Friday, 3 May 2024
พรรครวมไทยสร้างชาติ

อดีตผู้สมัคร สส.รทสช. โพสต์ ถ้าจะแก้ รธน. ให้แก้เป็นรายมาตรา ชี้ ร่างใหม่ทั้งฉบับ สิ้นเปลือง ชวนปชช. จับตา อย่าให้ใครเข้ามา หาประโยชน์

เมื่อวานนี้ (30 มี.ค.67) นายณัฐนันท์ กัลยาศิริ หรือ ทนายบอน อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า …

"รัฐธรรมนูญถ้าจะแก้เพื่อประชาชน แก้เป็นรายมาตราครับ เอาให้ชัดเลยจะแก้ตรงไหน เพื่ออะไร

ร่างใหม่ทั้งฉบับสิ้นเปลือง และไม่เห็นความจำเป็นอะไร นอกจากเพื่อหา สสร. เป็นพวกตัวเอง หาเสียงให้ตัวเอง หรือเพื่อหาช่องทางแสวงหาอำนาจให้ตัวเอง ... โดยอ้างประชาชน

จะแก้อะไรว่ากันให้ชัด ๆ เป็นจุด ๆ ประชาชนจะได้จับตาดู อย่าอาศัยลูกชุลมุนแสวงหาประโยชน์ให้ตัวเองครับ"

‘อัครเดช’ เอาจริง เตรียมลุยระยอง บุกตรวจสอบ โรงงานจีน หลังพบ ฝ่าฝืนกฎหมาย ‘การก่อสร้าง-ก่อมลภาวะ-ใช้นอมินีสวมสิทธิ์’

(31 มี.ค.67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยถึงกรณีโรงงานถลุงเหล็กของนักลงทุนจีน ที่จังหวัดระยองถล่มว่า ได้ขอให้ สส.ระยองที่เป็น กมธ.อุตสาหกรรมลงพื้นที่ไปเก็บข้อมูลมาเสนอ กรรมาธิการอุตสาหกรรมพิจารณา เพราะมีข้อมูลว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนมาลงทุนก่อสร้างโรงงานกระทำการผิดกฎหมายจำนวนมาก กมธ.กำลังติดตามพฤติกรรมของนักลงทุนจีนเหล่านี้ที่ฝ่าฝืนกฎหมาย มีข้อมูลว่ามีอยู่หลายราย ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต การประกอบกิจการผิดประเภท การก่อมลภาวะให้ชุมชน และการใช้นอมินีมาสวมสิทธิ์การประกอบกิจการ รวมถึงการทำผิดกฎหมายอื่นๆอีกหลายอย่าง

นายอัครเดช กล่าวว่า ล่าสุดพบว่ามีโรงงานของนักลงทุนจีนแห่งหนึ่งมีการขนย้ายและดำเนินการเรื่องกากแร่ที่เป็นวัตถุอันตรายที่ผิดกฎหมาย อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อสุขภาพของประชาชนอย่างมาก ซึ่งกรรมาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งกมธ.กำลังไล่ตรวจสอบโรงงานลักษณะนี้ทั่วประเทศ โดยตรวจสอบร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงอุตสาหกรรม ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีการจับกุมนักลงทุนจีนรายหนึ่งที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่จังหวัดชลบุรี และกำลังตรวจสอบอีก 2 แห่งในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดฉะเชิงเทรา

“เราพบว่ามีนักลงทุนจากประเทศจีนกระทำผิดกฎหมายอยู่หลายแห่ง ทำธุรกิจที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชน กรณีที่เกิดขึ้นกมธ.ได้เร่งเก็บข้อมูลเพื่อประชุมพิจารณาดำเนินการโดยประสานเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ทั้งกรมโรงงานอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการคดีและดำเนินการจับกุมต่อไป” นายอัครเดชกล่าว

เมื่อถามว่า การทำผิดลักษณะนี้ กมธ.ได้รับแจ้งข้อมูลจำนวนมากหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า กมธ.ได้รับแจ้งข้อมูลจำนวนมากมีทั้งอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริงของกมธ. อยู่ระหว่างการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ และที่ตำรวจจับกุมไปแล้วก็มี ล่าสุดที่จังหวัดสมุทรสาครทางกรมโรงงานอุตสาหกรรมคำสั่งให้หยุดประกอบกิจการชั่วคราวและมีอยู่อีกหลายรายที่กมธ.ได้ติดตามอยู่ กรณีจังหวัดฉะเชิงเทรา กมธ.อุตสาหกรรมได้ลงไปตรวจสอบอย่างจริงจังแล้ว

เมื่อถามว่า การที่เราเข้มงวดจะทำให้กระทบต่อการลงทุนของนักลงทุนจีนหรือไม่ นายอัครเดช กล่าวว่า ในระยะยาวเราต้องการนักลงทุนที่มีคุณภาพมาลงทุน ประเทศไทยไม่ต้องการนักลงทุนที่มาเอาเปรียบและทำร้ายคนไทยเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศในหลายๆด้านกมธ.กำลังตรวจสอบนักลงทุนจากจีนที่ทำผิดกฎหมายมีอยู่จำนวนมาก ที่ดำเนินการอยู่มี 5-6 รายแล้ว

เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าทางการจีนเข้าใจการดำเนินการของไทยหรือไม่ ประธานกมธ.อุตสาหกรรม กล่าวว่า ในอนาคตคงต้องหารือกับทางการจีนว่า ต้องคัดเลือกนักลงทุนที่มีคุณภาพ และให้ทางการจีนพิจารณาดำเนินการลงโทษคนที่ทำผิด ล่าสุดกมธ.ได้ประชุมร่วมกับบีโอไอ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และอีกหลายหน่วยงาน โดยได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นแก่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนแล้วทำผิดกฎหมายทำร้ายสุขภาพคนไทย ทำลายสิ่งแวดล้อมของไทยไม่ให้เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย โดยเสนอให้ภาครัฐยกเลิกวีซ่า และดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

'รัดเกล้า' ยก!! 'รมว.ปุ้ย-ปธ.กมธ.อุตฯ' แก้ปัญหาเร็ว ปมกากแร่แคดเมียม ตอกย้ำ!! ภาพคน 'รทสช.' พรรคอนุรักษ์นิยมรุ่นใหม่ที่เน้นทำมากกว่าพูด

(6 เม.ย.67) นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เผยว่า หลังจาก คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการลักลอบขน กากแร่แคดเมียมจากจังหวัดตาก มาที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2567 โดย นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ประธานคณะกรรมาธิการอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎรและ สส.ราชบุรี ได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา จึงได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการเป็นที่แน่ชัดว่า มีการขนกากแร่ที่มีอันตรายร้ายแรงโดยผิดกฎหมายจำนวนมากถึง 10,000 กว่าตัน มายังจังหวัดสมุทรสาคร จากนั้น กมธ.อุตสาหกรรม ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปจัดการกากแร่มีพิษอันตรายดังกล่าวอย่างเร่งด่วน 

พร้อมกันนั้น ได้ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบชี้แจงพี่น้องประชาชน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและเกิดความระมัดระวัง และในวันศุกร์ที่ 5 เมษายน 2567 ที่ผ่านมา นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้ลงพื้นที่พร้อมกับผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงใน พื้นที่บริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงงาน ในเขตอำเภอเมือง และเป็นที่กองเก็บถุงบิ๊กแบ๊กถึงประมาณ 1,400 ถุง ภายในมีกากเเร่แคดเมียมที่เป็นอันตรายร้ายแรงบรรจุอยู่ ซึ่งขัดต่อ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 ฝ่าฝืนกฎหมายประกอบการหล่อหลอมแคดเมียมโดยไม่ได้รับอนุญาต  

โดยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครได้ประกาศห้ามมิให้บุคคลใดๆ เข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดในพื้นที่โรงงานเป็นระยะเวลา 90 วัน เพื่อเป็นมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสุขภาพพี่น้องประชาชนเบื้องต้น

ทั้งนี้ สารแคดเมียมนั้น อันตรายมากหากเข้าสู่ร่างกายเพราะจะถูกนำไปเก็บสะสมไว้ใน ปอด ตับ และหมวกไต ทำให้เป็นหมัน กระทบต่อ ระบบเลือด ระบบประสาท กระดูกพรุน โรคต่อมลูกหมาก ความดันโลหิตสูง และมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ด้วย โดยสารแคดเมียมนั่นสามารถเข้าสู่ร่างกายทางปาก โดยการบริโภคอาหารที่มีการปนเปื้อนของแคดเมียม เช่น อาหารทะเล พืชผัก และ ทางจมูก โดยการหายใจเอาควัน หรือ ฝุ่นของแคดเมียมเข้าไป เช่น ในเหมืองสังกะสี

ในระยะเวลาดังกล่าว ที่ กมธ. การอุตสาหกรรม มุ่งมั่นเดินหน้าค้นหาความจริงให้ปรากฏและผลักดันทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องให้ตระหนักถึงปัญหาที่อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชน และติดตามการทำงานของทุกฝ่ายให้เกิดการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน

ล่าสุด นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ห้ามนำกากแคดเมียมเข้าสู่กระบวนการผลิต พร้อมทั้งอายัดกากแคดเมียม และส่วนของอื่นๆ ไว้ เพื่อตรวจสอบและดำเนินการจัดการกากเเร่อันตรายให้เป็นไปตามกฎหมาย อีกทั้งยังได้ออกคำสั่งย้ายอุตสาหกรรมจังหวัดตากมาช่วยราชการ ที่สำนักงานกระทรวงอุตสาหกรรมอีกด้วย

"รทสช. เราภูมิใจที่ได้ยืนหยัดเป็นเสาหลักในการเป็นที่พึ่งของประชาชน เราทำงานแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมาโดยตลอด และจะยังคงทำต่อไปอย่างไม่ลดละ พรรคเราคืออนุรักษ์นิยมรุ่นใหม่ที่ยึดแนวทางการทำงานแบบ Pragmatic คือเน้นทำมากกว่าพูด เน้นความจริงมากกว่าวาทกรรม ภายใต้สโลแกน สู้ให้ทุกปัญหา พึ่งพาได้ทุกเรื่อง การทำงานของ รมว.พิมพ์ภัทรา และ สส.อัครเดช ในกรณีนี้ ต้องย้ำว่า เกิดขึ้นได้จากความร่วมมือของทุกๆ ฝ่าย ตั้งแต่ระดับบริหารไปจนถึงระดับปฏิบัติการ  รทสช. ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการปกป้อง ดูแล และคืนความเป็นธรรมให้กับประชนที่ได้รับผลกระทบ เรารู้สึกยินดีและภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้" รองโฆษกฯ รัดเกล้า กล่าวเสริม

‘อัครเดช’ จี้ให้หาความจริง ‘สารแคดเมียม’ มีเท่าไร-อยู่ที่ไหน หวั่นฟุ้งกระจาย ย้ำ!! ต้องรอบคอบ-รัดกุม เพื่อความปลอดภัยของปชช.

(6 เม.ย. 67) นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ(กมธ.)การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงการตรวจพบสารแคดเมียมในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาสอบสวนให้เกิดความกระจ่างใน 2 ประเด็นคือ 1.จะจัดการกับสารแคดเมียมที่เหลืออยู่อย่างไร เพราะมีการแจ้งว่าขออนุญาตขนมา 15,000 ตัน แต่วันที่เจ้าหน้าที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาครเข้ามาชี้แจงต่อกมธ.แจ้งว่าพบมีกากแร่แคดเมียมประมาณหมื่นกว่าตัน ส่วนเมื่อวันที่ 6 เม.ย. กระทรวงอุตสาหกรรม บอกพบกากแร่ดังกล่าวแค่2,000กว่าตัน ทั้งในตัวอาคารและนอกอาคาร ดังนั้น เบื้องต้นต้องสรุปให้ได้ก่อนว่าระยะเวลานี้ผ่านมา 5-6 เดือนขนมากี่ตันแน่ และยังเหลืออยู่กี่ตัน ต้องบอกตัวเลขที่แท้จริงกับประชาชนให้ได้ก่อนเพื่อให้หายสงสัย

นายอัครเดช กล่าวว่า ต้องสอบสวนให้เกิดความชัดเจนเวลานี้สารแคดเมียมกระจายไปที่ไหนบ้าง และมีบางส่วนตามกลับมาแล้วหลังมีการเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการย้ายไปโรงงานอื่น แล้วตามกลับมา ตรงนี้เป็นปัญหาแน่นอน เพราะไม่อย่างนั้นจะไม่ทราบว่ากระจายไปที่ไหนบ้างจะได้จัดการกับกากแร่เหล่านั้นได้ถูกต้อง ที่สำคัญต้องมีการสืบสวนสอบสวนว่ามีการนำไปหลอมหรือไม่ตรงนี้ถือเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะ กระบวนการหลอมโลหะจะทำให้เกิดไอของสารแคดเมียม ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายต่อพี่น้องประชาชนได้

ประเด็นที่ 2 เรื่องการขนย้ายต้องไม่โลกสวยการออกคำสั่งทางปกครอง ให้ขนย้ายแล้วเสร็จภายใน7วันในทางปฏิบัติทำได้หรือไม่ สารแคดเมียมเป็นสารอันตราย การขนย้ายต้องมีการวางแผนเตรียมการอย่างดี ทราบล่าสุดพบถุงบรรจุกากแคดเมี่ยมบางถุงที่กองเก็บนอกอาคารมีการชำรุดและเกิดการรั่วออกมาของกากแคดเมี่ยมบางส่วน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าโลกสวยต้องไปดูว่าในทางปฏิบัติจะควบคุมในการขนย้ายอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชน ต้นทาง ระหว่างทาง และปลายทางได้ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือยัง เพราะสารแคดเมียมอันตรายมากเป็นสารก่อมะเร็งระหว่างขนย้ายมีการฟุ้งกระจายหรือมีน้ำฝนมาชะล้างก็ล้วนอันตราย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเข้ามาแก้ปัญหาอย่างรอบคอบรัดกุมเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด

ประเด็นที่ 3 ต้องเร่งหาคนทำผิดมาลงโทษให้ได้ถือว่าสำคัญมาก เพราะในEIA ระบุชัดกากเเคดเมียมเหล่านี้ไม่สามารถขนย้ายได้ แต่กลับมีการขนย้ายทั้งที่กฎหมายไม่อนุญาต เรื่องนี้กมธ.จะติดตามอย่างใกล้ชิด ติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว ปลอดภัยสร้างความเข้าใจกับประชาชน

“กรรมาธิการจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ไม่ได้ต้องการให้เกิดความตื่นตระหนก แต่ต้องการสร้างความตระหนัก ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปจัดการปัญหาอย่างจริงจัง ถ้าส่วนราชการบางหน่วยงานให้ความร่วมมือกับกมธ.อย่างจริงจังตั้งแต่แรกปัญหาคงจัดการได้ตั้งนานแล้ว แต่ที่ผ่านมาส่วนราชการก็เป็นอุปสรรคเสียเอง ในการสอบหาข้อเท็จจริงของกรรมาธิการอุตสาหกรรม เพิ่งมาให้ข้อมูลที่ชัดเจนเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งล่าช้าไปมาก ดังนั้นส่วนราชการต้องตื่นตัวในการเข้ามาแก้ไขปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อพี่น้องประชาชนให้มากกว่านี้ การที่ส่วนราชการทำงานล่าช้าทำให้ประชาชนตกใจเพราะข่าวที่ออกมาไม่ชัดเจน จึงมีคำถามจากประชาชนมากมาย”นายอัครเดชกล่าว

นายอัครเดช กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานเกี่ยวข้องออกมาชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ทำไมไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ แต่ประกาศเป็นเขตควบคุม มีความแตกต่างกันอย่างไร กมธ.ไม่ได้สนใจจะประกาศแบบไหน แต่ขอให้การแก้ปัญหาที่มีผลกระทบต่อประชาชนต้องมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งในปัจจุบันและอนาคต การไม่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติจะกระทบต่อสิทธิของประชาชนในอนาคตหรือไม่ถ้าประชาชนเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาในภายภาคหน้า แล้วจะเรียกร้องจากใคร นี่ก็เป็นคำถามที่ประชาชนฝากถามมา

อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 17 เมษายน กมธ.ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงอีกครั้ง ช่วงนี้ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน หวังว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่จะมาชี้แจงต่อกมธ.เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสาธารณชนร่วมกัน และขอขอบคุณนายกรัฐมนตรี และทุกภาคส่วนที่ได้ลงไปแก้ปัญหาให้ประชาชน

‘รมว.ปุ้ย’ สั่งปลัดอุตฯ-อธิบดีกรมโรงงาน เร่งฝังกลบ ‘กากแคดเมียม’  กำชับ!! ต้องตรวจสอบให้ละเอียด เพื่อความปลอดภัย ของประชาชน

(7 เม.ย.67) ตามที่ปรากฏเป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมาว่ากากแคดเมียมจากโรงงานในจังหวัดตากจำนวน 13,000 ตันเศษ ถูกขนออกจากพื้นที่ และพบกากแคดเมียมที่โรงงานในจังหวัดสมุทรสาครจำนวนประมาณ 2,500 ตัน ที่เหลืออีกกว่า 10,000 ตัน ไม่พบในบริเวณโรงงาน 

ซึ่งเรื่องดังกล่าว นางสาวพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้กรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ร่วมกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ตรวจสอบข้อมูลการขนย้ายตลอดจนแหล่งปลายทางการขนย้ายทั้งหมด เพื่อให้สามารถติดตามและนำกากแคดเมียมกลับไปฝังกลบที่ต้นทางจังหวัดตาก นั้น

ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ (6 เม.ย.67) นางสาวพิมพ์ภัทรา เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ บก.ปทส. ว่าตรวจพบถุงบิ๊กแบ็กจำนวนมาก กระจายอยู่ในพื้นที่โรงเรือน ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตำบลคลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี คาดว่าจะเป็นกองกากแคดเมียมที่มาจากโรงงานที่สมุทรสาคร โดยขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปทส. กรมโรงงาน อุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี กำลังตรวจสอบกองกากดังกล่าว เบื้องต้น นับได้ประมาณ 4,200 ถุง คาดว่าน่าจะมีน้ำหนักรวม ประมาณ 6,720 ตัน และได้ทำการยึดอายัดไว้เป็นที่เรียบร้อย

“ดิฉันจะได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และอธิบดีกรมโรงงาน อุตสาหกรรมเร่งจัดการนำกากแคดเมียมทั้งหมด กลับไปฝังกลบยังแหล่งต้นทางให้เร็วและปลอดภัยที่สุด พร้อมทั้งต้องตรวจสอบว่ายังคงมีกากแคดเมียม หลงเหลือในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ เพื่อคลายความกังวลให้กับประชาชน ซึ่งในวันนี้ สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดสมุทรสาคร ก็ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์โรงงานที่สมุทรสาครไว้กับ บก.ปทส.เรียบร้อยแล้ว” รมว.อุตสาหกรรม กล่าว

‘ธนกร’ ฟาดใส่ ‘ชัยธวัช’ เป็นถึงทนาย ควรดูข้อกฎหมายให้ชัด หลังออกมาพูด ‘ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค’ ชี้ มีเจตนาแอบแฝง

(7 เม.ย.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบัน ไม่มีข้อไหนให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ว่า ก่อนที่นายชัยธวัชจะออกมาพูดแบบชัดถ้อยชัดคำนั้นได้ศึกษาและดูรายละเอียดข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้วหรือไม่ จะเป็นไปได้หรือ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะยื่นคำร้องไปโดยไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ ตนเชื่อว่า กกต.ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบ

พรรคการเมืองนั้น รู้บทบาทและข้อกฎหมายเป็นอย่างดี และล่าสุดอดีตกกต. ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า นายชัยธวัชน่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนและหาก กกต.พบว่ามีพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองสามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทำการยุบพรรคได้ รวมถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคโดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาด้วย

เมื่อถามว่า แต่การออกมาพูดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค เหมือนเป็นการลดทอนความเชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ตนไม่ทราบเจตนาเบื้องลึกของนายชัยธวัช ว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ขอเรียกร้องให้ทั้งนายชัยธวัช และพรรคก้าวไกลไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ที่มีอำนาจหน้าที่ โดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่เป็นการสร้างความสับสน ไม่ไปลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมลง มองว่า ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันหากทำผิดก็ต้องรับโทษ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

“คุณชัยธวัช เรียนกฎหมายเป็นถึงทนายความ ก่อนจะพูดอะไรต้องไตร่ตรองและตรวจสอบความถูกต้องให้ดี ไม่ควรพูดเพื่อสร้างความสับสน ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงไม่แน่ใจว่าคุณชัยธวัชมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย หากทำผิดก็ต้องยอมรับ ไม่ควรไปก้าวล่วงศาล หรือใช้วาทกรรมด้อยค่า” นายธนกร กล่าว

'ธอส.' ขานรับ 'กฤษฎา รมช.คลัง' ลดอัตราดอกเบี้ย MRR 0.105% ต่อปี  มอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยให้ลูกค้าและประชาชน

(11 เม.ย.67) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ขานรับนโยบาย นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน เพื่อมอบเป็นของขวัญวันปีใหม่ไทยให้กับลูกค้าและประชาชน ประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR 0.105% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไป

ด้าน นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง มอบนโยบายให้ ธอส. สนับสนุนนโยบายรัฐบาล และกระทรวงการคลัง ในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าและประชาชน นั้น ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ ที่มีพันธกิจ ‘ทำให้คนไทยมีบ้าน’ พร้อมดำเนินการดังกล่าว

โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส. ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) 0.105% ต่อปี จากเดิม 6.90% ต่อปี ลดลงเหลือ 6.795% ต่อปี โดยให้มีผลบังคับใช้ดั้งแต่วันที่ 14 เมษายน 2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญเนื่องในวันปีใหม่ไทยให้กับลูกค้าและประชาชน ให้มีภาระค่าใช้จ่ายลดลง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ให้มีเงินเหลือเพียงพอในการดำรงชีพได้มากขึ้น ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย MRR ในครั้งนี้ของ ธอส. ถือว่าต่ำที่สุดในระบบสถาบันการเงินในปัจจุบัน

'นายกฯ' ชื่นชม!! แผนงานแก้ปัญหาจราจรจาก 'รทสช.ภูเก็ต' บูรณาการทุกภาคส่วน เกิดผลเป็นรูปธรรม 'ระยะสั้น-ยาว'

'เอกนัฏ-พิชชารัตน์' ลงพื้นที่ร่วมคณะนายกฯ ติดตามโครงการแก้ไขปัญหาจราจรในพื้นที่ จ.ภูเก็ต มีเป้าหมายจะยกระดับทั้งเกาะสมุย และภูเก็ตให้เป็นเกาะระดับโลก

(19 เม.ย. 67) นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นางพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ และนางนวลจันทร์ สามารถ คุ้มบ้าน อดีตผู้สมัคร สส.ภูเก็ต เขต 3 พรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานผลักดันเรียกร้องให้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาจราจรในภูเก็ตมาโดยตลอด 

ทั้งนี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลังได้ลงพื้นที่ จ.ภูเก็ต เพื่อตรวจติดตามรายงานสรุปโครงการก่อสร้างสะพานยกระดับ ทางหลวงหมายเลข 4027 (ทางเลี่ยงเมือง) ตอนบ้านเมืองใหม่ - แยกเข้าสนามบิน ระหว่าง กม.18+850 - กม.20+800 อ.ถลาง จ.ภูเก็ต โดยกล่าวชื่นชมและกล่าวขอบคุณผู้สมัคร สส.พรรครวมไทยสร้างชาติ และทุกคนที่มีส่วนร่วมในการทำงาน มีการทำแผนงานเกิดผลเป็นรูปธรรม ถือเป็นแผนงานที่เหนือความคาดหมาย เป็นการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการทั้งภาครัฐส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ตามความคาดหวังของประชาชนทั้งแผนระยะสั้นและแผนระยะยาว เพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

‘ธนกร’ ต้าน พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เหมารวมยกเข่ง ‘ม.110-ม.112’ ย้ำ!! จะขอค้านให้ถึงที่สุด จะให้ผู้ใดมาละเมิด ‘สถาบันเบื้องสูง’ ไม่ได้

(20 เม.ย.67) นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีนายชูศักดิ์ ศิรินิล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย สรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับคำนิยามเรื่อง 'แรงจูงใจทางการเมือง' และความผิด 25 ฐานที่มีมูลเหตุจากแรงจูงใจทางการเมืองใดว่าเข้าข่ายได้รับการนิรโทษกรรมบ้าง ตนขอให้พิจารณาไม่รวมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 และมาตรา 112 ซึ่งเกี่ยวกับการประทุษร้ายหมิ่นประมาทฯสถาบันพระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท ขอให้กมธ.อนุกมธ.พิจารณาให้รอบคอบ เพราะความผิดทั้ง 2 มาตรา เป็นความผิดร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงของรัฐซึ่งประมุขของประเทศ ซึ่งไม่สามารถยอมรับได้

นายธนกร กล่าวว่า ทั้งนี้แม้ว่าบางพรรคการเมืองได้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่รวมความผิดเกี่ยวกับมาตราดังกล่าวให้ได้รับการนิรโทษกรรมต่อสภามาแล้วก็ตาม แต่ตนขอย้ำในหลักการกฎหมาย ว่าไม่เห็นด้วย อย่างยิ่งและขอคัดค้านจนถึงที่สุด เนื่องจากสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้

“ขอเรียกร้องไปยัง กมธ.วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม พิจารณาตามหลักกฎหมายให้ดี ให้ถูกต้อง รอบคอบ เพื่อสรุปกำหนดนิยาม เรื่อง แรงจูงใจทางการเมือง ต้องไม่เหมารวมผู้กระทำความผิดร้ายแรงตามมาตรา110 และ112 ให้ได้รับการนิรโทษกรรม แต่หากกลับกันมีการเหมารวมยกเข่ง เชื่อว่าเรื่องนี้จะทำให้คนทั้งประเทศที่รักเทิดทูนและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์นั้นออกมาคัดค้านในเรื่องดังกล่าวอย่างแน่นอนรวมทั้งผมด้วย“นายธนกร ระบุ

‘ธนกร’ เชื่อปรับทัพ ครม.เศรษฐา 2 ผู้ใหญ่ดูตามเหมาะสม ยัน!! ไม่มีปัญหาภายในพรรค ทุกคนช่วยกันทำงานเพื่อปชช. 

(21 เม.ย.67) ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวปรับ ครม. ว่าสมัยหน้าจะได้เข้าร่วมหรือไม่ นายธนกร เผยว่า ไม่ทราบ ทุกอย่างอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ส่วนที่กระแสข่าวว่ามีความขัดแย้งภายในพรรคนั้น ยืนยันว่าไม่มี ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ทุกคนก็คุยกันดี ทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสมและผู้ใหญ่ภายในพรรค

เมื่อถามย้ำว่า กระแสข่าวความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติมาได้อย่างไร นายธนกร ย้ำว่า ตนไม่เข้าใจว่ามีข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ภายในพรรคไม่ได้มีความขัดแย้ง และแกนนำก็รู้จักกันมานาน สามารถพูดคุยกันได้ ที่ผ่านมาหัวหน้าพรรคเองก็ทำหน้าที่อย่างดี พูดกับสมาชิกเสมอว่าเมื่อถึงเวลาเหมาะสม ไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ทุกอย่างอยู่ที่ผู้หลักผู้ใหญ่ภายในพรรค

มองว่าเป็นการสร้างกระแสตีข่าวขึ้นมาหรือไม่นั้น ตนงงว่ามีปัญหาเกิดขึ้นได้อย่างไร ทั้งๆ ที่ไม่มี ทุกอย่างพูดจาได้ แต่ละคนที่อยู่ในกระแสข่าวก็เป็นรัฐมนตรีมาหมดแล้ว ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่สาระสำคัญ ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องทำงานให้กับประชาชน หลายอย่างดีขึ้น เอาเวลาไปทำงานให้กับประชาชนจะดีกว่า ทั้งนี้ การปรับ ครม. ในช่วงเดือนหน้า ก็ต้องถามกรรมการบริหารพรรค ตนเป็นรองหัวหน้าพรรค ไม่ใช่กรรมการบริหาร

เมื่อถามว่า มองการทำงานของพรรคในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาอย่างไร นายธนกร เผยว่า รัฐมนตรีทั้งสี่คนมีผลงานตลอด รวมถึง นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ ที่ถูกมองว่าไม่มีผลงาน ตนมองว่าท่านก็มี เพราะท่านดูแลในเรื่องของภาคเกษตร รวมถึง หัวหน้าพรรค รมว.อุตสาหกรรม รมช.คลัง ก็มีผลงาน ท่านทำงานดี

เมื่อถามถึงกระแสพรรครวมไทยสร้างชาติ อาจจะได้โควตารมต.กลาโหม นายธนกร ปฎิเสธว่า ไม่ทราบ

ส่วนจะมีข้อตกลงหรือไม่ว่า จะเป็นสมบัติผลัดกันชมหรือไม่ นายธนกร ย้ำว่า อย่าพูดแบบนั้น ในพรรคเราพูดกันตลอด หัวหน้าพรรคก็บอกตลอดว่าคนที่เป็นรัฐมนตรีไม่มีใครยึดติดในตำแหน่ง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะมีการสลับสับเปลี่ยน แต่เราไม่ได้เล่นเก้าอี้ดนตรี แค่เปลี่ยนแปลงการทำงานให้ดีขึ้นกว่าเดิม ที่ทำก็ดีอยู่แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมทุกคนก็สามารถเข้าสู่เป้าหมายได้

พร้อมยืนยันว่า ตนยังไม่ได้รับสัญญาณจากผู้ใหญ่ อีกทั้งสุขภาพไม่ค่อยดี ช่วงหลังก็อยู่บ้านติดตามข่าวสารตลอดเวลา ปกติจะลงพื้นที่ตลอด ตนทำงานในสภาก็เต็มที่


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top