Monday, 7 April 2025
แพทองธารชินวัตร

‘นพ.วรงค์’ โพสต์เฟซ ‘ทักษิณ’ ยกดัมเบล เล่นน้ำเริงร่ากับหลาน ชี้นี่คือ ‘นักโทษที่สภาพย่ำแย่’ หรือเป็น ‘นักโทษที่เย้ยกฎหมาย’ 

(8 เม.ย.67) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับกรณีที่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ภาพ นายทักษิณ ชินวัตร ยกดัมเบล เล่นกับหลานในสระน้ำ โดย นพ.วรงค์ ได้ระบุว่า ...

#คนอื่นตายช่างมัน

การที่อุ้งอิ้งโพสต์ภาพ นักโทษที่อยู่ในระหว่างพักโทษกรณีพิเศษ ยกดัมเบลเล่นกับหลานในสระน้ำ .........นี่หรือนักโทษที่ต้องพักโทษกรณีพิเศษเพราะอายุเกิน70 ปีและช่วยตัวเองไม่ได้

ไม่รู้ว่าอุ้งอิ้งรู้หรือไม่ว่า หลักการพักโทษกรณีพิเศษ จากเงื่อนไขอายุเกิน 70 ปี และช่วยตัวเองไม่ได้ จากการประเมินคะแนนช่วยเหลือตัวเองได้ 9 คะแนน นั่นหมายถึงสภาพที่ย่ำแย่

มีปัญหาทั้งการกินอาหาร ใส่เสื้อผ้า เดินไปมา ขึ้นลงบันได ลุกจากเตียง ล้างหน้าแปรงฟัน อาบน้ำ ใช้ห้องน้ำ กลั้นอุจจาระ กลั้นปัสสาวะ

เขาใช้หลักมนุษยธรรม เพื่อให้มาใช้ชีวิตบั้นปลาย สำหรับคนที่ช่วยตนเองไม่ได้ และไม่ให้เป็นภาระกับทางเรืนจำ จึงให้การพักโทษกรณีพิเศษ

สุดท้ายนี้ อนุกรรมการพักโทษ รวมทั้งอธิบดี รัฐมนตรี ต้องมารับผิดชอบแทน เพราะพวกคุณประเมินคะแนน ต่ำกว่าความเป็นจริง เข้าหลักขอให้กูรอด คนอื่นตายช่างมัน 

การท้าทายกฏหมาย ก็คือการท้าทายประชาชน

‘อุ๊งอิ๊ง’ แจง!! ‘ทักษิณ’ ลงสระใช้ดัมเบลฟองน้ำ เพื่อออกกำลังกาย พร้อมบอกไม่คิดว่าจะเป็นประเด็น ขอโทษหากทำอะไรไม่ถูกใจ

(9 เม.ย. 67) ที่วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ได้โพสต์ภาพนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ลงสระเล่นน้ำกับหลานโดยมีดัมเบล เสียงวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมาก ว่า จริง ๆ แล้วเป็นดัมเบลฟองน้ำและท่อฟองน้ำ เพื่อใช้ในการออกกำลังกายในน้ำ เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อกลับมา แต่ไม่ได้ว่ายน้ำเยอะเป็นเพียงการเดินในน้ำโดยใช้ดัมเบลฟองน้ำ ซึ่งไม่มีใครเอาดัมเบลเหล็กลงน้ำ ไม่ใช่นั้นคงจม ซึ่งลูกของตนก็ยังใช้เล่นด้วย เพราะว่ายน้ำไม่เป็น โดยนายทักษิณได้ให้หลานหนีบดัมเบลฟองน้ำ ไว้ทั้ง 2 ข้าง และเดินตาม ซึ่งก็เป็นการบริหารกล้ามเนื้อ

เมื่อถามว่า หากครั้งต่อไปจะโพสต์อะไรจะต้องมีการชี้แจงอย่างละเอียดหรือไม่ นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ไม่ตนก็คงจะโพสต์เหมือนเดิมแล้วไม่เป็นไรและอะไรที่เป็นกระแส ตนก็พร้อมที่จะตอบคำถาม ไม่เช่นนั้นชีวิตของตนก็จะต้องเปลี่ยนไป ทำอะไรต้องมา ระวังนู่นนี่นั่น ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ได้ตั้งใจจะโพสต์เพื่อทำร้ายใคร หรือเพื่อให้เป็นกระแสอยู่แล้ว แต่เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนงานยุ่งมาก 

"และเมื่อเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา มีเวลาว่างอยู่กับลูก และไปนอนบ้าน รู้สึกว่าคุณตาตื่นมา มีความสุขหลาน ๆ มีความสุข อิ๊งค์ก็มีความสุข จึงเป็นสิ่งที่ต้องการจะสื่อ สื่อให้ตัวเอง ไม่ได้คิดว่าจะเป็นประเด็น ถ้าเป็นประเด็นก็อธิบายได้" น.ส.แพทองธาร กล่าว

เมื่อถามว่า ภาพร่างกายของนายทักษิณ ขณะนี้เป็นอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ขึ้นเยอะ แข็งแรงขึ้น แต่ต้องมีการออกกำลังกายเรื่องกล้ามเนื้อเล็กน้อยเพราะอยู่ในพื้นที่จำกัดมานาน โดยบางส่วนต้องมีการฟื้นฟู โดยการออกกำลังกายในน้ำ เพราะอายุเยอะแล้วไม่ควรที่จะไปวิ่งเพื่อให้เกิดการกระแทก ดังนั้นการว่ายน้ำจึงปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ในทักษิณยังคงต้องไปตรวจเช็คอาการกับแพทย์อยู่อย่างต่อเนื่อง 

เมื่อถามว่าภายหลังจากการมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์นายทักษิณ ว่าอย่างไร นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ไม่มีการพูดคุยในเรื่องนี้เลย ปล่อยผ่าน ก็ปล่อยผ่านไป 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะมีการโพสต์ รูปนายทักษิณอีกหรือไม่ หลังจากมีกระแสหรือจะหยุดโพสต์ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า "ใช่ ๆ คงจะโพสต์ต่อ หรือควรจะหยุดโพสต์ไหม" เมื่อย้อนถามกลับว่าเรื่องนี้จะทำให้เกร็งหรือไม่ นางสาวแพทองธารตอบว่า "ไม่เลยค่ะ" 

เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีคนคอยจ้องจับผิด ความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ที่โดนจ้องจับผิดแต่ไม่เป็นไร เราก็เป็นธรรมชาติของเราอยู่แบบนี้ ถ้าไม่ชอบหรือไม่ถูกใจก็ต้องขอโทษด้วยก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ"

ทั้งนี้ นางสาวแพทองทานยังกล่าวถึงกำหนดการเดินทางกลับจังหวัดเชียงใหม่ของนายทักษิณว่า ยังไม่แน่ใจว่าจะ ยังไม่ยืนยันเวลา น่าจะเป็นวันที่ 12 หรือ 13 เม.ย.

เมื่อถามว่า ในวันพรุ่งนี้ (10 เม.ย.) นายทักษิณจะเดินทางไปฟังคำสั่งของสำนักงานอัยการสูงสุด ต่อคดีมาตรา 112 น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริง ๆ อาจจะต้องไป ตอนนี้ยังไม่มีข้อมูล เขายังไม่ได้คุยกับนายทักษิณในเรื่องนี้ แต่ถ้าทางอัยการนัดก็คงจะต้องไป

‘อุ๊งอิ๊ง’ โพสต์โชว์ ‘ลูกสาว-ลูกเขย’ พาพ่อไป ICONSIAM  ครอบครัวสุขสันต์ รอยยิ้มสดใส ไร้อาการป่วย!!

(21 เม.ย.67) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์อินสตราแกรมส่วนตัวระบุว่า พาพ่อไป ICONSIAM ครั้งแรก

‘เพื่อไทย’ จัดอีเวนต์ใหญ่ ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ด้าน ‘อุ๊งอิ๊ง’ ยัน!! ตัดสินใจถูกที่ไม่รอ 10 เดือน มั่นใจ!! ‘ครม.เศรษฐา 2’ ถูกฝาถูกตัว ชี้!! นโยบายการเงินต้องดันเศรษฐกิจประเทศด้วย

(3 พ.ค. 67) พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย สำนักงานใหญ่ มีการแสดงวิสัยทัศน์และความคืบหน้านโยบายต่างๆ ของพรรคเพื่อไทย หลังจากจัดตั้งรัฐบาลเข้าสู่เดือนที่ 9 พร้อมประกาศเป้าหมายการทำงานในอนาคต โดยภายในงานมี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย, คณะรัฐมนตรีสัดส่วนของพรรคเพื่อไทย, กรรมการบริหารพรรค, ผู้บริหารพรรค, สส., ว่าที่ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ของพรรคเพื่อไทย และบุคลากรของพรรค เข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันว่า เราตัดสินใจถูกต้องมากที่จัดตั้งรัฐบาลผสมเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว ปัญหาปัจจุบันที่หมักหมมไว้จากการปฏิวัติรัฐประหาร ทั้งระบบราชการที่โตเกินไป ความอืดอาดในการทำงาน ด้วยโครงสร้างที่ไม่ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เทคโนโลยี เศรษฐกิจ และภัยคุกคามทางความมั่นคงที่พัฒนาไปเร็วมาก รวมถึงภัยต่อเยาวชนชาติจากยาเสพติด ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ ประชาชนขาดโอกาสในการทำมาหากิน เศรษฐกิจใต้ดินสูงเป็นประวัติการณ์

‘เพื่อไทย’ เป็นพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศมากที่สุด หากไม่เป็นแกนนำรัฐบาลผสม คงยากที่ปัญหาหมักหมมจะแก้ไขได้ กฎหมายพยายามจะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้เป็นปัญหาและอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายการคลังถูกใช้งานข้างเดียวอย่างหนัก จนทำให้หนี้สูงขึ้นทุกปี จากการตั้งงบประมาณขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหารโดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมเข้าใจและร่วมมือ ประเทศจะไม่มีทางลดเพดานนี้ได้ 10 เดือนที่ผ่านมา เราใช้ความพยายามในการวิเคราะห์ เข้าใจ เพื่อแก้ปัญหาที่ยาก และซับซ้อน และก้าวเดินต่อในทุกมิติ เพราะเราเสียเวลาและโอกาสไปถึงเกือบ 2 ทศวรรษจากการรัฐประหาร เรามั่นใจว่าเราทำได้ และจะทำให้ได้คะแนนเต็ม 10 ก่อนการเลือกตั้งครั้งหน้า

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ในมิติทางเศรษฐกิจเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบไปมาก จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้เศรษฐกิจโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และค่าแรงที่เพิ่มขึ้นเป็น 400 บาท จะทำให้ทุกคนต้องปรับตัว เพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน พรรคเพื่อไทยจะผลักดันเศรษฐกิจในทุกมิติ ไม่ใช่แค่เติมเงินและเพิ่มค่าแรง แต่รวมไปถึงเม็ดเงินใหม่จากต่างประเทศจะเข้ามาจากการลงทุนและการสร้างโอกาสให้คนไทยทุกคน โดยการนำของนายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน

ในมิติของการบริหารราชการแผ่นดิน จะเปลี่ยนจากรัฐบาลอุ้ยอ้าย อืดอาด ไม่โปร่งใส เป็นรัฐบาลดิจิทัล บริหารด้วยความรวดเร็ว โปร่งใสตรวจสอบการทำธุรกรรมต่างๆได้ และมี super app ในการบริการทุกมิติของภาครัฐ และเราจะปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม ใหม่อีกครั้งหนึ่งเร็วๆ นี้ พร้อมจะแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ ทั้งการยกเลิกกฎหมายล้าสมัย เขียนกฎหมายใหม่ให้ไทยกลับมาเป็น Hub ทั้งการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้ ในด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ จะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจ และยินดีให้ไทยเป็นที่เจรจาความขัดแย้งจากทุกฝ่าย

พรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดี มีรัฐมนตรีที่เก่ง สร้างอนาคตให้ประเทศไทย และที่สำคัญ จะต้องสามารถผลักดันนโยบายให้เกิดขึ้นจริงในอนาคต แม้คู่แข่งพยายามทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อเรา ด้อยค่าในสิ่งที่เราทำ ซึ่งไม่ใช่เรื่องใหม่ ในสมัยไทยรักไทย เกิดวาทกรรม ‘30 บาทตายทุกโรค’ แต่ทุกอย่างผ่านไป ด้วยการทำงานนโยบายสำเร็จ ผลงานเท่านั้นจะพิสูจน์ ไม่ใช่วาทกรรม หรือการใส่ความต่อว่าจากใคร เพราะ 30 บาทรักษาทุกโรค ใช้ได้จริง และกำลังเดินหน้าพัฒนาครั้งใหญ่ในรอบ 20 ปี เป็น 30 บาทรักษาทุกที่

น.ส.แพทองธาร ยังได้ประกาศวิสัยทัศน์ พรรคเพื่อไทยในอนาคต จะเป็นพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลที่มีศักยภาพ มีนโยบายที่ดี สร้างอนาคตให้ประเทศไทย พร้อมเปิดตัว ทีม PTP Academy อย่างไม่เป็นทางการ (Soft Launch) หน่วยงานพัฒนาศักยภาพบุคลากร สร้างองค์ความรู้ทางวิชาการ เปิดพื้นที่เชื่อมโยงการทำงานของพรรคกับหน่วยงานข้างนอก ซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้วระยะหนึ่ง มีการจัดอบรมเพิ่มองค์ความรู้ให้กับ ส.ส.ของพรรค เพื่อให้การทำงานการเมืองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

"พรรคเพื่อไทยจะครองสติ ไม่หวั่นไหว ไม่เล่นเกมโต้ตอบไปมาเพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เรามีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบอยู่ในมือซึ่งกำลังลงมือทำ และเราทำได้ อย่างแน่นอน ในขณะที่นโยบายกำลังเดินไปข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็กำลังพัฒนาไม่หยุดยั้งเพื่ออนาคตของประเทศไทย รัฐบาลเพิ่งปรับ ครม.ซึ่งมีเสียงจากนักวิชาการหลายท่านที่น่าเชื่อถือได้ให้คำยืนยันว่า ถูกฝาถูกตัวมากที่สุด ทุกอย่างกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่มีทางเลยที่เราจะแย่กว่าเดิม เรารู้ว่าการทำงานให้บ้านเมืองนั้น เป็นงานที่ Thank Less and End Less ต้องทุ่มเทและไม่มีวันสิ้นสุด แต่เราเต็มใจที่จะทำ เพราะเราเป็นพรรคการเมืองแห่งการเปลี่ยนแปลงเพื่อความเจริญของประเทศ" น.ส.แพทองธาร กล่าว

‘อุ๊งอิ๊ง’ จุดพลุ!! THACCA SPLASH Soft Power Forum งาน Soft Power ระดับนานาชาติครั้งแรกในเมืองไทย

(24 พ.ค. 67) ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2567 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วยพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึง คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่าง ๆ คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 11 สาขา ร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง

จากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้แถลงผลการประชุม ร่วมกับ หม่อมราชวงศ์เฉลิมชาตรี ยุคล ประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านภาพยนตร์-ซีรีส์ และ อินทิรา ทัพวงศ์ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนด้านแฟชั่น

โดย น.ส.แพทองธาร กล่าวถึง ความคืบหน้าตามแผนที่วางเอาไว้ ทั้งในส่วนหลักสูตรของ OFOS ของทั้งอุตสาหกรรมแฟชั่น และ ภาพยนตร์ รวมถึงงานใหญ่ที่คณะซอฟต์พาวเวอร์ใช้เวลาเตรียมงานกันมา นั่นคืองาน THACCA SPLASH : Soft Power Forum งาน Soft Power Forum ระดับนานาชาติครั้งแรกของประเทศไทย

“เราจะปักหมุดประเทศไทยลงบนแผนที่โลก ให้ชาวโลกได้รู้ว่า ประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นหนึ่งในผู้นำ ด้านการพัฒนา Soft Power ไทยจะเป็นพื้นที่ของนักสร้างสรรค์ทั่วโลก มาร่วมทำงานกัน ซึ่งขณะนี้ วัฒนธรรมไทยมีความพร้อมที่กระจายออกไปทั่วโลกให้ได้หลงเสน่ห์ และคนไทยพร้อมแล้วที่จะสร้าง Soft Power ไทยให้แข็งแรง” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพรทองธาร กล่าวถึงการจัดงาน SPLASH ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ และจะมีการรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับ Soft Power ทั้งจากในประเทศ และทั่วโลก โดยประกอบด้วย 4 ส่วนคือ SPLASH Visionary zone, SPLASH Creative Culture Pavilion, SPLASH Master Class และ SPLASH Activation Lounge

น.ส.แพทองธาร เปิดเผยต่ออีกว่า สำหรับ SPLASH Visionary Zone มี 4 เวที ประกอบด้วย Vision Stage : เวทีวิสัยทัศน์รัฐบาล วิสัยทัศน์ของผู้เชี่ยวชาญระดับโลก นโยบายที่เราขับเคลื่อน ทิศทางที่เราเลือกไป ประเทศไทยจะอยู่ตรงไหนในโลก ปฏิญญาและความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น ทุกท่านจะได้ทราบในเวทีนี้ค่ะ, Pathway Stage : เวทีของการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น โดยจะนำความสำเร็จของทั่วโลกมาถอดบทเรียน มาวิเคราะห์ถึงวิธีการ แนวคิด เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ และแรงบันดาลใจให้อุตสาหกรรมที่สร้าง Soft Power, Performance Stage : เวทีสำหรับคนรุ่นใหม่ให้ได้แสดงความสามารถโดยมีการแสดงจากหลายอุตสาหกรรม ทั้ง ศิลปะการแสดง ภาพยนตร์ ดนตรี และ Podcast Studio : เวที Podcast ที่สัมภาษณ์กันสดๆ ในงาน เจาะลึกมุมมองแนวคิด ของผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก ที่จะมาแชร์ประสบการณ์ในงาน

น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อถึงอีกส่วนของงานคือ SPLASH Creative Culture Pavilion ซึ่งโซนนี้จะเป็นนิทรรศการเรื่อง Soft Power ทั้งของประเทศไทย และต่างประเทศ โดยมี 3 นิทรรศการ อาทิ THACCA Pavilion นิทรรศการของทักก้า อยากให้ทุกคนมารู้จักทักก้ากันที่งานนี้กันนะคะ ว่าเรากำลังจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วย Soft Power ได้อย่างไร นิทรรศการของทั้ง 11 กลุ่มอุตสาหกรรมค่ะ ส่วนนี้เราจะมาทำความรู้จัก Soft Power ในประเทศไทยให้มากขึ้น ว่าศักยภาพในตอนนี้ของแต่ละอุตสาหกรรมเป็นอย่างไร และภาพที่เรามองเห็นในอนาคตเป็นอย่างไร และ international Pavilion นอกจากนิทรรศการจากไทย ยังได้รับความร่วมมือจากหลายประเทศที่มาเข้าร่วมให้ข้อมูลผ่านนิทรรศการในงาน

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ยังมี SPLASH Masterclass : ห้องเรียน Reskill Upskill ให้พี่น้องประชาชนที่สนใจโดยจะมีห้องเรียนจากทั้ง อุตสาหกรรม หน่วยงานภาครัฐ และยังมีพื้นที่สำหรับการ Hackathon เพื่อทดลองแข่งขันไอเดียกันอีกด้วย และสุดท้าย SPLASH Activation Lounge : พื้นที่สำหรับคุยแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อสร้างความร่วมมือในการสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น เพราะงาน SPLASH จะรวมเอานักสร้างสรรค์ภาคเอกชน ที่น่าสนใจไว้ในงานนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดการ Matching ทางธุรกิจเกิดขึ้น

“ฝากพี่น้องประชาชนที่สนใจนะคะ มาเรียนรู้มารู้จัก Soft Power ให้มากขึ้น เพราะซอฟต์พาวเวอร์ไม่ได้มีแค่นิยาม เรายังมีกระบวนการอีกมากมาย มางาน THACCA SPLASH Soft Power Forum ในวันที่ 28-30 กรกฎาคม 2567 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิต์ ซึ่งคาดว่าจะมีคนสนใจเข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน” น.ส.แพทองธาร กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ในการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 5 ยังมีวาระที่น่าสนใจ อาทิ ในส่วนหลักสูตรของ OFOS ของทั้งอุตสาหกรรมแฟชั่น และภาพยนตร์-ซีรีส์ โดยในด้านแฟชั่นมีการอบรมและพัฒนาบุคลากร ภายใต้กิมมิก ‘Soft Power แฟชั่น Thailand Only’ 4 สาขา คือ Apparel, Jewelry, Beauty และ Craft โดยจะจัดอบรมในระดับบุคคลทั่วไป นิสิตนักศึกษา ทายาทปราชญ์ชาวบ้าน และ ในระดับโรงงานอุตสาหกรรม OEM โดยในระยะยาว จะเป็นการ พัฒนาทักษะเดิม และ สร้างทักษะขึ้นมาใหม่ โดยเน้นกระบวนการทำงานในการสร้างคนที่เป็นพื้นฐานสำคัญในการผลิตผลงานและผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อนำมาต่อยอดในการสร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณภาพเทียบเท่าระดับสากล ผ่านการสร้างคน สร้างธุรกิจ และสร้างการรับรู้ ในแบบ Thailand Only เพื่อปักหมุดแฟชั่นไทยเป็นหนึ่งในใจกลางตลาดโลกส่งต่อที่สุดของความคราฟต์ ผสมผสานความสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัดแบบ Thailand Only เพื่อยกระดับเรื่องราวความคราฟต์และความสร้างสรรค์ของวงการแฟชั่นสู่ระดับสากล ผ่านการสร้างการรับรู้ที่เพิ่มขึ้นตั้งค่านิยมที่เพิ่มขึ้นรวมไปถึงการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพ

ส่วนในด้านของภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ นั้นจะมีการจัด OFOS ในสาขาดังกล่าว เพื่อสร้างโครงสร้างของระบบการเรียนรู้ของภาพยนตร์และซีรีส์ให้เป็นระบบ สร้างคนเข้าอุตสาหกรรมให้ได้ทุกปีและเพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อระบบนี้เสถียรก็จะสามารถช่วยหน่วยงานอื่น ๆ ในการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์องค์ความรู้ ในการทำภาพยนตร์ และซีรีส์ได้ โดยมี 10 หลักสูตรเบื้องต้นในการ Upskill Reskill ของภาพยนตร์ ละคร และ ซีรีส์ อาทิ ผู้ประกอบการ Production House, นักเขียนบท Screenwriter, ผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์, โปรดิวเซอร์, ผู้กำกับภาพ, นักแสดง, Post Production, Production Designer และ Content Creator ซึ่งมีระยะดำเนินงาน ตั้งแต่ปี 2557-2568 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าอบรมในเร็ว ๆ นี้

‘ยิ่งลักษณ์’ โพสต์ยินดี ‘อุ๊งอิ๊ง’ รับตำแหน่งนายกฯ คนที่ 31 ลั่น!! ภูมิใจในตัวหลาน ขอให้โชคดีพาบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า

(20 ส.ค. 67) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์รูปภาพคู่กับน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่านแอปพลิเคชันเอ็กซ์ พร้อมระบุข้อความว่า ขอแสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย ในฐานะอาภูมิใจมากที่หลานอาสาเข้ามารับหน้าที่และภารกิจอันยิ่งใหญ่เพื่อประเทศครั้งนี้ การเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยนั้น ย่อมต้องมีความกดดันและการคาดหวังเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจในช่วงนี้

“แต่อาเชื่อว่า นายกฯ หญิงของอา เป็นคนเข้มแข็ง มีความสามารถ และเปิดกว้างพร้อมรับฟังความคิดเห็นในการทำงาน ใส่ใจในความรู้สึกของคนรอบข้าง เราผ่านสถานการณ์ที่หนักและยากลำบากมาหลายครั้ง แต่ก็สามารถผ่านมาได้อย่างเข้มแข็ง อาจึงเชื่อเสมอว่า ปัญหาหรือสถานการณ์ในวันข้างหน้า หลานก็จะสามารถก้าวผ่านและประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ

นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุด้วยว่า “อาขอให้นายกรัฐมนตรีหญิงของอาโชคดีประสบความสำเร็จนำพาบ้านเมืองของเราไปสู่ความเจริญก้าวหน้า ประชาชน มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น รักและห่วงใยหลานเสมอ”

‘นายกฯ จีน’ ส่งสารยินดี 'อุ๊งอิ๊ง' รับตำแหน่งนายกฯ คนใหม่ ลั่น!! พร้อมทำงานสานต่อมิตรภาพดั้งเดิมที่มีอนาคตร่วมกัน

เมื่อวันที่ 19 ส.ค.67 สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ‘หลี่เฉียง’ นายกรัฐมนตรีจีน ส่งสารแสดงความยินดีกับ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ สำหรับการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย

โดย หลี่เฉียง ระบุว่า จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านฉันมิตรที่ใกล้ชิดและประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน โดยตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษก่อน ความสัมพันธ์จีน-ไทย ยังคงพัฒนาอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ไม่ว่าภูมิทัศน์ระหว่างประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง

ทั้งนี้ หลี่เฉียง เผยความพร้อมทำงานร่วมกับแพทองธาร เพื่อสานต่อมิตรภาพดั้งเดิม ‘จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน’ และผลักดันผลสำเร็จในการสร้างประชาคมจีน-ไทย ที่มีอนาคตร่วมกัน เพื่อนำพาผลประโยชน์มาสู่ประชาชนของทั้งสองประเทศยิ่งขึ้น ขณะปี 2025 จะตรงกับวาระครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับไทย

‘ภาคเอกชน’ ยก!! 3 เรื่องเร่งด่วน กระตุ้นเศรษฐกิจเสนอ ‘นายกฯ’ ‘สร้างความเชื่อมั่น - สร้างขีดความสามารถ SME - วางยุทธศาสตร์’

(23 ส.ค.67) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงการเข้าพบกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในวันนี้ว่าจะมีนำเสนอเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจของไทยในระยะสั้น กลาง ยาว โดยจากการระดมความคิดจากเครือข่ายทั้งภาคเอกชนทั่วประเทศ มีทั้งหมด 3 เรื่องเร่งด่วน คือ

- เรื่องที่ 1 การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งในระยะสั้นกลางและระยะยาว
- เรื่องที่ 2 การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SME เพราะ 90% ของสมาชิกเป็น SME ในจังหวัดต่าง ๆ
- เรื่องที่ 3 การวางยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ สำหรับการสร้างความเชื่อมั่นในประเทศและต่างประเทศ ขอเสนอ 5 แนวทาง คือ

1.การกระจายงบประมาณด้วยการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 จัดทำงบประมาณปี 2568 ให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดและให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเร่งจ่ายงบประมาณที่อยู่ในแต่ละพื้นที่

2.กระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3 กลุ่ม โดยมุ่งไปยังกลุ่มเปราะบาง เพื่อให้ทันต่อความต้องการของประชาชนกลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อกระตุ้นเศรษฐกิจในลักษณะคนละครึ่ง ช่วยเพิ่มกำลังซื้อและกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง ด้วยการออกมาตรการดึงการจับจ่ายใช้สอยผ่านมาตรการภาษีอื่น ๆ

3.มาตรการช่วยเหลือและเยียวยาด้วยการลดค่าใช้จ่ายทั้งค่าไฟ ค่าน้ำมัน และตรึงราคาสินค้าที่จำเป็น พิจารณาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ตามแต่ละประเภทให้ชัดเจน และให้สถาบันการเงินผ่อนผันค่าปรับการจ่ายหนี้ล่าช้าเพื่อบรรเทาภาระของประชาชน รวมถึงการจัดสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการปรับปรุงเงื่อนไขการชำระเงินค่าสินค้าให้รวดเร็ว โดยทำเป็น Supply Chain Financing

4.การกระจายอำนาจโดยออกมาตรการทางภาษีเพิ่มเติม สำหรับการลงทุนในเมืองรองส่งเสริมการใช้ local content และสานต่อโครงการยกระดับเมืองสู่เมืองหลัก โดยมีเป้าหมาย 10 จังหวัดทั่วประเทศ

5.ปรับปรุงระเบียบที่มีอยู่ให้เอื้อต่อการแข่งขัน

‘ทักษิณ’ กับปรากฏการณ์ 4 จบ บาดลึก ‘เนวิน-หญิงหน่อย-ลุงป้อม-ชวน’

ในปี 2551 มีวลีฮิตทางการเมือง “มันจบแล้วครับนาย” รับทราบกันว่าเป็นคำพูดคำจาจาก...ครูใหญ่เนวิน ถึงนายใหญ่ทักษิณ ก่อนแยกกันทางเดิน เป็น 16 ปีแห่งความหลัง

ถึงพ.ศ.นี้ 2567 ไม่น่าเชื่อ.. ‘ทักษิณ ชินวัตร’ ที่ระเหเร่ร่อนอยู่ต่างประเทศ ข้ามผ่านกาลเวลาจากคนหนีคุกโทษ 10 ปี เหลือ 8 ปี เพราะคดีที่ดินรัชดา (2 ปี) หมดอายุความ และปี 2566 ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี ก่อนสุดท้าย 17 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา..ได้พ้นโทษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กลับมาเป็น ‘ศูนย์กลางอำนาจ’ ทางการเมือง

ทักษิณผลักดันลูกสาวเป็นนายกฯ ได้สำเร็จ แคนดิเดตนายกฯ อย่างอนุทิน ชาญวีรกูล ลูกศิษย์ครูใหญ่เนวินยังต้องหลีกทางให้ตามปฏิญญาเขาใหญ่…

“มันจบแล้วครับเน...” บางทีวลีนี้อาจเป็นวลีที่ทักษิณ ชินวัตร ร้องดัง ๆ อยู่ในใจด้วยความสะใจ...

ไม่เพียง “มันจบแล้วครับเน..” จากปรากฏการณ์การจัดตั้งรัฐบาลอุ๊งอิ๊งรอบนี้ ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณคือ ‘ผู้จัดการรัฐบาล’ ตัวจริง ยังได้ปฏิบัติการอีก 3 จบ...

“มันจบแล้วครับหน่อย..” อันหมายถึงกรณีที่ 6 สส.พรรคไทยสร้างไทย พรรคฝ่ายค้าน ที่คุณหญิงหน่อย-สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ เป็นแม่ทัพได้พร้อมใจกันโหวตสนับสนุนแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯ ฉีกหน้าหญิงหน่อย..!!

“มันจบแล้วครับลุง..” หรือ “มันจบแล้วครับป้อม..” กรณีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกผ่าเป็นสองซีก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ประกาศอิสรภาพ ปลดแอกแยกทางกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ หัวหน้าพรรค แบบไม่ไว้หน้า...แม้ฝ่ายบิ๊กป้อมจะงัดเอาระเบียบข้อบังคับพรรคมาใช้แต่ก็ไร้ผล เพราะประมุขบ้านจันทร์ส่องหล้าเคาะมาหลายเพลาแล้วว่า รอบนี้ไม่มีป้อม พปชร. แต่จะมี ปชป. มาเสียบแทน…

“มันจบแล้วครับนายหัวชวน..” นี่ก็น่าจะเป็นอีก 1 กรณีที่สถานการณ์เข้าทางทักษิณในการเอาคืนชวน  หลีกภัย เจ้าของวลี “ระวังไม่มีแผ่นดินจะอยู่” วลีที่กล่าวเตือนทักษิณเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน…และเป็นที่รู้กันว่ากว่า 20 ปีที่พรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทยเป็นคู่ต่อสู้หลักทางการเมืองกันมา...20 กว่าปีที่พรรคทักษิณแจ้งเกิด สส.ภาคใต้ได้เพียง 1 ที่นั่งหลังเหตุการณ์สึนามิ (สส.กฤษณ์ ศรีฟ้า) นอกจากนั้นผุดเกิดไม่ได้เพราะนายหัวชวนกับพลพรรคสะกดมนต์...

แต่การเมืองรอบนี้ทักษิณเปิดทาง 25 เสียง ปชป. ให้เข้าร่วมรัฐบาล...ว่ากันว่านี่คือเป็นการเชือดสยองพรรคการเมืองที่มีอายุ 78 ปี อย่างปชป. ที่แกนนำพรรคขณะนี้พยายามอธิบายการเข้าร่วมรัฐบาลแบบไม่กลัวปลาหมอคางดำว่า…เราไม่จมอยู่กับอดีต..!!??  

อีกไม่กี่เพลา...โฉมหน้าครม.นายกฯ อิ๊งก็จะปรากฏเป็นทางการ…ในแง่บวกอานิสงส์จากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง ‘มาตรฐานทางจริยธรรม’ กรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็ทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติ ครม. เข้มข้นขึ้น นักการเมืองสีเทาบางรายต้องเสียสละพักรบ...เพื่อเซฟตี้คัทให้นายกฯ อิ๊ง...

แต่ขณะเดียวกันตัวนายกฯ อิ๊ง ก็คงกระวนกระวายอยู่ไม่น้อย เพราะบรรดานักร้องได้จองกฐินที่จะยื่นคำร้อง…อันเนื่องจากคุณสมบัติที่อาจจะโยงใยกับมาตรฐานจริยธรรม…โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีถือหุ้นในบริษัทอัลไพน์ฯ 30% อันเป็นบริษัทที่โยงใยการใช้ที่ดินที่เป็นที่ธรณีสงฆ์…

แต่เชื่อว่าทีมงานนายกฯ คงจะจัดระบบ ‘เซฟตี้ คัท’ ไว้หมดแล้ว…จากนี้ไปหลัก ๆ ก็คือรอฟังปฏิกิริยาประชาชนต่อหน้าตาของ ครม. และนโยบายที่แถลงหลังการถวายสัตย์ฯ ในเดือนก.ย.

22 ส.ค.ที่ผ่านมาคุณพ่อทักษิณไปปาฐกถา ‘VISION FOR THAILAND’ เสนอนโยบาย-มาตรการ 13-14 เรื่องสำคัญ ๆ ตั้งแต่ปรับรูปแบบดิจิทัล วอลเล็ต, เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ ยันรีบเอาพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา มาใช้...ก็คาดว่าอย่างน้อย 60 % ที่คุณพ่อพูด คุณลูกในฐานะนายกฯ ก็คงนำมาใช้เป็นนโยบายรัฐบาล…

เชื่อพ่อครึ่งหนึ่งคงไม่เท่าไหร่...แต่ถ้าเชื่อทุกเรื่อง ตามใจทุกอย่างนายกฯ อิ๊งอาจจะปิดฉากเร็วอย่างที่ใครต่อใครเขาเป็นห่วง...!!

'นายกฯ อิ๊งค์' วอนทุกฝ่ายขอให้ดูที่ความตั้งใจ หลังถูกวิจารณ์เป็น 'ครม.สืบสันดาน' ลั่น!! เป็นนายกฯ แล้ว ไม่พร้อมข่มเหงใคร ยินดีรับฟังและให้เกียรติทุกฝ่าย

(5 ก.ย. 67) ที่อาคารชินวัตร 3 ‘น.ส.แพทองธาร ชินวัตร’ นายกรัฐมนตรีเดินทางเข้ามาปฏิบัติภารกิจโดยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า การที่ตนเข้ามาทำงาน ได้รับตำแหน่งอันทรงเกียรติ จากการโหวตของสภา ก็ต้องขอบคุณทุกท่าน และเมื่อเป็นนายกฯ แล้วไม่พร้อมที่จะข่มเหงใคร แต่พร้อมที่จะรับฟังและพร้อมที่จะให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นคิดว่าหลักคิดตรงนี้จะทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างไรก็ตามข้อวิจารณ์และข้อร้องเรียนต่าง ๆ ไม่คิดว่าจะทำให้เกิดการบั่นทอนการทำงานของตัวเอง ซึ่งทุกคนก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และถ้าเป็นการวิจารณ์ด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์ คิดว่าน่าจะดีแต่สามารถเกิดขึ้นได้

เมื่อถามถึงข้อวิจารณ์ว่าเป็นคณะรัฐมนตรีสืบสันดาน หรือ ครม.ครอบครัว ‘น.ส.แพทองธาร’ กล่าวยอมรับว่า…

“เป็นคำที่แรงจริงๆ ด้วยใช้คำแรงจัง ความจริงมีหลายรูปแบบมีหลายคนที่ไม่ได้มาจากครอบครัว หรือเกี่ยวข้องกันและก็มีหลายคู่ที่เป็นครอบครัวต่อมา ส่วนตัวอยากให้มองถึงความตั้งใจ ที่ตั้งใจถ่ายทอดกันมาในคนใกล้ชิดและคนรู้จัก หลายอย่างในชีวิตที่ต้องทำต้องอาศัยแรงผลักดัน และความภูมิใจของคนรอบข้าง ครอบครัว เพราะฉะนั้นคำว่าเป็นครอบครัวมันไม่ใช่ข้อเสียมันเป็นแรงผลักดันให้กันมากกว่า”

ส่วนข้อวิจารณ์และการร้องเรียนหนีไม่พ้นคำว่าครอบงำ โดยเฉพาะจากการพูดของ ’นายทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรีกล่าวว่า…

“สงสารนายกฯ บ้างอย่าฟ้องอะไรเยอะเลย ดิฉันเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ตั้งใจทำงานเต็มที่ ขอย้ำอีกครั้งว่าบางครั้งเรื่องเล็ก ๆ อย่าให้ความสำคัญมากนัก คนฟ้องก็อย่าฟ้องเยอะเลยมันไม่ได้มีอะไรผิดแบบนั้นอยู่แล้ว”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในส่วนของการแบ่งงานให้กับรองนายกรัฐมนตรีนั้น ขอเวลาพิจารณาถึงงานต่าง ๆ ก่อน รวมถึงจะมอบหมายการกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ให้กับ ‘นายภูมิธรรม เวชยชัย’ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ด้วยหรือไม่ ขอพิจารณาดูอีกครั้ง

นายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า วันเดียวกันนี้จะพิจารณาในส่วนของนโยบายรัฐบาลที่จะนำสู่การแถลงต่อรัฐสภาโดยเฉพาะของพรรคเพื่อไทย วันเดียวกันนี้ก็จะมีการพูดคุยกันตกผลึกในทุกๆ ประเด็น เช่นเดียวกับในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลได้มีการส่งเข้ามาแล้วบางพรรค รวมทั้งนโยบายของพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของกัญชาขอให้รอสักนิดซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดรอให้ได้ข้อสรุปแล้วจะมาชี้แจงอีกครั้ง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top