Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

ตำรวจ ปส. เสริมเขี้ยวเล็บ จัดอบรมสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด

เมื่อวานนี้ (8 ก.พ.66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด(บช.ปส.) ได้จัดอบรมการสืบสวนสอบสวนธุรกรรมทางการเงินเครือข่ายยาเสพติด ณ ห้องประชุมพรหมนอก ชั้น 2 บช.ปส. โดยมี พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. เป็นประธานเปิดอบรมให้กับผู้บังคับบัญชาระดับ ผบก., รอง ผบก., ผกก. และเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติติงาน รวมจำนวน 60 นาย โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงาน จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา หรือ DEA นำทีม โดยนายไคล์ เอ. เดนท์ หัวหน้าฝ่ายสืบสวนทางการเงิน นายวิลเลียม จอห์นสตัล เจ้าหน้าที่ผู้ประสานงานฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ DEA ประจำประเทศไทย เพื่อเสริมศักยภาพ พัฒนาองค์ความรู้ และเทคนิค ต่าง ๆ ในการสืบสวนเส้นทางทางการเงิน การฟอกเงิน ของกลุ่มเครือข่ายยาเสพติด ที่ในปัจจุบันมักใช้บัญชีของผู้อื่น หรือ บัญชีม้า ทำธุรกรรมแทน ทำให้ยากต่อการสืบสวนสอบสวน และนำตัวบุคคลที่เป็นเครือข่ายจริง มาดำเนินคดี 

ตำรวจ ปส. รวบเครือข่ายลอบขนยาภาคใต้ ยึดของกลาง 'ยาบ้า' ได้รวมกว่า 4 แสนเม็ด

ตำรวจ ปส. เดินหน้าปราบปรามขบวนการค้ายาเสพติด อย่างต่อเนื่อง ทุกมิติ ทั้งการสกัดกั้นการลำเลียง ขยายผลจับกุมกลุ่มเครือข่าย ยึดและอายัดทรัพย์ ตั้งแต่ผู้ลำเลียง จนถึงผู้สั่งการ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., และภายใต้การสั่งการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ได้ตระหนักถึงโทษและปัญหาที่จะตามมา จึงได้สั่งการให้มีการสืบสวน สอบสวน และขยายผลของเครือข่ายสำคัญจนนำมาสู่การจับกุม

โดยเจ้าหน้าที่ กก.2 บก.ปส.4 พร้อมเจ้าหน้าที่ ด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ร่วมกันจับกุม 4 ผู้ต้องหา คือ 1.) นายสุพจน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี  2.) นายภูวดล (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี 3.) นายสุวิทย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี และ 4.) น.ส.นิตยานาถ (สงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี  ได้ที่บริเวณด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ถนนเพชรเกษม (กรุงเทพฯ-ชุมพร) ต่อเนื่องที่บริเวณริม ถ.เพชรเกษม เยื้องร้านบาสซิ่งการยาง ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จว.ชุมพร พร้อมของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน ทองรูปพรรณและทรัพย์สินอื่น ๆ 13 รายการ มูลค่าประมาณ 616,000 บาท

ผบช.ภาค 5 แถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ตรวจยึดของกลางยาบ้า 4,600,000 เม็ด และไอซ์ 133 กก.

ตามนโยบายของรัฐบาลในด้านการปราบปรามการแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งเป็นภัยคุกคามและอาชญากรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมได้สร้างผลกระทบต่อประชาชน และสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติเป็นอย่างมาก 

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้มอบนโยบายให้เร่งรัดติดตามจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดอย่างจริงจังตามแผนปฏิบัติการด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ เพื่อสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดเข้ามาตอนในของประเทศให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม 

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 09.00 น. ตำรวจภูธรภาค 5 โดย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5 , พล.ต.ต. พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5 ,พล.ต.ต.วรพงค์ คำลือ ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.พิทักษ์ นาสมวาส รอง ผบก.สส.ภ.5 ,พ.ต.อ.สงกรานต์ สันติวงค์ ผกก.สภ.แม่ฟ้าหลวง ,พ.ต.อ.พัสกร ธวัชเชียงกุล ผกก.สส.ภ.จว.เชียงราย ,นายอนุเทพ ธาระณะ ผอ.ส่วนตรวจสอบทรัพย์สิน ปปส.ภ.5,พ.อ.ยอดชาย พวงวรินทร์ รอง เสธ ศอ.ปส.ชน. ได้ร่วมกันแถลงผลการจับกุมยาเสพติดรายสำคัญ จำนวน 1 คดี จับกุมผู้กระทำความผิดตามหมายจับ 1 คน ตรวจยึด ยาบ้า 4.6 ล้านเม็ด ยาไอซ์ 133 กิโลกรัม ขยายผลตรวจยึดรถยนต์ของกลางรวม 4 คัน ซึ่งเป็นผลการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แม่ฟ้าหลวง จว.เชียงราย 

เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2566 เวลาประมาณ 14.30 น. ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์ได้ออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบเส้นทางตามแนวชายแดน และตั้งจุดสกัดยาเสพติดบริเวณที่เกิดเหตุ ได้พบรถยนต์กระบะ ขับมาจากบ้านห้วยปู ม.11ต.แม่ฟ้าหลงวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เข้ามายังบริเวณจุดสกัด เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ รถคันดังกล่าวได้ขับถอยหลังหลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขับรถยนต์ ไล่ติดตาม ไปพบรถคันดังได้ตกลงอยู่ข้างทาง ลักษณะประตู ด้านคนขับเปิดและดับเครื่องยนต์ไว้ แต่กุญแจรถเสียบคาอยู่ ไม่พบผู้ใด จึงได้เข้าตรวจสอบรถคันดังกล่าวพบกระสอบฟางอยู่ในที่นั่งตอนในกับกระบะท้ายเป็นจำนวนมาก จากการตรวจสอบพบว่า เป็นยาบ้าบรรจุอยู่ในกระสอบฟางจำนวน 23 กระสอบ ประมาณ 4.6 ล้านเม็ด และพบยาไอซ์ บรรจุอยู่ในถุงชาสีเขียว อีกจำนวน133 ถุง ประมาณ 133 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่ชุดตำรวจจึงได้ตรวจยึดและนำของกลางส่งพนักงานสอบสวน

ต่อมาสามารถขยายผลออกหมายจับและทำการจับกุมตัวนายสิทธิชัย (สงวนนามสกุล) อายุ31 ปี ซึ่งเป็นชาว อ.แม่จัน จว.เชียงราย ได้

ในความผิดฐาน “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต อันอาจก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน และทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชน”

'บิ๊กตู่' เร่งแก้ปัญหา 'อาวุธปืน-ยาเสพติด' ย้ำ!! เอาจริง สั่งทุกฝ่ายเดินหน้าปราบปรามเข้มข้น

(17 ก.พ. 66) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สั่งการกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงยุติธรรม, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการหาแนวทางการป้องกัน และการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองอาวุธปืนและยาเสพติด ที่ส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ขณะนี้กระทรวงมหาดไทย บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน และมีมาตรการดำเนินการ ดังนี้...

1.) การอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน เพิ่มเติมเอกสารใบรับรองแพทย์ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการหารือกับกรมสุขภาพจิต และโรงพยาบาลสมเด็จพระยาในเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการในการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติดของผู้ยื่นคำขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน รวมทั้งศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 

เนื่องจากพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ไม่ได้ให้อำนาจนายทะเบียนท้องที่ออกคำสั่งให้ผู้ขออนุญาตดำเนินการตรวจสุขภาพจิตและหาสารเสพติด, ออกหนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัดหรือนายจ้าง โดยกำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบประวัติอาชญากร และการรับรองความประพฤติของผู้ยื่นคำขออนุญาตทุกราย 

ทั้งนี้ การขออนุญาตให้ซื้ออาวุธหรือเครื่องกระสุนส่วนบุคคลให้มีอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนสำหรับการค้าให้มีอาวุธปืน (แบบ ป.3) และการขอใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน ให้มีอาวุธปืนไว้เพื่อเก็บ ให้มีและใช้อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนชั่วคราว (แบบ ป.4) โดยในกรณีที่เป็นข้าราชการจะต้องผ่านการรับรองจากผู้บังคับบัญชา หรือหากเป็นบุคคลทั่วไปจะต้องได้รับการรับรองจากเจ้าพนักงานตำรวจหรือพนักงานฝ่ายปกครอง เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้งการออกใบรับรองให้ผู้ใต้บังคับบัญชา ซึ่งหากปรากฏภายหลังพบว่ามีพฤติกรรมชวนสงสัยหรือถูกดำเนินคดีอาญา ต้องแจ้งให้ มท. ทราบเพื่อดำเนินการแจ้งนายทะเบียนท้องที่ดำเนินการตามอำนาจต่อไป 

ปัจจุบัน มท. อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ในประเด็นการกำหนดอายุใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน, ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ยื่นคำขออนุญาต กำชับนายทะเบียนท้องที่ให้ตรวจสอบคุณสมบัติผู้ยื่นคำขออนุญาต ทั้งก่อนและหลังการออกใบอนุญาตและซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง เช่น ซักซ้อมแนวทางปฏิบัติให้ผู้ที่จะยื่นคำขอต่อนายทะเบียน ตามแบบ ป.3 หากเป็นการซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนในราชอาณาจักรให้ขออนุมัติผ่อนผันและรายงานให้ มท. ทราบทุกครั้ง 

ทั้งนี้ กรณีสนามยิงปืนจะอนุญาตให้ซื้อกระสุนปืนได้เฉพาะสนามยิงปืน ที่จัดตั้งเป็นสมาคมกีฬาโดยถูกต้องตามพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2558 และต้องแก้ไขชนิดและขนาดปืนที่ได้รับอนุญาตตามแบบ ป.4 เท่านั้น กรณีมีผู้ยื่นคำขออนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืนชนิดหรือขนาดเดียวกันจำนวนมากผิดปกติ ให้เรียกอาวุธปืนและใบอนุญาตมาตรวจสอบเป็นราย ๆ ไป

หากพบว่ามีการแสดงข้อมูลเป็นเท็จโดยใช้ชื่อตนเอง เพื่อซื้ออาวุธปืนให้บุคคลอื่นให้เพิกถอนใบอนุญาตทันที, เพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว มีการกำชับแนวทางการอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัวภายในเขตจังหวัด และแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเพิกถอนใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว (แบบ ป.12) ได้ทันที หากพบว่าเป็นผู้ที่ไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ หรือถูกเพิกถอนแบบ ป.4, และเชื่อมโยงฐานข้อมูล มท. ได้อนุมัติสิทธิให้ ตช. (ส่วนกลาง) สามารถเข้าระบบเพื่อตรวจดูข้อมูลทะเบียนอาวุธปืนได้ และอยู่ระหว่างการหารือด้านเทคนิคการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงาน

2.) การจัดการอาวุธปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่มีกฎหมายห้ามออกใบอนุญาต กระทรวงมหาดไทยได้เสนอร่างพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ปัจจุบันอยู่ระหว่างเปิดรับฟังความคิดเห็นในระบบกฎหมายกลาง โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

(1) หากบุคคลที่มีการครอบครองอาวุธปืนที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่ในความควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ
(2) กรณีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตได้ ให้ผู้ครอบครองส่งมอบให้อยู่ในการควบคุมของรัฐโดยได้รับการยกเว้นโทษ
และ (3) กำหนดให้มีการจัดเก็บอัตลักษณ์หัวกระสุนและปลอกกระสุนของอาวุธปืนทุกกระบอกโดยให้มีกำหนดโทษทางอาญาสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ด้วย ทั้งนี้ อัตราการออกใบอนุญาตให้ซื้ออาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนส่วนบุคคล (แบบ ป.3) ระหว่างเดือนกรกฎาคม-15 ธันวาคม 2565 มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

'เลขา ป.ป.ส.' สั่ง ขยายผล คดีจับยาบ้า 1 ล้านเม็ด เผย เฉพาะ 4 เดือน ยอดยึดทรัพย์กว่า 2 หมื่นล้านบาท!!

(17 ก.พ. 66) นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ ตร.บก.สส.ภ.9 จับกุมผู้ต้องหาชาวอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รวม 3 คน คือ นายสรายุทธ เศรษฐรินทร์ อายุ 37 ปี, นายวีรยุทธ วิรัชวรกร อายุ 39 ปี และนายทรงพล โสภาสิทธิ์ อายุ 35 ปี พร้อมของกลางยาบ้า 1 ล้านเม็ด เหตุเกิดที่ริมถนนเพชรเกษมขาเข้าหาดใหญ่ ตำบลหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กลางดึกของคืนวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “คดีดังกล่าว เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ตรวจสอบในฐานข้อมูลการข่าวของ ป.ป.ส. พบว่า ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ จ.สงขลา ค้ายาเสพติดมาเป็นระยะเวลานาน และล้วนแต่มีประวัติเคยถูกจับกุมคดียาเสพติดมาก่อน ทั้งยังมีสมาชิกเครือข่ายอยู่ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่ทำหน้าที่กระจายยาเสพติด และดำเนินการเรื่องการเงินและทรัพย์สิน บางรายในอดีตเคยต้องโทษจำคุกอยู่ในเรือนจำ แต่ยังลักลอบใช้โทรศัพท์ติดต่อสั่งซื้อยาเสพติดจำนวนมาก จากนักค้าในประเทศเพื่อนบ้านและพื้นที่ภาคเหนือ ลงไปกระจายจำหน่ายใน จ.สงขลา, จ.สตูล และจังหวัดใกล้เคียง

ตำรวจบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก ยึดยาบ้า-ยาไอซ์-ของผิดกฎหมายเพียบ

ชป.ไล่ล่าเมืองคอนบุกรวบ 'บอล หนองนก' เอเยนต์ค้ายานรก -ยึดยาบ้า ,ไอซ์ และอาวุธปืนอื้อ-ผกก.สั่งสอบสวนขยายผลตามจับกุมเอเยนต์ใหญ่มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้จนได้

(19 ก.พ. 66) พ.ต.อ.โชคดี ศรีเมือง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับรายงานว่าการการลักลอบค้ายาเสพติด ในพื้นที่หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมือง โดยผู้ค้ามีฉายาว่า 'บอล หนองนก' จะตระเวนขับรถนำยาเสพติดไปส่งให้ลูกค้าโดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ธีระพล พุ่มชัย รอง ผกก.ป.พ.ต.ต.มนัส พิทักษ์บูรพา สวป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช นำกำลังออกสังเกตการณ์ติดตามจับกุมมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

จนกระทั่งเมื่อเย็นวานนี้ (17 ก.พ.) ร.ต.อ.พศวีร์ จันทอง รอง สวป. สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำหลังตำรวจและ อส.ตร.ชุดปฏิบัติการไล่ล่า ออกลาดตระเวนตรวจตรามาถึงบริเวณริมทางสาธารณะหน้าบ้านเลขที่ 64/11 บ้านทุ่งสงวน หมู่ 10 ต.บางจาก อ.เมืองจ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทราบว่าเป็นบ้านของ 'นายบอล หนองนก' ผู้ต้องสงสัยที่ได้รับรายงานว่าเป็นแหล่งค้ายาเสพติดยาบ้า ยาไอซ์ และยังมีอาวุธปืนพกประจำกายด้วย

'ตร.สงขลา' จับมือ 'ป.ป.ส.' นำทีมจับยาบ้า 8 แสนเม็ด ไอซ์ 30 กก. จนท.เร่งขยายผลหาเอเย่นต์ใหญ่

(20 ก.พ. 66) เปิดภาพเบื้องหลังปฏิบัติการจับกุมยาบ้า 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม ที่ใส่กล่องพัสดุ นำมาวางไว้ริมถนนในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และขยายผลจับกุม 3 ผู้ต้องหา ยึดทรัพย์รถยนต์ 3 คัน บัญชีธนาคารรวมมูลค่า 3 ล้านบาท

จากกรณีตำรวจสงขลาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 9 จับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ ซึ่งเป็นยาบ้าจำนวน 8 แสนเม็ด และไอซ์ 30 กิโลกรัม มูลค่ารวมกันกว่า 11 ล้านบาทในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ซึ่งซุกซ่อนมาในกล่องพัสดุ และสามารถขยายผลจับกุมผู้ต้องหาที่มารับของได้ 3 คนและยึดรถยนต์ 3 คันมูลค่า บัญชีธนาคาร รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 3 ล้านบาท และทาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้ลงพื้นที่มาแถลงข่าวคดีนี้ ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

ล่าสุดวันนี้ (20 ก.พ. 66) ทีมข่าวมีภาพเบื้องหลังเหตุการณ์ปฏิบัติจับกุมยาบ้า ยาไอซ์และเครือข่ายค้ายากลุ่มนี้ได้ทั้ง 3 คน โดยเริ่มจากเมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็นวันที่ 16 กุมภาพันธ์ตำรวจ สภ.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ ได้รับแจ้งพบกล่องพัสดุต้องสงสัยจำนวน 10 กล่องถูกนำไปวางไว้ในพงหญ้าริมถนนเส้นทางออกจากนิคมอุตสาหกรรมฉลุง หมู่ 4 ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จึงประสานตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ชุดสืบสวนภาค 9 และฝ่ายปกครองอำเภอหาดใหญ่ เข้าทำการตรวจสอบและเก็บไปตรวจลายนิ้วมือแฝงที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 9 พบว่าภายในกล่องพัสดุมียาบ้าอยู่ 8 แสนเม็ด และไอซ์อีก 30 กิโลกรัม

'ตำรวจ ปส.' ลุยสกัดจับยาบ้า 6 คดี ขณะลำเลียงส่งออก ยึดยาบ้ารวม 12 ล้านเม็ด!! เร่งขยายผลหาเครือข่าย

(21 ก.พ. 66) ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติจับคดียาเสพติดรายสำคัญ 6 คดี รวมผู้ต้องหา 24 ราย ยาบ้ากว่า 12 ล้านเม็ด, ยาไอซ์  200 กิโลกรัม, เคตามีน 290 กิโลกรัม, เฮโรอีน 7 กิโลกรัม และรถยนต์ที่ใช้กระทำความผิด 13 คัน

พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า คดีแรกตั้งด่านตรวจริมถนนเพชรเกษมบริเวณหน้าที่ทำการด่านตรวจยานพาหนะชุมพร ตำบลหงษ์เจริญ อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร พบรถยนต์กระบะตู้ทึบ (สงวนทะเบียน) พบนายณัฐวุฒิ หรือนัท เป็นผู้ขับขี่ นายปิยะวัฒน์ หรือ 'มิว' และ น.ส.โนราฟาซีรา หรือ 'โนรา' (ทั้งหมดสงวนนามสกุล) โดยสารมาด้วยมีพิรุธ ให้ขับรถเข้าไปในด่านตรวจ เพื่อ X-Ray รถ พบยาบ้า 3,000,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบสีขาวห่อหุ้มด้วยพลาสติกสีดำ 7 ใบ ผู้ต้องหาให้การว่า รับการติดต่อจาก น.ส.นารี ชาวจังหวัดนราธิวาส ไม่ทราบนามสกุลให้ขนยาบ้าจากกรุงเทพฯ ไปส่งปลายทางจังหวัดนราธิวาส

คดีที่ 2 จับกุมนายยมนา หรือ 'หมี' (สงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี หลังสืบสวนทราบว่า เครือข่ายนี้จะลำเลียงยาเสพติดจาก จ.สระบุรี ส่งปลายทาง จ.นราธิวาส ใช้รถบรรทุก 12 ล้อ อีซูซุ (สงวนทะเบียน) กระทั่งติดตามจับกุมได้บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ตรวจสอบพบซุกซ่อนยาบ้าปะปนมากับกระสอบข้าวสาร 7 กระสอบ รวมยาบ้า 3,104,000 เม็ด

คดีที่ 3 สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 66 มีกลุ่มเครือข่ายค้ายาเสพติดหลบหนีการสืบสวน ตรวจสอบพบว่ามีความเคลื่อนไหวโดยเตรียมลำเลียงเคตามีน ไปประเทศที่ 3 ผ่านช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว กระทั่งวันที่ 20 ก.พ. 66 พบรถยนต์ต้องสงสัยวิ่งมาด้วยความเร็วบนถนนทางหลวงใน ต.วัฒนานคร อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว มุ่งหน้าไป อ.คลองหาด ตรวจสอบพบ พบคีตามีน 7 กระสอบ น้ำหนัก 290 กิโลกรัม ซุกซ่อนอยู่ท้ายรถเก๋งและตรวจยึดรถกระบะที่ใช้เป็นรถนำทาง รวมรถ 2 คัน ผู้ต้องหา 3 คน

พล.ต.อ.ชินภัทรกล่าวอีกว่า คดีที่ 4 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. 66 กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธร ภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมยาบ้า 3 ล้านเม็ด ที่ ต.คลองน้อย อ.บ้านแพรก จ.พระนครศรีอยุธยา ปส.2 ขยายผลกระทั่งวันที่ 18 ก.พ. 66 พบความเคลื่อนไหวของ 1 ในกลุ่มเครือข่ายเดินทางเข้ามาในพื้นที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ต่อเนื่อง อ.เมืองอุดรธานี และ อ.เมืองขอนแก่น ติดตามจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 20 แท่ง น้ำหนักประมาณ 7 กิโลกรัม ได้ที่แยกไฟแดงโนนศิลา อ.โนนศิลา จ.ขอนแก่น

‘ไตรรงค์’ แฉ พรรคการเมือง ฮั้วต่างชาติค้ายา-เปิดพนัน นำเงินสกปรกมาซื้อเสียง วอน หยุดหนุนนักการเมืองชั่ว

(25 ก.พ. 66) เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 66 นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ประธานที่ปรึกษาพรรครวมไทยสร้างชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุถึงปัญหาของประเทศไทยในปัจจุบัน ว่า ศัตรูตัวใหม่ของเราไม่ใช่มหาอำนาจนักล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก แต่เป็นยาเสพติด และของผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นและคงอยู่ได้ ก็เพราะทั้งคนไทยและต่างชาติร่วมมือกันให้มันเกิดขึ้น ต่างชาติ มีทั้ง จีน, ลาว, พม่า, เขมร, รัสเซีย และไนจีเรีย คำถามคือ ทำไมคนพวกนี้จึงกล้ามาทำชั่ว และทำผิดกฎหมายบั่นทอนความมั่นคงของชาติได้ ก็คงเพราะอย่างที่นายตู้ห่าวเคยพูดว่า “มีเงินเสียอย่าง อะไร ๆ ก็สามารถซื้อได้ทำได้ในประเทศไทย ก็เป็นจริงอย่างที่เขาพูด เพราะประเทศไทยเต็มไปด้วยข้าราชการชั่ว และนักการเมืองเลวที่คอยให้ความสะดวก และคุ้มครองธุรกิจเทาดำเหล่านี้ จึงเจริญกว้างขวางยิ่งขึ้นมาก

“ปัญหาของชาติในปัจจุบัน ก็คือ มีนักการเมืองของบางพรรคได้แอบร่วมกันกับต่างชาติในการค้ายาเสพติดและการพนันออนไลน์ และนักการเมืองเหล่านั้น ก็นำเงินสกปรกที่ได้มาเข้าไปใช้ในพรรค มีการเชื่อมต่อเพื่อนำเงินชั่วเข้าพรรคอยู่หลายวิธี เช่น ผู้ใหญ่เจ้าของพรรคทำหมู่บ้านจัดสรรขายให้พวกค้ายาเสพติดเพื่อฟอกเงิน โดยขายในราคาแพงเกินจริง เพื่อทำกำไรส่วนนี้มาใช้ในการซื้อเสียงในการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น หรือบางพรรคก็มีบุคคลสำคัญของพรรคเป็นตัวเชื่อมนำเงินสกปรกเหล่านี้ ส่งให้หัวหน้าพรรคก็จะใช้เงินพวกนี้ในการซื้อความภักดีของ ส.ส.ของพรรค เชื่อหรือไม่ว่า ที่บางคนไม่ยอมย้ายพรรค ไม่ใช่มีอุดมการณ์อะไร แต่เพราะเกิดอาการเสพติดจากเงินค้ายาเสพติด และเงินที่ได้จากรัฐมนตรีของมันโกงกันมา ที่มีการแจกกันเป็นประจำทุก ๆ เดือน”

นายไตรรงค์ ยังระบุต่อว่า “เราคนไทยที่ต้องการตอบแทนบุญคุณต่อวิญญาณของบรรพบุรุษที่เสียสละเลือดเนื้อและชีวิตปกป้องแผ่นดินนี้ไว้ให้ เราก็สามารถจะกระทำได้โดยการร่วมกันไม่สนับสนุนนักการเมืองเลว ข้าราชการชั่ว และพรรคการเมืองอุบาทว์ในคราบของนักบุญ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เราคนไทยต้องร่วมกันลงโทษ ไม่เลือกพรรคมัน เพื่อป้องกันมิให้พวกมันสามารถใช้เงินสกปรกจากธุรกิจเทา-ดำ เช่น การค้าเฮโรอีนและยาบ้า มาซื้ออำนาจรัฐ เพื่อขอเป็นรัฐบาลบริหารประเทศอย่างเด็ดขาด”


ที่มา : https://mgronline.com/politics/detail/9660000018121

‘ตร.’ เปิดปฏิบัติการ ‘อินทรชิตแผลงศร’ รวบกลุ่มบิ๊กค้ายา พร้อมทรัพย์สินกว่าร้อยล้าน

(28 ก.พ. 66) ตำรวจเปิดปฏิบัติการ ‘อินทรชิตแผลงศร’ ขยายผลปิดล้อมจับกุม 3 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่ 20 จุด ในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฎฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พร้อมเจ้าหน้าที่ทหาร ป.ป.ส. และ นายนิโคลัส เจ.วิลส์ หัวหน้าสำนักงาน DEA กรุงเทพมหานคร ร่วมกันแถลงผลการปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้สืบสวนขยายผลจากการจับกุม 3 เครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ เมื่อปี 2565 ได้แก่

เครือข่ายนายฮ้อยทมิฬ เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2565 จับกุมกลุ่มผู้ลำเลียงยาเสพติด 3 ราย พร้อมของกลางยาบ้า 7,000,000 เม็ด ในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และพื้นที่ใกล้เคียงหลายจุด พร้อมยึดทรัพย์ 11 ล้านบาท หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลออกหมายจับและจับกุมกลุ่มผู้สั่งการในพื้นที่ภาคเหนือ 3 ราย ยึดทรัพย์สินอีก 35 ล้านบาท

เบื้องต้นสามารถออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย 4 คน คือ กลุ่มผู้สั่งการในพื้นที่ภาคเหนือ 2 ราย เข้าตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์สินในพื้นที่ภาคเหนือ 5 จุด และออกหมายจับกลุ่มรับยาเสพติด ซึ่งเป็นผู้ค้ายาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง 2 ราย เข้าทำการตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์สินในพื้นที่ภาคกลาง 2 จุด

เครือข่ายรถบรรทุกโลจิสติกส์ เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 พนักงานของบริษัทรับขนส่งสินค้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมได้ 1 คน พร้อมยาบ้า 2,000,000 เม็ด ได้ที่ด่านตรวจยาเสพติดสบปราบ จ.ลำปาง หลังนำยาเสพติดซุกซ่อนปะปนไปกับพัสดุอื่น ๆ ก่อนจะลำเลียงไปส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ตอนใน และขยายผลจับกุมผู้รับยาเสพติดปลายทางได้ทันที 1 ราย ในปฏิบัติการครั้งนี้ขยายผลออกหมายจับบุคคลในเครือข่าย 3 ราย คือ ผู้สั่งการ 1 ราย และผู้ที่นำยาเสพติดมาส่งให้ผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดเชียงราย 2 ราย เข้าทำการตรวจค้นเพื่อจับกุมและยึดทรัพย์สินในพื้นที่ภาคเหนือ จำนวน 7 จุด จังหวัดลำปาง ต่อเนื่อง จังหวัดอยุธยา


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top