Friday, 3 May 2024
มวยไทย

‘เจ้าชายซาอุฯ’ นำหลักสูตรมวยไทยไปสอนทหารในประเทศ ชี้ มวยไทยเป็นมากกว่ากีฬาต่อสู้ แถมทำให้ ไทย-ซาอุฯ ใกล้ชิดกัน

(10 เม.ย.66) เพจ ‘The World Echo’ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า… 

เจ้าชายซาอุดีอาระเบีย ฟาฮัด บิน มานซูร์ อัล ซาอูด ทรงเป็นประธานสมาพันธ์มวยไทยแห่งชาติด้วยตัวพระองค์เอง พระองค์ฝึกมวยไทยมานาน แถมยังช่วยนำหลักสูตรมวยไทยเข้าไปสอนเหล่าทหารในกองทัพของซาอุดีอาระเบีย 

ในงานเลี้ยงกลางสถานเอกอัครราชทูต เจ้าชายกล่าวสุนทรพจน์ถึงกีฬามวยไทย

"ผมดีใจที่ได้มายืนอยู่ที่นี่ในฐานะประธานสมาพันธ์มวยไทยแห่งชาติ มวยไทยได้รับการยอมรับจากโอลิมปิกสากล และเป็นมากกว่าแค่กีฬาต่อสู้ นี่คือศิลปะการป้องกันตัวที่ผสมผสานประเพณี ค่านิยม การแข่งขันสมัยใหม่ และเป็นหนึ่งในกีฬาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกเวลานี้

‘ชาวเน็ตเขมร' เปลี่ยนประวัติศาสตร์ เล่าเป็นฉากๆ เคลม!! ‘นายขนมต้ม' เป็นคนเขมร ชื่อ ‘ฉันใหญ่นะ’

เคลมอีกแล้ว ! ชาวเน็ต 'เขมร' เล่าเป็นฉากๆ 'นายขนมต้ม' เป็นคนเขมร 

(10 เม.ย. 66) The Wild Chronicles - ประวัติศาสตร์ ข่าวต่างประเทศ ท่องเที่ยวที่แปลก ออกมาเปิดเผยว่าในเว็บไซต์ khmer440 มีชาวเขรมใช้นามปากกาว่า SEAhistory มาเล่าว่า นายขนมต้มนั้นแท้จริงเป็นชาวเขมร และวิชาที่นายขนมต้มใช้นั้นไม่ใช่มวยไทย แต่เป็นมวยเขมรตามหลักฐานที่ปรากฏบนกำแพงนครวัด

นาย SEAhistory บอกว่า ‘ตำนานนายขนมต้ม’ ซึ่งพูดถึงเรื่องนักมวยไทยที่ถูกพม่าจับตัวไป และสามารถใช้วิชามวยไทยต่อยชนะพม่าถึงสิบคนนั้น เป็นเรื่องที่ชาวไทยแต่งขึ้น โดยลอกไปจากตำนานของเขมร

ตำนานเขมรอันเป็นเรื่องราวที่แท้จริงเล่าแบบนี้ ...กาลครั้งหนึ่งเมื่อกษัตริย์พม่ารบชนะอยุธยา และกวาดต้อนชาวไทยไปนั้น ได้มีทาสชาวเขมรคนหนึ่งอยู่ในหมู่เชลยไทย มีหน่วยก้านดี จึงถูกเรียกมาให้ต่อยมวยให้กษัตริย์พม่าดู

ทาสเขมรคนนั้นชื่อนายขนมต้ม แต่แทนที่จะต่อยมวย เขาได้ใช้วิชาร่ายรำอันงดงามและทรงพลัง ทำให้นักมวยพม่าที่เป็นคู่ชกมีอาการมึนเมา และถูกเขาสยบลงในที่สุด

กษัตริย์พม่ารู้สึกประหลาดใจจึงเรียกนักมวยพม่ามาสู้อีก ก็ล้วนถูกนายขนมต้มใช้การร่ายรำทำให้เมามายไปทั้งสิ้น รวมแล้วเป็นสิบคน

วีรกรรมนี้ทำให้กษัตริย์พม่ามีความพึงพอใจ จึงประทานเงินทองและภรรยาให้กับนายขนมต้ม จนนายขนมต้มอยู่สอนวิชามวยเขมรในเมืองพม่า กลายเป็นต้นตำรับมวยพม่า หรือที่เรียกว่า และเหว่ (Lethwei)

ชาวเขรมชื่อนาย SEAhistory ชี้ให้เห็นว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ระบุว่านายขนมต้มเป็นชาวไทย แต่หลักฐานชิ้นใหญ่ที่สนับสนุนเรื่องราวของเขา คือชื่อของนายขนมต้มเอง เพราะคำว่า ‘ขนมต้ม’ เป็นคำที่ไม่มีความหมายในภาษาไทย โดยคำว่า ‘ขนม’ นั้นแปลว่าของหวาน ส่วนคำว่า ‘ต้ม’ แปลว่าต้มอาหาร หรือแปลว่าซุป ...ใครกันจะเอาของหวานไปต้มทำซุปเล่า?
ในทางตรงข้ามคำว่าขนมต้มกลับมีความหมายในภาษาเขมร โดยมาจากคำว่า ‘ขยม’ ที่แปลว่า ‘ตัวฉัน’ หรือ ‘ข้ารับใช้’ และคำว่า ‘ธม’ ที่แปลว่า ‘ใหญ่’

ดังนั้นนายขนมต้มจึงมีชื่อที่แท้จริงว่า ‘นายขยมธม’ ที่แปลว่า ‘ฉันใหญ่นะ’

เขาชี้ให้เห็นว่าเมื่อก่อนนั้นทาสเขมรถูกชาวไทยกดขี่ ห้ามไม่ให้เปิดเผยถึงเชื้อชาติที่แท้ของตน แต่ชาวเขมรมีความฉลาดเฉลียวจึงแอบตั้งชื่อตัวเองเป็นภาษาเขมร เพื่อส่งสัญญานให้ลูกหลานในอนาคตเรียนรู้ว่าชนชาติของตนนั้น ‘ฉันใหญ่นะ’ ขนาดไหน

Thai Fight ออนทัวร์ ‘กรุงโรม’ คนแห่ชมร่วม 5 พัน สะท้อน!! สุดยอดกีฬาที่นานาชาติต่างยอมรับ

(27 เม.ย.66) เพจ ‘ประเทศไทยต้องชนะ’ ได้โพสต์ความยิ่งใหญ่ของมวยไทยในต่างประเทศ ระบุว่า...

มวยไทยกระหึ่มโลก! 🥊🇹🇭

‘Thai Fight’ จัดการแข่งขันชกมวยไทยโลกในต่างประเทศ เพื่อเผยแพร่กีฬามวยไทย ซึ่งเป็นกีฬาประจำชาติให้เป็นที่รู้จักทั่วโลก 

เสาเอก อ.อัจฉริยะ’ รับ!! ‘ล้มมวย’ แลกเงิน 2 แสนบาท ด้าน ‘เสี่ยโบ๊ท’ ลั่น!! ขอตัดขาด-ไม่ปล่อยคนชั่วลอยนวล

เกิดเรื่องดรามาอีกครั้งในวงการมวยไทย เมื่อ เสาเอก อ.อัจฉริยะ สุดยอดกำปั้นระดับต้นๆ ในรุ่น 122 ปอนด์ ออกมายอมรับกับผู้จัดการค่ายว่าทำการ ‘ล้มมวย’ หลังเจ้าตัวชกแบบผิดฟอร์มสุดๆ ในคู่เอกของศึกเพชรยินดี เวทีราชดำเนิน เมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา 

เสาเอก อ.อัจฉริยะ พ่ายแพ้คะแนนให้กับ ดีเซลเล็ก เพชรยินดีอะคาเดมี่ สร้างความแปลกใจให้กับเหล่าเซียนมวยในสนามเป็นอย่างมาก เพราะช่วงหลัง ‘เสาเอก’ ถือเป็นนักมวยฝีมือดี ฟอร์มดี และทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด แต่ไฟต์นี้กลับชกผิดฟอร์มไปแบบดื้อๆ 

หลังจบไฟต์ดังกล่าว ‘เสี่ยโบ๊ท’ ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ โปรโมเตอร์แห่งศึกเพชรยินดี เข้าไปคุยกับ เสาเอก อ.อัจฉริยะ เพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงชกผิดฟอร์มแบบน่าเกลียดขนาดนี้ โดยตัวของนักมวยได้อธิบายไปว่าตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณขาจากการฝึกซ้อม ทำให้ชกออกมาได้ไม่ดี 

ล่าสุด ‘เปิ้ล นคร’ ผู้จัดการค่าย อ.อัจฉริยะ ได้ทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าวทันที ก่อนจะออกมาเปิดออกยอมรับว่า เสาเอก อ.อัจฉริยะ ล้มมวยในไฟต์ดังกล่าวจริง โดยได้รับค่าจ้างเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท 

‘เสกสรร’ นักมวยไทยชื่อดัง โพสต์ขอบคุณ ‘พล.ต.อ.อัศวิน’ หลังเมตตาให้การสนับสนุน จนคว้าชัยในศึก ‘ONE ลุมพินี’

(29 เม.ย.66) นายวสันต์ อิสลาม หรือ ‘เสกสรร อ.ขวัญเมือง’ นักมวยไทยชื่อดังระดับแนวหน้า ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่คอยให้การสนับสนุนตนมาตลอด หลังสามารถคว้าชัยในรายการ ONE Championship ศึก ‘กิ่งซางเล็ก’ งัดฟอร์มเด็ดพิชิต ‘ช่อฟ้า’ | ‘เสกสรร’ ประชัน ‘ฌอน แคลนซี’ นักมวยจากประเทศอิตาลี โดยระบุว่า…

เก็บชัยชนะอีกครั้ง🥇
ขอขอบคุณลูกพี่ ส.สมหมาย ที่สนับสนุนผม🙏🏻
ขอขอบคุณท่าน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ที่สนับสนุนผม🙏🏻
ขอขอบคุณพี่ ชาตรี ศิษย์ยอดธง สำหรับเงินโบนัสที่มอบให้ผมเป็นครั้งที่ 3 🙏🏻
ผมขอขอบคุณรายการ ONE ลุมพินี ที่ทำให้ชีวิตและครอบครัวของผมดีขึ้นเป็นอย่างมากจริงๆ

ที่มา : https://www.facebook.com/wasan.islam/posts/pfbid0Yh9ZBFnoZrKMe9kADsSXMAm2ZYkSS8sELwaMmsiH5f6wjz4uWzCk8LAR6nmDt68bl

‘สายสมร ไชยสร’ ปธ.มวยลาว อัดคลิปขอโทษประเทศไทย ปมวิจารณ์ ‘มวยไทย’ เลียนแบบ ‘กุน ขแมร์’ ลั่น เรื่องนี้ขอรับผิดคนเดียว

(30 เม.ย.66) สายสมร ไชยสร ประธานสหพันธ์มวยลาวแห่งประเทศลาว ออกมาอัดคลิปขอโทษประเทศไทย หลังเจ้าตัวเคยออกมากล่าวว่า "มวยไทย" เลียนแบบ "กุน ขแมร์" ของประเทศกัมพูชา โดยตนขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว

ในช่วงที่ผ่านมามีดราม่าเกี่ยวกับประเด็น กุน ขแมร์ ที่กัมพูชา บรรจุเข้าแข่งขันลงในกีฬาซีเกมส์ แทนที่ของมวยไทย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยตอนนั้น สายสมร ไชยสร ประธานสหพันธ์มวยลาวแห่งประเทศลาว เป็นหนึ่งในบุคคลที่กล่าวว่า มวยไทย เลียนแบบโบกะตอร์ (มวยโบราณของเขมร) หรือ กุน ขแมร์

ไทยผลักดัน 'ไหว้ครูมวยไทย' สู่ 'ซอฟต์เพาเวอร์' โลก  ลุ้น!! บรรจุเข้าแข่งขัน 'โอลิมปิกเกมส์ 2028' ที่สหรัฐฯ

เมื่อวันที่ 8 พ.ค. 66 ตามที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติชิงแชมป์โลก 2566 "อิฟม่า ซีเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2023" ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ไลฟ์ ฮอลล์ ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 4-12 พฤษภาคม 2566 โดยมีนักกีฬา โค้ช และเจ้าหน้าที่รวมกว่า 3,000 คนจาก 112 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลก เข้าร่วมชิงชัยเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีของสหพันธ์สมาคมกีฬามวยไทยนานาชาติ (อิฟม่า)

ระหว่างการแข่งขันดังกล่าวยังมีการจัดการแข่งขันไหว้ครูมวยไทย ที่ลานสแควร์ B เซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ด้วยเช่นกัน ระหว่างวันที่ 8-10 พ.ค. โดยได้มีพิธีเปิดการแข่งขันไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมี ‘ดร.หญิง’ ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF), ดร.ศักดิ์ชาย ทัพสุวรรณ นายกสมาคมกีฬามวยไทยสมัครเล่นแห่งประเทศไทยในพระราชูปถัมภ์ และประธานอิฟม่า, มร.สเตฟาน ฟ็อกซ์ เลขาธิการอิฟม่า, ‘ชาติซ้าย’ นายสมชาติ เจริญวัชรวิทย์ นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพแห่งประเทศไทย ฯลฯ เข้าร่วมในพิธี

สำหรับการจัดงาน ‘ไหว้ครูมวยไทย’ เป็นส่วนหนึ่งที่แสดงออกถึงเอกลักษณ์ ขนบธรรมเนียมของกีฬามวยไทย ที่ชาวต่างชาติให้ความสนใจ ซึ่งรัฐบาลไทยพยายามผลักดันเรื่องของมวยไทย และการไหว้ครูมวยไทย ซึ่งเป็นมรดกประจำชาติไทยไปสู่การเป็น ซอฟท์เพาเวอร์ของโลก ซึ่งในโอกาสที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมวยไทยนานาชาติชิงแชมป์โลก 2566 "อิฟม่า ซีเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพส์ 2023" จึงได้จัดแข่งขัน ‘ไหว้ครูมวยไทย’ ขึ้นมาด้วยเพื่อแสดงให้นักมวยไทยกว่า 3,000 คนจาก 112 ประเทศ 5 ทวีปทั่วโลกได้รู้จัก อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในกระบวนการผลักดันมวยไทย เข้าได้รับการบรรจุแข่งขันในกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ฤดูร้อน ในอนาคตอีกด้วย

ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ เปิดเผยว่า กิจกรรมเกี่ยวกับมวยไทยที่เป็นซอฟต์ เพาเวอร์ คนส่วนใหญ่มักเข้าใจว่าเป็นแค่เรื่องการชกมวยไทย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ทำให้มวยไทยเป็นศิลปวัฒนธรรมประจำชาติ เพราะมีเรื่องการไหว้ครูมวย รวมถึงเรื่องแม่ไม้มวยไทย ลูกไม้มวยไทย และชกมวยไทย กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (NSDF) ส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมมวยไทยของเราอย่างเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เด็กๆ จนกระทั่งเติบโตมาเป็นนักชก หรือการเล่นกีฬา นโยบายที่ได้รับจากรัฐบาลคือ ไทยพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะสนับสนุนมวยไทยไปสู่สากล และเราพร้อมที่จะบอกนักท่องเที่ยวทั่วโลกว่าให้มาที่ประเทศไทย เพื่อมาเรียนไหว้ครูมวยไทย แม้ไม้มวยไทยอย่างถูกต้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่กองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่เพื่อผลักดันเรื่องดังกล่าวให้สำเร็จสู่สายตาชาวโลก

ผู้จัดการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติยังกล่าวอีกว่า อุตสหกรรมกีฬามวยไทยเติบโตขึ้นมาก หลังจากประสบความสำเร็จในมหกรรมกีฬาเวิลด์เกมส์ 2022 ที่เมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมบรรจุชิงชัยเหรียญในเวิลด์เกมส์ 2025 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน

‘พงษ์ภานุ’ วอน ภาครัฐฯ-สมาคม เร่งแก้ไขวงการกีฬาไทย แนะ เพิ่มงบหนุนเพื่อต่อยอดอุตฯ กีฬา สร้างรายได้ให้ประเทศ

(4 มิ.ย. 66) นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเศรษฐศาสตร์ฮิโรชิมะ ประเทศญี่ปุ่น อดีตปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และอดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง ได้พูดคุยในประเด็น ‘โอกาสและแนวทางในการพัฒนากีฬาไทย’ ผ่านรายการ ‘NAVY TIME เรื่องดี ๆ ประเทศไทยยามเช้า’ ออกอากาศช่วงเช้า เวลา 07.00- 08.00 น. ทางสถานีวิทยุเสียงจากทหารเรือวังนันทอุทยาน (ส.ทร.วังนันทอุทยาน) FM93 เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2566 โดยได้ให้มุมมองถึงเหตุผลที่วงการกีฬาไทยยังไปไม่ถึงดวงดาว รวมถึง ‘มวยไทย’ มรดกทางกีฬาและศิลปะวัฒนธรรมของชาติไทย ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกมุมโลก แต่เหตุใดยังเทียบชั้นเทควันโดของเกาหลี หรือยูโดของญี่ปุ่นได้ในระดับสากลไม่ได้? และเพราะเหตุใด? มวยไทยถึงยังไม่ได้รับบรรจุเข้าเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิก

เมื่อพูดถึงการพัฒนาทางด้านกีฬาของประเทศไทยนั้น มีเป้าหมายหลักๆ อยู่ 3-4 ประการด้วยกัน คือ พื้นฐาน มวลชน เหรียญทองเป็นเลิศ อาชีพ และอุตสาหกรรม ได้แก่

เป้าหมายที่ 1 คือ อยากให้เด็กไทย ได้รับการศึกษาทางด้านพละศึกษาที่ถูกต้อง ออกกำลังกายอย่างถูกต้อง รู้จักชนิดของกีฬา และเล่นกีฬาเป็น

เป้าหมายที่ 2 คือ อยากให้คนไทยหันมาใส่ใจการออกกำลังกายให้มากขึ้น

เป้าหมายที่ 3 คือ อยากให้นักกีฬาไทย ได้เหรียญทองเยอะๆ จากมหกรรมการแข่งขันกีฬาต่างๆ ระหว่างประเทศ สร้างทีมชาติ สร้างนักกีฬาให้มีความสามารถ

เป้าหมายที่ 4 คือ อาชีพ และอุตสาหกรรม อยากให้นักกีฬาไทยที่เป็นมืออาชีพ ได้รางวัลเยอะๆ ได้งบสนับสนุนเยอะๆ สามารถที่จะอยู่กับอาชีพนักกีฬา เป็นฐานการใช้ชีวิต

เป้าหมายที่ 5 คือ การพัฒนาศักยภาพวงการกีฬา จนสามารถต่อยอดไปถึงอุตสาหกรรมการกีฬาได้ในอนาคต

นายพงษ์ภาณุ ยังกล่าวต่อว่า วงการกีฬาไทยนับได้ว่าพัฒนาขึ้นระดับหนึ่ง หลังจากมีการปรับบทบาทและเพิ่มวงเงินกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติเมื่อปี 2558 โดยมีแหล่งรายได้จากภาษีบาปปีละกว่า 4,000 ล้านบาท ฟุตบอลไทยลีกกลายเป็นลีกฟุตบอลชั้นนำของเอเชีย นักกอล์ฟหญิงไทยขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก ธุรกิจการกีฬามีรายได้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่พัฒนาอย่างไรก็ไปไม่ถึงดวงดาวเสียที คนไทยมีสัดส่วนออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอตำ่มากเมื่อเทียบกับมาตรฐานโลก ทีมนักกีฬาไทยมีผลงานได้เหรียญแค่ที่สองในซีเกมส์ที่พนมเปญ ถูกเวียดนามทิ้งห่างทั้งๆที่เวียดนามใช้เงินรัฐฯ อุดหนุนไม่ถึงครึ่ง

ประเด็นต่อมาคือ ‘มวยไทย’ ซึ่งถือเป็นมรดกชาติและศิลปะวัฒนธรรมไทย และเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกมุมโลก แต่ในระดับสากลยังเทียบชั้นไม่ได้กับเทควันโดของเกาหลี หรือยูโดของญี่ปุ่น วันนี้มวยไทยยังไม่ได้รับบรรจุเข้าเป็นชนิดกีฬาในโอลิมปิก ด้วยเหตุที่วงการมวยไทยขาดเอกภาพและไม่มีมาตรฐานกลาง ที่เป็นที่ยอมรับสภาพวงการกีฬาไทย วันนี้สะท้อนการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทั้งในระดับรัฐบาลและสมาคมกีฬา เงินพัฒนากีฬาซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมากและมาจากภาษีอากรของประชาชน มีการบริหารจัดการที่ด้อยธรรมาิบาล สมาคมกีฬาขาดความโปร่งใสและการตรวจสอบบัญชีที่เป็นที่ยอมรับ การใช้เงินจึงขาดประสิทธผลและผลงานนักกีฬาไทยไม่เป็นตามคาดหวังทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค

“คงต้องฝากรัฐบาลใหม่แก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน ก่อนที่กีฬาไทยจะตกต่ำและเงินภาษีจะสูญเสียไปกว่านี้ รัฐฯ ต้องเสริมสร้างการกำกับดูแลสมาคมกีฬาให้มี Corporate Governance ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ นอกจากนี้ การพัฒนากีฬาในเชิงพาณิชย์ตามแนวทางของสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมพัฒนากีฬาอย่างเต็มที่ โดยให้สิ่งจูงใจที่เหมาะสมและจัดโครงสร้างการร่วมลงทุนแบบ PPP ที่มีการกระจายความเสี่ยงและภาระค่าใช้จ่ายที่สมดุล” นายพงษ์ภาณุ กล่าวทิ้งท้าย

‘สนามมวยราชดำเนิน’ จับมือ ‘แกร็บ’ ทุ่มเงิน 100 ล้าน ปลุก ‘มวยไทย’ ดันซอฟต์เพาเวอร์ หนุนท่องเที่ยวเชิงกีฬา

(20 ก.ค. 66) นายเธียรชัย พิสิฐวุฒินันท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โกลเบิล สปอร์ต เวนเจอร์ส จำกัด หรือ ‘GSV’ กล่าวว่า…

“มวยไทยถือเป็นศิลปะการต่อสู้ประจำชาติที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานจนกลายเป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยปัจจุบันรัฐบาลได้ผลักดันให้เป็นหนึ่งใน Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนามวยไทยให้สามารถเข้าถึงทุกคน และกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของคนทั่วโลก สนามมวยเวทีราชดำเนิน ซึ่งเป็นเวทีมวยไทยมาตรฐานแห่งแรกของโลก และเป็นต้นกำเนิดของมวยไทยอาชีพจึงได้มีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ พร้อมจัดให้มีการแข่งขันหลากหลายรายการ ทุกวันตลอดทั้งสัปดาห์

รวมถึงการสร้างรายการใหม่ อย่างรายการ ‘ราชดำเนิน เวิลด์ ซีรีส์’ ที่มีการปรับกติกาและรูปแบบการแข่งขันให้เข้าใจง่ายและน่าติดตาม ด้วยโปรดักชันมาตรฐานระดับสากล โดยถ่ายทอดไปกว่า 200 ประเทศและเขตการปกครอง เพื่อรองรับกลุ่มคนดูใหม่ๆ พร้อมสร้างสีสันและยกระดับมาตรฐานวงการมวยไทยไปสู่ระดับสากล”

“หลังสถานการณ์โควิดเริ่มคลี่คลายกระแสความนิยมมวยไทยได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 70% ของผู้ชมทั้งหมด โดยนักท่องเที่ยว 5 ชาติแรกที่เดินทางมาชมแมตช์การชกที่สนามของเรา คือ จีน, สหรัฐอเมริกา, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส และเยอรมนี ทั้งนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงกีฬาและปลุกกระแสมวยไทยให้เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่องในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ล่าสุด GSV จึงจับมือร่วมกับ ‘แกร็บ’ ซึ่งเป็นแอพพลิเคชันเรียกรถยอดนิยมอันดับหนึ่ง ทุ่มงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท เพื่อโปรโมตกีฬามวยไทยผ่านสื่อ และกิจกรรมการตลาดอย่างเต็มรูปแบบในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ พร้อมมอบส่วนลด 10% สำหรับบัตรเข้าชมการแข่งขันมวยไทย ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติทุกวันจนถึงสิ้นปี”

นายวรฉัตร ลักขณาโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของเราในปีนี้เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจ โดยเฉพาะบริการเรียกรถผ่านแอปพลิเคชันของแกร็บ

ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา แกร็บได้ดำเนินกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและพัฒนามาตรฐานบริการ เพื่อยกระดับประสบการณ์การเดินทาง โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่างการปรับโฉมบริการ GrabCar Premium ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘The Ultimate 5 Senses Experience’ รวมถึงการร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยทำแคมเปญ ‘อะเมซิ่งทั่วไทย มั่นใจไปกับ Grab’ และจัดทำไกด์บุ๊ก Grab&Go เพื่อแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

สำหรับการผนึกความร่วมมือกับสนามมวยเวทีราชดำเนินในครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กับประเทศไทยโดยใช้ Soft Power อย่างมวยไทยมาเป็นจุดขายเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยนอกจากการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อและกิจกรรมการตลาดในช่องทางต่างๆ แล้ว แกร็บยังมอบส่วนลดพิเศษ 30% สำหรับผู้ใช้บริการ GrabCar Premium และ GrabSUV เมื่อเดินทางไปยังสนามมวยเวทีราชดำเนินเพียงใส่รหัส RAJADAMNERN ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 ธันวาคม 2566

‘จา พนม’ สอน ‘แจ็คสัน หวัง’ เรียนท่าไหว้ครูมวยไทย ออกลวดลายอย่างจริงจัง ก่อนจบด้วยท่า ‘มินิ ฮาร์ท’

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 66 ‘จา พนม’ นักแสดงชื่อดัง ซึ่งมีผลงานระดับฮอลลีวู้ดหลายเรื่อง โดดเด่นด้านศิลปะการต่อสู้ ได้โพสต์ภาพสอน ‘แจ็คสัน หวัง’ ศิลปินชื่อดังเรียนรู้พิธีไหว้ครูมวยไทย ในท่าปฐม เทพพนม พรหมสี่หน้า

ความพีคอยู่ที่ขณะที่ จา พนม กำลังสอนท่าพรหมสี่หน้าอยู่นั้น ปรากฏว่า ได้แกล้งแจ็คสันหวัง ที่กำลังจริงจัง เปลี่ยนจากท่ารำมวยจบด้วย มินิ ฮาร์ท ทำเอาแจ็คสันถึงกับอึ้ง ก่อนจะหัวเราะและโผเข้ากอด เรียกรอยยิ้มให้กับทั้งกองถ่าย และคนดู ด้านแฟนๆ อินเตอร์ก็เข้ามาเมนต์ให้พรึบ ที่ 2 ซุป’ตาร์มาเจอกัน เช่น

- One of the most dangerous men on the planet (หนึ่งในชายที่อันตรายที่สุดบนโลกนี้)
- Ong Back (องก์บาก)
- น่ารักกก ทั้ง 2 คนเลย
- Great Duo… Jaa and Team Wang (คู่ดูโอ้ที่ยอดเยี่ยม จา และ ทีมหวัง)
- ทั้ง 2 คน คือไอดอลของผม


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top