Monday, 19 May 2025
เกาหลีใต้

‘ศาลสูงเกาหลี’ ตัดสินให้ ‘คู่รักLGBTQ’ ได้รับสิทธิด้านสุขภาพ เท่าเทียมคู่รักอื่น  ชี้!! มีคุณค่าในความเป็นมนุษย์ ควรได้รับสิทธิอย่างเท่าเทียม มีเสรีภาพในส่วนตัว

(21 ก.ค.67) ศาลสูงเกาหลีใต้ตัดสินว่า ให้คู่รักเพศเดียวกันมีสิทธิ ได้รับสวัสดิการจากประกันสุขภาพของรัฐ ซึ่งถือเป็นชัยชนะของสิทธิของกลุ่ม LGBTQ

คดีนี้ฟ้องโดย โซ ซองอุก และคิม ยองมิน คู่รักเกย์ที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียน ซึ่งการแต่งงานเพศเดียวกันในปี 2019 ถือว่าไม่ถูกกฎหมาย ทั้งคู่ได้ฟ้องสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (NHIS) เนื่องจากสำนักงานฯ ได้ระงับสิทธิประโยชน์คู่ครองของเขา หลังจากพบว่าทั้งคู่เป็นคู่รักเกย์

คำตัดสินในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ศาลชั้นสูงของโซลตัดสินให้คู่รักคู่นี้ชนะคดี โดยกำหนดให้ NHIS คืนสิทธิประโยชน์คุ้มครองให้กับคู่รักที่อยู่กินกันโดยไม่จดทะเบียนได้การอุทธรณ์คำตัดสิน ส่งผลให้คดีดังกล่าวต้องส่งเรื่องไปยังศาลฎีกา

ประธานศาลฎีกา โจ ฮีเด กล่าวว่า การปฏิเสธสิทธิประโยชน์ดังกล่าวแก่คู่รักเพศเดียวกันเพียงเพราะเรื่องเพศ ถือเป็นการเลือกปฏิบัติที่ละเมิดศักดิ์ศรีและคุณค่าของมนุษย์ สิทธิในการแสวงหาความสุข เสรีภาพในการมีความเป็นส่วนตัว และสิทธิที่จะได้รับความเท่าเทียมกันต่อหน้ากฎหมาย และการละเมิดดังกล่าวถือเป็นเรื่องร้ายแรง

‘เกาหลีใต้’ วุ่น!! คนในชาติคลั่งการเมืองหนัก สะเทือนลามเรื่องความรัก หลังผลโพล ชี้!! 58.2% ไม่อยากอินเลิฟกับคนเห็นต่างทางการเมือง

เมื่อวานนี้ (6 ส.ค. 67) นสพ.The Korea Herald ของเกาหลีใต้ รายงานข่าว 6 in 10 S. Koreans won't date across political lines: survey ระบุว่า เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2567 สถาบันสุขภาพและกิจการสังคมแห่งเกาหลี เผยแพร่ผลสำรวจกลุ่มตัวอย่างชาวเกาหลีใต้จำนวน 3,950 คน อายุระหว่าง 19 - 75 ปี ซึ่งดำเนินการเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา พบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 58.2 ไม่ต้องการสร้างความสัมพันธ์โรแมนติกกับบุคคลที่มีความเห็นทางการเมืองแตกต่างกัน

กลุ่มตัวอย่างกว่าร้อยละ 70 ยังคัดค้านการทำงานร่วมกับบุคคลที่มีความเชื่อทางการเมืองตรงข้ามกัน และร้อยละ 33 ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมงานสังสรรค์ทางสังคม กับคนที่มีมุมมองทางการเมืองตรงข้ามกัน และผลการสำรวจอื่น ๆ ยังแสดงให้เห็นว่า เกาหลีใต้กำลังประสบกับปัญหาประชาชนมีความแตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมืองอย่างมาก ซึ่งชี้ให้เห็นถึงรอยร้าวที่ลึกซึ้งขึ้นระหว่างกลุ่มเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยมในประเทศ

รายงานข่าว กล่าวต่อไปว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 92.3 มองว่าความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวามีนัยสำคัญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 87 ในปี 2561 โดยมีกลุ่มตัวอย่างเพียงร้อยละ 21 เท่านั้นที่ระบุว่าไว้วางใจรัฐสภา ส่วนความขัดแย้งอื่น ๆ ในสังคมเกาหลีใต้ที่ผู้ตอบแบบสอบถามระบุ ได้แก่ ระหว่างพนักงานประจำกับพนักงานชั่วคราว ร้อยละ 82.2 ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ร้อยละ 79.1 ระหว่างคนรวยกับคนจน ร้อยละ 78 และระหว่างบริษัทขนาดใหญ่กับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SME) ร้อยละ 71.8

โดยรวมแล้ว กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนความสามัคคีในสังคมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.2 จากระดับ 10 ซึ่งลดลงจาก 4.31 ในปี 2565 และ 4.59 ในปี 2564 ในขณะเดียวกัน ระดับความขัดแย้งทางสังคมโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 2.93 จาก 4 เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 2.88 ในปี 2561 อย่างไรก็ตาม นอกจากความแตกต่างทางสังคมและการเมืองแล้ว ระดับความพึงพอใจในชีวิตของแต่ละบุคคลกลับเพิ่มขึ้น โดยระดับความสุขโดยเฉลี่ยในระดับ 10 อยู่ที่ 6.76 เมื่อปี 2566 เพิ่มขึ้น 0.43 จุดจาก 6.33 ในปี 2564 ในทางกลับกัน ระดับภาวะซึมเศร้าลดลงเหลือ 2.57 เมื่อปี 2566 จาก 2.92 ในปี 2564

‘คุณแม่ฮันโซฮี’ ถูกจับกุมข้อหาเปิดบ่อนพนัน 12 แห่ง ด้านต้นสังกัด แถลง เป็นเรื่องส่วนตัว-ไม่เกี่ยวกับงานแสดง

(3 ก.ย. 67) เว็บไซต์ allkpop สัญชาติอเมริกัน ได้นำเสนอข่าวแม่ของ ‘ฮัน โซฮี’ นักแสดงคนดังของเกาหลีใต้ ถูกจับกุมข้อหาเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย ตามรายงานของ ‘ทีวี โชซอน’

โดยระบุว่า นางชิน (50 ปี) ถูกควบคุมตัวหลังถูกกล่าวหาว่าบริหารสถานประกอบการพนันผิดกฎหมาย 12 แห่ง ในเมืองต่าง ๆ ตั้งแต่ปี 2021 ในข่าวระบุต่อว่า นางชินถูกกล่าวหาว่าเป็น พร็อกซี หรือคนกลางควบคุมการดำเนินงาน โดยที่ลูกค้าเข้าถึงเว็บไซต์การพนันที่เธอดำเนินการเพื่อเล่นเกม เช่น บาคารา หลังจากซื้อเครดิตเกม

เมื่อตรวจสอบประวัติย้อนหลังของนางชิน เคยถูกฟ้องร้องในข้อหาฉ้อโกงอีกด้วย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ฮัน โซฮี เคยออกมายืนกรานว่าจะไม่ชดใช้หนี้ที่แม่ก่อไว้จากการหลอกเงินคนรู้จักมากถึง 85 ล้านวอน

ทั้งนี้ เมื่อมีนาคม 2565 เคยมียูทูบเบอร์รายหนึ่ง เผยว่า แม่ของฮันโซฮีถูกฟ้องร้องเนื่องจากโกงเงินคนอื่นไปมากกว่าสิบ ๆ ล้านวอน (ราว ๆ หลักหลายแสนบาทไทย) โดยแม่เป็นคนใช้บัญชีชื่อของฮันโซฮีในการดำเนินเรื่องทั้งหมด จึงทำให้ตัวของฮันโซฮีเองถูกฟ้องในข้อหาละเมิดพระราชบัญญัติธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ 

จากนั้นในเดือนกรกฎาคมของปีเดียวกัน ฮันโซฮี ได้ชี้แจงผ่านสื่อว่า แม่ของเธอได้ทำเรื่องขอยืมเงินโดยใช้ชื่อของเธอในการทำธุรกรรม “ฉันไม่ได้ติดต่อกับแม่เลย ฉันเลยเพิ่งรู้เรื่องที่เธอมีหนี้ตอนฉันอายุ 20 ปี” แล้วเธอก็พยายามจ่ายหนี้แทนแม่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อนที่เธอจะเริ่มทำงานวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว

"ฉันทราบว่าแม่ใส่ชื่อของฉันในเอกสารทางการเงินที่เป็นหนี้ต่าง ๆ โดยไม่บอกให้ฉันรู้ว่าชื่อของฉันได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับหนี้ก้อนโตที่ฉันจ่ายไม่ไหว ตอนนั้นฉันเองก็ยังเด็กมาก และจากการตัดสินใจที่ยังไม่มีวุฒิภาวะที่ดีพอของฉันในตอนนั้น ฉันคิดเพียงว่าหนทางเดียวสำหรับปัญหานี้คือการที่ฉันต้องใช้หนี้ทั้งหมดให้แม่เอง แต่สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็นว่าฉันทำให้เรื่องนี้บานปลายและมีคนตกเป็นเหยื่อมากขึ้น ฉันต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ"

ทางด้าน 9 Ato Entertainment ต้นสังกัดของฮันโซฮี ได้ออกแถลงการณ์ถึงกรณีข่าวของคุณแม่ของฮันโซฮี ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ว่า “เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแม่ของฮันโซฮีนั้น เป็นเรื่องส่วนตัวที่คุณแม่เป็นคนก่อขึ้นเอง และ ฮันโซฮีเองไม่สามารถอธิบายได้ว่าเธอรู้สึกเสียใจมากเพียงใด เมื่อได้ทราบเรื่องผ่านบทความข่าวจากสื่อ…

“ทางเราขอเรียนย้ำอีกครั้งว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนักแสดงแม้แต่น้อย และขออภัยที่ต้องนำเสนอข่าวส่วนตัวที่ไม่น่าพึงพอใจ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับผลงานของนักแสดง”

สำหรับ ‘ฮัน โซฮี’ เกิดที่เมืองอุลซาน พ่อแม่หย่าร้างกันตั้งแต่เธออายุ 5 ขวบ เธออยู่กับยาย และได้รับการเลี้ยงดูจากยายมาโดยตลอด เมื่อโตขึ้น ฮันโซฮี ตัดสินใจเดินทางเข้าโซล

เริ่มทำงานในร้านอาหาร งานพาร์ตไทม์ จนตัดสินใจออดิชันเริ่มรับงานโฆษณาเล็ก ๆ และได้โอกาสสำคัญในการเล่นซีรีส์ จนกลายเป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังจนถึงทุกวันนี้

ชาวเน็ตแดนกิมจิ โบ้ย!! #แบนเกาหลีใต้ ทำยอดคนไทยเที่ยวลดลง เดือด!! ชาวไทยยังย้ำ "อย่าไปเกาหลี ให้ไปญี่ปุ่นกับจีนดีกว่า"

เมื่อวานนี้ (2 ก.ย. 67) จากเพจ ‘World Forum ข่าวสารต่างประเทศ’ ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า...

คำที่ชาวเน็ต เกาหลีใต้โกรธ จากสื่อระบุว่า "สาเหตุที่นักท่องเที่ยวไทยลดลงมากเพราะมีแคมเปญ แบนเกาหลีใต้"

ในสื่อออนไลน์ ประเทศไทย คำที่ทำให้ชาวเน็ตเกาหลีโกรธ นอกจากแบนเกาหลีแล้ว นักท่องเที่ยวไทยยังบอกว่า "อย่าไปเกาหลีใต้เลย ไม่น่าสนใจ ไป ญี่ปุ่น กับ จีนดีกว่า สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจกว่าเยอะ" 

แน่นอนว่า เรื่องนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงในสื่อออนไลน์อีกครั้ง อาทิ...

โดยฟากที่เห็นด้วยกับเกาหลีใต้ มองว่า "ประเทศด้อยพัฒนาแบบไทยคนเกาหลีเขาดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ไปบ้านเขา คนไทยไม่ไปประเทศเขาไม่กระทบต่อเงินประเทศเขาด้วยซ้ำแค่ คนไทยไม่ไปสักคน เงินที่คนไทยไปเที่ยวเหมือนเศษเงินบ้านเขาแค่นั้นแหละ รายได้เกาหลีเขามาจากนู้น ผลิตและส่งออก  เรือเดินสมุทร รถยนต์ เครื่องจักร สินค้าประเภทอิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือสื่อสาร ผลิตชิป รถยนต์ อะไรนู้นประเทศหลังเขาด้อยพัฒนาแบบไทยไม่มีความสำคัญสำหรับเขาอยู่แล้ว"

ขณะที่กลุ่มแอนตี้เกาหลีใต้ มองว่า "ประเทศต้นตอของการ #ชอบบูลลี่ เป็นอาหารหลักคนรุ่นใหม่เกาหลีใต้ไม่รู้เหรอว่า ก่อนจะขายบันเทิง กับ หมอศัลย์ฯ ได้อย่างวันนี้ ประเทศเคยทำของเล่นสังกะสีก๊อบปี้ เสื้อผ้าก๊อบปี้ ส่งออกพอๆ กับไต้หวัน #ก่อนโดนจีนแดงถล่มตลาดยับ!!"

"เกาหลี ไปเที่ยวมาครั้งเดียว ไม่น่าเที่ยวเลย ญี่ปุ่น ผมไปมาสิบกว่าครั้ง และจะไปเรื่อยๆ จีนได้ไป 1 ครั้ง ชอบมากๆ อยากไปอีก"

นอกจากนี้ ยังมีการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกมากนับพันคอมเมนต์ในเพจดังกล่าวอีกด้วย

'นักข่าวเกาหลี' แซะไทย หลังมีกระแส #แบนเกาหลี ลั่น!! บอกคนไทยไม่มีเงิน แล้วเข้ามาทำอะไร?

(3 ก.ย. 67) เมื่อไม่นานมานี้ กระแส #แบนเกาหลี เริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังมีประเด็น ตม.เกาหลี ไล่นักท่องเที่ยวไทยกลับประเทศด้วยเหตุผลที่ตอบคำถามที่ทางเจ้าหน้าที่ถามนักท่องเที่ยวว่า “หน้าโรงแรมมีต้นไม้กี่ต้น และห้องพักมีสีอะไร” จุดชนวนให้ชาวเน็ตไทยเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันสนั่น

กระทั่งต่อมา มีคนพบว่า นักข่าวสาวรายหนึ่งของเกาหลีใต้ ได้ทำคอนเทนต์แซะชาวไทยถึงกระแสแบนเกาหลี

ในคลิปวิดีโอมีการล้อเลียนกระแสแบนเกาหลีของคนไทย และพูดประมาณว่า “ตอน ตม. ถามคนไทยว่ามาทำอะไร บอกมาเที่ยว แต่พอถามว่ามีเงินเท่าไหร่ ทำไมถึงไม่มีเงินล่ะ?” เป็นการสื่อว่าคนไทยมีนัยบางอย่างแอบแฝงในการเข้าประเทศเกาหลี

คลิปวิดีโอนี้มียอดชมมากกว่าแสนครั้ง และมีคนเข้าไปถล่มคอมเมนต์มากมาย โดยเฉพาะคนไทยที่ได้เห็นถึงกับทนไม่ไหว มองว่าหญิงรายนี้มีอาชีพในงานข่าว ควรทำหน้าที่อย่างเป็นกลางในการนำเสนอความจริง ตีแผ่ว่าเกิดอะไรขึ้นมากกว่า

จากนั้นก็กลายเป็นสงครามระหว่างชาวเน็ตเกาหลีและชาวเน็ตไทย ชาวเน็ตเกาหลีหลายคนกลับเห็นด้วยกับคลิปวิดีโอนี้ และเข้ามาดูถูกคนไทย ส่วนฝั่งไทยก็ไม่ยอมตอกกลับแบบเจ็บๆ

อย่างไรก็ตามการที่คนไทยจำนวนมากที่ไปแบบถูกกฎหมายกลับโดนปฏิเสธด้วยสาเหตุที่ไร้สาระ ย่อมจำเป็นต้องหาคำตอบ และต้องได้รับการแก้ไขจากรัฐบาลเกาหลี

ผู้ติดตามอินสตาแกรม ‘กามิน’ ลดฮวบ เหลือ 3.7 แสนคน จากเดิม 4.5 แสนคน

(9 ก.ย. 67) จากกรณีดรามาระหว่างสาวเกาหลีใต้ ‘จี กามิน’ กับอดีตคู่จิ้นอย่าง ‘แน็ก ชาลี ไตรรัตน์’ จนทำให้เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนักหน่วงในโลกออนไลน์ หลังฝ่ายชายออกมาไลฟ์แฉพฤติกรรมสารพัด

ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดผู้ติดตามอินสตาแกรมของฝ่ายหญิง @mmini.j ที่เคยมีคนติดตามประมาณ 4.5 แสนผู้ติดตามนั้น ในขณะนี้ปรากฏว่ายอดผู้ติดตามได้ลดลงมาเหลือเพียงประมาณ 3.7 แสนผู้ติดตาม เรียกว่าลดฮวบไปกว่า 8 หมื่นผู้ติดตามแล้ว

'หนุ่มสาวเกาหลีใต้' ลังเล!! การ 'แต่งงาน' มากขึ้น หลังเศรษฐกิจไม่แน่นอน-ราคาบ้านสูง-ว่างงานพุ่ง

(10 ก.ย. 67) สำนักข่าวซินหัว เผยว่า สำนักงานสถิติของเกาหลีใต้ที่ได้รายงานว่า คนหนุ่มสาวในเกาหลีใต้ลังเลจะแต่งงานกันมากขึ้นในปี 2022 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

รายงานระบุว่า คนหนุ่มสาวช่วงวัย 25-39 ปี ที่มีคู่สมรสคิดเป็นร้อยละ 33.7 ของประชากรทั้งหมดในกลุ่มอายุดังกล่าว มีจำนวนลดลงในปี 2022 โดยลดลง 2.4 จุดจากปีก่อนหน้า และต่ำกว่าปี 2020 ที่มีอยู่ร้อยละ 38.5 

ทั้งนี้ คนหนุ่มสาวในเกาหลีใต้เริ่มลังเลจะแต่งงานและมีลูกกันมากขึ้นท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เช่น ราคาบ้านที่อยู่อาศัยที่สูง ปัญหาการว่างงานที่หนักขึ้น และค่าใช้จ่ายทางการศึกษาที่สูง 

นอกจากนี้ ในปี 2022 ร้อยละ 74.7 ของคู่สามีภรรยาวัยหนุ่มสาวมีลูกอยู่ที่ร้อยละ 74.7 ลดลงจากปี 2021 ที่มีอยู่ร้อยละ 75.6 และร้อยละ 76.6 ในปี 2020

ส้วนตัวเลขสัดส่วนของผู้มีอายุ 25-39 ปี ที่ไม่มีคู่สมรสและอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในปี 2022 อยู่ที่ร้อยละ 50.6

'แรงงาน' แจ้งข่าว!! รับสมัครคนไทยไปทำงานที่เกาหลีใต้ เน้นแรงงาน 'ภาคเกษตร-ประมง' เงินเดือนสูงสุด 6.2 หมื่นบาท

(11 ก.ย. 67) นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางาน (กกจ.) เปิดรับสมัครคนไทยไปทำงานภาคเกษตรและประมงตามฤดูกาลในสาธารณรัฐเกาหลี จำนวน 2 ตำแหน่ง 15 อัตรา ได้แก่ คนงานเกษตรตามฤดูกาล ทำงานเพาะปลูกในไร่ และเพาะปลูกกระเทียม จำนวน 13 อัตรา เพศชาย 10 อัตรา เพศหญิง 3 อัตรา ค่าจ้าง 2,060,740 วอนต่อเดือน ประมาณ 52,343 บาท

คนงานประมงตามฤดูกาล ทำงานเพาะเลี้ยงพืชทะเล และเพาะเลี้ยงสาหร่าย จำนวน 2 อัตรา เพศชาย ค่าจ้าง 2,473,000 วอน หรือประมาณ 62,814 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 4 กันยายน 2567 : 1 วอน เท่ากับ 0.0254 บาท) มีระยะเวลาการจ้างงาน 5 เดือน และสามารถขยายระยะเวลาเพิ่มได้อีก 3 เดือน ผู้สนใจสามารถสมัครทางเว็บไซต์ toea.doe.go.th

โดยลงทะเบียนระบบอิเล็กทรอนิกส์การบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ กรอกข้อมูลเพื่อลงทะเบียนคนหางาน และดำเนินการสมัครไปทำงาน โดยเลือกหัวข้อ ‘สมัครไปทำงานโดยรัฐจัดส่ง’ และเลือกรายการ ‘การรับสมัครคนหางานเพื่อไปทำงานภาคประมงตามฤดูกาลในอำเภอโคฮึง จังหวัดชอลลานัม สาธารณรัฐเกาหลี’ ภายในวันที่ 11-13 กันยายน 2567 ตลอด 24 ชั่วโมง

“กระทรวงแรงงาน สนับสนุนให้คนไทยเดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมายมาโดยตลอด เพราะนอกจากทำให้แรงงานไทยมีโอกาสทางอาชีพ มีรายได้เพิ่มขึ้น สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตตนเองและครอบครัวได้แล้ว เม็ดเงินที่ได้รับยังถูกส่งกลับมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและยั่งยืนของประเทศไทยต่อไป แรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานด้วยวีซ่า E-8 ไม่ต้องทดสอบทักษะภาษาเกาหลี และผู้ที่เคยเดินทางไปทำงานแล้วยังสามารถไปซ้ำได้ในปีถัดไป เงื่อนไขนี้จะเปิดโอกาสให้คนไทยเดินทางไปทำงานเกาหลีใต้ได้มากขึ้น” นายพิพัฒน์กล่าว

ด้าน นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า สำหรับวิธีการคัดเลือกในครั้งนี้กรมการจัดหางานจะคัดเลือกคนหางานโดยการคัดเลือกจากใบสมัครและสัมภาษณ์ออนไลน์ หากผ่านการคัดเลือก จะส่งเอกสารให้อำเภอโคฮึงยื่นขอวีซ่าที่สาธารณรัฐเกาหลี

โดยผู้สมัครต้องมีอายุระหว่าง 25-39 ปี เป็นแรงงานเกษตร หรือประมงชาวไทย ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดยโสธร หรือจังหวัดสตูล และต้องมีประสบการณ์ด้านการเกษตรหรือประมงไม่น้อยกว่า 1 ปี มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นโรคติดต่อ เช่น วัณโรค ซิฟิลิส หรือเป็นผู้ติดยาเสพติด ไม่มีภาวะตาบอดสี ไม่มีประวัติอาชญากรรม หรือมีประวัติเข้าเมืองและพำนักผิดกฎหมายในสาธารณรัฐเกาหลี ไม่เป็นคนที่ให้กำเนิดบุตรไม่เกิน 1 ปี หรืออยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ ไม่เป็นบุคคลที่ถูกห้ามเดินทางเข้าสาธารณรัฐเกาหลี

“การรับสมัครเพื่อไปทำงานภาคเกษตรหรือประมงตามฤดูกาล ในอำเภอโคฮึง จังหวัดซอลลานัม สาธารณรัฐเกาหลี เป็นการจัดส่งไปทำงานโดยวิธีรัฐจัดส่งเท่านั้น คนหางานไม่ต้องสอบภาษาเกาหลี ไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปทำงานจ่ายเพียงค่าใช้จ่ายที่จำเป็น ได้แก่ ค่าทำหนังสือเดินทาง (กรณียังไม่มี) ค่าตรวจสุขภาพและตรวจสารเสพติด ค่าตรวจประวัติอาชญากรรม ค่าเดินทางไปสนามบิน ค่าโดยสารเครื่องบินไป-กลับ ค่าประกันการเดินทาง และค่าสมัครสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงาน รวมค่าใช้จ่ายประมาณ 35,000 บาท

หากมีผู้แอบอ้างว่าสามารถช่วยเหลือในการจัดหาและส่งแรงงานภาคเกษตรหรือประมงตามฤดูกาลไปทำงานในสาธารณรัฐเกาหลีได้ โปรดอย่าหลงเชื่อ ขอให้แจ้งและตรวจสอบข้อมูลกับกรมการจัดหางานก่อน” นายสมชายกล่าวและว่า

หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่กองบริหารแรงงานไทยไปต่างประเทศ ทางโทรศัพท์หมายเลข 0-2245-1034 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร 1694

'เกาหลีใต้' จับหมอมือแฉ!! ปล่อย Blacklist กลุ่มหมอกลับใจ เพียงเพราะเลือกกลับไปดูแลประชาชน ตีจากวงประท้วงรัฐบาล

กล้าแฉ ก็กล้าจับ เมื่อตำรวจเกาหลีใต้จับแพทย์ฝึกหัด 1 คน ที่ได้เผยแพร่รายชื่อกลุ่มแพทย์ฝึกหัดที่ไม่ยอมเข้าร่วมประท้วงนัดหยุดงาน หรือ เคยหยุดงานไปแล้ว และตัดสินใจกลับไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ ด้วยการประจานออกสื่อออนไลน์ Telegram เพื่อหวังให้เป็นบทลงโทษทางสังคมจากกลุ่มแพทย์รุ่นใหม่ที่ยังคงแสดงจุดยืนหยุดงานประท้วงรัฐบาล

นับเป็นเคสแรกที่หมอเกาหลีใต้ถูกจับ ตั้งแต่มีการนัดหยุดงานของกลุ่มแพทย์ฝึกหัดมากกว่า 80% ทั่วประเทศ ที่ประกาศทิ้งงาน-ลาออก เพราะไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลเกาหลีใต้ต้องการเพิ่มโควตาการรับนักศึกษาแพทย์ในมหาวิทยาลัยแพทย์กว่า 40 สถาบัน อีก 1,500 ที่นั่ง หรือเท่ากับภายในปี 2025 รัฐบาลเกาหลีใต้ตั้งเป้าที่จะเพิ่มนักศึกษาแพทย์เป็น 4,567 คน เพื่อรองรับสังคมสูงวัย และ ปัญหาขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 

ทว่าเรื่องดังกล่าวกลับเจอกระแสต่อต้านรุนแรงจากกลุ่มแพทย์ฝึกหัดจบใหม่ ที่มองว่าการเพิ่มจำนวนนักศึกษาแพทย์ส่งผลเสียต่อคุณภาพการศึกษา และรัฐบาลควรเพิ่มงบประมาณสนับสนุนสวัสดิการให้กับกลุ่มแพทย์ที่ทำงานในปัจจุบันมากกว่า 

เหตุการณ์นี้ลุกลามจนกลายเป็นการนัดหยุดงานประท้วงที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 6 เดือน และแม้รัฐบาลเกาหลีใต้จะส่งแพทย์ทหารเข้าไปเสริมในโรงพยาบาลต่าง ๆ ที่ขาดแคลนบุคลากรแพทย์อย่างหนัก แต่ก็ไม่อาจบรรเทาความปั่นป่วนจากการนัดหยุดครั้งใหญ่ของกลุ่มแพทย์ฝึกหัดเกือบหมื่นคนในคราวเดียวกันได้ และเป็นเหตุให้คนไข้ฉุกเฉินบางรายต้องเสียชีวิตเพราะหลายโรงพยาบาลมีแพทย์หน้างานไม่พอ 

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่รัฐบาลออกมาเรียกร้อง และ 'คาดโทษ' กลุ่มแพทย์ฝึกหัดที่ประท้วงหยุดงาน ก็เริ่มมีแพทย์หลายคนที่เปลี่ยนใจกลับมาทำงานเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และนั่นก็กลายเป็นชนวนให้กลุ่มแพทย์ที่ยังยืนหยัดประท้วง หันมาทำบัญชีรายชื่อ พร้อมประวัติส่วนตัว โดยจัดทำเป็น Blacklist ของ 'แพทย์ฝึกหัดแตกแถว' ที่ไม่ยอมเข้าร่วมประท้วง หรือ ตัดสินใจกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในโรงพยาบาลต่อ และปล่อยรายชื่อลงใน Telegram เพื่อหวังประจานแพทย์เหล่านี้ในฐานะ 'คนที่หักหลังเพื่อน' และถือเป็นแรงกดดันหมู่ในสังคมแพทย์เพื่อป้องกันคนแตกแถวเพิ่มขึ้นไปในตัว

แต่งานนี้ผู้แฉก็ไม่รอดเสียแล้ว เพราะเมื่อวันศุกร์ (20 ก.ย. 67) ที่ผ่านมามีการจับกุมแพทย์ฝึกหัด 1 คน ที่ระบุว่าเป็นคนปล่อย Blacklist ดังกล่าวลงในโลกออนไลน์ ซึ่งตอนนี้ถูกคุมขังในสถานีตำรวจแห่งหนึ่งในกรุงโซล

ทว่า 'ลิม ฮยุน-แท็ก' หัวหน้าสมาพันธ์แพทย์เกาหลีใต้ที่ได้ติดต่อขอพูดคุยกับแพทย์ที่ถูกจับกุม และออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ล้วนเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลเกาหลีใต้ ทั้งแพทย์ฝึกหัดที่อยู่ในรายชื่อบัญชีดำ รวมถึงแพทย์ที่ถูกจับกุมเพราะเผยแพร่รายชื่อนั้น ล้วนแต่เป็นเหยื่อของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ทั้งสิ้น

แต่มุมมองของหัวหน้าแพทย์ฯ ก็ไม่ใช่ในมุมมองของกฎหมาย เพราะแพทย์ฝึกหัด ที่ตอนนี้กลายเป็นผู้ต้องหาจะต้องถูกดำเนินคดีในความผิดข้อหาการสะกดรอย ที่คุกคามผู้อื่นด้วยการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคล อันได้แก่ ชื่อจริง สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ส่วนตัว หรือประวัติการศึกษา โดยไม่ได้รับความยินยอม

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้น เหยื่อที่น่าสงสารที่สุดในตอนนี้ ก็ไม่ใช่กลุ่มแพทย์ในหรือนอกบัญชีดำแต่อย่างใด หากแต่เป็นคนไข้ที่กำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์บุคลากรแพทย์ขาดแคลนอยู่ในขณะนี้ และถ้าปัญหาความขัดแย้งระหว่างองค์กรแพทย์และรัฐบาลยังคงดำเนินต่อไปใน ระบบรักษาสุขภาพถ้วนหน้าของเกาหลีใต้อาจเข้าใกล้คำว่าวิกฤติมากกว่าถึงฝั่งฝัน

คุณยายวัย 80 ปี ผงาดชิงมงเวที Miss Universe Korea ตอกย้ำนิยามความสวยในยุค 'สังคมไร้วัย-ไม่จำกัดอายุ'

อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่ใช่วลีที่มีไว้ปลอบใจคนวัยเกษียณอีกต่อไปแล้ว เมื่อ 'เช ซุน-ฮวา' คุณยายวัย 80 ปี ได้สร้างประวัติศาสตร์ ทะลุเข้าถึงรอบไฟนอล กลายเป็นหนึ่งในจำนวนสาวงาม 32 คน ผู้มีสิทธิ์ชิงมงกุฎ Miss Universe Korea ประจำปีนี้ และเป็นผู้เข้าประกวดที่มีอายุมากที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการจัดเวทีประกวดนางงามจักรวาลของเกาหลีใต้ในปี 1952 เป็นต้นมา

เช ซุน-ฮวา เกิดปี 1943 เรียกได้ว่าเป็นผู้เข้าประกวดในวัยยุคสงครามโลกคนเดียวในปีนี้ ที่ต้องมาแข่งขันกับสาวงามรุ่นหลานที่ตรงตามมาตรฐานความงามที่สังคมคุ้นชิน แต่สำหรับการประกวดในปีนี้ 2024 พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมาเนื่องจากกองประกวดได้ปรับเกณฑ์การรับสมัครใหม่ จากเดิมที่รับผู้สมัครที่มีอายุ 18-28 ปี กลายเป็น 18 ปีขึ้นไป ไม่จำกัดอายุขั้นสูง และไม่จำเป็นต้องเป็น 'สาวโสด'

กองประกวดนางงามจักรวาลของเกาหลีใต้ มีความตั้งใจที่จะปฏิวัติขนบธรรมเนียมเก่า ๆ ของเวทีประกวดนางงาม โดยต้องการชูประเด็นเรื่องความงามไม่จำกัดอายุ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฝันได้ และในปีนี้ ได้ยกเลิกการสวมชุดว่ายน้ำบนเวทีประกวด แต่จะเพิ่มการแข่งขันในส่วนของการแสดงความสามารถพิเศษ อาทิ การร้องเพลง เต้นรำเพลงพื้นบ้าน เดินแบบชุดประจำชาติ ฯลฯ โดยจะตัดสินผู้ชนะจากการประเมินของคณะกรรมการ ร่วมกับผลคะแนนโหวตจากผู้ชมทางบ้านด้วย

ด้าน คุณยาย เช ซุน-ฮวา ก็มีดีกรีไม่ธรรมดา เธอเคยทำอาชีพมาแล้วหลายอย่าง ตั้งแต่ เป็นสาวโรงงานทอผ้า ไปจนถึงผู้ดูแลผู้ป่วยและผู้สูงอายุตามสถานพยาบาลต่าง ๆ แต่ด้วยเสน่ห์ที่สวยสมวัย ทำให้มีคนไข้ที่เธอเคยดูแลยุให้เธอไปลองเป็นนางแบบดู 

คำแนะนำของคนไข้ทำให้เธอติดต่อเข้าไปหาโมเดลลิ่ง และสามารถเดบิวท์เป็นนางแบบสูงวัยได้สำเร็จจริง ๆ ตอนเธออายุ 75 ปี แถมยังได้ขึ้นเวทีเดินแบบในงาน Seoul Fashion Week ถ่ายโฆษณาเบียร์ยี่ห้อดัง และรับงานถ่ายแบบในนิตยสารแฟชันชั้นนำอย่าง Harper’s Bazaar และ Elle มาแล้ว 

เมื่อกองประกวด Miss Universe Korea ได้ประกาศยกเลิกข้อจำกัดเรื่องอายุ เช ซุน-ฮวา ตัดสินใจส่งใบสมัครทันที และสามารถผ่านเข้ามาถึงรอบ 32 คนสุดท้ายในการชิงมงกุฎนางงามเกาหลีใต้ ซึ่งเธอต้องการที่จะฉีกกฎเกณฑ์ของค่านิยมเรื่องความงามในสังคม และบอกกับชาวโลกดัง ๆ ว่า สาววัย 80 ก็สวย ฟิต สุขภาพดีได้

การเปลี่ยนแปลงบนเวทีประกวดนางงามนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่เกาหลีใต้ ล่าสุด บนเวทีประกวดนางงามจักรวาลของสิงคโปร์ ก็มีผู้เข้าประกวดที่อายุ 62 ปีร่วมเวทีด้วย และในปีนั้น ผู้ที่ได้รับตำแหน่งรองนางงามก็มีสถานะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว

และยังสะท้อนถึงการมาของยุคสังคมไร้วัย หรือ Perennial ที่คนทุกเพศ ทุกวัย มีอิสระในการใช้ชีวิต และ เลือกทำในกิจกรรมร่วมกันได้ เพราะวิวัฒนาการด้านการแพทย์ และ สังคมดิจิทัล ที่ทำให้ข้อจำกัดของอายุก็จะไม่ใช่เรื่องใหญ่อีกต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top