Wednesday, 21 May 2025
เชียงใหม่

เชียงใหม่- เชียงใหม่- ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวและส่งต่อประสบการณ์ที่น่าประทับใจต่อผู้มาเยือน ภายใต้โครงการ 'Your Journey Our Priority' 
        
นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ กล่าวว่า เพื่อแสดงออกถึงความพร้อมต้อนรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ ที่เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป ท่าอากาศยานเชียงใหม่ในฐานะประตูบานแรกที่จะเปิดรับผู้มาเยือน จึงได้จัดโครงการ 'Your Journey Our Priority' 

โดยการจัดจุดเช็กอิน จุดถ่ายภาพ ภายในอาคารผู้โดยสารหลายแห่ง โดยเฉพาะภายในห้องผู้โดยสารขาเข้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งการประดับตกแต่งได้ใช้วัสดุจากธรรมชาติและงานหัตถกรรมพื้นบ้านล้านนา อาทิ ร่มกระดาษสา โคมล้านนา เครื่องจักสาน ตลอดจนสีสันพรรณไม้ต่างๆ เพื่อให้ผู้โดยสารสามารถสัมผัสบรรยากาศกลิ่นอายล้านนาได้ตั้งแต่เดินทางมาถึง นอกจากนี้ยังได้จัดพื้นที่ Flower room บริเวณหน้าห้องผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ สำหรับผู้ที่ชอบถ่ายภาพลงโซเชียลมีเดีย และยังจัดพื้นที่ันันทนาการสำหรับเด็กในห้องโถงผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศเพื่อให้ผู้โดยสารผ่อนคลายระหว่างรอเวลาขึ้นเครื่องด้วย

ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ยังกล่าวอีกว่า ในช่วงเทศกาลลอยกระทง หรือยี่เป็งของจังหวัดเชียงใหม่ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ได้ตกแต่งอาคารผู้โดยสาร ให้มีบรรยากาศแบบล้านนา พร้อมกับเปิดเพลงลอยกระทง เพื่อสร้างบรรยากาศสนุกสนาน และในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2567 ยังได้จัดกิจกรรมการสอนทำกระทงจากวัสดุธรรมชาติ ณ บริเวณหน้าห้องขาเข้า อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และแจกกระทงให้ผู้โดยสารนำไปลอยตามสถานที่ต่าง ๆ อีกด้วย

เชียงใหม่-รมว.ทส. เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมและสำรวจพื้นที่การเตรียมความพร้อมรับหมีแพนด้าคู่ใหม่จากจีน 

เมื่อวานนี้ (9 พ.ย.67) เวลา 11.15 น. ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าตรวจเยี่ยมสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมทั้งชมสถานที่ส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าที่ผ่านมา เพื่อหาข้อสรุปจะปรับปรุงหรือก่อสร้างส่วนจัดแสดงใหม่ ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่ โดยมี นายอรรถพร ศรีเหรัญ ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศ ไทย พร้อมด้วย นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ และผู้บริหาร พนักงานเจ้าหน้าที่ สวนสัตว์เชียงใหม่ ให้การต้อนรับและนำตรวจเยี่ยม 

ในการนี้ ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ ได้นำชมพื้นที่ส่วนจัดแสดงหมีแพนด้าที่ผ่านมาในพื้นที่4ไร่และลงสำรวจพื้นที่ใหม่บริเวณส่วนจัดแสดง เก้ง กวาง วัวแดง ที่มีขนาดพื้นที่ 19ไร่ โดยได้นำเสนอหลักการให้พิจารณาเหตุผล ความจำเป็น ในการจัดสร้างศูนย์จัดแสดงหมีแพนด้าคู่ใหม่ในไทยโดยมีส่วนประกอบที่มาตราฐานตามเงื่อนไขที่ทางจีนกำหนดในปัจจุบัน 

หลังจากนั้น สัตวแพทย์หญิง กรรณิการ์ จันทรังษี หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์วิจัยและสุขภาพสัตว์ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบำรุงสัตว์ ผู้ที่เคยดูแลหมีแพนด้าในไทยที่ผ่านมา เป็นผู้บรรยายสรุปแนวคิดการใช้พื้นที่ และความสอดคล้องในการแบ่งพื้นที่ตามข้อกำหนด เพื่อเตรียมความพร้อม ด้านการออกแบบสถานที่เลี้ยงสำหรับการรับหมีแพนด้ายักษ์คู่ใหม่ให้มีความเหมาะสมทั้งด้านความเป็นอยู่ และส่วนที่อยู่อาศัยของพื้นที่การจัดแสดงฯเพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้เข้าชมหมีแพนด้ายักษ์ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ อีกครั้ง 

ดร.เฉลิมชัย เผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่มีความพร้อมในด้านต่างๆทั้งองค์ความรู้ในการบริหารจัดการประสบการณ์ และเนื่องในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน 50 ปี มีความเป็นไปได้ว่าทางการจีนจะส่งหมีแพนด้ายักษ์เป็นทูตสันถวไมตรีอีกครั้งหนึ่งดังนั้นในวันนี้จึงต้องมีการสำรวจความพร้อมให้มากขึ้น และต้องมีพื้นที่ที่ใหญ่กว่าเดิม เพื่อสวัสดิภาพที่ดีของหมีแพนด้าและเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่ผ่านมาสวนสัตว์เชียงใหม่ได้รับหนังสือจากฝ่ายจีนกล่าวชื่นชมการทำงานในเรื่องการเลี้ยงดูแลหมีแพนด้าอีกด้วย สำหรับพื้นที่ก่อสร้างใหม่อาจจะต้องใช้เวลาในการก่อสร้าง1.5-2ปี ซึ่ง ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์และสวนสัตว์เชียงใหม่ พร้อมจะบริหารจัดการต่อไป

นายอรรถพรฯ เผยว่า ต้องขอบคุณรัฐบาลที่ทำให้เกิดโครงการนี้ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งองค์การสวนสัตว์ฯได้เตรียมความพร้อมทุกด้าน เบื้องต้นได้มีการจัดทำร่างผัง ของส่วนจัดแสดงใหม่ไว้เบื้องต้น ซึ่งจะต้องส่งให้ทางการจีนทำการพิจารณาต่อไป ซึ่งตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา มีนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ ของสวนสัตว์ฯได้แสดงให้เห็นว่าหมีแพนด้าได้มีการผสมเทียมและขยายพันธุ์ ในไทยแล้ว จนทำให้เกิดกระแสแพนด้าฟีเวอร์มาแล้ว และมีแฟนคลับติดตามเป็นจำนวนมากเหมือนหมูเด้ง ดังนั้นในอนาคตจะต้องสร้างพี่เลี้ยงหมีแพนด้าขึ้นมาใหม่เพื่อที่จะเป็นเหมือน พี่เลี้ยง 'หมูเด้ง' ต่อไป   

หลังจาก รมว.ทส. รับฟังการรายงานได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าว และให้คำแนะนำผู้บริหารสวนสัตว์เชียงใหม่ ด้านการ เตรียมความพร้อมในการรับหมีแพนด้าคู่ใหม่จากสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นทูตสันทวไมตรี ในวาระครบรอบ 50 ปี เชื่อมความสัมพันธ์ไทย-จีน จากนั้นถ่ายภาพกับนกแก้ว(บูลแอนด์โกล์มาคอร์)ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ได้เพาะขยายพันธ์ุได้ และสัตว์ น่ารักต่าง ๆ ด้านหน้าส่วนจัดแสดงกวางฯก่อนเดินทางกลับ และได้ลงนามในสมุดเซ็นเยี่ยม พร้อมทั้งได้กล่าวชื่นชมให้กำลังใจการทำงานของทุกคนในสวนสัตว์เชียงใหม่ ต่อไป

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ 2 คดีพื้นที่ สภ.ห้วยไร่ และพื้นที่ สภ.พาน 

(13 พ.ย. 67) เวลา 11.00 น.  พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว การจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ  2 คดี คดีที่  1 จับกุมผู้ต้องหา 3  คน รถยนต์  1  คัน ยาบ้า 620,000 เม็ด พื้นที่ สภ.ห้วยไร่  อ.เด่นชัย จ.แพร่  คดีที่ 2 ด่านตรวจปูแกง  สภ.พาน จ.เชียงราย  จับกุมผู้ต้องหา  4 คน พร้อมของกลางไอซ์  360 กก., เคตามีน 570 กก. และ รถยนต์บรรทุก 2  คัน พื้นที่ สภ.พาน จ.เชียงราย  ณ ลานแถลงข่าวอาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวน  ตำรวจภูธรภาค 5 อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ 

ตามนโยบายรัฐบาล สั่งการให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  โดยการอำนวยการของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์  ผบ.ตร, พล.ต.อ.ธนา ชูวงค์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข  ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ  เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ท.กิตติพงษ์ แจ่มสุวรรณ  มทภ.3 ได้รับบัญชาและข้อสั่งการนำไปสู่การปฏิบัติ

ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร  ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์, พล.ต.ต.พิเชษฐ จีระนันตสิน พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี, พล.ต.ต.นพดล กรึงไกร, พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง  รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ธนะรัชต์ ชุ่มสวัสดิ์ รอง ผบช.ประจำฯ ช่วยราชการ ภ.5, พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.มานพ เสนากูล  ผบก.ภ.จว.เชียงราย และ พล.ต.ต.พิชญา บุญขจร  ผบก.ภ.จว.แพร่ ฝ่ายทหาร นบ.ยส.35โดย พล.ท.กิตติพงศ์ ชื่นใจชน  มทน.3/ผบ.นบ.ยส.35 ฝ่ายปกครอง โดย นายโชตินรินทร์ เกิดสม   รอง ปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการ ผวจ.เชียงราย นายชุติเดช มีจันทร์ ผวจ.แพร่ สำนักงาน ปปส.ภาค 5  โดย นายธันวา ผุดผ่อง  ผอ.ปปส.ภาค 5  แถลงผลการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 2 คดี 1. คดี สภ.ห้วยไร่ จว.แพร่ ผู้ต้องหา 3 คน ของกลางยาบ้า 600,000 เม็ด 2. คดี สภ.พาน จว.เชียงราย ผู้ต้องหา 4 คน ของกลาง ไอซ์ 360 กก. และ เคตามีน 570 กก.

คดีที่ 1 สืบเนื่องจากคดีเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2567 สำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จับกุมเครือข่ายรถยนต์กระบะดัดแปลงทำช่องลับ ซุกซ่อนเฮโรอีนจำนวน 92 กก. ที่ โกดังในพื้นที่ จว.นนทบุรี จากการขยายผลจับกุม พบว่า ยังมีเครือข่ายลักษณะดังกล่าวอีกที่ยังคงเคลื่อนไหวลักลอบลำเลียง โดยใช้รถยนต์กระบะดัดแปลงเป็นช่องลับซุกซ่อนยาเสพติดจากแนวชายแดนด้าน จว.เชียงราย ลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ 
ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ส., ฝ่ายทหาร, ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มอบหมายชุดปฏิบัติการสืบสวนวิเคราะห์พฤติการณ์ความเคลื่อนไหวของกลุ่มรถกระบะดัดแปลงทำช่องลับอย่างต่อเนื่อง

จนกระทั่งต่อมาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 16.30 น. สืบสวนพบรถกระบะต้องสงสัย ใช้เส้นทางจากพื้นที่ จว.เชียงราย มุ่งหน้าเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง และมีพฤติการณ์เปลี่ยนป้ายทะเบียน จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองแพร่ และ ด่านตรวจยาเสพติดห้วยไร่ จว.แพร่ ทำการตรวจค้น และนำรถกระบะดังกล่าวเข้าตรวจในเครื่อง X-ray  พบ ยาบ้า 600,000 เม็ด ซุกซ่อนในช่องลับของรถกระบะ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจับกุมผู้ต้องหาจำนวน 3 คน คือ นายศริตตรา หรือ ก๊อต อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.อัมพวา จว.สมุทรสาคร, นายกฤษณ์ หรือ ทิต อายุ 40 ปี ภูมิลำเนา อ.ดำเนินสะดวก  จว.ราชบุรี และ น.ส.อารี หรือ นุ่น อายุ 27 ปี ภูมิลำเนา อ.ปากท่อ จว.ราชบุรี พร้อมด้วยยาเสพติดและรถยนต์ของกลางนำส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจด่านตรวจปูแกง สืบสวนทราบว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติด จาก จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์บรรทุกเป็นพาหนะลำเลียงยาเสพติด จึงได้รายงาน ให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และบรูณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งด่านตรวจบริเวณด่านตรวจปูแกง ต.แม่เย็น อ.พาน จว.เชียงราย  กระทั่งถึงเวลาประมาณ 22.00 น. พบรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ ตู้ทึบ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว เลขทะเบียน 71 – 2060 ปทุมธานี เข้ามาที่ด่านตรวจ มีนายวัลลพ เป็นผู้ขับ มี นายมานะ และ นายเหม เป็นผู้โดยสาร จึงได้เรียกให้หยุดรถเพื่อขอทำการตรวจสอบและขอทำการตรวจค้น ระหว่างทำการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้สังเกตเห็นว่าชายทั้ง 3 มีลักษณะอาการ กระวนกระวาย ให้การวกวนไปมา จึงทำการตรวจค้นตู้ทึบ และพบว่าเป็นการนำแผ่นเหล็กมาปิดดัดแปลงทำเป็นช่องลับขึ้นมาใหม่  จึงได้ทำการเปิดช่องดังกล่าวออกมา พบยาเสพติด ไอซ์ จำนวน 360 กก. และพบเคตามีน จำนวน 570 กก. ซุกซ่อนอยู่ในช่องลับ จึงได้ควบคุมตัวบุคคลทั้ง 3 คน ตรวจยึดของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมาย

ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 เวลาประมาณ 14.00 น. ได้ทำการสืบสวนขยายผลไปจับกุมตัวนายฉลาด พร้อมรถยนต์หัวลาก ยี่ห้อ ฮีโน่ เลขทะเบียน 700-4518 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์นำ/สำรวจเส้นทาง ได้ที่บริเวณ ต.เนินกุ่ม  อ.บางกระทุ่ม จว.พิษณุโลก ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย
อยู่ระหว่างการสืบสวนขยายผลหาเครือข่ายผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไปในส่วนการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด ในห้วงวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงปัจจุบัน ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บรูณาการร่วมกับหน่วยเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญ ได้ จำนวน 19 คดี ของกลางยาบ้าประมาณ 10 ล้านเม็ด ไอซ์ 1,384 กิโลกรัม, เฮโรอีน 143 กิโลกรัม และ เคตามีน 622 กิโลกรัม

ทั้งนี้ ตำรวจภูธรภาค 5 ได้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจ ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ได้นำบัญชาและข้อสั่งการของรัฐบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ในการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดไม่ให้เข้าไปสู่พื้นที่ตอนในอย่างเข้มข้นและจริงจัง และนำไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม

เชียงใหม่-มณฑลทหารบกที่ 33 เปิดห้องเรียนประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวีรกรรมของบรรพชนไทย

มณฑลทหารบกที่ 33 เปิดห้องเรียนประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวีรกรรมของบรรพชนไทย ให้นักนักศึกษาวิชาทหาร เข้ามาศึกษาเรียนรู้ สร้างอุดมการณ์รักชาติและพระมหากษัตริย์

เมื่อวานนี้ (19 พ.ย.67)  เวลา 14.00 น.พลตรี ธีระ ผดุงสุทร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 เป็นประธานเปิดห้องเรียนประวัติศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และวีรกรรมของบรรพชนไทย บริเวณศูนย์ประสานงานทหารกองหนุนและมวลชน มณฑลทหารบกที่ 33 ตำบลช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 

ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหารมณฑลทหารบกที่ 33 ร่วมกับสมาคมผู้กำกับนักศึกษาวิชาทหารจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน แม่ฮ่องสอน และสถานศึกษาต่างๆ จัดทำห้องเรียนประวัติศาสตร์ขึ้น เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ชาติไทย อันมีพระมหากษัตริย์และบรรพชนไทย ก่อร่างสร้างชาตินำพาประเทศให้พ้นภัย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นการเผยแพร่วีรกรรมของผู้เสียสละเลือดเนื้อต่อสู้กับอริราชศัตรู ให้แก่อนุชนรุ่นหลัง อันเป็นปลูกฝังอุดมการณ์ความรักชาติและพระมหากษัตริย์ เกิดเป็นความภาคภูมิใจที่ได้เกิดในผืนแผ่นดินไทย 

ที่ผ่านมาศูนย์การฝึกศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 33 ได้ประกวดการจัดนิทรรศกาลห้องเรียนประวัติศาสตร์ขึ้น ตกแต่งเป็นห้องต่าง ๆ มีสถานศึกษาเข้าร่วม 40 แห่ง พร้อมมอบเกียรติบัตรแก่สถานศึกษาที่ชนะรางวัล และเปิดห้องเรียนประวัติศาสตร์ไว้ให้นักศึกษาวิชาทหารรุ่นหลังศึกษาต่อไป

เชียงใหม่-แถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง”

(26 พ.ย. 67) องคมนตรีเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ“การจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงโครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568” และ ร่วมแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง”

วันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09.00 น. พลเอก กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี เลขานุการ และประธานกรรมการบริหารมูลนิธิโครงการหลวง เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “การจัดทำแผนปฏิบัติการของหน่วยงานต่าง ๆ ในพื้นที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวง และโครงการรักษ์น้ำเพื่อพระแม่ของแผ่นดิน ประชุมครั้งนี้ มีผู้แทนจากหน่วยงาน รวม 11 กระทรวง 41 กรม 6 มหาวิทยาลัย และหน่วยราขการใน 13 จังหวัด 49 อำเภอ พร้อมทั้งหัวหน้าสถานีเกษตรหลวง ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง บุคลากรของมูลนิธิโครงการหลวง และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง เพื่อห้การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยราชการเป็นไปตามภาระหน้าที่ ใช้งบประมาณของรัฐคุ้มค่า ไม่ซ้ำซ้อน ความร่วมมือจากทุกภาคส่วนนี้ สอดรับกับบริบทของชุมชน รองรับความเปลี่ยนแปลงและการแปรปรวนของโลกในทุกมิติ มุ่งเน้นความคล่องตัว ตอบโจทย์ความต้องการ และทันต่อสถานการณ์

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน องคมนตรี ได้เป็นประธานแถลงข่าวการจัดการประชุมวิชาการนานาชาติ “จากการพัฒนาทางเลือกมุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน: เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการพัฒนาทางเลือก เพื่อรับมือการท้าทายทุกประเด็นของโลก” และ งานโครงการหลวง 2567 “Hats on Hills: ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี ๕๕ ปี โครงการหลวง” โดยทั้งสองกิจกรรมนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์นายกกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิโครงการหลวง เผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีพระบรมราโชบาย สืบสาน รักษา ต่อยอดพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในการก่อตั้งโครงการหลวงจนเกิดผลสำเร็จ แก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหายาเสพติด การประชุมวิชาการนานาชาตินี้กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 ถึง 4 ธันวาคม 2567 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

 เพื่อนำผลสำเร็จจากการดำเนินงานพัฒนาพื้นที่สูงด้วยรูปแบบการพัฒนาทางเลือกแบบโครงการหลวง เผยแพร่ให้เป็นที่รับรู้ และเกิดประโยชน์อย่างกว้างขวาง รวมทั้งใช้โอกาสในการประสานพลังความร่วมมือกับหน่วยงานที่ดำเนินการพัฒนาพื้นที่สูงในประเทศไทย และนานาประเทศ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อรับฟังเสียงสะท้อนในการสร้างพลังของการพัฒนาทางเลือกเพื่อรับมือกับความท้าทายของโลกปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยและนานาประเทศสามารถเดินทางไปสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ทั้ง 17 ข้อ ซึ่งมีผู้ทรงคุณวุฒิจากนานาประเทศ ตอบรับเข้าร่วมการประชุมแล้ว 29 ประเทศ โดย นาง กาดา ฟาติ วาลี ผู้อำนวยการใหญ่สำนักงานสหประชาชาติ ณ กรุงเวียนนา (Ms. Ghada Fathi Waly, UNODC Executive Director) ได้ให้เกียรติเดินทางมาร่วมประชุมและปาฐกถา มุมมองของ UNODC กับรูปแบบการพัฒนาทางเลือกที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิจาก FAO ประเทศไทย รวมทั้งเกษตรกรจากพื้นที่พัฒนาของโครงการหลวง สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ประเทศเมียนมา สาธารณรัฐประชาชนลาว โดยมีผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ผู้ปฏิบัติงานด้านการพัฒนาในประเทศไทยเข้าร่วมการประชุมอีกกว่า 300 คน ผู้ร่วมประชุมทั้งหมดจะได้เดินทางไปเรียนรู้ในพื้นที่ตัวอย่างความสำเร็จในแง่มุมที่แตกต่าง 

ได้แก่ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงแห่งแรกในรัชสมัยกับปีที่ 8 ของการพัฒนา สามารถกำจัดฝิ่นบนพื้นที่ฝิ่นผืนสุดท้ายของประเทศไทย คนในชุมชนได้รับการพัฒนาในทุกมิติ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง สถานีวิจัยแห่งแรกของโครงการหลวง ต้นแบบการพลิกฟื้นจากเขาหัวโล้น สู่พื้นที่ป่าที่อุดมสมบูรณ์ และยังเป็นสถานีวิจัยพืชเมืองหนาวที่สำคัญของประเทศไทย และยังมีพื้นที่ขยายผลการดำเนินงานแบบโครงการหลวง คือ โครงการพัฒนาพื้นที่สูงตามแบบโครงการหลวงป่าแป๋ ตัวอย่างของชุมชนไม้มีค่า ดูแลรักษา สร้างรายได้

ในช่วงเวลาและสถานที่เดียวกันนี้ มูลนิธิโครงการหลวงยังมีจัดงานโครงการหลวง 2567 โดยปีนี้ได้ขยายเวลาขึ้นเป็น 10 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1 ถึง 10 ธันวาคม 2567 ภายใต้แนวคิด “Hats on Hills ห่มเขาด้วยเงาไม้ ใต้ร่มพระบารมี 55 ปี โครงการหลวง” ผลการพัฒนาพื้นที่สูงด้วยพระบารมีปกเกล้า ชุมชนที่สูงจึงมีชีวิตใหม่ที่มีสุข ร่มเย็น ขุนเขาฟื้นความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาหารสำคัญของประเทศ ภายใต้พระบรมโพธิสมภารของทั้งสองรัชกาล สร้างประโยชน์สุขทั้งแก่ชาวเขา ชาวเรา และชาวโลก กิจกรรมที่นำมาจัดแสดงภายในงานมีทั้งนิทรรศการแสดงผลสัมฤทธิ์การพัฒนาพื้นที่สูงของประเทศไทย : สู่ความท้าทายโลก พร้อมการจัดตกแต่ง ประดับประดาพื้นที่อย่างสวยงามด้วยพืชผลที่เกิดจากการวิจัยและพัฒนา สอดแทรกด้วยสาระความรู้ ความสนุกเพลิดเพลิน ผ่านกิจกรรมฐานเรียนรู้ ที่ได้รับการสนับสนุนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กิจกรรมศิลปะการวาดภาพด้วยสีน้ำ โดย ศิลปินวาดภาพจิตอาสา ผู้เขาชมงานจะได้สนุก เพลิดเพลินไปกับกิจกรรมประดิษฐ์ประดอยของที่ระลึกด้วยฝีมือของตนเอง

สำหรับผลิตผล ผลิตภัณฑ์คุณภาพที่เกิดจากคุณูปการของโครงการหลวงต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ ได้ส่งตรงจากดอยมามากกว่า 800 รายการ และปีนี้โครงการหลวงยังจัดมุมทดสอบผลิตผลใหม่ที่อยู่ระหว่างการวิจัย เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้ชิมและให้ความคิดเห็นเพื่อประโยชน์ต่อการพัฒนาพันธุ์ และการส่งเสริมแก่เกษตรกร ผลิตผลใหม่เหล่านี้ ได้แก่ แตงกวามินิบอล พริกหวานรับประทานสด รวมทั้งผัก และผลไม้พระราชทานชนิดต่าง ๆ

ร่วมสนับสนุนผลิตภัณฑ์โครงการหลวงจากชาวดอย  อิ่มอร่อยไปกับอาหารหลากหลายเมนู  ดูนิทรรศการ ชมฐานเรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา ในงานโครงการหลวง 2567  วันที่  1-10  ธันวาคม  2567  ตั้งแต่เวลา 09.00 – 20.00 น. ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

นภาพร/เชียงใหม่

‘พาณิชย์’ ลุยเชียงใหม่ สร้างโอกาสผู้ประกอบการไทย ดันส่งออกสินค้า BCG ด้วย FTA

(30 พ.ย. 67) นายนันทพงษ์ จิระเลิศพงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุชาติ ชมกลิ่น) ให้ลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ภายใต้โครงการ “เพิ่มศักยภาพผู้ประกอบการโมเดลเศรษฐกิจใหม่ BCG สู่ตลาดการค้าเสรี” (โครงการ BCG) โดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ เพื่ออบรมผู้ประกอบการเรื่องความตกลงการค้าเสรี (FTA) และการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาโครงการดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับที่ดี โดยกรมได้นำผู้ประกอบการเดินทางไปจับคู่ธุรกิจกับคู่ค้าในตลาดต่างประเทศ และพัฒนาให้เป็นผู้ส่งออกที่สามารถใช้ประโยชน์จาก FTA อย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม อาทิ บริษัท ลีฟ ครีเอชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้า BCG กระเป๋าจากใบไม้ ดำเนินธุรกิจสีเขียว และนำใบตองตึงที่มีในพื้นที่ มาใช้นวัตกรรมโดยเคลือบยางพารา ผลิตเป็นแผ่นหนังทดแทนหนังสัตว์ อีกทั้งใช้ประโยชน์จาก FTA ส่งออกไปประเทศต่างๆ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์

สำหรับกระทรวงพาณิชย์ ได้ให้ความสำคัญเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจสู่ความยั่งยืน และสนับสนุนผู้ประกอบการในการปรับตัวไปสู่ความยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) รวมทั้งยังส่งเสริมผู้ประกอบการมีส่วนร่วมในโมเดลเศรษฐกิจ BCG ที่รัฐบาลใช้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าใน 3 มิติ คือ 1. เศรษฐกิจชีวภาพ (Bio Economy) คือ การนำความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมมาพัฒนาต่อยอดด้านทรัพยากรชีวภาพและผลผลิตทางการเกษตรเพื่อเพิ่มมูลค่า 2. เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) คือ การใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด เน้นการลดปริมาณของเสียให้น้อยลงหรือเท่ากับศูนย์ และ 3. เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) คือ การพัฒนาเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาสังคมและรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะนำไปสู่การยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

นายนันทพงษ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้พบหารือกับผู้ประกอบการสินค้า 3 กลุ่ม ได้แก่ 1) อาหารและเครื่องดื่ม อาทิ น้ำผักสำเร็จรูป ผักและผลไม้แปรรูป กาแฟ ชาอู่หลง เครื่องดื่มจากเมล็ดโกโก้ ขิงหยอง และกล้วยอบกรอบ 2) ของใช้และของตกแต่งบ้าน อาทิ เครื่องเคลือบศิลาดล และเฟอร์นิเจอร์จากไม้ และ 3) เสื้อผ้าและเครื่องประดับ อาทิ ผ้าทอ ผ้าไหม ผ้าฝ้าย และผ้าลินิน ซึ่งเป็นสินค้าในจังหวัดเชียงใหม่ และมาจากจังหวัดอื่นๆ ที่มาเข้าร่วมงานทั้งลำพูน ลำปาง พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และสุโขทัย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการได้ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเพื่อนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมายกระดับคุณภาพและมาตรฐานสินค้าสร้างจุดเด่นและเพิ่มความหลากหลายของสินค้า ดังนั้น จึงมั่นใจว่าสินค้า BCG ในครั้งนี้มีศักยภาพพร้อมแข่งขันได้ในตลาดโลก

“กระทรวงพาณิชย์จะพัฒนาผู้ประกอบการ BCG ให้เป็นผู้ส่งออก โดยใช้มิสเตอร์ลีฟโมเดล ผลิตสินค้าที่คำนึงเรื่องการรักษ์สิ่งแวดล้อม ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคเรื่องความคุ้มค่าและการพัฒนาสู่ความยั่งยืน พร้อมกันนี้กระทรวงพาณิชย์มุ่งช่วยผู้ประกอบการเรื่องการขยายช่องทางตลาดเพิ่มเติม ผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA ที่ไทยจัดทำไว้ 15 ฉบับกับ 19 ประเทศ และเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการใช้ FTA ฉบับใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำสินค้าไทยเข้าสู่ตลาดใหม่ๆ เช่น สหภาพยุโรป สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกาหลีใต้ และแคนาดา เป็นต้น” นายนันทพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย

เชียงใหม่-กองบิน 41 ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (Kick off) แก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม 2567 นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 ร่วมพิธีเปิดปฏิบัติการ (Kick off) แก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อทำให้ประชาชนมีความสุข ซึ่งบูรณาการร่วมกัน เปิดปฏิบัติการ kick off ตรวจปัสสาวะกลุ่มเป้าหมาย เร่งค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ ตั้งเป้าจะประกาศเป็น “จังหวัดสีขาว” ปลอดยาเสพติด ให้ได้ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 โดยมี นายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานในพิธี ณ สนามกีฬาเทศบาลตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ในโอกาสนี้ ผู้บังคับการกองบิน 41 ได้มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก ชัยวัฒน์ เสมียนรัมย์ เสนาธิการกองบิน 41 ร่วมออกตรวจพื้นที่เทศบาลตำบลสุเทพ ที่ดำเนินการตรวจปัสสาวะกลุ่มเป้าหมายที่มีอายุตั้งแต่ 14-65 ปี ซึ่งจัดตั้ง ณ วัดโป่งน้อย ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และในการค้นหาผู้เสพ ผู้ติดยาเสพติดในพื้นที่ และนำผู้เสพ ผู้ติด และผู้มีอาการทางจิต เข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาฟื้นฟู และฟื้นฟูสภาพทางสังคม สร้างงาน สร้างอาชีพ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดีในระยะยาว โดยไม่กลับไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีกต่อไป

นภาพร/เชียงใหม่

เผย ‘ดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่’ โฉมใหม่ พร้อมเปิดบริการ ‘ดุสิตดีทู ฟากู’ ในอินเดีย

(19 ธ.ค. 67) กลุ่มดุสิตธานี เดินหน้าเปิดรับฤดูกาลท่องเที่ยว ด้วยการเปิดให้บริการ “โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่” อย่างเป็นทางการตั้งแต่ช่วงต้นเดือนธันวาคม หลังจากปรับปรุงครั้งใหญ่ เผยกลับมาพร้อมลุคใหม่ที่ผสมผสานมรดกทางวัฒนธรรมภาคเหนือของไทยกับความสะดวกสบายสมัยใหม่ ด้วยห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว พร้อมยกระดับประสบการณ์การเข้าพักใจกลางเมือง พร้อมกันนี้ กลุ่มดุสิตธานียังเปิดให้บริการโรงแรม “ดุสิตดีทู ฟากู” ในอินเดีย ตั้งแต่ 15 ธันวาคม 2567 เพื่อเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกที่หลงใหลการผจญภัย และแสวงหาความเงียบสงบท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยอันเลื่องชื่อ 

บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เปิดเผยว่า กลุ่มดุสิตธานีพร้อมต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวในช่วงปลายปี ซึ่งเป็นไฮซีซั่น ด้วยการเปิดให้บริการโรงแรมในทำเลที่มีศักยภาพอย่างต่อเนื่องทั้งในไทยและในต่างประเทศ โดยในประเทศไทย ล่าสุด โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ ได้กลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 6 ธันวาคม 2567 หลังได้รับการปรับปรุงครั้งใหญ่ ด้วยห้องพักที่ได้รับการออกแบบใหม่ผสมผสานศิลปะชาวเหนือและความสะดวกสบายทันสมัย รวมถึงล็อบบี้ที่ตกแต่งด้วยงานศิลปะท้องถิ่นและโคมไฟเซมา ธรรมจักร ซึ่งสะท้อนถึงวัฒนธรรมล้านนา รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น พื้นที่ประชุมที่ทันสมัย, สระว่ายน้ำ และยิมที่มีอุปกรณ์ครบครัน

ทั้งนี้ โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่ตั้งอยู่บนถนนช้างคลาน ย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ซึ่งเป็นทำเลที่สะดวกต่อการเดินทางและการสำรวจสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญต่างๆ โดยการกลับมาครั้งนี้ โรงแรมได้เข้าร่วมโครงการ “แคมเปญแอ่วเหนือ...คนละครึ่ง” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “เหนือพร้อม...เที่ยว” ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวภาคเหนือในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม 2567 ด้วยการมอบส่วนลด 50% สำหรับการใช้จ่ายสินค้าและบริการในสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ จำนวน 10,000 สิทธิ์ โดยมีวงเงินสูงสุด 400 บาทต่อท่าน ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท

และเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการกลับมาให้บริการ โรงแรมดุสิต ปริ๊นเซส เชียงใหม่มอบโปรโมชั่นพิเศษเริ่มต้นที่ 1,600 บาท++ ต่อห้อง/คืน พร้อมอาหารเช้าฟรีและส่วนลด 20% สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม โดยสามารถจองได้ถึงวันที่ 6 มกราคม 2568 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือการจองห้องพักได้ที่ dusit.com/dusitprincess-chiangmai 

สำหรับการให้บริการในต่างประเทศ ล่าสุด กลุ่มดุสิตธานี พร้อมเปิดให้บริการ “โรงแรมดุสิตดีทู ฟากู” ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2567 โดยโรงแรมดุสิตดีทู ฟากู ตั้งอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัยอันงดงามตระการตา เหมาะต่อการพักผ่อนสำหรับนักเดินทางที่แสวงหาความเงียบสงบพร้อมความหรูหรา รวมถึงยังตอบโจทย์นักเดินทางกลุ่มรักสุขภาพและกลุ่มที่รักการผจญภัย ภายในโรงแรม ประกอบด้วย ห้องพักจำนวน 80 ห้อง  มีขนาดตั้งแต่ 38 ตร. ม. ถึง 86 ตร. ม. แต่ละห้องยังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อผสมผสานความสะดวกสบายแบบทันสมัยให้เข้ากับกลิ่นอายท้องถิ่น โดยห้องพักทุกห้องมาพร้อมทิวทัศน์อันสวยงามของหุบเขาและภูเขาที่โอบล้อม ช่วยให้ผู้เข้าพักผ่อนคลายไปกับความงามของธรรมชาติได้ตลอดเวลา

เชียงใหม่-กิจกรรมหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ครั้งที่ 1/68 โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1

เมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.67) นาวาอากาศเอก ปรธร จีนะวัฒน์ ผู้บังคับการกองบิน 41 เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ครั้งที่ 1/68 โดยมี ดร.โรจนไชย์ สมจันทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 พร้อมด้วยผู้นำชุมชน คณะครู และผู้ปกครอง ให้การต้อนรับ หัวหน้าหน่วยขึ้นตรงกองบิน 41 ข้าราชการ และสมาชิกชมรมแม่บ้านทหารอากาศกองบิน 41 ร่วมกิจกรรม ณ โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ภายในกิจกรรม ผู้บังคับการกองบิน 41 ได้มอบทุนการศึกษา ทุนอาหารกลางวัน ถุงยังชีพ และผ้าห่มกันหนาว ให้แก่เด็กนักเรียนโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 1 และผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรม

นอกจากนี้คณะหน่วยมิตรประชากองบิน 41 ได้ให้บริการ ด้านการแพทย์ตรวจรักษา ให้คำแนะนำด้านสุขภาพ จากหน่วยแพทย์เคลื่อนที่จากโรงพยาบาลกองบิน 41 และบริการตัดผม โดยแผนกสวัสดิการกองบิน 41 พร้อมทั้งได้จัดเลี้ยงอาหารกลางวัน ขนมโดนัทรวมถึงน้ำผลไม้อีกด้วย

เชียงใหม่ - บรรยากาศรับสมัครเลือกตั้ง นายกอบจ.เชียงใหม่ คึกคักท่ามกลางกองเชียร์ ที่มาให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

(25 ธ.ค. 67) การรับสมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่  และสมาชิก ส.อบจ เชียงใหม่ วันแรกเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของผู้สมัครแต่ละพรรคที่มาส่งแรงใจให้ผู้สมัครกันตั้งแต่เช้า โดยวันแรกมีว่าที่ผู้สมัครนายก  3 คน  ขณะที่ ผอ.กกต.เชียงใหม่ ตั้งเป้ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 75 % 

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2567 ที่ห้องประชุมสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่รับสมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ และสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ วันแรกของการรับสมัคร บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ท่ามกลางบรรดากองเชียร์ของแต่ละพรรคที่มาคอยให้กำลังใจผู้สมัครตั้งแต่เช้า 

นายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร แชมป์เก่าจากพรรคเพื่อไทย และ นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ จากพรรคประชาชน มาถึงที่สมัครพร้อมกันก่อนเวลา 08.30 น. ซึ่งตกลงกันไม่ได้ จึงได้มีการจับสลากหมายเลขสมัคร   ปรากฏว่านายพิชัย เลิศพงษ์อดิศร ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2, นายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 1 และผู้สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 42 เขต ครบทั้ง 2 พรรค และพลตรี ดร.พนม ศรีเผือด ผู้สมัครอิสระ ได้หมายเลขประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 3

โดยหลังเสร็จสิ้นการสมัครเรียบร้อยแล้ว ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่แต่ละรายได้มาพบปะบรรดากองเชียร์ และผู้สนับสนุน ที่มารอต้อนรับ ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น รวมถึงลงพื้นที่พบปะประชาชน ออกหาเสียง บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก เป็นอย่างมาก

นายพิชัย เลิศพงศ์อดิศร ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า
การเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ ครั้งนี้มีความมั่นใจ 100%ในผลงานเพราะตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาได้สร้างผลงานและทำงานอย่างเต็มที่ มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ให้พี่น้องประชาชนนำไปประกอบการพิจารณาว่าควรจะมาเป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ สมัยที่ 2 ต่ออีกหรือไม่ ซึ่งตามกฎหมายในขณะนี้ได้ไม่เกิน 2 สมัย มีความมั่นใจในตัวเองและทีมงาน ทั้ง ทีม ส.อบจ.ลงครบทุกเขต 42 เขต 25 อำเภอ
    
ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะมาเป็นผู้ช่วยหาเสียงให้ผมด้วย ซึ่งการเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ครั้งก่อนอดีตนายกฯทักษิณอยู่ต่างประเทศก็ใช้วิธีวิดีโอคอลมาช่วยหาเสียงให้ แต่ครั้งนี้อดีตนายกฯทักษิณ จะมาขึ้นเวทีพบปะพี่น้องชาวเชียงใหม่ในทุกอำเภอ เชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯทักษิณ สร้างผลงานไว้มากมายจึงทำให้ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ นายพิชัย กล่าว    

ประกอบกับกาคเลือกตั้งครั้งก่อนได้คะแนน 402,179 คะแนน ในการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยผลงานที่ทำมาตลอด 4 ปีที่ชาวเชียงใหม่เห็นเป็นที่ประจักษ์จึงทำให้มั่นใจว่าครั้งนี้
จะได้คะแนนเลือกตั้งตามทึ่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ 6 แสนคะแนน อยากให้เป็นประวัติศาสตร์การเลือกตั้งท้องถิ่น
ของอบจ.เชียงใหม่ 

เพราะก่อนนั้นในปี 2551-2557 ตนเป็นสมาชิกวุฒิสภา และมาลงสมัครรับเลือกตั้งได้เป็น นายกอบจ.เชียงใหม่ 4 ปี ลงพื้นที่ทุกอำเภอ อีกทั้งส.อบจ.เชียงใหม่ก็เข้มแข็ง มีจิตอาสาทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป ซึ่งผลงานที่ชัดเจนเช่นการจัดสร้างสวนสาธารณะบนที่ดินการรถไฟ ซึ่งตอนที่เป็นนายกอบจ.เชียงใหม่ ได้ขอให้การรถไฟยกให้อบจ.เชียงใหม่ดูแลและจะมีการพัฒนาต่อไป 

รวมถึงสวนสาธารณะบริเวณด้านหลังศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ก็ได้พัฒนาให้เป็นสวนอบจ.เชียงใหม่เป็นสถานที่พักผ่อน ออกกำลังกายและนันทนาการ มีการจัดงาน Charming Chiang Mai ซึ่งขณะนี้ก็ยังจัดอยู่มีคนมาเที่ยวชมสวนดอกไม้กว่า 3 ล้านคนและมีโครงการในด้านสาธารณสุขจะสร้างโรงพยาบาลอบจ.เชียงใหม่ ขนาด 200เตียง ซึ่งมีสถานที่ก่อสร้างและของบประมาณจากทางรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นรูปธรรมแล้วพร้อมที่จะเข้ามาสานงานต่อในเรื่องนี้ต่อไป

ด้านนายพันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกอบจ.เชียงใหม่ หมายเลข1 จากพรรคประชาชน กล่าวว่า การลงสมัครรับเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องบอกว่ามั่นใจสูง เพราะว่าพี่น้องประชาชนเชียงใหม่ก็อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คุณภาพชีวิตและมีประเด็นเรื่อง 3 ท. เรื่องความเท่าเทียมกัน ดูแลคนทุกคนทั่วถึง เชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีอำเภอถึง 25 อำเภอ จากแม่อายจนถึงอมก๋อยใช้เวลาเกือบ 10ชั่วโมง ในการเดินทาง เพราะว่ามีความไม่เท่าเทียมกันในการพัฒนา ก็อยากจะลดช่องว่างนี้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในระดับท้องถิ่น
   
นายนพดล สุยะ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า วันแรกมีผู้สมัคร นายก อบจ.เชียงใหม่ 3 คน และสมาชิก อบจ. สังกัดพรรคเพื่อไทย ครบ 42 คน 42 เขต สมาชิก อบจ. สังกัดพรรคประชาชน ครบ 42 คน 42 เขตเรียบร้อยแล้ว ส่วนพรรคอิสระยังมาไม่ครบ 

และจังหวัดเชียงใหม่มี  25 อำเภอ ประชากร 1 ล้าน 7 แสนคน เป็นผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 1,264,703 คน จำนวนครัวเรือน 559,541 ครัวเรือน มีหน่วยเลือกตั้ง 2,722 หน่วย 

คาดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์ 75 เปอร์เซ็นต์ โดยการเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีก่อน มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 72 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top