Thursday, 22 May 2025
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปผลการจับกุมการลักลอบเล่นพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์ ช่วงแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ตั้งแต่เริ่มแข่งขัน จับ 224 เว็บไซต์ ผู้ต้องหาทั้งออนไลน์และออนไซต์เกือบ 4,000 คน 

วันนี้ (13 กรกฎาคม 2567) พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำชับให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันในทุกมิติ ตลอดห้วงการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ครั้งที่ 17 หรือฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งมีขึ้นระหว่างในวันที่ 14 มิถุนายน ถึง 14 กรกฎาคม 2567 

ผลการจับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 ทั่วประเทศ ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 5 - 11 กรกฎาคม 2567 จับกุมผู้ต้องหารวม 666 คน แบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้รวม 462 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 5 คน , ผู้เล่น 456 คน , คนเดินโพย 1 คน เงินหมุนเวียน 48,013 บาท 
2. การจับกุมการพนันออนไลน์ สามารถจับกุมได้ 59 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 204 คน แบ่งเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน 54 คน , ผู้เล่น 150 คน เงินหมุนเวียนในระบบ 540,439,319 บาท

ภาพรวมสถิติการจับกุมการพนันออนไลน์และออนไซต์ ตั้งแต่เปิดศูนย์ฯ วันที่ 14 มิถุนายน ถึง 11 กรกฎาคม 2567 มีผลการจับกุมผู้ต้องหา รวม 3,863 คน แบ่งเป็น
1. การจับกุมการพนันออนไซต์ 3,017 คน แบ่งเป็น เจ้ามือ 50 คน , ผู้เล่น 2,944 คน , คนเดินโพย 23 คน เงินหมุนเวียน 443,655 บาท 
2. การจับกุมพนันออนไลน์ 224 เว็บไซต์ ผู้ต้องหารวม 846 คน แบ่งเป็น ผู้จัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ 145 คน , ผู้เล่น 701 คน เงินหมุนเวียนในระบบ 2,465,209,989 บาท โดยล่าสุดกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดปฎิบัติการ ทลาย 3 เครือข่ายเว็บพนันฟุตบอลยูโรรายใหญ่ พบเงินหมุนเวียนเดือนละกว่า 130 ล้านบาท

พล.ต.ท.อัคราเดชฯ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2024 ซึ่งจะมีการชิงชนะเลิศในวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลยูโร 2024 เดินหน้าปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทั้งออนไลน์และออนไซต์อย่างต่อเนื่อง ย้ำการพนันฟุตบอลมีความผิดตามกฎหมายในหลายมาตรา ทั้งผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ผู้เล่นพนัน และผู้โฆษณาชักชวน มีโทษหนักทั้งจำทั้งปรับ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

วันนี้ (17 กรกฎาคม 2567) เวลา 17.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในพิธีถวายราชสักการะและเจริญพระพุทธมนต์สมโภชนาค พิธีมอบบาตรและผ้าไตร โครงการ “อุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ณ มณฑลพิธีลานพระศรีมหาโพธิ์ และพิธีบรรพชาและอุปสมบท ณ พระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดโครงการ “อุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567” ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร โดยมีข้าราชตำรวจจากทั่วประเทศเข้าร่วมอุปสมบทในโครงการฯ จำนวน 73 นาย เพื่อเทิดพระเกียรติ และน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อันเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ซึ่งภายหลังการบรรพชาและอุปสมบทแล้ว คณะสงฆ์ทุกรูปจะศึกษาพระปริยัติธรรม ปฏิบัติศาสนกิจและปฏิบัติธรรม ณ วัดโบสถ์ อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ระหว่างวันที่ 18-31 กรกฎาคม 2567 

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงปัจจุบัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับวัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร ได้จัดโครงการอุปสมบทหมู่ข้าราชการตำรวจ รวม 22 โครงการ มีข้าราชการตำรวจเข้าร่วมอุปสมบท จำนวน 2,142 นาย โดยมุ่งหวังให้ข้าราชการตำรวจได้ร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงเพื่อให้ข้าราชการตำรวจได้บำเพ็ญคุณงามความดี  ถือเป็นโอกาสที่จะได้สร้างเสริมคุณธรรม จริยธรรม และพัฒนาจิตใจ อันจะก่อประโยชน์ให้กับตนเอง ครอบครัว และสังคมต่อไป

นายกรัฐมนตรีสั่งการเร่งด่วนศูนย์ไซเบอร์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เร่งปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน เข้ามาหลอกลวง สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนคนไทย ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทั้งในด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างมาก

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มอบหมายให้ พล.ต.ท.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศปอส.ตร. เปิดยุทธการ “ระเบิดสะพานโจร” โดยปฏิบัติการร่วมกับสำนักงาน กสทช. , ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เครือข่าย AIS  DTAC TRUE  NT และหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ โดยให้ตัดสัญญาณโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง ของไทยทั้งหมดที่คนร้ายลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง ที่คนร้ายลักลอบลักลอบนำมาใช้ในการเข้ามาหลอกลวง อย่างเด็ดขาด  

พล.ต.ท.ธัชชัย ฯ กล่าวว่า จะเริ่มกดปุ่มปฏิบัติการแรก 'ระเบิดสะพานโจร' ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งคนร้ายได้มีฐานปฏิบัติการในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ บริเวณโดยรอบคิงส์โรมัน ประเทศลาว โดยปัจจุบัน คิงส์โรมันเป็นสถานบันเทิงครบวงจรพร้อมมีสนามบินรองรับนักท่องเที่ยวจากไทย ลาว และเมียนมา ซึ่งปฏิบัติการดังกล่าวจะไม่มีผลกระทบต่อสุจริตชนตามแนวชายแดนไทย นอกจากนี้ จะมีการขยายผลจับกุมดำเนินคดีกับผู้ให้บริการที่ผิดกฎหมาย เช่น ตู้ซิมที่ช่วยเหลือกลุ่มคนร้ายในการลงทะเบียนซิมมาหลอกลวงประชาชน รวมทั้งจัดการกับกลุ่มคนร้ายที่เป็นชาวต่างชาติและคนไทยที่ร่วมกันมาหลอกลวงทำร้ายคนไทยด้วยกันให้ถึงที่สุด

สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมกับ 17 หน่วยงานทางการศึกษา ทำ MOU การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี มุ่งเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมทางเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มขีดความสามารถและพัฒนาศักยภาพบุคลากร เพื่อประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติ

วันนี้ (23 กรกฎาคม 2567) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้การต้อนรับผู้แทนหน่วยงานทางการศึกษา 17 หน่วยงาน ในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี ณ ห้องประชุมแจ้งยอดสุข ศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรและสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมี พล.ต.ท.ศิริพงษ์ ติมุลา ผู้บัญชาการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ท.อาคม ไตรพยัคฆ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนรองผู้บัญชาการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้แทนหน่วยงานทางการศึกษาทั้ง 17 หน่วยงาน ร่วมพิธี ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ , มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ , มหาวิทยาลัยมหิดล , มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , มหาวิทยาลัยบูรพา , มหาวิทยาลัยนเรศวร , มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ , สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ , มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย , มหาวิทยาลัยรังสิต , มหาวิทยาลัยกรุงเทพ , สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย , สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแหงชาติ และสมาคมปญญาประดิษฐ์ประเทศไทย ร่วมพิธี

การลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) เรื่องการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ร่วมกับหน่วยงานทางการศึกษา 17 หน่วยงาน เพื่อเป็นศูนย์กลางในการคิดค้น แลกเปลี่ยน นวัตกรรมทางเทคโนโลยีขั้นสูง อาทิ ระบบอัตโนมัติ (Automation) เทคโนโลยีหุ่นยนต์ (Robotics) ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการถ่ายทอดองค์ความรู้ทางด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีให้แก่สมาชิก เพิ่มจำนวนคุณภาพบุคลากรวิจัยและนวัตกรรม , เพื่อผลิตและพัฒนาศักยภาพของบุคลากรวิจัยและนวัตกรรมของประเทศที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ให้เพียงพอทั้งภาคการผลิต บริการ สังคม และชุมชน เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์ของเครื่องมือและการจัดการทรัพยากรร่วมกันระหว่างสมาชิกทุกฝ่าย สร้างความเชื่อมโยง ประสานงานกับหน่วยงานหรือเครือข่ายที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งเพื่อรวบรวม จัดทำฐานข้อมูลนักวิจัยด้านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีระหว่างสมาชิก

ผบ.ตร. กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีภารกิจสำคัญยิ่ง คือการปกป้อง เทิดทูน และพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ความสงบเรียบร้อย ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงการดูแลรับผิดชอบด้านการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งปัจจุบันสถิติการก่ออาชญากรรมด้านเทคโนโลยีมีแนวโน้มสูงขึ้น สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนเป็นจำนวนมาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการคิดค้น แลกเปลี่ยน และพัฒนาศักยภาพของบุคลากรด้านการวิจัยและนวัตกรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการเชื่อมโยงกับหน่วยงานหรือเครือข่ายที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันทั้งในและต่างประเทศ ให้สอดคล้องกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติต่อไป

ทั้งนี้ ภายในงานบริเวณห้องประชุมแจ้งยอดสุข หน่วยงานต่างๆ ได้มาออกบูทจัดแสดงผลงานทางด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีด้วย โดยในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน่วยงานที่มาจัดแสดง ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ,สำนักงานยุทธศาสตร์ตำรวจ ,ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธรภาค 1 , โรงพยาบาลตำรวจ และโรงเรียนนายร้อยตำรวจ นอกจากนี้ ยังมีบูทจัดแสดงผลงานของ 17 สถาบันการศึกษา และในส่วนภาคเอกชนที่มาร่วมจัดแสดง ได้แก่ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (AIS) , บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) , บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จํากัด (HUAWEI) , บริษัท ดิจิตอล ไดอาล็อก จำกัด (Digital Dialogue) , บริษัท ไอที กรีน จำกัด (มหาชน) (IT Green) และบริษัท ซัมซุง (ประเทศไทย) จำกัด (SAMSUNG)

สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงข่าวชี้แจงกรณีปรากฏภาพเสื้อเกราะของ ตร. ในสื่อสังคมออนไลน์ ยืนยัน ตร. จัดหาชุดเกราะกันกระสุนโดยยึดมาตรฐานสากล และคำนึงถึงปลอดภัยเป็นสำคัญ

สืบเนื่องจากกรณีที่ปรากฏภาพเสื้อเกราะของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในสื่อโซเชียลมีเดีย และมีการเสนอข้อมูลว่าเสื้อเกราะตัวดังกล่าววัสดุภายในทำด้วยไม้นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ทีมโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ชี้แจงกรณีดังกล่าว วันนี้ (24 กรกฎาคม 2567) เวลา 14.00 น. ณ ห้องสารสิน อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ , พล.ต.ต.นิรันดร ศิริสังข์ไชย ผู้บังคับการกองสรรพาวุธ , พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการพิสูจน์หลักฐานกลาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงข้อมูลผลการตรวจสอบมาตรฐานของเสื้อเกราะตัวตามภาพที่เป็นข่าว 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีนโยบายในการจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้เป็นไปตามคุณภาพและมาตรฐานสากล  โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรฐาน NIJ (National Institute of Justice) ประเทศสหรัฐอเมริกา ในการจัดหาเสื้อเกราะแต่ละครั้งนั้น ผู้ประกอบการที่เป็นคู่สัญญาจะต้องสามารถบอกแหล่งที่มาของแผ่นเกราะว่าผลิตที่ใด เมื่อใด และเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ ที่กำหนด ในการตรวจรับก็จะมีการยิงทดสอบด้วยกระสุนปืนในระยะห่างตามมาตรฐานที่ NIJ กำหนดด้วย อายุการใช้งานของเสื้อเกราะตามมาตรฐานของ NIJ ที่ได้กำหนดเพื่อรับรองประสิทธิภาพสูงสุดของแผ่นเกราะอยู่ที่ 5 ปี ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าเมื่อเกิน 5 ปีแล้วจะไม่สามารถกันกระสุนได้เลย เพียงแต่ประสิทธิภาพอาจลดลง ขณะเดียวกันก็พบว่ามีบางประเทศหรือผู้ผลิตที่กำหนด Lifespan ของเสื้อเกราะไว้มากกว่า 5 ปี นอกจากนั้น ในการจัดหาเสื้อเกราะ ยังได้กำหนดการประกันคุณภาพเสื้อเกราะ รวมทั้งประกันชีวิตและประกันการบาดเจ็บของผู้สวมใส่ไว้ตามระยะเวลาข้างต้นด้วย หากได้รับบาดเจ็บเป็นเงิน 500,000 บาท หรือเสียชีวิต เป็นเงิน 1,000,000 บาท 

สำหรับเสื้อเกราะที่ปรากฏตามภาพในโซเชียลมีเดีย ที่มีหมายเลขซีเรียลนัมเบอร์ 8A154338 นั้น เป็นเกราะที่ ตร. เคยใช้ในราชการ โดยเป็นหนึ่งในเสื้อเกราะที่ได้สั่งซื้อเมื่อเดือนเมษายน 2553  จำนวนทั้งสิ้น 650 ตัว (เป็นเสื้อเกราะพร้อมแผ่นเกราะแข็ง ระดับ 3 จำนวน 500 ตัว และเป็นเกราะอ่อน อีก 150 ตัว) โดยทุกตัวมีมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรฐานของ NIJ และวัสดุที่ใช้เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในขณะนั้น ราคาในการจัดซื้อสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่ และมีอายุการใช้งาน 5 ปี  ปัจจุบันเสื้อเกราะดังกล่าวเลิกใช้งานแล้ว โดยหมดอายุการใช้งานมาเป็นระยะเวลา 8 ปีแล้ว โดยหมดอายุการใช้งานเมื่อปี 2559 และอยู่ในระหว่างขั้นตอนการจำหน่ายและทำลายตามระเบียบราชการ (ยุทธภัณฑ์ของทางราชการซึ่งหมดอายุการใช้งานแล้วจะต้องนำไปทำลายตามที่ระเบียบกำหนด)  

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการยืนยันถึงวัสดุและมาตรฐานของเสื้อเกราะข้างต้น ตร. ได้มอบหมายให้สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.ตร.) นำเสื้อเกราะดังกล่าวไปตรวจทางเคมีในห้องปฏิบัติการ ผลการตรวจสอบพบว่า วัสดุภายในเป็นเส้นใย polyethylene ทับกันเป็นชั้นโดยในแต่ละชั้นใช้ตัวเชื่อมประสาน ซึ่งมีสเปคและคุณลักษณะถูกต้องตามสัญญาการจัดซื้อทุกประการ และเป็นไปตามมาตรฐาน NIJ รวมทั้งยังได้ทดสอบการยิงกระสุนจริงใส่เสื้อเกราะในล็อตเดียวกันที่ซื้อมาเมื่อ พ.ศ. 2553  อีกจำนวน 3 ตัว โดยใช้กระสุนขนาด 9 มม. , ขนาด .357 และ ขนาด .45  อย่างละ 3 นัด รวมจำนวน 9 นัด  ผลปรากฏว่า เสื้อเกราะทั้ง 3 ตัวสามารถกันกระสุนได้ทั้งหมด ไม่มีกระสุนนัดใดทะลุเสื้อเกราะ

การจัดหาเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีมาตรฐานเพื่อช่วยดูแลความปลอดภัยในการปฏิบัติหน้าที่ให้กับข้าราชการตำรวจ เป็นนโยบายสำคัญของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ที่มีความห่วงใยในสวัสดิการความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงานโดยตลอด  ตร.จึงได้กำหนดแผนการจัดหาเพิ่มเติมหรือการจัดหาเพื่อทดแทนของเก่าอย่างต่อเนื่อง การจัดหาครั้งล่าสุด เมื่อ พ.ศ. 2566 จำนวน 3,200 ตัว เป็นเสื้อเกราะอ่อนป้องกันกระสุนพร้อมแผ่นเกราะแข็ง ระดับ 3 และ ระดับ 4  สามารถป้องกันกระสุนปืนได้ตามมาตรฐาน NIJ  ได้แก่ กระสุนปืนพก ขนาด 9 มม. , .45 , .357 แม็กนั่ม นอกจากนั้น ตร.ได้ทำแผนการจัดหาในอนาคตเพื่อให้ครอบคลุมในการปฏิบัติงานของตำรวจทุกนายระหว่าง ปี 2567 - 2571  อีกปีละประมาณ 13,000 ตัว ซึ่งตามแผนการจัดหานี้ จะทำให้ผู้ปฏิบัติงานมีเสื้อเกราะใช้งานอย่างทั่วถึง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติยืนยันว่า ได้ดำเนินการจัดหาชุดเกราะกันกระสุนโดยยึดมาตรฐานสากลและคำนึงถึงความคล่องตัวสะดวกสบายของผู้ใช้งานตามภารกิจเป็นสำคัญ จึงขอแจ้งให้ข้าราชการตำรวจเชื่อมั่น และโปรดสวมใส่เสื้อเกราะกันกระสุนในการปฏิบัติหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อสร้างความปลอดภัยและป้องกันมิให้มีการสูญเสียจากการปฏิบัติงาน

รัฐบาลเชิญชวนประชาชนร่วมเฝ้าทูลละอองพระบาทรับเสด็จ และร่วมกิจกรรมเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมดูแลอำนวยความสะดวกประชาชนที่มาร่วมงาน

วันนี้ (27 กรกฎาคม 2567) เวลา 12.00 น. น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี , นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม , พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ , พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงการเตรียมความพร้อมด้านการประชาสัมพันธ์และการอำนวยความสะดวกให้กับพี่น้องประชาชน ในงานพิธีถวายเครื่องราชสักการะ และพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณท้องสนามหลวง 

รัฐบาลภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่าง ๆ จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยมีการจัดกิจกรรมตลอดเดือนกรกฎาคม 2567 ประกอบด้วย การจัดทําน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีพิธีพลีกรรมตักนํ้าจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์จากทุกจังหวัด มาประกอบพิธีเสกน้ำ เวียนเทียนสมโภชในแต่ละจังหวัด ก่อนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ดังกล่าวมาเก็บรักษาที่กระทรวงมหาดไทย และมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์ จากบริเวณถนนอัษฎางค์ กระทรวงมหาดไทย ไปยังวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร เพื่อทำพิธีเสกน้ำพระพุทธมนต์ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และในวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 เวลา 06.00 น. จะมีขบวนเชิญน้ำพระพุทธมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง

สำหรับวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม 2567 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะมีพระราชพิธีและกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ดังนี้ 
- เวลา 06.35 น. พิธีขบวนอิสริยยศ เชิญน้ำพระพุทธมนต์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร ไปยังพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง 
- เวลา 07.00 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์และทำบุญตักบาตร ถวายเป็นพระราชกุศล ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 07.45 น. พิธีถวายสัตย์ปฏิญาณเป็นข้าราชการที่ดีและพลังของแผ่นดิน ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 10.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคล ณ พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย พระบรมมหาราชวัง
- เวลา 12.00 น. 3 เหล่าทัพ ยิงสลุตหลวง หน่วยละ 21 นัด 
- เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทรงตั้งสมณศักดิ์จีน ญวน และพระสงฆ์ 
- เวลา 17.30 น. พิธีถวายเครื่องราชสักการะและวางพานพุ่ม ณ บริเวณท้องสนามหลวง 
- เวลา 19.19 น. พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล ณ บริเวณท้องสนามหลวง กรุงเทพมหานคร 
ในส่วนภูมิภาค จังหวัดต่างๆ จะมีการจัดกิจกรรมในลักษณะเดียวกันนี้ทั่วประเทศด้วย

นอกจากนี้ ประชาชนสามารถร่วมชมการแสดงสาธิตการเห่เรือเฉลิมพระเกียรติ แบบผูกทุ่น ซึ่งกองทัพเรือได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้เชิญเรือพระที่นั่ง จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช  ผูกทุ่นประกอบการแสดงกาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติ ณ ท่าราชวรดิฐ  เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ในวันที่ 28 และ 29 กรกฎาคม 2567 วันละ 2 รอบ รอบละ 25 นาที  โดยวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 จัดแสดงในเวลา 15.00 น. และ 20.30 น. ส่วนวันที่ 29 กรกฎาคม 2567 จัดแสดงในเวลา 17.00 น. และ 20.00 น. 

สำหรับการเดินทางร่วมพิธีต่างๆ นั้น ได้มีการจัดการโดยสารสาธารณะให้บริการฟรี เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ในการเดินทางไปร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พิธีเห่เรือพระราชพิธี และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 จากจุดต่างๆ เพื่อมายังบริเวณการจัดงาน ณ ท้องสนามหลวง ทั้งทางบก ทางราง และทางน้ำ ดังนี้

- องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดรถโดยสารเฉพาะกิจให้บริการฟรี (จอดรับ-ส่งทุกป้าย) ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ให้บริการตั้งแต่เวลา 14.00 - 21.00 น. หรือจนกว่าจะส่งประชาชนออกจากพื้นที่หมด จำนวน 5 เส้นทาง ได้แก่ 
1. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ฝั่งเกาะพญาไท) - สนามหลวง : จอดรับ – ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
2. สายใต้ใหม่ - สนามหลวง : จอดรับ - ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
3. หมอชิต 2 - สนามหลวง : จอดรับ - ส่ง บริเวณหน้าศาลฎีกา
4. วงเวียนใหญ่ - สนามหลวง : จอดรับ – ส่ง บริเวณตรงข้ามศาลฎีกา
5. เดินรถเป็นวงกลม เส้นทางสนามหลวง - ท่าช้าง – ท่าเตียน

- การรถไฟแห่งประเทศไทย จัดรถไฟขบวนรถพิเศษโดยสาร 3 เส้นทาง ให้บริการฟรี ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2567ได้แก่
เส้นทางที่ 1 : สถานีอยุธยา – สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีอยุธยา เวลา 13.35 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.20 น
เส้นทางที่ 2 : สถานีฉะเชิงเทรา – สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) โดยออกจากสถานีฉะเชิงเทรา เวลา 13.30 น. และออกจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) เวลา 22.25 น.
เส้นทางที่ 3 : สถานีนครปฐม - สถานีธนบุรี โดยออกจากสถานีนครปฐม เวลา 14.00 น. และออกจากสถานีธนบุรี เวลา 22.00 น.

- กรมเจ้าท่า จัดบริการเรือข้ามฟากและเรือด่วนอำนวยความสะดวกประชาชน ในวันที่ 28-29 กรกฎาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 15:00 น จนกว่าจะแล้วเสร็จ 
บริการเรือข้ามฟาก : ไป-กลับ ระหว่างท่าเรือวัดระฆังฯ (ฝั่งธน) - ท่าเรือท่าช้าง 
บริการเรือโดยสาร : กรมเจ้าท่า ร่วมกับบริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด บริการเรือฟรีรับส่งประชาชน ไป-กลับท่าเรือสาทร - ท่าเรือกรมเจ้าท่า - ท่าเรือราชินี - ท่าเรือท่าเตียน

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การดูแลพี่น้องประชาชนที่เดินทางมาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ พิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พิธีเห่เรือพระราชพิธี และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยในการดูแลอำนวยความสะดวกพี่น้องประชาชนที่เดินทางจากจังหวัดต่างๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้มอบหมายตำรวจภูธรจังหวัดต่างๆ รับผิดชอบในการประสานงานและจัดรถนำเพื่อความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพื้นที่จุดจอดรถพักคอยรอบนอกกรุงเทพมหานคร ได้จัดเตรียมไว้จำนวน 3 จุด ได้แก่ วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี , ลานจอดรถพุทธมณฑลสาย 4 และลานจอดรถ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) พระราม 9 โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดเตรียมรถนำจากกองบังคับการปราบปราม กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจท่องเที่ยว และกองบังคับการตำรวจจราจร ร่วมภารกิจนำรถขบวนพี่น้องประชาชนที่แสดงความประสงค์มาร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ จากต่างจังหวัด และนำส่งยังภูมิลำเนาหลังเสร็จสิ้นภารกิจ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด ในส่วนของพื้นที่เส้นทางในกรุงเทพมหานครบริเวณโดยรอบพิธีต่างๆ นั้น กองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดเตรียมกำลังพลทั้งในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตำรวจจราจร เพื่อดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการจราจรอย่างเต็มที่ พร้อมจัดเตรียมช่างซ่อมแซมรถ รถเคลื่อนย้ายยานพาหนะ เพื่อแก้ไขปัญหากรณีเกิดอุบัติเหตุ รถเสีย รวมทั้งจัดสายตรวจจราจรเพื่อให้เข้าช่วยเหลือพี่น้องประชาชนกรณีเร่งด่วน เพื่อให้สามารถให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชนได้ในทันท่วงที

โอกาสนี้ ขอเชิญชวนประชาชนชาวไทยทุกท่านสวมใส่เสื้อสีเหลืองตราสัญลักษณ์ ร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ร่วมประดับธงตราสัญลักษณ์ตามอาคารบ้านเรือน เจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล และร่วมจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล พร้อมกันทั่วประเทศในเวลา 19.19 น. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยที่กรุงเทพมหานคร จัดที่ท้องสนามหลวง และต่างจังหวัดจัดในสถานที่ที่ทางจังหวัดกำหนด 

รรท.รอง ผบ.ตร. หารือหน่วยงานความมั่นคง สาธารณรัฐประชาชนจีน มุ่งยกระดับความร่วมมือ เพิ่มประสิทธิภาพการปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภูมิภาค

ที่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งให้ความสำคัญในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและแก้ไขปัญหาความมั่นคงทุกประเภท สมควรที่จะแสวงหาความร่วมมือ แลกเปลี่ยนข้อมูลและร่วมบูรณาการปฏิบัติกับหน่วยงานความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน ในระดับพหุภาคีและระดับสากล

พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. เป็นผู้แทน ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ที่ปรึกษา ผบ.ตร.ด้านต่างประเทศ, พล.ต.ต.วรวัฒน์ อมรวิวัฒน์ รอง ผบช.ส., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.ประจำ บช.ก. และเจ้าหน้าที่ ตท. ให้การต้อนรับ นายหู ปินเฉิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, นายอู๋ จืออู่ อัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย, นายหนิว ไห่เฟิง รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ, นายหวาง เทา ผอ.สำนักงานต่อต้านการก่อการร้าย, นางหลิว ต้านลู่ ผอ.สำนักงานกฎหมาย และคณะ ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับ ตร. ณ ห้องพรหมนอก อาคาร 1 ตร.

ผลการหารือข้อราชการ ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันใน 4 ประเด็น ดังนี้
1.เร่งรัดขยายขอบเขตแห่งความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยต้องมีแผนปฏิบัติความร่วมมือให้ชัดเจน
2.ความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเน้นอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซนเตอร์ และฉ้อโกงออนไลน์
3.ฝ่ายจีนร้องขอให้จับกุมชาวจีนที่กระทำผิด กลับไปดำเนินคดีที่จีน โดยคดีสำคัญให้ใช้การส่งผู้ร้ายข้ามแดนส่วนคดีอื่นๆให้พิจารณาใช้การผลักดัน 
4.คณะตำรวจจากมณฑลกวางตุ้งจะมาเยือนไทย ในเดือน ส.ค.67 เพื่อกระชับความร่วมมือระหว่าง ตร.จีน และ ตร.ไทย โดยเน้นย้ำให้ความสำคัญในการแลกเปลี่ยนด้านเทคโนโลยีที่ทันสมัยระหว่างกัน

พล.ต.ท.ประจวบฯ รรท.รอง ผบ.ตร. กล่าวทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับทุกประเทศสมาชิก ตลอดจนหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและระหว่างภูมิภาค ที่จะส่งเสริมความร่วมมือทั้งในระดับพหุภาคีและระดับสากล เคียงข้างและร่วมมือกันป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและปัญหาความมั่นคงทุกประเภท นำไปสู่ความสำเร็จในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทุกประเภทในภาพรวม เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนมีความปลอดภัย มีสันติภาพและความมั่นคงอย่างยั่งยืน

สตม.รวบแล้ว!! ขบวนการขนคนต่างด้าวขึ้นเหนือล่องใต้อ้างโปรไฟล์รับขนส่งทั่วไทย

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.รรท.รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด

วันนี้ (5 ส.ค. 67) เวลา 11.00 น. ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ปิติ นิธินนทเศรษฐ์ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.เกติ์ฉกาจ นิลประดับ ผบก.ตม.5, พล.ต.ต.ทรงโปรด สิริสุขะ ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.เอกกร บุษบาบดินทร์ รอง ผบก.ตม.5, พ.ต.อ.ศุภโชค หยงสตาร์ รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.เฉลิมชนม์ แหลมทอง รอง ผบก.ตม.6, พ.ต.อ.ชินวุฒิ ตั้งวงษ์เลิศ ผกก.ตม.จว.สงขลา, พ.ต.อ.ชูวงษ์ อุทัยสาง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิเษก ปิศโน ผกก.ตม.จว.น่าน, พ.ต.ท.พิระวัตร์ วงศ์ศิริเมธีกุล สวญ.ตม.จว.ชุมพร ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

สตม.รวบแล้ว!! ขบวนการขนคนต่างด้าวขึ้นเหนือล่องใต้อ้างโปรไฟล์รับขนส่งทั่วไทย
ตม.จว.น่าน ร่วมกับ ตม.จว.สุรินทร์ จับกุม นายหนูเรียง (สงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี สัญชาติไทย ตามหมายจับของศาลจังหวัดน่าน ที่ จ.34/2567 ลงวันที่ 15 มี.ค.2567 ในความผิดฐาน ร่วมกันกระทำความผิดฐาน (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืน พ.ร.บ.คนเข้าเมืองฯ ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุมบริเวณถนนสาธารณะคุ้มวัดกลาง หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์

จากกรณี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.2567 เวลาประมาณ 20.00 น. ตม.จว.น่าน ร่วมกับ นปพ.กก.สส.ภ.จว.น่าน ประจำจุดตรวจห้วยน้ำอุ่น จับกุมนายจิระวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี พร้อมคนต่างด้าว สัญชาติกัมพูชา จำนวน 6 คน ในความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดำเนินคดีตามกฎหมายนั้น จากการสอบถาม นายจิระวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่าได้รับงาน รับ-ส่ง คนต่างด้าวจากนายหนูเรียง ตกลงค่าจ้างไว้เป็นจำนวน 18,000 บาท ให้ไปส่งคนต่างด้าวจำนวน 6 คน จากต้นทาง อ.เชียงม่วน จว.พะเยา ปลายทางบริเวณชายแดนบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จว.จันทบุรี และจะได้รับค่าจ้างหลังจากส่งตัวคนต่างด้าวที่ปลายทางแล้ว โดยใช้แอพพลิเคชั่น Zello และ Line พูดคุยติดต่อกับนายหนูเรียง เพื่อนัดแนะถึงรายละเอียดในการ รับ-ส่ง คนต่างด้าวรวมถึงค่าตอบแทนจากนายหนูเรียง จึงได้ทำการสืบสวนขยายผลพบว่านายหนูเรียง มีพฤติกรรมในการลักลอบรับ-ส่ง คนต่างด้าวไปทั่วราชอาณาจักร และได้ลักลอบขนส่งคนต่างด้าวไปยังพื้นที่ภาคใต้ นอกจากนี้ยังพบว่านายหนูเรียงเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสง ในข้อหา “ให้ที่พัก ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ แก่คนต่างด้าวที่เข้าเมืองมา โดยผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุม” จำนวน 1 หมาย ตม.จว.น่าน จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน

เพื่อขออนุมัติศาลจังหวัดน่าน ออกหมายจับ นายหนูเรียงฯ ในข้อหา “ร่วมกันกระทำความผิด (ผู้ใช้) รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ช่อนเร้น หรือช่วย ด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม" ต่อมาจากการสืบสวนทราบว่านายหนูเรียง ได้หลบหนีคดีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ หมู่ 9 ต.รัตนบุรี อ.รัตนบุรี จว.สุรินทร์ จึงได้ไปประสานงานกับ ตม.จว.สุรินทร์ เข้าตรวจสอบและจับกุม นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เวียงสา จว.น่าน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าว การแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทย-มาเลเซีย ชิงถ้วย 'รุจิรวงศ์' ครั้งที่ 35 เพื่อสานสัมพันธภาพระหว่างสองประเทศที่มีมากว่า 6 ทศวรรษ

วันนี้ (7 สิงหาคม 2567) เวลา 13.00 น. พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานจัดการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย พร้อมด้วยพล.ต.ต.เทอดศักดิ์ รุจิรวงศ์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ แถลงข่าวการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลประเพณีตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 

สำหรับการแข่งขันกีฬารักบี้ประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ซึ่งมีการจัดการแข่งขันครั้งแรกเมื่อปีพุทธศักราช 2504 ในยุคสมัยของ พล.ต.อ.ประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจ จวบจนถึงปัจจุบันมีการจัดการแข่งขันมาแล้วถึง 34 ครั้ง รวมระยะเวลายาวนานกว่า 63 ปี โดยจะมีการหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ซึ่งในการแข่งขันกีฬารักบี้ฟุตบอลชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซียได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันขึ้นในระหว่างวันที่ 13-16 สิงหาคม 2567 ซึ่งจะมีการแข่งขันจริงในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ณ สนามกีฬาฮังตูวะห์ เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย โดยแบ่งการแข่งขันออกเป็น 2 ประเภท คือ 
1. การแข่งขันชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ประเภทอายุไม่เกิน 45 ปี 
2. การแข่งขันชิงถ้วย “Razarudin Cup” ประเภทอาวุโส อายุเกิน 45 ปีขึ้นไป

ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนพี่น้องประชาชน และข้าราชการตำรวจ ร่วมรับชมและส่งกำลังใจแก่นักกีฬาตำรวจไทย ในการแข่งขันรักบี้ฟุตบอลประเพณีระหว่างตำรวจไทยและตำรวจมาเลเซีย ชิงถ้วย “รุจิรวงศ์” ครั้งที่ 35 ในวันที่ 15 สิงหาคม 2567 ณ สนามกีฬาฮังตูวะห์ เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย ผ่านเพจเฟซบุ๊ก “Royal Thai Police Club”

สำนักงานตำรวจแห่งชาติจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567

วันนี้ (9 สิงหาคม 2567) เวลา 08.00 น. พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานกิจกรรมเนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 ณ อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยคุณนิภาพรรณ สุขวิมล นายกสมาคมแม่บ้านตำรวจ , ผู้บังคับบัญชาระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , คณะสมาคมแม่บ้านตำรวจ และข้าราชการตำรวจในสังกัดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมพิธี

เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 92 พรรษา 12 สิงหาคม 2567 สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดให้มีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ ฯ ด้วยความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ โดยพิธีต่างๆ ประกอบด้วย พิธีเจริญพระพุทธมนต์ถวายพระพรชัยมงคล , พิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 93 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล และพิธีถวายพระพรชัยมงคลและลงนามถวายพระพร

ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสอันเป็นมหามงคล สำนักงานตำรวจแห่งชาติขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนข้าราชการตำรวจ ลูกจ้างในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และประชาชนทุกหมู่เหล่าร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2567 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์  ระหว่างวันที่ 11-13 สิงหาคม 2567 https://wellwishes.royaloffice.th/


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top