Wednesday, 21 May 2025
พรรคประชาธิปัตย์

‘จุรินทร์-ชวน’ นำ ‘ปชป.’ ปราศรัยใหญ่ 23 เม.ย. นำไทยสู่ความสำเร็จ ‘องอาจ’ ลั่น!! ขอทุ่มเทเพื่อคนส่วนใหญ่ ไม่เอื้อตระกูลตัวเอง-พวกพ้อง

‘จุรินทร์-ชวน’ นำทัพปราศรัยใหญ่ ลานอนุสาวรีย์พระเจ้าตาก 23 เม.ย.นี้ ‘องอาจ’ ลั่นเวลาที่เหลือ ปชป. นำเสนอวิสัยทัศน์พาประเทศไปสู่ความสำเร็จ

(22 เม.ย.66) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ดูแลกทม. เปิดเผยว่าในวันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย. นี้ ตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดปราศรัยใหญ่ที่วงเวียนใหญ่ ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช นำโดย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคฯ นายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา และอดีตหัวหน้าพรรคฯ พร้อมขุนพลพรรคประชาธิปัตย์อีกคับคั่ง

นายองอาจ กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาอีก 20 กว่าวันจะถึงวันเลือกตั้ง พรรคประชาธิปัตย์ จะได้นำเสนอวิสัยทัศน์การนำประเทศไทยให้เดินหน้าพัฒนาไปสู่ความสำเร็จที่ยั่งยืนด้วยการสร้างรายได้ให้ประชาชน สร้างรายได้ให้ประเทศ รวมถึงการพัฒนาคนเพื่อรองรับความก้าวหน้าของประเทศ และการทำให้ประเทศชาติเข้มแข็งด้วยประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามยุทธศาสตร์ “สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ” 

‘จุรินทร์’ ช่วย ‘หมอโนเกีย’ เบอร์ 3 บุกตลาดคลองลัดมะยม  ปลื้ม!! ผลโพลดีขึ้น ฝากปชช. เลือก’ปชป.’ ทั้งประเทศ

(22 เม.ย.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ดร.รัชดา ธนาดิเรก นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรค ร่วมกันลงพื้นที่ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม ขอคะแนนเสียงให้กับ น.พ.พลวิทย์ เจริญพงศ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตตลิ่งชัน-ทวีวัฒนา หมายเลข 3 

ซึ่งบรรยากาศการลงพื้นที่ในวันนี้เป็นไปอย่างคึกคัก บรรดาพ่อค้าแม่ค้ามอบดอกไม้ พี่น้องประชาชนเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ และขอเซลฟี่ร่วมกันเพื่อเป็นที่ระลึกพร้อมกับบอกว่าตัวจริงหล่อกว่าในภาพ นอกจากนี้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเมื่อทราบว่านายจุรินทร์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ก็เข้ามาขอถ่ายรูปด้วยเช่นกัน 

นายจุรินทร์ ให้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เสียงตอบรับหลังจากการลงพื้นที่วันนี้ถือว่าดีมาก เขตตลิ่งชัน–ทวีวัฒนา พรรคส่งนักการเมืองรุ่นใหม่ ที่มีคุณสมบัติพร้อมเป็นผู้แทนราษฎรได้ หากได้รับการสนับสนุนจากพี่น้องในเขตนี้ โดยเลือกเบอร์ 3 นพ.พลวิทย์ หรือ หมอโนเกีย เพื่อให้เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่จะไปประดับสภา และเป็นหน้าตาให้กับพี่น้องเขตตลิ่งชัน – ทวีวัฒนาได้อีกคนหนึ่ง นอกจากการที่ได้ ดร.รัชดา ธนาดิเรก และนายชนินทร์ รุ่งแสง ที่ปัจจุบันไปลงในเขตบางพลัด - บางกอกน้อย 

“ตอนนี้เราเดินรณรงค์หาเสียงในเขตกรุงเทพมหานคร ได้เสียงตอบรับดี พี่น้องชาว กทม. ต้อนรับประชาธิปัตย์ดีขึ้นมากเป็นลำดับ เราเชื่อว่าเที่ยวนี้พี่น้องชาว กทม. จะช่วยสนับสนุนให้ประชาธิปัตย์ ทั้งในเขตฝั่งธนและเขตพระนคร” นายจุรินทร์กล่าว พร้อมกับแสดงความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พี่น้องชาว กทม. จะไม่ทิ้งพวกเราและจะสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีหลายคนเดินเข้ามาพบและมาขอโทษที่เลือกตั้งคราวที่แล้วไม่ได้ลงคะแนนให้ แต่เที่ยวนี้จะลงคะแนนให้ประชาธิปัตย์แน่นอน 

นอกจากนี้นายจุรินทร์ ได้กล่าวอีกว่า เราสู้ทุกเขต ทั้ง 33 เขต ซึ่งผู้สมัครของพรรคมีศักยภาพทุกคน เรามีนโยบายที่ชัดเจนสำหรับพี่น้องชาว กทม. และอยู่บนพื้นฐานของความรับผิดชอบในฐานะที่เราเป็นสถาบันทางการเมืองที่อยู่คู่กับชาว กทม. มายาวนาน จึงไม่มีนโยบายลด แลก แจก แถม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายอินเทอร์เน็ตฟรี 1 แสนจุดทั่ว กทม. นโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ในสาขาที่ตลาดต้องการ นโยบายธนาคารหมู่บ้าน/ชุมชน 2 ล้านบาท นโยบายรักษาฟรี และตรวจสุขภาพฟรีด้วยบัตรประชาชนใบเดียว เป็นต้น 

สำหรับที่ผู้สื่อข่าวถามถึงผลโพลที่พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราได้ติดตามผลสำรวจทั้งหมด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่จะมีผลสำรวจที่แตกต่างกันออกไป แต่ถ้าดูโดยรวมตนไม่อยากให้ดูภาพลวงตา เพราะการเลือกตั้งเที่ยวนี้เป็นการเลือกตั้งโดยการใช้บัตร 2 ใบ ซึ่งบัตรสีม่วงเป็นการลงคะแนนเลือก ส.ส. เขต ที่แต่ละเขตก็มีเบอร์แตกต่างกัน ส่วนบัตรสีเขียว เป็นการลงคะแนนให้พรรค ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 และก็จะเป็นการเลือก ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อด้วย ดังนั้นถ้าไปดูคะแนนนิยมของพรรคประชาธิปัตย์ก็ถือว่าอยู่ในระดับดี ถึงดีมาก ทำให้มีความมั่นใจว่าสอดคล้องกับสิ่งที่เราได้ลงพื้นที่มาทั่วประเทศ และเสียงขานรับประชาธิปัตย์ก็ดีขึ้นเป็นลำดับด้วย ซึ่งยังมีเวลาอีกประมาณ 3 อาทิตย์ ที่ยังสามารถเพิ่มเติมความนิยมขึ้นมาได้อีกจากนโยบายที่อยู่บนพื้นฐานความรับผิดชอบ ไม่สร้างภาระหนี้หรือภาษีให้ตกอยู่กับคนไทย 

“อลงกรณ์” ขอบคุณประชาชนโหวต”พรรคประชาธิปัตย์”เป็นพรรคขวัญใจเกษตรกร 2 ปีซ้อน 

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคกล่าวแสดงความเห็นวันนี้(23 เม.ย)ว่า ขอขอบคุณซูเปอร์โพลและพี่น้องประชาชนที่โหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคขวัญใจของเกษตรกรที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริตติดต่อกัน 2 ปีซ้อนและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่ประชาชนเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้อง รายได้และหนี้สินของประชาชนอันดับที่3 

“พรรคประชาธิปัตย์ในยุคอุดมการณ์-ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริงโดยการนำของนายจุรินทร์ 
ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ.มุ่งมั่นทุ่มเททำงานแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและประชาชนฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไร้ทุจริตในช่วง4ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้เกษตรกร การเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกร8ล้านครัวเรือนๆละ1.5หมื่นบาทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 การเยียวยาชาวสวนลำใย การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ปีละกว่า 1.39 ล้านล้านบาทภายใต้ยุทธศาสตร์นำการผลิต การส่งออกทุเรียนทะลุแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกของประเทศ ยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรบิ๊กดาต้าแห่งชาติและการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม77จังหวัดครั้งแรกของประเทศตามยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร4.0

การพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ การปฏิรูปที่ดิน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การพัฒนาระบบสหกรณ์ การขยายเขตชลประทาน การพัฒนาพันธ์ุข้าวพันธุ์พืชพันธุ์ประมงพันธ์ุปศุสัตว์ การพัฒนายางไทยเพิ่มผลผลิตตรงความต้องการของตลาดยกระดับราคาข้าวเพิ่มรายได้ชาวนาจนประเทศไทยกลับมาครองแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ2ของโลกได้สำเร็จภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ข้าวโลก การริเริ่มขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต การขยายเอฟทีเอ. และมินิเอฟทีเอ. เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ทำให้เกษตรกรเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นพรรคขวัญใจเกษตรกรและเป็นพรรคไม่โกง พรรคประชาธิปัตย์จะทำงานหนักต่อไปจนกว่าพี่น้องเกษตรกรจะก้าวข้ามความยากจนก้าวพ้นหนี้สินมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น” นายอลงกรณ์กล่าวในที่สุด

ทั้งนี้ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เรื่อง “นโยบายพรรคการเมืองที่ชื่นชอบของประชาชน” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,322 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน พ.ศ.2566
ระบุว่า3 อันดับแรกพรรคการเมืองที่มีนโยบาย ช่วยเหลือเกษตรกรและไม่ด่างพร้อย ไม่ทุจริตที่ชื่นชอบ (ชอบได้มากกว่า 1 พรรค) พบว่า ร้อยละ 41.0 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 38.3 ระบุพรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 29.1 ระบุ พรรคเพื่อไทย 

'อลงกรณ์' ปลื้ม!! ประชาชนโหวต 'พรรคประชาธิปัตย์' ขวัญใจเกษตรกร 2 ปีซ้อน พ่วงพรรคไร้ประวัติทุจริต

(23 เม.ย.66) นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรค กล่าวแสดงความเห็นขอบคุณซูเปอร์โพลและพี่น้องประชาชนที่โหวตให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคขวัญใจของเกษตรกรที่ไม่มีประวัติด่างพร้อยเรื่องทุจริตติดต่อกัน 2 ปีซ้อนและนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นผู้นำพรรคการเมืองที่ประชาชนเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาปากท้อง รายได้และหนี้สินของประชาชนอันดับที่ 3 

“พรรคประชาธิปัตย์ในยุคอุดมการณ์-ทันสมัยทำได้ไวทำได้จริงโดยการนำของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์และ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคและรัฐมนตรีเกษตรฯ มุ่งมั่นทุ่มเททำงานแก้ไขปัญหาของเกษตรกรและประชาชนฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจด้วยความซื่อสัตย์สุจริตไร้ทุจริตในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะนโยบายประกันรายได้เกษตรกร การเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกร 8 ล้านครัวเรือนๆ ละ 1.5 หมื่นบาทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 การเยียวยาชาวสวนลำใย การส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ปีละกว่า 1.39 ล้านล้านบาท ภายใต้ยุทธศาสตร์นำการผลิต การส่งออกทุเรียนทะลุแสนล้านบาทเป็นครั้งแรกของประเทศ ยกระดับเกษตรแปลงใหญ่ การพัฒนาเกษตรแม่นยำ 2 ล้านไร่ การจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเกษตรบิ๊กดาต้าแห่งชาติและการจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม 77 จังหวัดครั้งแรกของประเทศตามยุทธศาสตร์เทคโนโลยีเกษตร 4.0 

"นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืน เกษตรอินทรีย์ การปฏิรูปที่ดิน กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร การพัฒนาระบบสหกรณ์ การขยายเขตชลประทาน การพัฒนาพันธ์ุข้าวพันธุ์พืชพันธุ์ประมงพันธุ์ปศุสัตว์ การพัฒนายางไทยเพิ่มผลผลิตตรงความต้องการของตลาดยกระดับราคาข้าวเพิ่มรายได้ชาวนาจนประเทศไทยกลับมาครองแชมป์ส่งออกข้าวอันดับ 2 ของโลกได้สำเร็จภายใต้ยุทธศาสตร์ข้าวไทย ข้าวโลก การริเริ่มขับเคลื่อนนโยบายอาหารแห่งอนาคต การขยายเอฟทีเอ และมินิเอฟทีเอ เป็นตัวอย่างบางส่วนที่ทำให้เกษตรกรเชื่อมั่นในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 2 ปีซ้อน ซึ่งเป็นการตอกย้ำความเป็นพรรคขวัญใจเกษตรกรและเป็นพรรคไม่โกง พรรคประชาธิปัตย์จะทำงานหนักต่อไปจนกว่าพี่น้องเกษตรกรจะก้าวข้ามความยากจนก้าวพ้นหนี้สินมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น" นายอลงกรณ์กล่าว

ทั้งนี้ผลสำรวจของสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) เรื่อง 'นโยบายพรรคการเมืองที่ชื่นชอบของประชาชน' กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) จำนวน 1,322 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน พ.ศ.2566 ระบุว่า 3 อันดับแรกพรรคการเมืองที่มีนโยบาย ช่วยเหลือเกษตรกรและไม่ด่างพร้อย ไม่ทุจริตที่ชื่นชอบ (ชอบได้มากกว่า 1 พรรค) พบว่า ร้อยละ 41.0 ระบุพรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 38.3 ระบุพรรคภูมิใจไทย และร้อยละ 29.1 ระบุ พรรคเพื่อไทย 

‘ธีรวิทย์’ หัวร้อน!! ป้ายหาเสียงถูกทำลาย จี้!! ‘กกต.’ จัดการ แง้ม!! รู้ตัวคนทำ-มีหลักฐานครบ วอนทุกพรรคหาเสียงสร้างสรรค์

‘ธีรวิทย์’ ผู้สมัคร เขตบางเขน ปชป. โวย ป้ายหาเสียงถูกทำลาย จี้กกต.จัดการ ยันมีหลักฐานแล้วใครทำ ลั่นหากไม่หยุดแต้งความเอาผิดแน่

(23 เม.ย.66) นางดรุณวรรณ ชาญพิพัฒนชัย รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดเผยว่าขณะนี้พบว่าป้ายหาเสียงของพรรคปชป. ในเขตกรุงเทพฯ บางพื้นที่โดนเก็บ หรือมีการทำลายป้ายให้เสียหาย โดยล่าสุดได้รับแจ้งจากนายธีรวิทย์ ภูมิดิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตบางเขน (เฉพาะแขวงอนุสาวรีย์) เขตจตุจักร (เฉพาะแขวงจันทรเกษม และแขวงเสนานิคม)-เขตหลักสี่ (เฉพาะแขวงตลาดบางเขน) เบอร์ 5 ว่าป้ายของตนถูกเก็บและทำลายหลายป้าย จึงอยากให้ทุกพรรคการเมืองแข่งขันกันในกติกาบนแนวทางที่สร้างสรรค์และให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน โดยนายธีรวิทย์ ระบุว่าป้ายที่ถูกทำลายอยู่บริเวณซอยรัชดา 36 แยก 11 มีการนำปากกามาขีดเขียนเพื่อทำลายป้ายและระบุว่าจะเลือกพรรคการเมืองอื่น ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำแต่ไม่ว่าใครจะเป็นคนทำก็อยากให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว 

นางดรุณวรรณ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้นายธีรวิทย์ ยังพบว่ามีการเก็บป้ายของตนลงในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในซอยพหลโยธิน 57 ตั้งแต่ปากซอย ซึ่งก็ได้มีการตรวจสอบแล้วว่าป้ายดังกล่าวไม่ได้มีการบดบังทัศนียภาพหรือบดบังการจราจรแต่เพียงอย่างใด จึงอยากร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ช่วยตรวจตรา ซึ่งขณะนี้ทราบแล้วว่าเกิดจากฝีมือของใคร ซึ่งนายธีรวิทย์มีหลักฐานทั้งหมด หากยังไม่หยุดการกระทำดังกล่าวจะนำหลักฐานไปยื่นร้องเรียนต่อ กกต. ด้วย จึงขอวิงวอนให้ทุกพรรคการเมืองรณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้งอย่างสร้างสรรค์ ภายใต้กฎกติกา มารยาท และตามกฎหมาย เพราะถ้าผู้ที่อาสามาเป็นตัวแทนของประชาชนยังรณรงค์หาเสียงอย่างไม่สุจริต และถ้าได้ไปทำหน้าที่ ส.ส.แล้ว ก็ไม่สามารถเชื่อได้ว่าผู้นั้นจะทำงานได้อย่างซื่อสัตย์สุจริตเช่นเดียวกัน

‘ปชป.’ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ กทม.ครั้งที่ 2 อ้อน ปชช.กาเบอร์ 26 ด้าน ‘ชวน’ ลั่น!! ต้องมีศักดิ์ศรี พร้อมเป็นได้ทั้ง ‘ฝ่ายค้าน-รัฐบาล’

เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 66 ที่ลานอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดปราศรัยใหญ่ครั้งที่ 2 ใน กทม.ให้กับผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 33 เขต

นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ปราศรัยว่า เราอย่าไปคิดว่าเข้าไปในสภาฯ แล้วจะเป็นรัฐบาลอย่างเดียว ถ้าเราไม่สามารถร่วมรัฐบาลหรือเป็นรัฐบาลได้ ก็ต้องพร้อมเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่ว่าพระมาชวนเป็นรัฐบาลก็ไปร่วมเป็นกับพระ โจรมาชวนร่วมรัฐบาลก็ร่วมกับโจรไม่ใช่อย่างนั้น ต้องมีเกียรติมีศักดิ์ศรีดำรงตนอยู่ในกระบวนการประชาธิปไตย

นายชวน กล่าว่า มีคนดีอยู่ในพรรคการเมืองทุกพรรค ไม่ไปประณามใคร แต่ก็มีคนร้ายอยู่ทั่ว ๆ ไป เราในฐานะประชาชนในระบบนี้มีสิทธิเลือกรัฐบาลที่ดี โดยเลือกคนดีเข้าไปเป็นผู้แทน เพราะระบบนี้ผู้แทนเสียงข้างมากได้ตั้งรัฐบาล ถ้าผู้แทนเสียงข้างมากมาจากการโกง ซื้อเสียง ทุจริต เราก็จะได้รัฐบาลโกง รัฐบาลทุจริต เป็นสูตรว่ามาอย่างไรต้องไปอย่างนั้น เห็นเหตุผลที่ไม่มีทางเป็นอย่างอื่นได้เลย เราจึงต้องช่วยกันรณรงค์ และขอให้ประชาชนเชื่อมั่นพรรคที่เป็นหลัก ยึดมั่นในความถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเราไม่อยู่มาได้ทุกวันนี้ 77 ปี

‘ปชป.’ หนุนปลดล็อก ‘เซ็กซ์ ทอย’ ดันเป็นสินค้าควบคุมพิเศษ หวังแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเพศ-สร้างเม็ดเงินจากอุตสาหกรรม

(24 เม.ย. 66) น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ เปิดเผยว่า ปัจจุบันประเทศไทยกำหนดให้ ‘เซ็กซ์ ทอย’ (Sex Toy) หรืออุปกรณ์เพิ่มความสุขทางเพศ เป็นสินค้าต้องห้าม เป็นสิ่งที่ถูกมองว่าเข้าข่ายลามกอนาจาร เป็นอันตรายต่อสังคมและศีลธรรม รวมถึงถูกตีความเป็นวัตถุผิดกฎหมายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 และถูกจัดให้เป็นวัตถุที่เป็นของต้องห้ามตามความหมายในพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ศุลกากร พ.ศ.2560

แต่เนื่องจาก ยังมีผู้ที่ต้องการสินค้าดังกล่าว จึงเกิดการลับลอบซื้อขายสินค้าชนิดนี้ ซึ่งไม่เพียงทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีสินค้า แต่ยังนำไปสู่ปัญหาการทุจริตของเจ้าหน้าที่รัฐบางส่วนที่ฉวยโอกาสเรียกรับสินบน ทำให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้าดังกล่าว เพราะเซ็กซ์ทอยที่มีจำหน่ายกันอยู่นั้นไม่มีความปลอดภัย เกิดปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร หรือผู้ใช้เกิดการติดเชื้อ

“ที่จริงเซ็กซ์ทอยเป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่อนคลายอารมณ์ ลดความเครียด หรือใช้ในการกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้ผู้ที่มีปัญหาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ รวมถึงเป็นสิ่งที่ช่วยลดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้เช่นกัน โดยเซ็กซ์ทอยมีรูปร่างแตกต่างกันไปตามวิธีการใช้งาน อาทิ ไวเบรเตอร์ ตุ๊กตายาง ดิลโด นอกจากนี้ เซ็กซ์ทอยยังมีประโยชน์ด้านสังคม เพราะสินค้าประเภทนี้จะสามารถลดการค้าบริการ และปัญหาการหย่าร้างจากความต้องการทางเพศที่ไม่สมดุล ที่สำคัญจะมีส่วนช่วยลดอัตราการก่ออาชญากรรมทางเพศ ซึ่งในประเทศไทย สถิติคดีการล่วงละเมิดทางเพศและคดีอาชญากรรมทางเพศ เฉลี่ย 5 ปี ของคดีข่มขืนเฉพาะที่มีการแจ้งความ เกิดคดีข่มขืนปีละประมาณ 4,000 คดี จับคนร้ายได้ 2,400 คดี แต่เมื่อมีการทำวิจัย กลับได้ข้อสรุปว่า มีคดีข่มขืนที่ไม่ได้แจ้งความประมาณร้อยละ 87 ซึ่งหมายความว่า 1 ปี อาจมีการก่อคดีข่มขืนในไทยมากถึง 30,000 คดี” น.ส.รัชดา กล่าว

‘ปชป.’ ชู นโยบายกระตุ้น ศก. อัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านบาท ยัน!! แก้จนได้โดยไม่ต้องแจกแบบสุดโต่ง ไม่เพิ่มหนี้รัฐฯ 

(24 เม.ย. 66) ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งนำโดยนายพิสิฐ ลี้อาธรรม ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์, ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ จันทรทัต และนายเกียรติ สิทธีอมร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และทีมนโยบายพรรคฯ ร่วมกันแถลงนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยโดยไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ

ทั้งนี้ ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวว่า ยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ‘สร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ’ จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลไกการอัดฉีด 1 ล้านล้านบาทเข้าระบบ โดยไม่มีการแจกเงินแบบสุดโต่ง ไม่เพิ่มหนี้สาธารณะ ไม่รีดภาษีจากผู้มีรายได้น้อย แต่จะทำให้จีดีพีเติบโตได้ไม่น้อยกว่า 5% และช่วยแก้ปัญหาความยากจน โดยสิ่งที่จะต้องทำทันที คือ การปรับโครงสร้างตลาดเงินตลาดทุน โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์ จะต้องสร้างกติกาให้ผู้ที่มีฐานะปานกลางและบริษัทรายย่อย สามารถระดมทุนผ่านไอพีโอในตลาดหลักทรัพย์ง่ายขึ้น โดยไม่จำกัดขนาด ฐานะการเงิน หรือผลประกอบการ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านั้นขยายใหญ่ขึ้น มีรายได้เพิ่ม เสียภาษีได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มงบประมาณในการดูแลกลุ่มฐานราก

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เราสนับสนุนจัดตั้งธนาคารที่มีลักษณะเป็นไมโครไฟแนนซ์ เพื่อนำเงินทุนหมุนเวียนเข้าสู่กลุ่มฐานรากและธุรกิจเอสเอ็มอีทั่วประเทศ โดยธนาคารนี้สามารถดำเนินการผ่านไปรษณีย์ไทยมาเป็นสาขาของธนาคารดังกล่าว เพราะไปรษณีย์ไทยมีสำนักงานที่ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศอยู่แล้ว รวมถึงจะต้องสนับสนุนการระดมทุนขนาดใหญ่เพื่อเป็นกองทุนสำหรับการก่อสร้างบรรดาโครงสร้างพื้นฐาน โดยเราสามารถโน้มน้าวหรือเชิญชวนผู้เงินฝากในระบบสถาบันการเงิน ที่ปัจจุบันมีกว่า 18 ล้านล้านบาท โดยเอามาเพียง 1.2 ล้านล้านบาท เปลี่ยนจากเงินฝากมาเป็นการลงทุนในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ อีกทั้ง ควรกระจายการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานไปตามพื้นที่ต่างๆของประเทศ เพื่อกระจายความเจริญ และจะทำให้แรงงานทำงานในพื้นที่ตัวเองได้ ไม่ต้องย้ายถิ่น

ม.ร.ว.ศศิพฤนท์ กล่าวว่า ส่วนการแก้หนี้สินเกษตรกร จะส่งเสริมเกษตรกรให้ความรู้และมีคุณภาพ จนสามารถกลายเป็นนักธุรกิจ หรือที่เรียกว่านักธุรกิจเกษตร รวมถึงต้องเพิ่มพื้นที่ชลประทานให้ครอบคลุมมากขึ้น และเรามีนโยบายจัดตั้งธนาคารหมู่บ้านและชุมชน แห่งละ 2 ล้านบาท นำไปปล่อยกู้ในกับคนในชุมชนเพื่อนำไปทำทุนค้าขาย โดยไม่ต้องมีหลักประกัน กู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า

ด้านนายพิสิฐ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้เพิ่มอายุการเกษียณ ทั้งภาครัฐและเอกชนไปอีก 5 ปี ต่อไปแรงงานจะลดน้อยลง เนื่องจากโครงสร้างประชากรต่อจากนี้จะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น จึงต้องให้ผู้สูงอายุได้มีงานทำ แต่ผู้สูงอายุต้องให้มีการตรวจสุขภาพเพราะต้องมีสุขภาพที่สมบูรณ์ และทำงานตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญและที่ปรึกษาหรือไกด์ นอกจากนี้ต้องปรับแก้ระบบประกันสังคมให้ยืดหยุ่นขึ้น แก้โครงสร้างให้เป็นระบบคล้ายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) หรือกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ผู้ประกันตนสามารถเลือกบำเหน็จหรือบำนาญ สนับสนุนให้ไรเดอร์เข้าสู่ระบบประกันสังคมตามมาตรา 33 ได้ พร้อมแก้มาตรา 39 ให้ยืดหยุ่นมากขึ้นไม่เสียสิทธิ์ที่ได้จากมาตรา 33 โดยต้องทำให้ครอบคลุมทั่วถึง เพื่อเราจะได้ไม่ต้องไปพึ่งพาแรงงานต่างประเทศมากเกินไป

“ขณะนี้ ทุกพรรคยองรับว่าต้องดูแลผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น เพราะเราจะปล่อยให้มีคนจนกลุ่มใหม่เกิดขึ้นไม่ได้ คนที่้สูงอายุน่าสงสารเพราะกฎหมายบีบบังคับไม่ให้เขาทำงาน ต้องออกจากงาน จึงเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากทำให้คนไม่มีงานทำ ซึ่งประชาธิปัตย์เราคิดเรื่องนี้ว่าจะต้องแก้ไขโดยด่วน ดังนั้นหากประชาธิปัตย์มีโอกาสได้เข้าไปบริหารประเทศ เราจะปรับอายุการเกษียณในทุกกลุ่มอีก 5 ปี อย่างน้อย เพื่อยืดอายุการทำงาน เพราะเชื่อว่าผู้สูงอายุมีประสบการณ์ มีความรู้ มีความสามารถอยู่ หากปล่อยให้ออกจากงานก็น่าเสียดาย เชื่อว่าผู้สูงอายุอยากทำงานมากกว่าแบมือขอเงินไม่กี่พันบาทจากรัฐ ซึ่งประชาธิปัตย์จะมีการเพิ่มเงินให้ผู้สูงอายุด้วย แต่เราจะไม่ประกาศตัวเลข เพราะเราไม่ต้องการไปแข่งกับใคร บางพรรคอาจจะประกาศ 3 พัน 5 พัน 8 พัน หรือหนึ่งหมื่นก็ได้ ซึ่งเป็นการแข่งขันกันแบบไม่มีสาระ แต่ประชาธิปัตย์จะดูตามความเป็นจริงว่า อนาคตข้างหน้าเราจะช่วยผู้สูงอายุปีต่อปีต่อเนื่องได้อย่างไร” นายพิสิฐ กล่าว

ส่วนข้อกังวลในเรื่องการตั้งธนาคารชุมชนและหมู่บ้าน จะเกิดปัญหาเหมือนกองทุนหมู่บ้านที่มีบางแห่งพบความไม่โปร่งใส และอาจสร้างหนี้เสียได้ นายพิสิฐ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้มีธนาคารชุมชนและหมู่บ้าน เพื่อให้ชุมชนและหมู่บ้านตัดสินใจเองได้ แต่จะอยู่ในระบบการควบคุมตรวจสอบได้ โดยให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินในชุมชนไปเข้าเป็นเหมือนพี่เลี้ยงกำกับดูแลให้ดำเนินงานตามพ.ร.บ.สถาบันการเงิน จึงเชื่อว่า จะไม่เกิดปัญหาเหมือนโครงการในอดีต

‘จุรินทร์’ ผนึกตระกูล ‘อดิเรกสาร’ มั่นใจปักธงสระบุรี ลั่น!! ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ตาย ขอทำหน้าที่สุดความสามารถ

‘จุรินทร์’ ผนึก ‘อดิเรกสาร’ มั่นใจปักธงสระบุรี ได้แน่ ลั่นถ้าประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นรัฐบาลไม่ตายหรอก ขอทำหน้าที่อย่างสุดชีวิต
.
(24 เม.ย.66) ที่ จ.สระบุรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นำทีมประชาธิปัตย์ เบอร์ 26 เดินทางพบกับนายปองพล อดิเรกสาร อดีตนักการเมืองคนดัง ที่ส่งลูกชาย นายปรพล อดิเรกสาร ลงสมัคร ส.ส.เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์ โดยจ.สระบุรี พรรคส่งผู้สมัครครบทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง เขต 1 นายปรพล อดิเรกสาร เบอร์ 1 เขต 2 นายสมพงษ์ ภูพานเพชร เบอร์ 2 เขต 3 น.ส.เบญจวรรณ ใสแก้ว เบอร์ 4 เขต 4 นายนันทวัชร กี่สง่า เบอร์ 5

นายจุรินทร์ กล่าวถึงการผนึกกำลังกับตระกูลอดิเรกสารว่า จะทำให้พรรคมีโอกาสปักธงได้ ซึ่งจ.สระบุรีเป็นพื้นที่ดั้งเดิมของพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว และครั้งนี้ตระกูลอดิเรกสารให้เกียรติมาร่วมงานกับเรา ยิ่งทำให้ประชาธิปัตย์สระบุรีเข้มแข็งขึ้น เป็นการรวมพลังคูณสองยกกำลังสอง ทำให้เรามีโอกาสปักธงสระบุรีเหมือนที่เคยปักธงมาแล้วหลายครั้งในอดีต

ส่วนที่นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค พูดถึงพรรคประชาธิปัตย์พร้อมเป็นทั้งฝ่ายค้าน และรัฐบาลนั้น พรรคควรประกาศจุดยืนหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ประชาธิปัตย์พร้อมเป็นทุกอย่าง เราได้พิสูจน์มาตลอดระยะเวลายาวนาน ถ้าเราเป็นรัฐบาล จะทำให้พรรคมีโอกาสนำนโยบายที่หาเสียงไว้ไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นจริงได้ชัดเจน แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร ประชาธิปัตย์ก็ไม่ตาย อย่างไรก็ยังอยู่ได้ และทำหน้าที่ได้อย่างสุดชีวิต สุดความสามารถ เลือกมาให้เยอะๆ ไม่ว่าจะทำหน้าที่อะไร เราก็ไม่ทำให้บ้านเมืองเสียหาย มีแต่ทำประโยชน์ให้กับบ้านเมือง

“เราจะเป็นอะไรนั้นเราก็ทำหน้าที่เต็มที่ อันนี้คือยี่ห้อประชาธิปัตย์ เป็นหลักประกันที่คนไทยทั้งประเทศไว้วางใจ มั่นใจได้ ไม่ใช่ว่าเป็นฝ่ายค้านหมดแรง เลิก ไปนอนรอว่าเมื่อไหร่เป็นรัฐบาล ประชาธิปัตย์ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เราพิสูจน์แล้วมายาวนาน แต่ขณะนี้เรารณรงค์ว่า ถ้าประชาชนให้เสียงเรามากพอ เราก็พร้อมจัดตั้งรัฐบาล และหัวหน้าพรรคก็พร้อมเป็นนายกฯ แต่ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่เป็นไร ประชาธิปัตย์ก็ไม่ตายหรอก ยังไงก็ยังอยู่ได้ และทำหน้าที่ได้อย่างสุดชีวิตสุดความสามารถ” นายจุรินทร์กล่าว

สำหรับในโค้งสุดท้ายของการหาเสียง จะมีแกนนำสำคัญของพรรคขึ้นเวทีปราศรัยด้วยกันหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องขึ้นเวทีเดียวกัน เราเปิด 3 ทัพ บุก 3 ทัพแบบดาวกระจาย ไม่จำเป็นต้องมากระจุกรวมอยู่ที่เดียว ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง การมากระจุก บางทีอาจเป็นจุดอ่อนก็ได้

เที่ยวนี้ประชาธิปัตย์เป็นเอกภาพ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่สุด คนทั้งประเทศจะเห็นว่าสู้ยิบตา ทำหน้าที่เต็มที่ นโยบายชัดเจน และทำได้ไวทำได้จริง ตกผลึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่เป็นภาระไปขึ้นภาษี หรือไปกู้เงินมาเพื่อทำนโยบายลด แลก แจก แถม อย่างไรก็ตาม เวทีปราศรัยใหญ่วันสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้งจะจัดในวันที่ 12 พ.ค.ในกรุงเทพฯ และอีกหลายจังหวัดที่มีความพร้อม

จากนั้นนายจุรินทร์และคณะ พร้อมด้วยนายปองพล ได้ร่วมกันเดินพบปะประชาชนที่ตลาดในอำเภอเมือง สระบุรี โดยบรรยากาศคึกคัก ประชาชนให้การต้อนรับเต็มที่ ทั้งมอบดอกไม้ ขอลายเซ็น และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก


ที่มา : https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7628760

'อลงกรณ์' มั่นใจเกษตรกร 9 ล้านครัวเรือน สนับสนุน 'พรรคประชาธิปัตย์' ด้วยผลงานที่พิสูจน์แล้ว 4 ปีสร้างเงินกว่า 5 ล้านล้านบาทให้ประเทศและเกษตรกร

ชี้ไตรมาสแรกปีนี้จีดีพี.เกษตรโต5.5%สร้างเงินเกือบ2แสนล้านบาทเพราะราคาพืชผลเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคในฐานะทีมเศรษฐกิจพรรคประชาธิปัตย์กล่าววันนี้ (25 เม.ย.) แสดงความเชื่อมั่นว่า เกษตรกรส่วนใหญ่ 9 ล้านครัวเรือนทั้งประเทศจะให้การสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะพรรคขวัญใจเกษตรกรด้วยผลงานทำได้ไว ทำได้จริงที่พิสูจน์แล้ว4ปีที่ผ่านมาที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ภายใต้ยุทธศาสตร์” ตลาดนำการผลิต เกษตรผลิต พาณิชย์ตลาด” สามารถสร้างเงินสร้างรายได้ให้ประเทศและเกษตรกรจากการส่งออกสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ กว่า 5  ล้านล้านบาท เฉลี่ยปีละ 1.39 ล้านล้านบาท ทำให้ได้เปรียบดุลการค้าภาคส่งออกนำเข้าสินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์ 8.6 แสนล้านต่อปี แม้ต้องเผชิญกับวิกฤติโควิดและสงครามรัสเซีย-ยูเครน


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top