Friday, 3 May 2024
ยาเสพติด

ปลัดมหาดไทย เดินหน้า เพิ่มความเข้มข้นการป้องกัน ปราบปรามยาเสพติด 5 มิติ

ประเทศไทยมีประสบการณ์ในการต่อสู้กับยาเสพติดมาหลายสิบปี ด้วยประเทศไทย แวดล้อมไปด้วยกลุ่มค้ายาเสพติดที่แฝงตัวรายล้อมประเทศ ตามแนวชายแดนของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ทางราชการไทยทราบดีว่าการปราบปรามเพียงอย่างเดียวนั้น ยังไม่เพียงพอ เพียงสงบลงเพียงชั่วระยะหนึ่ง ก่อนที่ขบวนการจะหวนกลับมาใหม่ในภายหลัง ด้วยวิธีการใหม่ที่พัฒนาขึ้นจากเดิม

การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ไม่เพียงจะส่งผลดีต่อสังคมโลก และประชาชนพลเมืองดีเท่านั้น แต่ยังส่งผลให้องค์กรอาชญากรรมพัฒนามากยิ่งขึ้น ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น ทำให้ส่วนราชการไทย มีความจำเป็นต้องปรับตัวตาม ไล่ให้ทันอาชญากร ปกป้องประเทศไทยจากภัยยาเสพติดที่พยายามหวนคืนมาทำลายประเทศไทย

รัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ความสำคัญต่อการปกป้องประเทศจากภัยยาเสพติด ยกระดับพัฒนากฎหมายยาเสพติดให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น เน้นยึดอายัดทรัพย์ผู้ค้า บำบัดผู้เสพ เพื่อตัดวงจรการค้ายาเสพติด มากกว่าการปราบปรามด้วยการใช้กำลังเพียงอย่างเดียว

เหตุการณ์สังหารหมู่ ณ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กขององค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) อุทัยสวรรค์ อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู เป็นคดีสะเทือนขวัญคนไทยทั้งประเทศ ที่ถึงแม้ผลการชันสูตรศพผู้ก่อเหตุจะปรากฏว่าผู้ก่อเหตุมิได้เสพยาเสพติดในขณะก่อเหตุ แต่ถือได้ว่าเป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทำให้รัฐบาลเร่งทบทวนกระบวนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทันที

กระทรวงมหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบกิจการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ดำเนินการในทันที สั่งเรียกประชุมถกประเด็น ปรับปรุงมาตรการภาครัฐโดยให้ความสำคัญใน 5 มิติ เพื่อการป้องกันและปราบปรามที่ครอบคลุมดังนี้

1.) สร้างภูมิคุ้มกันให้ประชาชน

เผยแพร่สื่อประชาสัมพันธ์ให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับยาเสพติดผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างกว้างขวางและต่อเนื่อง ปลูกฝังทัศนคติและค่านิยมที่ดีในการหลีกเลี่ยง/ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด

2.) ป้องกันยาเสพติด

ส่งเสริมความร่วมมือกับภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ทั้งการให้ความรู้เกี่ยวกับยาเสพติด, การมีส่วนร่วมของครอบครัวและชุมชนในการเฝ้าระวังและสำรวจตรวจหายาเสพติดและผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด, ตั้งจุดสกัด/จุดตรวจยาเสพติด โดยอาศัยความร่วมมือจากหมู่บ้าน/ชุมชน/ท้องถิ่นต่าง ๆ และการร่วมมือกับเครือข่ายภาคประชาชนในการให้ข่าวสารข้อมูลขบวนการยาเสพติด

อีกทั้งมีการสั่งการให้เพิ่มความเข้มข้นต่อการตรวจสอบบุคลากรภาครัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพื่อทำการจับกุมดำเนินคดีและบำบัดผู้ป่วยยาเสพติด

‘บิ๊กตู่’ เด็ดขาด!! จับกุมเอาผิด ‘ยาเสพติด-ปืนเถื่อน’ ชี้!! ผลระดมกวาดล้างช่วงที่ผ่านมา เป็นที่น่าพอใจ

‘บิ๊กตู่’ สั่งการเด็ดขาด จับกุม ดำเนินคดี ลงโทษผู้กระทำความผิดอย่างจริงจัง ให้ทุกหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ‘เผย’ ผลระดมกวาดล้างยาเสพติด-อาวุธปืน เป็นที่น่าพอใจ

(29 ต.ค. 65) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีมาตรการสำคัญในการแก้ไขปัญหาอาวุธปืน และยาเสพติดที่เป็นรูปธรรมอย่างจริงจัง โดยเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา นำหน่วยงานในท้องถิ่น และประชาชนในพื้นที่เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหา ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง เข้มข้น เพื่อให้การปฏิบัติเป็นรูปธรรมชัดเจน โดยได้กำหนดให้มีการระดมกวาดล้างยาเสพติดและอาวุธปืนอย่างจริงจัง 

นายอนุชา กล่าวว่า ผลการระดมกวาดล้างยาเสพติดในช่วงวันที่ 10-19 ต.ค. 65 ภาพรวมการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีผลการดำเนินการจับกุมบุคคลตามหมายจับคดีอาญาได้ 3,884 หมายจับ ผู้ต้องหาคดียาเสพติด 15,710 คดี (ผู้ต้องหา 15,866 คน) ของกลางยาบ้า 18,314,853 เม็ด ยาไอซ์ 297,690 กรัม เฮโรอีน 30,735 กรัม ยาอี 6,550 กรัม ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืน วัตถุระเบิด และเครื่องกระสุน ทั้งสิ้น 3,984 คดี ยึดของกลางอาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก ปืนไม่มีทะเบียน 2,438 กระบอก มีทะเบียน 452 กระบอก วัตถุระเบิด 600 รายการ และเครื่องกระสุน 16,168 นัด โดยการจับกุมแบ่งเป็นการจับกุมความผิดเกี่ยวกับการจำหน่ายอาวุธปืนฯ โดยผิดกฎหมาย ทั้งทางตรงและทางออนไลน์ จำนวน 97 คดี ผู้ต้องหา 63 คน ยึดของกลางอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 46 กระบอก มีทะเบียน 12 กระบอก วัตถุระเบิด 156 รายการ เครื่องกระสุน 1,296 นัด และความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนฯ อื่นๆ จำนวน 3,887 คดี (จับกุมผู้ต้องหา 3,864 คน) พร้อมของกลาง อาวุธปืนสงคราม 27 กระบอก อาวุธปืน (ไม่มีทะเบียน) 2,392 กระบอก มีทะเบียน 440 กระบอก วัตถุระเบิด 444 รายการ เครื่องกระสุน 14,872 นัด

‘ฝ่ายค้าน’ จัดเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ ชี้!! สาเหตุหลักมาจาก ‘องค์กรสีกากี - ยาเสพติด - อาวุธ’

ฝ่ายค้าน จัดเวทีเสวนา ‘กราดยิงหนองบัวฯ’ ด้าน ‘ชลน่าน’ ฝากถอดบทเรียนแรงจูงใจ - สภาพจิต - ระบบคัดเลือกบุคคล แอบแซะ ‘บิ๊กป้อม’ ใจบันดาลแรง จากเด็กสมบูรณ์ในขวดซีอิ้ว โดดใส่กางเกงยีนส์มีแรงฮึกเหิม ‘สุทิน’ อัด รัฐบาลแก้ปัญหายาเสพติดล้มเหลว ยาเกลื่อน - คนเสียสติเยอะ ขณะที่การแก้กม.ยาเสพติดผิดพลาด กระบวนการบำบัดไม่เข้มแข็ง จี้ ทบทวนการครอบครองอาวุธปืน ด้าน ‘นภาพร’ ชี้ รัฐบาลแก้ปัญหาเหมือนเสือกระดาษ กระแสลด ยา - อาวุธ ยังอยู่เหมือนเดิม ขณะที่ ‘โรม’ เสนอ 7 ข้อแก้ปัญหาเกิดซ้ำ ยกงานวิจัยสหรัฐฯ ชี้ผู้ก่อเหตุพรากชีวิตผู้อื่นแก้แค้นความเจ็บปวด

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 29 ต.ค. ที่โรงแรม อมารี ดอนเมือง แอร์พอร์ต กทม. โครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 66 จัดเวทีเสวนา ‘ถอดบทเรียนเหตุการณ์หนองบัวลำภู’ โดยนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ ปาฐกถาพิเศษตอนหนึ่ง ว่าเหตุการณ์ 6 ตุลา 65 เกิดเหตุโศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิต 37 ราย เป็นเด็กถึง 24 ราย แบ่งเป็นเด็กเล็ก 23 ราย และเด็กประถมวัย 1 ราย วันนี้ฝ่ายค้ายไม่ได้ต้องการตอกย้ำการสูญเสีย หรือพูดเพื่อหาเสียง แต่เป็นการหาทางออกให้ประเทศ และเป็นการถอดบทเรียน จึงมีความจำเป็นต้องใช้เวทีในการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จากนั้นจะได้นำการถอดบทเรียนนี้ไปใช้ในการตรวจสอบถ่วงดุลในสภาฯ ซึ่งฝ่ายค้านจะได้ยื่นญัตติด่วน เรื่องเหตุการณ์หนองบัวลำภู ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ เพื่อนำไปเป็นข้อเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป  

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวอีกว่า บทเรียนที่ได้รับเป็นการลงทุนที่เสียหายใหญ่หลวง และในภาพการลงทุนเหตุครั้งนี้ไม่มีกำไร ยิ่งถ้าไม่ได้พูดคุยกันอีกยิ่งขาดทุน ตอนนี้ทราบถึงสภาพปัญหาแล้ว แต่สิ่งที่อยากฝากให้ถอดบทเรียน คือ สาเหตุแรงจูงใจว่าเกิดเพราะอะไร เหตุใดตำรวจนอกราชการที่ถูกไล่ออก เพราะเกี่ยวข้องกับยาเสพติดจึงมีพฤติการณ์เช่นนี้ 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า เรื่องการใช้อาวุธปืนไม่อาจปฏิเสธได้ มีคำพูดจากนักวิเคราะห์ ว่าสาเหตุมาจาก 2 เถื่อน คือ ปืนเถื่อนกับคนเถื่อน ถ้าปืนถูกกฎหมายแสดงว่าปืนไม่เถื่อน แต่คนกราดยิงคือคนเถื่อน ฉะนั้น สิ่งที่ไม่อาจละเลยได้คือปัญหาสภาพจิตในสังคมไทยปัจจุบัน เชื่อหรือไม่ลูกหลานของเรา 20 ปีที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอย่างมาก สังเกตหรือไม่ความอดทนหรือการตอบสนองต่อสิ่งบีบคั้นในคนรุ่นใหม่ มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดจากในอดีต การยับยั้งชั่งใจไม่เกิดขึ้น เป็นปฏิกิริยาเกี่ยวเนื่องกับทางด้านจิต

“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าใจคิดอย่างไรกายจะเป็นเช่นนั้น ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ อ.ที่มาเป็นวิทยากรบรรยายอายุ 67 ปี แต่ผมบอกว่าเพิ่ง 57 ปี อ.เลยตอบกลับว่าใช้แรงบันดาลใจ ไม่ใช่ใช้ใจบันดาลแรง ปกติเราใช้แรงบันดาลใจ แต่กลับมีใครคนหนึ่งบอกว่าต้องใช้ใจบันดาลแรง และเขาก็พิสูจน์ชัดตอนขึ้นมาเป็นรักษาการนายกฯ ดูมีแรง มีกำลังใจฮึกเหิมมาก จากอยู่ในขวดซีอิ้วอยู่ดีๆ กลายเป็นแหนมป้าย่นได้ ใส่กางเกงยีนส์ เป็นเด็กสมบูรณ์อยู่ในขวดซีอิ้ว พอได้เป็นรักษาการนายกฯ ออกมาเป็นแหนมป้าย่น ใส่กางเกงยีนส์ มีแรงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่พอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าให้คนเดิมกลับมาทำหน้าที่ต่อทุกอย่างก็แผ่ว ฉะนั้น เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ” ผู้นำฝ่ายค้านฯ ระบุ 

นพ.ชลน่าน กล่าวในช่วงท้ายว่า ขอฝากให้เวทีถอดบทเรียนเกี่ยวกับระบบการคัดเลือกบุคคลเข้าสู่ราชการในสังคมไทย สมัยยังเป็นหมอ มีข้าราชการตำรวจโดนเด้งจาก จ.นราธิวาส มายัง จ.น่าน สุดท้ายก่อเหตุเอาปืนจี้พนักงานปกครองและลงมือยิงจึงอยากให้มีการถอดบทเรียนประเด็นนี้ด้วยว่าควรจะมีการคัดเลือกเข้ามาอย่างไร

จากนั้น นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุการณ์หนองบัวลำภู เป็นเหตุการณ์ที่รุนแรง และละเลยไปไม่ได้ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ปัจจุบันยังคงอยู่ ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก แน่นอนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เกิดจากคนขาดสติสัมปชัญญะ แต่อะไรที่ทำให้เขาเสียสติ ซึ่งตนคิดว่าอันดับแรก คือ ยาเสพติด ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่หนองบัวลำภูก็เกิดจากยาเสพติด วันนี้รัฐบาลพยายามยืนยันตลอดว่าปราบปรามยาเสพติดแล้ว และปฏิเสธตลอดว่าไม่มียาเสพติดแล้ว ทั้งที่ทุกวันนี้ในหมู่บ้าน และชุมชน น่าเศร้าใจมาก ยาเยอะ เม็ดละ 10 บาท เป็นตัวชี้วัดว่ายามีเยอะเข้าถึงง่าย 

นอกจากนี้ คนบ้าแล้วมีอาวุธในมือก็เป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะโอกาสที่จะเกิดอาชญากรรมมีสูง บ้านเราอาวุธที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมายมีน้อยกว่าปืนเถื่อน 3 เท่า ดังนั้น ประเทศเราจึงมียาบ้าเยอะ อาวุธปืนเยอะ และคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอำนาจมากแต่มีสติน้อย ก็เป็นกลุ่มที่ก่อเหตุมากที่สุด เพราะหากมีอำนาจ มีอาวุธ แล้วเกิดมีความไม่เป็นธรรมไปกดทับเขาก็จะเกิดเหตุได้ง่าย 

นายสุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบันเราแก้กฎหมายปรายปรามยาเสพติดผิดพลาด ทำให้คนอย่างผู้ก่อเหตุที่หนองบัวลำภู ซึ่งอยู่ในระดับสติสุ่มเสี่ยงแบบนั้นมีอยู่ทุกหมู่บ้าน เพียงแต่ยังไม่ก่อเหตุเพราะไม่มีเรื่องที่เป็นชนวนเหตุ กฎหมายล่าสุดใครพกยาไม่เกิน 15 เม็ด ถือว่าไม่ใช่ผู้จำหน่าย จะต้องมีการสืบสวนเพิ่มเติม ส่วนข้อหาผู้เสพมีการแก้ไขว่า ผู้เสพคือผู้ป่วย พอจับได้จะดำเนินคดีทันทีไม่ได้ แต่เจ้าหน้าที่ต้องถามความสมัครใจว่ายินดีจะเข้าบำบัดหรือต่อสู้คดี 

ซึ่งส่วนใหญ่เลือกวิธีการบำบัด เหตุผลหนึ่งของการแก้กฎหมาย เพื่อต้องการลดจำนวนคนติดคุก แต่ปัญหาคือเมื่อส่งไปบำบัด กระบวนการบำบัดของบ้านเราไม่มีประสิทธิภาพมากพอที่ให้เขาเลิกยาได้ เมื่อกลับบ้านไปก็เป็นระเบิดเวลาของครอบครัว มีการขู่ ทำร้ายคนในครอบครัว และเป็นอันตรายต่อคนในชุมชน 

ถามว่าวันนี้องค์การสีกากีกับองค์กรสีเขียว ได้ตื่นรู้ ปฏิรูป และแก้ปัญหาแล้วหรือไม่ องค์กรที่มีอำนาจ มีอาวุธ อย่างองค์กรตำรวจ และทหาร ต้องปฏิรูปตัวเองด่วน การจะขึ้นสู่ตำแหน่งได้ต้องจ้าง ทำให้เกิดระบบรีดเงิน บีบให้คนดีๆ ต้องหาเงิน เอาไปแลกเพื่อขึ้นสู่ตำแหน่ง ยาบ้าก็เลยเต็มบ้านเมือง เลี้ยงยาไว้ขายหลายๆ รอบเอาเงินไปซื้อตำแหน่ง ถ้าไม่ปฏิรูปก็จะทำให้คนในองค์กรแบบนี้หาเงินด้วยวิธีแบบนี้ วันนี้โครงสร้างปัญหายังมีครบทั้งยาเสพติด อาวุธ และความไม่เป็นธรรม ประกอบกับจุดสปาร์กอย่างปัญหาเศรษฐกิจ ที่วันนี้รัฐบาลทำให้คนอดอยาก หนี้สินรุมเร้า อาชีพหดหาย ดังนั้น รัฐบาลต้องจัดการโครงสร้างปัญหาเหล่านี้ให้ครบ คือ ต้องจัดการยาเสพติด จัดระเบียบการซื้อ และครอบครองอาวุธปืนใหม่ วันนี้ถึงเวลาทบทวนหรือยัง ว่าการให้มีปืนทุกคนกับไม่ให้มีปืนสักคนแบบไหนจะดีที่สุด  

‘รมว.ยุติธรรม’ แถลงผลจับกุมเครือข่ายทุน ‘มิน หลัด’ ยึดรีสอร์ต-โรงแรม-ทรัพย์สินรวมกว่า 1,858 ล้านบาท

สมศักดิ์’ แถลงผลงาน ป.ป.ส.ร่วม ตร.นครบาล จับเครือข่ายทุน มิน หลัด ยึดรีสอร์ต-โรงแรมหรูพร้อมทรัพย์สินกว่า 1,858 ล้านบาท ส่วนไหนยึดไม่ได้ขยายผลเรื่องภาษีต่อ กระตุ้นจนท.ต้องตื่นตัวหากไม่อยากให้ประเทศถูกทับถมด้วยยาเสพติด เผย 1 เดือนยึดได้แล้ว 3,171 ล้านบาท

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส ) มีการแถลงข่าวยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ และผลการยึดทรัพย์คดียาเสพติด รอบ 1 เดือน โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมเป็นประธาน พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส พล.ต.ต.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบช.น และนายปิยะศิริ วัฒนวรางกูร รองเลขาธิการ ป.ป.ส.

พล.ต.ต.นิธิธร กล่าวว่า ตำรวจได้สืบสวนทำข้อมูลร่วมกันกับ ป.ป.ส. ตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งมีความเชื่อมโยงถึงการโอนย้าย ถ่ายเท และยังมีการตั้งบริษัทธุรกิจโอนเงินเข้าออกโดยผิดปกติ มีการนำเงินไปซื้อน้ำมัน ไฟฟ้า เราก็ต้องขยายผลเพิ่ม ตรงนี้จึงเป็นที่มาของการตรวจสอบ มีบัญชีและตัวละครต่างๆ ที่เราต้องไปสืบสวน จากนั้นมีการยืนยันมา 4 จุดจึงออกหมายค้น และหนึ่งในนั้นคือตัวหลักที่มีความเชื่อมโยง โดยขณะนี้ตำรวจนครบาลได้ส่งข้อมมูลให้ตำรวจปราบปรามยาเสพติดแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้พวกเราดำเนินการการปราบปรามยาเสพติดอย่างเร่งด่วน วันนี้สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจนครบาลจับกุมผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่ มีความพัวพันกับหลายคดีที่ผ่านมา ซึ่งในคดีนี้เราได้ติดตามจับกุมมาตั้งแต่ปี 2562-2565 จำนวน 5 คดี ยึดยาเสพติด เป็นยาบ้า 3,531,800 เม็ด ไอซ์ 86.98 กิโลกรัม คีตามีน 6 กิโลกรัม และ เฮโรอีน 380 กรัม 

จากนั้นได้มีการขยายผล ได้ 2 เคส ในปี 2564 และ ปี 2565 โดยในปี 2565 ได้จับกุม นายวรวัฒน์ วังศพาห์ กับพวก 4 คน ดำเนินคดีในฐานความผิด สมคบและสนับสนุนช่วยเหลือ ยึดอายัดทรัพย์กว่า 500 ล้านบาท และได้ขยายผลขออนุมัติสมคบ/ฟอกเงิน จับกุม กลุ่มอัลลัวร์ กรุ๊ป (พีแอนด์อี) 4 คน โดยมี นายทุน มิน หลัด นักธุรกิจชาวเมียนมาเป็นผู้ต้องหารายสำคัญ ยึดรถหรู นาฬิกา กระเป๋าแบรนด์เนม มูลค่ากว่า 300 ล้านบาท เงินสดในตู้นิรภัยอีก 8 ล้านบาท

นายสมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ในขบวนการยังมีตัวการสำคัญ คือ นายพันณรงค์ ขุนพิทักษ์ และน.ส.กัลยวีร์ ธีระประภาวงศ์ ที่ยังหลบหนีหมายจับ เป็นผู้ถือครองทรัพย์สินหลักของกลุ่มนิติบุคคล เป็นที่ดินและอสังหาริมทรัพย์ โดยเราสามารถยึดอายัดที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ รวม 71 แปลง มูลค่า 1,050 ล้านบาท มีทั้ง ที่ดินเปล่า อพาร์ตเมนต์ รีสอร์ต โรงแรมขนาดกลาง และขนาดใหญ่ ในพื้นที่อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และอ.เมือง จ.สงขลา มูลค่าทรัพย์สินรวมของเครือข่าย ทุน มิน หลัด รวม 1,858 ล้านบาท หากในส่วนไหนที่ยึดทรัพย์ไม่ได้ ต้องไปขยายผลเรื่องภาษีต่อ

ผู้ว่าเมืองช้าง!!! แถลงผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด ตามยุทธการ 'คชสาร ขจัดสิ้นยาเสพติด'

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13.30 น.  ที่ สถานีตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ภายใต้การอำนวยการของนายพิจิตร บุญทัน ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ พลตำรวจตรีชาญชัย พงษ์พิชิตกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พลตรีวีรยุทธ รักศิลป์ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พลตรีสาธิต เกิดโภค ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 25 พันเอกกิตติพงษ์ พุทธิมณี รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดสุรินทร์(ฝ่ายทหาร) พันตำรวจเอกธรรมนูญ ฉิมวงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์(ปส) และพันตำรวจเอกชัยณรงค์ บุญด้วง รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครองและระดมสรรพกำลังร่วมกัน สืบสวนจับกุมเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ ห้วงตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2565 เป็นต้นมา และในวันที่ 4 พฤศจิกายน 2565 เวลา 04:00 น จังหวัดสุรินทร์ได้เปิดยุทธการ 'คชสารขจัดสิ้นยาเสพติด'

โดยสนธิกำลังทุกหน่วยงานเข้าปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย เน้นกลุ่มผู้ค้ายาเสพติด แหล่งพักยาเสพติดและอาวุธปืน พร้อมกันทุกพื้นที่รวมทั้งสิ้น 55 เป้าหมายโดยผลการดำเนินการมีดังนี้ จับกุมผู้ต้องหาจำนวน 242 คดี ผู้ต้องหาร่วมรวมกันทั้งสิ้น 270 คน แบ่งเป็น ผู้ค้าจำนวน 105 ราย ผู้เสพครอบครองเพื่อเสพ จำนวน 137 ราย ผู้เสพสมัครใจเข้ารับการบำบัด จำนวน 110 ราย ตรวจยึดของกลางยาเสพติด แบ่งออกเป็น ยาบ้า(เมทแอมเฟตามีน) จำนวน 27,630 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 6.16 กรัม ของกลางอาวุธปืน 80 กระบอก แบ่งออกเป็นอาวุธปืนยาว จำนวน 25 กระบอก อาวุธปืนพกสั้น จำนวน 23 กระบอก อาวุธปืนไทยประดิษฐ์(ปากกา) จำนวน 31 กระบอก วัตถุระเบิด จำนวน 1 ลูก เครื่องกระสุนปืน จำนวน 207 ลูก โดยผู้ค้าผู้สมคบผู้สนับสนุนได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเฉียบขาด โดยไม่มีข้อยกเว้น สำหรับผู้เสพได้ส่งเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายตามกระบวนการบำบัดรักษาของกระทรวงสาธารณสุขต่อไป  เพื่อให้จังหวัดสุรินทร์ของเราเป็นสังคมที่ปลอดภัยจากยาเสพติด 

‘ส.ส.เพื่อไทย’ กระทุ้งรัฐบาล ควบคุม ‘ยาเสพติด-อาวุธ’ หวัง ‘โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู’ เป็นเหตุสลดสุดท้าย

(5 พ.ย. 65) เพจ ‘พรรคเพื่อไทย’ โพสต์ข้อความ เกี่ยวกับ ‘ญัตติปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู’ โดยระบุว่า…

ยาเสพติดเกลื่อนบ้าน อาวุธปืนเกลื่อนเมือง โครงสร้างระบบราชการกดทับข้าราชการชั้นผู้น้อย
บ่มสร้างพฤติกรรมรุนแรง และสร้างความรู้สึกเกลียดชังตนเอง-สังคม นำไปสู่การข่มขู่ คุกคาม ทำร้ายผู้เห็นต่างตลอดจนผู้คนรอบข้าง สร้างเหตุผลชอบธรรมในการใช้ความรุนแรงเพราะความเกลียดชังสังคม จนนำไปสู่สาเหตุ #โศกนาฏกรรมหนองบัวลำภู

ญัตติปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ จังหวัดหนองบัวลำภู

นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร อภิปรายในญัตติด่วนด้วยวาจา ปัญหากราดยิงศูนย์พัฒนาเด็กเล็กอุทัยสวรรค์ อำเภอนากลาง จังหวัดหนองบัวลำภู เพื่อส่งข้อสังเกตไปยังรัฐบาลดำเนินการ โดยที่ประชุมสภาตั้งข้อสังเกตสาเหตุและแรงจูงใจก่อเหตุว่าเกิดจากปัญหายาเสพติด อาวุธปืน การกดทับในโครงสร้างตำรวจทหาร ปัญหาสังคมในชนบท ตลอดจนปัญหาจิตวิทยา ทั้งหมดล้วนประมวลก่อรวมกันเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์เศร้าสลดจนมีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 37 ราย

[ความเกลียดชังสังคม และปัญหาจิตเวช เป็นปัจจัยในมุมมองเชิงการแพทย์]

นพ.ชลน่าน กล่าวว่าในมุมมองทางการแพทย์แล้ว อาการของผู้ก่อเหตุมีลักษณะความเกลียดชังสังคม เพราะเกิดจากความไม่มั่นคงและกำลังสูญเสียสิ่งที่คุ้นเคย ซึ่งในกรณีนี้คือการที่เขาถูกให้ออกจากราชการและถูกดำเนินคดี จนวิตกกังวลและนำไปสู่ความโกรธ ความเกลียดชังทั้งคนรอบข้าง สังคม และตัวเอง

สาเหตุเกิดจากมิติโครงสร้างของสังคมไทยที่จุดระเบิดความรุนแรงจากที่มาของปัญหายาเสพติดอย่างไม่สามารถปฏิเสธไม่ได้ เพราะจุดเริ่มต้นเกิดจากการที่เขามียาเสพติดจนทำให้ถูกไล่ออกจากราชการ แม้ตอนก่อเหตุจะไม่พบสารเสพติด แต่การเตรียมการก่อเหตุการณ์ก็ดำเนินมาจนถึงจุดระเบิด

ปัญหาอาวุธปืน ประเทศไทยมีสถิติจากปืนมากที่สุด ในที่ประชุมพูดว่า ปืนถูกกฎหมาย 1 กระบอกจะมีปืนเถื่อนอีก 3 กระบอก การมีใบอนุญาตพกอาวุธปืน

ในด้านจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญได้อธิบบายถึงทั้งเหตุจากการกล่อมเกลาเลี้ยงดู การรับมือต่อสภาพปัญหา การแก้ไขปัญหาบิดเบี้ยวซึ่งผู้ก่อเหตุไม่มีภูมิคุ้มกันที่เพียงพอ ซึ่งปัญหานี้ ก็เป็นปัญหาใหญ่ของคนในสังคมไทยที่ต้องดิ้นรน กดดันให้ต่อสู้เพื่อเลี้ยงชีพแต่สังคมก็ไม่เอื้อให้เขาได้ลืมตาอ้าปาก ดังนั้นจึงเชื่อว่าคนในสังคมไทยขณะนี้มีปัญหาสุขภาพจิตมากขึ้น

ดังนั้น เหตุการณ์ทั้งปวงไม่ใช่อุบัติเหตุ มีการเตรียมมีด เตรียมปืน คือความตั้งใจ เจตนาที่จะก่อเหตุอันแสนเจ็บปวดนี้

[713 หมู่บ้านในหนองบัวลำภู ยาเสพติดระบาดไปแล้ว 206 หมู่บ้าน]

ทางด้านณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าเหตุการณ์เศร้าสลดนี้มีสาเหตุจากยาเสพติด แม้ในตัวผู้ก่อเหตุจะชันสูตรไม่พบสารเสพติด พฤติกรรมการพัวพันเกี่ยวข้องยาเสพติดตั้งแต่รับราชการตำรวจจนถึงให้ออกจากราชการ

วันนี้จังหวัดหนองบัวลำภู สถานการณ์ยาเสพติดระบาดรุนแรงมาก จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด พบว่าในประชากร 5 แสนคนของหนองบัวลำภูใน 713 หมู่บ้าน พบว่า เป็นหมู่บ้านปลอดยาเสพติด 507 หมู่บ้าน แต่เป็นหมู่บ้านสีแดง พบยาบ้า ยาเสพติด ยาไอซ์ มีจำนวนถึง 206 หมู่บ้าน หมายความว่า สัดส่วนพื้นที่ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดสูงถึง 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว

[งบประมาณปราบยาเสพติดมหาศาล แต่ล้มเหลว]

ทางด้านไชยา พรหมา ส.ส.หนองบัวลำภู กล่าวว่าทุกวันนี้ยาเสพติดเกลื่อนเมือง หาง่ายตามร้านขนมยิ่งกว่าลูกกวาด สวนทางกับงบประมาณของรัฐบาลที่จัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ ในแต่ละปี โดย 8 ปีที่ผ่านมาใช้งบไปไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท แต่สิ่งที่ได้เห็นคือการจับยาเสพติดครั้งละนับล้านเม็ด สมัยก่อน เมื่อได้ยาเสพติดมาก็จะทำลาย แต่ทุกวันนี้แทบไม่ค่อยได้เห็นการทำลายยาเสพติด จนเกิดคำถามว่ายาเสพติดของกลางมันหายไปไหนหรือไหลกลับไปวนอยู่ในตลาด เหตุการณ์ซ้ำๆ อย่างนี้ไม่มีวันจบสิ้น ยาเสพติดนั้นทำให้ผู้บริสุทธิ์กลายเป็นเหยื่อ และยาเสพติดยังทำให้ผู้ที่รักษาความปลอดภัยกลายเป็นผู้ที่เป็นภัยต่อสังคม และสุดท้ายยาเสพติดนั้นทำให้ครอบครัวที่สงบสุข กลายเป็นขุมนรกทำลายล้างสังคมไทย

‘ตำรวจแม่พริก’ จับพิรุธคนขับรถสิบล้อขนสินค้า ตรวจค้นพบ ยาบ้า 5 ล้านเม็ด - ยาเคกว่า 100 กิโล

ผบ.ตร. ชื่นชม ตำรวจแม่พริก ลำปาง มีไหวพริบ รวบหนุ่มขับรถสิบล้อ ขนยาบ้า 5 ล้านเม็ด เคตามีนกว่า 100 กิโล ตบตา จนท.ซุกซ่อนมากับทิชชู รับมาจากเชียงใหม่ นำส่งสงขลา สั่งการย้ำขยายผลยึดทรัพย์ พร้อมกำชับตำรวจเร่งแก้ปัญหาผู้เสพร่วมกับทุกภาคส่วน 

วันนี้ (22 พ.ย. 65) เวลา 10.00 น. ที่ ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง ผบชภ.5, พล.ต.ต.พฤทธิพงษ์ ประยูรศิริ รอง ผบช.ภ.5, พล.ต.ต.นพดล สอนสำราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.มงคล สัมภวะผล ผบก.ภ.จว.ลำปาง, นายชัชวาลย์ ฉายะบุตร ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง, ผู้แทน ปปส., ผู้แทน มทบ.32  ร่วมกันแถลงผลการจับกุม คดียาเสพติดรายสำคัญ ผู้ต้องหา 1 คน พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 5 ล้านเม็ด เคตามีน (ยาเค) จำนวน 101 กิโลกรัม และรถยนต์บรรทุก 6 ล้อ จำนวน 1 คัน

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า คดีนี้สืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 17 พ.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจยาเสพติดแม่พริก จ.ลำปาง ได้เรียกตรวจรถบรรทุก 6 ล้อ ยี่ห้อ ฮีโน่ สีขาว ทะเบียน 66-9601 กทม. พบ นายวัชระ คะรวนรัมย์ อายุ 32 ปี ที่อยู่ 57 ม.5 ต.คูมือง อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ คนขับรถมีท่าทางพิรุธ จึงได้ขอทำการตรวจค้นโดยได้นำรถยนต์บรรทุก เข้าเครื่อง XRAY ประจำด่านตรวจแม่พริก พบวัตถุสงสัยคล้ายก้อนยาเสพติด ปะปนมากับกล่องสินค้า จึงได้ตรวจสอบอย่างละเอียดพบ ยาบ้าจำนวน 850 ก้อน ประมาณ 5 ล้านเม็ด และเคตามีนอีก จำนวน 101 ก้อน ก้อนละ 1 กก. รวมเป็น 101 กก. 

สอบสวนนายวัชระ ให้การรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายวสันต์ ให้มาขนยาเสพติดดังกล่าว โดยซุกซ่อนยาเสพติดมากับสินค้าจำพวกกล่องทิชชูเพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ โดยต้นทางของยาเสพติดมาจาก  อ.ไชยปราการ จ.เชียงใหม่ ปลายทาง จ.สงขลา และนายวัชระ รับว่าได้เสพยาบ้ามาด้วย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีและทำการขยายผลยึดทรัพย์ตามกฎหมายต่อไป 

ผบ.ตร. กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บูรณาการร่วมกับทุกภาคส่วนร่วมแก้ปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดอย่างจริงจังและต่อเนื่องในทุกมิติ ต้องขอชื่นชมในไหวพริบของตำรวจด่านแม่พริก จ.ลำปาง ที่มีปฏิภาณไหวพริบในการตรวจค้น จนนำไปสู่การจับกุมในครั้งนี้ โดย ด่านตรวจยาเสพติดแห่งนี้ มีผลงานจับกุมยาเสพติดมาต่อเนื่อง

‘ตำรวจ’ รวบเครือข่ายชาวม้งลอบขนยาเสพติด จับกุมได้พร้อมของกลาง ยาบ้ากว่า 1.6 ล้านเม็ด

(23 พ.ย. 65) จากนโยบายเร่งด่วนของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ที่ให้ทุกหน่วยในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีหน้าที่ปราบปรามยาเสพติด เดินหน้าเชิงรุกทุกมิติการทำงาน เพื่อสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่ชั้นในและในชุมชน ทำลายเครือข่ายค้ายาเสพติดให้ครอบคลุม รวมทั้งขยายผลยึดอายัดทรัพย์สินของเครือข่ายที่ได้มาจากการค้ายาเสพติดให้สิ้นซาก ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.อ.ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร.(กม) / ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วยผบ.ตร. / รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ปส., พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส.บช.ปส., ได้สั่งการให้ทุกหน่วยใน กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สกัดกั้นจับกุมและสืบสวนขยายผลการลักลอบลำเลียงยาเสพติดทั่วประเทศ 

ล่าสุด ช่วงวันที่ 20 - 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สกส. ร่วมกันจับกุมตัว 4 ผู้ต้องหา คือ 
1.) นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง อายุ 22 ปี
2.) นายนพเดช แซ่ซ้ง อายุ 28 ปี
3.) นายเอกภพ แซ่เฮ่อ อายุ 35 ปี ลำดับ (1-3 เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ม้ง จังหวัดตาก)
4.) นายจักรกฤษณ์ สวยรักษ์ อายุ 53 ปี 

หลังสืบทราบว่า กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง ซึ่งมีภูมิลำเนาในอำเภออุ้มผางและพบพระ จังหวัดตาก มักลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่ทางภาคเหนือ เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับลูกค้าในพื้นที่ กทม. และจังหวัดใกล้เคียงเป็นประจำ วันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมาพบว่าจะลำเลียงยาเสพติดจำนวนมาก จากพื้นที่จังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปส่งมอบให้กับลูกค้าโดยจะใช้รถกระบะ และรถยนต์ใช้ในการขนส่ง กระทั่งช่วงเช้าของวันที่ 21 พ.ย. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยติดตามรถของขบวนการซึ่งตรงตามที่สืบทราบมา จนเวลาประมาณ 16.00 น. สามารถสกัดจับรถต้องสงสัยคือ รถกระบะ ISUZU D-MAX สีเทา หมายเลขทะเบียน ผค 394 พิษณุโลก ซึ่งใช้ซุกซ่อนยาเสพติด และรถยนต์ HONDA CIVIC หมายเลขทะเบียน กย 2637 ลำปาง มี นายเนติพงษ์ แซ่ว้าง, นายนพเดช แซ่ซ้ง และนายเอกภพ แซ่เฮ่อ เป็นผู้ขับขี่และนั่งมากับรถ ตรวจสอบในรถพบยาบ้า ถูกซุกซ่อนมาในกระเป๋า 16 ใบ รวม 1,600,000 เม็ด ภายในรถกระบะ 

นอกจากนี้ยังได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ 7 เครื่อง, ไอแพดสีดำ 1 เครื่อง ทั้งหมดรับว่า รับจ้างขนยาบ้าไปส่งลูกค้าตามที่ผู้ว่าจ้างสั่งการ จึงแจ้งข้อกล่าวหา ‘ร่วมกันกับพวกที่หลบหนี จำหน่ายโดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) อันเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคง ของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน’ โดยจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ได้ที่บริเวณสถานีบริการปั๊มน้ำมัน ปตท. ถนนกำแพงเพชร-สุโขทัย ตำบลพรานกระต่าย อำเภอพรานกระต่าย จังหวัดกำแพงเพชร 

‘เพื่อไทย’ ชี้!! ‘กม.กัญชง-กัญชา’ ช่องโหว่เพียบ ยัน!! ไม่ให้ผ่านแน่นอน แนะรัฐหยุดสร้างบาปให้ปชช.

‘เพื่อไทย’ ยัน ไม่ให้ผ่าน กม.กัญชา กัญชง เหตุช่องโหว่สารพัด ไม่ให้ขายแต่ให้ปลูกเพื่อเสพเองมีที่ไหน ไล่รัฐบาลไปแก้มาใหม่ หยุดสร้างบาปใหญ่ให้ประชาชน

(23 พ.ย. 65) ที่งานเสวนา ‘กัญชาเสรี บาปใหญ่รัฐบาลประยุทธ์?’ พรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กระทรวงสาธารณสุขประกาศให้กัญชาออกจากบัญชียาเสพติด โดยที่ยังไม่มีกฎหมายการใช้มารองรับ เท่ากับเป็นการเปิดช่องให้ใช้กัญชาในทางที่ผิด การสนับสนุนกัญชาเสรีของพรรคที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ดูเหมือนจะเป็นไปเพื่อใช้ในทางการแพทย์ แต่มีช่องโหว่ให้ใช้เพื่อการสันทนาการด้วย ปัญหาที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้คือ หากใช้ในทางการแพทย์อย่างเดียว ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ผ่านความเห็นชอบจากสภาแน่นอน แต่เรารู้ทันเพราะมีการเปิดช่องเพื่อสันทนาการ ซึ่งในการนำเอาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง กลับเข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง ต้องมาดูในรายละเอียด โดยตนมีข้อสังเกตและจุดยืนดังนี้

1.) รัฐบาลไม่ห้ามเสพกัญชา ตนยอมรับว่ากัญชามีประโยชน์ในทางการแพทย์ แต่หากใช้เพื่อการสันทนาการ พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ยกมือสนับสนุนให้ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชงผ่านสภาแน่นอน หากจะนำกลับมาพิจารณาใหม่ จะต้องเข้าไปดูในรายมาตราอีกครั้ง 

2.) แม้จะห้ามจำหน่ายกัญชา โดยไม่ให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปีซื้อ หมายความว่า ซื้อมาเสพมีความผิด แต่ปลูกเองเสพเองไม่ผิด เพราะอนุญาตให้ปลูกในครัวเรือนได้ไม่เกิน 15 ต้นตามมาตรา 18 ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ทั้งยังห้ามขาย ดังนั้นประชาชนไม่จำเป็นต้องซื้อปลูกเองได้ ยิ่งทำให้ประชาชนเสพกัญชาในบ้านได้ง่าย เมื่อไปถึง โรงเรียนก็เสพในห้องน้ำ สิ่งเหล่านี้ทำได้ไม่ผิดกฎหมายหรือไม่  

3.) ส่งเสริมให้ปลูกในครัวเรือน จากที่เคยหาเสียงไว้ว่าปลูกเพื่อจำหน่าย ชาวบ้านตาโต ให้ปลูกครอบครัวละ 6 ต้น รับซื้อกิโลกรัมละ 70,000 บาท ปีละ 400,000 กว่าบาท แต่ในชั้นกฎหมายห้ามขาย จึงต้องปลูกเพื่อบริโภคในครัวเรือน นำไปประกอบอาหาร หรือทำยา และอย่าลืมว่าในกัญชามีทั้งสารดีอย่าง CBD และสารร้าย THC พี่น้องประชาชนจำนวนมากยังไม่รู้ และไม่สามารถแยกสารเลือกเอาเฉพาะสารดีเข้าร่างกายได้ คือมีแค่พี้และเสพ 

“ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เข้าสภา ไม่ได้จำกัดการใช้กัญชาในทางการแพทย์อย่างเดียว แต่มีช่องโหว่ให้เสพเพื่อสันทนาการด้วย เราเห็นว่าเป็นกฎหมายที่ไม่ชอบ จึงให้ผ่านไม่ได้ จนกว่าจะไปแก้คำจำกัดความของกัญชาไม่ใช่ยาเสพติดในมาตรา 3 และข้อห้ามยุกยิก ห้ามเรื่องเล็กน้อยรวม 90 มาตรา แม้บางอย่างเขียนไว้ห้าม แต่ในทางปฏิบัติทำไม่ได้ เช่น การขออนุญาตปลูกขาย ต้องแยกสาร แล้วชาวบ้านจะมีเครื่องมือแยกได้อย่างไร หากปลูกทุกครัวเรือน ประเทศไทยมีกี่ครัวเรือน ตำรวจกี่คนที่ต้องไปนั่งเฝ้า ตามจับกุม ลำพังยาบ้าอย่างเดียวคุณยังเอาไม่ไหว กัญชามีทุกครัวเรือนท่านจะทำอย่างไรไหว” นายสุทิน กล่าว 

นายแพทย์สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นต้องไปแก้กฎหมายหรือปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชียาเสพติด เพราะแต่เดิมใน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ.2562 สามารถนำกัญชามาใช้ศึกษาวิจัยทางการแพทย์ได้ อีกทั้งการออกกฎหมายไปปลดล็อกได้สร้างปัญหามากมาย เพราะไม่ได้เป็นไปตามเจตนารมณ์ทางการแพทย์ ที่จะนำมาใช้เพื่อสุขภาพอนามัย นอกจากนี้ราชวิทยาลัย แพทยสมาคม และแพทยสภา ก็มีความเห็นตรงกันว่าการนำกัญชามาใช้ทางการแพทย์นั้นไม่ขัดข้อง แต่ไม่เห็นด้วยที่จะนำกัญชามาเสพเพื่อสันทนาการ กลุ่มแพทย์ทั้งหลายจึงได้ตั้งเงื่อนไขว่า การใช้กัญชาทางการแพทย์ที่มีประโยชน์ ควรเข้าเงื่อนไข 5 ข้อ ประกอบด้วย

1.) การใช้กัญชาทางการแพทย์ จะต้องมีหลักฐาน งานวิจัย ข้อมูลเชิงประจักษ์ ลงตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ที่ได้รับการรับรองน่าเชื่อถือในระดับโลก ไม่ใช่เป็นการใช้ตามความเชื่อหรือฟังเขาเล่าต่อกันมา  

2.) ผลิตภัณฑ์กัญชา ต้องเป็นการผลิตกัญชาที่มีคุณภาพ ปลูกภายใต้การควบคุมมาตรฐาน ภายใต้การควบคุมของแพทย์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้สารสำคัญจำเป็นใช้ทางการแพทย์ แต่ที่ให้ปลูกกันตามบ้าน 15 ต้น ไม่ได้คุณภาพ ไม่ใช่เพื่อการแพทย์แต่เป็นสันทนาการ

3.) มีการควบคุมการรักษา ไม่ว่าจะรักษาด้วยการแพทย์สมัยใหม่หรือการแพทย์แผนโบราณ จะต้องผ่านการอบรมเรียนรู้ก่อนนำไปรักษา

4.) ผู้ป่วยที่จะรับการรักษา ต้องมีการคัดกรองผู้ป่วย จำเป็นต้องใช้การรักษาด้วยกัญชาอย่างไร รวมถึงประเมินผลตั้งแต่ก่อนรักษาจนถึงหลังรักษา 

5.) รัฐต้องกำหนด ให้กัญชา เป็นยาเสพติด เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูแลควบคุมได้ง่าย

ในร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่กำลังพิจารณาอยู่นี้ กลุ่มแพทย์ได้ศึกษาในรายละเอียดเช่นกัน โดยเห็นว่าไม่สอดคล้องกับเงื่อนไข 5 ข้อดังกล่าว หากปล่อยกฎหมายนี้ให้ผ่านความเห็นชอบจากสภา จะเกิดผลเสียมากกว่าผลดีแน่นอน 

นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลที่ขึ้นเป็นเจ้ากระทรวงสาธารณสุขจะทำอะไร พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยติติง ซึ่งการปลดล็อกกัญชาออกจากบัญชีสารเสพติดก่อนที่จะมีกฎหมายคุ้มครอง ควบคุมการใช้ นายกรัฐมนตรีเองก็ไม่เคยติติงหรือท้วงติงแต่อย่างใด สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ ประเทศไทยอยู่ภาวะสุญญากาศ หลายพื้นที่ทั้งในเมือง ตลาด ห้างสรรพสินค้า มีร้านขายกัญชาเกิดขึ้นจำนวนมาก น่าสังเกตที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก ที่ลงทุน ลงแรงในการจำหน่ายกัญชา แต่ไม่มีผู้รับซื้อเพราะปลูกไม่ได้มาตรฐาน

เมียนมา สกัดยาบ้าที่รัฐฉานก่อนทะลักเข้าไทย จับ 8 ผู้ต้องหา พร้อมอุปกรณ์การผลิตเพียบ

แผนความร่วมมือระหว่างประเทศ พม่าตรวจยึดยาเสพติดก่อนทะลักเข้าไทย พร้อมประสานความร่วมมือต่อเนื่อง

พลตำรวจจัตวา วิน หน่าย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด และเลขาธิการร่วม CCDAC เมียนมามีหนังสืออย่างเป็นทางการถึง เลขาธิการ ป.ป.ส. ถึงผลการจับกุมโรงงานผลิตยาเสพติดในประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ทหารเมียนมา และเจ้าหน้าที่ CCDAC เมียนมา ปะทะขบวนการค้ายาเสพติด ในพื้นที่บ้านน้ำปุ่งใหม หรือบ้านนายาว เมืองกาน จังหวัดเมืองสาด รัฐฉาน ประเทศเมียนมา พร้อมจับกุม 8 ผู้ต้องหา และตรวจยึดยาเสพติด พร้อมอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตได้เป็นจำนวนมาก


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top