Friday, 23 May 2025
พลังประชารัฐ

'ลุงป้อม-พปชร.' ค้านสุดตัว นิรโทษฯ เหมาเข่งคดี 112 ยัน!! จุดยืนสำคัญของพรรค คือ การปกป้องสถาบันฯ

(31 พ.ค. 67) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่นั้น ว่า “จุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตั้งแต่ต้นคือเราไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประวิตร คือ การปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

‘บิ๊กป้อม’ ยันจุดยืน ‘พปชร.’ ปกป้องสถาบัน ค้าน!! ‘กม.นิรโทษกรรม’ หากรวม ‘ม.112’

(19 ก.ค. 67) ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงว่าตนได้รับมอบหมายจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับจุดยืนของพรรคต่อร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม พรรคมีมติคัดค้านการรวมคดี 112 ร่วมอยู่ในร่างพ.ร.บ. ดังกล่าว เนื่องจากการกระทำดังกล่าวจะเป็นการฝ่าฝืนบรรทัดฐานคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 ที่ระบุว่า “ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 เป็นบทบัญญัติที่กำหนดการกระทำความผิด บุคคลที่หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และเป็นกฎหมายคุ้มครองที่ไม่ให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ในฐานะที่ทรงเป็นประมุขของรัฐและเป็นสถาบันหลักของประเทศ ตามที่รัฐธรรมนูญคุ้มครองไว้”

ดังนั้น การให้ผู้กระทำความผิดที่ถูกดำเนินคดีตามกระบวนการยุติธรรม แต่มาออกกฎหมายเพื่อให้นิรโทษกรรมความผิดดังกล่าว จึงเป็นการขัดต่อคำวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว ดังนั้น การที่จะเสนอร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีมาตรา 112 ร่วมด้วย โดยมีเจตนาทางการเมืองไม่ได้ ถือเป็นการมีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลาย สถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรมและอ่อนแอ นำไปสู่การล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

“การออกกฎหมายนิรโทษกรรม ให้ผู้กระทำผิดในมาตรา 112 เป็นการออกกฎหมายที่มีความร้ายแรงมากกว่าการเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ด้วยซ้ำ เราจึงคัดค้านไม่เห็นด้วย และพล.อ.ประวิตร ก็มีนโยบายชัดเจนที่จะปกป้องสถาบัน จึงต้องมาบอกให้ชัดเจนว่าพรรคพลังประชารัฐ ขอคัดค้านเรื่องนี้และท่านยังกำชับว่าหากมีการเสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้าสภาฯ ในวาระ 1 ไม่ว่าจะกี่ฉบับ สส.พรรคพลังประชารัฐทุกคน จะลงมติไม่เห็นด้วยทุกฉบับ เพื่อให้ร่างกฎหมายที่จะมีการนิรโทษกรรมมาตรา 112 ตกไปตั้งแต่วาระ 1 ”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่พรรคเพื่อไทยอาจจะให้รวมมาตรา 112 กรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เข้าไปด้วย นายไพบูลย์ กล่าวว่า ใครจะอย่างไรก็สุดแล้วแต่ แต่พรรคพลังประชารัฐ เราจะคัดค้านทุกวิถีทางที่จะไม่ให้มีการเห็นชอบร่างกฎหมายนิรโทษกรรมมาตรา 112 ส่วนเรื่องพรรคไหนจะทำแบบไหนก็แล้วแต่ เราไม่เกี่ยว แต่พรรคเราแน่วแน่ และมั่นคงในหลักการนี้ 

ถามต่อว่า ที่ระบุว่าการแก้กฎหมายนิรโทษกรรม โดยรวมมาตรา 112 ร้ายกว่าการเสนอแก้มาตรา 112 หากพรรคการเมืองดึงดันที่จะให้มี 112 จะส่งผลต่อสถานะของพรรคการเมืองเหมือนกรณีของพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนได้พยายามย้ำไปแล้วในประเด็นนี้ ขอให้แต่ละพรรคการเมืองไปตีความเอาเอง

‘เฉลิม’ จ่อแจม 'พลังประชารัฐ' หลัง 'ลูกชาย' เตรียมเปิดตัววีกหน้า ลั่น!! หากถูก 'เพื่อไทย' ขับพ้นพรรคเมื่อไร พร้อมย้ายทันที

เมื่อวานนี้ (19 ก.ค.67) รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐเปิดเผยว่า ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เข้าพบหารือกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่บ้านป่ารอยต่อ เพื่อพูดคุยกันถึงสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เชิญให้ ร.ต.อ.เฉลิม ย้ายไปอยู่ด้วยกันในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งในเบื้องต้นมีรายงานว่า ร.ต.อ.เฉลิม ได้ตอบตกลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ร.ต.อ.เฉลิม ยังย้ายไปร่วมไม่ได้ในขณะนี้เพราะยังเป็น สส. ของพรรคเพื่อไทยอยู่ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยมีมติขับออกจากพรรคก็จะย้ายไปอยู่ในทันที

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่า นายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในสัปดาห์หน้าอีกด้วย

'พปชร.' ใกล้อวสาน 'ลุงป้อม' หมดลุ้นนั่งนายกฯ ลุ้น 'เดอะจ๊อบ' ฮึด!! รวม 'สส.ก้าวไกล' หนุน

"26 สส.ชวนตั้งพรรค รองรับการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง หลัง 14 ส.ค. รู้กัน ใช้ชื่อพรรคอะไรดี คอมเมนต์อันไหนมีหัวใจมากสุด รับรางวัลเงินสด 20,000 บาท ประกาศวันที่ 25 นี้"

นั่นคือโพสต์ในเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 30 ก.ค.ของนายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช หรือ 'เดอะจ๊อบ' นักการเมืองเล็กดีรสโตที่ออกมาเย่อกับ 'คนโตตัวตึง' อย่างร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพปชร./รมว.เกษตรและสหกรณ์...

นายสามารถเคยได้รับการสนับสนุนจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ให้เป็นกรรมการผู้ช่วย รมต.ประจำ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เมื่อครั้งเป็น รมว.ยุติธรรม เคยมีเรื่องอื้อฉาวกรณีถูกกล่าวหาว่าส่งสแตนด์อินไปเรียน ดร.ที่รามคำแหงแทนตน จนหายเงียบไปพักหนึ่ง และกลับมาอีกครั้งในฐานะคนใกล้ชิดลุงป้อม...กล้าได้กล้าเสีย...และดูเหมือนจะถูกที่ถูกเวลา...

ทั้งนี้ในขณะที่ สส.เกินครึ่งพรรคโน้มเอียงเลือกข้างร.อ.ธรรมนัส แต่ 'เดอะจ๊อบ' กับกุนซือลุงป้อมบางคนพยายามเปิดเกม หาช่องทางให้บิ๊กป้อมได้ลุ้นตำแหน่งนายกฯ หากกรณี เศรษฐา ทวีสิน หลุดตำแหน่ง...ทำให้คนสูงวัยอย่างลุงป้อมกระชุ่มกระชวย...รู้สึกมีราคาค่างวด...

ไม่แปลกที่ 'เดอะจ๊อบ' เป็นหนึ่งในไม่กี่นักการเมืองที่ไปกินข้าวที่บ้านมีนบุรีของ พล.อ.ประวิตร ได้ ในขณะที่ส่วนใหญ่พบ พล.อ.ประวิตร ได้แค่บ้านป่ารอยต่อหรือ 'บ้านในป่า' เท่านั้น...

ตามเกม-แผนการของ 'เดอะจ๊อบ' ที่กำลังดำเนินการก็คือ รวมกลุ่มทำงานทางความคิด และดูแล สส.ก้าวไกลจำนวนหนึ่งร่วม ๆ 20 คน ตกลงกันหลวม ๆ ว่า วันไหนที่พรรคก้าวไกลถูกยุบจะย้ายไปอยู่ พปชร. ซึ่งตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยน เพราะความไม่สงบในพรรค จึงเปลี่ยนแผนเป็นสร้างพรรคใหม่ ทำรังใหม่...

ค่ำวันที่ 31 ก.ค.ที่บ้านมีนบุรี เป็นอีกหนึ่งมื้อนัดหมายระหว่าง สส.ก้าวไกลบางกลุ่ม กับ ลุงป้อม ภายใต้การจัดการของเดอะจ๊อบ...ทุกย่างก้าวต้องให้ลุงป้อมรับทราบ

อย่างไรก็ตาม หากจะกล่าวกันถึงที่สุด แม้กระบวนท่าของ 'เดอะจ๊อบ' จะไม่อาจมองข้ามได้ แต่การเมืองกระดานใหญ่ในขณะนี้โฟกัสไปที่ชะตากรรมของนายเศรษฐา...ซึ่งสัปดาห์ก่อน 'เล็ก เลียบด่วน' ให้น้ำหนักไปว่า...โอกาสรอดมีมากกว่าไม่รอด...ถึงวันนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น ยิ่งดูภาษากายของนายกฯ วันสองวันนี้ ก็บ่งบอกอาการความมั่นใจว่าจะรอด (แน่ ๆ)

ถ้า 'เศรษฐา' รอด...พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ต้องลุ้นอะไรอีก รอลุ้นอย่างเดียวว่า ปรับ ครม.ปลายเดือน ส.ค.หรือ ต้น ก.ย. 'นายใหญ่' บ้านจันทร์ส่องหล้า จะปรับใหญ่ ครม. เอาพปชร.ออก แต่เอากลุ่มร.อ.ธรรมนัสไว้...หรือไม่...!?  

ส่วนเพลง 'ลุงตู่เริ่ม...ลุงป้อมขอทำต่อ...' ของ 'เดอะจ๊อบ' นั้น จบไปนานแล้ว เดอะจ๊อบ ต้องทำเพลงใหม่...ตั้งพรรคใหม่สถานเดียว!! 

🔎คาดการณ์ 18 รายชื่อ สส.ในสังกัด ‘ร.อ.ธรรมนัส’ หลังแยกทาง ‘บิ๊กป้อม-พลังประชารัฐ’

(20 ส.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่มีกระแสข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค หลุดจากตำแหน่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ และไม่ได้ร่วมในครม. ‘แพทองธาร 1’ โดยร.อ.ธรรมนัส นัด สส. พรรคพปชร.ในสังกัด ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และจะแถลงจุดยืนของ ‘สส.กลุ่มธรรมนัส’ 

ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่า ร.อ.ธรรมนัส และสส.ในสังกัด จะย้ายไปอยู่ ‘พรรคกล้าธรรม’ ที่มีนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นหัวหน้าพรรค

สำหรับ สส.พลังประชารัฐ ในสังกัด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มีดังนี้

1.นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7
2.นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2 
3.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2
4.นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3
5.นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5

6.นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2
7.นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3
8.นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2
9.นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4
10.นายทวี สุระบาล สส.ตรัง เขต 2

11.นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9
12.นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1
13.นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1
14.นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2
15.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3

16.นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2
17.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3
18.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2

‘ธรรมนัส’ ประกาศอิสรภาพ หลุดพ้น ‘บิ๊กป้อม-พปชร.’ เอ่ยชัด “ผมว่า…ผมพอแล้ว” หลังถวายหัวรับใช้มา 6 ปี

หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ออกมาเปิดเผยโผรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ โดยไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ โดยให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า พรรคร่วมเขาไม่เอา ซึ่งพรรคร่วมน่าจะหมายถึงพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำรัฐบาล ที่ไม่ต้องการให้มลทินทั้งหลายไปกระทบต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของแพทองธาร เหมือน ‘เศรษฐา ทวีสิน’ โดนมาแล้ว กรณีไร้จริยธรรม แต่งตั้ง ‘พิชิต ชื่นบาน’ เป็นรัฐมนตรี ทั้ง ๆ ที่มีมลทิน

แต่ที่น่าสนใจ มีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้าว่า รัฐบาลใหม่ไม่เอา ‘วงษ์สุวรรณ’ ซึ่งหมายถึงไม่เอา ‘พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ’ นั้น แต่ในโผรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ กลับมีชื่อ พล.ต.อ.พัชรวาท นั่งเก้าอี้เดิม แต่เตะโด่ง ‘ร.อ.ธรรมนัส’ ออกนอกสนามแข่ง มี ‘สันติ’ มานั่งว่าการกระทรวงเกษตรแทน และให้ ‘ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์’ เสียบแทนสันติในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยสาธารณสุข

ไม่เอา ‘วงษ์สุวรรณ’ อันเกิดจากความไม่พอใจของหัวเรือใหญ่เพื่อไทย ไม่พอใจต่อท่าทีที่เมินเฉยต่อพรรคเพื่อไทยของ ‘พล.อ.ประวิตร’ ที่ไม่เข้าร่วมประชุมสภาโหวตให้แพทองธาร เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ออกแรงห้าม 40 สว.ที่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความฐานะของนายกฯ เศรษฐา ผิดจริยธรรมทางการเมือง จนต้องพ้นจากตำแหน่ง

เกือบ 6 ปีที่ประชาชนได้รู้จักชื่อของ ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ ในฐานะนักการเมืองที่สร้างแรงสะเทือนอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขาให้สัมภาษณ์หรือปรากฏตัว มักมีสัญญาณทางการเมืองที่สำคัญ เคยถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ปลดพ้นรัฐมนตรีมาแล้ว หลังร่วมกันวางแผนล้ม พล.อ.ประยุทธ์กลางสภา และเคยออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปตั้งพรรคใหม่ ‘เศรษฐกิจไทย’ แต่สุดท้ายก็กลับมาพลังประชารัฐอีกครั้งและรับบทเป็นแม่บ้านเลขาธิการพรรค

“จากประสบการณ์ 6 ปีที่ผ่านมา ผมเองรับใช้บุคคลหนึ่งและพรรคหนึ่งมามากพอสมควรแล้ว จึงถึงเวลาที่ต้องเดินออกมาโดยไม่ทะเลาะกับใคร วันนี้ถึงเวลาที่ต้องประกาศความเป็นอิสรภาพของตัวเองแล้ว” 

พร้อมกล่าวด้วยว่า “พี่น้องคงเห็นแล้วว่าสมัยรัฐบาลที่แล้ว ผมก็รักคนคนหนึ่งมาก ใช้ผมไปตาย ผมยังไปตายเลย แล้วท้ายที่สุดผมก็ประสบอุบัติเหตุทางการเมือง ผมว่าผมพอแล้ว และการที่ พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์เมื่อวานนี้ก็ไม่ได้ถามผมและไม่ได้คุยอะไรกัน”

คำพูดเหล่านี้ไม่ต้องแปล เข้าใจกันได้ง่าย ๆ ‘แตกหักกันแล้ว’ แต่ ร.อ.ธรรมนัสก็ยังไปไหนไม่ได้ จะย้ายพรรคก็ยังไม่ได้ เพราะถ้าลาออกเองก็จะพ้นจากความเป็น สส. ก็ต้องอยู่เป็นก้างขวางคอไปเรื่อย ๆ จนกว่า พรรคเขาหมั่นไส้ ไม่ออกเอง แล้วไปหาพรรคใหม่

พรรคใหม่ก็ไม่ต้องไปควานหา หรือดิ้นรนอะไรมาก ‘พรรคกล้าธรรม’ ที่ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ไปตั้งพรรครอไว้เรียบร้อยแล้ว

ก็ต้องติดตามกันต่อไปสำหรับก้าวย่างของชายผู้กล้าได้กล้าเสียคนนี้ในนาม ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’

🔎คาดการณ์ 25 รายชื่อ ในสังกัด ‘บิ๊กป้อม’ หลังข่าวสะพัดแยกทาง ‘ร.อ.ธรรมนัส’

20 (ส.ค. 67) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ประกาศอิสรภาพของตนเองและสส.ในสังกัดอีก 18 รายชื่อ โดยระบุว่า ขออิสรภาพคืน หลังชื่อหลุดจาก ครม.แพทองธาร พร้อมยอมรับเสียใจรับใช้คน ๆ หนึ่ง และพรรคพลังประชารัฐมาเป็นปี ชี้สั่งให้ไปตายก็ไป ไม่มีอะไรต้องคุยกับ พล.อ.ประวิตร

ขณะที่ สส.ฝั่งของ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เช็กรายชื่อแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 25 คน พบว่ามี 5 คน ที่รายชื่อซ้ำกับทางร.อ.ธรรมนัส โดยทั้ง 5 คนได้เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประวิตร ที่มูลนิธิบ้านป่ารอยต่อฯ โดยไม่ได้เดินทางไปร่วมแถลงข่าวกับร.อ.ธรรมนัส 

สำหรับรายชื่อ สส. ที่อยู่ในสังกัด พล.อ.ประวิตรมีดังนี้ 

1. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ 
2. นายสถิระ เผือกประพันธ์ สส.ชลบุรี เขต 10
3. นางขวัญเรือน เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 1
4. นางตรีนุช เทียนทอง สส.สระแก้ว เขต 2
5. นางสาวกาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4

6. นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3
7. นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1
8. นายไชยมงคล ชัยรบ สส.สกลนคร เขต 5
9. นายวิริยะ ทองผา สส. มุกดาหาร เขต 1
10. นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1

11. นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2
12. นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 3
13. นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4
14. นายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6
15. นายเพชรภูมิ อาภรณ์นวรัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2

16. นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3
17. นายปริญญา ฤกษ์หร่าย สส.กำแพงเพชร เขต 4
18. นายสุธรรม จริตงาม สส.นครศรีธรรมราช เขต 6
19. นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ สส.พังงา เขต 2
20. นายทวี สุระบาล สส.ตรัง เขต 2

21. นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2
22. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2
23. นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3
24. นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สส.สิงห์บุรี เขต 1
25. นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4

'กก.บห.' พลังประชารัฐ มอบดาบ 'บิ๊กป้อม' ชงชื่อใหม่ได้ หากคุณสมบัติ รมต.ไม่ผ่าน

(23 ส.ค.67) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ว่า พรรคพลังประชารัฐได้จัดการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค โดยมีกรรมการบริหารพรรคมาร่วมประชุมจำนวน 12 คน จากจำนวน 19 คน ซึ่งครบตามองค์ประชุม เพื่อยืนยันการเข้าร่วมรัฐบาลและการเสนอชื่อบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรคตามที่ได้มีข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ที่ประชุมได้รับทราบเกี่ยวกับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ สส.ของพรรคพลังประชารัฐได้มีมติเห็นชอบให้หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และต่อมาผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาลได้ประสานมายังพรรคพลังประชารัฐเพื่อเสนอรายชื่อบุคคลที่มีความเหมาะสมจะเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนโควตาของพรรคพลังประชารัฐ และในวันที่ 20 ส.ค.67 หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐได้เสนอรายชื่อบุคคลดังกล่าวจำนวน 4 คน ผ่าน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ไปแล้วนั้น

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า โดยที่ประชุมได้พิจารณาแล้ว ได้มีมติเกี่ยวกับการเสนอชื่อบุคคลที่เห็นควรเป็นรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค ดังนี้ พรรคพลังประชารัฐขอยืนยันรายชื่อบุคคลที่พรรคได้เสนอต่อนายกรัฐมนตรีผ่าน นพ.พรหมินทร์ ไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาแต่งตั้งตามข้อตกลงในการร่วมรัฐบาล ทั้งนี้ หากรายชื่อที่ส่งไปแล้วปรากฏว่า มีบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ผ่านคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ทางพรรคเพื่อไทยควรต้องแจ้งกลับมาให้พรรคพลังประชารัฐทราบ เพื่อให้หัวหน้าพรรคซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้พิจารณาเปลี่ยนแปลงรายชื่อและเสนอไปใหม่เพื่อทดแทนเท่านั้น

"หากมีการเสนอแต่งตั้งรายชื่อบุคคลอื่นบุคคลใดที่ไม่ได้มาจากรายชื่อที่พรรคพลังประชารัฐเสนอเป็นรัฐมนตรี ทางพรรคขอปฏิเสธรายชื่อดังกล่าวและจะถือว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลงที่ทางพรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาลควรยึดถือและปฏิบัติตามต่อไป"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งแต่วันที่ได้ส่งรายชื่อให้พรรคเพื่อไทย มีการแจ้งกลับมาหรือยังว่า แต่ละคนมีคุณสมบัติครบถ้วน พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้มีการประสานงานกันเป็นระยะ

เมื่อถามว่า ชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยังมีคุณสมบัติอยู่ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ขณะนี้ในเบื้องต้นมีการพูดคุยกัน แต่ก็ไม่ได้มีการยืนยันว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนแค่ไหนอย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า รายชื่อที่คุณสมบัติไม่ผ่าน หัวหน้าพรรคสามารถเสนอชื่อให้ทางพรรคเพื่อไทย โดยไม่ต้องผ่านกก.บห.ใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ใช่ มติที่ประชุมยืนยันชัดเจนว่า กก.บห.ได้มอบอำนาจให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ แต่หากหัวหน้าพรรคจะมีความเห็นควรจะผ่านกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งก็คงจะนำรายชื่อเข้าที่ประชุม กก.บห.

ซักว่า รายชื่อที่ ร.อ.ธรรมนัส ส่งไป ซึ่งยังไม่ผ่านกก.บห.ถือว่าโมฆะหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ เพราะ 4 รายชื่อตามที่ กก.บห.ก็ยังยืนยันตามเดิมตั้งแต่วันแรกที่เราเสนอไปเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ซึ่งล้วนเป็นรัฐมนตรีเก่าของเราในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

ผู้สื่อข่าวถามด้วยว่า สุดท้ายหากรายชื่อไม่ออกมาตามนี้จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า คงจะต้องคุยกับทางพรรคเพื่อไทย จริง ๆ แล้วเป็นอำนาจของหัวหน้ารัฐบาล แต่โดยมารยาททางการเมืองจะต้องมีการพูดคุยกัน หากรายชื่อที่เสนอไปไม่เหมาะสม หรือคุณสมบัติไม่ครบถ้วน ไม่ชัดเจน ก็ต้องมาคุยกัน เรายินดีพร้อมที่จะเปลี่ยน

ถามว่า การประชุม กก.บห.วันนี้ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส ไม่เข้าร่วม สะท้อนถึงรอยร้าวภายในพรรคหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ เพราะอาจจะติดภารกิจ มีการแจ้งกก.บห.แล้ว

เมื่อถามว่า รายชื่อที่ไปส่งตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค. ยังไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาใช่หรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ในทางการยังไม่มีการติดต่อกลับมา เมื่อถามว่า ในที่ประชุม กก.บห.มีการหารือกันถึงการครอบงำข้ามพรรคของคนนอกหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่ได้พูดคุย เราคุยในหลักเกณฑ์ หลักการ และวิธีการของพรรคเราเท่านั้น

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไปว่า รายชื่อรัฐมนตรีแต่ละพรรค ก็มีมติและความเห็นของแต่ละพรรค แต่หากพรรคใดมัวแต่ฟังเสียงเล็ก เสียงน้อย เสียงทุ้มอะไรพวกนี้ ก็จะไขว้เขว ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นหลักเกณฑ์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ที่มีการเมืองมา ควรคุยกันและให้เกียรติการร่วมรัฐบาลซึ่งกันและกัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่เราส่งไปได้ผ่านการพิจารณาของกรรมการบริหารพรรค แต่หากพรรคเพื่อไทยจะนำคนอื่นมาใช้ในโควตาของพรรคพลังประชารัฐ ถือว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า กังวลถึงคุณสมบัติของรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ที่อาจเข้าข่ายผิด มาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า เรื่องนี้เราเข้าใจหัวหน้าพรรค และนายกรัฐมนตรี เพราะตามหลักการ หากเสนอบุคคลที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วน หรือไม่เหมาะสม ก็อาจจะมีผลกระทบ ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยมีความไม่สบายใจตรงนี้ จึงแจ้งกลับมายังหัวหน้าพรรค ซึ่งทางพรรคยินดีที่จะเปลี่ยนเป็นคนที่เหมาะสม เพราะพรรคพลังประชารัฐมีบุคคลที่เหมาะสม และพร้อมเป็นรัฐมนตรีอยู่หลายคน ไม่ต้องห่วง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะลาออกจากหัวหน้าพรรค พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวว่า ไม่มี หัวหน้าพรรคอยู่กับพวกเราตลอด หากเราไม่ทิ้งท่าน ท่านก็ไม่ทิ้งพวกเรา

‘บิ๊กป้อม’ ห่วงใยผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดแพร่ ส่ง ‘ชัยวุฒิ-พล.ต.ท.ปิยะ’ ลงพื้นที่มอบถุงยังชีพ

(26 ส.ค. 67) พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มอบหมายให้ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และพลตำรวจโทปิยะ ต๊ะวิชัย ทีมโฆษกพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ วัดปากจอก ต.ทุ่งแล้ง อ.ลอง จ.แพร่ เป็นตัวแทนมอบถุงยังชีพให้แก่ประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยในเขต พื้นที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่ จำนวน 400 ชุด พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพจำนวน 600 ชุด ให้กับตัวแทนนายอำเภอเด่นชัย และตัวแทนนายอำเภอวังชิ้น รับมอบถุงยังชีพ

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พลเอกประวิตร เข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่บางครัวเรือนยังไม่สามารถกลับเข้าบ้านเรือนได้ เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วมและประชาชนหลายคนยังขาดแคลนเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงการใช้ชีวิตประจำวันก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก พลเอกประวิตร จึงห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัย โดยขอให้กำลังให้ทุกคนให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งพรรคพลังประชารัฐหวังว่ามอบถุงยังชีพที่เรานำมาแจกจ่ายให้กับประชาชนจะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นได้

“พรรคพลังประชารัฐ นำโดยท่านหัวหน้ามีความเป็นห่วงใยความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่กำลังได้รับกับความเดือดร้อน และยากลำบากในครั้งนี้ และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องชาวแพร่ทุกท่าน ผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปโดยเร็ว” นายชัยวุฒิกล่าว 

‘บิ๊กป้อม’ เซ็นมอบ ‘วัน อยู่บำรุง’ คุม ‘พลังประชารัฐ กทม.’ ดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ตามอุดมการณ์-นโยบายพรรคฯ

(28 ส.ค. 67) มีรายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งพรรค พปชร.ที่ 7/2567 เรื่อง มอบหมายผู้รับผิดชอบพื้นที่กรุงเทพมหานคร มีเนื้อหาว่า เพื่อให้การบริหารงานของพรรคพลังประชารัฐเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุตามอุดมการณ์ วัตถุประสงค์และนโยบายของพรรค

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ. 2561 และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 17 (1) (จ) จึงขอมอบหมายให้นายวัน อยู่บำรุง เป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานและการประสานงาน งานกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top