Friday, 17 May 2024
พลังประชารัฐ

‘นฤมล’ ควง ‘เอ๋ บุณณดา’ ลุยหาเสียงย่านกุฎีจีน ชูนโยบายระบบสาธารณสุขเพื่อประชาชนทุกคน

(3 พ.ค. 66) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่เขตบางซื่อ เพื่อช่วย น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ หรือเอ๋ ผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 32 เบอร์ 6 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) เดินรณรงค์หาเสียง โดยได้พบปะพูดคุยกับประชาชนย่านกุฎีจีน
.
โดย นางนฤมล กล่าวว่า พื้นที่เขตนี้ถือว่ามีความกว้างขวางพอสมควร ซึ่งเป็นการแบ่งเขตใหม่ของ กกต.โดยผู้สมัครของเราก็ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องเพื่อสอบถามปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชน ในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ เราพร้อมผลักดันให้เกิดการพัฒนาสร้างอาชีพให้กับประชาชน เพราะถือว่าเป็นเขตที่สามารถพัฒนาเป็นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้
.
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังให้ความสำคัญไปยังการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ โดยวันนี้การลงพื้นที่ของเราก็ตรงกับวันที่ทางชุมชนมีกิจกรรมตรวจสุขภาพของผู้กลุ่มอายุ ซึ่งถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมาก ๆ โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เน้นย้ำเรื่องนโยบายสาธารณสุข เพื่อให้ทั้งคนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเข้าถึงบริการทางการแพทย์ด้วยการใช้เทคโนโลยี ซึ่งเป็นนโยบายที่เราดำเนินการมาตั้งแต่ปี 62 โดยชื่อว่า หมอถึงบ้านพยาบาลถึงเรือน ผ่านมา 4 ปี วันนี้เทคโนโลยีก็มีการพัฒนาขึ้นมาก เราก็จะใช้เทคโนโลยีตรงนี้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน 
.
นโยบาย ‘ลุงป้อมพาหมอไปหา เอายาไปส่ง’ มีเนื้อหาระบุว่า จะหาหมอทั้งทีต้องเดินทาง ต้องรอคิว เข้าถึงการรักษายากลำบาก แต่วันนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะพรรคพลังประชารัฐจะนำระบบ Telelmed หรือการแพทย์ทางไกลมาใช้ โดยจะทำให้ไม่ว่าประชาชนอยู่ที่ไหน ก็สามารถพบแพทย์ได้"

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ เปิดใจ เหตุผลที่เลือกพรรคพลังประชารัฐ ชี้!! ‘บิ๊กป้อม’ ให้โอกาสพัฒนาเทคโนโลยี - ผลักดัน Soft Power

เมื่อวานนี้ (2 พ.ค. 66) นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมรายการดีเบต ‘เลือกตั้ง 66 เปลี่ยนใหม่หรือไปต่อ’ ทางช่อง 3 โดยมี หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย เป็นพิธีกร ในช่วงของคำถามที่ว่า ‘แค่ไม้ประดับ หรือ ต้นสักที่แข็งแกร่ง’ ได้ถามคำถามว่าเหตุใดจึงเลือกเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยนายรัฐภูมิแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง 

นายรัฐภูมิกล่าวว่า เรื่องแรกคือ ลุงป้อมกับลุงตู่ เขาแยกจากกัน และพรรคพลังประชารัฐก็ไม่มีลุงตู่แล้ว ก็เลยมีฟิล์ม รัฐภูมิ แต่ผมไม่ได้จะมาแทนลุงตู่ แต่ผมรู้สึกว่า การบริหารงานที่ผ่านมาไม่โดนใจผมเท่าไหร่ และผมก็รู้สึกว่า บ้านเมืองต้องขับเคลื่อนไปด้วยคนเก่งและมีความรู้ความสามารถ ผมชอบในตัวบุคคล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจของพรรคพลังประชารัฐ มีความเชื่อว่าจะขับเคลื่อนประเทศนี้ให้พ้นจากความยากลำบากไปได้ และที่สำคัญ เมื่อเราได้คุยกับผู้บริหารพรรค ทุกคนจะบอกกับผมเสมอว่าอยากทำอะไรก็ทำเต็มที่นะ แต่ขออย่างเดียว ทำเพื่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งแตกต่างจากพรรคอื่น ๆ ที่เอาแต่ถามว่าจะทำอะไรเพื่อพรรค 

“ตอนผมฟัง ผมรู้สึกซึ้งใจและคิดว่า พรรคการเมืองมันต้องเป็นแบบนี้ ต้องส่งคืนทุกอย่างกลับไปสู่สังคม เพราะเราก็รู้อยู่แล้วว่า เรามีวันนี้ได้ก็เพราะประชาชนทุกคนส่งเสริมให้เราเป็น ผมก็เลยรู้สึกว่าผมถูกใจ” นายรัฐภูมิ กล่าว

‘ฟิล์ม รัฐภูมิ’ โต้ก้าวไกล ปม ม.112 หลังยกกรณีเหยียบย่ำหัวใจคนไทย

ฟิล์ม-รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม.พรรคพลังประชารัฐ เขต 22 หมายเลข 1 บริเวณตลาดบุญเรือง เขตสวนหลวง ประเวศ (เฉพาะแขวงหนองบอน) ได้ตอบโต้ เพชร-กรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล หลังยกกรณีเหยียบย่ำหัวใจคนไทย ด้วยการหยิบข้อเปรียบเทียบหากตนเห็นปฏิทินที่บ้านอยู่ในถัง แล้วจุดไฟเผาเหมือนกงเต๊ก หรือถ้าทำแบงก์ที่มีรูปในหลวงแล้วเผลอไปเหยียบ จะต้องติดคุกมาตรา 112 หรือไม่ โดยอ้างเรื่องของเจตนาว่าผู้คุมกฎหมายจะรู้ได้เช่นไร ว่าใครเจตนาหรือไม่เจตนา และก้าวไกลจะช่วยทำให้การตีความกว้างจนเกินไป แคบลง

ตัวตึง 'ชัยวุฒิ' งง!! วัยรุ่นปลื้มดีเบต ขอฟังความคิด ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง

(6 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มตัวแทนเยาวชน ณ อาคาร 100 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองทางการเมือง และเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลในมุมมองของเยาวชน ผ่านตัวแทนเยาวชนจากหลากหลายสังกัด ทั้งนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ, เยาวชนผู้ก่อตั้ง Ku blockchain, กลุ่มเยาวชน Core Team มหิดล StartUp, กลุ่ม Digital Youth Network, กลุ่ม Young Business Guide และ สภาเด็กพัฒนาเยาวชนกรุงเทพฯ

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงความรู้สึกว่า ดีใจที่เห็นเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจที่จะเปิดใจ รับฟังความคิดเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิ่งที่ดีเราก็ได้มาพูดคุยกัน อย่างน้อยก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสถาบันเดียวกันได้ มาฟังความคิดเห็นรุ่นน้องด้วยก็ยินดี ส่วนจะรักใครเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้ว เห็นต่างกันได้ คุยกันได้ ทำงานร่วมกันได้ครับ 

ด้านตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ จุฬา กล่าวว่าจริง ๆ มันก็สำคัญที่จะฟังที่ Base ของประชาธิปไตย มันไม่ใช่เรื่องของการโหวตอย่างเดียว มันคือเรื่องของการฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เราก็พูดกันตรง ๆ ว่าอาจจะไม่ใช่ target เลย พวกเราก็มีในใจ มันก็สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องฟังจากทุกเสียง เพราะว่ามันก็ไม่มีไอเดียที่ไม่ดี เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ เพราะว่าเราต้องฟังจากหลาย ๆ มุมมอง เพราะเราจะได้มองจากหลายมุมมอง ได้มีส่วนในการคิด ได้มีส่วนในการ Develop 

"มาดูกันครับ พ่อเลือกพลังประชารัฐ พ่อลังเลอยู่ ระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ พ่อผมก็น่าจะพลังประชารัฐเหมือนกัน" ตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ จุฬา กล่าว

‘ชัยวุฒิ’ เชื่อโค้งสุดท้าย คนกรุงเชียร์ลุงป้อม มั่นใจช่วยประเทศไทย ‘ก้าวข้ามขัดแย้ง’ 

(8 พ.ค. 66) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 2 เบอร์ 11 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ชุมชนบ้านครัวเหนือ เขตราชเทวี รับฟังปัญหาพี่น้องในชุมชน พร้อมบอกเล่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐให้กับพี่น้องในพื้นที่ได้รับฟัง นอกจากนี้ยังได้พบชาวต่างชาติที่มาท่องเที่ยวในชุมชนได้สอบถามถึงนโยบายของการหาเสียงของพรรคพลังประชาชน โดยนายชัยวุฒิได้ตอบคำถามของชาวต่างชาติเรื่องนโยบายให้นักท่องเที่ยวฟัง เมื่อตอบคำถามเรียบร้อย ก็นำทีมหาเสียงในชุมชนต่อและได้เห็นวิถีชีวิตของพี่น้องชุมชนชาวคลองแสนแสบ และยังได้เข้าไปเยี่ยมชมร้านลุงอู๊ดบ้านครัวผ้าไหมไทย ซึ่งเปิดมากว่า 100 ปี ได้เห็นการทอผ้าใหม่และสอบถามถึงเรื่องของเส้นไหมที่นำมาทอ ประวัติความเป็นมาของร้านและความเป็นมาของชุมชนมุสลิมที่คลองแสนแสบนี้

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า “เมื่อก่อนสมัยที่ตนอยู่เตรียมอุดมศึกษา ต้องมาเรียนพิเศษที่กิ่งเพชร กิ่งเพชรเป็นย่านชุมชนที่อยู่กันหนาแน่นพอสมควร และก็มีตึกเก่าๆ เยอะ 8 ปี ไม่มีอะไรเลยครับ มีร้านกาแฟขึ้นมาอีกร้านนึง ซึ่งก็เป็นความสามารถของนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่มาปรับปรุงพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะชาวต่างชาติเยอะนะเดินมาในซอยไม่น่าเชื่อว่าคนต่างชาติจะเยอะ ตนคิดว่าต่างชาติน่าจะชอบวิถีคนไทย คือ เรียบง่าย ค่าครองชีพไม่สูง คนไทยใจดี เที่ยวไหนก็ไม่มีปัญหา ไม่มีอันตรายเหมือนอยู่ประเทศอื่น คนก็เลยมาเที่ยวกันเยอะ”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อด้วยว่า “กทม. เป็นพื้นที่ฐานเสียงเก่าของพรรค ประชาชนคุ้นเคยอยู่แล้ว ตนเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐจะได้รับการเลือกตั้งในหลายพื้นที่ อย่างการมาลงพื้นที่วันนี้ได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในหลายๆ เรื่องที่ประชาชนสงสัย สุดท้ายตอนนี้ชาวบ้านเข้าใจแล้ว ต่างก็เชียร์ลุงป้อม อยากให้ลุงป้อมมาดูแลบ้านเมือง ก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้กรุงเทพฯ อยู่ในความสงบสุข ที่มาเดินในย่านราชเทวี เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีคนมาท่องเที่ยว ช็อปปิ้งเต็มไปหมด มีธุรกิจใหม่ๆ เกิดขึ้น สิ่งต่างๆเหล่านี้จะเดินหน้าต่อไปได้ บ้านเมืองต้องสงบสุข เราต้องไม่ทะเลาะกัน เพราะความขัดแย้ง ความรุนแรง จะทำให้นักท่องเที่ยวหรือการพัฒนาต่างๆ มีปัญหาอย่างแน่นอน นี่คือสิ่งที่คนกรุงเทพฯ ต้องการ”

‘ดร.สฤษดิ์’ บุกเยาวราช ชูนโยบายท่องเที่ยว ‘แก้เศรษฐกิจ-ปากท้อง’ ดันกรุงเทพฯ ให้เป็นแหล่งดึง นทท. ชี้ เป็นช่องทางหาเงินเข้าประเทศเร็วสุด

(10 พ.ค. 66) ดร.สฤษดิ์ ไพรทอง หรือ ดร.ลั่น ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กรุงเทพมหานคร เขต 1 หมายเลข 11 กล่าวในระหว่างลงพื้นที่หาเสียงย่านเยาวราชว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนในช่วงที่ผ่านมา เสียงสะท้อนที่ได้รับฟังส่วนใหญ่ที่ต้องการให้ทางพรรค ผลักดันเร่งด่วนยังคงเป็นเรื่องเศรษฐกิจและปัญหาปากท้อง ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชนโดยเร็วเช่นกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในนโยบายของพปชร.นั้น จะมีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ผ่านกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นมหานครแห่งอาเซียน เพื่อเร่งนำเงินเข้าประเทศให้เร็วที่สุด ตามนโยบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ เนื่องจากการท่องเที่ยวเป็นช่องทางที่เร็วที่สุดในการหารายเข้าประเทศ เพราะการท่องเที่ยวนั้น ไม่ต้องรอการก่อสร้าง รอเพียงแต่นักท่องเที่ยวมาในประเทศ ก็ได้เงินเข้าประเทศทันที ซึ่งกรุงเทพฯเป็นหมุดหมาย และเป็นแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นใน มีย่านการค้าและการท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวรู้จักดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นย่านของกินชื่อดังอย่างเยาวราช ย่านศิลปวัฒนธรรมอย่างพระบรมมหาราชวัง และย่านถนนข้าวสาร ซึ่งสามารถพัฒนาพื้นที่ใกล้เคียงต่อยอดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวไปสู่ชุมชนต่าง ๆ ในพื้นที่ได้เช่นกัน

พร้อมกันนี้ ดร.สฤษดิ์ ยังได้นำเสนอ นโยบายลดค่าครองชีพให้กับประชาชน หาก พปชร.ได้เป็นรัฐบาล จะผลักดันทันที เช่น ลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท, ลดราคาน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 6.30 บาท และเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุแบบขั้นบันได คือ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น 3,000 บาทต่อเดือน, อายุ 70 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็น 4,000 บาทต่อเดือน อายุ 80 ปีขึ้นไป, เพิ่มเป็น 5,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

สำหรับบรรยากาศในการลงพื้นที่เยาวราช ของดร.สฤษดิ์ในครั้งนี้ ยังคงมีประชาชน พ่อค้า แม่ค้า และแฟนคลับ ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมกับส่งเสียงเชียร์เหมือนเช่นเคย

โค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง ปราศรัยใหญ่ 12 พ.ค.นี้

โค้งสุดท้ายก่อนมีการเลือกตั้ง 14 พ.ค.นี้ หลายพรรคปักธงสนาม ‘กรุงเทพฯ’ เป็นเวทีปราศรัยใหญ่ เวทีสุดท้าย THE STATES TIMES รวบรวมมาให้แล้วว่าพรรคไหน จัดที่ไหนกันบ้าง พร้อมแล้วก็ไปดูกันเลย
 

'สนธิรัตน์' ได้ใจเมืองคอน หลังชู 3 นโยบายเด็ดเสริมแรงผู้สมัครฯ 'เมืองอุตฯ น้ำมันเจ็ต - ดันราคาปาล์ม - แปลง สปก. เป็นโฉนด'

พรรคพลังประชารัฐ เปิดปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้ายที่หลังสถานีรถไฟชะอวด นครศรีธรรมราช ประกาศนโยบายเด็ด นครศรีฯ เมืองอุตสาหกรรมน้ำมันเจ็ต ใช้น้ำมันปาล์มผลิตน้ำมันเครื่องบิน ย้อนสูตร B-10 ปุ๋ยราคาถูก ดันปาล์มสูงกว่า 10 บาทแน่นอน ด้าน 'อาญาสิทธิ์' ดัน สปก. เป็นโฉนด 

เมื่อวันที่ 10 พ.ค.66 ที่หลังสถานีรถไฟชะอวด จ.นครศรีธรรมราช นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เปิดปราศรัยใหญ่ รณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.เขต 4 นครศรีธรรมราช โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจีรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคและทีมงานมาช่วยปราศรัย มีชาวบ้านในพื้นที่เดินทางมาฟังการปราศรัยเกอบ 10,000 คน 

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตั้งแต่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ จนมาถึงรมว.พลังงาน มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ในสมัยเป็นรมว.พาณิชย์ ทำได้แค่ราคา 3-4 บาท แต่พอเป็นรมว.พลังงาน นำน้ำมันปาล์มเป็นส่วนผสมบี 10 ราคาปาล์ม จึงขยับเป็นกว่า 10 บาทต่อกิโลกรัม ต่อมาตนไม่ได้ดำรงตำแหน่งนโยบายนี้ ก็ไม่ได้ดำเนินการ ราคาปาล์มจึงลดลงในปัจจุบัน 

"พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จะช่วยให้พี่น้องชาวสวนปาล์มได้มีโอกาสร่ำรวยอีกครั้ง และเป็นการร่ำรวยที่ยั่งยืน ขอประกาศณ ที่นี้ว่า จะพัฒนาเองนครฯ เป็นนิคมอุตสาหกรรมน้ำมันเจ็ต นำน้ำมันปาล์มมาเป็นส่วนผสมของน้ำมันเครื่องบิน เป็นนโยบายที่ทีมงานคิดค้นขึ้นมา รับประกันว่า ทำได้แน่ เพราะในอนาคตตั๋วเครื่องบินที่เติมน้ำมันสะอาด จะมีราคาถูกกว่า ซึ่งจะทำให้น้ำมนปาล์มไม่เพียงพอแน่นอน เพราะปัจจุบันเราผลิตได้ 3,000 ล้านตัน แต่โรงงานผลิตน้ำมันเครื่องบินเจ็ต จะใช้ปีละเปนหมื่นล้านตัน ราคาปาล์ม จะไม่ต่ำกว่า 10 บาทแน่นอน นโยบายนี้ประกาศที่นครศรีฯ ที่ชะอวดเป็นที่แรก ชาวสวนปาล์ม จะร่ำรวยแน่นอน และจะลดค่าใช้จ่ายโดยมีนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง พลังประชารัฐจะผลักดันปุ๋ยราคาถูก" ประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ กล่าว 

ขณะที่ด้านนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุรรณ ผู้สมัครส.ส.เขต 4 หมายเลข 6 ได้พูดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ โดยจะลดค่าครองชีพ ลดราคาก๊าซหุงต้ม ลดราคาน้ำมัน ลดค่าไฟฟ้า และจะเพิ่มสวัสดิการแห่งรัฐ สวัสดิการผู้สูงอายุ 3,000-5,000 บาท นโยบายมารดาประชารัฐ จะมีสวัสดิการ แม่ท้องแก่ เด็กแรกเกิด เป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะช่วยเหลือพี่น้องผู้ด้อยโอกาส เป็นนโยบายที่พรรคเน้นสร้างคนให้เป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของชาติ

"พรรคมีนโยบายที่จะสร้างที่ดินทำกินที่ยั่งยืนให้พี่น้องเกษตรกร โดยจะแปลงเอกสารสิทธิ์ที่ดินสปก.4-01 เป็นโฉนด ขายได้ จำนองได้ แปลงเป็นทุนได้ พี่น้องจะได้หลุดพ้นเงื่อนไขเดิมๆ จะได้มีฐานะมีอาชีพและฐานะที่มั่นคง" นายอาญาสิทธิ์ กล่าว 

"จากที่เห็นพี่น้องมาฟังการปราศรัยในวันนี้ มีความมั่นใจว่า จะสามารถปักธงพลังประชารัฐ ที่เขต 4 นครศรีธรรมราชอีกครั้ง" อาญาสิทธิ์ กล่าว

รู้จัก ‘พลเอกประวิตร’ ในมุมที่คาดไม่ถึง ‘ชีวิต-ความรัก-ความฝัน-ประเทศไทย’

เรียกได้ว่าเป็นช่วงโค้งสุดท้ายของการหาเสียงก็คงไม่ผิด สำหรับ ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ หรือ ‘บิ๊กป้อม’ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แห่งพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งล่าสุดได้เดินทางไปร่วมรายการ Woody FM Candidate เพื่อพูดคุยกับพิธีกรดังอย่าง ‘วู้ดดี้ วุฒิธร มิลินทจินดา’

สำหรับการพูดคุยในวันนี้ วู้ดดี้ ได้เริ่มบทสนทนาด้วยการถามถึงชุดที่ใส่มาสัมภาษณ์ ว่าใครเป็นผู้เลือกชุดให้? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ผมเลือกเองนะ และปกติผมก็แต่งแบบนี้ตลอดในวันหยุด ส่วนวันนี้ก็ถือว่ามาพูดคุยแบบไม่ข้องแวะเรื่องของการเมือง ที่สำคัญก็อยากจะให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ด้วย” โดย พลเอกประวิตร ยังพูดติ่งไว้อีกว่า “ผมอยากทำวันนี้ เพื่อให้ทั้งคนรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” 

เมื่อถามว่า ในวันปกติ ‘ลุงป้อม’ มักจะทำอะไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “เวลาว่างก็ไปคุยกับเพื่อน ไปสนามกอล์ฟบ้าง แต่ก็ไม่ได้ตีกอล์ฟ จะเน้นไปพบปะและพูดคุยกับเพื่อน และส่วนใหญ่ก็จะเน้นไปทางทานข้าวกับเพื่อน ส่วนเรื่องที่พูดคุยกัน ก็เน้นเรื่องเก่าๆ ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ” 

เมื่อถามถึงประสบการณ์ชีวิตในวัยเด็ก ที่คิดว่าลืมไม่ลง? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ตอนเด็ก ผมเคยเดินข้ามถนน แล้วพอดีรถก็มา จังหวะที่ผมก็กำลังวิ่งกลับ รถก็เกือบจะชน แต่ก็โชคดีที่มีคนมาช่วย” 

เมื่อถามถึงอายุและสุขภาพ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ตอนนี้ 78 ปีแล้วครับ สุขภาพก็สบายดี ไม่เป็นอะไร มีแต่ขาอย่างเดียวนั่นแหละ เนื่องจากว่าเลือดไปเลี้ยงเส้นประสาทไม่พอ ตอนช่วงประมาณอายุ 72 ปี แต่ผมก็วิ่งทุกวันนะ วันละ 6 กิโลเมตร วิ่งมาตั้งแต่อายุ 20 กว่าปี วิ่งทุกวัน ไม่มีวันหยุด เป็นความต้องการของผมที่อยากจะออกกำลังกายน่ะนะ วิ่งทุกวันจนขาไม่ไหว ตอนเกษียณก็ยังวิ่งอยู่” 

วู้ดดี้ ได้ถามต่อถึงเซอร์ไพรส์ที่ได้ลงมือทำผัดซีอิ๊ว ว่าเป็นคนชอบเข้าครัวงั้นหรือ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ก็เห็นแม่ทำนะ ทำให้ครอบครัวทานทุกวัน” พร้อมทั้งเล่าต่อว่า “คุณแม่ผมเลี้ยงผมมาแบบพื้นๆ เลย เพราะว่าผมมีพี่น้อง 5 คน เป็นผู้ชายทั้ง 5 คนเลย แต่แม่อยากได้ผู้หญิง แม่ก็เลยเลี้ยงแบบธรรมดาเลย แม่อดทนมากนะครับที่เลี้ยงพวกผมมา” 

เมื่อถามถึงตอนที่ตัดสินใจเป็นทหาร คุณแม่ว่ายังไง? พลเอกประวิตร ตอบว่า “แม่ไม่ว่า ซึ่งตัวผมเองก็อยากเป็นทหารอยู่แล้ว อยากเป็นเหมือนพ่อ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่นานนะ เพราะผมไปราชการสงครามตลอดเลย ตั้งแต่เป็นร้อยตรีถึงพลตรี ก็ไปทุกพื้นที่”

เมื่อถามถึงภาพจำของทหารที่มองไปแล้วรู้สึกว่า ‘ดุ’? พลเอกประวิตร บอกว่า “มันคือระเบียบของผู้บังคับบัญชาจากทางราชการที่จะออกมาให้ทุกคนได้ปฏิบัติตาม เพื่อให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ในเชิงปฏิบัติก็ต้องเป็นแบบนี้”

เมื่อถามถึง ในชีวิตจริงลุงป้อมเป็นคนแบบไหน? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ผมก็เป็นอย่างนี้แหละ ก็คนธรรมดา ผมก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่มีอาชีพทหาร โดยผมจะเป็นคนที่ค่อนข้างเชื่อมั่นในผู้คนอย่างมาก นั่นจึงทำให้ใครก็ตามที่มีความจริงใจกับผม ผมก็พร้อมจริงใจกับทุกคน” 

เมื่อถามถึงนิสัยในการตัดสินใจกับเรื่องสำคัญๆ? พลเอกประวิตร ตอบทันทีเลยว่า “ทำเลย ทำทันที ถ้ามีข้อมูลพร้อม”

เมื่อถามถึงวิธีคิดในการแก้ปัญหาของลุงป้อม? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “เวลามีปัญหา ผมจะคิดว่า หากเราตัดสินใจอะไรลงไป ใครจะได้ประโยชน์บ้าง ส่วนตัวผมต้องการที่จะให้ทุกคนได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น เพื่อที่จะให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย และก็ต้องตัดสินใจให้ดี เพราะไม่อยากตัดสินใจอะไรที่ทำให้คนถูกลายเป็นคนผิด คนผิดกลายเป็นคนถูก ตรงนี้สำคัญมาก”

เมื่อถามถึง ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา มักจะมีข่าวคราวต่างๆ เกิดขึ้น แต่ลุงป้อมก็ไม่เคยออกมาโต้หรือเคลียร์ เป็นเพราะอะไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “จริงๆ ก็ไม่ใช่ว่าปล่อยวางนะ แต่ที่ผมไม่ออกมาเพราะมันไม่ใช่ความจริง การที่มีคนโจมตีไปโจมตีมา แล้วผมมัวแต่ไปแก้ตัว ผมก็คงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันพอดี เอาเป็นว่า คนจะเชื่อก็เชื่อ ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ แต่ให้รู้ว่าที่ผมมักไม่ออกมา คือ ไม่ใช่ความจริง” 

เมื่อถามถึงกรณีวงดนตรีมักนำคำว่า ‘ไม่รู้ ไม่รู้’ ของลุงป้อมไปทำเป็นเพลง ลุงป้อมได้ฟังหรือไม่? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ฟังแล้วๆ น่ารักดี แต่ยังไม่ได้ดูนะ ยังไม่ได้เต้น”

เมื่อถามว่า ทำไมลุงป้อมถึงชอบใช้คำว่า ‘ไม่รู้ ไม่รู้’ บ่อยมากๆ? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “คือผมไม่รู้จริงๆ ถ้าผมรู้ ผมก็จะบอกว่าผมรู้เรื่องนี้ แค่นี้ แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องของคนอื่น ก็ให้ไปถามคนอื่น อย่ามาถามผม เหมือนกับเรื่องการเมือง ที่คนชอบถามผมว่า พรรคการเมืองนี้จะได้เท่าไร ผมจะไปตอบได้ยังไง ต้องรอวันที่ 14 พ.ค. เช่นเดียวกันกับว่าเราจะไปรวมกับใคร ผมก็ไม่รู้จะตอบยังไง เพราะทั้งหมดก็ยังต้องดูผลการเลือกตั้งเท่านั้น และผมก็ไม่ชอบตอบว่า ‘ถ้า’ ด้วย เพราะมันไม่ใช่เรื่องจริง” 

แม้จะเป็นการพูดคุยแบบสบายๆ ที่พยายามออกห่างเรื่องการเมือง แต่ วู้ดดี้ ก็ได้ไปถึงเหตุผลของการเข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของลุงป้อมด้วย โดย พลเอกประวิตร ตอบคำถามนี้ว่า “เดิมไม่เคยคิด แต่ที่ยอมรับ เพราะลูกพรรคให้การสนับสนุน ถ้าลูกพรรคไม่ให้การสนับสนุน ผมก็ไม่รับ ทุกอย่างแล้วแต่สมาชิกพรรค ว่าเขาลงคะแนนยังไง ว่าเป็นไง ส่วนที่ผมปฏิเสธมาตลอดหลายปี ก็ต้องบอกตรงๆ ว่าผมไม่อยากเป็น มันไม่ใช่ว่าเพราะอะไรซับซ้อนหรอก แต่ผมคิดว่ามีคนอื่นที่ทำได้ดีกว่าเรา คิดว่าอย่างงั้นจริงๆ แต่ว่าเพราะว่าลูกพรรคเขาเห็นว่าสมควรต้องมาเป็นแคนดิเดตฯ ผมก็เลยรับ ส่วนจะได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไม่ได้หวังอะไร แค่ทำเต็มที่ ทำตามที่ลูกพรรคได้ให้”

เมื่อถามถึงคำคมล่าสุดอย่าง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ วู้ดดี้ ได้ขอให้ลุงป้อมช่วยอธิบายภาพให้เห็นว่าหมายถึงอะไร? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ก้าวข้ามความขัดแย้งเนี่ย คือผมเห็นว่าคนไทยทุกคน คนไทยจะต้องมีความเป็นหนึ่งเดียว จะต้องมีความรักใคร่ ความสามัคคีกลมเกลียวกัน แต่ว่าในเรื่องของทางการเมือง หรือทางด้านความคิด ทุกคนย่อมมีความคิดเป็นของตนเอง ผมคงไม่สามารถไปบังคับว่าจะให้คุณไปเลือกพรรคนู้นพรรคนี้ หรือว่าชอบพรรคนู้นพรรคนั้น แบบนี้ไม่ได้ คุณต้องเป็นคนตัดสินใจเอง เพียงแต่ผมมีความหวังที่จะให้ทุกคนนั้นได้ก้าวข้ามความขัดแย้ง ต้องนึกถึงว่าเราเป็นคนไทย จะร่วมกันทำงานเพื่อคนไทย เมื่อมีความสงบเกิดขึ้น เศรษฐกิจมันก็จะเดินได้ ท่องเที่ยวก็จะเดินได้ รัฐบาลก็ทำงานได้ การค้าขายก็จะเข้ากระเป๋ามากขึ้น เพราะฉะนั้นมันจะดีไปหมด ถ้าประเทศมีความสงบเกิดขึ้น” 

วู้ดดี้ สลับฉากไปยังเรื่องเบาๆ โดยถามลุงป้อมว่า เคยมีแฟนหรือไม่? พลเอกประวิตร ตอบว่า “เคยมีแฟนตั้งแต่เด็ก อยู่เตรียมทหารก็มีแล้ว แต่ก็คบกันเฉยๆ ซึ่งก็มีคุยกัน ไปดูหนังกันบ้าง โดยสมัยนั้นไปปิ๊งกันที่ลานพระรูป และการติดต่อกันก็ใช้วิธีการเขียนจดหมายเอา เพราะสมัยก่อนไม่มีแลกไลน์ โทรศัพท์ยังไม่มี”

เมื่อถามถึงการลงพื้นที่ในประเทศไทย ลุงป้อม เดินสายไปตามจังหวัดต่าง ๆ ครบหรือยัง? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ครบหมดแล้วทั้ง 77 จังหวัด ในเวลากว่า 2 ปีมานี้ เพราะผมต้องจัดการเรื่องน้ำ เวลาลงไปพื้นที่ก็จะมีชาวบ้านมาบอกกล่าวถึงปัญหาต่าง ๆ เช่น ต้องการที่ดิน ต้องการน้ำ น้ำตรงนั้นท่วม ตรงนั้นน้ำแล้ง แล้วเขาก็มาหาแบบต่อว่าด้วยนะ ซึ่งผมก็รับฟัง และแก้ไขให้ทันทีเลย” 

เมื่อถามว่า ถ้าลุงป้อม ได้เป็นนายกฯ สิ่งแรกที่จัดการคืออะไร? พลเอกประวิตร ตอบว่า “ผมบอกไม่ได้ ให้ผมเป็นก่อนแล้วกันนะครับ ไปบอกก่อน มันก็ไม่มีความหมายอะไร ให้ผมได้เป็นก่อน เป็นก่อนแล้วเดี๋ยวจะจัดการเอง” 

วู้ดดี้ ถามถึงวันเกษียณ ว่าเคยวางเป้าไว้เมื่อไร? พลเอกประวิตร กล่าวว่า “ถ้าไม่มีคนเลือก ไม่มีคนให้ทำงาน ผมก็หยุด ไปเที่ยว ไปทำงานส่วนตัวของผม แต่ว่าคงไม่ไปทำงานอะไรที่ใหญ่โตอีกแล้ว พูดง่ายๆ ก็คือ ถ้าการเมืองหนนี้ไม่ได้ไปต่อ ก็เกษียณ”

พลเอกประวิตร เสริมด้วยว่า “แต่ถ้าจะให้บอกว่าเกษียณแล้ว ต้องไปเที่ยวไหน ผมก็ยังไม่รู้เลย แต่ถ้าที่อยากไปแล้วยังไม่เคยไป ก็คงเป็น ‘เซอร์เบีย’ เพราะมันสวยดี ประเทศมันมีทะเล สวยมาก ส่วนในเมืองไทยตอนนี้ก็ยอมรับว่าไปมาหมดแล้ว ส่วนตัวชอบทะเล นอนดูทะเลได้ทั้งวันเลย สบายมาก”

สุดท้ายนี้ พลเอกประวิตร ได้ฝากถึงทุกท่านที่รับชม Woody FM ด้วยว่า “อยากให้ประชาชนคนไทย เลือกคนดีคนเก่ง มาทำงานให้กับประเทศชาติ เพื่อที่จะให้ประชาชนของเราไม่ยากจนนะครับ”


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top