Sunday, 5 May 2024
เกาหลีใต้

'ผู้นำโสมขาว' ขอสานความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับญี่ปุ่น วอน!! ชาวเกาหลีก้าวข้ามทุกเรื่องบาดหมางในอดีต

วันนี้ 15 สิงหาคม ตรงกับวันปลดปล่อยแห่งชาติ (Liberation Day) ของเกาหลี โดยเป็นวันที่คาบสมุทรเกาหลีได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นจากฝ่ายกองกำลังสัมพันธมิตร หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 

ฉะนั้นเกาหลีใต้ จะถือวันนี้เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์สำคัญประจำปี โดยจะมีการเฉลิมฉลองที่ได้รับอิสรภาพ และรวมถึงมักมีการย้อนรำลึกถึงความโหดร้ายของสงคราม และการกระทำของกองทัพญี่ปุ่นที่ยังคงทิ้งแผลใจให้แก่ชาวเกาหลีจนถึงทุกวันนี้ 

แต่ทว่า ในปีนี้ 2022 'ยุน ซอก-ยอล' ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้ออกมากล่าวสุนทรพจน์ในวันฉลองครบรอบ 77 ปี วันปลดปล่อยเกาหลีว่า ต้องการเริ่มต้นสานสัมพันธ์ที่ดีกับญี่ปุ่นอีกครั้ง เพราะเสถียรภาพ และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกนั้นสำคัญกว่า

โดยประธานาธิบดี 'ยุน ซอก-ยอล' กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ ญี่ปุ่นกลายเป็นพันธมิตรสำคัญในการต่อสู้กับภัยคุกคามเสรีภาพของโลก ดังนั้นก็ถึงแก่เวลาที่ชาวเกาหลีใต้ ควรก้าวข้ามความขัดแย้งในอดีตไปได้แล้ว และเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี-ญี่ปุ่น สามารถเดินไปข้างหน้าด้วยกันบนพื้นฐานของค่านิยมสากลในด้านการส่งเสริมเสรีภาพ ก็น่าจะช่วยคลี่คลายความบาดหมางในอดีตได้ 

แต่ทั้งนี้ ความบาดหมางฝังลึกระหว่างเกาหลี และ ญี่ปุ่น มิใช่เพียงแค่การที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ามากดขี่ ยึดครองและสังหารทหาร และประชาชนชาวเกาหลีเท่านั้น แต่ยังมีประเด็นของ 'Comfort Women' หญิงชาวเกาหลีที่ถูกทหารญี่ปุ่นใช้เป็นนางบำเรอในกองทัพด้วยความไม่สมัครใจเป็นจำนวนมาก

ซึ่งในปัจจุบัน สตรีชาวเกาหลีเหล่านั้นหลายคนยังมีชีวิตอยู่ และเรียกร้องให้ญี่ปุ่นออกมาแสดงความรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้นจากการกระทำโดยกองทัพญี่ปุ่น แล้วชาวเกาหลีใต้จะสามารถก้าวข้ามความบาดหมางที่ผ่านมาไปได้อย่างที่ผู้นำเกาหลีใต้ออกมากล่าวในวันปลดแอกปีนี้ได้จริงหรือ?

อย่างไรก็ตามนโยบายการขอคืนดีกับญี่ปุ่นนี้ ประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ได้เกริ่นไว้ตั้งแต่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้นำเกาหลีใต้ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว โดยเรียกว่าเป็นการขยายความร่วมมือกันในหลายมิติ ตั้งแต่ด้านเศรษฐกิจ ความมั่นคง และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ที่ช่วยส่งเสริมสันติภาพ และความก้าวหน้าในระดับนานาชาติ 

โดย ยุน ซอก-ยอล ได้อ้างอิงถึง ข้อตกลงความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลี-ญี่ปุ่น ที่เคยทำร่วมกันในปี 1998 ในสมัย คิม แท-จุง ผู้นำเกาหลีใต้ และ เคโซ โอบุจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่เรียกว่า Japan–South Korea Joint Declaration ซึ่งเป็นเหมือนพิมพ์เขียวในการสานสัมพันธ์เพื่ออนาคตระหว่าง 2 ชาติชั้นนำในเอเชียกลาง ที่ต่างก็เป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกาทั้งคู่

'สหรัฐฯ-เกาหลีใต้' เดินหน้า 'ซ้อมรบ' ตามแผน เมินเสียงประท้วงเดือดนับหมื่นกลางกรุงโซล

กองกำลังร่วมเกาหลีใต้และสหรัฐฯ เปิดการซ้อมรบร่วมประจำปีตามกำหนดแผนเดิมเมื่อวันอังคาร (16 ส.ค.) เพียง 3 วันหลังจากที่นักเคลื่อนไหวหัวเสรีนิยมในกรุงโซลออกมาชุมนุมประท้วงนับหมื่นคน เพื่อแสดงออกถึงการ 'ไม่เอาสงคราม'

ปฏิบัติการฝึกร่วมเพื่อจัดการวิกฤต (crisis-management drill) ที่มุ่งตระเตรียมแผนรับมือหากเกิดสถานการณ์ขั้นวิกฤตก่อนที่สงครามจะปะทุ จะกินระยะเวลารวม 4 วัน ก่อนที่สหรัฐฯ และเกาหลีใต้จะเริ่มการซ้อมรบภายใต้รหัส 'อุลชิ ฟรีดอม ชิลด์' (Ulchi Freedom Shield : UFS) ซึ่งถือเป็นการฝึกในช่วงฤดูร้อนที่จะมีการซ้อมเคลื่อนกำลังพลเข้าโจมตีด้วย (field maneuvers) ด้วย

คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JCS) แถลงเมื่อวันอังคาร (16 ส.ค.) ว่า การฝึก UFS นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันตนเอง และเป็นการซ้อมรบร่วมระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ที่จัดเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22 ส.ค. ไปจนถึง 1 ก.ย.

เกาหลีเหนือออกมา 'ประณาม' การฝึกยุทธวิธีครั้งนี้ว่าเป็นแผนซ้อมรุกรานโสมแดง

JCS ย้ำในแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (16 ส.ค.) ว่า ปฏิบัติการฝึกครั้งนี้จะมีการซ้อมเคลื่อนพลโจมตีด้วย เพื่อประเมินความสามารถในการปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการควบคุมปฏิบัติการของทหารเกาหลีใต้ในช่วงสงคราม (wartime operational control) จากวอชิงตันไปสู่มือโซล

ทั้งนี้ การควบคุมปฏิบัติการของทหารเกาหลีใต้ถูกมอบให้เป็นหน้าที่ของกองบัญชาการยูเอ็นที่มีสหรัฐฯ เป็นผู้นำ หลังจากที่สงครามเกาหลีปะทุขึ้นเมื่อช่วงปี 1950-53 โดยเกาหลีใต้เพิ่งจะได้รับอำนาจควบคุมปฏิบัติการทางทหารของตนเองในยามสันติ (peacetime operational control) เมื่อปี 1994

นักเคลื่อนไหวเสรีนิยมในเกาหลีใต้หลายพันคนออกมารวมตัวประท้วงที่กรุงโซลเมื่อวันเสาร์ที่ 13 ส.ค. ก่อนจะถึงวันครบรอบ 77 ปีการปลดปล่อยคาบสมุทรเกาหลี โดยผู้ประท้วงเหล่านี้ต่างป่าวร้องสโลแกนต่อต้านสหรัฐฯ เช่น 'สลายกลุ่มพันธมิตรเกาหลี-สหรัฐฯ' และ 'แผ่นดินนี้ไม่ใช่ฐานก่อสงครามของอเมริกา'

กลุ่มนักเคลื่อนไหวยังได้ชูแผ่นป้ายและสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐฯ เช่น 'ไม่เอาการซ้อมรบ, ไม่เอาสหรัฐฯ' และ 'ไม่เอาความร่วมมือทางทหารเกาหลี-สหรัฐฯ-ญี่ปุ่น'

ฝ่ายรัฐบาล-ฝ่ายค้านเกาหลีใต้ ผนึกกำลังแก้ปัญหา ภายหลังเกิดเหตุฝูงชนล้มทับกันในย่านอิแทวอน

เมื่อคืนวันที่ (29 ต.ค. 65) เกิดเหตุสลดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 150 รายในย่านอิแทวอน ย่านไนต์คลับชื่อดังของเกาหลีใต้ โดยการเสียชีวิตครั้งนี้เกิดภายใต้ตรอกซึ่งเป็นทางลาดลงเนินเพื่อไปยังผับชื่อดัง นักท่องเที่ยวที่ต่อแถวและแอดอัดได้เบียดกันไปมา ก่อนที่สุดท้ายจะมีคนล้มลงแล้วล้มทับต่อกันเป็นโดมิโน่ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตถึงกว่า 150 ราย 

ภายหลังจากเกิดเหตุสลดดังกล่าวขึ้น ทางรัฐบาลและฝ่ายค้านของประเทศเกาหลี ได้เรียกประชุมสภาเป็นการด่วน โดยยกเลิกหมายกำหนดการณ์ทุกอย่างที่เตรียมไว้แล้ว และมุ่งหน้าไปประชุมสภาวาระฉุกเฉิน 

เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความร่วมแรงร่วมใจในการแก้ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ตาม

โดย พรรคพลังประชาชน หรือ People Power Party (PPP) พรรคแกนนำรัฐบาลของเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางพรรคฯ ได้ยกเลิกการประชุมตามกำหนดการเดิมทั้งหมด โดยจะจัดการประชุมที่รัฐสภาเพื่อหารือเกี่ยวกับแผนรับมือเหตุฉุกเฉินแทน

ชุง จิน-ซุค หัวหน้าพรรค PPP โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กว่า “มันเป็นอุบัติเหตุด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ซึ่งเราจะต้องตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุอย่างละเอียด” 

ขณะที่พรรค Democratic Party พรรคฝ่ายค้าน ระบุว่า ผู้นำพรรคฯ จะประชุมฉุกเฉินเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตและเตรียมแผนรับมือ

ลี แจ เมียง (Lee Jae-myung) หัวหน้าพรรคฝ่ายค้าน โพสต์ผ่านเฟสบุ๊กว่า เขารู้สึก "ตกใจและเสียใจ" ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมให้คำมั่น ว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ ในการรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเหตุสลดในครั้งนี้

โดยนายลี กล่าวว่า “เราต้องมุ่งความสำคัญไปที่การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล และให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้สูญเสียอย่างทันท่วงที ตลอดจนการรักษาและฟื้นฟูผู้บาดเจ็บ และให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์อย่างเต็มที่” 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เป็นอีกเหตุสลดที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น 

แต่ทันทีที่เกิดเหตุเราได้เห็นความร่วมมือร่วมใจของทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน โดยฝ่ายค้านไม่ได้หยิบเอาประเด็นที่เกิดขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการโจมตีรัฐบาลเพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมือง

‘Bacchus Ladies’ โสเภณีรุ่นยายในเกาหลีใต้ สะท้อน ‘ความเหลื่อมล้ำ-ปัญหาสังคม’ ที่ยังไม่ได้สะสาง

Bacchus Ladies โสเภณีหญิงชราในเกาหลีใต้

สัปดาห์ที่ผ่านมามีข่าวที่น่าสลดใจในเกาหลีใต้คือ เหตุการณ์เหยียบกันตายในงาน Halloween ในย่าน ‘อิแทวอน’ ทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ผู้เขียนขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียในเหตุการณ์นี้ทุกท่านด้วย 

ทั้งนี้ ด้วยภาพลักษณ์ของเกาหลีใต้ที่เราท่านเห็นกันในปัจจุบันคือ เป็นประเทศที่เจริญแล้ว อาคารบ้านเรือนสะอาด และทันสมัย ผู้คนแลดูมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีแล้ว แต่ในความจริงกลับปรากฏว่า ในเกาหลีใต้ยังมี ‘Bacchus Ladies’ (โสเภณีหญิงชรา) อยู่

ในปี ค.ศ. 2020 อัตราความยากจนสัมพัทธ์ (Relative poverty rate  ซึ่งเป็นวิธีการวัดความยากจนโดยใช้การเปรียบเทียบ มาตรฐานการดำรงชีวิตของครัวเรือนกับมาตรฐานคุณภาพชีวิตของสังคมโดยเฉลี่ย) ในเกาหลีใต้อยู่ที่ประมาณ 15.3% ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว (ค.ศ. 2019) อัตราความยากจนสัมพัทธ์ซึ่งเป็นส่วนแบ่งของผู้ที่อาศัยอยู่โดยมีรายได้เฉลี่ยไม่ถึงครึ่งของประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา 

อย่างไรก็ตาม ตัวเลขยังค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบตามมาตรฐานสากล โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ อัตราความยากจนสัมพัทธ์ในผู้สูงอายุในเกาหลีใต้ยังคงเพิ่มขึ้น ปีที่แล้ว (ค.ศ. 2021) ประชากรผู้สูงอายุที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไปมีสัดส่วนประมาณ 16.5% ของประชากรเกาหลีใต้ทั้งหมด โดยคาดว่าเกาหลีใต้จะกลายเป็นสังคม ‘สูงวัย’ ในปี ค.ศ. 2025

โดยผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไปคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 20% ของประชากรทั้งหมด และสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของผู้สูงอายุจะดีขึ้นแต่ก็เพียงเล็กน้อย เกือบครึ่งหนึ่งของประชากรสูงอายุยังอยู่ในเกณฑ์ของความยากจนสัมพัทธ์ ซึ่งเป็นอัตราสูงสุดในกลุ่มประเทศสมาชิกขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (the Organization for Economic Co-operation and Development : OECD)

เกาหลีใต้มีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุดใน OECD โดยมีผู้เสียชีวิตราว ๑๓,๐๐๐ คนในปี ค.ศ. 2020 อัตราการฆ่าตัวตายในผู้สูงอายุนั้นสูงเป็นพิเศษ ในปี ค.ศ. 2020 ประชากรชายสูงอายุที่มีอายุ ๘๐ ปีขึ้นไปมีอัตราการฆ่าตัวตายสูงที่สุด โดยมีอัตราผู้เสียชีวิต ๑๑๘ รายต่อประชากร ๑๐๐,๐๐๐ คน ส่วนสาเหตุของการฆ่าตัวตายก็มีความซับซ้อน 

ทว่าในการสำรวจในปี ค.ศ. 2020 ที่จัดทำขึ้นในหมู่ผู้ที่มีอายุ ๖๕ ปีขึ้นไป ปัญหาทางการเงินถูกอ้างว่าเป็นสาเหตุอันดับสองสำหรับความคิดในการฆ่าตัวตายของพวกเขา รองลงมาจากปัญหาสุขภาพ

ชายสูงอายุมักมาร่วมตัวสังสรรค์กันในสวนสาธารณะ Jongmyo ในกรุงโซล

จากปัญหาที่กล่าวมา จึงทำให้ในเกาหลีใต้ มีอาชีพที่เรียกว่า ‘Bacchus Ladies’ (โสเภณีหญิงชรา) ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงในวัยตั้งแต่ ๕๐ ขึ้นไปกระทั่งบางส่วนอายุมากถึง ๘๐ ปี ที่ชักชวนชายในสวนสาธารณะหรือพื้นที่สาธารณะอื่น ๆ ของกรุงโซล เพื่อขายบริการทางเพศใน Motel ที่อยู่ใกล้เคียงในราคาประมาณ 20,000 ถึง 30,000 วอน ($ 18–26 USD ราว ๗๐๐-๙๐๐ บาท) หรือน้อยกว่านั้นหากชายคนนั้นเป็นลูกค้าประจำ 

โดยเหล่า ‘Bacchus Ladies’ จะแฝงอาชีพขายบริการด้วยการขายเครื่องดื่มให้พลังงาน Bacchus-F ตามสวนสาธารณะ ซึ่งเป็นที่นิยมของชายสูงอายุซึ่งกลายมาเป็นลูกค้าของพวกเขา แต่ผู้ชายอายุน้อยกว่าอาทิ ในวัย ๒๐ - ๔๐ ปี ส่วนหนึ่งก็กลายมาเป็นลูกค้าประจำในจำนวนที่มากขึ้นเช่นกัน (ดร.Lee Ho-Sun นักวิจัยในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ระบุว่า มีหญิงประมาณ ๔๐๐ คนทำงานลักษณะนี้ในสวนสาธารณะ Jongmyo ในกรุงโซล)

การพัฒนาอย่างรวดเร็วของเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 หรือที่รู้จักในชื่อปาฏิหาริย์บนแม่น้ำ Han (the Miracle on the Han River)

เชื่อกันว่าปรากฏการณ์ ‘Bacchus Ladies’ เกิดขึ้นหลังจากวิกฤตการเงินในเอเชียในปี ค.ศ. 1997 (วิกฤตต้มยำกุ้ง) โดยเกาหลีใต้เป็นหนึ่งในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของปัญหาทางการเงินมากที่สุด 

ซึ่งตามปกติแล้วในสังคมขงจื๊อตามประเพณีของเกาหลีใต้ พ่อแม่ผู้สูงอายุจะได้รับความนับถืออย่างสูง และเมื่ออยู่ในวัยชราสามารถพึ่งพาบุตรหลานของตนในการดูแล โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยการพัฒนาอย่างรวดเร็วของเกาหลีใต้ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1960 หรือที่รู้จักในชื่อ ‘ปาฏิหาริย์บนแม่น้ำ’ Han (the Miracle on the Han River) นำไปสู่การถอนรากถอนโคนวัฒนธรรมนี้ในหมู่ชาวเกาหลีใต้ที่อายุน้อย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วขึ้นในสังคมและทัศนคติของคนรุ่นใหม่ที่ตามมาอย่างรวดเร็ว 

ส่งผลให้อัตราความยากจนของผู้หญิงเกาหลีใต้อายุเกิน ๖๕ ปีอยู่ที่ 47.2% ซึ่งสูงที่สุดในกลุ่มประเทศ OECD ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นเป็น 76.6% สำหรับหญิงสูงอายุที่โสด เงินบำนาญของรัฐที่จัดทำโดยระบบสวัสดิการของเกาหลีใต้มักไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลที่เพิ่มขึ้นในวัยชรา 

Bacchus-F เครื่องดื่มชูกำลังยอดนิยมในเกาหลีใต้

อีกทั้ง วัฒนธรรมของเกาหลีใต้ที่ถูกครอบงำโดยผู้ชายมาตั้งแต่สมัยประวัติศาสตร์ จนถึงยุคปัจจุบันก็ยังคงอยู่ นั่นจึงหมายความว่า ผู้หญิงที่มีอายุมากจำนวนมากจึงไม่มีเงินออมหรือเงินบำนาญส่วนตัว เพราะในวัยเยาว์พวกเธอไม่ได้รับการศึกษา และขาดโอกาสในการทำงานที่เท่าเทียมกันกับชาย 

ศาสตราจารย์ Lee Ho-Sun จากมหาวิทยาลัย Korea Soongsil Cyber ​​ในกรุงโซลได้ทำการวิจัย และพบว่า ผู้หญิงจำนวนมากที่กลายเป็น ‘Bacchus Ladies’ เข้ามามีส่วนกับการค้าประเวณีในช่วงปีแรก ๆ จากการทำงานในบาร์คาราโอเกะและโรงน้ำชา แต่การกลับไปค้าประเวณีอีกในปีต่อ ๆ มา อันมาเนื่องจากปัญหาการเงินและแรงกดดันอื่นๆ 

ในตอนแรก ‘Bacchus Ladies’ จะหาเลี้ยงชีพด้วยการขาย Bacchus-F ซึ่งเป็นเครื่องดื่มชูกำลังยอดนิยมในเกาหลีใต้ ซึ่งขายให้กับชายสูงอายุที่ไปมักร่วมสังสรรค์กันตามสวนสาธารณะและพลาซ่าในกรุงโซล ในที่สุด ผู้ชายเหล่านี้หลายคนก็กลายเป็นลูกค้าหลักของพวกเธอภายหลังจากเปลี่ยนอาชีพมาเป็นโสเภณี

แม้ว่า การค้าประเวณีในเกาหลีใต้เป็นสิ่งผิดกฎหมาย และตำรวจก็ทำการตรวจตราลาดตระเวนในพื้นที่ที่มี ‘Bacchus Ladies’ แวะเวียนมาขายบริการอยู่เสมอ โดยหลัก ๆ แล้วอยู่ในเขต Jongno ทางตอนเหนือของกรุงโซล ตำรวจนครบาลแห่งกรุงโซลได้ดำเนินการปราบปรามกลุ่ม ‘Bacchus Ladies’ อยู่เป็นระยะๆ แต่หญิงที่ถูกจับกุมมักจะได้รับเพียงคำเตือนหรือถูกปรับเป็นเงินจำนวนเล็กน้อย มีหญิง ๓๓ คน รวมทั้งหญิงชราวัย ๘๔ ปีหนึ่งคน ถูกจับโดยเป็นส่วนหนึ่งของการปราบปรามในช่วงต้นปี ค.ศ. 2015 

หลังจากการกวาดล้างจับกุมทำให้จำนวนคนงานของ ‘Bacchus Ladies’ ลดลงเหลือประมาณ ๒๐๐ คน ตำรวจท้องที่เชื่อว่า ปัญหา ‘Bacchus Ladies’ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการปราบปราม และนโยบายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขเปลี่ยนแปลง

‘Bacchus Ladies’ ทำให้เกิดการระบาดของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually transmitted infections : STIs) ในกลุ่มผู้สูงอายุชาวเกาหลีใต้ สาเหตุหลักมาจากการใช้สารเพิ่มการแข็งตัวของอวัยวะเพศซึ่งมักถูกฉีดเข้าเส้นเลือดของลูกค้าชายสูงอายุของ Bacchus Ladies แต่เข็มฉีดยาอาจถูกนำมาใช้ซ้ำมากถึง ๑๐ ถึง ๒๐ ครั้ง จากการสำรวจในพื้นที่ของ Bacchus Ladies ในปี ค.ศ. 2014 พบว่า 40% ของชายสูงอายุที่เป็นลูกค้า ‘Bacchus Ladies’ ติดเชื้อ ในขณะที่ยังไม่ได้ทำการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยที่สุดบางโรค ทำให้องค์กรปกครองท้องถิ่นเสนอชั้นเรียนเพศศึกษาให้กับผู้สูงอายุ

ระบบประกันสังคมของเกาหลีให้ความช่วยเหลือสาธารณะและประกันสังคมสำหรับพลเมืองของเกาหลีใต้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ทุกคนมีชีวิตที่ดี มีคุณภาพ มีชีวิตที่ดีงาม รัฐบาลได้ดำเนินโครงการประกันสังคมที่หลากหลายเพื่อสร้างมาตรฐานการครองชีพขั้นพื้นฐาน และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตโดยรวมของพลเมืองทุกคน

บ่าว-สาวแดนโสม เคือง!! แขกผู้หญิงร่วมงาน เหตุแต่งตัวชุดโทนขาว แย่งซีนเจ้าสาวเต็มๆ

เมื่อวานนี้ (12 ม.ค. 66) เพจ ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์เรื่องราวเกี่ยวกับงานแต่งของบ่าวสาวชาวเกาหลีใต้ ซึ่งภายหลังจากเสร็จพิธีงานทั้งบ่าวสาวเกิดอาการไม่พอใจแขกผู้หญิงที่มาร่วมงาน โดยทางเพจระบุว่า…

เกาหลีใต้ 🇰🇷 : ประเด็นดรามา #คุมโทน
สีที่ใส่ได้สุภาพ สีดำ โทนดำ สีที่ไม่สว่าง
เด่นกว่าเจ้าสาว เพราะคุณคือแขกไปร่วมงาน

🖤🤎 คู่รักโกรธแขก มาร่วมงานแต่งงาน เป็นแขกที่ได้รับเชิญจากผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าว (*ดรามาประเด็นการแต่งตัวไปร่วมงาน ไม่เหมาะสม และไม่มีมารยาท)

ดึงคนเก่งอยู่ต่อ! เกาหลีใต้เสนอ VISA ให้ นศ. ต่างชาติ | Summary Reporter EP.28

เกาหลีใต้ไม่ทนต่อสภาวะสมองไหล เสนอ VISA ให้นักศึกษาต่างชาติ ป.โท - เอก
ที่มาเรียนด้านวิทยาศาสตร์ - เทคโนโลยี ทำงานต่อระยะยาว หรือโอนสัญชาติแบบพิเศษ
หวังรั้งตัวคนเก่งพัฒนาประเทศ เรื่องนี้มีรายละเอียดอย่างไร ไปติดตามชมกัน...

รับชม Summary Reporter ตอนอื่น ๆ ได้ที่
https://youtube.com/playlist?list=PLq_3bZE25J9ifbJu1zakb0XyrHOu4upxS

#THESTATESTIMES
#ReporterJourney
#SummaryReporter
#ภาวะสมองไหล
#เกาหลีใต้
#VISAเกาหลีใต้

ตำรวจเกาหลีใต้ พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทย คาดเสียชีวิตเพราะควันจากก่อไฟคลายหนาว

(25 ก.พ.66) เพจเฟซบุ๊ก 'World Forum ข่าวสารต่างประเทศ' โพสต์ข้อความรายงานว่า...

พบศพ 'สามี-ภรรยา' ชาวไทยที่ไปทำงานประเทศเกาหลีใต้ เสียชีวิตอยู่ภายในบ้านพักเขตโกชาง ซ็อลลาเหนือ โดยทั้งคู่เข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย

สำหรับ 2 คนไทยที่เสียชีวิต (ขาดอากาศหายใจในบ้านพัก) ในเขต โกชาง ซ็อลลาเหนือ พบศพชาวไทย คู่สามี ภรรยา ชายไทยวัย 55 ปี และ ภรรยาวัย 57 ปีเสียชีวิตในบ้านบ่ายพฤหัสบดี ทั้งคู่เข้าเมืองผิดกฏหมาย พบร่างทั้งคู่นอนอยู่บนพื้นห้อง และฟืนที่เหลืออยู่บางส่วน ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ติดระบบทำความร้อน

พวกเขาก่อไฟในห้องเพื่อให้ร่างกายอบอุ่น และคาดว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยพิษของก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ ทั้งคู่จ่ายเงิน 300,000 วอน ($230) เป็นค่าเช่ารายปี ตามที่ตำรวจระบุ

ตำรวจและเพื่อนบ้านเสริมว่าทั้งคู่มาที่เกาหลีเมื่อประมาณ 10 ปีก่อนด้วยความหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตแบบที่เรียกว่า 'ความฝันแบบเกาหลี' ทั้งคู่อยู่ในเขตชนบททำไร่ทำนาใช้ชีวิตลำบาก และมีรายงานว่าพวกเขาส่งเงินที่ได้มาให้ลูก ๆ ในประเทศไทยตลอด


ที่มา: https://www.facebook.com/WorldForumTh/posts/749508343404837

สิ้นชีพต่างแดน!! ‘แรงงานไทย’ เสียชีวิตปริศนาในฟาร์มหมู เกาหลีใต้ นายจ้างกลัวความผิด จัดฉากอำพลางศพทิ้งบนภูเขา

(8 มี.ค. 66) ผู้สื่อข่าวรายงาน เพจเฟซบุ๊ก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ รายงานพบศพแรงงานไทย วัย 60 ปี ในฟาร์มหมู ถูกนำไปทิ้งเชิงเขาตามรายงานของสถานีตำรวจโพชอนเมื่อวันที่ 6 และวันที่ 4.03.2023 คนงานไทยอายุ 60 ปี ถูกพบเสียชีวิตที่ฟาร์มหมูบนเนินเขาในยองบุก-มยอน เมืองโพชอน จุดที่พบศพอยู่บริเวณเชิงเขาห่างจากที่พักประมาณ 200 เมตร

ในวันที่ 4/03 ตำรวจได้รับแจ้งจากแรงงานไทยอีกคนว่าไม่พบเพื่อนคนไทยชื่อ นาย B (ชื่อสมมติ) ทำงานที่ฟาร์มหมูแห่งนี้มาเกือบ 10 ปี เป็นผู้เข้าเมืองผิดกฎหมาย

ตำรวจพบศพชายสัญชาติไทยนาย B อายุ 60 ปี บนเนินเขาใกล้กับฟาร์มหมูในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน 4/03 ตำรวจได้ออกหมายจับเจ้าของฟาร์มหมููชื่อนาย A (นามสมมติ) เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจกล้องที่เกิดเหตุพบรถไถของเจ้าของฟาร์ม A กำลังเคลื่อนที่อยู่ในบริเวณนั้นคาดว่านำศพไปทิ้ง ตำรวจเชื่อว่านาย A อาจลงมือก่อเหตุเพราะกลัวว่าเขาจ้างคนเข้าเมืองผิดกฎหมายทำงาน กลัวถูกค้นพบ และกำลังสืบสวนค่าจ้างและสภาพการทำงานของฟาร์มต่าง ๆ

นอกจากนี้ ตำรวจยังได้สอบสวนลูกชายเจ้าของฟาร์มว่ามีส่วนร่วมในการก่อหตุหรือไม่ ข่าวในวันที่ 7/03 ผลการชันสูตรโดยสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติ ไม่พบข้อสงสัยว่าเป็นการฆาตกรรมในร่างกายของแรงงานไทย องค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจและกระทรวงการจ้างงานและแรงงานกำลังตรวจสอบ สภาพแวดล้อมการทำงานโดยรวมและการค้างค่าจ้างของฟาร์ม

อีกประเด็น คือ ความเป็นอยู่ของแรงงาน นอนข้างเล้าหมูกลิ่นเหม็น ชื้น และห้องพักไม่ถูกสุขอนามัยขนาด 3X3 มีขยะ ผู้เสียชีวิตทำงานที่ฟาร์มนี้มา 10 ปี ดูแลหมู 1,000 ตัวกวาดล้างมูลสุกรหรือดูแลสุกรในตอนกลางคืน ทำวันละหลายชั่วโมง และผู้เสียชีวิตติดต่อทางบ้านที่ประเทศไทยบ่อย แต่ในชีวิตจริงเขาปลีกตัวอยู่คนเดียวภายในห้องนอน ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น

ส่วนประเด็นสาเหตุการเสียชีวิต 1. ฆาตกรรม /น่าจะถูกตัดออก ผลนิติออก 7/03 ไม่มีร่องรอย 2.ทิ้งศพ หนีความผิดจ้างแรงงานเถื่อน 3.ความเป็นอยู่ ทำให้เสียชีวิต (อาทิ หนาว เชื้อโรค อากาศกลิ่น ไม่ถูกสุขอนามัย) 4.ค้างค่าจ้างหรือไม่ และ 5.ประเด็นอื่น ๆ รอตำรวจสรุปหาสาเหตุการเสียชีวิต

‘อาม ชุติมา’ โพสต์ขอโทษ ปมเล่นคอนเสิร์ตที่เกาหลี ทำเอา ‘ผีน้อย’ ที่แห่ดูคอนเสิร์ต โดนรวบคาร้านกว่าร้อยคน

(28 มี.ค. 66) เรียกว่าเป็นที่ฮือฮาใน TikTok เมื่อ มีรายงานข่าวว่า คนไทยในเกาหลีใต้ โดนตำรวจจับกลางคอนเสิร์ต อาม ชุติมา เพราะลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายเกือบ 200 คน มีคนไทยล่อซื้อให้จับคนไทยผิดกฎหมายให้หมด พวกผับ แหล่งท่องเที่ยว และพวกขาย มันจะมีคนไทยล่อคนไทยให้ตำรวจเกาหลีจับ วันนี้จับหมดผับ

ขณะที่ ผู้ใช้ TikTok อีกราย โพสต์ว่า ตม.ลงร้าน D.. ได้คนไปเยอะมาก

ทั้งนี้ มีรายงานว่า อาม ชุติมา ได้รับการว่าจ้างให้ไปเล่นคอนเสิร์ตที่อินชอน ก่อนที่เหล่าบรรดาผีน้อยจะโดนรวบไปราว 160 คนด้วยกัน

ซึ่งอามก็ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอลงใน TikTok พร้อมว่า ‘ขอโทษจากใจสุดซึ้ง ขอโทษนะคะ’

ชาวเกาหลีใต้ 56% หนุนเกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อใช้ต้านภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ 

(24 เม.ย.66) สำนักสำรวจเรียลมิเตอร์สอบถามความเห็นชาวเกาหลีใต้วัยผู้ใหญ่จำนวน 1,008 คนเมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้ตอบ 56.5% สนับสนุนให้เกาหลีใต้ผลิตอาวุธนิวเคลียร์ด้วยตัวเอง และเห็นว่าควรต้องหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นหารือในโอกาสที่

ประธานาธิบดี ยุน ซ็อกยอล จะเดินทางไปประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่ผู้ตอบ 40.8% คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ขณะที่ข้อถามถึงเหตุผลที่สนับสนุนให้เกาหลีใต้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 45.2% ชี้ว่า เกาหลีใต้ควรต้องเผชิญหน้ากับภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ และต่อข้อถามถึงเหตุผลที่คัดค้านการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ผู้ตอบ 44.2% ชี้ว่า จะทำให้เกาหลีใต้ถูกนานาชาติคว่ำบาตร 

ประธานาธิบดียุนจะเยือนสหรัฐฯ ในฐานะประมุขของรัฐเป็นเวลา 6 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน เนื่องในวาระครบ 70 ปีที่ 2 ประเทศเป็นพันธมิตรกัน คาดว่าประเด็นภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ จะเป็นหัวข้อหลักของการสนทนากับผู้นำสหรัฐฯ ที่ทำเนียบขาวในวันที่ 26 เมษายนหลังจากพิธีต้อนรับอย่างเป็นทางการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top