Sunday, 12 May 2024
ประวิตรวงษ์สุวรรณ

‘ลุงป้อม’ ไฟเขียว เพิ่มงบฯ สู้ศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ย้ำใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เสริมศักยภาพนักกีฬาไทย

(29 มี.ค.66) ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 2/2566  

โดยที่ประชุมรับทราบรายงานการสนับสนุนงบประมาณแผนงานของฝ่ายพัฒนากีฬาเป็นเลิศ ซึ่งได้ดำเนินการขอปรับเพิ่มงบประมาณให้กับโครงการเตรียมนักกีฬาเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน รายการสำคัญ ได้แก่ โครงการเตรียมซีเกมส์ ครั้งที่32, เอเชียนเกมส์ และเอเชียนพาราเกมส์ สมัยหน้า และรับทราบการส่งเสริมการใช้อุปกรณ์สำหรับนักกีฬาคนพิการ ที่ต้องมีการทำ Inventory Control อุปกรณ์ที่ใช้ควรมีมาตรฐาน และต้องมีการตรวจสอบอายุการใช้งานก่อนนำไปใช้ เพื่อป้องกันไม่ให้นักกีฬาได้รับบาดเจ็บ จากการใช้อุปกรณ์ที่อาจเกิดจากการ Over Use และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ 

จากนั้นที่ประชุมได้เห็นชอบ การใช้แบบฟอร์มรายงานผลการดำเนินงานแทนบันทึกข้อตกลงการสนับสนุนงบประมาณ สำหรับโครงการส่งเสริมกีฬาที่ดำเนินการแล้วเสร็จ เพื่อลดความล่าช้าและเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงบประมาณ 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ ผจก.กองทุนฯ, กกท., สมาคมกีฬา และผู้ที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติตามมติคณะกรรมการฯ และกฏระเบียบให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนฯ อย่างเคร่งครัด ที่ผ่านมาได้ให้ความสำคัญต่อการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพนักกีฬาและนักกีฬาคนพิการพร้อมบุคลากรกีฬา มาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบสนับสนุนจากกองทุนฯ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา ส่งเสริมอย่างเต็มที่ และหวังให้นักกีฬาทุกสมาคม ทุกประเภท ประสบความสำเร็จสู่ความเป็นเลิศ ซึ่งมีหลายสมาคมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในระดับสากล และสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ

‘บิ๊กป้อม’ เห็นชอบ จัดตั้ง ‘ประชาคมไซเบอร์แห่งชาติ’ ประสาน ‘รัฐ-เอกชน-ตปท.’ ให้ความรู้ภัยทางไซเบอร์

(30 มี.ค.66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.) ครั้งที่ 2/2566 โดยมี รมว.ดีอีเอส เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคาม และผลการดำเนินงานที่มีผลกระทบ อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีสถิติการปฎิบัติงานรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ ห้วง ต.ค.65 - ก.พ.66 จำนวน 694 เหตุการณ์ หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบสูงสุด ได้แก่ หน่วยงานด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข และด้านการเงิน ตามลำดับ มีการปฏิบัติที่สำคัญ ได้แก่การแจ้งเตือนและให้คำแนะนำ จำนวน 615 ครั้ง การทดสอบความปลอดภัยระบบเครื่องแม่ข่ายและเว็บไซต์ จำนวน 56 หน่วยงาน การดำเนินงานด้านอาชญากรรมทางไซเบอร์ ที่กระทบต่อประชาชนจำนวน 61 เหตุการณ์ และรับทราบรายงานผลการลงนามบันทึกความเข้าใจ ของสำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) กับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ และโครงการอาเซียน-ญี่ปุ่น เมื่อ 17 ก.พ.66 ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีกิจกรรมต่างๆ รองรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ อย่างเป็นรูปธรรม ต่อไป

2 ป. นั่งคู่!! ระหว่างรอเวลาเปิดรับสมัครส.ส. ร่วมลุ้นเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคตัวเอง

(3 เม.ย.66) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) ตั้งแต่เวลา 07.00 น. บรรดาแกนนำและว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) จากพรรคการเมืองต่าง ๆ พร้อมด้วยกองเชียร์และผู้สนับสนุนแต่ละพรรค ทยอยเดินทางมาถึงสถานที่สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร(กกต.กทม.) กำหนดไว้ ซึ่งกกต. ประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.)  กำหนดเปิดรับสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. โดยใช้พื้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2  เป็นสถานที่รับสมัคร

ผู้สื่อข่าวรายงาน ระหว่างรอเวลาเปิดรับสมัครส.ส. แกนนำพรรคการเมืองต่าง ๆ ทยอยเข้าอาคารกีฬาเวสน์ 2 ซึ่งเป็นสถานที่รับสมัครส.ส. เพื่อร่วมเป็นกำลังใจและลุ้นการจับสลากเบอร์ที่ใช้ในการหาเสียงของผู้สมัครของพรรคตนเอง พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)  และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นั่งเก้าอี้บริเวณโถงกลางของอาคาร ที่เจ้าหน้าที่จัดเตรียมไว้รองรับหัวหน้าพรรค แกนนำพรรค และผู้ติดตามผู้สมัครส.ส.


ที่มา : https://www.thaipost.net/hi-light/353485/

‘บิ๊กตู่’ ย้ำ!! ไม่ได้มอง ‘บิ๊กป้อม’ เป็นคู่แข่ง ปัด!! รวมกันวันหน้า วันนี้แยกมาก็คือแยก

‘ประยุทธ์’ แจงปมไม่ลงปาร์ตี้ลิสต์ หวังส่งไม้ต่อให้ "พีระพันธุ์" หลังได้นั่งนายกฯ อีก 2 ปี ปัดมอง ‘บิ๊กป้อม’ เป็นคู่แข่ง แค่แยกมาอยู่คนละพรรค โอดบังคับใครไม่ได้ แค่พรรคตัวเองก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว เตือนคนแซะต้นเหตุทำสภาล่ม เป็นผู้ใหญ่แล้วพูดจาให้ระวัง

(3 เม.ย.66) อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพ (ไทย-ญี่ปุ่น) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการลงสนามการเมืองอย่างเต็มตัวเป็นครั้งแรก ว่า ก็ดี มาครั้งแรกก็เรียบร้อยดี ไม่มีใครทะเลาะกัน ไม่มีใครใช้ความรุนแรงต่อกัน แถมอยู่คนละพรรคก็มาทักทายกัน สวัสดีกัน ทุกคนก็คือคนไทยด้วยกัน บางคนก็คุ้นเคยกัน ก่อนหน้านี้ตนก็รู้จักกับแกนนำพรรคหลายคน คุ้นเคยกัน 

อย่างไรก็ตาม หลายอย่างเปลี่ยนไป เพราะอยู่กันคนละพรรคแต่ความผูกพันส่วนตัวไม่มีปัญหา ความเป็นเพื่อน ความคุ้นเคย การทำงานร่วมกัน แต่การที่เขาจะเลือกพรรคไหนก็เป็นเรื่องของเขา ก็เพียงแต่ขอว่าให้ทุกคนช่วยกันทำเพื่อบ้านเมือง ถ้าหวังแต่เพียงหาเสียง สมมติว่าได้จากนโยบายที่หาเสียง แล้วทำไม่ได้จะตอบประชาชนว่ายังไง บางอย่างที่ตนกลัวว่ามันอันตรายพอสมควร เช่น การใช้จ่ายงบประมาณ ถ้าทำตรงนี้ต้องบอกว่ารายได้จะเอามาจากไหน บางนโยบายล่อไป 9 แสนล้านบาท จะเอามาจากไหนนี่คือสิ่งที่อันตรายและต้องชั่งน้ำหนักให้ดี ต้องดูว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเป็นอย่างไร 

เมื่อถามว่า ตอนที่นั่งติดกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการพูดคุยอะไรกันบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็พูดคุยกันไป สนุกสนานกันไป เมื่อถามย้ำว่า วันนี้มาในฐานะคู่แข่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่เห็นแข่งอะไรกับใครเลย เมื่อกี้นั่งคุยกัน ก็แหย่กันไปแหย่กันมา ท่านก็ทำของท่านตนก็ทำของตน แต่ให้รู้ว่าวันนี้เราอยู่คนละพรรคแล้ว ส่วนจะคิดว่าจะรวมกันวันหน้าหรือเปล่า ตนก็แจ้งแล้วว่าตนแยกมา แยกก็คือแยก ไม่อย่างนั้นตนจะมานั่งสัมภาษณ์ตรงนี้ทำไม ก็ให้ พล.อ.ประวิตรสัมภาษณ์ไปแล้ว พรรคตนก็เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว

‘บิ๊กป้อม’ พอใจเบอร์ 37 ชี้ เป็นเลขมงคล สอดคล้อง 3 นโยบายพรรค-บัตรประชารัฐ 700 บ.

(4 เม.ย.66) ที่อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการ กทม. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์หลังจับสลากหมายเลขพรรค ได้เลข 37 ว่า 37 ถือเป็นเลขดี บวกกันแล้วได้ 10 และไม่กังวลว่าจะเป็นเลขที่อยู่ลึกแต่ก็จำง่าย และตนพอใจ ขอให้ประชาชนเลือกหมายเลข 37 เพราะ 37 เป็นเลขดี หมายถึง 3 นโยบายหลัก และบัตรประชารัฐ 700 บาท

ผู้สื่อข่าวถามถึงความมั่นใจในการเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะได้ ส.ส. 20 ที่นั่ง ตามเป้าหมายหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เหมือนเดิม 

เมื่อถามว่า จะไปถึง 37 ที่นั่งหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวย้อนว่า “เอาให้ได้เท่าเดิมก่อน”

‘บิ๊กป้อม’ กร้าว!! 3 ปี ดันเน็ตชุมชน 24,654 แห่ง มุ่งเป้าครอบคลุม ‘หมู่บ้าน-โรงเรียน-โรงพยาบาล’

(7 เม.ย.66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ 

ที่ประชุมรับทราบ เรื่องสำคัญประกอบด้วย ผลการดำเนินงานของกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการและคณะทำงานภายใต้คำสั่งแต่งตั้งของคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ ระบบบริหารความเสี่ยง ระบบบริหารจัดการสารสนเทศ และระบบบริหารทรัพยากรบุคคล 

ต่อจากนั้น ได้ร่วมพิจารณาและเห็นชอบหลักการ การใช้จ่ายเงินตามมาตรา 25 แห่ง พ.ร.บ.การพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ.2560 และพิจารณาอนุมัติโครงการ ตามมาตรา 26 (3) ของสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยอนุมัติ โครงการบริการอินเทอร์เน็ตสาธารณะและบำรุงรักษา โครงข่ายเน็ตชุมชนและส่วนต่อขยายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยจัดให้มีบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงสาธารณะ (WI-FI) ประจำหมู่บ้านในพื้นที่ที่มีการใช้งานจริง จำนวน 24,654 แห่ง และขยายโครงข่ายต่อไปยังโรงเรียน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลและสุขศาลาพระราชทาน จำนวน 1,671 แห่ง มุ่งสนับสนุนชุมชนผู้มีรายได้น้อยและแออัดโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และโครงการสนับสนุนอุปกรณ์สำหรับนักเรียนที่ขาดแคลนอุปกรณ์การเรียนออนไลน์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาและอาชีวะ ภายใน ปี 69 

'ชัยวุฒิ' ชู 'พล.อ.ประวิตร' ทำหน้าที่ผู้นำประเทศ ดูแล ปชช. วอนคนไทยมั่นใจ หลัง 4 ปีมานี้ เพื่อนบ้านยกไทย 'พี่ใหญ่อาเซียน'

(7 เม.ย.66) ที่อุทยานเบญจศิริ เขตคลองเตย พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ "พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ" นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พปชร.พร้อมที่เข้าไปดูแลประชาชนในทุกกลุ่ม ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ถือเป็นเสาหลัก ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดี ให้กับประชาชน พร้อมประสานทุกหน่วยทั้ง 10 ทิศ แก้ปัญหาให้กับทุกคน ประสานงานกับทุกคน ทำให้วันนี้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี แล้วเราจะทำต่อไป เด็กเยาวชนทุกวันนี้สามารถจับเงิน 1,000,000 ได้ ก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ที่ส่งเสริมให้เกิดการขายของออนไลน์ในระบบดิจิทัล

 

ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความสุขอันดับ 6 ของโลก มีแต่ชาวต่างชาติชื่นชมในการมาอยู่เมืองไทย แต่มีพรรคการเมืองไปสร้างเรื่องว่า ประเทศไทยมีปัญหา อยากไปอยู่เมืองนอก ประเทศในแถบยุโรป วันนี้ฝรั่งเศสประท้วงกันเป็นแสนเป็นล้านคน ประเทศเยอรมันที่เจริญที่สุดในยุโรปตอนนี้ก็ประท้วงกัน การขนส่งมวลชนหยุดหมด เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ประเทศไทยเราสงบสุขดีที่สุดแล้ว เพียงแค่อย่าทะเลาะ อยากให้ทุกคน มาช่วยกันดูแลประเทศไทยให้สงบสุข

‘พปชร.’ คว้าคะแนนติด TOP 3 ในเวทีดีเบตช่อง 7 คาด!! กระแส ‘ลุงป้อมฟีเวอร์’ กำลังหวนกลับมา

เมื่อวานนี้ (17 เม.ย.66) ผู้ใช้งานติ๊กต็อกชื่อ ‘sparkupdate’ ได้โพสต์วิดีโอพูดถึงผลโพลที่ถูกปล่อยออกมาในช่วงเลือกตั้งรอบนี้ โดยระบุว่า…

เกิดอะไรขึ้นกับกระแสของพรรคพลังประชารัฐ ที่อยู่ๆ ก็โดดขึ้นไปมีชื่อบนโลกออนไลน์ หลังจากเวทีดีเบตของทางช่อง 7 ที่เรียกว่าเป็นซูเปอร์เรตติ้งอันดับ 1 ของประเทศไทย ได้มีการถ่ายทอดการดีเบต ซึ่งคะแนนของพรรคพลังประชารัฐในขั้นต้น ติดอยู่ใน TOP 3 เอาชนะฝั่งอนุรักษ์นิยมไปได้อย่างขาดรอย 

‘บิ๊กป้อม’ ขอบคุณผลโหวตอันดับ 1 ก้าวข้ามความขัดแย้ง ยอมรับเดินช้า-ขาไม่ดี แต่พร้อมลงพื้นที่ไปทุกจังหวัด

(18 เม.ย.66) นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่สวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ ในหัวข้อ ‘นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ในสายตาประชาชน’ ที่ยกให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ เป็นอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรี ที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นอันดับ 1 ของนายกรัฐมนตรีที่สามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ว่า พล.อ.ประวิตร กล่าวขอบคุณประชาชนที่ร่วมกันโหวตให้ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีความโดดเด่นในทั้งสองด้านดังกล่าว ซึ่งผลโพลที่ออกมาสอดคล้องกับแนวคิด ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ ที่ตนเองและพรรคพลังประชารัฐชูธงนำมาโดยตลอด พร้อมให้ความมั่นใจว่า จะพาคนไทยออกจากวังวนความขัดแย้งได้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเดินหน้าพลิกโฉมประเทศไทยต่อไป

นายชาญกฤช กล่าวว่า แนวคิดการก้าวข้ามความขัดแย้งของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นความมุ่งมั่นที่พยายามทำลายกำแพงความแตกแยก และเป็นการประกาศเริ่มต้นประเทศไทยใหม่ ซึ่งได้เสียงตอบรับที่ดีจากสังคม โดยเฉพาะใจความสำคัญในจดหมายเปิดใจของ พล.อ.ประวิตร ได้พูดถึงแนวทางสมานฉันท์ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จะจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาคัดเลือกนโยบายที่ทุกพรรคการเมืองใช้ในการรณรงค์หาเสียง เพื่อนำมาปฏิบัติให้เกิดขึ้นจริง โดยไม่ได้เกี่ยงว่าเป็นพรรคใหญ่ พรรคเล็ก หรือเป็นพรรคการเมืองฝ่ายใด หากนโยบายเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เพราะเชื่อว่านโยบายของทุกพรรคการเมืองผ่านการกลั่นกรองมาในระดับหนึ่งแล้ว และมองว่า การเมืองไม่มีผู้ชนะเด็ดขาด และไม่มีฝ่ายใดต้องแพ้ราบคาบ ทุกคนทุกฝ่ายต้องตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องช่วยกัน ร่วมมือกันฟื้นฟูและพัฒนาประเทศให้เดินไปข้างหน้าอย่างเท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลก จึงหมดเวลาที่คนไทยจะทะเลาะกันเอง

นายชาญกฤช ยังให้ความมั่นใจด้วยว่า พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้จะอยู่ในวัย 78 ปี ก็ไม่ถือเป็นอุปสรรค ดังคำสัมภาษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ที่เปิดเผยถึงกลยุทธ์ในการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ผ่านเทคนิคการบริหาร คือ ‘ช้า เร็ว หนัก เบา’ โดยยอมรับว่า ตัวเองเดินช้า แต่คิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจเร็ว เป็นคนหนักแน่น ไม่หูเบา ส่วนที่เบา คือ เป็นคนไม่มีภาระ ไม่มีครอบครัว ไม่มีห่วง จึงทำงานเพื่อประชาชนและส่วนรวมได้อย่างเต็มที่

‘บิ๊กตู่’ เมินโพลยก ‘บิ๊กป้อม’ ที่ 1 ก้าวข้ามความขัดแย้ง ชี้!! ผลโพลเปลี่ยนทุกวัน ย้ำ!! ตนไม่ขัดแย้งกับใคร

(18 เม.ย.66) ที่ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการสำรวจสวนดุสิตโพล ประชาชนยกให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีคะแนนอันดับหนึ่งเกี่ยวกับนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ว่า ก็ฟังกันไป ดูกันไป ผลสำรวจโพลก็เปลี่ยนทุกวัน 

เมื่อถามย้ำว่าโพลให้เรื่องก้าวข้ามความขัดแย้งเป็นอันดับหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ว่ากันไปเถอะ มันอยู่ที่พวกเราจะมองว่าขัดแย้งหรือไม่ขัดแย้ง พวกเราก็ดูกันเอาเอง อย่างน้อย ตนก็ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร พร้อมถามสื่อว่าถูกหรือไม่ ตนไม่ขัดแย้งกับสื่อ ไม่ขัดแย้งกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เพียงแต่เมื่อทำผิดกฎหมายก็ต้องรับกติกา ถือเป็นประชาธิปไตย ทุกประเทศที่มีประชาธิปไตย เขาก็มีกฎหมายของเขา พร้อมถามว่าประเทศไหนไม่มีบ้าง แล้วประเทศไหนไม่ใช้กำลัง ในวันนี้ที่มีความรุนแรงเกิดขึ้น มีหรือไม่ ประเทศไทยถือว่าเบาที่สุดแล้ว ตนไม่อยากให้เกิดขึ้น ระมัดระวังอย่างที่สุดแล้ว


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top