Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

'สำนักงานตำรวจแห่งชาติ' แถลงผลงานรอบ 3 เดือน ขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล กวาดล้างอาชญากรรมอย่างเด็ดขาดและต่อเนื่อง

สืบสวนปราบปรามจับกุม คดียาเสพติด คดีออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัด
ระเบียบคนต่างด้าวฯ แก้ไขปัญหาและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่

วันนี้ (20 ม.ค. 66) เวลา 11.00 น. ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านการปราบปรามอาชญากรรมอย่างเฉียบขาด จริงจัง บังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย ยังคงนโยบาย ผบ.ตร. ในการยกระดับการบริการประชาชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนต่อประชาชน แก้ไขปัญหายาเสพติดทุกมิติ และอาชญากรรมออนไลน์ การพนัน อาวุธปืน สถานบริการ เพิ่มความเข้มในการคัดกรองและจัดระเบียบคนต่างด้าวผิดกฎหมาย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65 – 31 ธ.ค.65 ดังนี้

1. ด้านการกวาดล้างอาชญากรรม
1.1 สถิติคดีอาญา 4 กลุ่ม ทั่วประเทศ สามารถจับกุมได้ 221,205 คดี
1.2 การระดมกวาดอาชญากรรมในช่วงเทศกาลสำคัญ (APEC, ฟุตบอลโลก, ปีใหม่) จับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 11,811 คดี ผู้ต้องหา 10,450 คน จับบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 9,465 หมายจับ ผู้ต้องหา 9,255 คน จับกุมการลักลอบเล่นการพนันทายผลการแข่งขันฟุตบอลโลก ผู้ต้องหา 12,245 ราย ยึดทรัพย์สินมูลค่ารวม 1,770,565,337 บาท และเงินทุนหมุนเวียน 11,202,398,188 บาท
1.3 กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย ระดมกวาดล้างคนต่างด้าว Overstay ในห้วงวันที่ 1 ธ.ค.-13 ธ.ค.65 จับกุมได้ 7,886 ราย สถิติการจับกุมในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง 3,017 ราย, ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 23 ราย และนำพาคนต่างด้าว

4 ราย สถิติการดำเนินคดีในข้อหาตาม พ.ร.บ.ค้ามนุษย์ (10 ประเภทความผิด) จำนวน 34 คดี จับกุมผู้ต้องหาได้ 64 ราย และช่วยเหลือผู้เสียหายได้ 91 ราย (ข้อมูลจาก ศพดส.ตร.)
1.4 โครงการประชาสัมพันธ์ เครือข่ายป้องกันอาชญากรรม
1.4.1 โครงการฝากบ้าน 4.0 ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 มีประชาชนเข้าร่วมโครงการ จำนวน 8,583 ราย  เป็นการลงทะเบียนผ่านทางแอปพลิเคชัน 'ฝากบ้าน 4.0' จำนวน 7,190 ราย และลงทะเบียนผ่านการติดต่อกับสถานีตำรวจ  ในละแวกบ้าน จำนวน 1,393 ราย ขอประชาสัมพันธ์ให้ทราบว่า “สามารถลงทะเบียนฝากบ้าน 4.0 ได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะช่วงเทศกาล”
1.4.2 โครงการ Stop Walk and Talk เป็นการเก็บข้อมูลจากการหยุดรถตรวจพูดคุยกับประชาชน นำข้อมูลมาใช้ในการป้องกันอาชญากรรมก่อนเกิดเหตุ ซึ่งในการห้วงมีการประชุม APEC มีการบันทึกข้อมูลบุคคลที่พบปะพูดคุย จำนวน 593,621 ครั้ง
1.4.3 เพื่อนบ้านเตือนภัย ให้ประชาชนสามารถดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตนเองได้ในขั้นต้น เสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างตำรวจกับประชาชน และระหว่างประชาชนด้วยกัน
1.4.4 โครงการ 1 ตำรวจ 1 หมู่บ้าน พบปะทำความรู้จัก รับฟังปัญหาจากประชาชน แสวงหาความร่วมมือ ทำลายกระบวนการยาเสพติด ควบคุมและลดพฤติกรรมที่อันตราย ในระยะที่ 1 จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจลงสู่ชุมชน จำนวน 1,365 ชุมชน แก้ไขปัญหาอาชญากรรมได้ 203 คดี

2. ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด
2.1 สถิติการจับกุมคดียาเสพติด จับกุมได้ 69,385 คดี ผู้ต้องหา 68,354 คน (ปริมาณของกลา ยาบ้า 93,118,132 เม็ด, ไอซ์ 77,246 กิโลกรัม, เฮโรอีน 36,861 กิโลกรัม เคตามีน 43,084 กิโลกรัม โคเคน 262 กิโลกรัม และ ยาอี 54,789 เม็ด)
2.2 โครงการค้นหา ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา และผู้ป่วยจิตเวช เพื่อนำเข้าสู่การบำบัดรักษา จำนวน 401,452 คน โดย แบ่งเป็น ผู้ใช้ ผู้เสพ ผู้ติดยา จำนวน 350,056 คน ผู้สมัครใจนําเข้ากระบวนการบําบัดยาเสพติด จำนวน 106,937 คน ผู้ป่วยจิตเวชส่งเข้ารับการบำบัด จำนวน 51,396 คน ในจำนวนนี้ เป็นผู้ป่วยจิตเวชสาเหตุจากยาเสพติด จำนวน 25,586 คน
2.3 โครงการชุมชนยั่งยืน ดำเนินการไปแล้วจำนวน 2,966 ชุมชน พบผู้เสพยาเสพติด จำนวน 28,164 คน ในปี พ.ศ. 2566 จะดำเนินการอีกจำนวน 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน นำเข้าสู่การบำบัดรักษาโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน (Community Based Treatment : CBTx)

3. ด้านการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
3.1 การแจ้งความออนไลน์ รับแจ้งความ 67,479 คดี ขยายผลและออกหมายจับจำนวน 321 Case ID จับกุมได้ 95 Case ID คิดเป็น 30% พบความเสียหายรวม 8,815,670,563 บาท อายัดบัญชีได้ 24,614 บัญชี อายัดเงินได้ 105,917,104 บาท
3.2 ความร่วมมือภาคีเครือข่ายและการประชาสัมพันธ์
3.2.1 บันทึกข้อความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติกับสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ  มีผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลฯ กสทช. ธนาคารแห่งประเทศไทย ปปง. ร่วมเป็นสักขีพยาน
3.2.2 โครงการสร้างภาคีเครือข่ายป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) อบรมครูแม่ไก่ 11 กองบัญชาการ รวม 116 นาย และ ครู ข.ไข่ จำนวน 29 กองบังคับการ
3.2.3 บันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับไปรษณีย์แห่งประเทศไทย จัดทำโปสเตอร์รูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพ จำนวน 2,000,000 แผ่น แจกจ่ายให้ประชาชนและสถานีตำรวจทั่วประเทศ
3.2.4 โครงการ แชทบอท@police1441 ผ่านแอปพลิเคชัน Line เพื่อให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีแก่ประชาชน ตลอด 24 ชั่วโมง
 
3.4 ปรับปรุงระเบียบกฎหมาย
3.4.1 ร่วมกับกระทรวงดิจิทัลฯ เสนอร่าง พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ..... เพื่อให้ครอบคลุมการปฏิบัติของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยร่างกฎหมายดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
3.4.2 ร่วมเสนอร่างประกาศ ปปง. เรื่อง การจัดทำข้อมูลบุคคลผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมูลฐานและการฟอกเงินฯ เข้าสู่ระบบตรวจสอบรายชื่อบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงด้านการฟอกเงิน HR-03

4. ด้านการยกระดับการบริการประชาชนของสถานีตำรวจ
4.1 Service Mind ปรับแนวคิดการให้บริการประชาชนของสถานีตำรวจทั่วประเทศ จำนวน 1,484 สถานี เน้นการให้บริการดุจญาติมิตร รับรู้ แก้ไขปัญหาให้ประชาชนในพื้นที่ ยกระดับการบริการทุกสายงาน เช่น สายตรวจต้องเข้าไปรับรู้ปัญหาของชุมชน (Stop Walk and Talk) พนักงานสอบสวนต้องแจ้งความคืบหน้าทางคดีให้ทราบ เป็นต้น
4.2 สำรวจความพึงพอใจประชาชน ต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งประเทศ โดยมีที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการภายนอกเป็นผู้สำรวจจากกลุ่มประชากรเป้าหมาย จำนวน 80,000 หมู่บ้าน ประชาชน 1 ล้าน คน ทำการสำรวจ 2 ครั้ง/ปี (ครั้งที่ 1 ในเดือน ม.ค.66 และ ครั้งที่ 2 ในเดือน ก.ค.66)
4.3 การรับเรื่องร้องเรียน ร้องทุกข์ออนไลน์ (ผ่านระบบ JCOMS)  เปิดช่องทางให้ประชาชนได้มีโอกาสร้องเรียน ร้องทุกข์ หรือแจ้งเบาะแสต่าง ๆ ผ่านเว็บไซต์ JCOMS : www.jcoms.police.go.th และเว็บไซต์สำนักงานจเรตำรวจ : www.jaray.go.th หรือสแกนผ่านทาง QR Code ปัจจุบันมีการรับเรื่องร้องเรียน 1,851 เรื่อง แจ้งเบาะแส/ขอความช่วยเหลือ 1,261 เรื่อง รวม 3,112 เรื่อง

สำนักงาน ป.ป.ส. แถลงผลงาน หน่วย AITF จับกุมต่างชาติซุกยาเสพติดร่วม 79,200 เม็ด

(23 ม.ค.66) ณ ศูนย์ปฏิบัติการ สำนักงาน ป.ป.ส. นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส) พร้อมด้วย นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายมานะ ศิริพิทยาวัฒน์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., นางสาวกัญญนันทน์ คงภัสนิธิโรจน์ ผู้อำนวยการสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง รอง ผบช.ปส., พล.ต.ณรงฤทธิ์ สุบิน ที่ปรึกษา ผบ.ศรภ, พ.อ.บุรี บุญวรรณ รอง ผอ.สำนักปฏิบัติการข่าว ศรภ., นายจิรวัฒน์ น้อยกลาง หัวหน้าฝ่ายสืบสวนปราบปรามที่ 1 ส่วนสืบสวนปราบปราม 3 กองสืบสวนและปราบปราม กรมศุลกากร และ น.อ.ชนันนันธ์ รอดกุล ผู้อำนวยการฝ่ายรักษาความปลอดภัย ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ร่วมแถลงข่าว หน่วยเฉพาะกิจสกัดกั้นยาเสพติดทางท่าอากาศยานสากล (Airport Interdictoin Task Force : AITF) ประกอบด้วย กรมศุลกากร, กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, ศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงาน ป.ป.ส. จับกุมชายชาวเอเชียใต้ พร้อมยึดวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 และประเภท 4 รวมของกลางจำนวน 79,200 เม็ด 

โดยเมื่อวันที่ 20 มกราคม เจ้าหน้าที่หน่วย AITF พบการเดินทางของชายชาวเอเชียใต้ต้องสงสัยเดินทางจากเมืองการาจี เอเชียใต้ เข้าไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทราบชื่อว่า นาย ANSARI ANWAR อายุ 57 ปี จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระ จำนวน 3 ใบ ผลการตรวจค้น พบวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท ประเภท 2 และประเภท 4 รวม 5 รายการ ของกลางทั้งสิ้น 79,200 เม็ด 

‘บช.ปส.’ แถลงจับเครือข่ายยาเสพติด 3 คดี ยึดยาไอซ์ได้ทั้งสิ้น 1,145 กิโลกรัม

(24 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส) ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รองผบ.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร. และพล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. แถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติด 3 ราย 

คดีแรกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส 4 ร่วมกับ บก.ขส. จับกุมผู้ต้องหา 3 คน คือนายอาคม อายุ 27 ปี จับกุมได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถนนเพชรเกษม ตำบลท่าแค อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง, น.ส.แหม่ม อายุ 32 ปี และน.ส.ชญาดา อายุ 35 ปี จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ระหว่างกม.128 ถึง กม. 129 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

หลังสืบทราบว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลางนำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดที่ประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ พบรถกระบะของกลาง 3 คัน บรรทุกพืชผักทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมาโดยรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั๊ม PT สาขาท่าแค เมื่อตรวจค้นพบนายอาคมเป็นผู้ขับขี่ สารภาพว่ามียาเสพติดทุกซ่อนอยู่ ใช้สินค้าทางการเกษตรอำพราง ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้ที่ริมถนนสาย 41 ตำบลป่าเว อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ยาไอซ์ 688 กิโลกรัม พร้อมยึดโทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง โดยขบวนการดังกล่าวเป็นขบวนการค้ายาไอซ์ข้ามชาติ นำยาเสพติดมาจากทางภาคอีสานส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไปยังปลายทางประเทศที่ 3 

นอกจากนี้ตำรวจ บก.ปส. 4 ร่วมกับตำรวจบก.น. 7 เจ้าหน้าที่ ศรภ.กองบัญชาการกองทัพไทยขยายผลการเครือข่ายดังกล่าวได้ผู้ต้องเพิ่มอีก 4 ผู้ต้องหา คือ น.ส.วรวรรณหรือโรส ได้ที่หน้าบิ๊กซีมินิมาร์ท ถนนเพชรเกษม ตำบลอ้อมน้อย อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร ของกลางยาไอซ์ 3.8 กรัม ยาบ้า 100 เม็ด นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ จับกุมได้ที่ซอยจำเนียรสุข 3 ถนนเพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ พร้อมของกลางไอซ์ 64 กรัม จับกุมนายณัฐวุฒิหรือป็อกและนายนัสหรือมอส ได้ที่หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ ได้ของกลาง 43.285 กิโลกรัม และผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดผ่านแอปพลิเคชันไลน์

ตำรวจ ปส.ทลายเครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ ของกลางกว่า 1.1 ตัน

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./ ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. และ พล.ต.ต.เอกภพ อินทวิวัฒน์ ผบก.ขส. ได้สั่งการให้สืบสวนหาข่าว เครือข่ายค้ายาเสพติดในทุกระดับ เพื่อจะตัดวงจรการลักลอบลำเลียงยาเสพติด รวมไปถึงจับกุม และขยายผลยึดทรัพย์เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง และการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน รวมทั้งส่งออกไปยังประเทศที่สาม เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ซึ่ง บช.ปส. ได้สืบสวนขยายผลจนนำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหา 3 คดี รวมไอซ์กว่า 1 ตัน  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.4 ร่วมกับศูนย์วิเคราะห์ข่าวสงขลา บก.ขส. จับกุม 3 ผู้ต้องหา คือ 1.นายอาคม สุทธิโพธิ์ อายุ 27 ปี  ได้ที่ปั๊มน้ำมัน PT สาขาท่าแค ถ.เพชรเกษม ต.ท่าแค อ.เมือง จว.พัทลุง 2.น.ส.แหม่ม หมื่นบำรุง อายุ 32 ปี และ 3. น.ส.ชญาดา หมื่นบำรุง อายุ 35 ปี จับกุมได้ริมถนนสาย 41 ระหว่าง กม.128-กม.129 อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี  หลังพบว่าเมื่อวันที่ 16 ม.ค.66 กลุ่มผู้ลักลอบจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ภาคกลาง นำไปส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ และพบรถของกลาง 3 คัน หนึ่งในนั้นบรรทุกสินค้าทางการเกษตรมาเต็มคัน ขับตามกันมา กระทั่งรถบรรทุกสินค้าจอดแวะที่ปั้มพีที สาขาท่าแค อ.เมือง จว.พัทลุง ตำรวจจึงแสดงตัวขอตรวจค้น พบนายอาคม สุทธิโพธิ์ เป็นผู้ขับขี่  สารภาพว่า มียาเสพติดซุกซ่อนปะปนมากับสินค้าทางการเกษตรเพื่อใช้อำพรางการตรวจค้น ส่วนรถอีก 2 คัน จับกุมได้บริเวณริมถนนสาย 41 ในพื้นที่ ต.ป่าเว อ.ไชยา จว.สุราษฎร์ธานี ตรวจยึด ไอซ์ 688 กก., รถยนต์กระบะ 3 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติดอำพรางมากับผลผลิตทางการเกษตร และ โทรศัพท์มือถือ จำนวน 3 เครื่อง สำหรับขบวนการนี้เป็นเครือข่ายขบวนการค้าไอซ์ข้ามชาติ มาจากทางภาคอีสาน ส่งต่อกันเป็นทอดๆ เพื่อไปยังปลายทางประเทศที่สาม โดยมีขบวนการมารอรับยาเสพติดที่บริเวณชายแดน ซึ่งจะอาศัยช่วงเปิดประเทศ และประชาชนเดินทางท่องเที่ยว ประกอบกับระบบการขนส่งสินค้าเริ่มฟื้นตัวมากขึ้น เพื่อเตรียมลักลอบลำเลียงไปจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.ปส.4 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.น.7 และเจ้าหน้าที่ ศรภ. กองบัญชาการกองทัพไทย จับกุม 4 ผู้ต้องหา คือ 1.น.ส.วรวรรณ หรือโรส นันทรุจินนท์ ที่หน้าร้านบิ๊กซี มินิมาร์ท ถ.เพชรเกษม ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จว.สมุทรสาคร พร้อมของกลางไอซ์ 3.8 กรัม, ยาบ้า 100 เม็ด ก่อนขยายผลจับกุม 2.นายณัฐพงษ์ หรือณัฐ สมรรถบุตร ที่ ซ.จำเนียรสุข 3 ถ.เพชรเกษม แขวงวังท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลาง ไอซ์ 64  กรัม, 3.นายณัฐวุฒิ หรือป็อก แสนเมือง และ 4.นายนัส หรือมอส วัจนลักษณ์ ที่ หมู่บ้านจรัญวิลล่า 3 ซอยบางแวก 37 แขวงบางแวก เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร พร้อมของกลางไอซ์ 43.285 กก. และ ผงเมทแอมเฟตามีน 660 กรัม โดยเครือข่ายนี้จากการตรวตสอบพบมีการซื้อขายยาเสพติดกันผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ 

คดีที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ม.ค. 66 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.บช.ปส. และ บก.ขส. ร่วมกันจับกุม นายทวีชัย  แซ่ย้า อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.เชียงของ จว.เชียงราย สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้ทำการสืบสวนและติดตามกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติดในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าม้ง ผู้ทำหน้าที่ติดต่อประสานงาน/จัดหาคนรับจ้างลำเลียงเสพติด ติดต่อประสานกับกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อลักลอบลำเลียงยาเสพติดประเภทยาบ้า และ ไอซ์ จำนวนมาก จากพื้นที่ภาคเหนือผ่านเข้ากรุงเทพฯ และ ปริมณฑล โดยจะลำเลียงยาเสพติดสู่ไปส่งมอบให้กับลูกค้าตามสั่งการของผู้ว่าจ้างในพื้นที่ จว.สตูล และออกไปยังประเทศที่ 3 จนกระทั่งวันที่ 19 ม.ค.66 เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหา ได้ที่บริเวณลานจอดรถห้างบิ๊กซี สาขาบ้านดู่ อ.เมือง จว.เชียงราย พร้อมตรวจยึดของกลาง (ไอซ์) จำนวน 10 กระสอบ น้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม อยู่ในห่อชาสีเขียว วางบรรทุกอยู่ในห้องโดยสารด้านหลังผู้ขับขี่ รถยนต์ส่วนบุคคล ยี่ห้อ MAZDA BT50 สีดำ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อขยายผลติดตามออกหมายจับบุคคลที่หลบหนี บุคคลในเครือข่ายและ ยึดทรัพย์สิน ตามประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ต่อไป

‘ลุงหนู’ จ่อชง ครม. แก้กฎกระทรวงเพิ่มโทษยาบ้า หวังแก้ปัญหายาเสพติดเกลื่อนเมือง

‘ลุงหนู’ จ่อชง ครม. แก้กฎกระทรวงเพิ่มโทษยาบ้า หวังแก้ปัญหายาเสพติดเกลื่อนเมือง 

‘อนุทิน’ จ่อชงครม.แก้กฎกระทรวง ครอบครองยาบ้า 1 เม็ด เป็นผู้เสพ 2 เม็ด เป็นผู้ค้า หวังแก้ปัญหาผู้ค้าเลี่ยงกม. ลั่น ต้องมีมาตรการ จัดการเด็ดขาด

(30 ม.ค. 66) เมื่อเวลา 10.20 น. ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงการออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์กำหนดการครอบครองยาบ้าเกิน 1 เม็ดเป็นผู้ค้าว่า ตนได้รับรายงานจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่ากำลังจัดเตรียมประกาศอยู่ ซึ่งเป็นผลมาจากคณะกรรมการการบำบัดรักษา ฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด และจะมีการนำเสนอให้ตนได้ลงนาม ขณะนี้กำลังเตรียมเอกสารอยู่ ซึ่งมาตรการนี้เป็นร่างของกฎกระทรวง ซึ่งจะต้องนำเสนอให้ครม.เห็นชอบด้วยก่อนประกาศในราชกิจานุเบกษาฯ

ตำรวจ ปส. สกัดผู้ต้องหา คาด่านชั่งน้ำหนักย่านพระราม 2 หลังลอบขนยาบ้า 3 ล้านเม็ด ก่อนยาหลุดลงภาคใต้

ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2  ให้ ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมโดยเฉพาะอย่างยิ่งเน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า 

ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ล่าสุด ช่วงสายของวันที่ 27 ม.ค.2566 เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดพัทยา กก.1 ร่วมกับ ศูนย์วิเคราะห์ข่าว บก.ปส.2, ตำรวจทางหลวง และ ป.ป.ส.ภ.7 เข้าจับกุม นายยมนา หรือหมี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 51 ปี ได้ที่บริเวณหน่วยบริการตำรวจทางหลวงสมุทรสงคราม ถ.พระราม 2 ในจุดสถานีตรวจสอบน้ำหนัก (ขาออก) อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร ก่อนจับกุมได้รับแจ้งว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดจะลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ จว.สระบุรี ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้ โดยจะใช้รถบรรทุก 12 ล้อ เป็นพาหนะที่ใช้ลำเลียงยาเสพติด 

‘พุทธิพงษ์’ หนุนนโยบาย ทำสงครามกับยาเสพติด ยัน!! ‘ภูมิใจไทย’ มีแนวทางสะสางต้นตอปัญหา

(31 ม.ค. 66) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หัวหน้าทีม กทม. พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวปราศรัยเดินหน้าประกาศสงครามกับยาเสพติดที่ใต้ทางด่วนชุมชนวัดมะกอกส่วนหน้า เขตพญาไท นั้นว่า ตนฟังอยู่ตลอด และคิดว่าเป็นเจตนาที่ดี เชื่อว่าร้อยทั้งร้อยประชาชนทุกคนเห็นด้วยแน่นอน โดยชาวชุมชนวัดมะกอกเองก็บอกว่าดีใจ และขอให้มีการปราบปรามอย่างจริงจัง ควบคู่ไปกับการให้ความรู้ประชาชนและบำบัดรักษาผู้ที่ติดยาเสพติดด้วย ส่วนเรื่องการออกหลักเกณฑ์ผู้เสพผู้ค้ายาบ้าใหม่จำนวนกี่เม็ดนั้น เป็นเรื่องของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติด กระทรวงสาธารณสุข ที่ยังต้องเสนอให้ ครม. พิจารณา ต่อไป

'เชียงราย' ยิงสนั่นกลางป่าชายแดนแม่ฟ้าหลวง ทัพเจ้าตาก ปะทะ กลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดวิสามัญ 2 ศพ

หน่วยเฉพาะกิจทัพเจ้าตาก กองกำลังผาเมือง ได้สั่งการให้หน่วยในพื้นที่ตามแนวชายแดน จัดกำลังเฝ้าตรวจตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปรากฎข่าวสารว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดผ่านชายแดนเข้ามายังประเทศไทย จนกระทั่งช่วงค่ำของวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 19.15 นาฬิกา ชุดปฏิบัติการของกองร้อย

ทหารพรานที่ 3107 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 31 ซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้าตรวจชายแดน บริเวณช่องทางสันมะเค็ด บ้านห้วยกระ ตำบลแม่สลองใน อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้ตรวจพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัย จำนวน 5 – 7 คน แบกเป้สัมภาระเข้ามายังพื้นที่เฝ้าตรวจ จึงได้แสดงตัวเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ใช้อาวุธไม่ทราบชนิดยิงใส่ฝ่ายเรา จึงได้เกิดการปะทะกันประมาณ 5 นาที ผลการปะทะ ฝ่ายเราปลอดภัย   เนื่องจากอยู่ในยามวิกาล

ผบช.ภ.1 ร่วมกับ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ ปปส.ภาค 1 จัดแถลงข่าวจับกุมยาเสพติดเครือข่าย 'เฮียเยะ เชียงราย' ได้ของกลางยาบ้า 1.73 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 35 ล้านบาท สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือสู่ภาคกลาง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ สถานีตำรวจภูธรพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา สํานักงาน ปปส.ภาค 1 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมเครือข่ายลําเลียงยาเสพติดจากภาคเหนือ "เฮียเยะ เชียงราย" เพื่อนํามาจําหน่าย และแพร่กระจายในภาคกลางและภาคตะวันตก

เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายบุญหลง หรือ หลง ยานะนวล อายุ 42 ปี ลําเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง โดยใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย จึงประสานให้ สภ.มหาราช ตั้งจุดสกัดที่ถนนสายเอเชีย กม.47 บริเวณหน้าตู้ยาม ต.02 สภ.มหาราช ต.ท่าตอ อ.มหาราช จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนกําลังเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่เหลือ ได้วางกําลัง เฝ้าสังเกตุการณ์ตามเส้นทางหลักและรอง เพื่อจะสกัดกั้นการลําเลียงยาเสพติดในครั้งนี้

ตำรวจภูธรภาค 7 แถลงผลระดมจับกุมความผิดอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนที่ผิดกฎหมาย และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 พร้อมของกลางยาบ้ากว่า 5 แสนเม็ด ไอซ์ 40 กก.และของกลางจำนวนมาก

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่บริเวณด้านหน้าอาคารที่ทำการตำรวจภูธรภาค 7  อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค7 นายยงยุทธ สวนทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครปฐม พร้อมด้วยรองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงผลถลงผลระดมจับกุมความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน การจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืนโดยผิดกฎหมาย (On Ground) และจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ผ่านระบบออนไลน์และโซเซียลมีเดียโดยผิดกฎหมาย (Online) ระหว่างวันที่ 1 - 5 ก.พ.66 ที่ผ่านมา โดยแยกความผิด 

1.) ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน จำนวน 582 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 578 คน 
2.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( On Ground ) จำนวน 2 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 2 คน อาวุธปืนมีทะเบียน จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 1 นัด 
3.) ความผิดเกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน วัตถุระเบิด เครื่องกระสุนปืน ( Online) จำนวน 4 คดี ผู้ต้องหา จำนวน 4 คน และผลการจับกุมคดียาเสพรายสำคัญในพื้นที่ภาค 7 ผู้ต้องหาจำนวน 7 คน ช.4 ญ.3 พร้อมของกลาง ยาบ้าจำนวน 264 มัด รวมประมาณ 528,000 เม็ด ไอซ์ จำนวน 40 ถุง น้ำหนักรวมประมาณ 40 กิโลกรัม รถยนต์จำนวน 7 คัน อาวุธปืนจำนวน 2 กระบอก และอื่นๆ อีกหลายรายการ)

สำหรับผลการจับกุมคดียาเสพติด ชุดจับกุมสืบสวนทราบว่า พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดนครปฐม มีกลุ่มเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) จากประเทศเพื่อนบ้านเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ทางด้าน อ.สังขละบุรี และสืบสวนทราบว่า หนึ่งในขบวนการกลุ่มเครือข่ายนายโก๊ะ มีนายวิเชียรหรือตั้มฯ และ น.ส.หฤทัยชลหรืออ้อย ฯ เป็นผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนใน ส่วนวันเวลาก่อนการจับกุมประมาณ 1 เดือน ทราบว่า นายโก๊ะ สั่งการให้ น.ส.หฤทัยชลฯ กับพวก ขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซิตี้ สีดำ ทะเบียน 6กท-4926 กรุงเทพมหานคร มุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อนำยาเสพติดซุกซ่อนภายในรถยนต์ โดยมีการทำช่องลับซุกซ่อนยาเสพติด ซึ่งทำการจับกุมเมื่อวันที่ 3 ก.พ.2566 ที่ผ่านมา ณ ถนนแสงชูโต ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ต่อเนื่อง อู่ทำสีรถยนต์ ซอยตลาดเทศบาลเมืองสามพราน อ.สามพราน และต่อเนื่อง บ้านเลขที่ 44/128 หมู่ที่ 8 ต.ท่าตลาด อ.สามพราน จ.นครปฐม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top