นข่าวที่เสนอกันในสื่อโซเชียลมากที่สุด ไม่ใช่ประเด็นวาระงานการเยือนประเทศจีน แต่เป็นเรื่องการแต่งตัวของนางสาวแพทองธาร ที่ถูกวิจารณ์เรื่อง หมวก เสื้อผ้า และกางเกง รวมไปถึงรองเท้าที่สวมใส่ ว่ามีความเหมาะสมกับภาวะผู้นำประเทศหรือไม่

สรุปได้ว่าการเดินทางไปเยือนประเทศจีนของนางสาวแพทองธารในครั้งนี้ ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญ ได้เพียงแค่การสร้างภาพการเดินทางไปเยือน แต่ผลสัมฤทธิ์ของเนื้องานกลับไม่มีเลย นับว่าเป็นการเสียโอกาสของประเทศชาติอีกครั้งหนึ่ง

เปิดประวัติบอดี้การ์ดสาวจีน อารักขานายกฯแพทองธารระหว่างเยือนปักกิ่ง

(10 ก.พ.68) เพจเฟซบุ๊กลึกชัดกับผิงผิง สื่อมวลชนจากจีน ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเยือนจีนของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทย โดยหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ การมาถึงของนายกรัฐมนตรีไทยได้รับความสนใจจากชาวจีนเป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากจะได้รับการชื่นชมในความสวยและท่าทางที่พูดจาดีแล้ว ยังมีบอดี้การ์ดหญิงที่จีนจัดให้คอยอารักขานายกรัฐมนตรีไทยก็ได้รับความสนใจไม่น้อยเช่นกัน

บอดี้การ์ดหญิงที่กล่าวถึงคือ เหยียน เยว่เสีย (严月霞) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดหญิงชื่อดังของจีน โดยเธอเกิดในครอบครัวที่มีความเชี่ยวชาญด้านการฝึกอูซูจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และมีความสามารถสูงในหลายด้าน ทั้งในด้านการยิงปืนและมวยจีน อีกทั้งยังเคยแสดงความสามารถโดยการเอาชนะนักคาราเต้ห้าคนในเวลาเดียวกันด้วยมือเปล่า นอกจากนี้ เธอยังมีความเชี่ยวชาญด้านการป้องกันภัยทางไซเบอร์ สามารถรับมือกับการโจมตีจากแฮกเกอร์ในด้านความปลอดภัยของอินเทอร์เน็ตได้อย่างดีเยี่ยม

ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สะสวยและความสามารถในการป้องกันภัยที่โดดเด่น จึงไม่แปลกใจที่เธอได้รับการขนานนามว่าเป็น 'บอดี้การ์ดหญิงอันดับ 1 ของจีน'

‘เจือ ราชสีห์’ เตรียมเสนอ!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ ให้เร่งพัฒนาภาคใต้ ให้เจริญ ดันงบ!! ‘สร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา – สร้างโรงพยาบาลเมืองสงขลา’

(12 ก.พ. 68) นายเจือ ราชสีห์ ที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีและของ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในโอกาสที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมาประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดสงขลา วันที่ 17-18 กุมภาพันธ์ นี้ ตนขอให้ นายกรัฐมนตรี ช่วยนำงบประมาณลงมาพัฒนาภาคใต้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา ซึ่งตนได้รับการร้องเรียนจากชาวจังหวัดสงขลา อยากให้มีการพัฒนาหลายๆ ด้าน จึงขอฝากให้นายกรัฐมนตรีช่วยแก้ไขปัญหาให้ คือ

1. โครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา จากฝั่งเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา โครงการนี้เป็นความหวังของชาวสงขลามานาน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการจราจร ลดระยะทางการเดินทาง และส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่ได้อย่างมาก เนื่องจากปัจจุบันการเดินทางระหว่างจากฝั่งเทศบาลนครสงขลา จังหวัดสงขลา ไปยังฝั่งอำเภอสิงหนคร จังหวัดสงขลา ยังคงต้องใช้เส้นทางอ้อมเป็นระยะทางไกล หรือใช้บริการแพขนานยนต์ข้ามฟาก ซึ่งไม่สามารถรองรับปริมาณการเดินทางที่เพิ่มขึ้นได้ อีกทั้งแพขนานยนต์ข้ามฟากสามารถใช้ได้จนถึง 22.00 น. เท่านั้น ซึ่งในช่วงเช้า-ช่วงเย็น ส่งผลให้เกิดปัญหาการจราจรติดขัด ไม่สะดวกในการเดินทาง และกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา โดยตนเคยยื่นเรื่องนี้ผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาไปแล้ว และขณะนี้มีความคืบหน้าในระดับหนึ่ง กรมทางหลวงชนบท ได้ตั้งงบประมาณในปี พ.ศ. 2569 เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ ถ้าการศึกษาของกรมทางหลวงชนบทผ่าน ขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยอนุมัติงบประมาณ ด้วย

2. สร้างโรงพยาบาลอำเภอเมืองสงขลา หรือโรงพยาบาลจังหวัดสงขลา2 เป็นการคืนโรงพยาบาลให้กับพี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลา และตำบลใกล้เคียงด้วย หลังจากที่โรงพยาบาลจังหวัดสงขลา ได้ย้ายออกจากเทศบาลนครสงขลา ไปตั้งอยู่ในตำบลพะวง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา ทำให้พี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลา และตำบลใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อน ซึ่งพี่น้องในเขตเทศบาลนครสงขลาและตำบลใกล้เคียง อยากได้โรงพยาบาลที่มีศักยภาพ มีความพร้อมเพื่อดูแลผู้ป่วยในได้ และเพื่อให้พี่น้องได้เข้าถึงสิทธิในการบริการสาธารณสุขอย่างเท่าเทียมและมีคุณภาพ

‘เท่าพิภพ’ สนับสนุน!! ‘นายกฯ อิ๊งค์’ แก้กฎหมาย ยกเลิกวันห้ามขาย ‘เหล้า-เบียร์’ อธิบายละเอียด มีมาตรายกเลิก แต่ต้องเหนื่อย!! ตอนคุยกับข้าราชการสายสุขภาพ

(12 ก.พ. 68) นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เกี่ยวกับกฎหมายควบคุมการจำหน่ายเเอลกอฮอล์ ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ศึกษาข้อมูลการแก้กฎหมาย เรื่องการห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่าง ๆ ในช่วงเวลา 14.00 – 17.00 น. รวมทั้งเรื่องการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในวันพระ
.
นายเท่าพิภพ ระบุว่า สนับสนุนครับ ประเทศเราต้องควบคุมเเอลกอฮอล์ด้วยการเคร่งครัดการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะเรื่องเยาวชนครับ แต่กฎหมายเราไปเข้มเรื่องอื่นออกทะเล จนทำให้กฎหมายดูไปเป็นสากลไปซะมาก ต้องแก้เเบบนายกฯ ว่าเเหละครับ
.
การศึกษาผลกระทบท่านก็ลองทำดู แต่เรื่องข้อกฎหมายผมศึกษาให้เเล้ว ไม่มีอะไรมากครับ
.
เรื่องเวลาขาย
.
1. ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 253 ลงวันที่ 16 พฤศจิกายน 2515 เรื่องเวลาขายอันนี้ต้องยกเลิก ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่กมธ.พิจารณาเสร็จ มีมาตรายกเลิกครับ
.
2. หลังจากยกเลิกตามข้อ 1 เเล้ว พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับปัจจุบัน) ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ชงให้ รมต.สาธารณสุข เห็นชอบครับ ย้ำว่ารัฐมนตรีไม่มีอำนาจชงเอง คณะกรรมการจะมีข้าราชการสายหมอ สายสุขภาพเยอะหน่อย จะอนุรักษ์นิยมหน่อยครับ
.
3. ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมฯ ฉบับใหม่จะตัดอำนาจรัฐมนตรีออก เป็นอำนาจของคณะกรรมการโดยตรง ซึ่งเเม้ รมต.สาธารณสุข จะเป็นประธาน เเต่ก็จะตีโต้คัดค้านไม่เซ็นเห็นชอบได้เเบบเดิม
.
เรื่องวันพระ หรือห้ามขายออนไลน์ เป็นผลงานจากคณะกรรมการดังกล่าวด้วย
.
ข้อเสนอที่สงวนไว้เป็นเสียงข้างน้อยนั้นเห็นว่าควรยกเลิก หรือลดอำนาจการออกกฎประกาศของคณะกรรมการดังกล่าวแล้วเปลี่ยนเป็นการออกกฎกระทวงด้วยอำนาจรัฐมนตรีแทนครับ ยังไงฝากท่านนายกในฐานะหัวหน้ารัฐบาล และพรรคเพื่อไทย ช่วยให้ สส.ฝ่ายรัฐบาลสนับสนุน คำสงวนของผมในฐานะกรรมาธิการเสียงข้างน้อยด้วยครับ
.
สิ่งนี้จะทำให้ท่านนายกได้ทำตามที่อยากทำได้ครับ ไม่งั้นถึงเเม้เป็นนายกก็จะบังคับคณะกรรมการควบคุมให้แก้เเค่เรื่องวันเวลาขายเหล้านี้บอกเลยยากครับ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top