Monday, 29 April 2024
รถไฟฟ้า

เปิดมุมมืดในอเมริกา อันตราย ต้องระวังตัวไว้  ต้องมีสติในการท่องเที่ยว และต้องดูแลตัวเองให้ดี

ผู้ใช้ TikTok ที่มีชื่อว่า bemolibeam (เบโมลิบีม) ได้โพสต์คลิปสั้น เกี่ยวกับ ประสบการณ์ส่วนตัวที่ได้เดินทางไปท่องเที่ยวที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีใจความว่า ...

รวมมุมมืดในอเมริกา 
1 ทุบรถคือเรื่องปกติ สามารถพบเจอเศษกระจกได้โดยทั่วไปแจ้งตำรวจก็ไม่ได้ความคืบหน้า ไม่ค่อยจะได้อะไรเท่าไหร่ ที่ท่องเที่ยว แม้จะคนเยอะแต่ก็ไม่ปลอดภัย อาจจะต้องจ้างคนเฝ้ารถไว้ตลอดเวลา เราจึงไม่ควรเลือกขับรถเที่ยวที่ซานฟรานซิสโก 
2 คนไร้บ้านคือเรื่องปกติ สามารถพบเจอคนไร้บ้านทะเลาะกับคนกวาดถนนได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะทำอะไรเราเท่าไหร่ แต่ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง เพราะบางคนอาจจะมาตื้อขอเงิน 
3 รถไฟฟ้าใต้ดินเก่าและน่ากลัวมากๆ เป็นที่เสียขวัญของเรามากที่สุด จากประสบการณ์ที่ได้เข้าเมืองมาจากสนามบิน ก็ได้พบเจอกับแก๊งคนผิวสีที่ถือวิทยุและเปิดเพลงดังๆ กำลังรีดไถเงินคนอเมริกา อยู่ 
4 ถนนไม่ค่อยสะอาด สามารถเจอเศษอาหาร คราบขนม หรือบางครั้งก็เป็นรอยของสีที่คนเอามาสาดเล่น 
5 บางครั้งย่านอันตรายก็อยู่ติดกับย่านที่ปลอดภัยแค่เพียง 1 ช่วงตึก 
6 ป้ายรถเมล์ไม่มีบอกว่าเป็นป้ายรถเมล์ มีแค่กระดาษติดไว้แค่แผ่นเดียว ถ้าไม่มองให้ดีก็จะไม่เห็น 
7 อย่าเดินคนเดียวตอนกลางคืนเพราะยิ่งดึกยิ่งไม่ปลอดภัย 
8 เจอรถตำรวจเปิดไซเรนวิ่งอยู่ตลอดเวลา สำหรับที่นี่คือเรื่องปกติเพราะอาชญากรรมเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ต้องดูแลตัวเองให้ดี 
9 ตามสถานที่ท่องเที่ยวชอบมีคนมาพ่นสี เลยทำให้สถานที่สวยงามต้องเสียไปหมด 

และนี่คือตัวอย่างแต่ถ้ามีสติและดูแลตัวเองให้ดี ก็ไม่ได้น่ากลัวอะไรมาก

‘ฟอร์ด’ เตือน ให้เตรียมพร้อมรับมือ รถอีวีจากจีน บุกสหรัฐฯ ชี้อเมริกายังผลิตสู้ไม่ได้

นายบิลล์ ฟอร์ด จูเนียร์ ประธานกรรมการบริหารของฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ในรายการ “ฟารีด ซาคาเรีย จีพีเอส” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเมื่อวันอาทิตย์ (18 มิ.ย.) ว่า สหรัฐฯ ยังไม่มีความพร้อมที่จะผลิตรถอีวีออกมาแข่งขันกับจีน ซึ่งมีการพัฒนาอย่างขนานใหญ่ไปรวดเร็วมาก และขณะนี้กำลังมีการส่งออกแล้ว โดยถึงแม้รถอีวีจากแดนมังกรยังไม่บุกตลาดสหรัฐฯ แต่สักวันหนี่งก็จะมาแน่ๆ ซึ่งสหรัฐฯ ต้องเตรียมตัวให้พร้อม และบริษัทของเขากำลังเตรียมการสำหรับการแข่งขันเช่นกัน

ผู้เป็นเหลนของนายเฮนรี ฟอร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทรถยนต์ฟอร์ด หมายถึงโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า มูลค่า 3,500 ล้าน ซึ่งเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา บริษัทฟอร์ดได้ประกาศแผนการลงทุนก่อสร้าง แต่ทำให้เกิดข้อถกเถียงในหมู่นักการเมืองสหรัฐฯ เนื่องจากฟอร์ดมีการทำข้อตกลงที่จะใช้เทคโนโลยีจากบริษัทคอนเทมโพรารี แอมเพอเร็กซ์ เทคโนโลยี (Contemporary Amperex Technology หรือ CATL) ผู้ผลิตแบตเตอรี่ของจีน โดยวุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ ขอให้รัฐบาลของประธานาธิบดี โจ ไบเดน พิจารณาทบทวนการทำข้อตกลงนี้

นายฟอร์ด จูเนียร์ ชี้แจงในรายการว่า โรงงานผลิตแบตเตอรี่ที่รัฐมิชิแกนจะเป็นโอกาสให้วิศวกรของฟอร์ดได้เรียนรู้เทคโนโลยีและสามารถนำมาใช้ด้วยตนเอง โดยบริษัทฟอร์ดเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้แต่ผู้เดียว อีกทั้งบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อได้รับสิทธิในการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวด้วย นอกจากนั้น เขายังคัดค้านความคิดที่ว่า การมีฐานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ จะทำให้รถยนต์มีราคาสูงขึ้น แต่กลับเห็นว่า จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นายจิม ฟาร์ลีย์ ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของฟอร์ด เคยออกมาเตือนครั้งหนึ่งแล้วเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ผู้ผลิตรถอีวีของจีนคือคู่แข่งสำคัญของสหรัฐฯ ไม่ใช่บริษัทจีเอ็ม หรือโตโยต้า ฉะนั้น ฟอร์ดจึงจำเป็นต้องสร้างแบรนด์ที่โดดเด่น หรือผลิตรถราคาถูกกว่าเพื่อเอาชนะคู่แข่ง

ทั้งนี้ ตลาดรถอีวีในยุโรปถูกจีนบุกไปเรียบร้อยแล้ว โดยรถยนต์ผลิตในจีนที่ขายส่วนใหญ่เป็นรถอีวีจากบริษัทเทสลา ส่วนแบรนด์รถยุโรป ซึ่งถูกบริษัทจีนซื้อกิจการ เช่น วอลโว และเอ็มจี หรือรถแบบอื่นๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าของดาเซียสปริง (Dacia Spring) หรือบีเอ็มดับบลิว ไอเอ็กซ์3 (BMW iX3) ก็ผูกขาดผลิตอยู่แต่ในจีนเท่านั้น

นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา รถยนต์ที่ผลิตในจีนมีการส่งออกเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าถึงกว่า 2 ล้าน 5 แสนคันเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการท้าทายชาติผู้ส่งออกแต่เดิมมา เช่น เยอรมนี โดยจีนเตรียมขึ้นแท่นชาติผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ซึ่งอาจทำให้โฉมหน้าอุตสาหกรรมรถยนต์ในโลกเปลี่ยนไป

เปิดมุมมอง ‘นักธุรกิจจีน’ ยึดปรัชญา ซื่อสัตย์-ร่วมมือ มอง เทคโนโลยีเอไอ-หุ่นยนต์ กำลังเข้ามามีอิทธิพล เปลี่ยนชีวิตและธุรกิจ

เปิดมุมมอง “นักธุรกิจจีน” ผู้บริหารจากหลากหลายบริษัทชั้นนำร่วมแบ่งปันประสบการณ์ ภูมิปัญญา แนวความคิดการทำธุรกิจ ในหัวข้อเสวนา “แนวความคิดและภูมิปัญญาการดำเนินธุรกิจของนักธุรกิจชาวจีน” ภายในงาน ประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention - WCEC) ครั้งที่ 16 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
คว้าโอกาสทอง ‘อาเซียน’

เกา เฉวียน ชิ่ง ประธานหอการค้าสิงคโปร์-จีน กล่าวว่า แนวการทำธุรกิจที่ดีต้องประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ให้ความสำคัญกับคุณค่าของคน ภายใต้แนวคิดที่สอดคล้องไปกับปรัชญา ตำราพิชัยสงครามของจีน ที่ให้ความสำคัญกับการฝึกฝน ความซื่อสัตย์ จงรักภักดีต่อประเทศชาติ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน กล้าคิด มีความคิดริเร่ิมสร้างสรรค์ ตอบแทนสังคม เพื่อทำให้สังคมโดยรวมมีความสงบสุข

เช่นที่สิงคโปร์ที่วันนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากความซื่อสัตย์ การสร้างความไว้วางใจต่อลูกค้า คู่ค้า การตอบแทนสังคม รวมถึงความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ โดยแนวคิดดังกล่าวจะมีการสืบทอดและส่งต่อไปสู่คนรุ่นหลังต่อๆ ไป
“หากเรามีการสืบสานแนวคิดและยึดถือหลักการเช่นนี้ต่อไปจะสามารถเติบโตและคงอยู่ได้อย่างยั่งยืน ในอีกทางหนึ่งไม่ใช่แค่เพื่อธุรกิจ แต่เป็นรากฐานของการสร้างชาติและทำให้งานต่างๆ บรรลุตามวัตถุประสงค์ เชื่อว่าภูมิปัญญาที่ถูกต้องจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่ช่วยสร้างความสำเร็จ ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา”

ในยุคทองของการเติบโต ภูมิภาคอาเซียน ทุกภาคส่วนควรให้ความสำคัญกับความซื่อสัตย์ไว้วางใจ จับมือไปด้วยกันเพื่อเสริมจุดแข็ง แบ่งปันและคว้าโอกาสทองของการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค

นอกจากนี้ การพัฒนาเศรษฐกิจต้องมีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ ส่งเสริมให้ทุกกลุ่มทุกประเทศมีการพัฒนาที่สอดคล้องกันไป ลดความเหลื่อมล้ำ ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐเพื่อสร้างความเสมอภาค สร้างความปรองดอง ส่งเสริมให้นักธุรกิจจีนทั่วโลกร่วมมือกัน
สุดท้าย เสริมสร้างจิตวิญญาณในการสร้างนวัตกรรม เพื่อรับมือกับความท้าทายด้านภูมิอากาศ ลดการใช้พลังงาน เดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้เป้าหมายที่มีความชัดเจนเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวอย่างเป็นรูปธรรมผลักดัน ‘แพทย์แผนจีน’ สู่สากล
หลี ฉู่ หยวน ประธานกรรมการ บริษัท กว่างโจวฟาร์มาซูติคอลกรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า จีนและไทยเป็นสองประเทศที่มีมิตรภาพที่ลึกซึ้งต่อกันมาอย่างยาวนาน

สำหรับจีน ไทยนับเป็นเพื่อนร่วมชะตาเดียวกัน ซึ่งที่ผ่านมามีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและสานสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมาโดยตลอด กว่างโจวฟาร์มาซูติคอลเองให้ความสำคัญอย่างมากกับตลาดไทย และขณะนี้มีหลายผลิตภัณฑ์ที่นำเข้ามาทำตลาด
อย่างไรก็ดี จากไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่ต่างต้องรับมือกับการแพร่ระบาดโควิด ทำให้ทุกฝ่ายมีการร่วมมือกัน นอกจากด้านการแพทย์ให้ความสำคัญกับปรัชญาการใช้ชีวิต เรื่องการมีชีวิตที่ยืนยาว มีคุณภาพ และมีความสุข

นอกจากนี้ บริษัทได้มีการเผยแพร่การแพทย์แผนจีน ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมแพทย์แผนปัจจุบัน โดยพยายามส่งเสริมให้เป็นสากลมากขึ้น ผ่านบุคลากรผู้เชี่ยวชาญระดับสูงมากกว่า 100 คน

มากกว่านั้น มีการสร้างการรับรู้ให้ตลาด โดยการสร้างศูนย์การเผยแพร่วัฒนธรรมในต่างประเทศ ทั้งมีการผลักดันโมเดลการรักษาสุขภาพรูปแบบใหม่ๆ เพื่อทำให้แพทย์แผนจีนกลายเป็นเทรนด์ระดับสากล

‘หัวเว่ย’ มุ่งสร้างคุณค่า ‘ธุรกิจ-สังคม’
เจย์ เฉิน ซีอีโอ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ยุทธศาสตร์สำหรับการรับมือความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น คือความถูกต้องและความชอบธรรม เพื่อรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวม

ด้วยหลักการนี้ ควรสะท้อนไปในทุกกระบวนการที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่การวิจัย ค้นคว้า การผลิต การขาย บริการหลังการขาย เช่นที่หัวเว่ย ทุกธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ต้องเคารพกฎหมายของประเทศจีนและกฎหมายในประเทศที่ทำธุรกิจนั้น ๆ

นอกจากนี้ ให้ความสำคัญกับค่านิยมร่วม เพื่อตอบแทนสังคม การสร้างคุณค่าทั้งเชิงธุรกิจและสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ไม่ใช่แค่การทำรายได้ แต่สร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมโดยภาพรวมด้วยเทคโนโลยีไอซีที

หัวเว่ยเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยมากว่า 30 ปี ที่ผ่านมามีความร่วมมือกับหลายภาคส่วนในหลากหลายมิติ ใช้เทคโนโลยีไอซีทีเพื่อสร้างโอกาส การจ้างงาน และส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ

โดยมีมุมมองว่า ไทยเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์ มีข้อได้เปรียบเชิงภูมิศาสตร์ แนวทางการทำงานให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่มีความถูกต้อง ชอบธรรม เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ สภาพภูมิอากาศ และตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ขณะเดียวกันเห็นถึงความสำคัญกับการมีส่วนร่วมด้านการพัฒนาบุคคลากร สตาร์ตอัป ผลักดันการพัฒนาเชิงดิจิทัล
ก้าวสู่ยุคใหม่ ‘รถยนต์ไฟฟ้า’

ฟัง อวิ่นโจว ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โฮซอน นิว เอนเนอร์ยี่ ออโต้โมบิล จำกัด กล่าวว่า การเดินหน้าสู่ยุคแห่งรถยนต์พลังงานใหม่ ต้องมีการผสมผสานของพลังงานไฟฟ้า การเชื่อมต่อเครือข่าย และความอัจฉริยะ

โดยขณะนี้ นับว่ามีการเติบโตที่มากขึ้นและต่อเนื่อง โดยต่อไปจะไม่ใช่แค่รถยนต์ แต่เป็นอุปกรณ์เคลื่อนที่ที่ผสมผสานอินเทอร์เน็ต ภายใต้การผสมผสานของเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา
“การเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลและความอัจฉริยะ คือการผสมผสานและรวบรวมของทั้งพลังงาน พลังงานใหม่ การเดินทาง และเทคโนโลยี คาดว่าช่วงปี 2035-2045 จะเป็นการพัฒนาในช่วงหลัง ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นว่ามีสาธารณูปโภคพื้นฐาน ระบบนิเวศรวมถึงโมเดลธุรกิจที่สมบูรณ์มากขึ้น”

เขากล่าวว่า เส้นทางนี้มีความกว้างอย่างมากและมีเกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน ทั้งผู้ผลิต ลูกค้า นักลงทุน เป็นการยกระดับครั้งสำคัญที่ต้องมีการทำงานร่วมกัน เพื่อรวบรวมข้อมูล ประมวลผล มีการใช้เอไอมาควบคุม การเชื่อมต่อ ยกระดับความปลอดภัย การเชื่อมต่อกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ฯลฯ ส่วนของบริษัทเองเบื้องต้นปีนี้บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขายในไทยได้ประมาณ 1.5 หมื่นคัน

 ‘เอไอ’ เปลี่ยนโฉมธุรกิจ-ชีวิต
หยวน ฮุย ประธานกรรมการ เสี่ยว อ้าย คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่า วันนี้เทคโนโลยีเอไอรวมถึงหุ่นยนต์ กำลังเข้ามามีอิทธิพลอย่างมากกับการทำงานและการใช้ชีวิตของมนุษย์
ทั้งนี้ นับเป็นโอกาสของธุรกิจในแทบทุกอุตสาหกรรมที่จะนำมาปรับใช้ เพื่อพัฒนายกระดับการบริการ โดยที่ได้เห็นแล้วมีทั้งด้านการเงิน อสังหาริมทรัพย์ เฮลธ์แคร์ การดูแลสุขภาพ การนำข้อมูลมาใช้ให้เป็นประโยชน์ การออกแบบ สร้างมูลค่าผลิตภัณฑ์ พัฒนาประสบการณ์ผู้บริโภค รวมถึงการผสมผสานเมตาเวิร์สกับโลกความเป็นจริง

จากประสบการณ์ วันนี้ได้เห็นว่าธุรกิจต่างต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งด้านความขัดแย้งระหว่างภูมิภาค อีกทางหนึ่งเทคโนโลยีเป็นอีกหนึ่งในความท้าทายที่ต่างต้องเผชิญ
ในภาวะที่เศรษฐกิจอยู่ช่วงขาลงและความท้าทายจำนวนมากดังกล่าว แนวคิดที่สำคัญของนักธุรกิจชาวจีนคือ การสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นกับทั้งตนเอง ครอบครัว สังคม เพื่อผลักดันให้เกิดอนาคตที่สดใสร่วมกัน

รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี เตรียมเปิดให้ใช้ได้ภายในปี 2566 เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชน

เพจเฟซบุ๊ก Thailand LOVER ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับ รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี ที่กำลังจะเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการภายในปีนี้ โดยระบุว่า ...

รถไฟฟ้าสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี 

รวมจำนวนสถานีทั้งหมด 30+2 สถานี ดังนี้

ช่วงที่ 1 หลักสี่-มีนบุรี แบ่งเป็น 17 สถานี กำหนดเปิด Q1/ปี 66
ช่วงที่ 2 ศูนย์ราชการนนทบุรี-ทีโอที แบ่งเป็น 13 สถานี กำหนดเปิด Q2/ปี 66
ช่วงที่ 3 ส่วนต่อขยายเมืองทองธานี แบ่งเป็น 2 สถานี กำหนดเปิดปี 68

เส้นทางการเดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงที่ 1  หลักสี่ – มีนบุรี แบ่งเป็น 17 สถานี คาดจะเปิดให้บริการในช่วง Q1 ของปี 2566 มีรายละเอียดดังนี้

🚧 PK14 สถานีหลักสี่ ตั้งอยู่บริเวณจุดตัดถนนแจ้งวัฒนะและถนนวิภาวดีรังสิต สามารถเชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต
PK15 สถานีราชภัฏพระนคร สถานีสุดท้ายบนถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร

PK16 สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์พิทักษ์รัฐธรรมนูญ สามารถเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต

PK17 สถานีรามอินทรา 3 สถานีแรกบนถนนรามอินทราตั้งอยู่บริเวณหน้าโครงการลุมพินี รามอินทรา-หลักสี่ และศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก

PK18 สถานีลาดปลาเค้า ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราระหว่างซอยรามอินทรา 21 และซอยรามอินทรา 23 ใกล้กับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีเอ็กซ์ตร้า

PK19 สถานีรามอินทรา กม.4 ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ระหว่างซอยรามอินทรา 33 และซอยรามอินทรา 37

PK20 สถานีมัยลาภ ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราหน้าปากซอยรามอินทรา 41 ใกล้กับสามแยกมัยลาภ

PK21 สถานีวัชรพล ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ถัดจากทางพิเศษฉลองรัช บริเวณซอยรามอินทรา 59 และซอยรามอินทรา 61

PK22 สถานีรามอินทรา กม.6 ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ช่วงระหว่างซอยรามอินทรา 40 และซอยรามอินทรา 42

PK23 สถานีคู้บอน ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราช่วงระหว่างซอยรามอินทรา 69 และซอยรามอินทรา 46

PK24 สถานีรามอินทรา กม.9 ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ใกล้กับโรงพยาบาลสินแพทย์ ช่วงระหว่างซอยรามอินทรา 54 และซอยรามอินทรา 56

PK25 สถานีวงแหวนรามอินทรา ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราถัดจากถนนวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก ใกล้ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ และ The Promenade

PK26 สถานีนพรัตน์ ตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา ใกล้ซอยรามอินทรา 103/1 และโรงพยาบาลนพรัตน์

PK27 สถานีบางชัน ตั้งอยู่บนถนนบริเวณซอยรามอินทรา 113 และซอยรามอินทรา 115

PK28 สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ตั้งอยู่บนถนนรามอินทราใกล้กับโรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ระหว่างซอยรามอินทรา 121 และ ซอยรามอินทรา 123

PK29 สถานีตลาดมีนบุรี สถานีแรกบนถนนสีหบุรานุกิจ ตั้งอยู่บริเวณหน้าตลาดนัดจตุจักร 2

PK30 สถานีมีนบุรี ตั้งอยู่ริมถนนรามคำแหง บริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงของระบบขนส่งมวลชนสายสีชมพูฯ ใกล้กับถนนรามคำแหง เป็นสถานีปลายทางของโครงการ และสามารถเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี

🚧เส้นทางการเดิน รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงที่ 2 ศูนย์ราชการนนทบุรี-ทีโอที แบ่งเป็น 13 สถานี คาดจะเปิดให้บริการในปี 2566 มีรายละเอียดดังนี้

PK01 สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี สถานีต้นทางตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ บริเวณหน้าศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรีและบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) เป็นสถานีเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ

PK02 สถานีแคราย ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ บริเวณด้านหน้าสถาบันทรวงอก

PK03 สถานีสนามบินน้ำ ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ใกล้กับสามแยกสนามบินน้ำ

PK04 สถานีสามัคคี ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ ใกล้ทางแยกเข้าถนนสามัคคี ระหว่างคลองบางตลาดกับถนนสามัคคี

PK05 สถานีกรมชลประทาน ตั้งอยู่บนถนนติวานนท์ ใกล้กับโรงเรียนชลประทานวิทยา
PK06 สถานีแยกปากเกร็ด ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมทางแยกปากเกร็ด ก่อนเข้าสู่ถนนแจ้งวัฒนะ

PK07 สถานีเลี่ยงเมืองปากเกร็ด ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าห้างบิ๊กซี และโฮมโปร ก่อนถึงทางแยกเลี่ยงเมืองปากเกร็ด

PK08 สถานีแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28 ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้กับห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 28

PK09 สถานีศรีรัช ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณซอยแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 35 ก่อนถึงทางด่วนศรีรัช ใกล้กับหมู่บ้านเมืองทองธานี

PK10 สถานีเมืองทองธานี ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าสำนักงานซ่อมบำรุงกรมทางหลวงและห้างแม็คโคร สาขาแจ้งวัฒนะ

PK11 สถานีแจ้งวัฒนะ 14 ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ระหว่างบิ๊กซีแจ้งวัฒนะและซอยแจ้งวัฒนะ 14

PK12 สถานีศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้ากรมการกงศุล ใกล้กับศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา

PK13 สถานีโทรคมนาคมแห่งชาติ ตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ ระหว่างซอยแจ้งวัฒนะ 5 และซอยแจ้งวัฒนะ 7

🚧 ส่วนต่อขยายเมืองทองธานี รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงที่ 3 แบ่งออกเป็น 2 สถานี คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2568 มีรายละเอียดดังนี้

MT01 สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี สถานีส่วนต่อขยายตั้งอยู่บนถนนบางปะอิน-ปากเกร็ด ใกล้กับชาเลนเจอร์ฮอลล์ ของอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยจะมีทางเชื่อมจากสถานีเข้าสู่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ได้สะดวกเลย

MT02 สถานีทะเลสาปเมืองทอง สถานีส่วนต่อขยายตั้งอยู่บนถนนแจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 39 บริเวณทางแยกไปทางพิเศษอุดรรัถยา โดยจะเชื่อมทางขึ้นลงไปที่ อิมแพ็ค ฟอรั่ม และทะเลสาบเมืองทองได้สะดวกเลย

🚧 โดยส่วนต่อขยายเมืองทองธานีของ รถไฟฟ้าสายสีชมพู ผู้โดยสารจะทำการเปลี่ยนได้ที่ PK09 สถานีศรีรัช นั่นเอง เรียกได้ว่าเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าสายสีชมพูจะขยายพื้นที่การเดินทางให้กับผู้โดยสารจำนวนมาก สามารถระบายผู้ใช้รถใช้ถนน อาจช่วยลดปัญหาการจราจรที่ติดขัดบนถนนแคราย – มีนบุรีได้ในอนาคต

กรุงเทพฯ ขึ้นแท่น เทียบชั้น โตเกียว เบอร์ลิน สื่อแคนาดาระบุ แม้แต่อเมริกาเหนือ ออสเตรเลีย ก็ต้องมาเรียนรู้

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สื่อจากประเทศแคนาดา ได้โพสต์เกี่ยวกับระบบขนส่งมวลชนทางรางของกรุงเทพมหานคร โดยโพสต์ว่าเมืองนี้ มีระบบขนส่งทางรางที่หลากหลาย กรุงเทพฯกำลังสร้างเมืองให้มีเครือข่ายรถไฟฟ้า ทางรางเป็นศูนย์กลาง ผู้คนสามารถเดินทางไปที่สนามบินได้ด้วยรถไฟฟ้า หากนำระยะทางจากรถไฟฟ้าทั้งหมดมารวมกัน ก็จะได้ระยะทางความยาวมากกว่า 300 กิโลเมตร มีมากกว่า 200 สถานี

หลังจากที่สื่อของแคนาดา ได้โพสต์ข่าวนี้ลงไปก็ได้มี คอมเมนต์ ตอบกลับมา มากมายหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น 

เป็นเรื่องที่ดี ที่ได้เห็นกรุงเทพมหานครมีการพัฒนาขึ้น ทั้งการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและสวนสาธารณะ ทำให้เมืองที่วุ่นวายแห่งนี้น่าอยู่และดูสนุกสนานมากขึ้น ช่างเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับมหานครที่ มีความคับคั่ง

เป็นตัวอย่างที่ดี สำหรับเมืองอื่นๆของโลก แต่ควรเป็นระบบการชำระเงินแบบบัญชีเดียว

รถไฟฟ้า BTS เป็น หนึ่งในบริการที่ดีที่สุด ที่เคยได้ใช้บริการมา มีความสุขที่ได้เห็นการขยายตัว

ได้ขึ้นรถไฟฟ้าสายสีแดง มันสะอาดและสะดวกสบาย

มันเป็นเรื่องดีที่ได้เห็นระบบขนส่งสาธารณะขยายตัว พร้อมบริการที่ยอดเยี่ยม

ชวนส่อง!! 8 เรื่องน่ารู้ของ 'น้องเก๊กฮวย' โมโนเรลสีเหลือง เชื่อม 4 สาย สะดวกทั่วกรุง

🔍 ชวนส่อง!! 8 เรื่องน่ารู้ของ 'น้องเก๊กฮวย' โมโนเรลสีเหลือง ที่เพิ่งเปิดให้บริการไม่นานมานี้ ซึ่งน้องเก๊กฮวยสามารถเชื่อมต่อสถานีได้ทั้งหมด 4 สาย ตอบโจทย์คนทุกวัย สะดวกทั่วกรุง!!

ไขข้อข้องใจชาร์จรถอีวีตอนฝนตก ปลอดภัยไหม? รถจะพังหรือเปล่า?

ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูฝนอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่ วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 (อ้างอิงจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา) แน่นอนว่าในช่วงนี้ ก็จะมีฝนตกลงมาอย่างชุ่มฉ่ำทุกวันโดยเฉพาะในเมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครของเรา ในขณะที่กำลังนั่งเขียนอยู่นี้ (5 ก.ค. 2566 เวลาประมาณ 10 โมงเช้า) มองออกไปที่นอกหน้าต่างก็เห็นท้องฟ้าที่มืดครึ้ม

เราก็คงจะไปห้ามฟ้าห้ามฝน ไม่ให้มันตกก็คงจะไม่ได้ ช่วงนี้กระแส ‘รถอีวี’ ในประเทศไทยก็กำลังมาแรง มีประชากรผู้ใช้รถอีวีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่ากระแสไฟฟ้ากับน้ำ นั้นไม่ใช่ของคู่กัน ถ้ารถไฟฟ้าของเราแบตอ่อนใกล้จะหมด แล้วเราจะต้องชาร์จท่ามกลางสายฝนหล่ะ มันจะสามารถทำได้หรือไม่? แล้วมันจะปลอดภัยหรือไม่? เชื่อว่าผู้ใช้รถอีวีหลายๆ ท่านก็คงต้องการคำตอบ

ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายรถยนต์ต่างๆ ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า มันสามารถชาร์จตอนฝนตกได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ Youtube ช่อง ‘ALL EV by Steele Auto Group’ ก็ยังได้ออกมาสาธิตให้ดูพร้อมกับอธิบายให้ฟัง

ผู้ชายที่อยู่ในคลิปชื่อว่า ‘David Giles’ ได้อธิบายพร้อมกับการจุ่มหัวชาร์จทั้งหัวลงในถังน้ำ หยิบขึ้นมาเขย่านิดหน่อย แล้วก็เสียบชาร์จเลย ปรากฏว่าก็สามารถชาร์จรถได้ตามปกติ ซึ่ง David ก็ได้อธิบายว่า "ทั้งสายชาร์จ และหัวชาร์จจะไม่มีกระแสไฟฟ้าอยู่เลยจนกว่าจะเสียบหัวชาร์จเข้ากับรถ หลังจากนั้นจะเกิดการติดต่อสื่อสารที่เรียกว่า "Hand Shake" ระหว่างตัวรถ และเครื่องชาร์จ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่จำเป็น รวมถึงการเช็คความปลอดภัยในการชาร์จด้วย เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ถึงจะปล่อยกระแสมาที่ตัวรถ แต่หากการตรวจสอบพบว่ามีไฟรั่ว หรือมีการทำงานผิดปกติที่ไม่ปลอดภัย จะไม่มีการปล่อยกระแสไฟฟ้ามาที่ตัวรถเด็ดขาด"

จากนั้นก็หยิบน้ำมาเทลงบนหัวชาร์จ ขณะกำลังชาร์จอยู่!! และอธิบายต่อว่า "หากระหว่างการชาร์จ มีการลัดวงจร ระบบจะทำการตัดการจ่ายไฟทันที  เพราะฉะนั้นคุณสามารถล้างรถขณะชาร์จได้ด้วยซ้ำ"

David Giles แสดงให้เห็นว่า การชาร์จรถไฟฟ้าอีวี ในขณะที่เปียกน้ำนั้น มันก็ยังคงปลอดภัย เพราะฉะนั้นการชาร์จภายใต้การใช้งานแบบปกติ ฝนตกบ้าง หรือแม้แต่พายุบ้างก็จะมีความปลอดภัย 

อย่างไรก็ดี การสาธิตนี้ ก็เพื่อจะแสดงให้เห็นถึงระบบความปลอดภัยเมื่อโดนน้ำเท่านั้น!! แต่ก็ไม่แนะนำให้ทำตามเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เกิดความเสียหาย หรืออาจจะทำให้รถขาดประกันได้ โปรดศึกษาคู่มือรถไฟฟ้าอีวีของท่าน และใช้งานภายในขอบเขตที่คู่มือแนะนำจะดีที่สุด

โครงสร้างพื้นฐาน ‘ไทย’ พัฒนาแซงทิ้งห่าง ‘มาเลเซีย’ ส่วน 'สายสีเหลือง' หลังเปิดตัว ดันระยะทางรวมแซง ‘สิงคโปร์’ แล้ว

จากช่อง Youtube 'Up Comment' ได้โพสต์คลิปเกี่ยวกับโครสร้างพื้นฐานและรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ของประเทศไทย ซึ่งได้ติดอันดับโลก และขึ้นแซงประเทศเพื่อนบ้านแล้ว สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยเป็นอย่างยิ่ง โดยเนื้อหาในคลิปนั้น มีใจความว่า ...

โครงสร้างพื้นฐานไทย แซงทิ้งห่างมาเลเซีย ในขณะที่รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ดันระบบรถไฟฟ้าไทย แซงสิงคโปร์ ธนาคารโลกมีการจัดอันดับ โครงสร้างพื้นฐานแต่ละประเทศในโลก ประจำปี 2023 โดยอันดับโครงสร้างพื้นฐานของไทย อยู่ในอันดับที่ 25 โดยอันดับดังกล่าว เป็นอันดับที่เหนือกว่าประเทศมาเลเซีย อีกหนึ่งประเทศที่เป็นคู่แข่ง ทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งการแซงมาเลเซียด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นครั้งแรก ได้เกิดขึ้นในปี 2018 โดยปีนั้นประเทศไทยได้อันดับที่ 32 ซึ่งเป็นการขยับอันดับขึ้นมาจากปี 2016 ที่ประเทศไทยอยู่ที่อันดับ 45 ซึ่งในปี 2018 ก็เป็นปีแรกที่ไทยมีอันดับทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน เหนือกว่าประเทศมาเลเซีย และดูเหมือนว่าอันดับจะทิ้งห่างออกมาอีกในปี 2023 นี้

โดยการจัดอันดับโครงสร้างพื้นฐานนี้ เป็นรายงานจาก Logistics Performance Index (LPI) 2023 ในหมวดโครงสร้างพื้นฐานของธนาคารโลก โดยโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย ได้คะแนนอยู่ที่ 3.7 คะแนน จัดเป็นอันดับที่ 25 ของโลก จาก 139 ประเทศทั่วโลก ซึ่งถ้านับเฉพาะประเทศในอาเซียน ประเทศไทยตามหลังเพียงแค่ประเทศสิงคโปร์เท่านั้น (สิงคโปร์มีอันดับทางด้านโลจิสติกส์ เป็นอันดับที่ 1 ของโลก)

สำหรับในส่วนของอันดับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศในอาเซียนนั้น มีการจัดลำดับได้ดังนี้...

- อันดับที่ 1 ประเทศสิงคโปร์ 4.6 คะแนน 
- อันดับที่ 2 ประเทศไทย (อยู่ที่อันดับ 25 ของโลก) ด้วยคะแนน 3.7 คะแนน 
- อันดับที่ 3 ประเทศมาเลเซีย 3.6 คะแนน 
- อันดับที่ 4 ประเทศฟิลิปปินส์ (อันดับ 47 ของโลก) ด้วยคะแนน 3.2 คะแนน
- อันดับที่ 5 ประเทศเวียดนาม ด้วยคะแนน 3.2 (เท่ากับประเทศฟิลิปปินส์)
- อันดับที่ 6 ประเทศอินโดนีเซีย ด้วยคะแนน 2.9 คะแนน 
- อันดับที่ 7 ประเทศลาว (อันดับที่ 108 ของโลก) ด้วยคะแนน 2.3 คะแนน 
- และอันดับที่ 8 ประเทศกัมพูชา (อันดับ 125 ของโลก) ด้วยคะแนน 2.1 คะแนน โดยการจัดอันดับดังกล่าว ไม่มีข้อมูลของประเทศบรูไนและประเทศเมียนมา

ทั้งนี้ หากพูดถึงการเปิดตัวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองของไทยที่ผ่านมา ทำให้ระยะทางรถไฟฟ้า ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีระยะทางรวมแซงประเทศสิงคโปร์ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยข้อมูลของเพจ City Walker ได้มีการรายงานถึง ระยะทางของรถไฟฟ้าในประเทศสิงคโปร์ ซึ่ง ณ เวลานี้มีการเปิดทำการอยู่ 6 สาย ซึ่งเป็นระบบ LRT ทั้งหมด 4 สาย รวมระยะทางทั้งหมด 228 กิโลเมตร ในขณะที่ระยะทางรถไฟฟ้า ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตามข้อมูลของกรมการขนส่งทางราง เมื่อมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง เผยว่าระยะทางของรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ ณ เวลานี้ จะอยู่ที่ 242.34 กิโลเมตร (ยังไม่นับรวมโครงการที่กำลังก่อสร้าง ทั้งของประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์)

ฉะนั้น จากข้อมูลนี้ จึงแสดงให้เห็นว่าระยะทางรวมรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีความยาวรวมแซงประเทศสิงคโปร์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถึงแม้ว่าทางประเทศสิงคโปร์ จะยังมีโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าอยู่ ซึ่งนั่นก็คือโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (สิงคโปร์) แต่ถ้าเทียบไทยที่ยังคงมีโครงการก่อสร้าง ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่และมีแผนจะก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าสายสีส้ม หรือว่ารถไฟฟ้าสายสีชมพู และยังมีแผนแม่บทรถไฟฟ้าในระยะที่ 2 ซึ่งก็จะดำเนินการก่อสร้างต่อไปในอนาคตอีกมากมายนั้น ก็ดูเหมือนไทยจะเริ่มแซงหน้าสิงคโปร์ในส่วนของระยะทางไประยะหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม คงต้องจับตามองกันต่อไปว่า ระยะทางรถไฟฟ้า ระหว่างประเทศไทยและประเทศสิงคโปร์นั้น ประเทศไหนจะครองแชมป์ในอาเซียนในอนาคตต่อไป

‘BYD Dolphin’ เคาะราคาแล้ว 6.9 แสนบาท ล็อตแรกพร้อมส่งมอบให้ผู้จอง 17 ก.ค. นี้

เมื่อวานนี้ (6 ก.ค. 66) บริษัท Rêver Automotive จำกัด  เปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าอีวี รุ่นที่ 2 เป็นรุ่นที่ถัดมาจากรุ่น ATTO 3 ซึ่งขายดีตีตลาดอย่างถล่มทลาย ด้วยยอดขายกว่าหมื่นคันภายในระยะเวลาอันสั้นไม่กี่เดือน ‘BYD Dolphin’ รถไฟฟ้าสไตล์ Hatchback ขนาดเล็ก ได้เปิดตัวพร้อมจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยได้เปิดตัวมาพร้อมกันทั้งสิ้น 2 รุ่น เริ่มต้นกันที่รุ่น BYD Dolphin Standard Range ที่มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าขนาดย่อมเยา 95 แรงม้า แรงบิด 180 นิวตันเมตร ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 44.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 410 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 60 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 12 วินาที

ส่วนรุ่นท็อปสุด BYD Dolphin Extended Range รถใหม่ 2023 เป็นรถไฟฟ้าที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังแรงระดับ 204 แรงม้า แรงบิด 310 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่ BYD Blade Battery ขนาด 60.48 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำให้รถไฟฟ้าใหม่คันนี้สามารถวิ่งได้ไกลสูงสุดที่ 490 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC) รองรับการชาร์จไฟระบบ DC ได้สูงสุด 80 กิโลวัตต์ ทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ใน 7 วินาที

การดีไซน์นั้นถือได้ว่ามีความโดดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์โดยได้แรงบันดาลใจมาจากรูปร่างของ โลมา ที่มีทั้ง ตา ปาก และ รูปทรง ของตัวรถ และเมื่อตอนขับด้วยความที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าซึ่งมีความเงียบ ดังนั้นก็จะมีเสียงของโลมา “อุ๋ง อุ๋ง” เพื่อบอกเตือนผู้ขับขี่และผู้ใช้ถนนร่วมกัน และก็ยังมีเสียงเตือนหากลืมคาดเข็มขัดนิรภัยที่เป็นเสียงราวกับอยู่ในท้องทะเลอีกด้วย

สำหรับ BYD Dolphin เปิดราคาไว้กับทั้ง 2 รุ่นดังนี้...
•BYD Dolphin Standard Range ราคา 699,999 บาท
•BYD Dolphin Extended Range ราคา 859,999 บาท

ทั้งนี้ รถไฟฟ้า BYD Dolphin เปิดรับจองตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่ายทุกแห่ง และจะเริ่มส่งมอบคันแรกให้แก่ผู้จองได้ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป

‘วัดอินทาราม’ เปิดสถานีชาร์จในวัดแห่งแรกของไทย เจ้าอาวาส เจิมหัวชาร์จ พรมน้ำมนต์ เพื่อความเป็นสิริมงคล

พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ (ดร.หลวงพ่อแดง นันทิโย) รองเจ้าคณะอำเภออัมพวา เจ้าอาวาสวัดอินทาราม ต.เหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ได้เจิมและปะพรมน้ำพระพุทธมนต์สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Station  ที่ทางวัดอินทารามติดตั้งขึ้นภายในวัดอินทาราม และตรวจสอบระบบการใช้งานเรียบร้อยแล้ว นับเป็นสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในวัดแห่งแรกของ จ.สมุทรสงคราม โดยมีพระสงฆ์จำนวน 5 รูป เจริญพระพุทธมนต์เพื่อความเป็นสิริมงคล

พระครูพิศิษฏ์ประชานาถ กล่าวว่า เนื่องจากปัจจุบันประชาชนเริ่มใช้รถยนต์ที่ใช้ระบบไฟฟ้าเป็นพลังงานขับเคลื่อนมากขึ้น ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม อีกทั้งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในปัจจุบันก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่สถานีชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ยังมีไม่เพียงพอและยังไม่แพร่หลาย โดยเฉพาะที่ จ.สมุทรสงคราม แม้จะเริ่มพบเห็นตามปั๊มน้ำมันบ้างแล้ว แต่ EV Station ก็ยังเปิดให้บริการกันน้อยมาก ทำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าบางรายขาดความมั่นใจในการเดินทางเนื่องจากเกรงว่าจะหาสถานีชาร์จไฟฟ้าไม่ได้

วัดอินทารามจึงได้ติดตั้งเครื่องชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ไว้ที่บริเวณลานจอดรถหน้าพระอุโบสถหินอ่อน เป็นขนาด 7 กิโลวัตร์ จำนวน 3 เครื่อง รองรับหัวชาร์จมาตรฐานทุกรุ่น ให้บริการผู้ที่มาร่วมทำบุญและนักท่องเที่ยวสายมูที่มาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัด เช่นหลวงพ่อโตซัมปอกง 300 ปี และท้าวเวสสุวรรณ โดยเปิดให้บริการชาร์จฟรีในช่วงกลางวันตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 12 สิงหาคม 2566  หลังจากนั้นจะให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง โดยคิดค่ากระแสไฟฟ้าเพียงแค่ชั่วโมงละไม่เกิน 60 บาท

นายศิริพงษ์ ภัณฑารักษ์สกุล วิศวกรไฟฟ้าผู้ติดตั้งระบบ ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัดอินทาราม บอกว่าเครื่องชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ที่วัดอินทาราม ติดตั้งโดยบริษัท Friendly Charge รุ่น Delta AC Mini Plus 7.4 k W รองรับหัวชาร์จมาตรฐาน Type-2 รองรับรถไฟฟ้าได้ทุกรุ่นทุกแบบถึง 95 เปอร์เซ็นต์ มีระบบ IP55 ป้องกันฝนแดดและฝุ่นละออง  และระบบ IK08 กันแรงกระแทก รวมทั้งมีระบบควบคุมแรงดันไฟฟ้าตัดไฟอัตโนมัติเมื่อชาร์จเต็ม หรือมีเหตุขัดข้อง ภายในให้โซลูชั่นการชาร์จไฟฟ้าที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานระบบจ่ายเงินง่ายสะดวก สามารถแสกนคิวอาร์โคดใช้ผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ไม่จำเป็นต้องโหลดแอพพลิเคชั่นเพียงกรอกข้อมูลรายละเอียดพื้นฐาน แล้วกด next  ก็เริ่มชาร์จได้ทันที อีกทั้งสามารถตั้งเวลาว่าต้องการชาร์จกี่ชั่วโมง เพื่อใช้เวลาในการทำบุญไหว้พระท่องเที่ยว อีกทั้งยังตรวจสอบในสมาร์ทโฟนเพื่อวางแผนการเดินทางท่องเที่ยวได้ เช่นหากต้องการชาร์จเต็มที่รถวิ่งได้ 400 ก.ม.จะใช้เวลาชาร์จประมาณ 6-7 ช.ม.


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top