Wednesday, 21 May 2025
เชียงใหม่

เชียงใหม่-สวนสัตว์เชียงใหม่ สร้างความสุข สนุกกับกิจกรรม 'สิงหาพาเหรด สัตว์น่ารัก'

สวนสัตว์เชียงใหม่ จัดกิจกรรม 'สิงหาพาเหรด สัตว์น่ารัก' เฉพาะวันเสาร์-วันอาทิตย์ เพียงวันละ 1 รอบ เวลา 11.00 น. ตลอดเดือนสิงหาคม เริ่มวันเสาร์แรก 3 สิงหาคม 2567 นี้  

นายวุฒิชัย ม่วงมัน ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ เผยว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ได้จัดกิจกรรมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งกิจกรรมประกอบด้วย การจัดขบวน 'สิงหาพาเหรด สัตว์น่ารัก' ขบวนมาสคอตสัตว์ที่มาสร้างสีสันและรอยยิ้ม และสัตว์น่ารักนานาชนิด มาร่วมในขบวน เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมและบันทึกภาพสัตว์แต่ละตัวได้อย่างใกล้ชิด เช่น นกมาคอร์ฟ้าอกเหลืองสีสันสดใส, นก   ค๊อกคาเทลหลากสี, แพะแคระจอมซน, ม้าแคระเชทแลนท์ขนสวย, กระต่ายน้อยซุกชน, ไก่ป่าสวยงาม, เจ้าอ้นผู้น่ารัก, ลูกหมีขอ(น้องลาบูบู้), นกเพนกวินเริงร่า และ เหล่าสัตว์น่ารักอีกมากมาย กว่า 50 ตัว ที่จะออกมาให้นักท่องเที่ยวได้รับชมอย่างใกล้ชิด ณ บริเวณมินิซู สวนสัตว์เชียงใหม่ เฉพาะวันเสาร์ และ วันอาทิตย์ วันละ 1 รอบ เวลา 11.00 น. ตลอดเดือนสิงหาคมนี้ 

ทั้งนี้ สวนสัตว์เชียงใหม่ ยังเพิ่มความสุข สนุกไปกับกิจกรรม ต่าง ๆ อีกมากมาย เพลิดเพลินกับเหล่าบรรดาสัตว์ขนาดเล็ก ชิมอาหารบนรถฟู้ดทรัค  คลายร้อนที่สโนว์บัดดี้วินเทอร์แลนด์ สัมผัสอุณหภูมิ -10 องศาเซลเซียส พบกับความหลากหลายของสายพันธุ์ปลานานาชนิด ตื่นตาตื่นใจ กับความงดงามของสัตว์น้ำต่างๆ  ที่เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ทะเลบนดอย และชมการแหวกว่ายของฝูงเพนกวินที่น่ารัก ชมการแสดงพฤติกรรมสัตว์ multi animal behavior ของสัตว์หลากหลายชนิด แวะสักการะพระนวพุทธมหาบารมี พระศรีสากยมุนีสัตตะบุรีลวบูชา ที่โบราณสถานวัดกู่ดินขาว อายุมากกว่า 1,000 ปี ถ่ายรูปสถานที่ต่างๆ ภายใต้การจัดภูมิทัศน์ให้สอดคล้องกับธรรมชาติที่มีอยู่ในพื้นที่ มีบริการขนส่งมวลชนแบบครอบครัวโดยใช้รถกอล์ฟ หรือรถรางบริการขึ้นลงตามสถานีต่างๆ โดยรอบสวนสัตว์เชียงใหม่ อีกด้วย

เชียงใหม่-กรมสุขภาพจิต พัฒนาศักยภาพผู้ดูแลเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เขตสุขภาพที่ 1 และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 7 เชียงใหม่

วันที่ 6 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 น. นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต เป็นประธานเปิดโครงการเสริมสร้างพลังใจ คืนเด็กไทยสู่สังคม สำหรับ ผู้ดูแลเด็กและเยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เขตสุขภาพที่ 1, ศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน เขต 7 เชียงใหม่/ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ พยาบาลวิชาชีพ นักวิชาการสาธารณสุขสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด/โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปและหน่วยงานในสังกัดกรมสุขภาพจิต เขตสุขภาพที่ 1 จำนวน 50 คน โดยมี นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้ช่วยอธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง ให้การต้อนรับและกล่าวรายงาน ณ ห้องประชุมนพเก้า โรงแรมดิเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ 

นพ.ศิริศักดิ์ ธิติดิลกรัตน์ รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า สถานการณ์เด็กและเยาวชนกระทำความผิดเป็นสถานการณ์ที่พบได้ทั่วโลก จากรายงานขององค์การสหประชาชาติ ปี พ.ศ.2564 พบว่าในแต่ละปีมีเด็กและเยาวชนทั่วโลกกระทำความผิดประมาณ 10 ล้านคน สำหรับประเทศไทยพบว่าปี 2561–2565 การกระทำความผิดที่เกิดจากเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มลดลงร้อยละ 45.91 แต่กลับมีการถูกจับซ้ำในอัตราที่สูงขึ้นโดยเฉพาะ 3 ปีหลัง จากการถูกปล่อยตัวซึ่งสูงถึงร้อยละ 41 โดยคดีที่มีการจับกุมมากที่สุด 3 อับดับแรก ได้แก่ 1) ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ 2) ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ และ 3) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธและวัตถุระเบิด การกระทำผิดเหล่านี้ส่งผลกระทบทั้งด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ด้านความมั่นคงของประเทศ และด้านการพัฒนาประเทศในระยะยาว

การบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างกรมสุขภาพจิตและกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการสร้างปัจจัยปกป้องให้เด็กและเยาวชนมีภูมิคุ้มกันทางใจป้องกันไม่ให้กลับไปก่อความรุนแรงหรือก่อคดีซ้ำ อันจะนำไปสู่การป้องกันปัญหาความรุนแรงและการมีสุขภาวะที่ดีในวัยผู้ใหญ่ต่อไป

นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้ช่วยอธิบดีกรมสุขภาพจิต ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสวนปรุง กล่าวว่า การจัดโครงการเสริมสร้างพลังใจ คืนเด็กไทยสู่สังคม ในครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมให้บุคลากรในสถานพินิจและศูนย์ฝึกอบรมเด็กและเยาวชนฯ มีความรู้และทักษะในการจัดการกับอารมณ์/พฤติกรรมของเด็กและเยาวชนได้อย่างเหมาะสม และสร้างแรงจูงใจที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนให้ไปในทางที่ถูกต้อง รวมถึงพัฒนาศักยภาพเครือข่ายผู้รับผิดชอบงานด้านสุขภาพจิตในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนฯ ให้มีทักษะในการคัดกรอง ดูแล และส่งต่อเด็กและเยาวชนในรายที่จำเป็นเข้ารับบริการในหน่วยบริการสาธารณสุขต่อไป

นภาพร/เชียงใหม่ (ภาพ-ข่าว)

เชียงใหม่-แถลงข่าว “วิ่งการกุศลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - เชียงใหม่มาราธอน 2567 ครั้งที่ 8”

สมาคมนักศึกษาเก่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดงานแถลงข่าว “วิ่งการกุศลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - เชียงใหม่มาราธอน 2567 ครั้งที่ 8 (CMU - Chiang Mai Marathon 2024)” ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ภายใต้ธีม “Precious Memories” ความทรงจำอันล้ำค่าในรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ทุกคนได้มาใช้เวลาวิ่งร่วมกันตลอด 7 ปีที่ผ่านมา โดยมีศาสตราจารย์ ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน พร้อมด้วย คุณสุมิตร เพชราภิรัชต์ นายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ณัฐ วรยศ  คุณสมยศ วงษ์ทองสาลี ที่ปรึกษาสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ผู้ช่วยศาสตราจารย์วรวิชญ์ จันทร์ฉาย คณะผู้บริหาร คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ นักศึกษา ศิษย์เก่า สื่อมวลชน ตลอดจนผู้สนใจกิจกรรม ร่วมการแถลงข่าว ณ Auditorium ชั้น 3 อาคารศูนย์นวัตกรรมการสื่อสาร (CIC) คณะการสื่อสารมวลชน เมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ.2567

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับ สมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กำหนดจัดแข่งขันการวิ่งการกุศลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - เชียงใหม่มาราธอน 2567 ครั้งที่ 8 (CMU - Chiang Mai Marathon 2024) ชิงรางวัลถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 ในธีม “Precious Memories” ความทรงจำอันล้ำค่าในรั้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ที่ทุกคนได้มาใช้เวลาวิ่งร่วมกันตลอด 7 ปีที่ผ่านมา 

ความพิเศษของ CMU – Chiang Mai Marathon 2024 คือเหรียญรางวัลซีรีส์ 2 (2nd Generation) ซึ่งเป็นชิ้นสุดท้ายที่ทำให้โมเดลหอนาฬิกาเสร็จสมบูรณ์ โดยเป็นฝาปิดด้านบนของหอนาฬิกา เพื่อเก็บเรื่องราวที่ดีและความทรงจำอันล้ำค่าของนักวิ่งทุกคนไว้ตลอดไป รวมถึงการจัดงานในรูปแบบ Carbon Neutral Event ที่ช่วยลดและชดเชยการปล่อยคาร์บอนฟุตพริ้นท์หรือก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานและทรัพยากรในการจัดงาน เช่น การใช้ภาชนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การบริหารจัดการขยะและของเหลือใช้ การใช้รถไฟฟ้าหรือเชื้อเพลิงสะอาด การจัดซื้อคาร์บอนเครดิตชดเชย (Carbon Credit) เพื่อยื่นขอ
ใบประกาศนียบัตรรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) ต่อไป 

ในปีนี้ เปิดรับสมัครนักวิ่งที่สนใจสองรอบ คือรอบ VIP วันที่ 8 สิงหาคม 2567 เวลา 10.08 น. ถึงก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 15 กันยายน 2567 และรอบปกติในวันที่ 26 สิงหาคม 2567 เวลา 10.08 น. ถึงวันที่ 15 กันยายน 2567 ทางเว็บไซต์ www.cmu-marathon.com ทั้งรูปแบบ Onsite และ Virtual Run 

โดยมีอัตราขอรับบริจาคดังต่อไปนี้ รูปแบบ Onsite รับสมัครนักวิ่งไม่เกิน 7,000 คน VIP ระยะทางตามระยะที่สมัคร อัตราขอรับบริจาค 3,000 บาท, Full Marathon ระยะทาง 42.195 km. อัตราขอรับบริจาค 1,200 บาท, Half Marathon ระยะทาง 21.1 km. อัตราขอรับบริจาค 1,000 บาท, Mini Marathon ระยะทาง 10.5 km. อัตราขอรับบริจาค 800 บาท และ Fun Run ระยะทาง 5 km.  อัตราขอรับบริจาค 600 บาท

นักวิ่งที่ติดอันดับ Top 30 จาก Virtual Run ของปีที่ผ่านมา ระบบจะส่งข้อมูลให้ท่านผ่านทางอีเมลเพื่อลงทะเบียนล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 8 - 25 สิงหาคม 2567 

รูปแบบ Virtual Run ครั้งที่ 5 รับสมัครไม่จำกัดจำนวน  Iron Heart ระยะทาง 123 km. อัตราขอรับบริจาค 1,288 บาท,Full Marathon ระยะทาง 42.195 km. อัตราขอรับบริจาค 1,030 บาท, Half Marathon ระยะทาง 21.1 km. อัตราขอรับบริจาค 824 บาท, Mini Marathon ระยะทาง 10.5 km. อัตราขอรับบริจาค 618 บาท และCombo ระยะใดก็ได้ (รับเหรียญและเสื้อ อัตราขอรับบริจาค 2,266 บาท Finisher ทั้ง Full, Half, Mini)โดยกำหนดส่งผลการวิ่งก่อนเที่ยงคืนของวันที่ 1 ธันวาคม 2567 

ทั้งนี้ อัตราขอรับบริจาคข้างต้นยังไม่รวมค่าธรรมเนียมในการโอนเงินบริจาคทางอิเล็กทรอนิกส์ 

สำหรับรายได้หลังหักค่าใช้จ่าย จัดสรรเป็นทุนการศึกษาแก่นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักหอพักนักศึกษา สมทบทุนสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในการจัดกิจกรรมเพื่อสาธารณะประโยชน์ และนำรายได้ส่วนหนึ่งทูลเกล้าฯ ถวายสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยเสด็จพระราชกุศลตามอัธยาศัย

มหาวิทยาลัยเชียงใหม่และสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอขอบคุณผู้สนับสนุนและนักวิ่งทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมการแข่งขันการวิ่งการกุศลมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - เชียงใหม่มาราธอน 2567 ครั้งที่ 8 (CMU - Chiang Mai Marathon 2024) และขอความอนุเคราะห์ประชาชนโปรดหลีกเลี่ยงเส้นทาง การแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2567 เพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัยแก่นักวิ่ง 

เชียงใหม่-WeDC Training Center จัดอบรมเสริมความรู้ เพิ่มทักษะที่สำคัญให้แก่ทันตแพทย์ จากทั่วประเทศ

ปัจจุบันทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพ (สปสช.) ได้มีโครงการเพื่อประชาชนในการรักษาทางทันตกรรมทางด้านการใส่ฟันปลอมทั้งปาก เพื่อสนับสนุนให้คนไทยสามารถเคี้ยวอาหารได้ดี และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่สูญเสียฟันไปทั้งหมด แต่จากสถานการณ์ปัจจุบันพบว่าทันตเพทย์ที่ให้บริการส่วนใหญ่มีความไม่มั่นใจในการทำฟันปลอมทั้งปากมากนัก ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของฟันปลอม และความเจ็บปวดของคนไข้หลังทำ ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยต้องกลับมาแก้ไขหลายครั้ง 

จากปัญหาดังกล่าวทาง WeDC Training Center ได้เล็งเห็นจึงได้จัดสัมมนา "Complete Dentures: Everything you need to know" ซึ่งเป็นโครงการพัฒนาความรู้เพื่อทันตแพทย์ในด้านการทำฟันปลอมทั้งปากให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นรวมถึงการนำนวัตกรรมใหม่ๆ ทางด้านดิจิทัลมาพัฒนางานของทันตแพทย์ให้ดีขึ้นด้วย โดยเนื้อหาในการอบรมครั้งนี้จะมีการปูพื้นฐานความรู้ในการทำฟันปลอม การพิมพ์ปาก รวมถึงการใส่ฟันปลอม และการแก้ไขหลังใส่ฟันปลอมอีกด้วย

ภายในงานยังได้รับเกียรติจากวิทยากรที่มากความสามารถ 8 ท่านได้แก่ ศ.ทพ.ดร.แมนสรวง อักษรนุกิจ,ผศ.ทพ.ดร.พิริยะ ยาวิราช,รศ.ทพ.ศุภชัย สุพรรณกุล,ผศ.ทพ.ดร.พิสัยศิษฏ์ ชัยจรีนนท์,ผศ.ทพ.ดร.กฤช กมลขันติกุล,อ.ทพ.ดร.อภิชัย ยาวิราช,ทพ. ณัฐทรงสักก์ ปัญญาสุขศรี และ ทพ. ทศพล สิริประภาสุข ซึ่งแต่ละท่านได้มีผลงานพร้อมทั้งเชี่ยวชาญในด้านทันตกรรมเป็นอย่างดี โดยผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับความรู้ด้าน การถอนฟัน การประเมินผู้ป่วยฟันปลอมทั้งปาก และวางแผนการรักษา การพิมพ์ปากด้วยเทคนิคต่างๆ และ การทำฟันปลอมด้วยเทคนิค SEMCD นอกจากนั้นแล้วยังมีหัวข้อที่น่าสนใจอาทิเช่น การทำฟันปลอมโดยใช้เทคนิคแนวคิดเขตเป็นกลาง (Neutral zone technique) การประเมินความสูงใบหน้าของคนไข้ และการสบฟัน ตลอดจนการออกแบบการสบฟันในฟันปลอมทั้งปาก ฯลฯ
 
ด้าน รศ.ทพ.ศุภชัย สุพรรณกุล กล่าวว่า “ปัจจุบัน ปัญหาสุขภาพในช่องปากเป็นหนึ่งในปัญหาที่สำคัญของสังคมผู้สูงอายุ ซึ่งประเทศไทยของเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการบูรณะภายในช่องปากเพื่อให้มีการบดเคี้ยวได้ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ผู้ป่วยในกลุ่มผู้สูงอายุ มีสุขภาพแข็งแรง และสามารถดูแลช่วยเหลือตัวเองได้ นอกจากนั้น ฟันปลอมยังเป็นส่วนสำคัญในการทำให้ผู้ป่วยมีความมั่นใจที่จะเข้าสังคมมากขึ้น มีการปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว ลูกหลานรวมถึงสังคมรอบตัว ส่งผลให้มีสุขภาพจิตที่ดีขึ้น 

ดังนั้น ทันตแพทย์จึงไม่ได้มีบทบาทแค่เฉพาะในการบูรณะฟันอย่างเดียวแต่มีบทบาทในการปรับปรุงสุขภาพกายและสุขภาพจิตโดยรวมด้วย ดังนั้นในการจัดประชุมครั้งนี้ เราจะมุ่งประเด็นไปสู่การทำฟันปลอมถอดได้ในช่องปาก โดยหากผู้สูงอายุมีการสูญเสียฟันในช่องปากไป การบดเคี้ยวก็จะถดถอย ไม่มีประสิทธิภาพอย่างมีนัยสำคัญ การมีฟันปลอมถอดได้ทั้งปากที่ดี จะทำให้ผู้ป่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ดีขึ้น ดังนั้นการประชุมวิชาการครั้งนี้ จึงมุ่งเน้นการพัฒนาความรู้ในการทำฟันปลอมทั้งปาก ทำให้โดยเผยแพร่ความรู้และพัฒนาศักยภาพของทันตแพทย์ทำให้การทำฟันปลอมทั้งปากทำได้ดีมากขึ้นซึ่งจะส่งผลในการส่งเสริมสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย”

โดยทางบริษัท ดีว่า เมดิคอล ซัพพลาย จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่าย วัสดุอุปกรณ์ และนวัตกรรมทางด้านทันตกรรม รวมถึงบริษัทอื่นๆที่จัดจำหน่ายวัสดุทางทันตกรรม รวมทั้งหมด 9 บริษัท ได้เข้าร่วมสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อสนับสนุนทีมอาจารย์ และทันตแพทย์ ให้ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพ มาตรฐานสากล ยกระดับการรักษาและบริการให้กับคนไข้ เทียบเท่ามาตรฐานสากล
 
งานนี้มีทันตแพทย์กว่า 150 ท่านจากทั่วประเทศเดินทางเข้าร่วมงาน ณ โรงแรม Kantary Hills Chiang Mai ถนนนิมมานเหมินทร์ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 10-11 สิงหาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.

‘ผู้โดยสาร’ แฉ!! ‘รถแดงเชียงใหม่’ ไล่ลูกค้าคนไทยลงกลางทาง เหตุอยากรับลูกค้าต่างชาติ-ราคาแพงกว่า แต่สุดท้ายก็โดนปฏิเสธ

เมื่อวานนี้ (13 ส.ค. 67) ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์ภาพพร้อมบอกเล่าประสบการณ์แย่ ๆ จากการใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้างในตัวเมืองเชียงใหม่ โดยระบุว่า ตัวเองได้ใช้บริการรถสี่ล้อแดงรับจ้าง ซึ่งแต่กลับถูกไล่ลงจากรถระหว่างทาง เพราะคนขับจะรับผู้โดยสารชาวต่างชาติ ซึ่งโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์และผู้เข้าไปแสดงความเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ต่างตำหนิการกระทำของคนขับรถสี่ล้อแดงรับจ้างดังกล่าว

ขณะที่จากการสอบถามป้าศรี (นามสมมติ) อายุ 63 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว เปิดเผยว่า ตัวเองมีบ้านอยู่ย่านศรีประกาศ ตำบลวัดเกตุ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ช่วงสายวันที่ 13 ส.ค.67 ตัวเองกับเพื่อนได้ขึ้นรถสี่ล้อแดงบริเวณเชิงสะพานนวรัฐ ด้านตะวันตก เพื่อให้ไปส่งย่านตลาดประตูก้อม ในตัวเมืองเชียงใหม่ ตกลงค่าโดยสารคนละ 30 บาท แต่เมื่อรถไปถึงย่านกำแพงดิน พบมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ 4-5 คน โบกรถ ทางคนขับที่เป็นผู้ชายสูงอายุได้จอดรถรับ และบอกให้ตัวเองลงจากรถโดยไม่เก็บค่าโดยสาร ซึ่งตัวเองรู้สึกงงอย่างมาก และถ่ายภาพไว้ จากนั้นตั้งใจเดินเท้าไปกันเอง

ส่วนคนขับได้ไปพูดคุยเจรจาตกลงค่าโดยสารกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ อย่างไรก็ตามปรากฏว่าสุดท้ายแล้วไม่สามารถตกลงกันได้และคนขับได้มาเรียกให้ตัวเองกลับขึ้นรถและใช้บริการตามเดิม แต่ตัวเองและเพื่อนปฏิเสธ ซึ่งทำให้คนขับรถไม่พอใจ รวมทั้งพยายามเข้ามาแย่งโทรศัพท์เพื่อให้ลบภาพที่ถ่ายไว้ แต่ไม่สำเร็จ และขับรถออกไปในที่สุด ทั้งนี้ตัวเองใช้บริการรถสี่ล้อแดงมานานหลายสิบปี เพิ่งเคยพบเจอประสบการณ์ตรงที่เลวร้ายเช่นนี้ แม้จะเคยเห็นข่าวหลายครั้งแล้ว จึงอยากจะเตือนให้ปรับปรุงและอย่าเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติดีกว่าคนไทยด้วยกัน

ด้านนายบุญเนียม บุญทา ประธานสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ยอมรับว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรถสี่ล้อแดงเป็นอย่างมาก ซึ่งหลังทราบเหตุได้ตรวจสอบจนทราบแล้วว่าคนขับรถดังกล่าวชื่อ นายวัฒนา และเตรียมเชิญตัวคนขับรถสี่ล้อแดงคันดังกล่าวมาพูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมตักเตือนคาดโทษ แต่หากยังมีพฤติกรรมเช่นนี้อีก จะปลดออกจากการเป็นสมาชิกสหกรณ์ อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อนายวัฒนาได้

นอกจากนี้นายบุญเนียม ย้ำว่า ที่ผ่านมาทางสหกรณ์นครลานนาเดินรถ จำกัด ได้พยายามปรับปรุงแก้ไขและป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการให้บริการเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและสร้างความพอใจให้กับผู้ใช้บริการให้มากที่สุด แต่ยอมรับว่าหนักใจเพราะสี่ล้อแดงเชียงใหม่ประกอบด้วยสมาชิกที่หลากหลาย จึงอยากเน้นย้ำคนขับสี่ล้อแดงทุกคนให้นึกถึงอยู่เสมอว่ามีอาชีพให้บริการ ต้องมีความอดทนอดกลั้นให้มากไม่โต้แย้งหรือต่อล้อต่อเถียงกับผู้โดยสาร เนื่องจากเขาเป็นผู้มีอุปการคุณช่วยเหลือทำให้คนขับสี่ล้อแดงมีรายได้

เชียงใหม่-ผบช.ภ.5 แถลงข่าวจับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่

ตำรวจภูธรภาค 5 แถลงข่าว "จับแก๊งอันธพาลเชียงใหม่ ไม่เข็ด มีดฟันเด็ก ถูกจับข้อหาหนักยกแก๊ง" เหตุเกิดพื้นที่ สภ.สารภี จ.เชียงใหม่โดยมี พล.ต.ท.กฤตธาพล  ยี่สาคร ผบช.ภ.5 เป็นประธานการแถลงข่าว จับกุมกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายร่างกาย ในพื้นที่ อ.สารภี ณ ลานแถลงข่าว อาคารกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

วันพุธที่ 14 สิงหาคม 2567 เวลา 11.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.วีรชน บุญทวี รอง ผบช.ภ.5,พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5, พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม รอง ผบก.ฯ ช่วยราชการ ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.นพฤทธิ์ กันทา
ผกก.สส.ภ.จว.เชียงใหม่, พ.ต.อ.จิรภาส ศักดิ์สูง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.โชติพัฒน์ แสงโรจน์ รอง ผกก.สภ.สารภี, พ.ต.ท.เสตกมล คนเที่ยง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.เสฏฐวัฒน์ พิเคราะห์ รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ต๊ะปวน รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.อ.ธวัชชัย ไกลถิ่น รอง สว.สส.ฯ, ร.ต.ต.สุวรรณ เกิดเวียงใหม่, ด.ต.ยงยุทธ พรหมมา, ด.ต.เทิดศักดิ์ คำลือ, ด.ต.ฐณธรณ์ ชูจิตต์, จ.ส.ต.กฤติกรณ์ ชัยยา, จ.ส.ต.ทศพล ปินต๊ะ, ส.ต.อ.อภิรักษ์ มณีทอง, ส.ต.อ.อาติยะ ทองลับแก้ว, ส.ต.อ.ณัฐพล อินทรา และ ส.ต.อ.ชนกันต์ คำกลาง

โดยเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2567 เวลาประมาณ 03.55 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สารภี ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกกลุ่มวัยรุ่นทำร้ายบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ โดยถูกอาวุธมีดฟันได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 คน คือ นายวัชระพล โนทะวงศ์ อายุ 20 ปี ที่อยู่ 119 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.ชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว ด.ช.กิตติศักดิ์ กันอินทร์ อายุ 14 ปี ที่อยู่ 44 ม.9 ต.ดงมะดะ อ.แม่ลาว จว.เชียงราย ได้รับบาดเจ็บบริเวณขาอาการสาหัสต้องได้รับการผ่าตัด ส่งโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่รักษาตัว

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ออกสืบสวนติดตามหาผู้ก่อเหตุจนทราบว่ากลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุดังกล่าว ทราบว่าเป็นการก่อเหตุของแก๊งเยาวราช ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.เมืองลำพูน ซึ่งได้นัดหมายกับแก๊งดอยหล่อ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของกลุ่มวัยรุ่นใน อ.ดอยหล่อ สืบสวนจากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทราบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีตำหนิรูปพรรณตรงกับกลุ่มของนายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย

ซึ่งเป็นแกนนำของแก๊งเยาวราช เคยมีประวัติการก่ออาชญากรรมมาก่อน จึงได้ติดตามตัวนายวัชรพันธ์ฯ จนพบพร้อมของกลางที่ได้ใช้ก่อเหตุ นายวัชรพันธ์ฯได้ให้การว่าได้นัดหมายกับกลุ่มของนายชาญณรงค์ บูญมี จาก อ.ดอยหล่อ จว.เชียงใหม่ บริเวณถนนเชียงใหม่-ลำปางได้เตรียมอาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่ทำขึ้นเอง เพื่อออกไปทำร้ายร่างกายกลุ่มของคู่อริ (แก๊งหางดง HANGDONG) ที่บริเวณถนนเรียบทางรถไฟ

ต่อมากลุ่มของนายวัชรพันธ์ฯ และกลุ่มของนายชาญณรงค์ฯ ได้รวมตัวกันอยู่บริเวณแยกสารภี ได้เห็นนายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ผู้เสียหาย ขับรถจักรยานยนต์ผ่านกลุ่มของตนไป จึงได้เข้าใจว่าเป็นกลุ่มคู่อริจึงได้ขับรถจักรยานยนต์ตามไปจนกระทั่งถึงบริเวณถนนหน้า หจก.บ้านอบอุ่นใจ ม.1 ต.ชมภู อ.สารภี จว.เชียงใหม่ จึงได้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกได้ร่วมกันทำร้ายนายวัชระพลฯ และกลุ่มที่ 2 ได้ร่วมกันทำร้าย ด.ช.กิตติศักดิ์ฯ โดยได้ใช้อาวุธมีด และระเบิดปิงปองที่พกพามาด้วยจนทำให้นายวัชระพลฯ และด.ช.กิตติศักดิ์ฯ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไป

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า สามารถนำตัวผู้ต้องหามาดำเนินคดีแล้ว 8 คน คือ นายวัชรพันธ์ หรือบาส ยศนาทราย อายุ 21 ปี ที่อยู่ 37 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายภานุวัฒน์ หรือนน คะละตัน อายุ 19 ปี ที่อยู่ 57/1 ม.5 ต.เวียงยอง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายพุฒิพงษ์ ราวัลย์ อายุ 18 ปี 11 เดือน ที่อยู่ 29/9 ม.3 ต.คุระ อ.คุระบุรี จว.ลำพูน นายคำอ่อง ลุงกอ อายุ 22 ปี ที่อยู่ตามทะเบียน 5/ช ม.6 ต.เชียงดาว อ.เชียงดาว จว.เชียงใหม่ นายกันตภณ มงคล อายุ 21 ปี ที่อยู่ 39 ม.9 ต.หางดง อ.หางดง จว.เชียงใหม่ นายรัษฎาธร วงศธร อายุ 16 ปี ที่อยู่ 424 ม.4 ต.เมืองแหง อ.เวียงแหง จว.ลำพูน นายณัฐวุฒิ หรือป๋อ ทามัน อายุ 20 ปี ที่อยู่ 48/2 ม.7 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน นายณัฐวิชญ์ ธงวิชัย อายุ 27 ปี ที่อยู่ 123 ม.8 ต.ต้นธง อ.เมืองลำพูน จว.ลำพูน

ยืดของกลาง เสื้อผ้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่ขณะก่อเหตุ จำนวน 7 รายการ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่นR15 สีดำ หมายเลขทะเบียน 1กง 2049 ลำพูน (คันที่ก่อเหตุ) รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นPCX สีเทา ไม่ติดป้ายทะเบียน (คันที่ก่อเหตุ) อาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ 2 ด้าม

ผู้ต้องหาแต่ละรายจะต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกัน และสนับสนุน เป็นซ่องโจร, ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย และ อันตรายสาหัส โดยไตร่ตรองไว้ก่อน และ ร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย มีอัตราโทษจำคุกสูงสุดตั้งแต่ 15 ปี ถึง 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80,210,288,294,295 และ371 ตำรวจภูธรภาค 5 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังพี่น้องประชาชน ให้สอดส่องหากพบพฤติกรรมการรวมกลุ่มของวัยรุ่นสามารถแจ้งให้ทางตำรวจได้ตลอด

เชียงใหม่-ผบ.ตร.ขึ้นเหนือ แถลงจับคดียาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี รวมของกลางยาบ้า 13,980,000 เม็ด

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 15.00 น. ตามนโยบายรัฐบาลให้หน่วยงานของรัฐที่ทำหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด บูรณาการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ,พล.ต.ท.กฤตธาพล ยี่สาคร ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.ดุลเดชา  อาชวะสมิตระกูลรอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย , พล.ต.ต.วรพงศ์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พล.ต.นิรันดร์ชัย  ทิพย์กาญจนกุล รอง ผบ.นบ.ยส.35 ,นายธันวา ผุดผ่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติดภาค 5 , นายกองตรี ปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก จังหวัดลำปาง , พ.ต.อ.ชูวิทย์  กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง และ พ.ต.อ.รัชพล น้อยช่างคิด รอง ผบก.ภ.จว.เชียงราย ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดียาเสพติดรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 จำนวน 3 คดี ที่ ลานสโมสรอินทนนท์ ตำรวจภูธรภาค 5  อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้สืบเนื่องผลมาจากการติดตามเฝ้าระวังกลุ่มเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดของ นายป๋อลี หรือนายบุญชัย ผู้ต้องหาตามหมายจับคดียาเสพติด  ซึ่งเป็นกลุ่มเครือข่ายม้งในพื้นที่ อ.ภูซาง จ.พะเยา, อ.เทิง และ อ.พญาเม็งราย จว.เชียงราย เป็นแหล่งพื้นที่พักยาเสพติด เพื่อรอการลักลอบลำเลียงเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ ซึ่งตำรวจภูธรภาค 5 ได้มีการดำเนินการใช้ทรัพยากรและเทคโนโลยีในการสืบสวน และระดมสรรพกำลังในการปฏิบัติ รวมถึงการประสานงานในรูปแบบการทำงานร่วมกันเป็นทีมงาน ระหว่างกองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 5 และ ตำรวจภูธรจังหวัด ทั้ง 8 แห่งในสังกัดตำรวจภูธรภาค 5 รวมถึงการเฝ้าระวังของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติงาน ณ ด่านตรวจ/จุดตรวจยาเสพติด โดยมีการนำระบบเทคโนโลยี AI และกล้องที่ติดตั้ง ในจุดต่าง ๆ มาร่วมในการวิเคราะห์ติดตามเป้าหมายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด รายละเอียดดังนี้

คดีที่ 1 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยจะใช้รถยนต์ในการลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.เชียงราย เข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นทราบ และได้สั่งการให้ทำการสืบสวนติดตามความเคลื่อนไหวของรถยนต์คันดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ส.ค.67 พบรถยนต์คันที่กำหนดไว้เป็นเป้าหมายการสืบสวน จำนวน 3 คัน ได้ขับออกจากพื้นที่ จ.เชียงราย จึงได้เฝ้าติดตามโดยแบ่งหน้าที่ในการติดตามสะกดรอย จำนวน 3 ชุด ต่อมาวันที่ 14 ส.ค.67 เวลาประมาณ 23.54 น. รถยนต์เป้าหมาย รถนำคันที่ 1 ขับมาถึงด่านตรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เรียกเพื่อขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย 

จึงได้ปล่อยรถยนต์คันดังกล่าวไป ต่อมาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถยนต์อีก 2 คัน แจ้งว่ารถยนต์ทั้ง 2 คัน กลับรถที่จุดกลับรถ บ้านท่าชุม ก่อนถึงด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ประมาณ 3 กม. จึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบรถยนต์ทั้ง 2 คัน พบเป็นรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว จอดทิ้งไว้ที่บริเวณป่าข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง ส่วนคนขับได้หลบหนีไป จึงทำการตรวจสอบภายในรถคันดังกล่าว

ผลการตรวจสอบพบกระสอบยาเสพติด(ยาบ้า) ซุกซ่อนอยู่ในแคป และท้ายกระบะ และรถยนต์ ยี่ห้อ อีซูซุ สีเทา รถนำคันที่ 2 บริเวณข้างถนนพหลโยธิน บ้านท่าชุม ม.2 ต.พระบาทวังตวง จอดห่างกันประมาณ 1 กม. จึงได้ทำการตรวจค้นรถยนต์คันดังกล่าว ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามรถนำคันที่ 1 จนสามารถจับกุมได้ที่บริเวณด่านตรวจแม่สลิด ต.แม่สลิด อ.บ้านตาก จ.ตาก จากนั้นได้นำผู้ต้องหาทั้ง 2 คน พร้อมรถยนต์ของกลางทั้ง 3 คัน มาตรวจสอบโดยละเอียดที่ด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก ผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) จำนวน 25 กระสอบ รวมยาบ้าจำนวน 5,000,000 เม็ด จึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น และได้รับสั่งการให้ติดตามสืบสวนหาข่าว จนกระทั่ง เวลาประมาณ 04.00 น. ของวันเดียวกัน พบรถยนต์กระบะสี่ประตูมีโครงหลังคา ยี่ห้อนิสสัน สีขาว ทะเบียน งย 4193 เชียงใหม่ ซึ่งมีลักษณะตรงกันกับที่ได้รับแจ้งจากสายลับ ขับมาตามถนนสายหลังอำเภอ หมู่ 2 ต.เวียง อ.เชียงของ จ.เชียงราย มุ่งหน้าไปทาง อ.เทิง จ.เชียงราย จึงได้ร่วมกันติดตามและสกัดกั้นรถยนต์คันดังกล่าวได้พบ นายวีรพล เป็นผู้ขับขี่ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นรถยนต์ต้องสงสัยคันดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า) จำนวน 17 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสาร และพบยาบ้า จำนวน 18 กระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในหลังกระบะ รวมทั้งหมดจำนวน 35 กระสอบ รวมยาบ้าประมาณ 8,750,000 เม็ด จากนั้นจึงได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เชียงของ จ.
เชียงรายดำเนินคดีตามกฎหมาย

คดีที่ 3 เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 เวลาประมาณ 19.20 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการตรวจยึดยาเสพติที่ซุกช่อนอยู่ในพัสดุ ณ ศูนย์กระจายสินค้า Flash Express ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เชียงใหม่ - ลำปาง ต.ไชยสถาน อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จำนวน 120,000 เม็ด ได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สารภี จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย และจากการตรวจสอบทราบว่ายังมีพัสดุหมายเลข TH650160022510 ที่มีผู้ส่งเป็นบุคคลคนเดียวกัน คือนายนิพนธ์ ที่อยู่ ต.สันทรายน้อย อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ได้ถูกส่งไปยังปลายทางผู้รับชื่อนายฮาริส ที่อยู่ ต.เขาคราม อ.เมืองกระบี่ จ.กระบี่ เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพบพัสดุหมายเลขดังกล่าว อยู่ที่โกดัง Flash Express สาขาสันทราย จึงได้แจ้งแก่พนักงาน และขอทำการตรวจสอบผลการตรวจสอบพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 110,000 เม็ด จึงได้ทำการตรวจยึดไว้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

เชียงใหม่-ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เส้นทางกัวลาลัมเปอร์–เชียงใหม่

ททท. ต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เส้นทางกัวลาลัมเปอร์–เชียงใหม่ ดึงกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพจากมาเลเซีย ผลักดันประเทศไทยสู่ HUB OF ASEAN

เมื่อวานนี้ (15 ส.ค.67) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์สายการบิน Malaysia Airlines เที่ยวบิน MH772 บินตรงเส้นทางกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย – เชียงใหม่ ประเทศไทย โดยมี นายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นางพิมพา รัตนพฤกษ์ รองผู้อำนวยการภูมิภาคอาเซียน เอเชียใต้ และแปซิฟิกใต้ ททท. นางพัศลินทร์ เศวตรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานเชียงใหม่ นางศิรินทรา สุระกนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน ททท. สำนักงานกัวลาลัมเปอร์ นายณัฐจิต อุ่นเสียม ผู้อำนวยการกองตลาดอาเซียน เอเชียใต้ ททท. และแปซิฟิกใต้ Ms. Emily Tan ประธานเจ้าหน้าที่การตลาดสายการบิน Malaysia Airlines  นาวาอากาศโท รณกร เฉลิมแสนยากร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ และ ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ให้เกียรติร่วมต้อนรับคณะเดินทาง โดย ททท. มุ่งดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดขยายตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพด้วยการร่วมมือกับเครือข่ายสายการบิน ดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศมาเลเซีย พร้อมผลักดันประเทศไทยสู่ HUB OF ASEAN

นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. มุ่งขยายฐานตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพโดยร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสายการบิน เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเดินทางมาประเทศไทย ด้วยมาตรการอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว (Ease of Travelling) อย่างต่อเนื่อง โดยการเปิดให้บริการเที่ยวบินตรง (Direct Flight) เส้นทางกัวลาลัมเปอร์ – เชียงใหม่ ของสายการบิน Malaysia Airlines ในครั้งนี้ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวมาเลเซียที่นิยมเดินทางเข้าประเทศไทยทางบกสู่ภาคใต้ของประเทศไทย ให้ออกเดินทางมาแสวงหาประสบการณ์รูปแบบใหม่ที่จุดหมายปลายทางอย่างจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม มีศักยภาพการให้บริการพร้อมรองรับนักท่องเที่ยว ครอบคลุมด้วยเสน่ห์ไทยในหลากหลายมิติที่รอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัส ทั้งนี้ ททท. หวังว่าการเปิดเที่ยวบินเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างสองจุดหมายปลายทางสำคัญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียตลอดจนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียนต่อไป

สายการบิน Malaysia Airlines กำหนดให้บริการเส้นทางบินตรง (Direct Flight) เที่ยวบิน MH772 เส้นทางกัวลาลัมเปอร์ สหพันธรัฐมาเลเซีย – เชียงใหม่ ประเทศไทย เริ่มบินวันแรกตั้งแต่วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เวลา 11.50 น. – 13.40 น. โดยสายการบิน Malaysia Airlines จะให้บริการบินตรงด้วยเครื่อง A330neo ให้บริการ 5 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ความจุโดยสาร 297 ที่นั่งต่อเที่ยวบิน 

โดยในโอกาสนี้ ผู้บริหาร ททท. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นเพื่อส่งมอบความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวทันทีที่เดินทางมาถึงประเทศไทย ด้วยอุโมงค์น้ำต้อนรับเที่ยวบินปฐมฤกษ์พร้อมมอบของที่ระลึกแก่นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาในเที่ยวบินดังกล่าว เพื่อแสดงถึงความเป็นมิตรไมตรีในฐานะเจ้าบ้าน ตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

เชียงใหม่-ม.แม่โจ้ MOU ร่วมกับบริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัดพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน

(28 ส.ค.67) มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยพลังงานทดแทน จัดพิธีบันทึกความร่วมมือทางวิชาการ กับ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด เพื่อร่วมกันพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนสำหรับสถาบันอุดมศึกษา โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ นางวัชราภรณ์ ลิน กรรมการผู้มีอำนาจลงนามบริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด  เป็นผู้แทนลงนามทั้งสองฝ่าย ร่วมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นิกราน หอมดวง คณบดีวิทยาลัยพลังงนทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ และ ดร.บัณฑิต จำรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด ลงนามร่วมเป็นพยาน ทั้งนี้ มีคณะผู้บริหารของทั้งสองหน่วยงานร่วมแสดงความยินดีและเป็นสักขีพยาน ณ ห้องประชุมรวงผึ้ง อาคารสำนักงานมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จ.เชียงใหม่ 

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ พาวิน มะโนชัย รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า บันทึกความเข้าใจความร่วมมือทางวิชาการ การพัฒนาหลักสูตรและกิจกรรมด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน สำหรับสถาบันอุดมศึกษา ระหว่างมหาวิทยาลัยแม่โจ้ โดยวิทยาลัยพลังงานทดแทน ร่วมกับ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมมือในการเสริมสร้างความรู้ด้านพลังงานอย่างบูรณาการ สร้างความตระหนักของการใช้พลังงานและพลังงานทดแทนอย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยที่สนับสนุนความก้าวหน้าของทั้งสองหน่วยงาน

นางวัชราภรณ์ ลิน กรรมการบริหารกลุ่มบริษัท ไฮไลฟ์/ ผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ บริษัท ไฮไลฟ์ ไอบีซี จำกัด กล่าวถึงความร่วมมือทางวิชาการ ระหว่าง กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์และวิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์ ซึ่งดําเนินธุรกิจหลากหลายที่มีบทบาทสําคัญในจังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ การบริหารจัดการสินทรัพย์ และอุตสาหกรรมการผลิต เรามองเห็นถึงความสําคัญของการใช้ พลังงานทดแทนในการสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจและสังคมในอนาคต

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท ไฮไลฟ์ โกลบอล ฟู้ดส์ จํากัด ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตของกลุ่มบริษัทฯ ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานผลิตผักและผลไม้ทั้งตัดแต่งสดและแปรรูป ภายใต้แบรนด์ ฟินโก้และฟันโก้ เพื่อการส่งออกทั้งในประเทศและต่างประเทศ โรงงานนี้ตั้งอยู่ที่อําเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ บนพื้นที่ทั้งหมด กว่า 35 ไร่ ซึ่งได้รับการอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนจากทาง BOI มูลค่ารวมกว่า 422 ล้านบาท โรงงานดังกล่าวมี เป้าหมายเป็นต้นแบบของ smart factory ที่ใช้พลังงานทดแทนในกระบวนการผลิต เราได้ทําบันทึกข้อตกลงร่วมกับบริษัท ซิโน พาวเวอร์ จํากัด ในการติดตั้งหลังคาโซลาร์เซลล์ให้กับโรงงาน โดยใน ความร่วมมือนี้ได้เชิญคณาจารย์จากวิทยาลัยพลังงานทดแทนมาให้บริการทางวิชาการในเรื่องพลังงานทดแทน ซึ่ง ได้จัดให้มีการบรรยายในหัวข้อ "การใช้พลังงานทดแทนเพื่อพัฒนาความยั่งยืนในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหาร และผลผลิตเกษตร" ให้แก่พาร์ทเนอร์ของกลุ่มบริษัท สื่อมวลชน และนักศึกษา เพื่อเป็นการต่อยอดความรู้และ ความเข้าใจให้เกิดประโยชน์ในอนาคต

และหากการก่อสร้างโรงงานเสร็จสิ้นตามแผนในปลายปีนี้ เราจะจัดให้มีการเยี่ยมชมโรงงานเพื่อเป็นต้นแบบให้กับ นักศึกษาและผู้ที่สนใจในเรื่องการจัดการ smart factory ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในอนาคตในฐานะผู้นําภาคเอกชนของจังหวัดเชียงใหม่ มีความภูมิใจที่กลุ่มบริษัทไฮไลฟ์จะเป็นตัวแทนโรงงานชั้นนํา
 
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดร.นิกราน หอมดวง คณบดีวิทยาลัยพลังงานทดแทน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวว่า สำหรับการลงนามความร่วมมือในครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของพลังงานตลอดจนทรัพยากรพลังงาน ซึ่งเป็น ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตของประชาชน เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านพลังงานอย่างบูรณาการ การสร้างความตระหนักของการใช้พลังงานและพลังงานทดแทน อย่างมีคุณค่าและมีประสิทธิภาพ

ตลอดจนความร่วมมือทางวิชาการและวิจัยที่สนับสนุนความก้าวหน้าของทั้งสองหน่วยงาน และสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและการใช้พลังงานทดแทนของประเทศให้เป็นไปอย่างยั่งยืน

เชียงใหม่-มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศ 'Thai International Travel Fair North 2024' (TITF NORTH 24)

กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้องกับ มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ 'Thai International Travel Fair North 2024' หรือ TITF NORTH 24 ที่จัดโดย ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ในปีนี้จะพาทุกท่าน ตื่นตา...ตื่นใจ...ไปกับแพ็คเก็จทัวร์ หลากหลายประเทศจากสมาชิกของชมรมฯ พร้อมบูทประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวที่ตบเท้าเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก ห้ามพลาดแค่ 3 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2565 ที่ชั้น 1 ศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)

ชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ จัดมหกรรมการท่องเที่ยวในครั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในตลาดต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นการเผยแพร่ข้อมูลการท่องเที่ยวปัจจุบันของแต่ละประเทศ รวมไปถึงเส้นทาง และราคาสุดพิเศษจากสายการบินชั้นนำ เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการท่องเที่ยว และบริการเพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการเดินทางไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ รวมไปถึงการสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรการท่องเที่ยว และพันธมิตรทางธุรกิจทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์อันดีให้กับสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว และชมรมไทยบริการท่องเที่ยวภาคเหนือ ให้เป็นที่รู้จัก และยอมรับในวงกว้างมากขึ้น

สำหรับพิธีเปิดงานได้จัดให้มีขึ้นในวันที่ 30 สิงหาคม 2567 โดยได้รับเกียรติจาก นางกันชกา สุวณิชย์ ประธานชมรมไทยบริการท่องเที่ยว ภาคเหนือ, Mr. Lyu Sheng สถานกงสุลใหญ่แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำเชียงใหม่, Mr. Que Xiaohua - Director การท่องเที่ยวจีน, Mr. Yi Sangwoo - Director การท่องเที่ยวเกาหลี, Ms. Nichapa Rojanasoonthon - Asst Marketing Director การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์, Mr. Awang Shawal Awang Sulaiman - Deputy Director การท่องเที่ยวมาเลเซีย, Mr. Jeffrey Lin - Deputy Director การท่องเที่ยวไต้หวัน, นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่, คุณอุทัย ศิริ ผู้อำนวยการฝ่ายแผนงาน การพาณิชย์ และการเงิน ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ผศ.ดร. ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ - ผอ อุทยานวิทยาศาสตร์ภาคเหนือ และ นายพรเทพ อรรถกิจไพศาล ผู้จัดการศูนย์การค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่ ร่วมพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการ

ภายในงานพบกับองค์กรการท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศ อาทิ การท่องเที่ยวมาเลเซีย, การท่องเที่ยวเกาหลี, การท่องเที่ยวจีน, การท่องเที่ยวฟิลิปปินส์ และการท่องเที่ยวไต้หวัน และบูทสายการบินชั้นนำที่มาสร้างสีสันในงาน อาทิ สายการบิน Air China, สายการบิน Thai Air Asia / Thai Air Asia X, สายการบิน China Airlines, สายการบิน EVA Air, สายการบิน Lion Air, สายการบิน Nok Air, สายการบิน STARLUX, สายการบิน VietJet Air, สายการบิน Bhutan Airlines, สายการบิน Myanmar Int Airways และสายการบิน Salam Air ร่วมด้วยพันธมิตรทางธุรกิจอย่าง AIS 5G และ The Baristro

โปรแกรมการท่องเที่ยวจากเทรเวลเอเจนซี่อย่าง มานิตย์บริการท่องเที่ยว เชียงใหม่, WIN TRAVEL & TOUR, RUBY TRAVEL, P.D.EXPRESS CHIANG MAI TOUR, Standard Tour Co.,Ltd, ทอฝันทัวร์, SHOWNUEATOUR, Chatuporn Tour & Travel, Nakornping Inter Group 2021 Co.,Ltd, CM Wonder Tour & Carrent, บ้านนกทัวร์, SESUN TOUR, GLOBAL TOUR 1995 CO.,LTD, P.P. AIR TRAVEL (เชียงราย), CHIANGMAI QUALITY TOUR ที่จะมาร่วมประชาสัมพันธ์เส้นทางท่องเที่ยวต่างประเทศ

มหกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ “Thai International Travel Fair North 2024” หรือ TITF NORTH 24 ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากผู้สนับสนุนมากมาย Thai-Amadeus Southeast Asia, TRAVELPORT, บจก. เบสอินเตอร์เนชั่นแนลเทรเวลแอนด์เอเจนซี่, บริษัท ไทยเที่ยวนอกทัวร์ จำกัด, บริษัท เรียล เจอร์นีย์ จำกัด, Tune Insurance, TBO. COM และ บริษัท ประกันภัยไทยวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน)
 
ทั้งนี้ตลอด 3 วันในการจัดงาน ทุกท่านสามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมแจกของรางวัลจากการท่องเที่ยวต่างประเทศ สายการบิน ลุ้นเป็นผู้โชคดีรับตั๋วเครื่องบิน และ แพ็คเก็จทัวร์ ในทุกๆ ยอดชำระ 1,000 บาทภายในงาน รับคูปองชิงโชคได้เลยทันที แล้วพบกันในงาน Thai International Travel Fair North 2024 หรือ TITF NORTH 24 ได้ตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม – 1 กันยายน 2567 ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเชียงใหม่ (เซ็นเฟส สี่แยกศาลเด็ก)


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top