Sunday, 5 May 2024
เกาหลีใต้

‘เชจู’ นำร่อง!! คลอด กม.ยกเลิกพื้นที่ปลอดเด็ก จูงน้องๆ กลับสู่ส่วนหนึ่งของสังคมเกาหลีใต้

รัฐบาลเกาะเชจู (Jeju Island) ซึ่งถือเป็นจังหวัดปกครองตนเองพิเศษ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวตากอากาศชื่อดังของเกาหลีใต้ เตรียมออกกฎหมายห้ามผู้ประกอบการ ที่ส่วนมากเป็นร้านอาหาร และ ร้านกาแฟ กีดกันพื้นที่ให้บริการเป็น ‘เขตปลอดเด็ก’ (No-Kids Zone) เพื่อหวังให้อิสระแก่น้อง ๆ หนู ๆ เข้ามาในพื้นที่หรือโซนต่าง ๆ ได้มากขึ้น 

โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ หากผ่านการพิจารณาในวันที่ 19 พฤษภาคม 66 ที่จะถึงนี้ ก็จะทำให้เกาะเชจูกลายเป็นจังหวัดแรกของเกาหลีใต้ที่จะยกเลิกเขตปลอดเด็กทั้งเกาะ ซึ่งจะช่วยเสริมภาพลักษณ์การเป็นเมืองท่องเที่ยวสำหรับครอบครัวได้อย่างแท้จริง

แม้ว่ากฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้เฉพาะเกาะเชจูเท่านั้น แต่กระแสยกเลิกพื้นที่ปลอดเด็กก็เริ่มได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเกาหลีใต้ทั้งประเทศ และเริ่มมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางว่า ควรยกเลิกพื้นที่ปลอดเด็กในจังหวัดอื่น ๆ ด้วยหรือไม่?

ทั้งนี้หากพูดถึงบริบทของการกั้นโซนเป็นพื้นที่ปลอดเด็กแล้ว ในหมู่คนไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นชินสักเท่าไรนัก แต่ที่เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีหลักการเคารพสิทธิส่วนบุคคลสูง โดยเฉพาะการใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกันถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก

นั่นก็เพราะชาวเกาหลีใต้จำนวนไม่น้อย จะรู้สึกไม่พอใจที่มีเด็กเล็ก ๆ ส่งเสียงดังรบกวนใน ห้องสมุด, หอศิลป์, ร้านอาหาร, คาเฟ่ หรือสถานที่ที่ขายบรรยากาศความเป็นส่วนตัว โดยให้เหตุผลว่า “เพราะลูกคุณไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน”

จากผลสำรวจความคิดเห็นของผู้ใหญ่จำนวน 1,000 คน โดยสถาบัน Hankook Research ในเดือนพฤศจิกายนปี 2564 พบว่า 71.1% ของกลุ่มตัวอย่างเห็นว่า การกำหนดพื้นที่ให้บริการเป็นเขตปลอดเด็ก เป็นสิทธิ์ของผู้ประกอบการโดยคำนึงถึงกลุ่มลูกค้าของตนเป็นสำคัญ

ดังนั้นจึงมีสถานประกอบการมากกว่า 540 แห่งทั่วประเทศ ที่ระบุว่าเป็นเขตปลอดเด็ก ซึ่งในเกาะเชจูมีมากถึง 78 แห่ง หรือคิดเป็น 14.4% ของพื้นที่ปลอดเด็กทั้งหมด และเมื่อเทียบขนาดพื้นที่ และ ประชากรบนเกาะเชจู ก็พบว่าเกาะเชจูมีพื้นที่ซึ่งเป็นเขตปลอดเด็กสูงมาก

อย่างไรซะ ทางการท้องถิ่นของเกาะเจจู ก็มักได้รับการร้องเรียนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางพร้อมเด็กเล็กอยู่เสมอว่าถูกปฏิเสธการให้บริการ หรือไม่ให้เข้าสถานที่หากพาเด็กเล็กมาด้วย จึงเกิดคำถามขึ้นว่า นี่เป็นการเลือกปฏิบัติต่อเด็กด้วยหรือไม่ และยังเป็นการกีดกันทางสังคมต่อเด็กเล็ก

นี่จึงเป็นที่มาในการพิจารณากฎหมายใหม่ฉบับนี้ เพื่อปกป้องสิทธิเด็กในการถูกเลือกปฏิบัติ และการละเมิดสิทธิเด็ก โดยเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างสิ่งแวดล้อมทางสังคมที่ดี ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่มีการยอมรับ และเอื้ออาทรต่อกัน

รัฐบาลของเกาะเชจูยังมองว่า นี่เป็นการสนับสนุนด้านการท่องเที่ยวแบบครอบครัว ที่เด็กสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่อย่างไม่ถูกกีดกั้น และแทนที่จะกีดกันเด็กออกจากพื้นที่บริการ ควรส่งเสริมให้ความรู้แก่พ่อแม่ ผู้ปกครอง ในการอบรมบุตรหลานให้สามารถใช้พื้นที่สาธารณะร่วมกับผู้อื่นได้อย่างเหมาะสมจะดีกว่า

ดังนั้น เชจู จึงกลายเป็นจังหวัดนำร่องในการใช้กฎหมายยกเลิกเขตปลอดเด็ก ที่กำลังเป็นประเด็นในสังคมของเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ส.ส. หญิงอย่าง ‘ยอง ฮเย-อิน’ จากพรรค Basic Income Party ก็ได้อุ้มลูกชายวัย 2 ขวบขึ้นเวทีแถลงข่าวในวันเด็กของเกาหลีใต้ เพื่อประกาศจุดยืนต่อต้านการสงวนพื้นที่ปลอดเด็กในเกาหลีใต้ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เด็กเล็ก หรือผู้ปกครองที่ต้องมีภาระเลี้ยงลูกเล็กรู้สึกเป็นส่วนเกินในพื้นที่สาธารณะในเกาหลี

ยอง ฮเย-อิน ชี้ว่า ปัจจุบันเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่มีมีอัตราเด็กเกิดใหม่ต่ำที่สุดในโลก ในขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้กำลังรณรงค์ให้ครอบครัวชาวเกาหลีมีลูกมากขึ้น แต่กลับมีเขตปลอดเด็กอยู่หลายร้อยแห่งทั่วประเทศ หรือแม้แต่หอสมุดแห่งชาติ ยังห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปีเข้าใช้บริการ ซึ่งเป็นการสร้างสังคมที่มีทัศนคติเชิงลบต่อเด็กเล็ก

ส.ส. หญิงแม่ลูกอ่อน จึงเสนอให้ยกเลิกเขตปลอดเด็ก และเปลี่ยนเกาหลีให้เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญกับเด็กเป็นอันดับแรก หรือ 'First Kids Korea' นั่นเอง  

ก็เรียกว่าเป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจที่คงต้องตามดูกันต่อไปว่า สังคมที่เคารพสิทธิส่วนบุคคลอย่างเข้มข้นอย่างเกาหลีใต้ จะเปิดพื้นที่ให้แก่เด็กเล็กที่จะเติบโตเป็นคนรุ่นใหม่ของชาติกว้างขึ้นแค่ไหน? อย่างไร? ต่อไป... 

‘ตำรวจ’ เผย ชายก่อเหตุเปิดประตูฉุกเฉิน ‘เอเชียน่า แอร์ไลน์’ เจ้าตัวแจ้ง เครียด เหตุเพิ่งตกงาน อยากรีบออกจากเครื่องบิน

(27 พ.ค. 66) รอยเตอร์ และ เอเอฟพี รายงาน ชายผู้โดยสารที่ก่อเหตุระทึก เปิดประตูทางออกฉุกเฉินสายการเอเชียน่า แอร์ไลน์ของเกาหลีใต้ เส้นทางบินภายในประเทศ ขณะเครื่องบินกำลังจะลงจอดที่สนามบินแทกู ประเทศเกาหลีใต้ ที่กลายเป็นข่าวฮือฮาเมื่อวันศุกร์ที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา สารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเพิ่งตกงาน และเครียด ช่วงเวลาก่อเหตุรู้สึกอึดอัด หายใจไม่ออก และต้องการรีบออกจากเครื่องบินเร็วๆ

เอเอฟพี ระบุช่วงเกิดเหตุการณ์ระทึกขวัญเครื่องบินแอร์บัส A321ที่มีผู้โดยสารอยู่เกือบ 200 ชีวิต กำลังบินอยู่สูงเหนือพื้นดินราว 200 เมตร เจ้าหน้าที่ตำรวจแทกู บอกกับเอเอฟพีว่า ชายผู้โดยสารวัย 30 กว่าที่ก่อเหตุ สารภาพว่า “เขารู้สึกว่าเที่ยวบินนี้ใช้เวลาเดินทางนานกว่าที่ควรจะเป็นและรู้สึกหายใจไม่ออกเมื่ออยู่ในห้องผู้โดยสาร เขาจึงต้องการรีบลงจากเครื่องบินไวๆ”

กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มีผู้โดยสารราว 10 กว่ารายถูกนำส่งโรงพยาบาล หลังจากมีอาการหายใจติดขัด แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บรุนแรง หรือมีความเสียหายหนักแต่อย่างใด

ขณะที่รอยเตอร์ รายงานว่ามีผู้โดยสาร 9 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยปัญหาเรื่องการหายใจ และทุกคนได้รับการปล่อยตัวออกจากโรงพยาบาลหลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง

ทั้งนี้ มีผู้โดยสารวัย 44 ปี เปิดเผยกับสำนักข่าวยอนฮับว่า “มันเกิดความชุลมุนจากการที่ผู้โดยสารที่นั่งใกล้ประตูทางออกฉุกเฉินเริ่มเป็นลมกันทีละคน และเจ้าหน้าที่บนเครื่องบินประกาศว่ามีหมออยู่บนเครื่องบินนี้บ้างมั้ย ฉันยังคิดว่าเครื่องบินกำลังจะระเบิด และคิดว่าฉันกำลังจะตายแบบนี้หรือ”

ชายอังกฤษ ถูกจับ หลังปีนตึกระฟ้า ซึ่งสูงที่สุดในเกาหลีใต้ ด้วยมือเปล่า

เมื่อวานนี้ (12 มิถุนายน 2566) จอร์จ คิง-ทอมป์สัน ชายชาวอังกฤษ ทำพฤติกรรมน่าหวาดเสียวด้วยการปีนตึกล็อตเต้เวิลด์ สูง 123 ชั้น ทางตอนใต้ของกรุงโซลเมื่อช่วงเช้า ก่อนถูกเจ้าหน้าที่พบเห็นและสั่งหยุดทันทีในขณะที่เขาปืนตึกด้วยมือเปล่าไปถึงชั้นที่ 73

เจ้าหน้าที่ของล็อตเต้ต้องใช้ลิฟต์ลอยฟ้าขึ้นไปเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาหยุด ในขณะที่เขายังคงปีนขึ้นไปบนชั้นที่ 70 ของอาคาร ซึ่งในที่สุดเขาก็ยอมจำนน และยอมให้เจ้าหน้าที่ทำการจับกุมในข้อหาขัดขวางการทำธุรกิจ ขณะนี้เขากำลังถูกสอบสวนที่สถานีตำรวจในเขตซงปาของกรุงโซล

ทั้งนี้ ตึกลอตเต้เวิลด์มีความสูง 555 เมตร (1,820 ฟุต) และเป็นอาคารที่สูงเป็นอันดับ 5 ของโลก

ในปี 2561 อัลแลง โรเบิร์ต หรือที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในชื่อ "มนุษย์แมงมุมฝรั่งเศส" เคยถูกจำคุกมาแล้วหลังจากปีนตึกหลังนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต ในครั้งนั้นเขาปีนขึ้นไปได้ถึงชั้นที่ 75

สื่อท้องถิ่นรวมถึงหนังสือพิมพ์โชซ็อน อิลโบระบุว่า จอร์จ คิง-ทอมป์สัน ที่เลียนแบบพฤติกรรมของอัลแลง โรเบิร์ตในครั้งนี้ เคยถูกจำคุกในข้อหาพยายามปีนตึกเดอะชาร์ด ซึ่งเป็นตึกระฟ้าสูง 72 ชั้นในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ.

‘Kim Ung-Yong’ มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลก ที่ยังมีชีวิตอยู่ กับเส้นทางชีวิตที่เลือกจะขอมี ‘ความสุข’ มากกว่า ‘ความสำเร็จ’


‘Kim Ung-Yong’ เด็กชายอัจฉริยะที่ทำให้โลกต้องตะลึง!!


‘Kim Ung-Yong’ หรือ ‘คิม อุงยอง’ ชายชาวเกาหลีใต้ ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น ‘มนุษย์ที่ฉลาดที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่’ โดย Guinness World Records นั้นได้บันทึกสถิติว่าชายผู้นี้เป็น ‘คนที่มี IQ สูงที่สุดในโลก’ โดย IQ ของเขาสูงถึง 210 เลยทีเดียว


คุณจะทำอย่างไร? ถ้าคุณเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในโลก อาจฟังดูเป็นเรื่องที่ไร้สาระ แต่คำถามนี้เป็นสิ่งที่คิม อุงยอง ต้องเผชิญอยู่เสมอมา

คิม อุงยอง เกิดมาพร้อมกับความถนัดโดยกำเนิด และเป็นความถนัดด้านการเรียนรู้ที่ไม่สามารถหาตัวจับได้ ความสามารถทางสติปัญญาของเขาเป็นที่ประจักษ์ตั้งแต่อายุยังน้อย ความอัจฉริยะของเขาเริ่มเด่นชัดมากยิ่งขึ้นก่อนที่เขาจะเดินได้ด้วยซ้ำ เรื่องราวของเขานั้น นับเป็นหนึ่งในเรื่องที่ไม่ธรรมดาเลย เพราะเขามีความสามารถที่เหนือความคาดหมายที่สุดของคนปกติ และประสบความสำเร็จทางสติปัญญาอย่างน่าทึ่ง น่าแปลกที่วันนี้แทบจะไม่มีใครรู้จักชื่อของเขาเลย เกิดอะไรขึ้นกับ ‘คิม อุงยอง’ เด็กอัจฉริยะจากเกาหลีใต้คนนี้? 


‘Kim-Ung Yong’ หรือ ‘คิม อุงยอง’ เป็นลูกชายของ ‘Kim Soo-Sun’ บิดาผู้เป็นศาสตราจารย์ฟิสิกส์ของ Hanyang University และ ‘Yoo Myung-Hyun’ มารดาผู้เป็นอาจารย์ที่ Seoul National University เพราะเหตุนี้ เขาจึงดูเหมือนจะถูกลิขิตให้ไปสู่ความยิ่งใหญ่ทางวิชาการตั้งแต่เริ่มต้น อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้ว่าสติปัญญาของเขาจะพัฒนาไปจนถึงขีดสุดได้อย่างไร


เขาเกิดเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2505 ในกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้ คิมไม่เสียเวลาเติมพลังสติปัญญาเลย เมื่อคิมอายุเพียง 4 เดือน เขาก็เริ่มพูดได้ พอ 6 เดือน เขาก็สามารถพูดจาสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่วแล้ว เมื่ออายุ 1 ขวบ เขาก็มีความเชี่ยวชาญทั้งอักษรเกาหลีและอักษรจีนมากกว่า 1,000 ตัวแล้ว จากการเรียน Thousand Character Classic ซึ่งเป็นบทกวีจีนในศตวรรษที่ 6 ความสามารถทางสติปัญญาของเขามีความโดดเด่นตั้งแต่อายุยังน้อยมาก เขาสามารถอ่านและเขียนได้หลายภาษา อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลี เยอรมัน และอังกฤษ ตอนอายุ 3 ขวบ เขาสามารถแก้โจทย์แคลคูลัสได้แล้ว นอกจากนี้ เขายังจัดพิมพ์หนังสือเรียงความ คัดลายมือ พร้อมภาพประกอบความยาว 247 หน้า ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อแม่ของเขาได้อย่างน่าประหลาดใจ!!


สติปัญญาที่เหลือเชื่อของ คิม อุงยอง ดูเหมือนจะมีอยู่ตั้งแต่ตอนที่เขาเกิด และถึงแม้จะอายุน้อย แต่พรสวรรค์ของคิมก็ไม่อาจปฏิเสธได้ เด็กอัจฉริยะชาวเกาหลีใต้คนนี้ได้รับความสนใจจากนานาชาติอย่างรวดเร็ว เมื่อเอายุได้ 5 ขวบ เขาก็สามารถพูดภาษาต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่วถึง 5 ภาษา อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมัน และฝรั่งเศส เขาได้เข้าเรียนเป็นนักศึกษาพิเศษของภาควิชาฟิสิกส์ที่ Hanyang University ซึ่งมีบิดาของเขาเป็นอาจารย์อยู่ที่นั่นอีกด้วย เห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มแรกว่า ความสามารถอันโดดเด่นของคิมนั้นจะเปลี่ยนวิถีชีวิตของเขา และอาจเปลี่ยนกระทั่งความเป็นมนุษย์ไปตลอดกาล


Terence Tao บุคคลที่มี IQ 230 สูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน


‘บุคคลที่มีไอคิวสูงที่สุดในโลก’ ความเฉลียวฉลาดอันน่าทึ่งและความสามารถพิเศษของคิมนั้น เปรียบเสมือนแม่เหล็กดึงดูดความสนใจมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย เมื่ออายุ 4 ขวบ คิมสร้างความประหลาดใจด้วยการทำคะแนนแบบทดสอบ IQ ที่ออกแบบมาสำหรับเด็กอายุ 7 ขวบได้อย่างน่าทึ่งถึง 210 คะแนน ความสำเร็จที่น่าประทับใจนี้ทำให้เขาได้รับการบันทึกว่า ‘เป็นผู้ที่มี IQ สูงที่สุดในโลก’ โดย Guinness Book of World Records (Terence Tao เป็นเจ้าของสถิติ IQ ที่สูงที่สุดในโลกที่ 230 คะแนนในปัจจุบัน)


ชื่อเสียงของเขาเผยกระจายอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาได้แสดงความสามารถทางคณิตศาสตร์ทางโทรทัศน์ช่อง ‘Fuji TV’ ของญี่ปุ่น ขณะที่เขาอายุได้เพียง 4 ปี 8 เดือน คิมเคยออกรายการโทรทัศน์ แสดงความสามารถแก้โจทย์คณิตศาสตร์ชั้นสูง ที่เรียกว่า ‘สมการดิฟเฟอเรนเชียล’ (Differential Equation) ที่ซับซ้อนได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว (ซึ่งปกติจะมีเรียนในหลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์ชั้นปีที่ 3) จนบรรดาผู้ชมต่างประหลาดใจ

ในที่สุดสติปัญญาที่ก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของคิม ก็ได้ดึงดูดความสนใจขององค์กรอวกาศที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก ความเฉลียวฉลาดที่ไม่ธรรมดาของ ‘คิม อุงยอง’ ทำให้เขาได้รับคัดเลือกจาก ‘NASA’ องค์การอวกาศที่มีชื่อเสียงระดับโลก ให้เข้าร่วมงานเมื่อเขาอายุได้ 8 ขวบ ครอบครัวเขาจึงคว้าโอกาสนั้นไว้ เขาทำงานให้กับ NASA ประมาณหนึ่งทศวรรษ ในช่วงเวลานี้ เขาทำให้เพื่อนร่วมงานประหลาดใจอย่างต่อเนื่องด้วยความจำอันยอดเยี่ยม และความสามารถในการแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ที่ซับซ้อน


อย่างไรก็ตาม การทำงานที่ NASA นั้นไม่ใช่เพียงแค่ความฝันเท่านั้น และชีวิตใหม่ของเขาก็ไม่ง่ายเลย เขารู้สึกโดดเดี่ยวและเดียวดาย ไม่มีเพื่อนนอกจากผู้ใหญ่ที่เขาทำงานด้วย ซึ่งอายุมากกว่ามาก และยุ่งเกินกว่าจะมาสังสรรค์กับเขา แม้จะยังไม่ใช่วัยรุ่น แต่เขาก็ทำงานหนักอย่างเหลือเชื่อ และทำประโยชน์อันมีค่ามากมายให้กับองค์กร แต่ในที่สุดเขาก็ท้อแท้กับงานที่ทำอยู่ คิมรู้สึกว่างานวิจัยของเขาถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการทำลายล้าง และบรรดาเจ้านายของเขาต่างก็ได้รับเครดิตจากการทำงานหนักและความคิดของเขา คิมรู้สึกว่า ตัวเองไม่มีคุณค่า ซ้ำยังถูกตีราคาเป็นมูลค่า และไม่มีความสุขเลย จนกระทั่งในที่สุด คิมและครอบครัวตัดสินใจเดินทางกลับเกาหลีใต้ในปี พ.ศ. 2521 เมื่อเขาอายุได้ 16 ปี และได้เข้าเรียนต่อจนจบ เขาสำเร็จการศึกษาขั้นพื้นฐานที่จำเป็นทั้งหมด และได้รับประกาศนียบัตรเทียบเท่ามัธยมปลายในเวลาเพียง 2 ปี หลังจากนั้น เขาสมัครเข้าเรียนใน Chungbuk National University ในสาขาวิศวกรรมโยธาจนจบปริญญาเอก


Kim Ung-Yong ในวัยหนุ่ม

การตัดสินใจออกจากองค์การ NASA ของคิมนั้น ทำให้สังคมเกาหลีใต้เต็มไปด้วยความสงสัยและมีคำวิจารณ์จากผู้ที่เห็นว่า การออกจากองค์การ NASA ของเขาเป็นการเสียพรสวรรค์อันน่าทึ่งของเขาไปโดยเปล่าประโยชน์ แม้จะประสบความสำเร็จก่อนหน้านี้ทั้งหมด แต่ชีวิตที่เหลือ (หลังจากออกจากองค์การ NASA) ของเขาก็จะเต็มไปด้วยคำวิจารณ์ประเภทนี้ และใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในฐานะ ‘อัจฉริยะที่ล้มเหลว’

โดยหลังจากจบปริญญาเอกแล้ว คิม อุงยองเข้าทำงานอย่างเงียบๆ ในบริษัทเกาหลีใต้ที่ชื่อ ‘Chungbuk Development’ โดยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลาง แม้ว่า อดีตเด็กอัจฉริยะคนนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากบางคนว่าเป็น ‘อัจฉริยะที่ล้มเหลว’ เนื่องจากไม่ได้ใช้ชีวิตตามสติปัญญาอันน่าทึ่งที่เขามี ถึงกระนั้น เขายังคงมองโลกในแง่ดีและค่อนข้างพอใจกับชีวิตของเขา


Kim Ung-Yong เป็นอาจารย์พิเศษที่ Chungbuk University

ในปี พ.ศ. 2550 เขาทำงานเป็นอาจารย์พิเศษที่ Chungbuk University จนกระทั่งต่อมาในปี พ.ศ. 2557 ในที่สุดเขาก็สมหวัง เพราะความฝันตลอดชีวิตของเขาคือ ‘การเป็นอาจารย์’ เขาออกจากบริษัท Chungbuk Development เข้าเป็นอาจารย์ของ Shinhan University ได้รับตำแหน่งรองศาสตราจารย์ เมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2557 และยังรับตำแหน่งรองประธานของ North Kyeong-gi Development Research Center หลังจากเริ่มงานใหม่ คิมได้บอกกับสื่อต่างๆ ว่า เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ โดยกล่าวว่า “ผมจะอุทิศตัวเองเพื่อสอนคนรุ่นต่อไป” แม้ว่า ประวัติของเขาจะดูไม่ธรรมดา แต่ดูเหมือนว่า คิม อุงยอง จะตัดสินใจตั้งแต่อายุยังน้อยที่จะให้ความสำคัญกับ ‘ความสุข’ มากกว่า ‘สถิติโลก’ ทำให้เขาเลือกที่จะหันหลังให้กับ IQ ที่สูงมากๆ และ ‘ความสำเร็จ’ ในวัยเด็กของเขา


ปัจจุบัน Kim Ung-Yong เป็นศาสตราจารย์ของ Chungbuk University

บทเรียนที่ต้องเรียนรู้จากชายที่ฉลาดที่สุดในโลก ซึ่งหลาย ๆ คนอาจมองชีวิตของคิม อุงยอง ว่า น่าผิดหวัง หรือล้มเหลว แต่มีบทเรียนที่ดีกว่าให้เรียนรู้จากเรื่องราวชีวิตที่พลิกผันและน่าสนใจของเขา การตัดสินใจของ คิม อุงยอง เป็นตัวอย่างหนึ่งในการเลือกชีวิตที่สงบสุขและมีความสุขมากกว่าความรุ่งโรจน์ ความสำเร็จ หรือความมั่งคั่ง แม้ว่าเขาจะมีความสามารถพิเศษทางปัญญาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่เขากลับไม่พบความสุขกับบทบาทของเขาในฐานะ ‘เด็กอัจฉริยะ’ จนกระทั่งเขาใช้ชีวิตอย่างสงบและสบายขึ้น เขาจึงพบว่า “ตัวเองมีความสุข”


Kim Ung-Yong สรุปถึงทางเลือกของตัวเขาเองว่า 
“ผมกำลังพยายามที่จะบอกกับคนอื่นๆ ว่า ผมมีความสุขในแบบที่ผมเป็น”

คิม อุงยอง มีส่วนในการช่วยเหลือสังคมมากมายตั้งแต่อายุยังน้อย บางทีหนึ่งในบทเรียนที่สำคัญที่สุดที่ได้จากเขาคือ การตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกความสุข เขากล่าวว่า “ชีวิตของเขาเป็นของเขาเอง ไม่ใช่คนรอบข้าง หรือวิสัยทัศน์ของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับลูกหลานของพวกเขา” และเขายังกล่าวสรุปถึงทางเลือกของตัวเขาเองว่า “ผมกำลังพยายามที่จะบอกกับคนอื่นๆ ว่า ผมมีความสุขในแบบที่ผมเป็น”

หวังว่าเรื่องราวของ คิม อุงยอง จะช่วยให้พ่อ-แม่ในสังคมไทยได้เข้าใจลูกๆ และปล่อยให้ลูกๆ ได้เป็นอย่างที่พวกเขาอยากเป็น เพียงแต่พ่อ-แม่ช่วยดูแลให้ลูกอยู่ในแนวทางที่มีความเหมาะสมและพอดี โดยพิจารณาด้วยเหตุและผลที่ถูกต้อง ซึ่งทั้งพ่อ-แม่ และลูกๆ ต่างฝ่ายต่างยอมรับได้

‘เอเอฟซี’ เตรียมแบน งดให้ไทยเป็นเจ้าภาพระดับนานาชาติ ทุกรายการแข่งขัน จากเหตุ ‘อุลตร้าส์ ไทยแลนด์’ จุดพลุแฟลร์ ป่วนสนาม

ควันหลงเกมชิงแชมป์เอเชีย รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี รอบ 8 ทีมสุดท้าย ที่ ไทย พ่าย เกาหลีใต้ 1-4 กระเด็นตกรอบ และชวดตั๋วไปลุยศึกชิงแชมป์โลก ที่อินโดนีเซียในช่วงปลายปีนี้ 

ปรากฎว่าหลังจบเกมที่ปทุมธานี สเตเดียม แฟนบอลกลุ่ม "อุลตร้าส์ ไทยแลนด์" เจ้าเดิม จุดพลุแฟลร์ พร้อมกับขว้างปาลงมาในสนาม ต่อหน้าเจ้าหน้าที่จากสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือเอเอฟซี 

ก่อนหน้านี้ประเทศไทยเพิ่งจะโดนคาดโทษ และถูกปรับเงินจาก "เอเอฟซี" หลังมีการจุดพลุแฟลร์ในสนามหลายทัวร์นาเมนต์ แน่นอนว่าครั้งนี้จะถือเป็นความผิดซ้ำซาก และเตรียมรับบทลงโทษที่สูงกว่าการปรับเงิน 

จากการกระทำของแฟนบอลกลุ่มดังกล่าว อาจจะทำให้ประเทศไทยชวดเป็นเจ้าภาพในรายการระดับนานาชาติทุกรายการต่อจากนี้ 

ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่นักฟุตบอล และทีมงานสตาฟฟ์โค้ช เดินไปขอบคุณแฟนบอล และเมื่อมีการจุดพลุแฟลร์นักฟุตบอล พร้อมทีมงาน เดินกลับไปยังห้องแต่งตัวทันที สร้างความไม่พอใจกับแฟนบอลกลุ่มดังกล่าวเป็นอย่างมาก และมีการตะโกนต่อว่าน้องๆ นักเตะอีกด้วย

‘หวัง อี้’ แนะ ‘ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้’ รู้จักรากเหง้าตัวเอง

หวังอี้ ผู้รับผิดชอบนโยบายต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน เรียกร้องให้เกิดความสามัคคีกันระหว่าง จีน, ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยระบุว่า “ชาวตะวันตกไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างชาวจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้ และไม่ว่าเราจะย้อมผมทองแค่ไหน ทำจมูกโด่งแค่ไหน เราก็ไม่สามารถเป็นชาวตะวันตกได้ เราควรรู้ว่ารากเหง้าเราอยู่ที่ไหน”

‘โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย’ โชว์พลังเสียง!! สร้างชื่อให้ประเทศไทย คว้า ‘เหรียญทอง’ แข่งขันขับร้องประสานเสียงโลกที่เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 66 คณะนักร้อง ‘Wattana Children’s Chorus’ และคณาจารย์ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โชว์ขับร้องประสานเสียง ในแข่งขันขับร้องประสานเสียงโลก ที่จัดขึ้น ณ เมืองคังนึง จังหวัดคังวอน สาธารณรัฐเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 8 กรกฎาคม – 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2566 จนสามารถคว้ารับรางวัล ‘เหรียญทอง’ จากการแข่งขันได้สำเร็จ

ทั้งนี้ นายวิชชุ เวชชาชีวะ เอกอัครราชทูต ณ กรุงโซล ได้ส่งข้อความร่วมแสดงความยินดีแก่คณะนักร้อง ‘Wattana Children’s Chorus’ คณาจารย์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ระบุว่า…

“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนสมาชิก ‘Wattana Children’s Chorus’ คณาจารย์ และทุกท่านที่เกี่ยวข้องซึ่งมีส่วนสนับสนุนคณะนักร้องประสานเสียงจนสำเร็จได้รับรางวัลเหรียญทองที่เกาหลีใต้ในครั้งนี้ ผมเข้าไปดูคลิปการประกวดและการแสดงที่ส่งมาให้แล้ว ไพเราะและเหมาะสมกับความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชุดเพลงรำวงไทยที่นำมาเสนอ ได้แก่ งามแสงเดือน ยวนยาเหล และลอยกระทง ซึ่งมีท่อนที่นำทั้งสามเพลงมาสอดประสานกันนั้น ได้สะท้อนความเป็นไทยให้ผู้ชมได้เห็นความงดงามจนเป็นที่จับใจ

ในการนี้ ขอเป็นกำลังใจให้สมาชิกนักร้องประสานเสียงโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยรุ่นต่าง ๆ มุ่งฝึกฝนพัฒนาฝีมือการขับร้องด้วยความรักและความสนุกสนานต่อไป ขอให้มองการแข่งขันและการประกวดไกลไปกว่าเรื่องแพ้ชนะและรางวัล โดยสิ่งสำคัญคือการได้โอกาสสร้างมิตรภาพและการเรียนรู้เพื่อพัฒนาตนให้สมบูรณ์ยิ่ง ๆ ขึ้นครับ” นายวิชชุ กล่าว

‘บลิงเคน’ ชี้!! เกาหลีเหนือภัยคุกคามร่วมที่ใหญ่ที่สุด สะเทือนความมั่นคง ‘อินโดแปซิฟิก-สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้’

(15 ก.ค. 66) รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า ที่การประชุมอาเซียน เกาหลีเหนือเป็นภัยคุกคามร่วมใหญ่สุดต่อความมั่นคงทั้งในระดับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และต่อสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ 

‘แอนโทนี บลิงเคน’ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวานนี้ (14 ก.ค. 66) ว่า ไม่มีปัญหาท้าทายใดอีกแล้ว ที่เป็นภัยด้านความมั่นคงร่วมกันทั้งในระดับภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก และต่อสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ที่จะใหญ่ไปกว่าภัยคุกคามที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเกาหลีเหนือ และเกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ครั้งล่าสุดในสัปดาห์นี้ เป็นการละเมิดมติคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า

บลิงเคนกล่าวหลังเข้าร่วมประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมือง และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือ ‘ARF’ และหลังจากการประชุม 3 ประเทศ สหรัฐฯ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ นอกรอบการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย 

ด้าน ฮายาชิ โยชิมาสะ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น กล่าวในการแถลงข่าวเดียวกันร่วมกับบลิงเคนว่า ภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก กำลังตกอยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมด้านความมั่นคงที่รุนแรงและซับซ้อนที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา จากการที่เกาหลีเหนือเพิ่มความเข้มข้นในกิจกรรมด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมถึงการยิง ICBM ล่าสุดในสัปดาห์นี้ด้วย

ด้าน ปาร์ค จิน รัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ กล่าวในการแถลงข่าวเดียวกันว่า เกาหลีเหนือยิง ICBM ทั้ง ๆ ที่อาเซียนกำลังประชุมกันอยู่ว่าด้วยสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคนี้ พฤติกรรมของเกาหลีเหนือจึงเป็นสิ่งที่ตรงข้ามอย่างสิ้นเชิงกับความคาดหวังของประชาคมโลก เขาหวังว่า การประชุม 3 ฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในครั้งนี้ จะเพิ่มความแน่วแน่ของเรา ในการตอบโต้การกระทำยั่วยุอย่างต่อเนื่องของเกาหลีเหนืออย่างหนักแน่นและเด็ดขาด  และส่งสารถึงเกาหลีเหนือให้ตระหนักว่า การยั่วยุนั้นจะต้องไม่ผ่านไปเฉย ๆ โดยไม่ถูกลงโทษ

บลิงเคนกล่าวถึงรัสเซียด้วยว่า “ไม่มีสัญญาณว่า รัสเซียจะเปลี่ยนแปลงทิศทางในปฏิบัติการในยูเครน หรือจะเข้าร่วมทางการทูตเกี่ยวกับยูเครน”

ทั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้เข้าร่วมในการประชุม ARF ด้วย

‘เกาหลีใต้’ เผชิญวิกฤต ‘สังคมผู้สูงอายุ’ เพิ่มจำนวนต่อเนื่อง หลังยอดแรงงานสูงวัยพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ในปี 2023

(25 ก.ค. 66) สำนักข่าวซินหัว, โซล รายงานว่า สำนักงานสถิติแห่งเกาหลีใต้ รายงานว่า อัตราการมีส่วนร่วมในกำลังแรงงานของผู้สูงอายุเกาหลีใต้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ ท่ามกลางภาวะประชากรสูงอายุในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

รายงานระบุว่าจำนวนประชากรผู้มีอายุ 55-79 ปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 จากปีก่อน อยู่ที่ 15,481,000 คนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งคิดเป็นร้อยละ 34.1 ของประชากรอายุ 15 ปีขึ้นไป โดยร้อยละ 60.2 ของผู้มีอายุ 55-79 ปี ทำงานเชิงเศรษฐกิจในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.8 จุด

อัตราการมีส่วนร่วมดังกล่าว ครอบคลุมผู้สูงอายุที่มีงานทำและผู้สูงอายุที่กำลังหางานทำ โดยจำนวนผู้สูงอายุที่มีงานทำในเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 9,120,000 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อน 349,000 คน ส่วนอัตราการจ้างงานผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น 0.8 จุด จนแตะระดับสูงใหม่ที่ร้อยละ 58.9

ทั้งนี้ ร้อยละ 68.5 ของประชากรสูงอายุคาดหวังจะทำงานต่อไป เพื่อหาค่าครองชีพและความสุขจากการทำงาน

รายงานระบุว่าผู้รับเงินบำนาญของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 50.3 ของผู้สูงอายุทั้งหมดในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 0.9 จุด โดยเฉลี่ยผู้สูงอายุเพศชายรับเงินบำนาญ 980,000 วอน (ราว 26,494 บาท) ต่อเดือน ขณะผู้สูงอายุเพศหญิงรับเงินบำนาญ 500,000 วอน (ราว 13,517 บาท) ต่อเดือน

ที่มา : Xinhua

แฟนคลับกรี๊ด!! ‘หน่อง ปลื้มจิตร์’ โพสต์ภาพร่วมเฟรม ‘คิม ยอน คยอง’  พร้อมแคปชัน “พบปะเพื่อนร่วมสาย” กระชับสัมพันธ์ไทย-เกาหลีใต้

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 66 เป็นที่รักของแฟนๆ วอลเลย์บอลทั่วโลกจริงๆ สำหรับ ‘คิม ยอน คยอง’ (Kim Yeon Koung) อดีตหัวเสาตัวแบกของทีมชาติเกาหลีใต้ ที่ตอนนี้แม้จะวางมือจากทีมชาติไปแล้ว แต่ก็ยังเห็นเธอเฉิดฉายไม่เปลี่ยนในลีกในประเทศ

แต่ด้วยความที่ไม่ได้เล่นให้ทีมชาติอีกแล้ว ทำให้แฟนๆ กีฬาชาวไทยแอบผิดหวังว่าจะไม่ได้เจอ คิม ในฐานะนักกีฬาอีกแล้ว แต่กระนั้น คิม ก็ยังคัมแบ็กทีมชาติอีกครั้ง ในรอบ 2 ปี แต่เป็นการกลับมาในฐานะที่ปรึกษาทีมวอลเลย์บอลหญิง ซึ่งจะคอยให้คำปรึกษาน้องในทีม แต่ไม่ได้มีส่วนช่วยเรื่องการฝึกซ้อมแต่อย่างใด

แต่สิ่งที่น่าจับตาก่อนหน้านี้ก็คือ ‘นุศรา ต้อมคำ’ อดีตมือเซตเบอร์หนึ่ง ได้อัลฟอลโลอินสตาแกรมของ คิม ยอน คยอง ซึ่งทำให้แฟนวอลเลย์บอลใจหายความว่าสัมพันธ์ในวงการวอลเลย์บอลไทย-เกาหลีใต้ยังดีอยู่หรือไม่

ก่อนที่ ‘ซาร่า นุศรา ต้อมคำ’ จะออกมาอธิบายว่า ความสัมพันธ์ที่เคยดีต่อกันระหว่างตัวเธอกับคิมได้ยุติลงแล้ว ส่วนการอันฟอลโลอินสตาแกรม ก็เพื่อประกาศความชัดเจน แต่ไม่ขอพูดถึงสาเหตุที่เลิกกัน ส่วนที่ออกมาชี้แจงเพราะต้องการหยุดกระแสในสื่อโซเชียลที่เริ่มไปไกลเกินจริงแล้ว โดยเฉพาะการพาดพิงไปยังบุคคลอื่นๆ

ล่าสุด ‘หน่อง ปลื้มจิตร์ ถินขาว’ ได้ลงภาพที่เรียกได้ว่าสร้างความฮือฮาไม่น้อยในโลกออนไลน์ ซึ่งตำนาน บอลเร็ว NO.5 ทีมชาติไทยได้โพสต์ภาพของเพื่อนๆ ร่วมทีมชาติและที่สะดุดตาที่สุดก็คือ มีคิมอยู่ในนั้นด้วย

พร้อมกันนี้ หน่อง ปลื้มจิตร์ ยังได้เขียนแคปชันด้วยว่า “พบปะเพื่อนร่วมสาย” ซึ่งแม้ไม่ชัดเจนว่าภาพดังกล่าวถูกถ่ายขึ้นที่ใด แต่แฟนๆ วอลเลย์บอลก็แอบลุ้นไม่ได้ว่า เร็วๆ นี้วอลเลย์บอลทั้งไทยและเกาหลีใต้จะมีโปรเจกต์อะไรร่วมกันหรือไม่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top