Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

‘ตร.’ เผย 2 เดือน จับยาเสพติดเฉียด 5 หมื่นคดี พร้อมทลาย ‘แก๊งต่างชาติ-ทุนจีน-พนันบอล’ เพียบ

ผบ.ตร.โชว์ผลงานรอบ 2 เดือน เน้นงานนโยบาย 5 ด้าน เร่งด่วน แก้ปัญหาผู้เสพกว่า 1.4 แสนราย จับกุมปืน 22,027 คดี กวาดล้างยาเสพติด 47,310 คดี พนันฟุตบอล 5,101 ราย ทลายเครือข่ายนายทุนจีน แก๊งต่างชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี สร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน

วันนี้ (30 พ.ย.65) เวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะด้านอาชญากรรม ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน ด้านปัญหายาเสพติด อาวุธปืน สถานบริการ การพนัน คดีออนไลน์ และเครือข่ายคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมายในประเทศไทยอย่างเฉียบขาด จริงจัง และต่อเนื่อง โดยบังคับใช้ทุกมาตรการทางกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอแถลงผลการดำเนินการ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. - 28 พ.ย. 65 จำนวน 5 ด้าน ดังนี้

1.) สถิติอาชญากรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (1 ต.ค.- 28 พ.ย.65) รับคำร้องทุกข์ 142,740 คดี  จับกุมได้ 131,349 คดี คิดเป็น ร้อยละ 92

(1.1) จับกุม อาวุธปืนและวัตถุระเบิด 22,027 คดี 20,316 คน (ปืนสงคราม 220 คดี, ปืนไม่มีทะเบียน 6,466 คดี, ปืนมีทะเบียน 529 คดี )

(1.2) คดีเกี่ยวกับการพนัน 15,407 คดี ผู้ต้องหา 18,170 คน จับกุมกรณี บ่อนการพนัน (20 คนขึ้นไป) 4 คดี ผู้ต้องหา 108 คน

โดยศูนย์ป้องกันและปราบปรามการลักลอบเล่นการพนันทายผลฟุตบอลโลก (World Cup 2022) มีผลปฏิบัติ จับกุมเจ้ามือ จำนวน 104 ราย (เจ้ามือ 57 ราย เจ้ามือออนไลน์ 47 ราย) ผู้เล่น 4,975 ราย (ผู้เล่นทั่วไป 4,559 ราย ผู้เล่นออนไลน์ 416 ราย) เดินโพย 22 ราย รวม จำนวนทั้งสิ้น 5,101 ราย โดยยึดของกลางโพยบอล 7,064 ใบ เงินสด 98,140 บาท รวมมูลค่า 1,268,000 บาท
(1.3) จับกุมความผิดเกี่ยวกับสถานบริการ 1,032 คดี ผู้ต้องหา 1,024 คน

2.) ด้านการป้องกันปราบปรามยาเสพติด

(2.1) ค้นหาและนำผู้สมัครใจเข้าสู่กระบวนการบำบัดฯ จำนวน 72,716 ราย และผู้เสพที่มีอาการ ทางจิตประสาท จำนวน 21,143 ราย รวมทั้งสิ้น 93,859 ราย

(2.2) ผู้เสพไม่สมัครใจบำบัดหรือกระทำผิดซ้ำ จับกุม จำนวน 46,980 ราย (กลุ่มฐานความผิดร้ายแรง (ผู้จำหน่าย ครอบครองเพื่อการค้า ซึ่งทำให้เกิดการแพร่กระจายในหมู่ประชาชน) จำนวน 9,329 ราย โดยสามารถนำผู้เสพเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งสิ้น จำนวน 140,839 ราย ระยะเวลา ต.ค.-พ.ย.65 คิดเป็นร้อยละ 54 เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ พ.ศ.2565

(2.3) จับกุมยาเสพติด 47,310 คดี ผู้ต้องหา 46,453 คน ปริมาณของกลางยาบ้า 34,827,953 เม็ด ไอซ์ 67.88 กิโลกรัม เฮโรอีน 125.9 กิโลกรัม เคตามีน 406.5 กิโลกรัม โคเคน 2.4 กิโลกรัม และยาอี 1,217 เม็ด ดำเนินการตามยึดทรัพย์ ตามมาตรการฟอกเงิน 3 ราย

(2.4) ดำเนินโครงการชุมชนยั่งยืนเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรในพื้นที่ 1,483 หมู่บ้าน/ชุมชน จำนวนไม่น้อยกว่า 15,000 ราย โดยจะเริ่มดำเนินการได้ในห้วง ม.ค.-เม.ย.2566

3.) ด้านการแจ้งความออนไลน์ และ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี
สถิติการรับแจ้งความออนไลน์ตั้งแต่ 1 มี.ค. - 29 พ.ย.65 รับแจ้งความ 134,268 คดี พบว่า ข้อมูล 5 กลโกงที่พบการรับแจ้งมากที่สุด 
(1) คดีหลอกลวงซื้อขายสินค้า 
(2) โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม 
(3) หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน 
(4) หลอกให้ลงทุน 
(5) หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ/Call Center)

ข้อมูล 5 กลโกงที่พบความเสียหายสูงสุด
1.หลอกให้ลงทุน (6.4 ลบ.) 
2.หลอกลวงทางโทรศัพท์แบบเป็นขบวนการ (2.1 ลบ.) 
3.โอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม (2.0 ลบ.) 
4.หลอกให้รักแล้วลงทุน (0.99 ลบ.)
5.หลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้เงิน (0.67 ลบ.)
สามารถติดตามอายัดบัญชี 49,765 บัญชี สามารถอายัดได้ทัน 385,759,583 บาท

4.) ด้านเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมาย ผบ.ตร. สั่งการให้ ผบช.สตม. ดำเนินการเพิ่มความเข้มในการคัดกรอง กวาดล้างและจัดระเบียบ คนต่างด้าวที่ผิดกฎหมาย กระทำความผิดลักษณะเป็นเครือข่ายคนต่างด้าวกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนี้
(4.1) คัดกรองคนต่างด้าวมีการปฏิเสธคนต่างด้าวเข้าเมือง จำนวน 3,395 ราย คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง 2,005 ราย ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น 21 ราย และจัดระเบียบคนต่างด้าวในประเทศ ไม่รายงานตัวฯ 582 ราย (มาตรา 37) ไม่แจ้งที่พักอาศัยคนต่างด้าว 8,770 ราย (มาตรา 38) และจับกุมคนต่างด้าวอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) จำนวน 1,073 ราย

(4.2) ขยายจับกุมเครือข่ายนายทุนจีนผิดกฎหมาย จากกรณี ร้านผับจินหลิง คดีที่เมื่อวันที่ 26 ต.ค.65 เข้าตรวจค้น พบผู้ใช้ยาเสพติดกว่า 104 ราย และพบยาเสพติดจำนวนมาก พร้อมตรวจยึดรถยนต์หรู จำนวน 35 คัน จากการขยายผลพบเพิ่มอีก 4 กรณี ได้แก่

(1) ร้านคลับวันพัทยา พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา หลังการตรวจค้น พบยาเสพติดจำนวนมาก ผู้ต้องหา 4 ราย
(2) ร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร มีกลุ่มคนจีนเป็นเจ้าของ โดยใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินี จำนวน 2 ราย
(3) ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา จับกุมขยายผลผู้ต้อง 4 ราย ได้ของกลางเป็นยาเสพติดประเภท เฮโรอีน ยาอี และแฮปปี้วอเตอร์ ตรวจค้นจุดต้องสงสัยกว่า 38 จุด ยึดรถหรู 5 คัน เงินสด 19 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ขออนุมัติออกหมายจับเพิ่มอีก 2 ราย
(4) ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน หลังตรวจค้นที่พัก พบสุราต่างประเทศ ไวน์ต่างประเทศ บุหรี่ต่างประเทศ บุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์ และอาวุธปืน หลังจากรวบรวมพยานหลักฐาน ได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา เพิ่มจำนวน 4 ราย โดยคดีนี้อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้อง

(4.3) จับกุม คนต่างด้าวลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 คนต่างด้าว 56 ราย ใช้ไทยเป็นฐานลักลอบเปิดเว็บพนันออนไลน์ เห่อซิง โดยมีเงินทุนหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

(4.4) จับกุมแก๊งค์อุ้มเรียกค่าไถ่ เมื่อวันที่ 1 พ.ย.65 ผู้ต้องหา 2 ราย เกี่ยวข้องกับแก๊งอุ้มตัดนิ้วเพื่อนร่วมแก๊งเรียกค่าไถ่ 37 ล้านบาท

(4.5) จับกุมคนต่างด้าวสวมบัตรประชาชน เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 จับกุมนายทุนรายใหญ่ สวมบัตรประชาชนไทย ตามหมายจับศาล จว.ปัตตานี จ.125/65 ยึดของกลางหลายรายการ เช่น ชุดเครื่องแบบฯ ติดป้ายชื่อ รถยนต์ 2 คัน (ติดธงจีนคล้ายรถสถานทูต) หนังสือเดินทาง 3 เล่ม

(4.6) จับกุม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่างชาติ เมื่อวันที่ 13 พ.ย.65 รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หนีซุกไทยเสวยสุข ตามหมายจับฯ ข้อหา เกี่ยวกับยาเสพติด การฉ้อโกง การลักทรัพย์ เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสาธารณะ หนังสือเดินทางปลอม ตรวจยึด รถยนต์ยี่ห้อ Ferrari 1 คัน มูลค่ากว่า 24 ล้านบาท
(5.) โครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ฯ ผบ.ตร. ได้มอบเกียรติบัตรตามโครงการ ‘ทำดี มีรางวัล’ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำนวน 8 เรื่อง โดยเป็นข้าราชการตำรวจ จำนวน 12 นาย และประชาชน 3 นาย เช่น การช่วยเหลือ ประชาชน นำส่งเด็กผลัดหลง การปฐมพยาบาล (ปั้มหัวใจ) ช่วยเหลือรถจักรยานยนต์ตกคลอง การจับกุมคนร้ายใช้อาวุธปืน ช่วยเหลือเด็กหญิง เจรจาคนพยามยามจะกระโดดสะพาน ใช้ไหวพริบในการจับกุมยาเสพติดกว่า 5 ล้านเม็ด

ตำรวจ ปส.รวบเครือข่ายยาบ้าคาปั๊ม หลังดัดแปลงรถกระบะทึบซุกยาบ้า 1.4 ล้านเม็ด ขยายผลจับเพิ่มทั้งคนรับและเจ้าของยา

ยาเสพติดคือปัญหาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเดินหน้าแก้ไขอย่างจริงจัง เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ประเทศไทยในทุกช่องทาง รวมทั้งเป็นนโยบายเร่งด่วนที่สำคัญของพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่มุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติการทำงาน ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 ได้สั่งการให้เร่งกวาดล้างเครือข่ายยาเสพติดทั้งรายเก่า และป้องกันไม่ให้เกิดเครือข่ายหน้าใหม่                                  

ล่าสุดช่วงเย็นวันที่ 3 ธันวาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 สนธิกำลังทหาร จับเครือข่ายยาเสพติด คือ 
1. นายชนินทร์ เลือดขุนทด อายุ 28 ปี
2. นายนนทวัฒน์ สุดแสน อายุ 23 ปี ภายในปั๊มน้ำมัน ปตท.พาน (ขาเข้า) ถนนพหลโยธิน ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงราย หลังสืบสวนขยายผลพบ นายชนินทร์ ได้ขับรถมารับยาบ้า จำนวน 1.4 ล้าน โดยดัดแปลงรถกระบะตู้ทึบให้มีช่องซุกซ่อนยาบ้าเพื่อไปส่งให้กับกลุ่มผู้รับยาเสพติดในพื้นที่ภาคกลาง ชื่อ น.ส.ฝน โดยมีรถยนต์หมายเลขทะเบียน ผท 7415 เชียงราย ขับรถนำทางไป เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนและติดตาม น.ส.ฝน ที่ผู้ต้องหาอ้าง กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค. สามารถจับกุม 

‘ตำรวจ’ กระจายกำลังตรวจค้น 30 จุดในอีสาน ยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ 2.5 พันล้านบาท

(14 ธ.ค. 65) ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ประกาศจะปราบปรามยาเสพติดในทุกมิติและการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อจะตัดวงจรของเครือข่ายยาเสพติด โดยยึดอายัดทรัพย์สินตลอดจนการป้องกันและปราบปรามแหล่งชุมชนที่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ชุมชนที่เชื่อว่าเป็นแหล่งมั่วสุมยาเสพติด และพื้นที่ล่อแหลม

ทั้งนี้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัชน์ สอนกล้า ผบก.ปส.2 รับนโยบายและได้สั่งการให้สืบสวนขยายผลเครือข่ายที่เคยถูกจับกุมไปแล้วว่ามีความเคลื่อนไหวหรือไม่ และ มีเครือข่ายหน้าใหม่หรือไม่ สืบเนื่องการจับกุม นายวัฒนา ศรีวิไล พร้อมของกลางยาบ้า 1,976,000 เม็ด ได้ที่ด่านตรวจยานพาหนะสีคิ้ว ต.ลาดบัวขาว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 14 มิ.ย. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าจึงขยายผลโดยใช้ข้อมูลจาก Big Data จนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหา 3 คน และพบว่าเครือข่ายนี้มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากภาคอีสานลงสู่พื้นที่ภาคใต้ แล้วหลายครั้ง กระทั่งเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 จับกุมเครือข่ายได้อีก 2 รายคือ น.ส.รวิวรรณ วรรณฟัก ได้ที่หน้าโรงเรียนอนุบาลเพ็ญจันทร์ ต.วานรนิวาส อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร และจับกุมตัว นายจักรพงษ์ คำชนะ ได้ที่หน้าหอพักพลอยสุข อ.เมือง จ.นนทบุรี โดยมีพยานหลักฐานชัดเจนว่าลักลอบลำเลียงยาเสพติดโดยแฝงด้วยการเป็นธุรกิจรับจ้างขนส่งสินค้าทั่วไประหว่างประเทศและในประเทศ

ตร. ปส. ระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด อาวุธปืน พบเครือข่ายยาเสพติดหัวใส อาศัยช่วงน้ำท่วม ลอบขนยาบ้า 4 แสนเม็ด เตรียมส่งลูกค้าช่วงปีใหม่

ปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และส่วนที่เกี่ยวข้องได้เดินหน้าปราบปราม อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะอย่างยิ่งการการระดมกำลังกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 20-29 ธ.ค. ตามสั่งการของ  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้ลงพื้นที่ตรวจสถานบริการ สถานบันเทิง สถานประกอบการ และตรวจชุมชนเป้าหมายที่เป็นแหล่งแพร่ระบาดยาเสพติด ภายใต้การอำนวยการ ของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์  บุญยืนอนนต์ ผบก.ปส.1 และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธ์ ผบก.ปส.4 ได้สั่งการให้ลงพื้นที่รับผิดชอบในการกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ วานนี้ เจ้าหน้าที่ กก.3 บก.ปส.4  ได้สืบสวนขยายผลแกะรอยนักค้ารายใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งคาดว่าเตรียมส่งมอบยาบ้าให้ลูกค้าห้วงก่อนปีใหม่ ประกอบกับในพื้นที่ภาคใต้เกิดอุทกภัยน้ำท่วม เบื้องต้นสามารถจับ 4 ผู้ต้องหา 4 คน 

1. นายยามีน อายุ 45 ปี 2. น.ส.รัชนีกร อายุ 26 ปี  3. นายสุเทพ อายุ 33 ปี  4. น.ส.ชัญญานุช อายุ 36 ปี ในพื้นที่ อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยของกลางยาบ้า 400,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และเป็นรถนำทางล่วงหน้า โดยแจ้งข้อหา 'ร่วมกับมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป'

ตำรวจภูธรจังหวัดมุกดาหารแถลงการณ์ผลการจับกุมแก๊งค้ายาบ้า 2 ราย 418,000 เม็ด รถยนต์ 2 คัน อาวุธปืน 1 กระบอก

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2565 เวลา 10.30 น นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร พล.ต.ต.ชัชชัย วงศ์สุนะ ผบก.ก.จว.มุกดาหาร พ.ต.อ.สงกรานต์ สันหกรณ์ รอง ผบก.ๆพร้อม พ.ต.อ.วิจิตร บุญวรรณ ผกก.สืบสวนฯ และชุดปฏิบัติการฯ กองกำกับการสืบสวน เฝ้าติดตามและสืบสวนจับกุม ทั้งการตั้งด่านเสันทางในพื้นที่ การสะกดรอย ซุ่มสังเกตการณ์ตลอตแนวแม่น้ำโขงเรื่อยมา จนกระทั่ง สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2565 เวลา 20.00 น. ชุดปฏิบัติการ กองกำกับการสืบสวน ได้รับแจ้งจากสายข่าวว่ามีการลำเลียงยาเสพติดผ่านในพื้นที่ จ.มุกดาหาร จะมีขบวนการการลักลอบขนยาเสพติด(ยาบ้า) จำนวนมาก จากเส้นทางถนนบ้านหนองหอย ต.บางทรายใหญ่ อ.เมือง จ.มุกดาหาร มาทางสี่แยกโพนทราย ต.โพนทราย อ.มือง จ.มุกดาหาร โดยรถคันที่ใช้ขนยาบ้าเป็นรถยนต์กระบะ แคป ยี่ห้ออีซูสุ รุ่นดีแม็ก สีดำ ติตแผ่นป้ายทะเบียน หน้า-หลัง 2ฒล 5739 กทม. 

เมื่อชุดจับกุมจึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วได้สั่งการให้ พ.ต.ต.ศรุตฯพร้อมพวกวางแผนเพื่อจับกุม จึงได้จัดวางกำลังบริเวณสี่แยกโพนทราย กระทั่งเวลาประมาณ 19.16 น. รถของเจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุมมองเห็นรถทะเบียน 2ฒล 5739 กทม. จอดติดไฟแดงที่แยกโพนทราย จึงได้แสดงตัวเพื่อตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวไเห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ขับหลบหนี ขับย้อนกลับไปทางบ้านแก่นเต่า พ.ต.ต.ศรุตฯจึงได้สั่งการให้ไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด แต่รถคันดังกล่าวใช้ความเร็วสูง รถตำรวจชุดจับกุมจึงได้ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด กระทั่งถึงบริเวณสะพานหัวยหวายดิน ต.พังแดง อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร 

‘ตำรวจ’ จับ 2 เครือข่ายยาเสพติดรายใหญ่  ฉวยโอกาสช่วงปีใหม่ ขนส่งยาเสพติด

การกวาดล้างจับกุมและขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายทุกมิติอย่างเร่งด่วน  ตามนโยบาย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.นั้น ตำรวจ ปส. ได้ขับเคลื่อนการทำงานอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคุมเข้มตรวจสอบการลักลอบลำเลียงยาเสพติดในห้วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งขบวนการมักอาศัยช่วงเวลาเหล่านี้ลักลอบลำเลียงยาเสพติดไปจำหน่ายให้กลุ่มลูกค้าตามสถานบันเทิง สถานบริการจำนวนมาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส. และ พล.ต.ต.ธนรัช สอนกล้า ผบก.ปส.2 สั่งการให้ รวบรวม ตรวจสอบ และวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า มีกลุ่มขบวนการลักลอบ ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ชายแดน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้าสู่พื้นที่ตอนใน ซึ่งทำกันเป็นขบวนการ และดำเนินการลักลอบลำเลียงยาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่องซึ่งสามารถจับกุมได้ 2 คดี 

คดีที่ 1 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปส.2 จับกุม นายสมบูรณ์ สงวนนามสกุล อายุ 43 ปี ได้ริมถนนมิตรภาพ บริเวณแยกจุดให้สัญญาณจราจร ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จว.อุดรธานี พร้อมตรวจยึดสารไอซ์ จำนวน 135 กก., ยาอี 40 ถุง รวม 40,000 เม็ด, วัตถุออกฤทธิต่อจิตและประสาท ประเภทที่ 2 (เคตามีน) จำนวน 44 กก., ยา Happy water บรรจุอยู่ในซองกาแฟซอง 1,313 ซอง, รถยนต์ PROTON หมายเลขทะเบียน ฆฮ 2893 กทม. ซึ่งเป็นรถที่ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด และ โทรศัพท์ จำนวน 2 เครื่อง

เบื้องต้น แจ้งข้อหามียาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 เมทแอมเฟตามีน (สารไอซ์, ยาอี, Happy water) ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้าและก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย

‘ตำรวจ ปส.4’ เปิดปฏิบัติการ ‘เด็ดปีกมาร 66/1’ บุกจับเครือข่ายยาเสพติด พร้อมยึดทรัพย์ 230 ลบ.

(3 ม.ค. 66) เวลา 10.00 น. พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. เดินทางมาแถลงข่าวเปิดแผนปฏิบัติการ ‘เด็ดปีกมาร 66/1’ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และ พล.ต.ต.พรศักดิ์ สุรสิทธิ์ ผบก.ปส.4 ภายหลังได้สั่งการให้มีการสืบสวน สอบสวน และขยายผลของเครือข่ายสำคัญจนนำมาสู่การ เปิดแผนปฏิบัติการ ‘เด็ดปีกมาร 66/1’ เมื่อช่วงเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา ตามนโยบายการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และการเดินหน้าเชิงรุกในการทลายเครือข่ายนักค้ายาทุกระดับอันเป็นนโยบายสำคัญและเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. 

โดยตำรวจ ปส.4 นำทีมบูรณาการกำลังกับ ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน กทม., นนทบุรี, ปทุมธานี, ชลบุรี, อำนาจเจริญ, ขอนแก่น, สุราษฎร์ธานี, ภูเก็ต และตรัง รวม 40 จุด สืบเนื่องจากเมื่อปลายปี 2564 ต่อเนื่องสิ้นปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปส.4 ได้ทำการสืบสวนจับกุมคดียาเสพติดในพื้นที่กทม. ต่อเนื่อง ปริมณฑลหลายคดี และได้ขยายผลจนทราบถึงแหล่งที่พักยาเสพติดอยู่ในพื้นที่เขตดอนเมือง กระทั่งสามารถจับกุมคนจำหน่ายได้พร้อมตรวจยึดของกลางยาบ้าได้ประมาณ 1 ล้านเม็ด และขยายผลต่อจนทราบถึงเครือข่ายและสามารถจับกุมคนทำหน้าที่ธุรกรรมทางการเงิน พร้อมตรวจยึดทรัพย์สินได้รวมมูลค่าประมาณ 75 ล้านบาท 

จากนั้นได้ขยายผลอย่างต่อเนื่องจนนำไปสู่การออกหมายจับนายฉัตร์ชัย หรืออาฟู่ ผู้สั่งการและผู้ทำหน้าที่ต่าง ๆ ในเครือข่าย และทำการสืบสวนมาโดยตลอด กระทั่งการเปิดปฏิบัติการครั้งนี้ สามารถจับกุมเครือข่ายในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 6 ราย  คือ นายสุวัฒน์ ระดับผู้สั่งการ, นางมยุรีย์ เป็นผู้ทำธุรกรรมทางการเงิน, นายธนโชติ และ นายนนท์ เป็นผู้ค้าในพื้นที่ 

ส่วนในพื้นที่ อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จับกุมได้ 1 คน คือ นายเปรมปวริศ มีหน้าที่ทำธุรกรรมทางการเงิน และ ในพื้นที่ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี จับกุม นายจตุรพร ซึ่งเป็นผู้ค้าในพื้นที่ ทั้งถูกแจ้งข้อหา ‘กระทำผิดฐานสมคบกันฯ เพื่อกระทำการความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติดฯ, สนับสนุนหรือช่วยเหลือผู้กระทำผิดก่อนหรือขณะกระทำความผิดและรับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดจากผู้กระทำผิดฯ’ พร้อมกันนี้กำลังตำรวจ ปส.4 ยังได้ทำการยึดอายัดทรัพย์สินที่คาดว่าจะได้มาจากการค้ายาเสพติดหลายรายการในหลายพื้นที่ อาทิ

ไม่รอด ตำรวจ ปส.ขยายผลจับยกชุด 3 ผู้ต้องหาซุกไอซ์ใส่ถุงพริกทอดพิมรี่พาย เตรียมส่งออกนอก

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ (15 ธ.ค. 65) ที่ผ่านมา พ.ต.อ.กฤษณ์ มณีรมย์ ผกก.1 บก.ปส.3 นำทีมเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดสุวรรณภูมิ กก.1 บก.ปส.3  ร่วมกับชุดปฎิบัติการ AITF ประกอบด้วย ศุลกากร ,ปปส. และ ศูนย์รักษาความปลอดภัย เข้าสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู้ประเทศไทย และป้องกันการลักลอบส่งออกไปยังต่างประเทศตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) /ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส.,พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3 ตรวจค้นพัสดุระหว่างประเทศต้องสงสัยบริเวณคลังสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต้นทาง ช้างเผือก ปณ.ลำพูน พบไอซ์หนักรวมสิ่งห่อหุ้มประมาณ 4.2 กก. ซุกซ่อน อยู่ในซองพริกทอดพิมรี่พาย 10 ถุง ปลายทางส่งไปยังประเทศเกาหลีใต้ จึงได้สืบสวนขยายผลยังที่มาและผู้ส่งพัสดุดังกล่าวจนทราบชื่อ สกุลผู้ต้องหาที่ส่งไอซ์              

กระทั่งล่าสุด วานนี้ (3 ม.ค.66) ตำรวจ ปส. และ AITF ได้ร่วมกันจับกุมบุคคลตามหมายจับ 3 ราย คือ 1. นายถนอมพล โพธิ์ทอง อายุ 28 ปี 2.นายณัฐพล ทิศทะษะ อายุ 28 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสมุทรปราการ และ 3. นางสาววรรณวนัช โกฎิคำ อายุ 37 ปี ได้ที่อพาร์ตเม้นต์ ภายในซอย 38 ลาดพร้าว 101 ในห้องพักหมายเลข 207 และ 406 ตรวจค้นพบยาเสพติดในองพัก หมายเลข 207 เป็น ไอซ์ น้ำหนักรวม 260 กรัม,ยาบ้า 4,013 เม็ด, อาวุธปืน ขนาด .380 มม. 1 กระบอก พร้อมกระสุน 3 นัด และอุปกรณ์แพคกิ้งอีกจำนวนหนึ่ง

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระดมกำลังปูพรมค้น 91 จุดทั่วประเทศ ตามแผน 'พิทักษ์ประชา ปราบยาเสพติด 1/66'

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะ รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. เปิดเผยว่า ตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดในทุกมิติ ทั้งการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทำลายและตัดวงจรเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งรายใหญ่และรายย่อย ขยายผล ยึดและอายัดทรัพย์สินให้ได้มากที่สุด รวมทั้งการสกัดกั้นลำเลียงยาเสพติดเข้าสู้ประเทศไทย และการส่งออกจากประเทศในผ่านระบบขนส่งพัสดุภัณฑ์ ไปรษณีย์ และระบบ Logistics ทุกรูปแบบ นั้น

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ภายใต้การนำของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ได้นำนโยบายรัฐบาล มาสู่การปฏิบัติ โดยมีนโยบายให้ดำเนินการปราบปรามทำลายเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกระดับ และเพิ่มความเข้มในการทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายย่อยในระดับชุมชนอย่างจริงจัง สืบสวนจับกุมผู้ค้ารายย่อยในชุนชน ขยายผลไปสู่การจับกุมเครือข่ายผู้ค้ารายสำคัญ และหากมีการจับกุมผู้ต้องหาพร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนมาก ให้ทุกหน่วยดำเนินการขยายผล จับกุม ยึด อายัดทรัพย์สินเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติดทุกราย โดยดำเนินการสืบสวนและวิเคราะห์ข้อมูลเส้นทางการเงินเพื่อหาความเชื่อมโยงเครือข่ายการค้ายาเสพติด เพื่อกำหนดเป้าหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ที่เกี่ยวข้องดำเนินการสืบสวนจับกุมทำลายเครือข่ายผู้ค้ารายกลางและรายย่อยในพื้นที่ชุมชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ขับเคลื่อนการปฏิบัติ ควบคุมกำกับดูแลและสั่งการให้สืบสวนขยายผลคดีรายสำคัญของตำรวจภูธรภาค 5 หลังจากเมื่อวันที่ 28 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ต้องหา 5 คน พร้อมของกลาง รถยนต์ 3 คัน ยาบ้า 1.5 ล้านเม็ด ในพื้นที่ จว.เชียงใหม่ จากนั้นจึงสืบสวนขยายผลและวิเคราะห์ข้อมูลทางโทรศัพท์และเส้นทางการเงิน จนทราบว่ามีเครือข่ายที่เชื่อมโยงกับตัวการสำคัญ เครือข่ายผู้ค้าระดับกลางและรายย่อยในชุมชน กระจายตัวอยู่ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ จึงได้กำหนด เปิดปฏิบัติการ 'พิทักษ์ประชาปราบยาเสพติด 1/66' เมื่อวันพุธที่ 11 ม.ค.66 ที่ผ่านมา โดยปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 91 จุด พร้อมกันทั่วประเทศ ในพื้นที่ 13 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร, พระนครศรีอยุธยา, ปทุมธานี, สิงห์บุรี, สระบุรี, ลพบุรี, เชียงใหม่, นครสวรรค์, นครปฐม, สมุทรสงคราม, กาญจนบุรี, เพชรบุรี, และ สุพรรณบุรี โดยมีเป้าหมายจับ 10 หมายจับ

ตำรวจ ปส. รุกหนักเด็ดปีกนักบิน 3 เครือข่าย สกัดยาบ้ากว่า 15 ล้านเม็ด

เมื่อวานนี้ (17 ม.ค. 66) ที่ กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด แถลงข่าวจับกุม 3 เครือข่ายกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง โดยภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม)/ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผช.ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส. พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3, พ.ต.อ.ไพฑูรย์ งามลาภ ผกก.1 บก.สกส. และ พ.ต.อ.บุญส่ง สนธยานนท์ ผกก.3 บก.สกส.  ตำรวจ ปส. เร่งเดินหน้ากวาดล้าง จับกุม และขยายผลเครือข่ายค้ายาเสพติด รวมทั้งการสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน และการทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุมในทุกมิติการทำงาน เน้นย้ำ ในการสืบสวนหาข่าวเครือข่ายหน้าใหม่ รวมทั้งกลุ่มเครือข่ายเก่า ตามนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.  

คดีแรก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 บูรณาการร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง จับกุมนายใจ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ได้บริเวณริมถนนทางหลวงชนบท หลักกิโลเมตรที่ 20 ต.เวียง อ.เทิง จว.เชียงราย ซึ่งก่อนจับกุมเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปส.3 ได้รับแจ้งว่าเครือข่ายยาเสพติดกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง กับพวก มีพฤติการณ์ลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ อ.เมืองเชียงราย  เพื่อนำไปพักคอยในพื้นที่ อ.เทิง จว.เชียงราย ก่อนที่จะส่งต่อให้กับกลุ่มลำเลียงยาเสพติดเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ โดยใช้รถยนต์เก๋ง ยี่ห้อ ฮอนด้า ทะเบียน กพ 71X เชียงราย ซึ่งช่วงเช้าวันที่ 11 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้เฝ้าติดตามจนได้พบรถยนต์ที่ได้รับแจ้งจริง และพบรถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ทะเบียน บธ 78XX พะเยา ขับนำ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นวีโก้ สีเทา หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (คนขับหลบหนี) และ รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ทะเบียน บน 31XX พะเยา (หลบหนี)  

สอบสวน ผู้ต้องหา อ้างว่า รู้จักกับ นายอ้าย อาศัยอยู่ในหมู่บ้านห้วยหาญ ม.9 ต.ปอ อ.เวียงแก่น จว.เชียงราย ว่าจ้างตน 20,000 บาท  ขับรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า ทะเบียน กพ-71X เชียงราย เพื่อดูต้นทางสำหรับลักลอบลำเลียงยาบ้า โดยจะมีชายไม่ทราบชื่อโดยสารรถคันดังกล่าวไปด้วย ก่อนจะเดินทางเข้าไปเปิดห้องพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ห้อง A110 เพื่อรอกลุ่มลักลอบลำเลียงยาเสพติดอีกกลุ่มเดินทางมาถึง และขับรถดังกล่าวลำเลียงยาเสพติดไปตามเส้นทาง กระทั่ง นายใจฯ ถูกจับกุม เบื้องต้นตรวจยึดรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บน 98XX พะเยา (ใช้ในการลำเลียงยาเสพติด), รถยนต์เก๋ง หมายเลขทะเบียน กพ 71X เชียงราย (ขับนำคุ้มกัน สำรวจเส้นทาง), โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง และอื่น ๆ อีกหลายรายการ  พร้อมตรวจยึดยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราใบกัญชาและตัวหนังสือ ภาษาอังกฤษ DON’T WORRY BE HAPPY สีน้ำเงิน และ ยาบ้าห่อหุ้มด้วยกระดาษสาสีขาว ประทับตราเลข 999 สีน้ำเงิน เคลือบเทียนไขสีเหลืองอีกชั้นหนึ่ง ถูกซุกซ่อนในรถกระบะ รวมยาบ้าทั้งหมด 3,500 มัด จำนวน 7,000,000 เม็ด ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหา “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอันเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป” 

คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส.และ บก.ขส. ได้ร่วมกันทำการจับกุมตัว นายมานพ (สงวนนามสกุล) ภูมิลำเนา ต.รวมไทยพัฒนา อ.พบพระ จว.ตาก ได้บริเวณป่าข้างทางริมถนนหมายเลข 33 หลัก กม.ที่ 52-53 ต.บางระกำ อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา สืบเนื่องจากได้รับแจ้งจากสายลับว่านายมานพฯ กับพวก มีพฤติการณ์ ร่วมกันลำเลียงยาเสพติด จากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้า ในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งในวันที่ 10-13 ม.ค.66 จะใช้รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ยี่ห้อ ISUZU รุ่น D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก และรถยนต์บรรทุก TOYOTA  สีเขียว หมายเลขทะเบียน 1ฒท 82XX  กรุงเทพมหานคร และรถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ เป็นยานพาหนะที่จะใช้ในการนำทาง, สำรวจด่านตรวจ และลำเลียงยาเสพติดจำนวนมากจากพื้นที่ทางภาคเหนือ ไปส่งมอบให้กับลูกค้าในพื้นที่ภาคกลางและปริมณฑล และพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่จึงระดมกำลังสกัดกั้นตลอดเส้นทาง ถนนสายหลัก ถนนสายรอง และเส้นทางเชื่อมต่อที่คาดว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวจะใช้เป็นเส้นทางในการลำเลียงยาเสพติด ในเขตพื้นที่ จว.นครสวรรค์, ชัยนาท, สิงห์บุรี, อ่างทอง, ลพบุรี, สระบุรี, พระนครศรีอยุธยา กระทั่งเวลา 21.30 น. ของวันที่ 12 ม.ค.66 สามารถสกัดกั้นรถยนต์เป้าหมายทั้ง 3 คัน ไว้ได้ หลังพบวิ่งตามถนนเลียบคลองชลประทาน ทิศทางมุ่งหน้า อ.บางปะหัน จว.พระนครศรีอยุธยา แต่ระหว่างตรวจค้นจับกุม ผู้ขับขี่ รถยนต์ TOYOTA  สีดำ หมายเลขทะเบียน ขร 92XX เชียงใหม่ ได้อาศัยจังหวะเร่งเครื่องยนต์ขับหลบหนีไปได้ เบื้องต้น ตรวจยึดยาบ้า 604 มัด รวมจำนวน  1,208,000 เม็ด  และ ยึดรถกระบะ หมายเลขทะเบียน ผข 76XX พิษณุโลก (ใช้ขับนำทาง/สำรวจด่านตรวจ), รถบรรทุก หมายเลขทะเบียน 1ฒท 8296 กรุงเทพมหานคร (ยึดได้ที่หน้าร้านหน้าสะดวกซื้อ ต.หัวไผ่ อ.มหาราช จว.พระนครศรีอยุธยา ผู้ต้องหาหลบหนี),โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง พร้อมแจ้งข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย อันเป็นการกระทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top