Thursday, 2 May 2024
พรรคเพื่อไทย

‘ครอบครัวเพื่อไทย’ จัดเวทีใหญ่ ‘ระดมพลคนเจียงฮาย เพื่อไทยมาเหนือสุด’ 7 สิงหาคมนี้ เดินหน้าแลนด์สไลด์

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย แถลงถึงการจัดงานครอบครัวเพื่อไทย จังหวัดเชียงราย ในวันที่ 7 สิงหาคม 2565 ว่า เวทีครอบครัวเพื่อไทยจังหวัดเชียงราย ภายใต้ชื่อ ‘ระดมพลคนเจียงฮาย เพื่อไทยมาเหนือสุด’ ซึ่งจังหวัดเชียงรายไม่เพียงอยู่เหนือสุดในสยามเท่านั้น แต่พรรคเพื่อไทยซึ่งจะเดินหน้าไปสู่แลนด์สไลด์ ก็ต้องมาให้เหนือกลเกมกติกาหรือความพยายามเอารัดเอาเปรียบทั้งหลายจากฝ่ายผู้มีอำนาจ แต่ภายใต้หลักการและจุดยืนที่เราเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของประชาชนและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชนว่า จะร่วมกันนำพาประเทศพ้นจากอำนาจไม่ชอบธรรมและการบริหารที่ไร้ศักยภาพไปสู่อนาคตที่ดีกว่าด้วยกันจากการเลือกตั้ง 

นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เวทีครอบครัวเพื่อไทยจังหวัดเชียงราย จะเริ่มเปิดเวทีพบปะพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ 09.30 น. ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS เชียงราย โดยจะมีกิจกรรมการพูดจาปราศรัย การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านผสมผสานกับการแสดงสมัยใหม่ ซึ่งจะเป็นสีสันบรรยากาศ รวมไปถึงการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. และจะเป็นวาระที่พรรคเพื่อไทย จะได้บอกกล่าวเรื่องสำคัญกับพี่น้องประชาชน ทั้งแนวคิดนโยบายการส่งเสริมการค้าชายแดน การท่องเที่ยว การเป็นเมืองแฝดเชียงราย-เชียงใหม่ รวมไปถึงปัญหายาเสพติด ปัญหาชาติพันธุ์และปัญหาอื่นๆ ผ่านการสะท้อนของ ส.ส.และบุคลากรของพรรรค ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะยืนยันกับพี่น้องประชาชนว่าเรามองเห็นปัญหาและพร้อมจะนำพาพี่น้องประชาชนออกจากวิกฤต

'อนุสรณ์' เชื่อ!! แก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้บัตรใบเดียวทำยาก แต่รัฐบาลคิด

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าว อาจมีการเสนอแก้ไขรธน. กลับไปใช้บัตรใบเดียว ว่า แม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่เชื่อว่ารัฐบาลมีความพยายามในการแสวงหาสูตรเพื่อจะให้ได้ส.ส.เข้าสภาให้ได้มากที่สุด แม้จะต้องกลับไปกลับมา ทำลายภาพลักษณ์รัฐบาล เวลา 8 ปี ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำประเทศหนี้ล้น ประชาชนหนี้ท่วม ล้มเหลวแทบทุกมิติ จนเกิดแม่น้ำร้อยสายไหลรวมออกมาขับไล่ ประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีใครขอไปต่อกับพล.อ.ประยุทธ์ โพลสำนักต่างๆสะท้อนคะแนนนิยมของรัฐบาลตกต่ำลงอย่างหนัก ถ้ารัฐบาลขยันคิดหาสูตรแก้ไขวิกฤตประเทศได้ซักครึ่งหนึ่งของความขยันคิดหาสูตรการเลือกตั้งส.ส. ประเทศชาติและประชาชนคงไม่เดินมาถึงจุดนี้ กฎหมายลูกต้องเขียนให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมาตรา 91 การเขียนสูตรคำนวณ ส.ส. ขัดหลักกฎหมายทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศ 

รัฐบาลรู้ว่าเสี่ยงแต่ต้องขอลอง พรรคเพื่อไทยไม่กังวลว่าจะใช้สูตรไหนในการเลือกตั้ง แต่กังวลที่คุณค่าของสถาบันนิติบัญญัติถูกทำลาย และมองเป็นอื่นไปไม่ได้ว่ามีใบสั่งทางการเมืองอยู่เบื้องหลังการใช้เอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน การพลิกสูตรคำนวณ ส.ส. กลับไปกลับมา คือ เกมการเมือง เกมช่วงชิงอำนาจ เพื่อสืบทอดอำนาจให้ยาวนาน ด้วยกลไกลับลวงพราง แทรกแซงฝ่ายนิติบัญญัติ แม้จะส่งวินิจฉัยตีความ กลับจะกลายเป็นเครื่องมือในการยื้ออำนาจ ยื้อเวลาในการเป็นคานงัดกลไกฝ่ายนิติบัญญัติ และพร้อมจะพลิกกลับไปกลับมาอีกจนกว่าจะได้กติกาที่ผู้มีอำนาจพอใจ สิ่งที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันคือทำให้ผลเลือกตั้งครั้งต่อไปมีความหมายและสะท้อนเจตจำนงของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ แต่หากยังมีมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญ จะทำให้ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. มีสิทธิในการโหวตเลือกนายกฯ เท่ากัน ทั้งที่ส.ว.ที่ไม่มีส่วนยึดโยงประชาชน ไม่สอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตย ส่งผลต่อความชอบธรรมในการเข้าสู่อำนาจของนายกฯ

‘เพื่อไทย’ เตือนตู่ หยุดประเคน ‘กองทัพ’ ถลุงซื้ออาวุธ ชี้!! งบความมั่นคง 2 แสนลบ. ดูเกินความจำเป็น

‘พรรคเพื่อไทย’ เตือน ‘บิ๊กตู่’ หยุดประเคนงบฯ ความมั่นคง 2 แสนล้านบาทแก่กองทัพ หลังพบหลายส่วนงบประมาณเกินความจำเป็น ชี้ เวลานี้ชาวบ้านยังลำบาก ควรนำงบมาจัดสรรเพื่อดูแลประชาชนก่อน

นายนพพล เหลืองทองนารา ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 กล่าวว่า “ขอเตือนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เงินงบประมาณแผ่นดินเป็นเงินของประชาชน มีไว้เพื่อดูแลประชาชนไม่ได้มีไว้เพื่อซื้ออาวุธประเคนกองทัพ การซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ทั้งเครื่องบินรบ เรือดำน้ำและรถหุ้มเกราะของกองทัพ มันไม่มีความจำเป็นในช่วงที่ประเทศและประชาชนกำลังยากลำบากจากวิกฤตเศรษฐกิจและวิกฤตโรคระบาด ควรนำงบฯ ไปแก้วิกฤตและปัญหาให้ประชาชน ซึ่งเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่า” 

นพพล กล่าวอีกว่า ในการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมนั้น พบความพยายามจัดสรรเกินความจำเป็น ไม่ตรงกับวิกฤตปัญหา ไม่เกิดประโยชน์กับประชาชนและไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ประเทศ

ภูมิธรรม ซัด!! ประยุทธ์ ถึงเวลามียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน

23 สิงหาคม 2565 นี้ ‘ประยุทธ์’ จะครองอำนาจครบ 8 ปี จะได้รู้กันว่าใครสนับสนุนเป็นเนติบริกรคุ้มครองให้อยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป โดยไม่รู้จักอายและไม่สนใจว่าจะ ย่ำยี หลักการรัฐธรรมนูญซ้ำ ๆ ครั้งที่เท่าไหร่
...ถึงเวลา มียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน

ภูมิธรรม เวชยชัย 
ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
2 สิงหาคม 2565

ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โพสต์ข้อความหัวข้อ ‘สิงหาคม 2565 ประยุทธ์ ครองอำนาจที่ยึดมาจากประชาชน และเป็นนายกฯ ต่อเนื่อง ครบ 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญ ได้เวลา มียางอาย คืนอำนาจกลับไปให้ประชาชน’ ระบุว่า 8 ปี ภายใต้ระบอบการเมืองแบบ ‘ประยุทธ์’ ซึ่งใช้อำนาจที่ยึดมาจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งบริหารประเทศ 4 ปีกว่า แล้วจัดแจงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นฉบับ ‘เผด็จการอุ้มสม’ โดยอาศัยฐานอำนาจของ 3 ป. ทั้งส่วนของกลุ่มทุน ทหาร ข้าราชการเกษียณ จัดการเลือกตั้งสร้างกลไก ส.ว. และ พรรคการเมืองบางส่วนที่ไร้อุดมการณ์กลับคำที่ให้ไว้กับประชาชน ยกมือยอมให้ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี จัดตั้งรัฐบาลที่ไม่เคยใส่ใจทุกข์ยากของประชาชนเข้ามาบริหารประเทศต่อเนื่อง

‘ประยุทธ์’ เป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่เคยฟังเสียงประชาชน ไม่เคยมีนโยบายที่สร้างความหวังให้ประชาชนและประเทศชาติ จะมีก็แต่มาตรการเจียดเงินมาจ่ายแจกทีละน้อย คิดแค่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แบบ ‘ปัดปัญหาออกพ้นตัว’ มากกว่าการดำเนินนโยบายที่ส่งผลเชิงโครงสร้าง และภาพรวมของการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะปัญหาเหลื่อมล้ำซึ่งส่งผลในระยะยาว

การครองอำนาจยาวนานถึง 8 ปีภายใต้ฐานอำนาจ ฐานทุนที่จับมือร่วมกัน เป็นการบริหารที่สร้างผลประโยชน์ผูกขาดอย่างมหาศาลให้ประยุทธ์และพวกพ้อง เป็นการบริหารประเทศโดยผู้นำที่ขาดคุณสมบัติทุกประการ ทั้งความรู้ วิสัยทัศน์ มารยาท วุฒิภาวะทางอารมณ์ และความชอบธรรม

8 ปีภายใต้การบริหารของ ‘ประยุทธ์’ เราได้เห็นการทำสิ่งที่ผิดให้กลายเป็นถูก แบบหน้าไม่อาย ทำลายหลักนิติธรรม นิติรัฐ เพียงเพื่อให้ตัวเองและพวก ยังคงอยู่ในอำนาจต่อไปได้ พร้อมกับสกัดกั้นกลุ่มคนที่มีความเห็นแตกต่างในทุกรูปแบบ

วันนี้เราจึงได้เห็น วิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ไร้ความรับผิดชอบต่อประชาชนและหลักการประชาธิปไตย กลายเป็นรัฐธรรมนูญที่ซ่อนเร้นอำนาจและผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ ซึ่ง ‘ประยุทธ์และพวก’ ร่วมกันออกแบบ แก้ไข เปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญตามอำเภอใจ โดยไม่คำนึงถึงหลักการใด ๆ ทั้งที่รัฐธรรมนูญในประเทศประชาธิปไตยทั่วไปเป็นกฎหมายสูงสุด ใช้เป็นหลักในการปกครองของทุกประเทศ โดยให้เกียรติให้คุณค่ากับประชาชน เห็นประชาชนเป็นใหญ่ และต้องออกแบบให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน ดังนั้นรัฐธรรมนูญจึงเป็นเสมือนหลักยึด เพื่อให้เกิดระบบการเมืองที่สร้างสมดุลและคุ้มครองสิทธิ เสรีภาพตลอดจนผลประโยชน์ของทุกคนในสังคม

แต่…สำหรับรัฐธรรมนูญประเทศไทย ภายใต้การนำของประยุทธ จันทร์โอชา ที่ยกมือยิ้มร่ายอมรับว่าเป็นผู้นำรัฐประหาร อย่างหน้าชื่นตาบาน นอกจากจะยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้ง ยังสร้างรัฐธรรมนูญใหม่ที่จะควบรวมครอบอำนาจกลับมาไว้ที่ตนเองทั้งหมด ไม่เคยตระหนักรู้ว่าประชาชนส่วนใหญ่รู้สึกขมขื่นแค่ไหน ไม่เคยรู้ว่าสังคมโลกมองผู้นำประเทศไทยอย่างไร เพราะผู้นำคนนี้ ไร้สำนึกรู้ถึงความน่าละอายของการทำรัฐประหาร ที่เป็นต้นเหตุฉุดรั้งประเทศและคุณภาพชีวิตประชาชนทุกกลุ่ม ให้ตกต่ำถึงขีดสุด

ดังนั้นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวันนี้ จึงไม่ได้ทำเพราะผลประโยชน์ประชาชน แต่ใช้อำนาจ สั่งการแก้ไขเพื่อให้ตนและพวกพ้องอยู่ในอำนาจได้ยาวนานที่สุด ทำให้รัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ขาดความน่าเชื่อถือ ไร้หลักการประชาธิปไตย

….ประเทศไทย รัฐบาลไทย รัฐสภาไทย เราเดินมาถึงจุดนี้กันได้อย่างไร ?

คำตอบ คือ เพราะ 8 ปีของประยุทธ์นั้นกล้ากระทำการทุกเรื่องที่ผิดหลักการ ผิดกติกาได้เพราะถือดีว่า ‘พวกตนยึดกุมและควบรวมอำนาจการปกครองในประเทศ’ ไว้เพียงกลุ่มเดียว …ดังนั้น อยากทำอะไรก็ทำได้ไม่เกรงกลัวใคร เนื่องจากมีกลไก ส.ว. 250 คน ซึ่งล้วนเป็นอดีตผู้ใต้บังคับบัญชาและพวกพ้อง กำหนดให้มีอำนาจล้นพ้น สามารถ ควบคุมกติกา กำหนดตัวนายกรัฐมนตรี และทำทุกอย่างตามใบสั่ง โดยไม่ได้ตระหนักและคำนึงถึงเกียรติศักดิ์ศรีของตำแหน่ง ส.ว. แต่ทำให้กลายสภาพจากที่ปรึกษาในสภาฯ มาเป็นลิ่วล้อหุ่นยนต์ ยกมือเพื่ออุ้ม ‘ประยุทธ์’ คนเดียว

‘ส.ส.ชนก’ เมิน พปชร.บุกหนองคาย บอกดี จะได้มาตอบคำถามปชช. นโยบายที่หาเสียงไว้เมื่อไหร่จะทำได้จริง

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งปี 2544 เป็นต้นมา พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน จนมาเป็นพรรคเพื่อไทย จังหวัดหนองคายได้ส.ส.ยกจังหวัดมาโดยตลอด พรรคเพื่อไทยครองใจพี่น้องประชาชนคนจังหวัดหนองคายตลอดมามากกว่า 20 ปี เพราะนโยบายพรรคที่ใช้หาเสียงลงมือทำได้จริง แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนได้ตรงตามความต้องการ  ไม่ว่าจะเป็น 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง, หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP), หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน, หนึ่งอำเภอหนึ่งโรงเรียนในฝัน,หวยบนดิน, ครัวไทยสู่ครัวโลก, ประกาศสงครามกับยาเสพติด และอีกหลายนโยบาย ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชอบ เป็นนโยบายที่ทำให้พี่น้องประชาชนลืมตาอ้าปากได้ นอกจากนี้ ที่ผ่านมา ส.ส.จังหวัดหนองคายจากพรรคเพื่อไทยไม่มีบ้านใหญ่ ไม่มีนายทุน และการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็ได้คะแนนแบบถล่มทลาย

น.ส.ชนก กล่าวอีกว่า หลังการรัฐประหาร และการครองอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีข้อเปรียบเทียบจากการบริหารประเทศของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ที่ชัดเจน ตนรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐมาเยือนจังหวัดหนองคายในวันที่ 6 สิงหาคมนี้ เพราะท่านจะได้มาตอบคำถามที่พี่น้องประชาชนที่รอคอยมาตลอดจากนโยบายที่หาเสียงไว้เมื่อปี 2562 ไม่ว่าจะเป็นข้าวหอมมะลิ 18,000 บาท/ตัน, ข้าวเจ้า 12,000 บาท/ตัน, ยางพารา 65 บาท/ตัน, นโยบายมารดาประชารัฐ, ค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาท, เบี้ยเลี้ยงชีพผู้สูงอายุ 1,000 บาท/เดือน เมื่อไรจะเกิดขึ้นจริง และยิ่งตอนนี้ต้นทุนการผลิตทางการเกษตร ค่าครองชีพ เพิ่มสูงขึ้นทั้งหมด ตั้งแต่ปุ๋ยแพงยันเกลือแพง พรรคพลังประชารัฐในฐานะหัวหน้ารัฐบาลจะได้มาตอบคำถามพี่น้องประชาชน

‘ทิพานัน’ ติง เพื่อไทยโยงมั่วรัฐบาลสกัดม็อบ เอะใจ!! เหมือนรู้ล่วงหน้าม็อบจะเคลื่อนไหว

(3 ส.ค. 65) น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาแสดงความเห็นเชื่อมโยงกรณีรัฐบาลประกาศขยายพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน อีก 2 เดือน เพื่อสกัดกั้นม็อบขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กรณีดำรงตำแหน่งครบ 8 ปีว่า เป็นจินตนาการทางการเมือง เชื่อมโยงคนละเรื่อง เพื่อหวังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับการเคลื่อนไหวโจมตีทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เรื่องนี้ได้มีการประกาศไปนานแล้ว แต่เพิ่งลงเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา ไม่ใช่เพิ่งออกมาเพื่อควบคุมการชุมนุมเคลื่อนไหวในห้วงเวลานี้ แต่พรรคเพื่อไทยก็พยายามนำประเด็นดังกล่าว มาสร้างกระแสเรียกร้องความสนใจจากพี่น้องประชาชน

น.ส.ทิพานัน กล่าวว่าต่อ พรรคเพื่อไทยมีนักกฎหมายอยู่หลายคน ย่อมต้องเข้าใจหลักการของกฎหมายรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ที่ว่า “นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปีมิได้” นั้นจะต้องหมายถึงที่มาของนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ 2560 นี้ด้วย ที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาจากวิถีระบอบประชาธิปไตย มาจากการเป็นแคนดิเดตของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นพรรคที่ประชาชนลงคะแนนเสียงให้มากที่สุดในการเลือกตั้งปี 2562 ที่ผ่านมา และมาจากเสียงข้างมากของรัฐสภา ที่เสียงโหวตของ ส.ส. มากกว่ากึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฏรและเสียงโหวตของ ส.ว. ก็มากกว่ากึ่งหนึ่งของวุฒิสภาด้วยเช่นกัน 

‘เพื่อไทย’ แซะ ‘บิ๊กตู่’ โวเศรษฐกิจขยายตัว ทั้งที่บวกลบแล้ว ยังติดลบอยู่ถึง -4.6%

‘เพื่อไทย’ ติง ‘ประยุทธ์’ อย่าพูดเกินจริง เศรษฐกิจขยายตัวยังไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา ชี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบมา 3 ปีแล้ว ประชาชนลำบาก รายได้ลด ค่าใช้จ่ายเพิ่ม แนะ ฟื้นฟูเศรษฐกิจดีกว่าแจกเงิน คนอยากมีรายได้ที่มั่นคง 

นางสาวจุฑาพร เกตุราทร ว่าที่ผู้สมัคร สส. กทม. เขตบางรัก และ คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แย่งซีน สภาพัฒน์ฯ เร่งแถลงการขยายตัวในไตรมาสที่สองว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ทั้งที่โดยมารยาทแล้วต้องให้สภาพัฒน์ฯ แถลงข่าวก่อนในช่วงกลางเดือนสิงหาคมนี้ อย่างไรก็ตามอาจจะเป็นเพราะพลเอกประยุทธ์ถูกโจมตีเรื่องความล้มเหลวด้านเศรษฐกิจ จึงพยายามหาเรื่องเพื่อมากลบปมด้อย โดยที่อาจจะไม่ทราบเลยว่าการขยายตัวได้ 3.3% ไม่ได้แปลว่าดี ทั้งนี้เพราะเศรษฐกิจไทยในปี 2563 ทรุดหนักติดลบไปถึง -6.2% และปี 2564 เศรษฐกิจไทยแทบไม่ฟื้นเลย โดยขยายได้แค่ 1.6% ซึ่งบวกลบกันแล้ว ยังคงติดลบอยู่ถึง -4.6% ดังนั้น การขยายตัว 3.3% ก็ยังฟื้นไม่ถึงระดับที่ได้ตกลงมา แถมไตรมาสแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยขยายตัวได้เพียง 2.2% เท่านั้น ดังนั้น ครึ่งปีแรกปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้เพียงประมาณ 2.8% ซึ่งถือว่าต่ำมาก ไม่เห็นน่าจะภูมิใจถึงกับต้องเร่งแย่งแถลงข่าวแต่อย่างไร ทั้งที่ตอนต้นปีพลเอกประยุทธ์ยังโม้เองว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายได้ 4% ซึ่งคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้บอกแต่แรกแล้วว่ารัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะทำได้ไม่ถึงแน่ 

การที่ในปีนี้เศรษฐกิจไทยก็ยังขยายตัวได้ต่ำยังไม่ฟื้นกลับไปถึงระดับที่ได้ตกลงมา ทำให้เศรษฐกิจไทยอยู่ในแดนลบเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขนาดนักวิชาการของทีดีอาร์ไอยังยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยฟื้นช้าที่สุดประเทศหนึ่งของโลก  ส่งผลทำให้ทำไมประชาชนถึงรู้สึกลำบากกันอย่างมาก เพราะเศรษฐกิจติดลบทำให้รายได้ของประชาชนลดลง คนหาเงินไม่พอค่าใช้จ่ายที่จะเลี้ยงตัวเองแลครอบครัว หาเงินไม่พอผ่อนบ้าน ไม่พอผ่อนรถ ต้องกู้เงินมาประคองชีวิต กู้มาจ่ายค่าเล่าเรียนให้ลูกหลาน ทำให้หนี้ครัวเรือนพุ่งสูง อีกทั้งธุรกิจก็ย่ำแย่ หนี้สินรุงรังและพุ่งสูงขึ้นเพราะรายได้เข้ามาน้อยแต่รายจ่ายเพิ่ม แถมยังต้องมาเจอกับภาวะเงินเฟ้อ ข้าวของแพง ไข่แพง หมูแพง น้ำมันแพง ก๊าซหุงต้มแพง ไฟฟ้าแพง ปุ๋ยแพง ค่าขนส่งแพง ฯลฯ ซ้ำเติม ยิ่งทำให้ชักหน้าไม่ถึงหลัง ไม่รู้จะหารายได้ที่ไหนมาประคองชีวิตให้เพียงพอ อีกทั้งหากดอกเบี้ยขึ้นอีก ภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาเดิมอยู่แล้วให้ยิ่งหนักขึ้น ซึ่งพลเอกประยุทธ์ไม่ได้มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้เลย ปัญหาจะเพิ่มหนักขึ้น และ ประชาชนจะทนกันไม่ไหว

‘อุ๊งอิ๊ง’ หาเสียงกับชาวเชียงราย ‘ทักษิณ’ กลับไทย โวลั่น!! หากได้เป็นรัฐบาล ขอแค่ 1 ปี ปัญหาใหญ่จะถูกแก้

7 ส.ค.2565 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะแกนนำพรรคเพื่อไทย และครอบครัวเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยคณะแกนนำ คณะกรรมการบริหารพรรค ส.ส.เชียงราย และส.ส.ภาคเหนือ หลายจังหวัด เดินทางมาจังหวัดเชียงราย เพื่อจัดกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย "ระดมพลคนเจียงฮาย เพื่อไทยมาเหนือสุด" พร้อมกับเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต และระบบบัญชีรายชื่อ บางส่วน

ประกอบไปด้วยร.ต.อ. ดร.ธนรัช จงสุทธานามณี นายวิกรม เตชะธีราวัฒน์ น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ นายรังสรรค์ วันไชยธนวงศ์ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน นายอิทธิเดช แก้วหลวง และ น.ส.ละออง ติยะไพรัช

นางสาวแพทองธาร ปราศรัยช่วงหนึ่งว่า พี่น้องชาวเชียงรายสบายดีหรือไม่ ไม่ค่อยสบายใช่หรือไม่ ทำมาหากินลำบาก หนี้สินท่วมท้นใช่หรือไม่ ไม่เป็นอะไร ขอให้พี่น้องอดทนอีกนิด ถ้าวันนี้ทุกข์ยาก พรุ่งนี้ต้องดีขึ้นแน่นอน ถ้าพรรคเพื่อไทยได้กลับมาดูแลประชาชนอีกครั้ง รู้สึกเป็นเกียรติที่มาเยี่ยมชาวเชียงราย ชาวเชียงรายไม่เคยลืมพรรคเพื่อไทย เหมือนที่พรรคเพื่อไทยไม่เคยลืมชาวเชียงราย

หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กล่าวว่า คุณพ่อกับคุณอาฝากความคิดถึงมาให้พี่น้อง เพิ่งกลับจากการไปเยี่ยม ทั้ง 2 คน ดีใจที่ตนได้มาเชียงราย ทุกท่านทราบดีว่า นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคนเชียงใหม่ แต่คนในครอบครัวทั้งพี่เขย และพี่สะใภ้ เป็นคนเชียงรายแท้ๆ

"คุณพ่อตั้งใจว่า ถ้าได้มีโอกาสกลับมาเมืองไทย อยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน มีอะไรร่วมมือกันไม่ขัดแย้งกัน เพราะพี่น้องกำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจ สิ่งที่ตั้งใจให้เกิดขึ้นคือ ให้ประเทศก้าวไปข้างหน้า ให้พี่น้องพ้นจากความทุกข์ยาก"

‘เพื่อไทย’ ปัดดีล ‘พปชร.’ เล่นเกมล่มองค์ประชุม ลั่น!! หวนใช้หาร 100 เชื่อทางออกที่ดีที่สุด

(9 ส.ค. 65) ที่รัฐสภา นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย และโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่..) พ.ศ. .... รัฐสภา กล่าวถึงองค์ประชุมร่วมรัฐสภาในวันพรุ่งนี้ (10 ส.ค. 65) ว่า ยืนยันฝ่ายค้านไม่มีปัญหา เพราะจะลงชื่อเข้าร่วมประชุมตามปกติ ส่วนกรณีที่จะมีการทำให้องค์ประชุมล่มเพื่อให้การพิจารณาไม่ทัน 180 วัน และกลับไปใช้ร่างเดิมนั้น มองว่าฝ่ายค้านเป็นเสียงข้างน้อยคงไม่สามารถกำหนดอะไรได้ ต้องแล้วแต่เสียงส่วนใหญ่ว่าจะเอาอย่างไร แต่สำหรับพรรคเพื่อไทยยังยืนยันจุดยืนเดิมมาโดยตลอดในการใช้สูตรหาร100 คำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ถ้าทำตามนี้แต่แรกก็จบไปนานแล้ว ทั้งนี้ตนอยากให้ฝ่ายเสียงข้างมากในรัฐสภามีความชัดเจนและคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชน ส่วนกรณีที่หากเกินกรอบ 180 วันและสูตรหาร 500 จะตกไป เราคิดว่าเป็นช่องทางที่ดีที่สุดและช่องทางที่สะดวกที่สุดของฝ่ายเสียงข้างมากที่จะกลับมาหาร100 ทั้งนี้หากจะเดินหน้าหาร 500 พรรคเพื่อไทยก็ไม่มีปัญหาแต่เท่าที่ฟังมาหลายพรรคของฝ่ายรัฐบาลบอกว่าอยากจะกลับมาในทิศทางที่ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไข เรื่องนี้เดินไม่ถูกทิศมาบางส่วน ดังนั้นหากจะกลับมาถูกทิศก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า ที่บอกว่าไม่มีปัญหากับหาร 500 หมายความว่าเห็นด้วยแล้วใช่หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เรายืนยันมาตลอดว่าหาร 500 ขัดหรือแย้งต่อกฎหมาย แต่ถ้าจะดันไปข้างหน้าก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เพราะเป็นเสียงข้างมาก แต่เราไม่เคยคิดหรือกลับไปกลับมา ยืนยันว่าหาร 100 ตลอด ส่วนฝ่ายรัฐบาลจะทำอย่างไรก็ไม่กล้าจะคาดเดา

เมื่อถามว่า ได้ประเมินว่ากฎหมายลูกจะผ่านในวันพรุ่งนี้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า คาดเดายาก รอดูหน้างานเป็นหลัก เมื่อถามว่า หากการประชุมล่มจะสามารถชี้แจงเหตุผลต่อประชาชนได้หรือไม่ นายสมคิด กล่าวว่า เราสามารถชี้แจงได้ไม่มีปัญหา ให้เกิดขึ้นก่อน ตอนนี้ยังไม่เกิด เราได้แต่คาดการณ์

"สำหรับพรรคเพื่อไทยหากสูตรหาร 500 ผ่านวาระสาม จะยื่นเรื่องไปที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ซึ่งอาจจะเกิดได้ 2 กรณีคือ 1. การจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ และ 2. หน้าที่ของผู้แทนราษฎรคืออะไร โดยอีกส่วนหนึ่งเราเตรียมจะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าขัดหรือแย้งต่อกฎหมายหรือไม่ แต่หากร่างกฎหมายลูกตกไปในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ หรือทำไม่เสร็จภายใน 180 วัน เราก็คงจะพับแผลนี้ไว้เพราะได้กลับมาที่ร่างเดิมแล้วและเป็นร่างที่พรรคเพื่อไทยรับได้ ทั้งนี้ร่างกฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับที่ผ่านรัฐสภาในวาระแรกเสนอสูตรหาร100เหมือนกันหมด ไม่มีฉบับใดเลยที่เขียนว่าหาร 500 และที่ติด ๆ ขัด ๆ ก็เพราะเลือกหาร 500 ถ้าทำถูกหลักแต่ต้นก็จะไม่มีปัญหาเช่นนี้ ตนจึงอยากให้ทุกพรรคทุกคนที่เป็นกรรมาธิการเลิกคิดว่าพรรคเพื่อไทยได้เปรียบและพรรคเล็กเสียเปรียบ มาเริ่มต้นกันใหม่ พรรคใหญ่ก็มีคนมากเป็นธรรมดา พรรคเล็กตั้งใหม่มีขนาดเล็กก็ไม่เป็นไร กฎหมายนี้ไม่ได้ทำเพื่อให้ใครได้เปรียบเสียเปรียบ แต่ทำเพื่อพี่น้องประชาชนทั้งหมด เพื่อให้เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ" นายสมคิด กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันหรือไม่ว่าจะไม่เล่นเกมทำให้องค์ประชุมล่ม นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเล่นเกม พรรคเพื่อไทยทำองค์ประชุมล่มไม่ได้ถ้าเสียงข้างมากไม่ทำ พรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างน้อย

‘เพื่อไทย’ เมินแฉดีลลับจับมือ พปชร. ยันไม่ร่วมสังฆกรรม หาร 500 แต่ต้น

“เพื่อไทย” ย้ำ ไม่ร่วมสังฆกรรม กม.ลูกเลือกตั้ง หาร 500 เมินแฉดีลลับจับมือ พปชร. ดัน “บิ๊กป้อม” นั่งนายกฯ ซัด คนแฉหวังผลทางการเมือง ดิสเครดิตพท.

(10 ส.ค. 65) ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงท่าทีของพรรค พท.ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่…) พ.ศ…. ในวันนี้ว่า พรรค พท.ประกาศมาแต่ต้น และแสดงเจตจำนงอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนกฎหมายหาร 500 ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งกระบวนการวิธีการทุกอย่าง โดยมีบุคคลภายนอกใช้อำนาจบริหารมาก้าวก่ายอำนาจนิติบัญญัติ ทั้งนี้ขอย้ำว่าเรามีเจตนายับยั้งกฎหมายฉบับนี้ด้วยกลไกทุกวิธีการ ทั้งการไม่ร่วมเป็นองค์ประชุม การวอล์กเอ๊าท์ หรือการไม่ร่วมสังฆกรรมซึ่งแนวทางนี้ถือเป็นแนวทางสุดท้ายที่เรามีอยู่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top