Monday, 13 May 2024
ประวิตรวงษ์สุวรรณ

‘บิ๊กป้อม’ ปล่อยคาราวาน ‘พปชร.’ หาเสียงทั่ว กทม. เริ่มขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ไปจนถึงวงเวียนใหญ่

(13 พ.ค.66) ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำแกนนำพรรคพปชร. เคารพธงชาติ ก่อนปล่อยคาราวานรถหาเสียงโค้งสุดท้ายทั่วกทม. เพื่อให้กำลังใจผู้สมัครส.ส.ทั่วประเทศ พร้อมเชิญชวนประชาชนเข้าคูหาเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค.นี้ ว่า วันนี้เป็นการหาเสียงวันสุดท้าย และเราจะยุติการหาเสียงในเวลา 18.00 น. ขอให้ผู้สมัครทุกคนทำงานให้เต็มที่เพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเรา และความแข็งแกร่งของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะช่วยเหลือประชาชนต่อไป ขอฝากให้ช่วยกัน  

จากนั้นพล.อ.ประวิตร โบกธงด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และปล่อยขบวนแห่ โดยมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และหัวหน้าทีมรับผิดชอบดูแลกทม. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ที่ปรึกษาคณะกรรมการฝ่ายจัดทำนโยบาย ขึ้นขบวนรถแห่ แยกย้ายไปตามเส้นทางต่างๆ เริ่มปล่อยขบวนตั้งแต่หน้าพรรค ผ่านห้าแยกลาดพร้าว อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผ่านแยกยมราช เข้าถนนหลานหลวง ไปอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สะพานพุทธ และจบที่วงเวียนใหญ่

‘บิ๊กป้อม-ชัชชาติ’ ร่วมพิธีปิดซีเกมส์ 17 พ.ค. นี้ พร้อมรับธงซีเกมส์ ในฐานะเมืองเจ้าภาพครั้งต่อไป

(16 พ.ค. 66) พิธีปิดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 จะมีขึ้นในวันที่ 17 พฤษภาคม ที่สนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโช โดยมีพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี ส่วนผู้แทนประเทศไทยจะมี ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย, ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย, นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ร่วมในพิธี โดยจะมีการถ่ายทอดสดทางช่อง T SPORTS 7 เวลา 18.00-20.30 น.

สำหรับพิธีการเจ้าภาพยังคงนำเสนอศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชาส่งท้ายการเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ครั้งแรกของประเทศ ส่วนไทยจะมีการแสดงชุด ‘สวัสดี ซีเกมส์’ ที่ออกแบบและแสดงโดย ‘คิดบวกสิปป์’ กลุ่มคนรักนาฏศิลป์ที่ออกแบบการแสดงที่แปลกใหม่ จนคว้าแชมป์การแข่งขันไทยแลนด์ ก็อต ทาเลนต์ ซีซั่น 1 มาเมื่อปี พ.ศ. 2554 เพื่อรับมอบธงเจ้าภาพต่อในการจัดการแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ในปี 2025 โดยมีนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายนิติ วิวัฒน์วานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี, นายเจษฎา จิตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รวมทั้งนายประชุม บุญเทียม รองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ร่วมรับมอบธงเจ้าภาพ ในฐานะเมืองเจ้าภาพร่วมในครั้งหน้า

‘ลุงป้อม’ ชื่นชม การแก้ไขปัญหานำร่องที่ดินคืบหน้า ย้ำ ต้องเร่งช่วยเหลือ ให้ทั่วถึงทุกภาค

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีพร้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่ดินทำกิน และการบริหารจัดการน้ำให้ทั่วถึงตามนโยบายของรัฐบาล

โดย พล.อ. ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปที่ว่าการ อ.หนองไผ่ มี ผวจ. เพชรบูรณ์ และ หน.ส่วนราชการต่างๆให้การต้อนรับ เพื่อรับทราบความคืบหน้าการการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล จาก ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ซึ่งในภาพรวมพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ สามารถบริหารจัดการพื้นที่จาก ป่าห้วยทินและป่าคลองตีบ ป่าลุ่มน้าป่าสักฝั่งซ้าย ป่าห้วยน้าโจนและป่าวังสาร ป่าวังโป่ง ชนแดนและป่าวังกำแพง ให้ชุมชนได้แล้วถึง 12,224 ไร่ ประชาชนสามารถเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าร่วมกันได้เกือบ 1,215 ราย

ต่อจากนั้นได้กระทำพิธีมอบหนังสืออนุญาตเข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยภายในป่าสงวนแห่งชาติ ให้กับประชาชนที่ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน และมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน ( ส.ป.ก. 4-01) กับประชาชน ป่าเขาโปลกหล่น ต.ทุ่งสมอ และ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ รวมจำนวน 231 คน พื้นที่ 261 แปลง รวม 1,722 ไร่

พล.อ. ประวิตร’ กล่าวชื่นชมและพอใจ การทำงานร่วมกันของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ และส่วนราชการต่างๆที่ร่วมกับขับเคลื่อนแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกิน จากความเหลื่อมล้ำในการถือครองที่ดิน ตามนโยบายรัฐบาล

โดยย้ำขอให้ เร่งเข้าไปช่วยเหลือประชาชนอีกมาก ที่ยังไม่มีที่ดินทำกินให้ทั่วถึงทุกภาค โดยให้บริหารความสมดุลของการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ และให้ตามไปส่งเสริมพัฒนาอาชีพและสาธารณูปโภค เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน

ต่อจากนั้น บ่ายวันเดียวกัน ได้เดินทางไปติดตามความคืบหน้า การก่อสร้างระบบส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำคลองลำกง ต.วังดี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่เกษตรกรรมกว่า 5,000 ไร่

‘ลุงป้อม’ แก้ปัญหาน้ำ สานต่อโครงการตามแนวพระราชดำริฯ ป้องกันราษฎรขาดแคลนน้ำ อุปโภค-บริโภค-เกษตรกรรม

วันนี้ (12 มิ.ย.66) เวลา14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ลงพื้นที่ปฏิบัติราชการต่อเนื่อง จ.เพชรบูรณ์ หลังจากในช่วงเช้าได้เป็นประธานมอบหนังสืออนุญาต เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในป่าสงวนแห่งชาติ ตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) โดยในช่วงบ่าย พล.อ. ประวิตร และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อตรวจ ติดตามความคืบหน้า โครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำ อ่างเก็บน้ำคลองลำกุง ต.วังท่าดี อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 

พล.อ.ประวิตร และคณะ ได้รับฟังการบรรยายสรุปและรับทราบผลการดำเนินงานจาก  นายสุชาติ กาญจนวิลัย ผอ.โครงการชลประทานเพชรบูรณ์ ซึ่งโครงการดังกล่าว เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2519 โดยความรับผิดชอบของกรมชลประทาน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของราษฎรจากการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และการเกษตรกรรม ในขณะนั้น ต่อมาในปี 2547 - 2548 รัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริ ว่า " ควรพิจารณาวางโครงการเก็บกักน้ำตอนบน ของลำน้ำสาขาแม่น้ำป่าสัก ไว้ให้มากเพื่อใช้ในด้านการเกษตร และป้องกันอุทกภัย เนื่องจากน้ำเหนือเขื่อนป่าสักมีจำนวนมาก โดยให้พิจารณาจัดเก็บกักให้เหมาะสม " ทั้งนี้กรมชลประทานได้น้อมนำมาปฏิบัติ ซึ่งโครงการดังกล่าว มีระบบส่งน้ำแบ่งเป็นประเภท ระบบท่อส่งน้ำและระบบคลองส่งน้ำ มีความยาวรวม 99 ก.ม. และหากดำเนินการแล้วเสร็จ จะมีพื้นที่รับประโยชน์ที่เป็นพื้นที่เพาะปลูกในฤดูฝน จำนวน 50,000 ไร่ และในฤดูแล้ง จำนวน 22,000 ไร่ รองรับพื้นที่ 4 ตำบล ของ อ.หนองไผ่ จ. เพชรบูรณ์ ซึ่งการก่อสร้าง งป. ปี 62-70 ได้ดำเนินการไปแล้ว 78.93 % (1,250 ล้านบาท)

พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำชับ กรมชลประทาน ให้เร่งรัดการก่อสร้างระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำคลองลำกง ให้แล้วเสร็จโดยเร็วตามแผนงาน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของราษฎรในพื้นที่ ป้องกันการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค และเพื่อการเกษตรกรรม ตามแนวพระราชดำริฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการส่งเสริมการพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจท้องถิ่น จ.เพชรบูรณ์ และ จังหวัดใกล้เคียงด้วย จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับ อย่างเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับ กทม.

‘ลุงป้อม’ สั่งเข้ม ปิดเว็บพนัน-หลอกลวงทางการเงิน เพิ่มมาตรการเชิงรุกป้องกัน ‘ภัยไซเบอร์’ ทุกรูปแบบ

วันนี้ (14 มิ.ย. 66) เวลา 10.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (กมช.)

โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานเหตุการณ์ภัยคุกคามและผลการดำเนินงาน ที่มีผลกระทบอย่างมีนัย สำคัญ ต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ห้วง ต.ค.65 - มี.ค.66 จำนวน 943 เหตุการณ์ แยกตามภารกิจ หรือบริการสูงที่สุดได้แก่ หน่วยงานของรัฐด้านการศึกษา ,ภาครัฐอื่นๆ และด้านสาธารณสุข ตามลำดับ ซึ่งการปฎิบัติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่กระทบประชาชน มีจำนวน 113 เหตุการณ์ 24 หน่วยงาน และรับทราบผลการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ สำหรับระบบเลือกตั้ง (ศซล.) ห้วง 3-15 พ.ค.66 โดยมีการติดตามและรายงานสถานะความพร้อมที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง จำนวน 6 ระบบ ภาพรวมเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ขอบคุณ สำนักงาน คณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.)ที่เฝ้าระวังเหตุการณ์ห้วงดังกล่าว สามารถติดตามข่าวสาร ได้อย่างใกล้ชิด และยับยั้ง หรือแก้ไขปัญหาภัยคุกคามทางไซเบอร์ได้ อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ รวมถึงที่ประชุม ได้รับทราบการลงนามบันทึกความเข้าใจ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆมากขึ้น ทั้งกับหน่วยงาน ในประเทศ และต่างประเทศด้วย รองรับการพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ ต่อไป

จากนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) ข้อตกลง การเชื่อมต่อระบบแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนข้อมูลภัยคุกคาม ภายใต้โครงการพัฒนาแพลตฟอร์ม สำหรับการรับและแบ่งปันเหตุการณ์ภัยคุกคามทางไซเบอร์ เพื่อเชื่อมต่อระบบให้สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร ในการเฝ้าระวัง และขยายเครือข่ายความร่วมมือ ระหว่าง สกมช.กับหน่วยงานอื่น ทั้งภายในและภายนอกประเทศ และเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ระหว่าง สกมช.กับ สำนักงาน ปล.สธ.รวมทั้งเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือการส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรและนำระบบคุณวุฒิวิชาชีพ ไปใช้ในสถานประกอบการ

พล.อ.ประวิตร ยังได้กำชับให้ สกมช. ให้เร่งขับเคลื่อนมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามทางไซเบอร์ อย่างต่อเนื่อง เข้มข้นเชิงรุก เน้นป้องกันข้อมูลภาครัฐ และคุ้มครองส่วนบุคคล ต้องเพิ่มระดับความร่วมมือกับทุกหน่วยงานให้มากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ และคนไทยให้มีประสิทธิภาพ พร้อมย้ำให้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กำกับและสนับสนุน การดำเนินงานของ สกมช. อย่างเต็มที่ด้วย

อย่าเพิ่งทิ้งประเด็น ‘รัฐบาลเสียงข้างน้อย’ ระวัง ‘พีระพันธุ์-ลุงป้อม’ เสียบเงียบๆ

จนถึงวินาทีนี้ สังคมนอกวงจัดตั้งรัฐบาล ไม่มีใครทราบว่า ตกลงตำแหน่งประธานสภา ที่จะต้องเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่งนั้น เป็น ใคร เป็นโควต้าพรรคไทย ของก้าวไกล หรือเพื่อไทย

ภูมิธรรม เวชชยชัย เสี่ยอ้วน แห่งเพื่อไทย ไข่ข่าวเล่าแจ้งว่า จนถึงเวลานี้ยังอยู่ในจุดเดิม คือจุดที่เพื่อไทยยืนยัน เมื่อก้าวไกลได้เก้าอี้ประมุขฝ่ายบริหารไปแล้ว กับจำนวน ส.ส.ในมือ 151 เสียง เพื่อไทย 141 เสียง พรรคอันดับสอง จึงควรได้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ

แต่เพื่อความชัวร์ ก้าวไกลในฐานะพรรคแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ก็ยืนยันว่า ประธานสภาต้องเป็นของก้าวไกล ชัวร์ในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี และการบรรจุระเบียบวาระสำคัญๆต่างๆของรัฐบาล

ที่จะต้องระวังเป็นที่สุด คือ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และคาดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็น ส.ส.แล้ว จะต้องมีคนไปร้องซ้ำ ให้ กกต.พิจารณาส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติของพิธาว่า ขัดต่อรัฐธรรมนูญ หรือขัดต่อกฎหมายเลือกตั้งหรือไม่

ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับไว้พิจารณา ประธานสภา ถ้าเป็นของเพื่อไทยจะกล้าบรรจุวาระการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีชื่อของพิธาจ่อเข้าโหวตอยู่หรือไม่ เพื่อความชัวร์ก้าวไกล จึงต้องได้เก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติด้วย

ที่ประชุมของคณะทำงานจัดตั้งรัฐบาลจบลงตรงที่ให้เพื่อไทย และก้าวไกล ไปหารือกันเอง ซึ่งเพื่อไทยก็ยืนยันในข้อเสนอเดิม ก้าวไกลรับไปพิจารณา แต่ไม่มีคำตอบกลับมายังเพื่อไทย “เงียบสนิท”

จตุพร พรหมพันธุ์ ประธานคณะหลอมรวม ไม่รู้มีข้อมลอินไซเดอร์มาจากไหน จึงออกมาฟันธงว่า “พิธา-อุ้งอิ้ง-เศรษฐา” ไม่มีใครได้เป็นนายกฯ ในสถานการณ์ที่พรรคร่วมยังคุยกันไม่ลงตัว
“จตุพร”ฟันธงด้วยว่า น่าจะมีประธานสภาปรองดอง จะชื่อ “สุชาติ ตันเจริญ” อดีตรองประธานสภา ซึ่งพ่อมดดำเป็นชื่อที่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนี้เพื่อความปรองดอง

ไม่มีใครปฏิเสธว่า สุชาติ เป็นผู้มากบารมี รู้จักนักการเมืองทั้งขั้วประชาธิปไตยและขั้วรัฐบาลเก่า แม้วันนี้ พ่อมดดำจะสังกัดเพื่อไทย แต่ก็มีลูกน้องเก่าอยู่ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย อยู่ไม่น้อย

ประเด็นอยู่ที่ว่า ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสภา และบรรจุระเบียบวาระเลือกนายกรัฐมนตรี เข้าสู่การพิจารณา ในสถานการณ์ที่อะไรก็ยังไม่ลงตัว ก้าวไกล เสนอชื่อพิธา ชิงนายกรัฐมนตรี ส่วนซีกรัฐบาลเดิม เช่น พลังประชารัฐ เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคลงชิง หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ เสนอชื่อ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรค ลงแข่งด้วย ก็อาจจะมีเกมพลิกได้

เกมพลิก เพราะซีกรัฐบาลเดิมมีอยู่ 188 เสียง เมื่อบวกรวมกับ สว.250 เสียง ก็จะมีเสียงรวมกับ 438 เสียง หรือตัดไปสัก 50 เสียง ก็ยังมากพอที่จะชนะโหวตได้ และเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่ขอให้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน เชื่อว่า จะมี ส.ส.เลื้อยไหลเข้ามาเอง หรือด้วยแรงดูดมากินกล้วย ฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านเก่า แต่ป้อนกล้วย ป้อนข้าว ป้อนน้ำให้กิน รัฐบาลเสียงข้างน้อยก็พอจะถูกไถไปได้

การเมืองไทยไม่มีอะไรแน่นอน อย่าได้ประมาทกับคำทำนายของจตุพร โดยเฉพาะประเด็นจะมีงูเห่าเลื้อยเพ่นพ่านเต็มสภา   

‘พล.อ.ประวิตร’ เดินทางเข้ารายงานตัว ส.ส.บัญชีรายชื่อชุดที่ 26 พร้อมเดินหน้าทำงานให้ประชาชนและประเทศชาติ

วันนี้ (20 มิ.ย. 66) เวลา 14.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้เดินทางเข้ารายงานตัวเป็นวันแรก หลังที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยในวันเดียวกันมีส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐบางส่วนเริ่มทยอยรายงานตัวต่อ สภาผู้แทนราษฎร เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งในการเดินทางมาสภาฯครั้งนี้ มี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มารอให้การต้อนรับ
       
จากนั้นเมื่อรายงานตัวเสร็จสิ้น พล.อ.ประวิตร ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายงานทีวีสภา โดยระบุว่า ตนขอขอบคุณที่ได้เลือกพรรคพลังประชารัฐเข้ามารับใช้ประชาชน รับใช้ประเทศชาติ รับใช้ประชาชนรวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์เพื่อที่จะให้เกิดความมั่นคงแก่ชาติบ้านเมืองของเราต่อไป ก็ต้องขอขอบคุณท่านที่มาลงคะแนนเสียงให้พรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นผู้แทนราษฎรในครั้งนี้

"ผมก็อยากจะเห็นร่วมมือของ ส.ส.ทุกท่านได้ร่วมทำงานให้ประชาชนเพื่อประเทศชาติ และ เพื่อแผ่นดินที่รักยิ่งของเราคือสถาบันพระมหากษัตริย์นะ เพื่อที่จะให้พัฒนาชาวราษฎรสืบไป เพราะประเทศเราก็มีสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ฝากกับทุกท่านด้วยว่า ท่านจะทำงานด้วยความร่วมมือร่วมแรงกันอาศัยความร่วมไม้ร่วมมือนั้น เพื่อต่อยอดทำให้ประเทศชาติของเราพัฒนาก้าวได้ต่อไป"

พลเอกประวิตร กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า อยากเห็นความร่วมร่วมมือกันระหว่าง ส.ส. และก็อย่าใช้อารมณ์ซึ่งกันและกันในสภา ทุกอย่างก็เป็นไปตามเรื่องของประชาธิปไตยอันดีงาม อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และทุกอย่างก็เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ จึงอยากจะฝากกับทุกท่านว่า ขอให้ทุกคนทำงานร่วมไม้ร่วมมือกันเพื่อประเทศชาติ และประชาชนของเราให้มีความอยู่ดี กินดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของเราทุกคนนั้นเป็นอยู่ต่อไปครับตราบชั่วกาลนานเทอญ

ทั้งนี้เมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พร้อมกับ โชว์ใบรับรอง ส.ส. และบัตรประจำตัวส.ส.ต่อสื่อมวลชนอย่างอารมณ์ดี และย้ำว่า ไม่รู้สึกตื่นเต้น เพราะเคยเป็นสมาชิกรัฐสภาเมื่อปี พ.ศ.2551 จึงมีความคุ้นเคยดี 

นอกจากนี้ สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ได้สรุปภาพรวมการรายงานตัว ส.ส. ชุดที่ 26 วันแรก (20 มิ.ย.66)ของการรายตัว โดยในส่วนของพรรคพลังประชารัฐ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมารายงานตัวจำนวน 17คนประกอบด้วย จังหวัดสงขลา 1.ร.อ. ธรรมนัส  พรหมเผ่า พรรคพลังประชารัฐ. จังหวัดพะเยา 2. นายไผ่  ลิกค์  พรรคพลังประชารัฐจังหวัดกำแพงเพชร3. นายอรรถกร ศิริลัทธยากร พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดฉะเชิงเทรา4.นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข  พรรคพลังประชารัฐจังหวัดตาก 5.นายคอซีย์ มามุ พรรคพลังประชารัฐจังหวัดปัตตานี 6. นายชัยมงคล ไชยรบ พรรคพลังประชารัฐจังหวัดลพบุรี 7. นายฉกาจ  พัฒนกิจวิบูลย์พรรคพลังประชารัฐจังหวัดพังงา8 . น.ส.กาญจนา  จังหวะ  พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดชัยภูมิ9. นางขวัญเรือน เทียนทอง. พรรคพลังประชารัฐจังหวัดสระแก้ว 10. นายปกรณ์ จีนาคำ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดแม่ฮ่องสอน11. นายสุธรรม จริตงาม  พรรคพลังประชารัฐ   จังหวัดนครศรีธรรมราช  12. นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดสงขลา 13.นางรัชนี พลซื่อ  พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดร้อยเอ็ด14. นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดราชบุรี15.นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดเชียงใหม่ 16. นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนราธิวาส17. นายสัมพันธ์  มะยูโซ๊ะ พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดนราธิวาส
 

'ชัยวุฒิ' ชี้ การโหวต ‘ประธานสภา’ ต้องรอประชุมพรรค ตอบไม่ได้ฟรีโหวตหรือไม่ ปัดไม่ทราบกระแสข่าวร่วมมือเพื่อไทย

เมื่อเวลา 07.35 น. วันที่ 26 มิ.ย. ที่วัดราชบพิตรสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพฯ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เดินทางกลับมาจากอังกฤษแล้ว วันนี้มีการประชุมค้ามนุษย์ เมื่อถามถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นายชัยวุฒิ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว และมีการดำเนินการหาเสียงมาโดยตลอด ส่วนการจะเป็นนายกฯหรือไม่ก็อยู่ที่การเลือกตั้งและลงมติในสภา 

เมื่อถามว่าในพรรคพลังประชารัฐ ได้มีการพูดคุยหรือส่งสัญญาณเรื่องนี้หรือไม่ นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ เมื่อถามถึงการดำเนินการทางการเมืองของพรรคจากนี้ไป นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้พรรคมี ส.ส. 40 คน ได้มีการประชุมและเตรียมความพร้อมอยู่แล้วในการทำงานในสภา ดำเนินการตามนโยบายพรรคและแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนก็จะทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่า การโหวตประธานสภามักจะมีแนวทางโหวต นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ ยังไม่ได้พูดคุยกัน เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐจะร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย ในการโหวตประธานสภา นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ พร้อมถามกลับว่าในกระแสข่าวมีการร่วมมือกันหรือ 

เมื่อถามว่า จะประชุมถึงแนวทางการโหวตประธานสภาเมื่อไหร่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ประมาณวันจันทร์-อังคารนี้ และไม่ทราบว่าที่ประชุมจะให้เป็นมติพรรคหรือฟรีโหวต ทั้งนี้เป็นปกติที่ทุกพรรคจะมีการประชุมกันก่อนที่จะลงมติอะไร เพราะเป็นเรื่องสำคัญ

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ พล.อ.ประวิตร เดินทางไปต่างประเทศ ไปพบกับคนในพรรคเพื่อไทย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะไม่ได้ไปด้วยเลยตอบแทนไม่ได้ ต้องไปถามคนที่ไป และตนยังไม่ได้เจอ พล.อ.ประวิตร จึงไม่ได้พูดคุยกัน

‘ลุงป้อม’ แจงบินไปอังกฤษ แค่เรื่องสุขภาพ ปัดดีล ‘ทักษิณ’ บอกไม่ได้โทรคุย ไม่ได้เจอกัน 18 ปีแล้ว

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงกรณีถูกจับตาในการเดินทางไปอังกฤษ ว่า ไปเรื่องสุขภาพ ดูแลร่างกายตัวเองส่วนไม่มีดีลลับหรือไปคบกับใครใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่พบ พบกับใครอ่ะ เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวไปพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนจะไปพบได้อย่างไรเล่าไม่เจอกัน 18 ปีแล้ว เมื่อถามต่อว่าไม่ได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกันใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไม่มี โทรก็ไม่พูดกัน ไม่เคยพูดกัน

ส่วนกระแสข่าวหากมีการเสนอชื่อ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกรัฐมนตรี จะพร้อมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงตรงนั้น ต้องรอไปก่อน เมื่อถามถึงการประชุมกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐจะมีการกำชับอะไรหรือไม่นั้น พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ก็เรื่องทั่วๆไปของ ส.ส.ใหม่ เพื่อให้ปฏิบัติตามกฎของสภา ส่วนจะมีการพูดคุย ถึงการโหวตประธานสภาด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ปฏิเสธว่า ไม่ ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน เดี๋ยวพูดกันในพรรคอีก ก็ต้องดูว่ามติในพรรคเป็นอย่างไร ส่วนจะเป็นไปในรูปแบบฟรีโหวตหรือรูปแบบมติพรรค ยังไม่รู้เลย ต้องประชุมก่อน
เมื่อถามถึงกระแสข่าวการที่พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ไม่มีๆ ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพล.อ.ประวิตร กับพรรคเพื่อไทย หากมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี กรณีต้องฝ่าทางตันทางการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ก่อนเดินขึ้นรถกลับทันที อย่างไรก็ตามท่าทีของพล.อ.ประวิตร ทั้งช่วงก่อนและหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีมีท่าทีที่ยิ้มแย้มอารมณ์ดี

‘ลุงป้อม’ ลั่น จะขออยู่ ‘พลังประชารัฐ’ จนวันตาย ติวผู้แทนใหม่ ยึดประโยชน์ชาติ ไม่ยึดประโยชน์ตัวเอง 

วันนี้ (2 ก.ค. 2566) เวลา 14.15 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ กล่าวมอบแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของ ส.ส. ว่า ก่อนอื่นตนขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ รวมไปถึงคณะกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์ คณะกรรมการนโยบาย รวมไปถึงสมาชิกของพรรค พปชร.ทุกคน ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคขอแสดงความยินดีกับ ส.ส.ใหม่ทุกท่านด้วยความยินดียิ่งที่ท่านได้รับความไว้วางใจจากประชาชนจนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมามีการแข่งขันกันอย่างเข้มข้นมากกว่าทุกครั้ง จากข้อมูลการเลือกตั้งมีพรรคการเมืองมาเสนอให้กับพี่น้องประชาชนเลือกถึง 67 พรรค และมากกว่า 4,000 หน่วย 400 เขตเลือกตั้ง ซึ่งมีประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งกว่า 75% สูงที่สุดในประวัติการณ์ แม้ว่าพรรค พปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนมาเป็นอันดับ 4 ก็ตาม แต่ก็ได้รับเลือกตั้งมาเป็นตัวแทนประชาชนจากทั่วทุกภูมิภาค ยกเว้นกรุงเทพมหานคร จึงถือได้ว่า พวกเราได้รับความศรัทธาจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะ ส.ส.ที่ได้นั่งอยู่ในห้องนี้ผ่านการแข่งขันที่รุนแรงอย่างมาก แต่ก็เอาชนะมาได้ เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะต้องนำผลการเลือกตั้งไปปรับปรุงเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า ตนได้แถลงขอบคุณประชาชนทั้งประเทศที่ให้ความไว้วางใจในพรรค พปชร. ไปแล้วตั้งแต่ในวันที่เสร็จสิ้นการเลือกตั้ง และตอนนี้ตนขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับพรรค พปชร.ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่ทำงานอยู่ร่วมกันอย่างเหน็ดเหนื่อย รวมไปถึงผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคทุกคน ทุกเขตที่ได้ทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ทำงาน และมีส่วนร่วมสนับสนุนการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเป็นอย่างดี

“ถึงวันนี้พรรคพลังประชารัฐของเราจะต้องเดินไปข้างหน้าตามอุดมการณ์ ตามเจตจำนงของพรรคที่ขออาสาเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน เพื่อเป็นพรรคการเมืองของประชาชนตามระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ผมขอยืนยันว่าจะดูแลพรรคพลังประชารัฐไปตลอดชีวิตของผม เท่าที่ผมมี เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าผมจะลาออกหรือไปที่ไหน อย่างไรก็จะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐตลอดไป”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า หลังจากพิธีเปิดประชุมรัฐสภา 3 ก.ค.จะมีการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร รองประธาน สภาฯในวันที่ 4 ก.ค. จากนั้นจะมีการเลือกนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ไม่ว่าผลการจัดตั้งรัฐบาลจะออกมาในรูปใดก็ตาม พรรค พปชร. ยังจะเป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อรับใช้ประชาชนต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง

หัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า การปฐมนิเทศวันนี้ ตนอยากให้เป็นจุดเริ่มต้นที่รวมบุคลากรคนสำคัญของพรรค ไม่ว่าจะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม จะต้องร่วมกันทำงานเพื่อให้พรรค พปชร.เป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป โดยเฉพาะ ส.ส.ใหม่หรือคนเก่า ไม่ว่าสมัยที่แล้วอยู่พรรคใด แต่วันนี้จะต้องมารวมกันเป็นหนึ่งเดียวของพรรค พปชร. จะต้องทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯอย่างเต็มที่ จะต้องทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ตาม เมื่อประชาชนให้ความไว้วางใจสนับสนุนพวกเรา เราต้องทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ อยากจะให้ข้อคิดกับ ส.ส.ทุกท่าน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และมติข้อบังคับของพรรค อย่างเคร่งครัด รวมถึงจะต้องมีจริยธรรม โดย ส.ส. พรรค พปชร.จะต้องเป็นเอกภาพ ไม่มีการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนเพื่อเรียกร้องผลประโยชน์ใดๆ ก็ตาม

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ทุกอย่างที่ตนพูดในวันนี้ไม่ใช่ว่าจะก่อประโยชน์ให้กับคนใดคนหนึ่ง แต่จะก่อให้เกิดประชาชนและประเทศชาติ ส.ส.ของพรรคเราจะยึดประเทศชาติเป็นที่ตั้งไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรค และจะต้องรักษาผลประโยชน์ของพรรค ไม่ใช่ประโยชน์ส่วนตัว หากทุกคนปฎิบัติตามนี้แล้ว เชื่อมั่นว่าพรรค พปชร.จะเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็ง และจะเป็นที่พึ่งของประชาชนตลอดไป การปฐมนิเทศวันนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ ส.ส.จะได้ทำหน้าที่เป็น ส.ส.ของพรรค พปชร.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 26 ขอให้กำลังใจแก่ทุกท่านให้ปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.อย่างมีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้ทุกประการ


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top