Tuesday, 22 April 2025
ยูเครน

คองเกรสสหรัฐฯ เปิดงบช่วยยูเครน ใช้เงินภาษีคนอเมริกันไปแล้วเกือบ 5 ล้านดอลลาร์

(24 ธ.ค. 67) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตลอดทั้งปี 2024 รัฐบาลสหรัฐมีการใช้เงินภาษีของชาวอเมริกันไปแล้วเกือบ 4.8 ล้านดอลลาร์ (ราว 163 ล้านบาท) ซึ่งภายหลังการเปิดเผยดังกล่าว สมาชิกวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลิกันจากรัฐเคนทักกี นาย แรนด์ พอล กล่าววิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นการใช้งบประมาณของรัฐบาลไบเดนที่ไร้เหตุผลที่สุดของปี 2024 

รายงานยังระบุว่า นับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งในยูเครน รัฐบาลวอชิงตันได้ใช้เงินภาษีของชาวอเมริกันในการให้การสนับสนุนรัฐบาลเคียฟและช่วยเหลือทหารยูเครนไปแล้วเกือบ 174 พันล้านดอลลาร์ โดยนายพอล กล่าวว่า "บางคนในกระทรวงการต่างประเทศยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่จะใช้เงินภาษีชาวอเมริกันอีก  4.8 ล้านดอลลาร์เพื่อกิจการในยูเครน 

นายพอล ยังเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐฯ กลับไปใช้วิธีการทางการทูตที่จริงจัง แทนที่จะพึ่งพากลยุทธ์ผ่านการทหาร พร้อมเน้นย้ำว่า ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันจำนวนมากที่กำลังดิ้นรนเพื่อให้พอเพียงในการดำรงชีวิตกำลังเป็นผู้จ่ายเงินในการใช้จ่ายนี้

พอลกล่าวว่า มันเป็นเรื่องที่ “น่าฉงน” ที่เห็นรัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จ่ายเงินภาษีของประชาชนในช่วงเวลาที่ชาวอเมริกันจำนวนมากกำลัง “ประสบปัญหาทางการเงิน”

รายงานที่มีความยาว 41 หน้าครอบคลุมถึงการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสว.พอลเรียกว่า "เป็นการใช้จ่ายที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล"

ก่อนหน้านี้ ในการสัมภาษณ์กับ NBC News ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่ได้รับเลือก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กล่าวว่า ภายใต้การบริหารของเขา รัฐบาลเคียฟไม่น่าจะได้รับความช่วยเหลือในระดับเดียวกับที่พวกเขาได้รับในสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน

สหรัฐให้เงินกู้ช่วยยูเครน ใช้สินทรัพย์ที่ยึดจากรัสเซียค้ำประกัน

(25 ธ.ค. 67) เดนิส ชมีฮาล นายกรัฐมนตรียูเครนประกาศเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ว่า ยูเครนได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจำนวน 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากสหรัฐฯ โดยใช้สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดเป็นหลักประกัน

ชมีฮาลได้โพสต์ข้อความผ่านทางเทเลแกรมว่า “นี่คือเงินก้อนแรกจากแผนการจัดสรรงบประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์ที่สหรัฐฯ เตรียมจัดสรรโดยใช้สินทรัพย์ของรัสเซียที่ถูกอายัดไว้”

ต่อมา กระทรวงการคลังของยูเครนได้ชี้แจงว่า เงินทุนดังกล่าวเป็นเงินช่วยเหลือภายใต้โครงการเงินกู้ Second Growth Foundation Development Policy Loan (DPL) ของธนาคารโลก

ความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นที่มีขอบเขตกว้างขึ้นจากกลุ่ม G7 ที่ได้กำหนดให้จัดสรรเงินจำนวน 5 หมื่นล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนยูเครน โดยใช้เงินจากทรัพย์สินที่ถูกยึดของรัสเซีย

ทั้งนี้ สื่อรายงานว่า กลุ่ม G7 ได้อายัดทรัพย์สินของรัสเซียมูลค่าราว 3 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากเกิดความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน

เครมลินออกโรงป้องเหตุเครื่องบินอาเซอร์ไบจานตก ปัดโยงมิสไซล์รัสเซีย ชี้รอผลการสอบสวนก่อนสรุป

( 27 ธ.ค.67) จากเหตุเครื่องบินแบบ embraer 190 ของสายการบิน Azerbaijan Airlines ตกใกล้เมืองอัคเตา ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซของคาซัคสถาน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากบินออกนอกเส้นทางโดยไม่ทราบสาเหตุ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 38 ราย บาดเจ็บจำนวนมากนั้น

ภายหลังการเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อาเซอร์ไบจานและสหรัฐฯ เชื่อว่าเครื่องบินโดยสารของอาเซอร์ไบจานที่ประสบเหตุร้ายแรงถูกยิงตกโดยขีปนาวุธพื้นสู่อากาศของรัสเซีย

จากรายงานข่าวของสื่อระบุว่าพบหลักฐานเป็นสะเก็ดระเบิดและร่องรอยจากการถูกยิงด้วยขีปนาวุธบริเวณปลายหางท้ายลำของเครื่องบิน ส่งผลให้เครื่องบินไม่สามารถควบคุมได้ นักบินจึงต้องนำเครื่องร่อนลงจอดฉุกเฉินนั้น มีชิ้นส่วนของขีปนาวุธแบบ Pantsir-S ซึ่งเป็นมิสไซล์จากภาคพื้นสู่อากาศของรัสเซียปะปนอยู่กับเศษซากของเครื่องบินด้วย

สอดคล้องกับอดีตผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานสอบสวนอุบัติเหตุทางการบินของฝรั่งเศส (BEA) ที่ระบุว่า ความเสียหายของซากเครื่องบินดูเหมือนจะมีร่องรอยจาก 'สะเก็ดระเบิด'  

ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการบินและการทหารบางคนคาดการณ์ว่า เครื่องบินอาจถูกระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียยิงตกโดยไม่ได้ตั้งใจ เนื่องจากบริเวณที่เครื่องบินบินผ่านมีการรายงานการเคลื่อนไหวของโดรนยูเครน  

เขากล่าวโดยไม่เปิดเผยตัวตนว่า ความเสียหายดังกล่าว 'คล้ายกับ' กรณีเครื่องบิน Malaysia Airlines เที่ยวบิน MH17 ที่ถูกขีปนาวุธยิงตกโดยกลุ่มกบฏที่รัสเซียสนับสนุนในยูเครนตะวันออกเมื่อปี 2014  

ขณะที่สำนักข่าว Kazinform ของคาซัคสถานรายงานว่า มีการกู้กล่องดำบันทึกการบินสองกล่องจากที่เกิดเหตุได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งต้องรอการสอบสวนต่อไป 

ทั้งนี้ หลังมีรายงานข่าวว่า เครื่องบินลำดังกล่าวอาจประสบเหตุตกจากขีปนาวุธของรัสเซีย ทางด้านโฆษกเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “อย่าเพิ่งเชื่อสมมติฐานใดๆ มันอาจจะผิดหากสรุปการคาดเดาใด ๆ ก่อนการสอบสวนจะเสร็จสิ้น”

ผู้นำคนต่อไปใครจะมาแทน 'จัสติน ทรูโด นายกฯใหม่แคนาดา เปลี่ยนแค่หน้าหรือพลิกแนวทาง

(8 ม.ค.68) จัสติน ทรูโด ผู้เป็นนายกแคนาดา มานานเกือบ 10 ปี ประกาศลาออกท่ามกลางกระแสโกรธเกรี้ยวจากประชาชนแคนาดา ตลอดจนขาดเสียงสนับสนุนจากภายในพรรค และเรตติ้งที่ตกต่ำ ได้กลายเป็นที่จับตาว่า ใครจะเข้ามาแทนที่ทรูโดในฐานะนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา หนึ่งในชาติที่มีประเด็นข้อถกเถียงทางภูมิรัฐศาสตร์มากที่สุด ตั้งแต่ระดับเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐอเมริกา ไปจนถึงท่าทีของแคนาดาต่อความขัดแย้งในยูเครน

สำนักข่าวสปุตนิกได้รวบรวมตัวเต็งที่น่าจับตามอง ในฐานะผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเลือกเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของแคนาดา

คริสเทีย ฟรีแลนด์ จากพรรคลิเบอรัล เป็นหนึ่งในผู้ที่คาดว่าจะได้ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคลิเบอรัลคนใหม่แทนที่นายทรูโด โดยนางฟรีแลนด์ เคยเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.การคลังของทรูโด อย่างไรก็ตาม ครอบครัวของเธอมีประวัติที่ชวนให้ถกเถียง เนื่องจากเธอเป็นหลานสาวของอดีตเจ้าหน้าที่นาซีเชื้อสายยูเครน โดยที่ผ่านมาฟรีแลนด์มีส่วนช่วยกระตุ้นการคว่ำบาตรรัสเซียของตะวันตกและเป็นผู้สนับสนุนยูเครนอย่างแข็งขัน ซึ่งช่วยเสริมสร้างการสนับสนุนจากแคนาดาต่อรัฐบาลเคียฟ

โดมินิค เลอบล็อง รัฐมนตรีกระทรวงการคลังคนปัจจุบันของแคนาดา ผู้สนับสนุนแนวทางของทรูโดในการให้ความช่วยเหลือยูเครนอย่างเด็ดขาด ในเดือนที่แล้วเขาผลักดันให้ส่งอาวุธที่ถูกห้ามใช้ในแคนาดาไปยังรัฐบาลเซเลนสกี้

มาร์ค คาร์นีย์ อดีตผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ผู้ที่ในปี 2022 เคยออกมาตำหนิว่าความขัดแย้งในยูเครนเกิดขึ้นเพราะรัสเซีย โดยนายคาร์นีย์เป็นนักการธนาคารและผู้แทนพิเศษด้านสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ แต่กลับมีแนวคิดขัดแย้งเพราะเขาสนับสนุนให้เพิ่มการลงทุนในพลังงานฟอสซิล ซึ่งจะเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อม

เมลานี โจลี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เธอเองก็มีบทบาทในการระดมทุนจากภาษีของชาวแคนาดาไปช่วยยูเครนด้วยเงินช่วยเหลือทางทหารมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์

และสุดท้าย นางอนิตา อานันด์ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของแคนาดา ผู้สนับสนุนยูเครนอย่างเปิดเผย เธอรีบวิจารณ์การกระทำของรัสเซียในความขัดแย้งยูเครน แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยสนใจการกระทำที่โหดร้ายเช่นเดียวกันจากฝ่ายรัฐบาลเคียฟที่กระทำต่อทหารฝ่ายรัสเซีย

ทั้งนี้ ใครจะเป็นผู้นำคนถัดไปของแคนาดา และพวกเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาที่ประเทศกำลังเผชิญได้ดีขึ้นหรือไม่ 

รัสเซียเผยทหารเชลยยูเครน ติดพนันออนไลน์ แถมดื่มสุราอย่างหนัก ผลพวงเพราะเครียดสงคราม

(16 ม.ค.68) เจ้าหน้าที่ความมั่นคงทางชายแดนรัสเซียเผยกับสำนักข่าวสปุตนิกว่า ช่วงคืนวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์ บริเวณชายแดนกับเขตเบลโกโรดในทิศทางของเมืองคาร์คิฟ (Kharkov) มีกลุ่มทหารฝ่ายยูเครนเข้ายอมจำนนกับทางฝ่ายรัสเซีย ซึ่งต่อมาได้ให้การกับทางเจ้าหน้าที่รัสเซียถึงสภาพความเป็นอยู่ในช่วงสงคราม 

โดยระบุว่า ด้วยความตึงเครียดจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยืดเยื้อ ทำให้ทหารยูเครนจำนวนมากติดเล่นพนันออนไลน์กันอย่างแพร่หลาย ถึงขนาดที่แม้แต่ผู้บังคับบัญชาหน่วยยังมีส่วนร่วมในเรื่องดังกล่าว

ยูโรสลาฟ เชเวลยุค หนึ่งในทหารยูเครนที่ยอมจำนนมอบตัวต่อเจ้าหน้าที่รัสเซียเผยว่า ทหารยูเครนบางรายถึงกับขโมยเงินของทหารด้วยกันเองเพื่อไปซื้อสุราและเล่นพนันออนไลน์เพื่อแก้เครียด โดยหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ถูกระบุว่าติดพนันออนไลน์คือ อดีตผู้บัญชาการหน่วยของเขา ร.ต. ซาบิยากา

"เขายืมเงินจากคนในหน่วยจำนวนมากและเล่นเกมคาสิโนผ่านโทรศัพท์มือถือของเขา หลังจากนั้นเกิดเหตุการณ์บางอย่าง โทรศัพท์ของเขาถูกแฮ็ก และทุกอย่างก็ผิดปกติ เขาถูกส่งไปประจำที่แห่งใหม่ และเขายังไม่ได้คืนเงินให้กับคนที่ยืมไป" เชเวลยุคกล่าว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นช่วงสัปดาห์เดียวกัน เจ้าหน้าที่ชายแดนยูเครนสองคนจากกลุ่มเดียวกันได้กล่าวในวิดีโอที่ได้รับจาก RIA Novosti ว่า มีการใช้สารเสพติดและการดื่มสุราเพื่อหนีความเครียดจนถึงขั้นเสียชีวิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่ทหารยูเครนเนื่องจากความเหนื่อยล้าทางร่างกายและสภาพจิตใจที่ย่ำแย่จากสมรภูมิอันยาวนาน

เคียฟเผาศพทหารทิ้งกลางสนามรบ ปิดบังความจริง-เลี่ยงจ่ายเงินชดเชยครอบครัว

(17 ม.ค.68) สำนักข่าวสปุตนิกเผยว่า นายอิวาน คุตส์ (Ivan Kuts) เจ้าหน้าที่หน่วยชายแดนยูเครนที่ถูกทหารฝ่ายรัสเซียจับกุม ได้ให้ข้อมูลว่า รัฐบาลเคียฟได้สร้างเตาเผาศพทหารแบบเคลื่อนที่เพื่อจัดการกับศพทหารที่เสียชีวิตในสมรภูมิ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต

รายงานระบุว่า หนึ่งในเตาเผาศพแบบเคลื่อนที่อยู่ในเมืองคาร์คีฟ (Kharkiv) ซึ่งไม่สามารถรองรับศพของทหารจำนวนมากได้ จึงมีการนำเตาเผาศพเคลื่อนที่ออกมาใช้งาน 

"มีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และผู้เสียชีวิตยิ่งมากขึ้น เตาเผาศพในเมืองคาร์คีฟไม่สามารถจัดการได้ จึงมีการนำเตาเผาศพเคลื่อนที่มาใช้งาน พวกเขาเผาศพทหารเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายเงินชดเชยให้กับครอบครัวของผู้เสียชีวิต" นายคุตส์กล่าวในคลิปวิดีโอให้การกับทหารรัสเซีย  

นอกจากนี้ คุตส์ยังกล่าวเสริมว่า ศพของทหารรับจ้างต่างชาติก็ถูกเผาเช่นกัน เพื่อปกปิดการมีอยู่ของพวกเขาในยูเครน  

ทั้งนี้ คุตส์และเจ้าหน้าที่ชายแดนอีก 5 คนจากหน่วยงานบริหารชายแดนของยูเครน ได้มอบตัวให้กับรัสเซียบริเวณชายแดนในภูมิภาคเบลโกรอด ในช่วงวันคริสต์มาสออร์โธดอกซ์ที่ผ่านมา

‘CIA’ ใช้!! ‘ยูเครน’ เป็นฐานข่าวกรอง เปลี่ยนเกมยุทธศาสตร์ NATO ในยุโรป

(19 ม.ค. 68) จากรายงานของ Sputnik International (18 ม.ค. 2025) ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เริ่มต้นจาก "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2022 ได้เน้นถึงบทบาทสำคัญของ NATO และสหรัฐฯ ในการสร้างเครือข่ายข่าวกรองและขยายอำนาจทางทหารในยุโรป

การเริ่มต้นปฏิบัติการในยูเครน

รัสเซียอ้างว่าการปฏิบัติการในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อปลดปล่อยภูมิภาคดอนบาส หลังประชาชนในพื้นที่โดเนตสค์และลูกันสค์เผชิญการโจมตีจากกองกำลังของยูเครนอย่างต่อเนื่อง โดยความขัดแย้งนี้มีรากฐานมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร Euromaidan ในปี 2014 ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลยูเครนมีแนวโน้มสนับสนุนตะวันตกอย่างชัดเจน

ความร่วมมือระหว่าง CIA และยูเครน

หลังรัฐประหารในปี 2014 หน่วยข่าวกรองของยูเครนกลายเป็นพันธมิตรสำคัญของ CIA รายงานเผยว่ามีการส่งมอบเอกสารลับของรัสเซียให้กับ CIA อย่างต่อเนื่อง รวมถึงข้อมูลอาวุธลับ เทคโนโลยีสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และแผนการตัดสินใจทางการทหาร

CIA ได้สร้างฐานปฏิบัติการลับ 12 แห่งใกล้ชายแดนรัสเซีย และจัดตั้งโครงการฝึกอบรมหน่วยพิเศษยูเครนในชื่อ ‘Operation Goldfish’ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่อต้านรัสเซีย

อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่าข้อมูลเหล่านี้มีมูลค่าสูงถึง "หลายร้อยล้านดอลลาร์" โดยมีความสำคัญต่อการพัฒนายุทธวิธีของ NATO

การติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ B61-12 ในยุโรป

สหรัฐฯ ได้เริ่มติดตั้งระเบิดนิวเคลียร์รุ่น B61-12 ซึ่งเป็นรุ่นปรับปรุงล่าสุดในฐานทัพยุโรป โดยได้รับการอนุมัติให้ใช้งานภายใต้โครงการ "การแบ่งปันนิวเคลียร์" ของ NATO ระเบิดรุ่นนี้สามารถปรับพิสัยการทำลายล้างได้ตั้งแต่ 0.3-50 กิโลตัน

Jill Hruby หัวหน้าหน่วยงานความมั่นคงนิวเคลียร์แห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่าการติดตั้งนี้เป็นการส่งสัญญาณไปยังรัสเซียว่า NATO พร้อมรับมือทุกภัยคุกคาม

ความคิดเห็นนักวิเคราะห์

Michael Maloof อดีตนักวิเคราะห์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ วิจารณ์ว่า NATO กำลังเปลี่ยนจากพันธมิตรป้องกันตัวเป็นองค์กรเชิงรุก และการติดตั้งอาวุธนี้ทำให้ยุโรปมีความเสี่ยงต่อความขัดแย้งทางนิวเคลียร์มากขึ้น

Maloof ระบุว่าการเคลื่อนไหวของ NATO อาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งที่ยากต่อการควบคุม โดยยุโรปอาจกลายเป็นเป้าหมายสำคัญหากความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและตะวันตกเพิ่มสูงขึ้น

บทสรุป

รายงานจาก Sputnik International ชี้ให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนเป็นมากกว่าการต่อสู้ในพื้นที่ แต่ยังเกี่ยวข้องกับยุทธศาสตร์ระดับโลกของ NATO และสหรัฐฯ ที่อาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงในระยะยาว

ชาติตะวันตกส่งทหารล็อตใหญ่ 50,000 นาย ช่วยรับมือสู้ศึกรัสเซีย ปูทางสู่การยุติสงคราม

(23 ม.ค.68) เว็บไซต์สปุตนิกรายงานว่า รัฐบาลยูเครนเชื่อว่าบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกอาจส่งทหารอีกจำนวน 50,000 นาย มายังยูเครนเพื่อช่วยรับมือศึกรัสเซีย อันเป็นส่วนหนึ่งของการยุติความขัดแย้งระหว่างสองชาติ

ตามรายงานของไฟแนนเชียลไทมส์ ที่อ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลเคียฟระบุว่า 
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้กล่าวเรียกร้องให้ชาติพันธมิตรตะวันตกส่งทหารไปยูเครนเพื่อรักษาความปลอดภัยหากมีข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซีย ในขณะเดียวกัน เขากล่าวว่า ทหารต่างชาติจะไม่ได้ถูกส่งไปยังเคียฟตามที่บางประเทศในยุโรปต้องการ พร้อมเสริมว่า ยูเครนต้องการกองทัพขนาดหนึ่งล้านนายซึ่งต้องรักษาไว้

รายงานจากไฟแนนเชียลไทมส์ อ้างอิงแหล่งข่าวที่มีส่วนร่วมในการหารือระหว่างเคียฟและพันธมิตรตะวันตก ว่า เจ้าหน้าที่ของยูเครนเชื่อว่า ตะวันตกอาจส่งทหารระหว่าง 40,000 ถึง 50,000 นายเพื่อรักษาความปลอดภัยบนแนวรบยาว 1,000 กิโลเมตร (621.4 ไมล์) 

อย่างไรก็ตามมีการประเมินว่า กำลังทหารประมาณ 40,000 นายอาจไม่เพียงพอที่จะสร้างความแข็งแกร่งจนไม่ตกเป็นเป้าโจมตีของรัสเซีย และอาจไม่มีขนาดใหญ่พอที่จะไม่ต้องการกำลังเสริม หากว่าต้องเผชิญหน้ากับรัสเซีย ซึ่งทหารจำนวน 50,000 นายนี้จะต้องไม่ถูกมองว่าเป็นการผูกมัดลับของนาโต้ด้วย

ด้าน Camille Grand อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโต้ เสริมว่า กองทัพนี้น่าจะเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มชั่วคราวที่นำโดยสหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ พร้อมด้วยการเข้าร่วมจากประเทศในแถบบอลติกและนอร์ดิก

อย่างไรก็ตาม โฆษกเครมลิน ดมิทรี เพสคอฟ กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การหยุดความขัดแย้งในยูเครนไม่สามารถยอมรับได้สำหรับรัสเซีย ในเดือนธันวาคม 2024 ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินกล่าวว่า รัสเซียไม่ต้องการแค่การหยุดยิง แต่ต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนโดยมีการรับประกันความปลอดภัยที่เชื่อถือได้สำหรับประเทศและประชาชนของตน

แฉบริษัทอาวุธมะกัน โกยเงินสงครามยูเครน หุ้นโตพุ่ง-ออเดอร์อื้อ ไม่สนวิกฤตขัดแย้งโลก

(28 ม.ค.68) ท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่ยังไม่เห็นปลายทางของจุดจบ กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมทางทหารหลายแห่งของสหรัฐฯ กลายเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาลจากความขัดแย้งของสองชาติ โดยผู้เชี่ยวชาญหลายรายให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว  Sputnik ว่า บรรดาบริษัทผู้ผลิตอาวุธในสหรัฐฯ ได้ทำกำไรมหาศาลจากการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามในยูเครน ซึ่งผลักดันโลกให้เข้าใกล้จุดวิกฤติของสงครามเต็มรูปแบบ

รายงานระบุว่า บรรดาผู้ผลิตอาวุธจากสหรัฐฯ ได้รับผลประโยชน์จากการขายอาวุธให้แก่รัฐบาลต่างชาติ ส่งผลให้ยอดขายอาวุธของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 29% ในปี 2024 หรือคิดเป็นมูลค่าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 318.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ   

ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นของบริษัทผู้ผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ อาทิ Lockheed Martin, General Dynamics และ Northrop Grumman ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สวนทางหุ้นสายเทคโนโลยีบริษัทอื่นๆที่มักผันผวน แต่หุ้นของอุตสาหกรรมอาวุธในสหรัฐฯ ต่างเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นของ Lockheed Martin เติบโต 38.49% ในปีที่ผ่านมา แตะจุดสูงสุดที่ 611.74 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนตุลาคม ขณะที่หุ้นของ General Dynamics เพิ่มขึ้น 27.81% แตะระดับสูงสุดที่ 313.39 ดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพฤศจิกายน 2024  ส่วนหุ้นของ Northrop Grumman มีการเติบโต 25.5% ในช่วงสามเดือนสุดท้ายของปี 2024  

ตามการวิเคราะห์ของ Sputnik ที่อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงการคลังยูเครนและมหาวิทยาลัย Kiel พบว่าในช่วงสามปีที่ผ่านมา NATO ได้สนับสนุนงบประมาณแก่รัฐบาลยูเครนถึง 191.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยสหรัฐฯ เป็นผู้บริจาคความช่วยเหลือทางทหารรายใหญ่ที่สุด มูลค่ารวม 68.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ขณะที่ข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่าประเทศที่เป็นผู้ซื้ออาวุธรายใหญ่จากสหรัฐฯ ได้แก่ ตุรกี สั่งซื้อ เครื่องบิน F-16 และการปรับปรุงระบบ มูลค่า 23 พันล้านดอลลาร์ อิสราเอล สั่งซื้อเครื่องบินรบ F-15 มูลค่า 18.8 พันล้านดอลลาร์  ญี่ปุ่น สั่งซื้อ เครื่องบิน KC-46A มูลค่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ และขีปนาวุธ Tomahawk มูลค่า 2.4 พันล้านดอลลาร์  เยอรมนี สั่งซื้อขีปนาวุธ Patriot มูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์  อินเดีย สั่งซื้อโดรน MQ-9B มูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ เกาหลีใต้ สั่งซื้อเฮลิคอปเตอร์ AH-64E Apache มูลค่า 3.5 พันล้านดอลลาร์ โรมาเนีย สั่งซื้อรถถัง M1A2 Abrams มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์)

ดร.เคน แฮมมอนด์ นักเขียนและศาสตราจารย์ กล่าวกับ Sputnik ว่า การแสวงหากำไรจากสงครามโดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นภัยคุกคามต่อมนุษยชาติอย่างร้ายแรง โดยยูเครนถูกส่งอาวุธจากตะวันตกอย่างไม่หยุดยั้ง  

อย่างไรก็ตาม ความช่วยเหลือทางทหารจำนวนมหาศาลที่ตะวันตกส่งให้ยูเครนส่วนใหญ่กลับไร้ผลในสนามรบ อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายโจมตีที่ชอบธรรมของรัสเซีย และยังมีส่วนหนึ่งที่หลุดไปอยู่ในมือของพ่อค้าอาวุธผิดกฎหมายในตลาดมืด

คนยูเครนเกินครึ่งเบื่อสงคราม หนุนถกรัสเซีย ปูตินเปิดช่องสันติภาพ แต่ไม่ขอคุยกับเซเลนสกี

(29 ม.ค. 68) ผลสำรวจล่าสุดเผย ชาวยูเครนครึ่งหนึ่งสนับสนุนแนวทางการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย ท่ามกลางแรงกดดันจากนานาชาติให้ยุติสงครามที่ดำเนินมากว่า 3 ปี

ผลสำรวจของ Socis สำนักโพลของยูเครนที่เมื่อไม่นานมานี้  แสดงให้เห็นว่าประชากรยูเครน 50.6% สนับสนุนแนวทางการเจรจาสันติภาพ โดยมีตัวกลางจากนานาชาติเข้ามามีบทบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 36.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 สะท้อนถึงความรู้สึกที่เปลี่ยนไปของชาวยูเครน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยืดเยื้อและรุนแรงขึ้นในสมรภูมิรบ

ในขณะเดียวกัน อัตราการสนับสนุนให้เดินหน้าต่อสู้เพื่อทวงคืนชายแดนสู่แนวเดิมในปี 1991 ลดลงจาก 33.5% ในช่วงต้นปี 2024 เหลือเพียง 14.7% ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ขณะที่แนวคิดการตรึงสมรภูมิไว้ในแนวปัจจุบันก็ได้รับการสนับสนุนเพิ่มขึ้นจาก 8.2% เป็น 19.5%

ด้านประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แสดงท่าทีว่าพร้อมพิจารณาการเจรจาสันติภาพ แต่ปฏิเสธการพูดคุยโดยตรงกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ซึ่งเขามองว่าเป็นผู้นำที่ "ไม่ชอบด้วยกฎหมาย" เนื่องจากหมดวาระไปแล้วในช่วงกฎอัยการศึก อย่างไรก็ตาม ปูตินเปิดทางให้มีการเจรจาผ่านตัวแทนจากทั้งสองฝ่าย

เซเลนสกี ตอบโต้ท่าทีของปูติน โดยระบุว่ารัสเซียพยายามยื้อเวลาและกลัวการเจรจาจริงจัง เขาย้ำว่าแนวทางเดียวที่ยอมรับได้คือสันติภาพที่รักษาอธิปไตยของยูเครน พร้อมเรียกร้องให้พันธมิตรตะวันตกเดินหน้าสนับสนุนเคียฟต่อไป

ด้านสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังเพิ่มแรงกดดันต่อทั้งสองฝ่ายให้บรรลุข้อตกลงโดยเร็ว ทรัมป์เตือนว่าหากรัสเซียไม่ยอมรับการเจรจา อาจเผชิญมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม นอกจากนี้ เขายังแต่งตั้งคีธ เคลลอกก์ ทูตพิเศษด้านยูเครนคนใหม่ พร้อมกำหนดระยะเวลา 100 วันให้ดำเนินการหาข้อตกลงสันติภาพให้ได้

มอสโกยังคงยืนยันจุดยืนว่าการเจรจาจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อยูเครนละทิ้งความต้องการเข้าร่วมนาโต รวมถึงยอมรับสถานะใหม่ของดินแดนที่ถูกรัสเซียผนวกไปก่อนหน้านี้ ขณะที่เคียฟยืนกรานว่าการเจรจาต้องนำไปสู่การฟื้นฟูอธิปไตยเหนือดินแดนทั้งหมด รวมถึงไครเมียที่ถูกยึดไปตั้งแต่ปี 2014

แม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีจุดยืนที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่แรงกดดันจากประชาคมโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ อาจทำให้มีความเป็นไปได้มากขึ้นที่ทั้งสองประเทศจะต้องหันหน้าสู่โต๊ะเจรจาในอนาคตอันใกล้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top