Tuesday, 20 May 2025
พรรคประชาธิปัตย์

‘จุรินทร์’ นำทีม ‘ปชป.’ ปราศรัยใหญ่ อ้อนขอคะแนนชาวพิจิตร ลั่น!! ‘ปชป.’ พาประเทศชาติรอดได้ ย้ำ!! เคยพิสูจน์ให้เห็นแล้ว

‘จุรินทร์-ไพฑูรย์-นราพัฒน์’ ปราศรัยใหญ่พิจิตร ชูเลือกประชาธิปัตย์พาชาติรอด

(3 พ.ค. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ แก้วทอง ราษฎรอาวุโสของชาวจังหวัดพิจิตร อดีต ส.ส. และรัฐมนตรีหลายกระทรวง นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย) นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนล่าง มาร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่บริเวณโรงเรียนตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 พล.ท.ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ เบอร์ 3 เขต 2 พ.ต.ท.สามารถ แก้วทอง เบอร์ 6 เขต 3 นายวรวุธ แก้วทอง เบอร์ 1

โดยบรรยากาศในวันนี้ นอกจากมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนล้นสนามกีฬาโรงเรียนแล้ว ชาวพิจิตรยังเข้ามาขอถ่ายรูป มอบพวงมาลัย ดอกกุหลาบ เพื่อเป็นกำลังใจให้นายจุรินทร์อย่างคับคั่ง

นายจุรินทร์ ได้กล่าวปราศรัยว่า มาถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 10 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พี่น้องต้องตัดสินใจ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.มากที่สุดสำหรับเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องได้มากขึ้นเท่านั้น

นอกจากนี้ยังกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสแลนด์สไลด์ยาก ตามที่มีนักวิเคราะห์ รวมทั้งผลสำรวจโพลบอกตรงกันว่า เที่ยวหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองไหนแลนด์สไลด์เลยแม้แต่พรรคเดียว ดังนั้นเมื่อไม่มีพรรคไหนแลนด์สไลด์ก็แปลว่าไม่มีพรรคไหนจะสามารถรวมเสียงข้างมากเพื่อตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าทุกพรรคจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้พอ ๆ กัน ดังนั้นทุกเสียงจึงมีความหมายสำหรับประชาธิปัตย์

‘ปชป.’ ย้ำจุดยืนนโยบาย!! ไม่เอายาเสพติด-ไม่หนุนกัญชาเสรี ชี้!! ปรับปรุงการลดโทษหลังคำพิพากษา เป็นบทลงโทษสูงสุด

‘ปชป.’ เสนอจุดยืนนโยบายยาเสพติด ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ย้ำต้องปรับปรุงกระบวนการลดโทษหลังคำพิพากษา ผู้ผลิต – ผู้ค้า ให้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย 

(4 พ.ค. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ จตุจักร เบอร์ 14 พร้อมด้วย นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย ผู้สมัคร ส.ส. เขตวังทองหลาง บางกะปิ เบอร์ 1 และนายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตบางเขน จตุจักร หลักสี่ เบอร์ 5 ร่วมกันแถลงถึงจุดยืนของพรรคในนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 

โดย พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า จากปัญหายาเสพติดเป็นภัยคุกคามที่กระทบต่อชีวิต สังคม และประเทศอย่างรุนแรง พรรคประชาธิปัตย์จึงจัดทำโครงการ ฟัง - คิด - ทำ เพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชน และพบว่าปัญหายาเสพติด เป็นปัญหาสำคัญปัญหาหนึ่ง ดังนั้นพรรคจึงมีนโยบาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” พร้อมๆ ไปกับ นโยบายปราบทุจริต คอร์รัปชัน ซึ่งเป็นตัวทำให้เกิดวิกฤตชาติ และสาเหตุที่ 2 นโยบายดังกล่าวมีความเกี่ยวเนื่องกันนั้น เป็นเพราะปัญหายาเสพติดส่วนหนึ่งเกิดมาจากการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นหากเราสามารถแก้ปัญหายาเสพติด และปัญหาทุจริตได้ ก็จะทำให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน

พล.ต.ต.วิชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีผู้ติดยาเสพติดประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งทำให้มีการใช้สิ่งเสพติด จำพวกยาบ้า ยาไอซ์ เฮโลอีน และอื่นๆ มากกว่า 3 ล้านเม็ด และคิดเป็นการมูลค่าความสูญเสียกว่า 300 ล้านบาทต่อวัน ปีละไม่ต่ำกว่าแสนล้าน ซึ่งยังไม่รวมถึงงบประมาณสำหรับการป้องกัน ปราบปราม บำบัด รักษา ดังนั้นด้วยนโยบาย “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่เอายาเสพติด และไม่สนับสนุนกัญชาเสรี” จึงมีความจำเป็นต้องเริ่มต้นการแก้ไขตั้งแต่การเจรจากับต่างประเทศ การสกัดการส่งออกสารตั้งต้น การเพิ่มอำนาจ ป.ป.ส. ให้มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน ทำสำนวนเพื่อส่งอัยการฟ้องศาลได้ นอกจากนี้จะต้องมีการจัดตั้งและปรับปรุงสถานบำบัดในทุกจังหวัด โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้รับผิดชอบหลัก เพื่อให้เกิดกระบวนการสำหรับรักษา เยียวยา ฟื้นฟู และบำบัดสุขภาพของผู้ติดยาเสพติดให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ ส่วนแนวทางในการแก้ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชันนั้น จำเป็นที่จะต้องกำหนดกรอบโทษของผู้กระทำผิด ซึ่งทั้งผู้ก่อ ผู้สนับสนุน ผู้ช่วยเหลือ ต้องได้รับโทษสูงสุดเท่ากัน 

“พรรคประชาธิปัตย์ มีความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหายาเสพติดให้กับพี่น้องประชาชน ผมเชื่อมั่นว่าสิ่งที่พรรคได้ ฟัง- คิด- ทำ จะเกิดประโยชน์ได้ หากพี่น้องประชาชนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 ให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็จะสามารถขับเคลื่อนนโยบายจนประสบความสำเร็จได้ต่อไป” พล.ต.ต.วิชัย กล่าว 

‘ชวน’ นำทีม ‘ปชป.’ อ้อนขอคะแนนชาวสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ยัน!! ‘ปชป.’ อยู่มา 77 ปี ไม่เคยโกง ย้ำ!! เลือกคนสุจริตมาบริหารประเทศ

‘ชวน’ เดินเท้าหาเสียง อ้อนแม่ค้าพ่อค้าเมืองสุไหงโก-ลก เลือกทั้งคนทั้งพรรค

(4 พ.ค.66) นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะผู้สมัครรับเลือกตั้งระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทย นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หรือ ดร.เอ้ รวมทั้งนางวทันยา บุนนาค หรือมาดามเดียร์ ได้เดินเท้าลงพื้นที่ตลาดสดเก็นติ้ง เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เพื่อช่วยนายเมธี อรุณ หรือ เมธี วงลาบานูน ผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส เขต 2 เบอร์ 1 หาเสียง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมาช่วยลูกพรรคหาเสียงของนายชวน หลีกภัย ครั้งนี้ ได้แต่งตัวแบบเป็นกันเอง พร้อมกับชูนโยบายต่างๆ ที่ผ่านมา เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ การกู้เงิน กยศ. ให้เด็กได้เรียน รวมไปถึงนโยบายของผู้สมัครในพื้นที่ เพื่อขอคะแนนสนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคทั้งแบบแบ่งเขตและระบบบัญชีรายชื่อ เราอาจไม่รู้ว่าคนนั้นดีหรือไม่ดี พรรคการเมืองก็เช่นกัน ทุกพรรคมีนโยบายที่ดีทั้งสิ้น แต่จะดีหรือไม่ดีนั้น พิสูจน์ได้จากการทำงานว่า ทุจริตหรือโกงกิน

อีกทั้งได้เน้นย้ำถึงความเป็นสถาบันทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ที่อยู่มาได้ถึงวันนี้ ครบ 77 ปี ด้วยการยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งได้รับความสนใจจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนที่เดินทางมาจับจ่ายอาหารในตลาดสด โดยบางรายได้ถือโอกาสมอบดอกไม้และผลไม้ ให้นายชวนได้นำไปรับประทาน พร้อมทั้งได้ขอถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก

นอกจากนี้ นายชวน และคณะ ได้ขึ้นรถบรรทุก 10 ล้อของพรรค ไปตามถนนภายในเขตเทศบาล ในการขอสนับสนุนคะแนนเสียงเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชน รวมทั้งผู้ประกอบการ ที่ได้มีการโปรยมือทักทายนายชวน และคณะ ตลอดเส้นทางที่รถยนต์ผ่าน ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้มที่ไม่คิดว่านายชวน จะลงพื้นที่หาเสียงเองให้กับทางพรรค

และจุดสุดท้ายที่นายชวน และคณะ ได้เปิดปราศรัยย่อที่บริเวณลานอเนกประสงค์ หน้าสถานีรถไฟสุไหงโก-ลก โดยมีการสลับปรับเปลี่ยนกันปราศรัยหาเสียงของ นายนิพนธ์ นายสุชัชวีร์ นางวทันยา และนายเมธี ซึ่งได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนจำนวนกว่า 2,000 คน ได้เดินทางมารับฟังนโยบาย

นางวทันยากล่าวปราศรัยว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายไม่เซ็กซี่เหมือนพรรคอื่นๆ ท่านรู้มั้ยว่าเราเป็นหนี้จากการกู้ยืมเงินของรัฐบาลเท่าไร หนี้นับ 10 ล้านล้านบาท ใครเดือดร้อนพวกท่านๆ ที่นั่งตรงนี้เดือดร้อน ส่วนใหญ่ต้องไปพึ่งการกู้หนี้ยืมเงินนอกระบบ แล้วท่านจะลืมตาอ้าปากได้เมื่อไหร่ นอกจากนี้ นโยบายกัญชา ถามว่าตนเอาไหม บอกเลยว่าไม่เอา มีเพียงอย่างเดียวใช้ในทางการแพทย์ ส่วนกัญชาเสรีนั้น ดูซิคนหรือเยาวชนใน กทม.ติดกัญชากันจนผู้ปกครองบ่นว่าเดือดร้อน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะต่อต้านเรื่องกัญชาเสรี

ด้าน นายนิพนธ์ขึ้นปราศรัยใจความได้ว่า ถ้าเลือกพรรคประชาธิปัตย์ สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ การติดอินเตอร์เน็ต 1 ล้านจุดทั่วประเทศ จุดประสงค์หลักคือ นักเรียนสามารถใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อการเรียนการสอนที่สะดวก แม้แต่ในโรงเรียนหรือทางบ้าน เราต้องให้ความสำคัญต่อการศึกษาของเยาวชน

ด้านนายชวนกล่าวปราศรัยใจความว่า เล่นการเมืองรับใช้พี่น้องประชาชนมาเกือบทั้งชีวิต ซึ่งคนของพรรคทุกคนไม่เคยโกงกินหรือติดคุก เราซื่อสัตย์ต่อพี่น้องประชาชน นโยบายต่าง ๆ ที่สมัยเป็นนายกรัฐมนตรี การสร้างรถไฟรางคู่ซึ่งก็ได้คืบหน้าไประดับหนึ่ง แต่เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นแกนนำรัฐบาล นโยบายต่าง ๆ จึงถูกโละทิ้ง ถือว่าไม่ใช่นโยบายของพรรคนั้น ๆ เขาก็ไปพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขา ภาคใต้บ้านเราจึงไม่เจริญเท่าที่ควรจะเป็น

‘ปชป.’ แจง!! ปมมือดีบิดเบือน แคปรูปปราศรัยขณะเคารพธงชาติ ย้ำ!! ไม่เคยโหนสถาบัน เตรียมแจ้งความเอาผิดผู้กระทำเสียชื่อเสียง

(5 พ.ค. 66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย พร้อมด้วย นายจิตกร บุษบา ทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง และ ดร.รุจชรินทร์ ทองใหญ่ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ทีมกฎหมายพรรคร่วมกันแถลงข่าวต่อกรณีที่มีผู้ใช้งาน เฟซบุ๊กโพสต์ภาพจากการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่จังหวัดภูเก็ตบนโลกออนไลน์ โดยใช้ภาพและเนื้อหาเพียงบางส่วน ทำให้สังคมเข้าใจผิดไปว่ามีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียงทางการเมือง ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริงโดยสิ้นเชิง หวังผลให้การกระทำดังกล่าวส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ 

นางดรุณวรรณ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และมีความเคารพใน 3 สถาบันหลักของชาติ พร้อมกับยืนยันว่าพรรคไม่มีแนวคิดในการนำสถาบันกษัตริย์มาข้องเกี่ยวในทางการเมือง ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นบนเวทีปราศรัยใหญ่ของพรรคที่จังหวัดภูเก็ต พร้อมกับจะดำเนินการตามมาตรการทางกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิของพรรคต่อไป 

โดย ดร.รุจชรินทร์ กล่าวว่า เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา พรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต เมื่อการปราศรัยดำเนินมาถึงเวลา 18.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลายืนตรงเคารพธงชาติ ผู้จัดงานได้มีการเปิด VTR เพลงชาติที่มีการเผยแพร่ตามสื่อสาธารณะโดยทั่วไป แต่มีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กชื่อ Nat Thanakitamnuay ได้จับภาพเฉพาะช่วงเวลาหนึ่งของเวทีปราศรัยที่ฉากหลังของเวทีปราศรัยกำลังเปิดภาพ VTR เพลงชาติไทย ขณะที่ VTR ดังกล่าวกำลังแสดงภาพพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยระยะเวลาไม่ถึง 3 วินาที จากนั้นมีการนำภาพดังกล่าวมาโพสต์ที่เฟซบุ๊กของตนเอง พร้อมกับทำทีเป็นตั้งคำถามว่า “นำกษัตริย์มาหาเสียงได้หรือ” ซึ่งการกระทำดังกล่าว ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับความเสียหายถูกดูหมิ่นเกลียดชัง เนื่องจากทำให้ผู้พบเห็นเข้าใจไปได้ว่า พรรคฯ จงใจใช้ภาพดังกล่าวเป็นฉากหลังบนเวทีหาเสียง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้น การลงภาพลักษณะนี้โดยไม่ลงรายละเอียดข้อความให้ครบถ้วน ถือเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง ทำให้คนเข้าใจผิดอันจะส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ทำให้เกิดความเสียหายได้ 

ดังนั้นจึงขอให้ผู้โพสต์และผู้ที่แชร์ภาพดังกล่าว รวมถึงผู้ที่กดไลก์ ได้หยุดการกระทำนั้น เนื่องจากพรรคเตรียมดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย ซึ่งหากยังมีการกดไลก์ กดแชร์ภาพดังกล่าวต่อไป จะทำให้มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 อนุ 5 ที่ระบุว่า…ใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร หรือพรรคการเมือง 

ด้านนายจิตกร กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากสติปัญญา หรือทัศนคติของผู้บิดเบือน เพราะเมื่อดูจากข้อเท็จจริงจะพบว่า เราอยู่ในสังคมไทยที่เวลา 8.00 น. และ 18.00 น. เป็นเวลาเคารพธงชาติ ซึ่งจะมีการเปิด VTR หรือ มิวสิกวิดีโอ ที่ทางการเป็นผู้ผลิตขึ้น และฉายตามสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ จากการที่พรรคประชาธิปัตย์เปิดเวทีปราศรัยที่ สะพานหิน จ.ภูเก็ต เมื่อถึงเวลา 18.00 น. ผู้ปราศรัยในเวลานั้นคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่คนไทยทุกคนพึงกระทำโดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นสถาบันการเมือง จึงได้หยุดการปราศรัย เพื่อเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันเคารพธงชาติ โดยภาพที่ปรากฏบนเวทีก็คือ VTR หรือมิวสิกวิดีโอที่เป็นทางการและมีใช้กันอย่างแพร่หลาย ไม่ใช่มิวสิกวิดีโอเพื่อการขอคะแนน รวมทั้งไม่ใช่ภาพที่เป็นฉากหลังของเวทีปราศรัย แต่เป็นช่วงเวลาเพียง 2-3 วินาที จาก VTR ดังกล่าว 

“ขอยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์ทำการเมืองอย่างสุจริต ตรงไปตรงมา เรามีความจงรักภักดี เทิดทูนสถาบันหลักของประเทศ ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ การเชิญชวนประชาชนเคารพธงชาติในเวลา 18.00 น. จึงเป็นเรื่องปกติที่วิญญูชนพึงกระทำ และเมื่อจบการเคารพธงชาติ การปราศรัยโดยนายอภิสิทธิ์ ก็ดำเนินต่อไปด้วยเรื่องอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกล่าวถึงสถาบันพระมหากษัตริย์เลย ดังนั้นเหตุการณ์นี้จึงเป็นความจงใจใส่ร้าย บิดเบือน จูงใจให้เกิดความเข้าใจผิดต่อการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์อย่างชัดเจน” นายจิตกร กล่าว 

‘จุรินทร์’ ปราศรัยใหญ่ที่กระบี่ ช่วย ‘สาคร-น้ำผึ้ง-เคี่ยง’ หาเสียง ย้ำ!! คนกระบี่มีศักดิ์ศรี อย่าให้ใครซื้อได้ มั่นใจ!! ‘ปชป.’ ชนะยกทีม

(5 พ.ค. 66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาร่วมปราศรัยใหญ่ ชู 3 ผู้สมัคร ส.ส.กระบี่ ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย

เขต 1 นายธนวัช ภูเก้าล้วน (เคี่ยง) เบอร์ 3
เขต 2 นายสาคร เกี่ยวข้อง (สาคร) เบอร์ 5 
เขต 3 ดร.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล (น้ำผึ้ง) เบอร์ 5

นอกจากนี้ ยังมีผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ร่วมขึ้นเวทีอย่างคับคั่ง อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตหัวหน้าพรรค, นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค, น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง, ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย และนายทวีเกียรติ ใจดี

บรรยากาศการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อนายจุรินทร์ เดินทางถึงบริเวณลานประติมากรรมปูดำ เทศบาลเมืองกระบี่ มีพี่น้องประชาชนขอจับมือ ขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ส่งยิ้มให้กำลังใจ พร้อมกับอวยพรให้นายจุรินทร์ เป็นนายกรัฐมนตรี

‘ลูกหมี’ ขอคนไทยเลือก ‘ปชป.’ เป็นผู้นำ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ ย้ำ!! พรรคทำงานด้วยวิถีประชาธิปไตย ‘ไม่โกง-สุจริต-ท้องอิ่ม’

(6 พ.ค. 66) น.ส.รัศมี ทองสิริไพรศรี รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และทีมโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้ง กล่าวถึงเหตุผลที่พี่น้องประชาชนต้องเลือกพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเป็นการเลือกตั้งที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงประเทศได้ อย่าเพียงเลือกไปตามกระแส เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องมีผู้นำที่มีประสบการณ์ จึงจะสามารถนำพาประเทศไปรอดได้

ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคการเมืองเดียวที่เป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน และนำเสนอนโยบายครอบคลุมคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย ด้วย 3 แกนหลัก คือ ‘สร้างเงิน’ คือ การสร้างเงินให้คนไทย สร้างเงินให้ประเทศ ‘สร้างคน’ ด้วยการศึกษา สาธารณสุข เพื่อให้คนไทยมีศักยภาพในการรักษาเงิน และทำงานเพื่อสร้างเงินให้ตนเองและครอบครัวได้ต่อไปในอนาคต ‘สร้างชาติ’ ด้วยการปกครอง ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยึดมั่นทำงานการเมืองด้วยวิถีประชาธิปไตยสุจริต และประชาธิปไตยท้องอิ่ม 

และภายใต้ 3 แกนหลักดังกล่าว ประกอบด้วย 16 นโยบายที่โดดเด่น สำหรับคนทุกกลุ่ม ดังต่อไปนี้

1.) ประกันรายได้ ‘จ่ายเงินส่วนต่าง’ ข้าว มัน ยาง ปาล์ม ข้าวโพด
2.) ชาวนารับ 30,000 บาทต่อครัวเรือน
3.) ธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท
4.) อินเทอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด ทุกหมู่บ้าน ทุกห้องเรียน
5.) เรียนฟรีถึงปริญญาตรี สาขาที่ตลาดต้องการ
6.) ฟรีนมโรงเรียน 365 วัน
7.) ตรวจสุขภาพฟรี รักษาฟรี ใช้บัตรประชาชนใบเดียว
8.) SME มีแต้มต่อ 3 แสนล้าน
9.) ชมรมผู้สูงอายุ รับ 30,000 บาท ทุกหมู่บ้าน ทุกชุมชน
10.) ออกโฉนดที่ดิน 1 ล้านแปลง ภายใน 4 ปี
11.) ออกกรรมสิทธิ์ทำกิน ให้ผู้ทำกินในที่ดินของรัฐฯ
12.) ประมงท้องถิ่นรับ 100,000 บาท ทุกปี
13.) ปลดล็อกประมงพาณิชย์ ภายใต้ IUU
14.) ปลดล็อก กบข. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ให้ซื้อบ้านได้
15.) 3 ล้านบาท ต่อยอดเกษตร แปลงใหญ่
16.) ค่าตอบแทน อกม. 1,000 บาทต่อเดือน   

น.ส.รัศมี กล่าวอีกว่า ยังมีนโยบายอื่น ๆ อีกที่น่าสนใจ อาทิ การวางรากฐานศึกษาด้วย CODING ซึ่งการศึกษาเป็น DNA ของพรรคประชาธิปัตย์ นโยบาย Delta work Thailand กรุงเทพต้องไม่จมน้ำ และการประกาศสงครามกับปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 การผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด นโยบายเกี่ยวกับสตรี 5 ด้าน เพื่อเสริมเก่งสร้างแกร่งให้ผู้หญิง ขจัดความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และครอบครัว ตั้งแต่ด้านกฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายเพื่อสร้างสังคมเสมอภาค ส่งเสริมผู้หญิงเป็นพลังทางเศรษฐกิจ วางรากฐานการศึกษา และส่งเสริมให้ผู้หญิงเข้ามามีบทบาททางการเมือง

‘นิพนธ์’ ขอแฟนคลับ ‘ประชาธิปัตย์’ อย่าหวั่นไหวไปตามกระแสโพล ปลุกคนไทยแสดงพลัง 7 และ 14 พ.ค.นี้ เลือก ปชป.ทั้งคนทั้งพรรค

(6 พ.ค. 66) นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยถึงสถานการณ์เลือกตั้ง ที่ขณะนี้มีการพูดถึงคะแนนผลสำรวจ (โพล) ของพรรค ปชป. ว่าไม่อยากให้แฟนคลับประชาธิปัตย์ตื่นตระหนก และสังคมเชื่อไปกับกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งส่วนตัวมองเป็นเรื่องปกติที่พรรคมุ่งในการลงพื้นที่เข้าถึงพี่น้องประชาชน เพื่อนำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์มากกว่า และนโยบายต่างๆ ของพรรคนั้น อาจมองไม่หวือหวา หรือเรียกความสนใจ เพราะพรรคไม่ได้มีการสร้างกระแส สร้างภาพหรือสร้างคอนเทนต์ ให้เป็นที่สนใจ แต่ถ้าพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ของการเสนอนโยบายที่เป็นไปตามกรอบของการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว จะเห็นว่าสิ่งที่ ปชป.ประกาศนั้น จะสอดคล้องกันระหว่างภาระงบประมาณกับประโยชน์ที่จะตกแก่ส่วนรวมและประชาชน ซึ่งเราเน้นสิ่งที่ทำได้จริง ไม่ใช่จะประกาศเพื่อสร้างกระแส เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมืองต้องรัดกุม ไม่สร้างปัญหาให้กับประเทศ ส่วนกระแสข่าวที่ปรากฏนั้นจะเป็นเรื่องสมมติทันที ถ้าพี่น้องประชาชนแสดงพลังเทคะแนนเสียงสนับสนุน ปชป.ในวันที่ 7 และ 14 พ.ค.นี้ เลือกตั้งทั้งพรรคทั้งคน

'ชูวิทย์' บุกเมืองเพชรต้านกัญชาเสรีไล่บี้ซื้อเสียง ประกาศเชียร์ 'อลงกรณ์' เต็มคาราเบล ขอคนเพชรเลือกพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัคร ส.ส.เบอร์ 7 ทั้ง 3 เขต

วันนี้ เวลา16.30 น. นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ เดินทางมา รณรงค์ต่อต้านกัญชาเสรีและการซื้อเสียงในตลาดเทศบาลเมืองเพชรบุรีท่ามกลางประชาชนให้ความสนใจคับคั่งพร้อมกับแจกสติกเกอร์ไม่เอากัญชาเสรี จนมาพบ นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัคร ส.ส. เบอร์ 7 เขต 1 เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์กำลังปราศรัยบนรถกระจายเสียงบนถนน28เมตร จึงขึ้นรถกล่าวปราศรัยขอให้คนเพชรบุรีร่วมกันต่อต้านกัญชาเสรีเพราะเป็นภัยต่อลูกหลานทุกครอบครัวและขอให้ช่วยกันต่อต้านการซื้อเสียงเพราะเป็นต้นเหตุการณ์ทุจริตคอรัปชั่น โดยนายชูวิทย์กล่าวตอนหนึ่งว่าตนไม่มีเบอร์ไม่ได้ลงเลือกตั้งแต่เลือกสนับสนุนนักการเมืองน้ำดีเฉพาะบางคนบางพรรคเท่านั้น ตนรู้จักนายอลงกรณ์มา20ปีเป็นคนดีมีความซื่อสัตย์ทำงานเพื่อประชาชนมาตลอด 

‘สาธิต’ จ่อแจ้งความ ‘ก้าวไกล’ ปมปราศรัยใส่ร้าย ‘ปชป.’ ที่ระยอง ยัน!! ทำหน้าที่ รมต.-ส.ส.เต็มที่ เพื่อช่วยคนระยองผ่านพ้นวิกฤต

‘สาธิต’ แจงยิบ ซัดกลับ ‘ก้าวไกล’ ปราศรัยป้ายสี ยันทำหน้าที่ รมต.-ส.ส.จับมือทุกฝ่ายช่วยคนระยองฝ่า 3 ปัญหาร้อนสำเร็จ โร่แจ้งความบ่ายสอง เร่งเก็บหลักฐานร้อง กกต. ฟันผิด กม.เลือกตั้ง

(8 พ.ค. 66) ที่อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ถนนเพชรบุรี นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และผู้สมัคร ส.ส.ระยอง แถลงว่า กรณีที่พรรคก้าวไกล นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จัดการปราศรัยหาเสียงที่จังหวัดระยอง เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมานั้น ได้มีกล่าวปราศรัยที่เข้าข่ายใส่ร้ายด้วยความเท็จ หรือจูงใจให้เกิดความเข้าใจผิดต่อตัวตนและ ส.ส.ระยอง ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าพวกตนไม่สนใจทำหน้าที่ใดๆ ใน 3 เหตุการณ์ คือ

1.) เหตุการณ์การระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบ่อนการพนันแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง
2.) เหตุการณ์ทหารอียิปต์ที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้ามาใน จ.ระยอง
3.) เหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลบริเวณ จ.ระยอง ซึ่งยืนยันว่าตนและ ส.ส.ระยอง ของพรรคประชาธิปัตย์ทุกคน ได้ช่วยกันแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ละเลย และไม่มีสักวันที่จะไม่คิดถึงประชาชนชาวระยอง

โดยขอชี้แจงว่า การระบาดของเชื้อโควิด-19 จากบ่อนพนันนั้น ตนในฐานะ รมช.สาธารณสุข ได้เร่งลงพื้นที่ควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 จนสามารถคลี่คลายได้ภายใน 14 วัน อีกทั้ง ตนพร้อมด้วย นพ.บัญญัติ เจตนจันทร์ และนายธารา ปิตุเตชะ ส.ส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ ได้ร่วมมือกับภาคประชาชนในจังหวัดออกมาเรียกร้องให้มีการปิดบ่อน และโยกย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกระดับชั้นที่มีส่วนปล่อยปละละเลย ขณะเดียวกัน ตนได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องเรื่องนี้ และ นพ.บัญญัติ ได้ตั้งกระทู้ถามสดในสภาผู้แทนราษฎรด้วย

จนในที่สุด นายกฯ ได้ดำเนินการให้มีการสั่งโยกย้ายครั้งใหญ่ ทั้งการย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง และการย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง และผู้กำกับ 5 เสือ ใน สภ.เมืองระยอง รวมถึงมีการจับกุมเจ้าของบ่อนใหญ่ใน จ.ระยอง ตนยืนยันได้เลยว่าพวกเราทำงานกันเป็นทีม และทำงานติดต่อกันประสบผลสำเร็จ ดังนั้น คนที่จะอวดอ้างผลงานตรงนี้ได้ไม่ใช่พรรคก้าวไกล แต่เป็นภาคประชาชนใน จ.ระยองที่ร่วมทำงานกับ ส.ส.ระยอง ของเขาอย่างเต็มกำลัง

ส่วนกรณีทหารอียิปต์นั้น ทันทีที่ทราบว่าทหารคนดังกล่าวถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19 และมีประวัติว่าเคยเข้ามาใน จ.ระยอง ตนเร่งนำแพทย์และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเข้าไปควบคุม และป้องกันการแพร่ระบาดใน จ.ระยอง ด้วยการลงพื้นที่ตรวจจุดเสี่ยงทั้งหมด นำตัวทหารรายนี้ไปตรวจ และนำกลุ่มผู้ใกล้ชิดกับทหารอียิปต์ไปสอบสวนโรค ทำตามกระบวนการทุกอย่าง จนสามารถควบคุมโรคได้ จากนั้นตนได้นำข้าราชการกระทรวงสาธารณสุขที่เป็นแพทย์ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลมาจัดสัมมนาใน จ.ระยอง เพื่อเรียกความเชื่อมั่นสู่ จ.ระยอง รวมถึงร่วมมือกับทุกฝ่ายเป็นเวลาหลายวันในการคลี่คลายสถานการณ์ และสามารถสร้างความเชื่อมั่นกลับคืนสู่ จ.ระยองได้สำเร็จ

สำหรับเหตุการณ์น้ำมันรั่วในทะเลมาบตาพุด จ.ระยอง ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ม.ค.2565 ตนพร้อมด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2565 เพื่อบินสำรวจที่เกิดเหตุ และสั่งการให้ผู้ว่าการนิคมอุตสาหกรรมต้องแสดงความรับผิดชอบ อีกทั้งได้เรียกบริษัท SPRC ให้เร่งปฏิบัติตามแผนเพื่อแก้ไขปัญหา รวมถึงขอกำลังจากกองทัพเรือมาควบคุมเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล ต่อมาวันที่ 28 ม.ค.2565 ตนและเจ้าหน้าที่ของหลายฝ่ายได้ลงพื้นที่ต่างๆ ที่เป็นจุดเสี่ยงเพื่อดำเนินการป้องกันไม่ให้คราบน้ำมันไหลเข้าฝั่ง นอกจากนี้ ได้ทำงานอีกหลายอย่าง ทั้งการประกาศแจ้งเตือนและตั้งศูนย์บัญชาการให้ข้อมูลแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในจ.ระยอง รวมถึงบังคับให้บริษัท SPRC ต้องเยียวยามากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งเขาได้ชดเชยเยียวยาแล้วเกือบ 100% โดยยังขาด 3% ที่กำลังอยู่ระหว่างการฟ้องร้อง

‘ชวน’ รับ ผลโพลทำ ‘ปชป.’ เสียขวัญ เร่งทำคะแนนโค้งสุดท้าย เผย ส่งข้อความให้กำลังใจผู้สมัคร อย่าท้อ ทำให้ดีที่สุดจนนาทีสุดท้าย

‘ชวน’ รับ ผลโพลทำ ‘ปชป.’ เสียขวัญ ส่งข้อความถึงผู้สมัคร ทำให้ดีที่สุดจนนาทีสุดท้าย อย่าท้อ เสียดาย โพลชี้ จะได้ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ถึง 10 คน เร่งรณรงค์โค้งสุดท้าย ชี้!! เลขขั้วรัฐบาลชัดไม่น่ามีปัญหาตั้งรัฐบาล แต่อาจเป็นปัญหาถ้าพรรคการเมืองไม่ยอมรับ โยน กก.บห.คิด จะจับขั้วใคร

(8 พ.ค. 66) นายชวน หลีกภัย สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์รายการ มุมการเมือง ทางไทยพีบีเอส ถึงปรากฎการณ์ ประชาชนตื่นตัว ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวานนี้ กันมากกว่า เป็นเรื่องดี

เมื่อถามว่า มีประชาชนกังวลเรื่องความพร้อมจัดการเลือกตั้งของกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และห่วงเรื่องการทุจริตนั้น นายชวนกล่าวว่า กกต.คงพยายามจะทำให้ดีที่สุด แต่อาจมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพของเจ้าหน้าที่แต่ละพื้นที่เรื่องความพร้อมและเรื่องการจับทุจริตหรือความไม่ชอบเรื่องการเลือกตั้ง โดยเฉพาะเรื่องการใช้เงินเป็นเรื่องยาก ซึ่งนักการเมืองบ่นกันอยู่ว่า กกต.อาจไม่รู้ แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตยุติธรรม แม้ว่าจะมีกระแสเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัยสำหรับการเลือกตั้ง กรรมการการเลือกตั้งก็น่าจะรู้แต่ในทางปฏิบัติจริงอาจไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีกระบวนการและวิธีการที่นักการเมืองใช้ ไม่ใช่หมาหอนแบบสมัยก่อน แต่อาจเป็นการทำอะไรล่วงหน้าเช่น จดชื่อเอาบัตรประจำตัวประชาชนไปก่อน ต่างจากสมัยก่อน วิธีการยากที่จะไล่จับ อยู่ที่ความจริงจังและประสิทธิภาพของแต่ละคน

เมื่อถามถึงความเข้มข้นในการหาเสียงช่วงสุดท้ายนายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีหากหาเสียงโดยวิธีการที่ชอบ เช่น การปราศรัยหรือประชาสัมพันธ์เพื่อเป็นการเตือนให้คนออกมาใช้สิทธิ์ และจนถึงขณะนี้ ประชาชนอาจจะยังไม่ทราบเรื่องตัวเลข เบอร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งถ้ารณรงค์ในช่วงใกล้เลือกตั้งเพิ่มมากขึ้นว่าเปลี่ยนระบบเป็นบัตรสองใบ พรรคเบอร์หนึ่ง ผู้สมัครเขตอีกเบอร์หนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ควรมีการเน้นย้ำ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top