Friday, 17 May 2024
พลังประชารัฐ

‘บิ๊กป้อม’ หาเสียงฉะเชิงเทรา วอน ปชช. กา พปชร. เบอร์ 37 ลั่น!! หากได้เป็นรัฐบาลจะลดทันทีค่าน้ำมัน-ค่าแก๊ส-ค่าไฟฟ้า

(19 เม.ย.66) ในการปราศรัยหาเสียงของ พรรคพลังประชารัฐ โดยจัดเวทีที่ลานวัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อช่วยผู้สมัคร 4 เขต ประกอบด้วย นายรัฐสภา นพเกต เขต 1 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เขต 2 นายสายัณห์ นิราช เขต 3 และ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ เขต 4 ท่ามกลางประชาชนที่มาร่วมฟังปราศรัยจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้ชาวฉะเชิงเทราให้เจริญรุ่งเรือง พลังประชารัฐได้เลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของชาวฉะเชิงเทราทั้ง 4 เขต โปรดเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขต และขอให้เลือกหมายเลข 37 ด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า อยากสื่อสารให้พี่น้องทราบว่าที่ผ่านมาประเทศพัฒนาได้ยาก พลังประชารัฐจึงนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันทีที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยจะลดราคาน้ำมันเบนซินลง 18 บาทต่อลิตร น้ำมันดีเซลลด 6.30 บาทต่อลิตร ซึ่งจะทำทันทีที่พลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาล รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย เพื่อมอบความสุขให้ประชาชนด้วยความจริงใจ พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายอำเภอในฉะเชิงเทราได้รับการดูแลจากตน พลังประชารัฐจะแก้ปัญหาความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ สร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา อย่างถนนหมายเลข 304 จะเป็น 4 เลน เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี

นอกจากนี้ นโยบายมีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่ดูแลเรื่องน้ำหลายครั้งเพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และได้ทำโครงการต่างๆให้กับพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ทำกินได้มอบหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หลายครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เขาตะเกียบ

‘ผู้กองมาร์ค’ ชู ‘แก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน’ ลั่น!! หาก ‘บิ๊กป้อม’ ได้เป็นนายกฯ พร้อมขจัดทุกปัญหา

(20 เม.ย.66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางซื่อ - ดุสิต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวในงานโครงการลมวิเศษ ณ แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ว่า ทุกนโยบายของพรรคพลังประชารัฐสามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 หยุดการเผาและลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก หยุดเผาป่าเผาไร่นาและเศษวัสดุทางการเกษตร และเพิ่มมูลค่าด้วยการแปรรูปและนำไปผลิตกระแสไฟฟ้าชีวมวล ลดปัญหาหมอกควันในภาคเหนือและเมืองใหญ่ โดยจัดการและเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ การอนุรักษ์ การป้องกัน บำบัดและฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ดิน น้ำ อากาศ สัตว์ป่า พันธุ์พืช แร่ธาตุ และสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

‘สกลธี’ หาเสียงสะพานหัน ชู ‘กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้าน’  ช่วยดูแล-สร้างแหล่งท่องเที่ยวย่านเศรษฐกิจใหม่ทั่วกรุงฯ

(20 เม.ย.66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ย่านสะพานหัน พร้อมกับ นายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 (ดุสิต พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์) หมายเลข 11 เพื่อพบปะประชาชน

นายสกลธี กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้สั่งให้พรรคคิดนโยบายด้านปากท้อง ลดค่าครองชีพ ออกมาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ทั้งการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาท ลดดีเซล 6 บาท หรือการลดราคาแก๊สเหลือถังละ 250 บาท ซึ่งสามารถทำทันทีที่เป็นรัฐบาล และล่าสุดพรรคได้ออกนโยบายลดค่าไฟฟ้า โดยจะปรับโครงสร้างราคาที่มีการคิดเงินซ้ำซ้อนอยู่เยอะ ซึ่งจะทำให้สามารถลดค่าไฟฟ้าลงเกือบ 50% เหลือเพียงหน่วยละ 2.50 บาทเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็จะช่วยให้ทุกคนมีเงินเหลือไปใช้จ่ายอย่างอื่นเพิ่มขึ้น

นายสกลธี กล่าวว่า วันนี้ตนและ นายสฤษดิ์ ไพรทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 1 หมายเลข 11 ได้มาลงพื้นที่ย่านสะพานหัน ซึ่งหลังโควิดมานี้กลายเป็นย่านเศรษฐกิจเชื่อมต่อเขตพระนครและสัมพันธวงศ์ เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ แต่ยังต้องการการสนับสนุนจากรัฐทั้งในด้านงบประมาณและการดูแลอื่นๆ แต่จะหวังพึ่งงบประมาณของ กทม.อย่างเดียวก็คงไม่พอ

'ไพบูลย์' ไม่พลาด!! ตอบรับร่วมเวทีเขียน รธน.ใหม่  ชี้!! แนวทางสอดรับนโยบายพปชร. ฟังเสียง ปชช. 

(20 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือเชิญจากตัวแทนคณะทำงานเวทีนักการเมืองกับเครือข่ายรัฐธรรมนูญคนจน ที่เชิญตัวแทนพรรคการเมืองเข้าร่วมเวทีฯ ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ ตั้งแต่เวลา 12.00 - 18.00 น.ที่คณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ตนเป็นตัวแทนพรรค พปชร. ตอบรับเข้าร่วมเวทีดังกล่าว เพราะเห็นว่าจุดประสงค์ของการจัดงาน เพื่อให้นักกฎหมายมามีส่วนร่วมในการยกร่างรัฐธรรมนูญคนจน ที่มุ่งเน้นให้ความสนใจกับประชาชน ซึ่งตรงกับแนวทางของพรรค ที่ให้ความสำคัญกับคำว่า ประชา และ รัฐ โดยรัฐจะเข็มแข็งอยู่ได้ต้องมาจากประชาชนที่เข้มแข็งสอดรับกับนโยบายของพรรค ที่นำเสนออกมาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง

'บิ๊กป้อม' ชู!! นโยบายใหญ่ 'อีสานประชารัฐ'  ความเจริญทั่วอีสาน เชื่อมประสานสู่ทะเล

‘บิ๊กป้อม’ ชู ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-EEC 480 กม. สร้างนิคมอุตสาหกรรม-อาชีวะ-ท่าเรือบก-ทางหลวงพิเศษ 8 เลน ลั่นจะทำให้อีสานเจริญ ‘สันติ’ เหน็บที่ผ่านมามีแต่พรรคขอแลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยคิดพัฒนาให้ บอกถ้า พปชร.เป็นรัฐบาลทำจริงทำทันที ‘ไพบูลย์’ ยันยื่นแจงนโยบายต่อ กกต.แล้ว ย้ำนโยบาย พปชร.ทำมาเพื่อชนะแลนด์สไลด์

(20 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดนโยบายว่า เราจะพัฒนาภาคอีสาน และภาคตะวันออก ให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ - ท่าเรือแหลมฉบัง - ท่าเรือมาบตาพุด - สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ  อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่ออีก 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม.โดยเราได้สำรวจเส้นทางมาเรียบร้อยแล้ว และจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อจะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน เพราะน้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ

ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิดแต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน

ด้าน นายสันติ กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้วมีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร.ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ เลย พปชร.จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน

นายสันติ กล่าวว่า สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้น จะมีรางขนาด 1.435 ม.ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมฯละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก

“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร.เพื่อ พปชร.จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร.ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯเป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว

‘มิ่งขวัญ’ โชว์กึ๋น!! พิชิต 'ทุนสีเทา' พร้อมเปลี่ยนให้เป็นรายได้ ถามจี้ใจดำ พท. แจกเงินดิจิทัล 1 หมื่น มีแผนรัดกุมดีหรือไม่?

เมื่อวานนี้ (20 เม.ย.66) นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวถึงแนวทางการแก้ปัญหาทุนจีนสีเทา พร้อมทั้งแปลงให้เป็นการหารายได้เข้าประเทศ และระบบตรวจสอบทหาร ตำรวจ เมื่อกระทำความผิดของพรรคพลังประชารัฐ ไว้ที่เวทีดีเบตของช่อง MCOT ในรายการ เจาะลึกเลือกตั้ง 66 โดยระบุว่า…

มูลเหตุของปัญหานี้ ต้องย้อนกลับไปดูที่ตัวแปรก่อน อย่างแรกคือ ปัจจุบันคนหนุ่มคนสาวในไทยมีน้อย เนื่องจากอัตราการเกิดลดลง จึงจำเป็นต้องมีการดึงแรงงานต่างด้าวเข้ามาช่วยในจุดนี้

อย่างที่สองคือ ประเทศที่มีประชากรมากระดับพันล้านคน ที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ประเทศจีน คนจีนเข้ามาในประเทศไทยมากมาย ซึ่งมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ซึ่งในส่วนของ 'ทุนจีนสีเทา' ก็ปฏิเสธได้ยากที่จะไหลเข้ามาในประเทศไทยพอสมควร ซึ่งจากนี้ไทยต้องเข้มงวด เด็ดขาด กฎหมายต้องเป็นกฎหมาย ตรวจหมดทุกอย่าง ทั้งที่มาของเงิน แหล่งเงิน หากชี้แจงไม่ได้จะยึดเป็นรายได้ของรัฐทั้งหมด

“ผมบอกเลยนะครับว่า ผมจะสร้างรายได้ให้ประเทศอย่างมหาศาลจากทุนจีนสีเทา หรือทุนไหนก็ตามที่เป็นสีเทา ขออำนาจศาลพิพากษา ขอให้มีหน่วยงานพิเศษตั้งขึ้นมาเพื่อตรวจสอบ เพราะที่มีอยู่ปัจจุบันอาจจะไม่เพียงพอ และผมบอกเลยว่าต้องทำอย่างรวดเร็ว นี่คือเคล็ดลับในการหารายได้เข้าประเทศที่ดีที่สุด” นายมิ่งขวัญกล่าว 

ต่อมานายมิ่งขวัญได้พูดถึงเรื่องการกลืนชาติ โดยระบุว่า "เมื่อคนจีนเข้ามาในประเทศไทยแล้ว เราไม่รู้ว่าเขาจะเข้ามาทำอะไร แต่สิ่งที่เรายอมให้เกิดขึ้นไม่ได้คือการกลืนชาติ เพราะประเทศไทยต้องเป็นประเทศไทย เราจะไม่ยอมให้ใครเข้ามาครอบงำ แม้เราจะเป็นเมืองเล็กๆ มีประชากรแค่ 60-70 ล้านคน แต่ยังไงผมก็ไม่ยอมเด็ดขาด" พร้อมย้ำด้วยว่า "บอกเลยนะครับว่ากรีดเลือดผมออกมา เลือดรักชาติเข้มข้น"

หลังจากนั้นนายมิ่งขวัญได้กล่าวถึงประเด็นบุคลากรด้านความมั่นคง โดยระบุว่า "ไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร แต่ผมคิดว่าได้เวลาที่จะต้องปลุกทุกคนแล้วว่า ทุกคนต้องทำงาน ผมอาจจะคิดต่างจากคนอื่น เช่น ผมคิดว่าเราต้องมีหน่วยงานตำรวจเพิ่มขึ้นมาอีก เพื่อเข้มงวดต่อเข้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่ตำรวจกลายเป็นโจรเสียเอง พอมีความผิดก็มานั่งพิจารณาและไล่ออก วนไปแบบนี้ไม่ได้ 

'ธรรมนัส' เหน็บ 'เศรษฐา' มีอำนาจตัดสินใจจับมือใครหรือ?  เตือน!! ไมค์จ่อปากอย่าพูดเอามันส์ ออกตัวแรงระวังจะเสียคน

(22 เม.ย.66) ที่ จ.นครราชสีมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการเลือกตั้งในภาคเหนือ ว่า เรามียุทธศาสตร์ และอยากปักหมุดทุกจังหวัด อย่างน้อยขอให้ได้ทุกจังหวัด 1-2 เขตส่วน จ.พะเยา มั่นใจอยู่แล้วว่าจะยกจังหวัด และน่าจะได้ที่ จ.แม่ฮ่องสอน ในเดือน พ.ค.นี้จะลงพื้นที่หาเสียงที่ จ.แม่ฮ่องสอน ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่หาเสียงที่ภาคใต้ในปลายเดือน เม.ย.นี้ พร้อมกับพรรคพปชร.มีแผนปราศรัยใหญ่ที่ จ.สงขลาในวันที่ 28 เม.ย. จากนั้นวันที่ 29 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.นครศรีธรรมราช 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การลงพื้นที่ภาคใต้พร้อมกันจะเป็นอะไรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เป็นเรื่องการเมือง อย่าไปมองเป็นประเด็นอื่น ซึ่งเราทำแผนไว้นานแล้ว เมื่อถามว่าหนักใจหรือไม่ที่จะต้องแข่งกับคนของพรรค พปชร.ที่ออกไป ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า น้ำเก่าออกไป เรามีน้ำใหม่ที่มีคุณภาพกว่า มีความมั่นใจว่าเราจะชนะ และจะได้เพิ่มอีกหลายจังหวัด เช่น จ.พังงา ที่ไม่เคยมีส.ส. มั่นใจว่าจะปักหมุดได้ ส่วนจ.นครศรีธรรมราช หลับตามองเห็นแล้ว เขต 1 ของนายรงค์ บุญสวยขวัญ กรรมการบริหารพรรคและผู้สมัคร ส.ส. พล.อ.ประวิตร สั่งระดมสรรพกำลังเข้าไปช่วย และตนเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้อีกทาง เชื่อว่าผ่านแน่นอน ส่วนเขต 2 ของนางสุภาพ ขุนศรี ผู้สมัคร ส.ส.ก็ผ่าน ส่วนเขต 5 นายสุธรรม จริตงาม ผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าเป็นเต็งหนึ่ง รวมถึงเขต 3 ของนายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัคร ส.ส. ดังนั้นเราไม่แพ้ใครแน่นอน หลังจากหาเสียงที่ภาคใต้แล้ว วันที่ 30 เม.ย.จะไปปราศรัยใหญ่ที่ จ.ขอนแก่น จากนั้นวันที่ 1 พ.ค.จะไปปราศรัยที่ จ.ร้อยเอ็ด 

เมื่อถามว่า มีโพลออกมาว่า พปชร.จะได้ 70 ที่นั่ง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เกรดเอบวก รวมกันได้เกือบ 100 ที่นั่งแล้ว ดังนั้น ถามว่าพปชร.ในเรื่องของ ส.ส.แบบแบ่งเขตนั้นเรามีความมั่นใจ ส่วนใหญ่พื้นที่เลือกตั้งที่ได้ตอนปี 62 เกือบจะทุกจังหวัด เราสามารถรักษาพื้นที่ได้ ถึงแม้คนที่เป็น ส.ส.เก่าจะย้ายไปพรรคอื่น แต่เราก็หาคนใหม่มาลง เรามั่นใจว่าจะยึดพื้นที่ได้ 

เมื่อถามว่าแสดงว่าโพลที่ออกมาไม่ใช่ตัวเลขที่ พรรค พปชร.คาดการณ์ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า หลายสำนักที่คาดการณ์ตัวเลข พปชร.กับพรรคที่เคยร่วมรัฐบาลกันมา จะได้สูสี ถ้าเราจะเป็นรองคงเป็นรองพรรคเพื่อไทย อละพรรคภูมิใจไทย หรือจะอาจจะสูสีกับพรรคภูมิใจไทย ส่วนกับพรรคอื่นเราอาจจะได้มากกว่า 

‘บิ๊กป้อม’ โชว์ผลงาน ‘แก้น้ำแล้ง’ ชี้ ทำมา 3-4 ปี ไม่เคยมีประกาศภัยแล้ง ปชช.เชียร์ให้เป็นนายกฯ บอกอย่างอารมณ์ดี “ต้องเลือก พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็น”

(22 เม.ย.66) ที่สถานีรถไฟปากช่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ระหว่างโดยสารรถไฟไป จ.นครราชสีมา ถึงการบริหารจัดการน้ำ มีเราไม่มีแล้งว่า วันนี้มีพื้นที่แห้งแล้งหรือไม่ วันนี้ไม่มีแล้ง อย่างเขื่อนลำตะคลองวันนี้ปริมาณน้ำ 70% ตนทำมา 3-4 ปี ไม่มีแล้งสักวัน ไม่มีการประกาศภัยแล้งในประเทศเลย

"อันนี้เป็นผลงานของผม ผมเป็นคนทำในนามรัฐบาล ที่ทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ " พล.อ.ประวิตร กล่าว

เมื่อถามว่า ตลอดเส้นทางมีประชาชนมาให้กำลังใจจำนวนมากรู้สึกอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็รู้สึกดี”

เมื่อถามว่า มีคนเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร กล่าวอย่างอารมณ์ดีว่า "คุณก็เลือกสิ ถ้าเลือกก็ได้ ถ้าไม่เลือกก็ไม่ได้ พูดเฉยๆ ไม่ได้เป็นหรอก จะไปเป็นได้อย่างไร"

'พปชร.' มาเหนือเมฆ ชู 'อีสานประชารัฐ' มีโอกาสทำ 'แลนด์สไลด์' สะดุด

(22 เม.ย.66) นับถอยหลังเหลืออีกเพียงไม่กี่วัน ก็จะเข้าสู่ช่วงของการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ และยิ่งนับวันยิ่งเกิดการแข่งขันที่รุนแรงแน่นอนว่าพื้นที่ภาคอีสาน ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ที่ทุกพรรคหมายมั่นปั้นมือ จะต้องบุกปักธงให้สำเร็จ เพราะเคยมีคำกล่าวที่ว่า หากพรรคใดคว้าชัย ได้ ส.ส.อีสานมากที่สุด หรือกวาดหมดยกภาคได้ ก็แทบจะการันตีได้ทันที ว่าจะเป็นพรรคอันดับ 1 มีโอกาสเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างสูง เพราะเป็นพื้นที่ที่มีจำนวน ส.ส. มากที่สุดถึง 133 คน จาก 20 จังหวัด 

ก่อนหน้านี้ พรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่มีฐานเสียงและจำนวน ส.ส.ภาคอีสานมากที่สุดในการเลือกตั้งแทบทุกครั้ง ครั้งก่อนเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 กวาดไปถึง 84 ที่นั่ง ตามมาด้วยอันดับสองพรรคภูมิใจไทย 16 ที่นั่ง

และพลันที่พรรคเพื่อไทยประกาศจะชนะเลือกตั้งครั้งนี้ แบบแลนด์สไลด์ นั่นก็เพราะความมั่นใจว่าจะสามารถกวดที่นั่งในภาคอีสานแบบถล่มทลายเช่นเดิม

แต่ทว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ การจะกวาดที่นั่งเป็นกอบเป็นกำเหมือนที่ผ่านมา คงไม่ง่ายนัก เพราะพรรคคู่แข็งอย่างภูมิใจไทยมีฐานเสียงที่แข็งแกร่งในพื้นที่อีสานใต้ นั่นยังไม่นับรวมคู่แข่งที่มาจากฟากเดียวกัน อย่างเช่น พรรคก้าวไกล และพรรคไทยสร้างไทย ที่สมาชิกพรรคส่วนใหญ่ล้วนเคยอยู่กับพรรคเพื่อไทยมาก่อน

ขณะที่อีกหนึ่งพรรคที่จะมองข้ามไม่ได้ นั่นก็คือ 'พรรคพลังประชารัฐ' ภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่หมายมั่นปั้นมือจะได้จำนวน ส.ส.ไม่น้อยกว่าการเลือกตั้งในปี 2562 ที่ชนะการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 3 ด้วยจำนวน 11 ที่นั่ง แม้ว่าขณะนี้กระแสของพรรค อาจจะไม่แรงเท่าเลือกตั้งครั้งก่อน แต่จากผลงานของพลเอกประวิตร ในเรื่องบริหารจัดการน้ำ ทำให้ภาคอีสานมีน้ำกินน้ำใช้ไม่ขาด ตามคำประกาศที่ว่า “มีเราไม่มีแล้ง” ก็ช่วยให้ฐานเสียงของพรรคฯ เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน

ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุด พรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศนโยบาย “อีสานประชารัฐ” เตรียมผุดโปรเจ็กยักษ์ เพื่อพี่น้องชาวอีสานอีกหลายโครงการ ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่า พรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้อย่างมาก และพร้อมจะพัฒนาพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

โครงการพัฒนาภาคอีสาน ที่ทางพรรควางไว้นั้น ประกอบด้วย ด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา เป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดภาคอีสานและภาคตะวันออก สอดรับโครงการอีอีซี ระยะทาง 480 กม. ซึ่งได้สำรวจเส้นทางเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งจะสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ และจะสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง รองรับกว่า 6,000 โรงงาน 

นอกจากนี้ จะสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมฯ ละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้น ก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก 

‘บิ๊กป้อม’ นำทัพปราศรัยใหญ่โคราช ช่วยผู้สมัคร ส.ส. 16 เขต หาเสียง ชู นโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาความเจริญ สร้างรถไฟทางคู่

(22 เม.ย.66) ที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำคณะกรรมการบริหารพรรคพปชร. นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ ปราศรัยนำเสนอนโยบายพรรค ช่วยผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา 16 เขต หาเสียง 
.
ประกอบด้วย ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 16 เขต ประกอบด้วย นายเกษม ศุภรานนท์ เขต 1 เบอร์ 7, นายประพิศ นวมโคกสูง เขต 2 เบอร์ 11, นายวีระวัฒน์ มิตรสูงเนิน เขต 3 เบอร์ 2, นายสุธรรม พรสันเทียะ เขต 4 เบอร์ 9, นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 5 เบอร์ 3 ,นางอรทัย พลวิเศษ เขต 6 เบอร์ 7 ,นางทัศนียา รัตนเศรษฐ เขต 7 เบอร์ 3 ,น.ส.อรัชมน รัตนเศรษฐ เขต 8 เบอร์ 5, นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ เขต 9 เบอร์ 3 ,นายณัฐพล ชวนกระโทก เขต 10 เบอร์ 8, พ.ต.อ.ปริวัฒน นาคํา เขต 11 เบอร์ 5, น.ส.กาญจนา เปรมภิรักษา เขต 12 เบอร์ 6, นายสุกฤษณ วัชรมาลีกุล เขต 13 เบอร์ 7, นายวิรัตน วาริชอลังการ เขต 14 เบอร์ 4, นายพจน เจริญสันเทียะ เขต 15 เบอร์ 6, นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ เขต 16 เบอร์ 3 โดยมีประชาชนร่วมฟังปราศรัยอย่างคึกคัก เต็มพื้นที่ลานจอดรถตลาดเซฟวัน ที่เตรียมเก้าอี้ไว้ประมาณ 2 หมื่นคน 

ร.อ.ธรรมนัส ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เวลาเราจะปลูกบ้านให้ไปดูที่ประตูและรั้วบ้านถ้าแข็งแรงดีบ้านหลังนั้นจะต้องดี ซึ่งโคราชเป็นประตูสู่ภาคอีสาน เป็นตัวชี้วัดว่าอีสานจะเจริญหรือไม่ ให้ดูที่โคราช เพราะ จ.นครราชสีมา เหมือนร่างกายมนุษย์ ที่มี 32 อำเภอ โดยพปชร.จะเปิดประตู่สู่อีสาน เนื่องจาก ผู้สมัคร ส.ส.หลายคนของพรรคพูดถึงนโยบายพปชร.คำว่า ประชา ที่ประกอบจากหลายส่วน เราจึงต้องการความมั่นคงเพื่อให้เกิดความมั่งคั่งทั้ง 77 จังหวัด เมื่อเรารักกันจะเกิดความสามัคคี ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ สำหรับนโยบายของพรรคโดยเฉพาะเรื่องออกโฉนดที่ดินสปก.เราจะทำทันทีหลังตั้งรัฐบาล โดยเตรียมที่ดินกว่า 40 ล้านไร่ ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยได้ถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่ที่ดินราชพัสดุ เราได้แก้กฎหมายเพื่อเปิดให้ประชาชน ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าอยู่มาก่อนปีพ.ศ. 2484 สามารถออกเอกสารสิทธิ์ให้ทันที


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top