'บิ๊กป้อม' ชู!! นโยบายใหญ่ 'อีสานประชารัฐ' ความเจริญทั่วอีสาน เชื่อมประสานสู่ทะเล
‘บิ๊กป้อม’ ชู ‘อีสานประชารัฐ’ สร้างรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-EEC 480 กม. สร้างนิคมอุตสาหกรรม-อาชีวะ-ท่าเรือบก-ทางหลวงพิเศษ 8 เลน ลั่นจะทำให้อีสานเจริญ ‘สันติ’ เหน็บที่ผ่านมามีแต่พรรคขอแลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยคิดพัฒนาให้ บอกถ้า พปชร.เป็นรัฐบาลทำจริงทำทันที ‘ไพบูลย์’ ยันยื่นแจงนโยบายต่อ กกต.แล้ว ย้ำนโยบาย พปชร.ทำมาเพื่อชนะแลนด์สไลด์
(20 เม.ย.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงเปิดนโยบาย ‘อีสานประชารัฐ’ พัฒนาภาคอีสานด้วยรถไฟทางคู่ บึงกาฬ-อู่ตะเภา
โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวเปิดนโยบายว่า เราจะพัฒนาภาคอีสาน และภาคตะวันออก ให้เป็นรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ - ท่าเรือแหลมฉบัง - ท่าเรือมาบตาพุด - สนามบินอู่ตะเภา จ.ระยอง โดยเป็นการพัฒนาพื้นที่ 24 จังหวัดในภาคอีสาน และภาคตะวันออก สอดรับกับโครงการ EEC โดยทางรถไฟจะผ่าน 13 จังหวัด ได้แก่ บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สระแก้ว ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และยังเชื่อมต่ออีก 11 จังหวัด ได้แก่ หนองคาย ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีษะเกษ หนองคาย และหนองบัวลำภู ระยะทางรวมประมาณ 480 กม.โดยเราได้สำรวจเส้นทางมาเรียบร้อยแล้ว และจะสร้างเมื่อเราได้เป็นรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำเพื่อคนอีสานโดยเฉพาะ เพื่อจะได้มีงาน สร้างงาน สร้างอาชีพให้คนอีสาน เพราะน้ำเขาก็น้อย การเกษตรก็มีข้อขัดข้องเยอะ คนอีสานออกมาทำงานต่างจังหวัดทั้งนั้น เราทำโครงการนี้เพื่อชาวอีสานโดยเฉพาะ อย่าเพิ่งถามถึงภาคอื่น เอาให้ภาคอีสานเจริญ โดยภาคอีสานมีทั้งหมด 133 เขต คิดเป็น 1 ใน 3 ของประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การมาทำโครงการใหญ่ในภาคอีสานจะเป็นการทำให้ภาคอื่นรู้สึกน้อยใจหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราทำอีสานก่อน จากนั้นจะทำภาคเหนือและใต้ต่อไป อันนี้คิดกันมาหลายปีแล้ว อย่าเพิ่งไปคิดว่ามันจะเสร็จพรุ่งนี้
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะส่งผลต่อคะแนนเสียง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ไม่ต้องห่วง ขอบคุณที่เป็นห่วง แต่ตนไม่ห่วง ส่วนเรื่องงบประมาณที่จะใช้นั้น ไม่ต้องห่วง ยังไม่ได้คิดแต่สามารถดำเนินการได้แน่นอน
ด้าน นายสันติ กล่าวว่า เราจะพัฒนาอีสาน เปิดภาคอีสานของเราให้ทันต่อโลก เนื่องจากดูแต่ละพรรคการเมืองแล้วมีแต่ที่จะขอให้ชาวภาคอีสานทั้ง 20 จังหวัด และภาคตะวันออก 5 จังหวัด ขอแต่แลนด์สไลด์ แต่ไม่เคยเห็นพรรคการเมืองใดเลยที่คิดว่าจะพัฒนาภาคอีสานให้พ้นความยากจน หรือนำเงินลงทุนมหาศาลไปพัฒนา ซึ่งไม่มีเลย มีแต่ พปชร.ที่ให้ความสำคัญกับชาวอีสาน ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีภาคอีสานไม่ได้รับการพัฒนาใดๆ เลย พปชร.จึงมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ จาก จ.บึงกาฬ ที่อยู่บนสุดของอีสานวิ่งตรงลงมาผ่านภาคอีสานทางตะวันออกทั้งภาค มาถึงท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และสนามบินอู่ตะเภา เพื่อเปิดโลกให้ชาวอีสาน
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับรถไฟทางคู่แบบใหม่ที่เราจะทำนั้น จะมีรางขนาด 1.435 ม.ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับรถไฟความเร็วสูง จะมีการสร้างทางหลวงพิเศษ 8 ช่องจราจร ตลอดแนวเส้นทางรถไฟ จะมีการสร้างนิคมอุตสาหกรรม ขนาด 20,000 ไร่ 6 แห่ง กว่า 6,000 โรงงาน โดยเป็นนิคมอุตสาหกรรมนำสมัย นอกจากนี้ จะมีการสร้างวิทยาลัยอาชีวะใกล้นิคมอุตสาหกรรม นิคมฯละ 2 แห่ง รวม 12 แห่ง เพื่อเตรียมแรงงานที่มีทักษะและคุณภาพรองรับอุตสาหกรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการพัฒนาท่าเรือบก ซึ่งจะเป็นพื้นที่รองรับผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากนิคมอุตสาหกรรมที่จัดตั้งขึ้นก่อนที่จะมีการขนส่งไปยังท่าเรือน้ำลึกที่ภาคตะวันออก
“หลายสิบปีที่ผ่านมา ชาวอีสานได้รับการพัฒนาอย่างเชื่องช้า มีแต่คนไปขอให้แลนด์สไลด์ แต่ยังไม่เคยได้ยินพรรคใดที่ตั้งใจที่จะไปพัฒนาภาคอีสานเพื่อลูกหลานอยู่ดีกินดี เราจึงขอแรงใจทั้ง 133 เขตให้กับ พปชร.เพื่อ พปชร.จะได้มีอำนาจในการมาพัฒนาภาคอีสาน และเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร.ทั้ง 133 เขต เพื่อให้ พปชร.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และใน 133 เสียง ที่เลือกเราเข้าไปในสภาจะไปยกมือสนับสนุนให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี ตนยืนยันว่าโครงการเหล่านี้ทำจริง ทำทันที แต่เราจะต้องมีนายกฯเป็นคนที่จะใช้อำนาจผลักดันโครงการดีๆ เหล่านี้ได้” นายสันติ กล่าว
นายสันติ กล่าวว่า สำหรับงบประมาณที่จะใช้ในการพัฒนาโครงการนี้ โดยเฉพาะการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการ โดยการดึงดูดนักลงทุนมาจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งเป้าหมายไว้ คาดว่าจะสามารถดึงดูดเงินลงทุนเข้าประเทศไทย 4.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐจะเป็นผู้เวนคืนที่ดินที่ต้องใช้ในการพัฒนานิคมแต่ละนิคมประมาณ 2 หมื่นไร่ เพื่อรองรับโรงงานประมาณ 1 พันโรงงาน โดยแต่ละโรงงานจะใช้เงินลงทุนประมาณ 750 ล้านบาท ทั้งนี้ มีหลายประเทศสนใจที่จะมาตั้งนิคมอุตสาหกรรมและดึงโรงงานเข้ามาประมาณ 1 แห่ง อาทิ จีน และประเทศในยุโรปที่สนใจเข้ามาตั้งโรงงาน
ส่วน นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า ขณะนี้ได้ยื่นนโยบายดังกล่าวต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว ผู้สื่อข่าวถามว่า โครงการนี้เพื่อเอามาแข่งกับแลนด์สไลด์ใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า จะมาชนะแลนด์สไลด์ ก่อนที่ นายสันติ จะกล่าวว่า นโยบายของเราอย่าไปใช้คำว่าแข่งกับแลนด์สไลด์ แต่นโยบายของเรามีความตั้งใจพัฒนาอีสานให้กับลูกหลานชาวอีสานมีศักยภาพ มีความสามารถ ก้าวข้ามความยากจน ฉะนั้นเรามั่นใจว่าชาวอีสานจะต้องเลือก พปชร.ทั้ง 133 เขต