Sunday, 5 May 2024
เกาหลีใต้

‘ซัมซุง’ สร้างสถิติต่ำสุดรอบ 15 ปี หลังกำไรร่วง 6 ไตรมาสติด เหตุความต้องการของ ‘สมาร์ตโฟน-ชิปหน่วยความจำ’ ซบเซา

(9 ม.ค.67) ‘ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์’ เผยผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง 6 ไตรมาสติดต่อกัน สะท้อนความต้องการผู้บริโภคซบเซา และความไม่แน่นอนของระยะเวลาฟื้นตัวของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า กำไรจากการดำเนินงานของซัมซุงร่วง 35% สู่ระดับ 2.8 ล้านล้านวอน หรือต่ำกว่าที่คาดไว้ 24% ส่วนรายได้ลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ สู่ระดับ 67 ล้านล้านวอน และตลอดปี 2566 ซัมซุงมีกำไรจากการดำเนินงานน้อยที่สุดในรอบ 15 ปี

ผลประกอบการดังกล่าวตอกย้ำว่า ความต้องการสมาร์ตโฟนและชิปหน่วยความจำที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังคงซบเซา เนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ และบ่งบอกแนวโน้มการฟื้นตัวตลาดแย่ลง ทั้งที่นักลงทุนคาดหวังว่าตลาดจะเติบโตในปีนี้

ขณะเดียวกันอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ได้รับผลจากการแข่งขันที่ดุเดือดและต้นทุนการตลาดสูง ส่วนกำไรจากธุรกิจสมาร์ตโฟนก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ขณะที่คู่แข่งอย่างไมครอน เผยเมื่อเดือน ธ.ค. ว่าบริษัทมีรายได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ บ่งชี้ว่า การสร้างศูนย์ข้อมูลอาจช่วยหนุนตลาดคอมพิวติงและอุปกรณ์สมาร์ตโฟนได้ดี

อย่างไรก็ดี ยังมีสัญญาณบ่งบอกการฟื้นตัวอยู่ เนื่องจากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเกาหลีใต้ในเดือน พ.ย. มีรายได้มากที่สุดในรอบหลายปี ทั้งในด้านการผลิตและขนส่ง

“เมื่อพิจารณาถึงราคาชิปหน่วยความจำเพิ่มขึ้นและความต้องการสูงขึ้นธุรกิจชิปของซัมซุง อาจทำให้บริษัทกลับมามีกำไรภายในไตรมาสแรกของปีนี้” ด้านซานจีฟ รานา นักวิเคราะห์จาก CLSA Securities Korea Ltd. กล่าว

ด้านนักลงทุนเฝ้ารอแผนการลงทุนระยะยาวของซัมซุง โดยเฉพาะภาคธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เมื่อบริษัทเผยผลประกอบการทั้งหมดในวันที่ 31 ม.ค. นี้

ทั้งนี้ หุ้นซัมซุงร่วง 0.9% ในตลาดหุ้นโซลวันนี้ ด้าน ซานจีฟ รานา มองว่า ผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจเป็นผลมาจากอัตราการกำลังการผลิตของธุรกิจผลิตชิปต่ำ

‘เกาหลีใต้’ ไฟเขียว!! กฎหมายห้าม ‘กิน-ซื้อขาย’ เนื้อสุนัข รับแรงหนุน 'กระแสแอนตี้-ปธน.เป็นคนรักสัตว์ตัวยง'

(10 ม.ค. 67) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านร่างกฎหมายห้ามการจำหน่ายและบริโภคเนื้อสุนัขเมื่อวันอังคาร(9 ม.ค.) ซึ่งจะส่งผลให้ประเพณีการรับประทานเนื้อสุนัขที่มีมานานนับร้อยๆ ในแดนโสมกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ท่ามกลางกระแสรณรงค์ต่อต้านการกินเนื้อสุนัขจากบรรดานักปกป้องสิทธิสัตว์ รวมถึงบุคคลทั่วไป

กฎหมายแบนการรับประทานและจำหน่ายเนื้อสุนัขผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอย่างท่วมท้น ด้วยคะแนน 208 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้หลังผ่านช่วงเวลาผ่อนผัน (grace period) 3 ปี

ผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับเงินสูงสุด 30 ล้านวอน (ราว 795,000 บาท)

คนเกาหลีใต้สมัยก่อนเชื่อกันว่า การรับประทานเนื้อสุนัขจะช่วยให้ร่างกายทรหดอดทนต่อสภาพอากาศในฤดูร้อน ทว่าปัจจุบันสุนัขกลายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน บวกกับมีการรณรงค์ต่อต้านการเชือดสุนัขเพื่อเป็นอาหาร ทำให้ความนิยมในการกินเนื้อสุนัขลดลงไปมาก และยังคงรับประทานกันเฉพาะในหมู่คนสูงวัยเสียเป็นส่วนใหญ่

นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสัตว์ชี้ว่า สุนัขมักจะถูกฆ่าด้วยวิธีใช้ไฟฟ้าช็อตหรือแขวนคอให้ตาย ก่อนจะถูกนำมาแล่เนื้อ  แต่เจ้าของฟาร์มและผู้ค้าสุนัขก็ออกมาแย้งว่าพวกเขามีความพยายามที่จะปรับไปใช้วิธีการฆ่าที่ทารุณน้อยลง

กระแสต่อต้านการกินเนื้อสุนัขเริ่มแพร่หลายขึ้นในยุคของประธานาธิบดี ยุน ซุกยอล ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนรักสัตว์ และเลี้ยงสุนัขเอาไว้ถึง 6 ตัว แมวอีก 8 ตัว ขณะที่นางคิม คยอน-ฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ออกมาวิจารณ์การรับประทานเนื้อสุนัขเช่นกัน

ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (8 ม.ค.) โดยสถาบัน Animal Welfare Awareness, Research and Education ในกรุงโซลพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถาม 94% ไม่ได้รับประทานเนื้อสุนัขเลยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา และ 93% บอกว่าคงจะไม่รับประทานอีกในอนาคต

บิ๊กไอที 'เกาหลีใต้' ร่วมลงขัน!! 16 ล้านล้านบาท ผุดศูนย์ผลิตชิปใหญ่สุดในโลก ปี 2047 เพื่ออนาคตคนรุ่นต่อไป

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลประเทศเกาหลีใต้ได้เผยแผนการสร้าง 'Semiconductor Mega Cluster' หรือที่เรียกว่า ศูนย์เซมิคอนดักเตอร์ขนาดใหญ่ ณ ทางตอนใต้ของกรุงโซลภายในปี 2047 โดยกลุ่มบริษัทชั้นนำอย่าง Samsung Electronics และ SK hynix ได้เตรียมลงทุนจำนวน 622 ล้านล้านวอน หรือนับเป็นเงินไทยก็ประมาณ 16 ล้านล้านบาท

โดยในแผนดังกล่าวเพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่จำนวน 13 แห่ง และศูนย์วิจัยจำนวน 3 แห่ง (จากเดิมมีอยู่ 21 แห่ง) กินพื้นที่ตั้งแต่เมือง Pyeongtaek ไปจนถึงเมือง Yongin ซึ่งคาดว่าจะมีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่มีกำลังการผลิตแผ่นเวเฟอร์สำหรับทำชิปได้ราว 7.7 ล้านแผ่น / เดือน ภายในปี 2030

รัฐมนตรีอุตสาหกรรม Ahn Duk-geun ได้กล่าวว่า หากการสร้างศูนย์ผลิตชิปเสร็จเร็วก่อนเวลา เราก็จะได้รับความสามารถในการแข่งขันทางภาคส่วนชิปในระดับแถวหน้าของโลก อีกทั้งยังเป็นการสร้างอาชีพที่มีคุณภาพให้แก่คนรุ่นต่อไปด้วย

ตามข้อมูล บริษัท Samsung Electronics ได้วางแผนลงทุน 500 ล้านล้านวอน สำหรับโครงการนี้ โดยจะรวมไปถึงงบประมาณ 360 ล้านล้านวอน สำหรับการสร้างโรงงาน 6 แห่งใหม่ใน Yongin ที่อยู่ห่างจากทางใต้ของโซลประมาณ 33 กิโลเมตร และได้ลงทุน 120 ล้านล้านวอนเพื่อสร้างโรงงาน 3 แห่งในเมือง Pyeongtaek และลงทุนอีก 30 ล้านล้านวอนในการสร้างศูนย์วิจัยอีก 3 แห่งใน Giheung ในขณะที่ SK hynix จะจัดสรรเงินจำนวน 122 ล้านล้านสอน เพื่อสร้างโรงงานใหม่ 4 แห่ง ในเมือง Yongin

และจากการลงทุนของภาคเอกชนนั้น ทางภาครัฐก็ได้วางแผนที่จะมีกำลังการผลิตที่ซับซ้อนในระดับโลก โดยมุ่งเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์ที่ทันมีความสมัย ที่จะรวมไปถึงชิปที่มีสถาปัตยกรรม 2 นาโนเมตรและหน่วยความจำแบนด์วิธสูงๆ นอกจากนี้รัฐมนตรียังเสริมว่า ในโครงการนี้จะสามารถสร้างตำแหน่งงานได้มากถึง 3.46 ล้านตำแหน่ง

ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ยกระดับและสนับสนุนอุตสาหกรรมชิปในประเทศมาโดยตลอด โดยการสนับสนุนภาคชิปในประเทศนับเป็น 16% ของการส่งออกทั้งหมด ซึ่งก็ได้ตั้งเป้าหมายในอนาคตไว้ว่าจะสามารถผลิตชิปได้มากขึ้นเป็น 10% ภายในปี 2030 (จากปัจจุบันมีสัดส่วนอยู่ที่ 3%) ตลอดจนสนับสนุนนโยบายอื่นเพื่อปกป้องธุรกิจนี้ที่เป็นธุรกิจแกนหลักของเศรษฐกิจประเทศ

‘แรงงานไทย’ รีวิวทำอาชีพ ‘เกษตร’ ที่เกาหลีใต้ หลังมาถูกกฎหมาย ชี้!! ‘สภาพการเป็นอยู่แย่-เงินออกช้า-วันหยุดน้อย’ ไม่เป็นอย่างที่คิด

(18 ม.ค.67) แรงงานไทยในเกาหลีใต้ เปิดใจ มาทำงานจริงไม่เป็นอย่างที่ฝันไว้ สภาพการเป็นอยู่ย่ำแย่ ใช้ส้วมหลุม นอนตู้คอนเทนเนอร์ เงินเดือนออกไม่ตรง วันหยุดน้อย แนะนำ ให้เลือกสายงานเกษตรเป็นอันดับสุดท้าย

ใครอยากไปทำงานเกาหลีใต้ ลองฟังทางนี้ นายอภิสิทธิ์ แรงงานเกษตรในประเทศเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ตนได้สอบกับกรมแรงงาน เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2566 เพื่อรับวีซ่า E-9 ในการประกอบอาชีพแรงงานเกษตรในต่างแดน

เมื่อได้มาทำงานจริง ตนได้ทำงานในสวนผักผสม อาทิ ผักสลัด กวางตุ้ง ผักชี โดยหลัก ๆ นั้น เถ้าแก่จะปลูกผักที่มีราคาดีตามแต่ฤดูกาล จากการทำงานมาตลอด 6-7 เดือน ทำให้ตัวเองรู้สึกเฟลมาก เนื่องจากสัญญาที่ทำไว้กับงานที่ต้องทำจริงนั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สำหรับสิ่งที่ตนเองไม่โอเคมาก ๆ คือห้องน้ำ ซึ่งไม่ใช่แค่เพียงความสกปรก แต่เข้าขั้นโสโครก เนื่องจากเป็นส้วมหลุม ลำบากใจทุกครั้งที่ต้องเข้าห้องน้ำ หากเข้าช่วงหน้าร้อนก็จะมีแมลงวันบินตอมเยอะ ช่วงหน้าหนาวอุจจาระก็จะแข็งและกองซ้อนกัน ตนได้ขอร้องให้เถ้าแก่ปรับปรุงห้องน้ำแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด

เรื่องต่อมา คือ วันหยุด ในสัญญาที่เซ็นระบุว่า จะมีวันหยุดสัปดาห์ละ 1 วัน แต่ความจริงหากจะหยุด ต้องได้รับอนุญาตจากเถ้าแก่เท่านั้น บางเดือนก็ไม่ได้หยุด เวลางานก็ต้องนั่งย่อนานกว่า 5-6 ชั่วโมงเลยทีเดียว

ต่อมาคือเรื่องเงิน ตามสัญญาเถ้าแก่จะต้องให้เงินทุกวันที่ 25 ของทุกเดือน ซึ่งเงินออกตรงเวลาแค่เดือนแรก แต่ความเป็นจริงนั้นล่าช้ามาโดยตลอด ลำบากใจทุกครั้งที่ต้องทวงเงิน สำหรับเงินเดือนตามข้อกำหนดกระทรวงแรงงาน อยู่ที่ 1.8 ล้านวอน (ประมาณ 54,000 บาท) แต่หลังจากหักค่าประกันและค่าเช่าห้อง ตกแล้วจะเหลือ 1.3 ล้านวอน (ประมาณ 34,000 บาท) ซึ่งต้องแบ่งไว้ใช้เองและส่งกลับบ้าน พอคำนวณแล้ว ไม่ต่างจากทำงานที่ไทยเลย

สำหรับที่พัก ตนได้พักอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ และไม่อนุญาตให้ไปอยู่อพาร์ตเมนต์ ทั้งยังคิดค่าเช่าแพงถึง 9,000 บาทต่อเดือน น้ำไม่ค่อยไหล ฤดูหนาวต้องใช้น้ำบาดาล ด้านอาหาร มีเพียงข้าวเปล่าที่ฟรี ส่วนกับข้าวต้องซื้อมาทำเอง แม้กระทั่งน้ำเปล่าและน้ำมันก็ต้องใช้เงินส่วนตัวซื้อ

ตนเองยอมรับว่าพลาด เพราะตอนแรกตั้งใจจะสมัครเป็นแรงงานอุตสาหกรรม แต่สมัครไม่ทัน ซึ่งตั้งใจไว้แล้วว่าอยากมาทำงานที่นี่ จึงเลือกสอบแรงงานเกษตร และสอบผ่านจึงได้มาทำงานที่นี่

สุดท้ายนี้อยากฝากว่า ใครจะมาทำงานที่นี่ต้องยอมรับให้ได้กับสภาพความเป็นอยู่ รวมถึงต้องทำใจที่อาจถูกเถ้าแก่หักเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ หากไม่ทำโอทีอาจลำบากได้ ส่วนแรงงานผู้ชาย อยากให้เลือกสายงานเกษตรหรือปศุสัตว์ เป็นตัวเลือกสุดท้าย ให้เลือกสายงานอุตสาหกรรมและก่อสร้างก่อนเป็นอันดับแรก แต่หากย้อนเวลากลับไปก็จะเลือกมาทำงานอยู่ดี เพราะค่าแรงมากกว่าไทย สามารถสร้างตัวได้เร็วกว่าอยู่ในไทย

‘บิ๊ก ตร.โซล’ เจอตั้งข้อหาประมาทเลินเล่อ ปมโศกนาฏกรรมอิแทวอน ด้านครอบครัวเหยื่อ ซัด!! กระบวนการล่าช้า-เรียกร้องให้ลาออกทันที

(20 ม.ค. 67) ความคืบหน้าเหตุโศกนาฏกรรมเบียดกันตายที่อิแทวอน ย่านสถานบันเทิงยามราตรีชื่อดังในกรุงโซลของเกาหลีใต้ เมื่อคืนวันที่ 29 ตุลาคมปี 2022 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน่าเศร้าสลดมากถึงเกือบ 160 รายนั้น มีรายงานล่าสุดว่า ‘นายคิม ควาง-โฮ’ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจนครบาลโซล ที่มีส่วนรับผิดชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในคืนวันเกิดเหตุนั้น ได้ถูกอัยการตั้งข้อหาแล้วฐานปล่อยปละละเลย จนเป็นเหตุให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในโศกนาฏกรรมดังกล่าว

ในแถลงการณ์ที่ออกโดยสำนักงานอัยการแขวงตะวันตกของกรุงโซล เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ในฐานะผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจนครบาลโซล เขาไม่ได้ใช้มาตรการที่จำเป็น เช่น การระดมกำลังตำรวจให้เพียงพอ และควบคุมการบังคับบัญชา และการกำกับดูแลที่เหมาะสมในวันเกิดเหตุ แม้ว่าเขาจะคาดการณ์ถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ จากความแออัดยัดเยียดในย่านสถานบันเทิงยามราตรีแห่งนั้น

‘คิม ควาง-โฮ’ ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงสุดที่เผชิญการสอบสวนในโศกนาฏกรรมครั้งนี้ ได้ถูกตั้งข้อหาโดยปราศจากการถูกควบคุมตัว

ด้านครอบครัวของเหยื่อได้ออกมาแสดงความไม่พอใจ หลังสำนักงานอัยการแถลงการณ์ตั้งข้อกล่าวหาบิ๊กตำรวจนครบาลโซลผู้นี้ โดยกล่าวว่าพวกเขารู้สึกเสียใจกับกระบวนการตัดสินใจที่ยาวนานของสำนักงานอัยการ ก่อนจะมีการตั้งข้อหานายคิม และว่านายคิมต้องลาออกจากตำแหน่งในทันที และเผชิญกับการถูกไต่สวนคดี

“ประธานาธิบดียุน ซอกยอล จะต้องปลดเขานายคิมออกทันที” ครอบครัวเหยื่อโศกนาฏกรรมอิแทวอนกล่าว

เดือนมกราคมปีที่แล้ว คิม ควาง-โฮ และเจ้าหน้าที่อีก 22 คน จากสำนักงานตำรวจ กู้ภัยและสำนักงานเขต ได้ถูกทีมตำรวจชุดสืบสวนพิเศษส่งไปดำเนินคดี เนื่องจากถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการที่ผิดพลาดของรัฐบาล ในเหตุโศกนาฏกรรมเบียดกันตายที่อิแทวอน ในช่วงการฉลองเทศกาลฮาโลวีน ที่มีนักท่องราตรีหนุ่มสาวหลายหมื่นคน ออกมาเที่ยวในย่านสถานบันเทิงดังกล่าว จนเป็นผลให้เกิดการเบียดเสียดเหยียบกัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 160 ราย ส่วนใหญ่มีอายุระหว่าง 20-30 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 300 คน

‘อย.เกาหลีใต้’ เตือน!! ไม่ควรกิน ‘ไม้จิ้มฟันผลิตจากพืช’ ทุกชนิด ชี้!! อาจแพ้-ท้องเสียได้ หลังเด็ก-เยาวชนทำตามคอนเทนต์ในโซเชียล

องค์การอาหารและยาแห่งเกาหลีใต้ได้ออกเอกสารเตือนเรื่อง ‘การบริโภคไม้จิ้มฟัน’ ที่กำลังเป็นกระแสในโซเชียลแดนโสมขาว

โดยเฉพาะไม้จิ้มฟันสีเขียว ที่ทำจากแป้งข้าวโพด นิยมนำมาดัดแปลงทำอาหารบ่อยที่สุด จนหน่วยงานด้านอาหารและยาต้องออกโรงเตือนว่า ไม่ควรรับประทานไม้จิ้มฟัน เพราะถึงแม้ตัวไม้จิ้มฟันจะทำจากแป้ง แต่ก็ไม่ได้ผลิตมาเพื่อใช้บริโภคโดยตรง จุดประสงค์เพื่อเป็นของใช้ภายนอก และใช้ครั้งเดียวทิ้ง เช่นเดียวกับ แก้วน้ำ หรือ หลอดกาแฟ ที่ทำจากกระดาษ ดังนั้น จึงมีความเสี่ยงเรื่องสุขอนามัย หากบริโภคไม้จิ้มฟันเข้าไปในร่างกาย 

ด้านกระทรวงสาธารณสุขก็ได้ออกมาเตือนเหล่าบรรดายูทูบเบอร์ ที่เผยแพร่คลิปวิดิโอ แสดงวิธีการดัดแปลงไม้จิ้มฟันแป้งข้าวโพดมาทำอาหารเป็นจำนวนมาก หลังจากที่มีอินฟลูเอนเซอร์สาวชาวเกาหลี ในชื่อบัญชี @hiharu_22 เผยแพร่คลิปนำไม้จิ้มฟันไปทอดจนฟูกรอบ และนำมาราดด้วยชีส และกลายเป็นกระแสไวรัลในทันที เมื่อคลิปมียอดวิวสูงถึง 4.4 ล้านวิว จึงมียูทูบเบอร์คนอื่น ๆ ทำตามด้วยการนำไม้จิ้มฟันมาต้มกินแทนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นำไปผัดเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยว และอื่น ๆ อีกมากมาย

ปัญหาที่ตามมาคือ มีเด็กนักเรียน และวัยรุ่นเกาหลีจำนวนมาก แห่กินไม้จิ้มฟันตามคลิปที่แชร์ตาม ๆ กันมา ซึ่งเป็นอิทธิพลจากกระแสวัฒนธรรมการโชว์กินอาหารออกสื่อในโซเชียล ที่เรียกกว่า ‘ม็อกบัง’ (먹방) หนึ่งในคอนเทนต์ที่นิยมมาก ๆ ในเกาหลีใต้ จนผู้ปกครองเริ่มเป็นห่วงว่าการกินไม้จิ้มฟันจำนวนมาก ๆ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ 

เช่นเดียวกับองค์การอาหารและยาของเกาหลี ที่ต้องรีบออกมาเตือนว่า ไม่ควรบริโภคไม้จิ้มฟันแป้งข้าวโพดโดยเด็ดขาด เนื่องจากไม้จิ้มฟันประเภทนี้ มักทำจากแป้งข้าวโพด หรือ แป้งมันฝรั่ง ผสมกับ สารซอร์บิทอล สารส้ม และสีสังเคราะห์ ที่เป็นสารเคมี ถึงแม้จะไม่ใช่สารที่เป็นอันตราย หากบริโภคเข้าไปเพียงเล็กน้อย แต่ถ้าบริโภคเป็นปริมาณมาก ๆ อาจทำให้เกิดอาการแพ้ ท้องร่วง อาเจียน หรือเกิดการอักเสบของอวัยภายในร่างกายได้

ดังนั้น ชาวโซเชียลก็ต้อง ‘พักก่อน’ ไม้จิ้มฟัน มีไว้จิ้มฟันพอ ถ้าหิวจริง ๆ ก็หาอย่างอื่นกินดีกว่า 

‘บ.เกาหลี’ ใจป้ำ!! แจกเงิน พนง. 100 ล้านวอน ต่อลูก 1 คน อุดหนุนค่าคลอดบุตร จูงใจให้คนมีลูก แก้ปัญหาเด็กเกิดน้อย

(6 ก.พ.67) บริษัท Booyoung Group เปิดตัวโครงการริเริ่มเพื่อแก้ไขปัญหาด้านอัตราการเกิดที่ลดลง ด้วยการมอบเงินสนับสนุน 100 ล้านวอนต่อลูก 1 คน ให้กับพนักงาน โดย Booyoung Group เป็นบริษัทเกาหลีใต้แห่งแรกที่ดำเนินการเช่นนี้

ประธานกรรมการของ Booyoung Group นายอี จุง-กึน ได้มอบเงินสนับสนุนด้านการคลอดบุตรเป็นจำนวนรวม 7 พันล้านวอน ให้แก่พนักงาน โดยเป็นเงินจำนวน 100 ล้านวอนต่อลูก 70 คน ที่เกิดตั้งแต่ปี 2021 ในงานพิธีขึ้นปีใหม่ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ

นอกจากนี้ทางบริษัทยังเสนอที่จะจัดหาที่อยู่อาศัยประเภทเช่าถาวรระดับโครงการบ้านจัดสรรให้กับพนักงานที่มีลูกคนที่สาม โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่ารัฐบาลอนุญาตให้ภาคเอกชนเข้าร่วมในตลาดที่อยู่อาศัยเช่าถาวรได้หรือไม่

อย่างไรก็ดี นายอี จุง-กึน ได้เสนอนโยบายให้มีการยกเว้นภาษีสำหรับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการคลอดบุตร เพื่อแก้ไขปัญหาด้านอัตราการเกิดที่ต่ำ โดยอนุญาตให้ผู้บริจาคสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ เขาเสนอให้บุคคลหรือบริษัทบริจาคได้สูงสุด 100 ล้านวอนต่อเด็กที่เกิดหลังปี 2021 และทั้งจำนวนเงินบริจาคจากบุคคลและบริษัทฯ สามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ที่สิ้นปี

‘เกาหลี’ ปลื้ม!! ยอดส่งออก ‘โซจู’ ทะลัก 100 ล้านดอลลาร์ฯ ‘ญี่ปุ่น’ ขึ้นแท่นนำเข้าอันดับ 1 หลังรับอานิสงส์วงการ K-Pop

เมื่อวานนี้ (12 ก.พ. 67) กรมศุลกากรเกาหลีใต้ เปิดเผยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เกาหลีใต้ได้ส่งออก ‘โซจู’ ทะลุหลัก 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี โดยยอดการส่งออกโซจูไปต่างประเทศสูงแตะ 101.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2566 เพิ่มขึ้น 8.7% จากปี 2565 ซึ่งเกาหลีใต้เคยส่งออกโซจูทะลุ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2556

สำนักข่าวยอนฮับรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวในวงการว่า ที่ผ่านมานั้น โซจูที่ขายในต่างประเทศส่วนใหญ่บริโภคโดยชาวเกาหลีใต้ แต่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นในกลุ่มผู้บริโภคในประเทศที่ขาย ตามกระแสวัฒนธรรมเคป็อป (K-Pop)

เมื่อช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ยอดการส่งออกโซจูลดลงจาก 97.6 ล้านดอลลาร์ เหลือ 89.7 ล้านดอลลาร์ ในปี 2562 และลดลงแตะ 82.4 ล้านดอลลาร์ ในปี 2564

อย่างไรก็ดี ยอดการส่งออกโซจูไปต่างประเทศกลับมาแตะที่ระดับ 93.3 ล้านดอลลาร์ ในปี 2565 และมีแนวโน้มสูงขึ้นนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารายประเทศ ‘ญี่ปุ่น’ เป็นผู้นำเข้าโซจูเกาหลีใต้รายใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่ามากกว่า 30 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย ‘สหรัฐ’ ที่ 23.6 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี ‘นี่ไม่ใช่ครั้งแรก’ ที่เกาหลีสามารถสร้างสถิติใหม่ด้านการค้าที่มาจาก K-Pop

>> ปี 66 ทำสถิติส่งออก 'กิมจิ' ไป 93 ประเทศ

ไม่ใช่ทุกประเทศที่จะคุ้นลิ้นถูกปากรสชาติอาหารแบบเอเชีย และไม่ใช่ทุกประเทศที่มีวัฒนธรรมการกินผักดอง แต่ถึงอย่างนั้น เกาหลีใต้ก็สามารถทำสถิติส่งออก ‘กิมจิ’ ทะลุหลัก 90 ประเทศ ได้เป็นครั้งแรกในปีที่แล้ว  

ข้อมูลจากกรมศุลกากรเกาหลีใต้ระบุว่า มีการส่งออกกิมจิ ไปยัง 93 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจทั่วโลก ระหว่างเดือนม.ค.-ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดที่เคยทำได้จากเดิม 61 ประเทศ เมื่อ 10 ปีก่อน

‘ญี่ปุ่น’ คือ ตลาดนำเข้ากิมจิเบอร์ 1 ด้วยมูลค่า 52.84 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วย สหรัฐ เนเธอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร และฮ่องกง โดยที่ 5 ใน 10 ของประเทศที่นำเข้ากิมจิมากที่สุดล้วนเป็นประเทศตะวันตก

>> ส่งออก 'รามยอน' ทะลุ 1 ล้านล้านวอนครั้งแรก

ซอฟต์พาวเวอร์เกาหลีใต้ยังสามารถทำให้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของตัวเองในชื่อ ‘รามยอน’ โดดเด่นขึ้นมาได้ จนสามารถส่งออกรามยอนได้ทะลุหลัก 1 ล้านล้านวอน (ราว 2.7 หมื่นล้านบาท) ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปีที่แล้ว 

ตัวเลขการส่งออกรามยอน 10 เดือนแรกของปี 2566 อยู่ที่ 1.097 ล้านล้านวอน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 24.7% และถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของเกาหลีใต้นับตั้งแต่มีการทำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในเวอร์ชั่นของตนเองขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 1963 

สำหรับประเทศที่นำเข้ารามยอนมากที่สุดนำโดย ‘จีน’ มีมูลค่าอยู่ที่ 174.45 ล้านดอลลาร์ โดยจีนยังถือเป็นประเทศที่มีการบริโภคบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากที่สุดในโลก ตามมาด้วย สหรัฐ ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ และมาเลเซีย

สยองกันหมด!! ‘งานประกาศรางวัลเกาหลีใต้’ มีคน ‘ขี้แตก’ ‘ศิลปิน-แฟนคลับ’ กลายเป็นผู้ประสบภัยนั่ง ‘ปิดปาก-ปิดจมูก’

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) ประเทศเกาหลีใต้ มีการจัดงานประกาศรางวัล Hanteo Music Awards 2024 ซึ่งเป็นงานประกาศรางวัลด้านดนตรีที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี มีการเชิญศิลปิน-ไอดอล มากมายไปร่วมงาน พร้อมเปิดให้แฟนคลับได้ตามเชียร์ติดขอบเวที

ในครั้งนี้ก็มีเหล่าไอดอลชื่อดัง อาทิ NCT DREAM, AESPA, ATEEZ, ZEROBASEONE, KISS OF LIFE เข้าร่วมงานในวันนั้นด้วย

แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อมีรายงานว่าหนึ่งในผู้ชมที่อยู่ติดรั้วแถวแรกชิดเวทีที่เหล่าไอดอลนั่งอยู่อุจาระใส่หลุม ซึ่งในหลุมนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่มารอเชียร์ไอดอล สร้างความโกลาหลไปทั้งงาน

แฟนคลับและศิลปินตรงนั้นกลายเป็นผู้ประสบภัย มีภาพของศิลปินที่เอามือปิดปากและจมูก เพราะน่าจะได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ออกมาเล่าว่า อยู่ข้างหลังคนที่อึแตก กำลังถ่ายรูปอยู่แทบอ้วก ต้องคอยตะโกนบอกคนข้างหลังว่าอย่าดัน มีอึ

ล่าสุด มีผู้ใช้ X บัญชีหนึ่ง อ้างว่าตนเองเป็นคนที่กระทำเหตุการณ์ดังกล่าว ทำไปโดยไม่ตั้งใจ รู้สึกผิดมากที่ทำลายวันดี ๆ ของทุกคน และพร้อมชดใช้ค่าเสียหาย หากทำให้เสื้อผ้าของใครเปื้อน

ก่อนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า เหตุการณ์นี้ อาจเกิดจากความตั้งใจก็เป็นได้ เพราะผู้ใช้ X รายนี้ ได้โพสต์คำว่า อึ ไปเมื่อ 3 วันก่อนที่จะจัดงาน

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวนี้กลายเป็นที่พูดถึงสนั่นในโลกโซเชียล ทั้งในเกาหลีใต้และต่างประเทศ เพราะเป็นเหตุการณ์สยองขวัญ ชวนช็อก ที่ไม่มีใครคาดว่าจะเกิดขึ้น

'ฝูเป่า' แพนด้ายักษ์ชื่อดัง เตรียมกลับ ‘จีน’ เม.ย.นี้ หลังอาศัยอยู่ที่ ‘เกาหลีใต้’ มานานเกือบ 4 ปี

(22 ก.พ.67) สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า แพนด้ายักษ์ ‘ฝูเป่า’ ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ที่เอเวอร์แลนด์ รีสอร์ต สวนสนุกในเมืองยงอินของเกาหลีใต้มานานเกือบ 4 ปี มีกำหนดถูกนำพากลับจีนในเดือนเมษายนนี้

ทั้งนี้ ฝูเป่า ซึ่งเกิดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2020 เปรียบเป็นดาราชื่อดังในเกาหลีใต้ ผู้สร้างความสุขใจแก่ผู้เยี่ยมชมนับไม่ถ้วนด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูและเสน่ห์เฉพาะตัว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top