Thursday, 2 May 2024
พรรคเพื่อไทย

คนภูมิใจไทย จัดหนัก ‘ฟลุก เดอะสตาร์’ หิวแสงปั่นข้อมูลเท็จ ‘กัญชา-วัคซีน’

นายพลพีร์ สุวรรณฉวี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองประจำนายอนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาตอบโต้ นายพชร ธรรมมล หรือ “ฟลุก เดอะสตาร์” ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ว่า…

เราต้องออกมาตอบโต้ในประเด็นที่ถูกกล่าวหา เพราะต้องปกป้องศักดิ์ศรีของพรรค แม้จะรู้ดีว่าการสื่อสารของเราจะถูกนักการเมืองเกรดต่ำ นำไปใช้หาแสงเข้าตัวเองก็ตาม เช่นที่กรณีนายฟลุก สื่อสารด้วยข้อมูลอันเป็นเท็จว่า มีข่าวเรื่องพบผู้เสียชีวิตจากกัญชา ในความเป็นจริงคือ ตั้งแต่วันที่เราปลดล็อก (9 มิ.ย. 65) ยังไม่พบรายงานตรงนั้นเลย สำหรับข่าวว่าพบหนึ่งเคสที่ กทม. ก็เป็นเรื่องโอละพ่อ เพราะพิสูจน์มาแล้ว ว่าเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว ไม่เกี่ยวกับกัญชา

นายพลพีร์ กล่าวว่าเรื่องนี้ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. และนายอนุทิน ทำความเข้าใจกับสังคมแล้ว ส่วนที่บอกว่ามีเด็กเข้าโรงพยาบาลเป็นจำนวนมากเพราะใช้กัญชา ช่วยสรุปมาให้ดูเป็นตัวเลขได้หรือไม่ หรือถนัดตีขลุมด่า แต่ไม่มีข้อมูล ทำตัวเป็นโฆษกตลาดล่าง เน้นสร้างดราม่า มากกว่าหาข้อเท็จจริง

“แล้วที่มาพูดเรื่องโกงจำนำข้าวนั้น ถามว่า ทำไมจะพูดไม่ได้ จริง ๆ ยิ่งต้องพูดให้มากเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่คือบาดแผลของประเทศไทย ในการใช้งบประมาณที่ล้มเหลว ผิดพลาด ไม่โปร่งใส ถึงขั้นที่นายกฯ ต้องหนี ผมจะขอใช้คำว่าให้ท่านได้ไปพักผ่อนต่างประเทศแล้วกัน เพราะก็มีความเคารพกันอยู่ ขณะที่รัฐมนตรี ต้องติดคุก แบบนี้ ยิ่งต้องพูด เพื่อเตือนว่า ใครที่ขึ้นมามีอำนาจก็อย่าริทำเช่นนี้อีก”

นายพลพีร์ กล่าวต่อว่า แล้วถ้าจะมาบอกว่าพรรคภูมิใจไทยมอมเมาเยาวชน แล้วพรรคคุณ สมัยหนึ่งเขาให้งบไปสร้างสนามฟุตซอลให้เยาวชนออกกำลังกาย ก็ยังไปโกงเงินชาติ เงินแผ่นดิน ศาลรับฟ้องไปแล้ว เวลานี้กำลังไต่สวน แบบนี้เรียกว่าหากินกับเด็กใช่หรือไม่ และคดีนี้ ก็มีครูมากมาย ที่ควรเป็นพ่อพิมพ์และแม่พิมพ์ สร้างอนาคตชาติ ต้องรับเคราะห์แทน เห็นแล้วสงสาร เหมือนกับคดีจำนำข้าว ที่มีคนมากมายต้องทำอัตวิบากกรมตัวเอง สังเวยความล้มเหลวของนโยบาย

'อรุณี' จี้รัฐเร่งแก้ค่าครองชีพ ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตรงจุด หลังสินค้าอุปโภคบริโภคพาเหรดขึ้นราคา แนะยอมรับความจริงทหารบริหารประเทศไม่ได้

ดร.อรุณี กาสยานนท์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน  ค่าไฟฟ้า สินค้าอุปโภคบริโภคปลายทางล้วนพาเหรดขึ้นราคา นับตั้งแต่ต้นปี 2565 จนถึงปัจจุบัน  น้ำมันเบนซินแก๊สโซฮอล์ 95 ปรับขึ้นแล้ว 28% ดีเซล บี 10 ปรับขึ้น 23%  ไข่ไก่ หมู แก๊สหุงต้มก็ปรับขึ้นเฉลี่ย 12-18%  รวมทั้งราคาข้าวสารถุง 5 กิโลกรัมปรับขึ้น 30 บาทหรือปรับขึ้น 18%  “ข้าวสารปรับเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่เกรงใจชาวนา”  เพราะราคาข้าวเปลือกที่เกษตรกรขายได้ ณ วันที่ 5 มิถุนายน 2565 อยู่ที่ตันละ 9,000 บาท  และปีที่ผ่านมาราคาข้าวไทยราคาตกต่ำมากที่สุดในรอบ 10 ปี  ซึ่งตรงกันข้ามกับราคาปุ๋ยที่แพง  เพราะรัฐบาลไปไม่เป็น บริหารไม่ได้ ผู้รับกรรมคือประชาชนคนไทยทุกคน 

‘เพื่อไทย’ แซะ ‘วันชัย’ อย่าตีโพยตีพายเกินจริง ‘อุ๊งอิ๊ง’ ไม่เคยเอ่ยเป็นแคนดิเดตนายกฯ สักครั้ง

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กวิพากษ์วิจารณ์ แนวทางแลนด์สไลด์ที่พรรคเพื่อไทยใช้ในการปราศรัยในกิจกรรมครอบครัวเพื่อไทย พร้อมพาดพิงถึงนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ว่าตำแหน่งนายกฯ ไม่ใช่ของเล่น ไม่ต้องรีบชิงสุกก่อนห่ามนั้น…

ขอขอบคุณสำหรับคำวิพากษ์วิจารณ์ของนายวันชัยที่ชี้แนะทางการเมืองให้กับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ที่เปิดรับทุกความคิดเห็นที่มีประโยชน์และสร้างสรรค์ นายวันชัยไม่ควรวิจารณ์เพียงเพราะต้องการดิสเครดิตหรือเกาะกระแสความนิยมของพรรคเพื่อไทยในขณะนี้ นายวันชัยควรจะใช้ความเป็นอาวุโสกว่าพูดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และควรหยุดการกระทำที่มีส่วนทำให้บ้านเมืองมาถึงจุดนี้  

เพราะที่ผ่านมานายวันชัยเป็นหนึ่งคนที่ทำผิดพลาดครั้งใหญ่มาแล้วในปี 2560 ที่พูดอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ให้ ส.ว. 250 คน มีสิทธิ์ร่วมในการโหวตคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งที่ ส.ว.เหล่านั้นไม่ได้รับอนุญาตจากประชาชนให้เข้ามา ทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นมรดกบาปที่นายวันชัยและพวกโรยกลีบกุหลาบไว้ให้พลเอกประยุทธ์และองคาพยพ ได้มาซึ่งอำนาจจนถึงปัจจุบัน

‘พิชัย’ ซัด ‘ประยุทธ์’ ไร้กึ๋นบริหารพลังงาน แนะเก็บเงินก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าอุตสาหกรรมเปโตรเคมีมาอุด

‘พิชัย’ สอน ‘ประยุทธ์’ เก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าอุตสาหกรรมเปโตรเคมี กก. ละ 5-8 บาทได้เงินเป็นหมื่นล้าน ทำได้ทันที ชี้ ออก 8 มาตรการแทบไม่ช่วยเหลือประชาชน หวั่นผู้นำไร้วิสัยทัศน์ที่ชัดเจน จะล้มละลายเหมือนศรีลังกา

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า สถานการณ์เศรษฐกิจของไทยยังน่ากังวลอย่างมากใน 4 ปัญหาที่คณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทยได้เตือนไว้แล้วตั้งแต่ต้นปีคือ ปัญหาราคาพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ และไฟฟ้า ปัญหาข้าวของแพงและอัตราเงินเฟ้อสูง ปัญหาหนี้ ทั้งหนี้ประเทศและหนี้ประชาชน และปัญหาดอกเบี้ยขาขึ้น โดยทั้ง 4 ปัญหานี้จะเป็นปัญหาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ได้ออก 8 มาตรการ โดยอ้างว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน แต่ในความเป็นจริงเป็นการช่วยเหลือที่น้อยมาก หรือแทบไม่ช่วยเลย ที่ช่วยก็ช่วยเฉพาะคนกลุ่มที่เล็กมาก แถมหลายมาตรการยังเป็นการซ้ำเติมมากกว่าจะเป็นการช่วยเหลือโดยขอวิเคราะห์ดังนี้

1. มาตรการช่วยแม่ค้าหาบเร่แผงลอย ที่ถือบัตรสวัสดิการของรัฐ และผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นค่าก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาท ซึ่งเท่ากับช่วยวันละ 3.33 บาท ซึ่งน้อยมาก 

2. มาตรการตรึงราคา NGV สำหรับแท็กซี่ ภายใต้โครงการลมหายใจเดียวกัน ซึ่งก็ดีแต่มีคนจำนวนไม่มากนักที่ได้ประโยชน์

3. วางกรอบขายปลีก  LPG ที่ 408 บาท / ถัง 15 กก. นี่ไม่ใช่ช่วยแต่เป็นการเพิ่มราคาก๊าซหุงต้ม เพราะปัจจุบันยังขายอยู่ที่ 363 บาท สำหรับถัง 15 กก.  โดยรัฐจะขึ้นราคาไปอีก 3 ครั้งจนถึง 408 บาทซึ่งไม่ใช่เป็นการช่วยเหลือเลย 

4. มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวโดยให้เอกชนสามารถนำมาหักภาษีได้ 1.5 เท่า เมืองรอง 2 เท่า แต่รัฐบาลกลับมีแนวคิดจะเก็บค่าเหยียบแผ่นดินคนละ 300 บาท ซึ่งเป็นการย้อนแย้งกับมาตรการนี้ ทั้งที่การดึงดูดเงินจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศน่าจะสำคัญและจะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวของไทยมากกว่า 

5. อุดหนุนราคาดีเซล 50% ในส่วนที่สูงเกิน  ลิตรละ 35 บาท นี่เท่ากับเป็นการประกาศว่าจะขึ้นราคาน้ำมันดีเซลเกินกว่าลิตรละ 35 บาท และอาจจะสูงเกินลิตรละ 38 บาทอีกด้วย ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือแต่อย่างใด 

6. ขอความร่วมมือจากโรงกลั่น ในการส่งกำไรจากส่วนต่างของน้ำมันเบนซินและดีเซล ซึ่งไม่แน่ใจว่าจะได้ผลไหม โรงกลั่นต้องไปถามผู้ถือหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ก่อนหรือไม่ ถ้าทำได้ก็ดี 

7. ช่วยเหลือมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เดือนละ 250 บาท หรือวันละ 8 บาทกว่าเท่านั้น แถมมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่ขึ้นทะเบียนมีเพียง 157,000 คนเท่านั้น 

8. ขอความร่วมมือประหยัดพลังงาน ยังงงว่านี่เป็นการช่วยเหลือได้อย่างไร 

ดังนั้นจะเห็นได้ชัดว่าทั้ง 8 มาตรการ แทบไม่ได้ช่วยเหลือประชาชนเลย แถมยังซ้ำเติมความยากลำบากอีกด้วย โดยเฉพาะเรื่องขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม และขึ้นราคาน้ำมันดีเซล เป็นการเพิ่มภาระอย่างชัดเจน

‘จิราพร’ ชี้ ‘บิ๊กตู่’ ติดกับดักกม. สมัยรัฐประหาร แถมไร้ฝีมือบริหาร ทำกองทุนน้ำมันขาดเสถียรภาพ

‘จิราพร’ ชี้ ‘ประยุทธ์’ ติดกับดักกฎหมายสมัยรัฐประหาร ทำกองทุนน้ำมันขาดเสถียรภาพ คนไทยต้องใช้น้ำมันแพงเดือดร้อนถ้วนหน้า

นางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 กล่าวถึง การพิจารณางบประมาณฯ เมื่อวันที่ (29 มิ.ย. 65) ว่าภายหลังการชี้แจงของกระทรวงพลังงาน  พบว่า ในสมัยรัฐบาล คสช. ซึ่งมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติที่มาจากการแต่งตั้ง ได้ออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2562 ซึ่ง มาตรา 26 ของ พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำหนดให้กองทุนต้องมีเงินเพื่อใช้ในการบริหารจัดการอยู่ไม่เกิน 40,000 ล้านบาท ส่วนที่เก็บได้เกินจากจำนวนที่กำหนดต้องนำส่งเข้าคลัง ซึ่งการจำกัดเพดานวงเงินกองทุนน้ำมันเช่นนี้กลายเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้สถานะกองทุนไม่แข็งแรงพอ เกิดปัญหาในการบริหารจัดการ เมื่อเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน จึงส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของคนไทยทุกคน

'พิเชษฐ' ชี้ พท.พลาด เหตุชูแลนด์สไลด์เร็วไป ทุกพรรคกลัวสอบตกจึงรวมหัวคว่ำสูตร 100 หาร

'พิเชษฐ' เผยเหตุ 'เพื่อไทย' ชูแลนด์สไลด์เร็วไป ทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลกลัวสอบตกจึงรวมหัวคว่ำสูตร 100 หาร เข้าทาง 'ประยุทธ์' ที่อยากใช้ 500 หารอยู่แล้ว พท.จึงเดินเกมพลาดเอง

(6 ก.ค. 65) นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม16 กล่าวถึงวิธีการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่มีแนวโน้มสูงจะใช้วิธีหาร 500 แทนการหารด้วย100 ภายหลังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แสดงท่าทีสนับสนุนการใช้ 500 หาร ว่า เหตุที่ทำให้วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พลิกเป็นหารด้วย 500 เพราะพรรคเพื่อไทยเคลื่อนเรื่องกระแสแลนด์สไลด์แรงเกินไป ยิ่งผลโพลหลายสำนักมาสมทบกระแสแลนด์สไลด์ให้แรงยิ่งขึ้น จนหลายพรรคกลัว โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลกลัวสอบตกต้องมารวมตัวกันใช้สูตร 500 หาร

"ที่เห็นชัดคือ พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นเจ้าของร่างแท้ ๆ และพรรคชาติไทยพัฒนาก่อนหน้านี้ยืนยันสนับสนุนใช้ 100 หาร แต่จู่ ๆ กลับลำใช้สูตร 500 หาร เพราะเห็นผลโพลแลนด์สไลด์ กลายเป็นเข้าทาง พล.อ.ประยุทธ์ที่อยากใช้ 500 หารอยู่แล้ว"

'ชญาภา' ชี้ 'ประยุทธ์' สุดอนาถสภาพเหมือน 'ยาหมดอายุ' สอบตกทุกด้าน ข้องใจเหตุใดกองเชียร์ยังกล้าหาญเทียบชั้นอดีตนายกฯทักษิณ ทั้งที่ไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน

นางสาวชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กองเชียร์ฝ่ายรัฐบาลขาประจำออกโรงอวดอ้างสรรพคุณรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยเปรียบเทียบว่าผลงานดีกว่ายุครัฐบาล ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีร้อยเท่า โดยใช้วาทกรรมซ้ำซากกล่าวหาโจมตี ดร.ทักษิณ แล้วยกยอว่าพลเอกประยุทธ์คือผู้เสียสละทำเพื่อประเทศชาติ เชียร์แบบไม่ลืมหูลืมตาทั้งที่อยู่มาจนจะครบวาระ แต่พลเอกประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรี ยังไม่เคยแม้แต่จะเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของตัวเองที่ยื่นกับ ป.ป.ช. โดยไร้การท้วงติง เท่านี้ก็สะท้อนให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสและไม่จริงใจต่อประชาชนแล้ว

นางสาวชญาภา กล่าวอีกว่า หากกล่าวถึงผลงานโดยรวมของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ เกือบ 8 ปีที่บริหารประเทศนั้น 'สอบตกในทุกด้าน' ไม่มีอะไรเป็นรูปธรรม นโยบายที่เคยหาเสียงไว้ก็ทำได้ไม่ครบถ้วน ความยากลำบากจึงตกอยู่กับพี่น้องประชาชน  แต่พลเอกประยุทธ์ยังดันทุรังอยู่ต่อ ทั้งที่โลกความเป็นจริงประชาชนคิดอย่างไร พลเอกประยุทธ์คงรู้อยู่แก่ใจดี แต่หากจะกล่าวถึงผลงานยุครัฐบาล ดร.ทักษิณ เรียกว่า 'ยุคประชาธิปไตยกินได้' ประชาชนอยู่ดีกินดี นโยบายยุคไทยรักไทยยังสร้างคุณูปการและประโยชน์กับพี่น้องประชาชนจวบจนถึงทุกวันนี้ เช่น โครงการ 30 บาท รักษาทุกโรคที่ทั่วโลกยอมรับ พลเอกประยุทธ์ ยังเคยนำไปพูดอวดอ้างบนเวทียูเอ็น ทั้งที่เคยตำหนิว่าเป็นภาระงบประมาณและไม่เคยให้ความสำคัญกับโครงการนี้ แต่ก็ไม่กล้ายกเลิก เข้าข่ายเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง หรือไม่ หรือเเม้เเต่การจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคในสมัยรัฐบาล ดร.ทักษิณ ประสบความสำเร็จอย่างสง่างามสมศักดิ์ศรีประเทศไทยจนถูกกล่าวขวัญว่าอาจเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชียที่น่าจับตามอง แต่น่าเสียดายที่ขณะนี้ประเทศไทยต้องมาเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคภายใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจ มีผู้นำไร้ความสามารถ เป็นรัฐบาลที่มีปมด้อย ไม่เป็นที่ยอมรับของนานาอารยประเทศ ถ้าเปรียบผลงานให้เห็นชัดเจนคือ เปรียบเสมือน 'มวยวัด กับ มวยสากล' คือ คนละชั้นกัน

ทั้งนี้ โพลล่าสุดจากศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพล ปรากฏว่า อันดับ 1 ร้อยละ 25.28 คนสนับหนุนนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ลูกสาว ดร.ทักษิณ นั่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองของประเทศ ส่วนพลเอกประยุทธ์คะแนนหล่นวูบรั้งท้าย ขณะที่พรรคเพื่อไทย คะแนนนิยมยังนำโด่งขาดลอย จนทำเอากองเชียร์ฝ่ายรัฐบาลพลเอกประยุทธ์พากันหวั่นไหวใจสั่น จนต้องหากลวิธีสกัดกั้นกระเเสเพื่อไทยแลนสไลด์ในทุกวิถีทาง แม้แต่โพลยังสู้ลูกไม่ได้ เหตุใดจึงมีความกล้าหาญไปเทียบรุ่นพ่อ สะท้อนว่าประชาชนเอือมระอาและต้องการความเปลี่ยนแปลงทีดีกว่าเป็นอยู่ทุกวันนี้

‘พงศกร - ประภัสร์’ หวนคอก ‘เพื่อไทย’ ร่วมดันแลนด์สไลด์อย่างถล่มทลาย

พรรคเพื่อไทย นำโดย นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร, นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมาและเลขาธิการพรรค, นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม.และโฆษกพรรค, นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พร้อมกับแกนนำพรรคเพื่อไทย ให้การต้อนรับ นายพงศกร อรรณนพพร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการและอดีตประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่พรรคไทยสร้างไทย และนายพัชรกร อรรณนพพร บุตรชายนายพงศกร พร้อมนายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย อดีตผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยและอดีตผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่า กทม. พรรคไทยสร้างไทย เข้าร่วมงานงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย 

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเชื่อว่าทั้งสองท่านจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนพรรคเพื่อไทยให้เป็นความหวังและสร้างโอกาสให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะนายพงศกร ที่จะเป็นกำลังสำคัญในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เพื่อไปสู่การแลนด์สไลด์ขอนแก่นในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง รวมไปถึงนายประภัสร์ ที่เป็นผู้มีความรู้ความสามารถทางด้านคมนาคมคนสำคัญ มาช่วยกันสร้างสรรค์นโยบายเพื่อพี่น้องประชาชน และสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นการส่งสัญญาณถึงผู้มีอำนาจว่าพรรคเพื่อไทยมีความพร้อม และมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถที่จะนำพาอนาคตพี่น้องประชาชนและประเทศชาติไปสู่ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชน

หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นปลื้ม!! กรี๊ดสนั่น!! หลังได้แนบชิด 'แจ็คสัน หวัง'

(9 ก.ค.65) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ 'อุ๊งอิ๊ง' หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า...

Thank you for choosing @rosewoodbangkok 💙 we hope you and your team have the best time here. ไม่แปลกใจเลยทำไม #พี่แจ๊ค ถึงมีแฟนคลับทั่วโลก นอกจากความสามารถล้นเหลือแล้ว ยังเป็นคนที่น่ารักมากๆ อีกด้วย ประทับใจจจจ 🥰 #jacksonwang

‘ก้าวไกล’ แจงละเอียดปม 'เล่นบทสองหน้า' ฉะ ‘เพื่อไทย’ ทำศรัทธาปชช.ต่อก้าวไกลวูบ

(9 ..65) นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส..บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิป พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความชี้แจงกรณีที่ประชุมรัฐสภา มีมติใช้สูตรหาร 500 คำนวณจำนวนส..บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมือง โดยมีรายละเอียดดังนี้…

ข้อเท็จจริง จากการประชุมวิปร่วมฝ่ายค้าน

ในการประชุมวิปของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ของเช้าวันอังคารที่ 5 กรกฎาคม เวลา10.00 น ณ ห้อง M1 หลังบัลลังก์ อาคารรัฐสภาโดยมีประธานวิปสุทิน คลังแสง เป็นประธานที่ประชุม และคุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว เข้าร่วม รวมถึงตัวแทนจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค

เลขาธิการพรรคก้าวไกล ชัยธวัช ตุลาธน ผม และส.. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ได้ยืนยันจุดยืนของพรรคก้าวไกลอย่างชัดเจนในที่ประชุม ว่าเราเห็นด้วยกับ สูตรหาร 100 ในแบบที่ ส..ปกรณ์วุฒิได้สงวนคำแปรญัตติ เพื่อให้แก้ไขปัญหา ส.. ปัดเศษที่เคยเกิดขึ้นในอดีต โดย ส..ปกรณ์วุฒิ ยังได้อธิบายในรายละเอียดของคำแปรญัตติ และวิธีการคำณวนให้ที่ประชุมได้รับทราบอีกด้วย

จึงเป็นที่มาที่พรรคก้าวไกล จะไม่ลงมติ “เห็นด้วย” กับร่างของกรรมาธิการที่ไม่มีการแก้ไข เพราะเป็นสูตรหาร 100 ที่ไม่ได้แก้ปัญหา ส.. ปัดเศษ

ซึ่งในที่ประชุม ผมยืนยันได้ว่า อย่างน้อย 2 ท่าน ที่รับทราบเจตนานี้เป็นอย่างดี ก็คือ คุณหมอชลน่าน และประธานวิปสุทิน เพราะเรายังถกกันต่อเนื่อง ว่า หากก้าวไกลยืนยันแบบนี้…

- การลงมติ ในคำถามที่ 1 และ 2 จะเป็นอย่างไร

- จะทำให้สูตรหาร 100 แพ้หรือไม่ เพราะเสียงของก้าวไกลจะไปรวมกับกลุ่มที่เอาสูตรหาร 500 ในคำถามแรก

ผมเองยังแสดงความเห็นว่า หากเรารวบรวมเสียงได้มากพอ ยังไงเราก็จะชนะในคำถามที่สองอยู่แล้ว ไม่น่าห่วง

(แต่หากเราชนะในคำถามที่หนึ่ง ก็จะได้สูตรหาร100 ที่ขาดความสมบูรณ์ ซึ่งต้องเรียนว่า พรรคก้าวไกล มีการหารือในที่ประชุม ส.. อย่างรอบคอบ ว่าเห็นด้วยให้ ส.. ปกรณ์วุฒิถอนคำแปรญัตติหรือไม่ แต่ที่ประชุมเห็นว่า สูตรหาร 100 แบบที่ ส..ปกรณ์วุฒิเสนอ จะสะท้อนเสียงของประชาชนได้อย่างแท้จริง เพราะแก้ไขปัญหา ส..ปัดเศษได้)

คุณหมอชลน่านยังได้เสนอให้ ส.. จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เป็นผู้เสนอต่อประธานในที่ประชุม ขอให้ตั้งคำถามแรก ในลักษณะที่ให้ ที่ประชุมจะเลือกอะไร ระหว่างหาร 500 กับ หาร 100 ไปเลย เพื่อให้ก้าวไกลสามารถมาโหวตร่วมกับเพื่อไทยตั้งแต่คำถามแรก อีกด้วย

นอกจากนั้น ในรายงานการประชุมวิป จะเห็นได้ว่า ไม่มีการบันทึกว่า มติของพรรคร่วมฝ่ายค้านในการลงมติประเด็นนี้คืออะไร เพราะหาข้อสรุปร่วมกันทุกพรรคไม่ได้

ผมเห็นว่า…

- การรายงานข่าวของสำนักข่าวต่างๆ ทั้งที่อ้างอิงและไม่อ้างอิง คนของพรรคเพื่อไทย มีความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงเป็นอย่างมาก

- การแสดงความเห็นของ พี่น้องประชาชน และ นักการเมือง ที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ก็มีความเข้าใจผิด

- แต่หากเป็นผู้ที่เข้าร่วมการประชุมวิป ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่า เข้าใจผิด หรือ จงใจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด??

ผมรู้สึกผิดหวังกับการตัดสินใจของเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา ที่เป็นการแก้ไขวิธีการคำณวนเพียงเพื่อเป็นนั่งร้านให้กับพลเอกประยุทธ์ในการสืบทอดอำนาจ หรือ เพื่อประโยชน์ส่วนตนมากกว่าหลักการที่ถูกต้อง

และผมจะเสียใจเป็นอย่างมาก หากสูตรหาร 100 จะไม่ผ่านสภา เพราะเสียงของ ส.. พรรคก้าวไกล และคงจะเข้าใจความรู้สึกของพรรคเพื่อไทย หากแพ้โหวตเพราะก้าวไกล

แต่จากผลการลงมติ ในคำถามที่สอง เราเห็นได้ชัดว่า เพื่อไทย / ก้าวไกล และเสียงของกลุ่มที่เห็นด้วยในสูตรหาร 100 มีไม่มากพอที่จะชนะ

หรือแม้กระทั่งว่า พรรคก้าวไกล จะยอมโหวต “เห็นด้วย” ร่วมกับในคำถามที่ 1 แล้วได้สูตรหาร 100 ที่ไม่สมบูรณ์ ก็ไม่สามารถชนะอยู่ดี


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top