Monday, 13 May 2024
ประวิตรวงษ์สุวรรณ

‘บิ๊กป้อม’ แรงใจดี!! กลับจากอีสาน มุ่ง ‘ปทุมธานี’ ติดตาม - เร่งรัดโครงการพัฒนาคลอง-สถานีสูบน้ำ

(8 ก.พ.66) เวลา 14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี /ผอ.กอนช. พร้อมคณะได้เดินทางไปตรวจราชการ ณ จ.ปทุมธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และโครงการป้องกันอุทกภัย รวมทั้งโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่สำคัญในพื้นที่ จ.ปทุมธานี และลุ่มน้ำเจ้าพระยา

โดยเมื่อ เดินทางถึงศาลากลางจังหวัด พล.อ.ประวิตร ได้ประชุมหารือร่วมกับ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ. (ผู้ว่า หมูป่า), เลขาฯ สทนช., รองอธิบดีกรมชลประทาน, รองอธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยสรุป จ.ปทุมธานี พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา และในทุก ๆ ปี จะประสบปัญหาจากสถานการณ์น้ำท่วม ในช่วงฤดูฝน โดยปีที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากภาวะน้ำหลาก เข้าท่วมบ้านเรือน และพืชสวนไร่นา สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านและเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยได้ให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งเตรียมมาตรการรองรับทั้งแผนงาน/โครงการระยะสั้น และระยะยาว ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญ แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยกำชับ สทนช., จังหวัด, กรมชลประทาน, กรมโยธาธิการและผังเมือง ตลอดจน กรมทางหลวง ให้บูรณาการทำงานแก้ไขปัญหาร่วมกัน ทั้งการสูบน้ำ การระบายน้ำ การพัฒนาแหล่งน้ำ การเตรียมความพร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์ระบบระบายน้ำ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานตลอดเวลา และการแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ ให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว ควบคู่การเตรียมแผนเผชิญเหตุ รองรับภัยพิบัติในการช่วยเหลือประชาชนให้ได้ ทันท่วงที โดย ผวจ.ได้รายงานให้ทราบเพิ่มเติมด้วยว่า ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ได้รับการช่วยเหลือ และเงินเยียวยาแล้ว จึงได้ฝากมาขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และ รัฐบาลในโอกาสนี้ด้วย

‘บิ๊กป้อม’ คิกออฟ 2 นโยบาย ‘ที่ดินทำกิน - จัดการน้ำ’ โว!! พร้อมขจัดความจน ช่วย 20 ล้านคน มีที่ดินทำกิน

(10 ก.พ. 66) เมื่อเวลา 15.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร.เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมพิจารณาร่างนโยบายพรรค เรื่อง การแก้ไขปัญหาความยากจน ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง เพื่อมอบหมายผู้รับผิดชอบ จัดทำรายละเอียดแผนดำเนินการ จัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ และจัดทำข้อมูลเตรียมการปราศรัยนโยบาย

โดยมีคณะทำงานเข้าร่วม พร้อมเพรียง อาทิ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในฐานะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพิพัฒน วงษ์ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ นายอภิชัย เตชะอุบล กรรมการบริหารพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายอรรถกร ศิริลัทยากร ส.ส.ฉะเชิงเทรา 

พล.อ.ประวิตร แถลงว่า เราทำเรื่องที่ดินคทช.โดยจัดซื้อที่ดิน เพื่อนำไปแจกจ่ายให้ประชาชน ต่อเนื่องกว่า 5 หมื่นไร่ เพื่อนำไปให้ประชาชนที่ยากจน สำหรับอยู่อาศัยปลูกบ้านกว่า 2 หมื่นหลัง การดูแลปัญหาเรื่องที่ดินเป็นเรื่องซับซ้อน ต้องช่วยดูแล รวมถึงกรณีที่มีการบุกรุกป่า ฉวยโอกาส นำไปเอื้อประโยชน์นายทุน ก็ต้องดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับทุกคน จากวันนี้จะเร่งรัดให้ทีมงานที่ได้รับมอบหมายไปทำให้บรรลุเป้าหมาย และให้ผู้สมัครทุกเขตเลือกตั้งชี้แจงให้ประชาชนทราบ เพราะการสร้างการรับรู้เรื่องที่ดินค่อนข้างยาก ต้องชี้แจงให้ชัดเจนให้ทุกคน 
โดยเฉพาะคนยากจน มีสิทธิ์ในที่ดินทำกิน

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ตรวจแผนพัฒนาแหล่งน้ำ - มอบที่ทำกิน ขจัดความยากจน - พา ปชช. ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำ

(13 ก.พ. 66) เวลา 14.00 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมว.ศธ., รมช.คลัง, รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการพัฒนาทรัพยากรน้ำ และแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี

โดยเมื่อเดินทางถึง ที่ทำการโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ได้ร่วมประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุป จาก ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ., รองเลขาฯ สทนช., อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, กรมชลประทาน ,ผอ.สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปภาพรวม จ.กาญจนบุรี อยู่ในพื้นที่ ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำท่วมมักเกิดจากน้ำหลากจากเทือกเขาต้นน้ำ ลำน้ำระบายได้ช้า เนื่องจากมีสิ่งกีดขวาง และลำน้ำตื้นเขิน ปัญหาภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนน้อย และฝนทิ้งช่วง ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และความต้องการจากการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ทั้งงบปี 61-65, งบกลางปี 65 และงบบูรณาการปี 66 รวมทั้งอีก 3 โครงการสำคัญ วงเงิน 16,669 ล้านบาท ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ 75,469 ครัวเรือน ได้แก่ โครงการขยายความจุอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะที่ 1 และโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมทั้งดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล และขยายระบบส่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะ อ.เลาขวัญ และอ.ห้วยกระเจา ซึ่งประสบภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเรียกว่าเป็น ‘อีสาน จ.กาญจนบุรี’

‘บิ๊กป้อม’ ลุย ‘เมืองจันท์-ตราด’ แก้ปัญหาน้ำ-ที่ดินทำกิน พร้อมปลุกเกษตรกรรุ่นใหม่ พัฒนาเกษตรไทยให้ยั่งยืน

(20 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนานกรัฐมนตรี พร้อมทั้ง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางลงพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาที่ดินทำกิน และการบริหารจัดการน้ำพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมี ผวจ.จันทบุรี ผวจ.ตราด เลขา สทนช. และ หน.ส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

โดยได้รับทราบความคืบหน้า การแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ต้องการแก้ปัญหาความยากจนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการกระจายการถือครองที่ดินทำกินอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนให้มีที่ดินทำกินเป็นของตนเองและมีที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ผ่าน ผวจ.จันทบุรี และตัวแทนเกษตรกร พร้อมทั้งเยี่ยมชมแปลงเกษตรวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรรุ่นใหม่พัฒนาและพบปะรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ อ.โป่งน้ำร้อน

โดย พล.อ.ประวิตร ได้แสดงความขอบคุณ สถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) หรือ บจธ. ที่ขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่ดินทำกินอย่างมีพัฒนาการและก้าวหน้าในทุกด้าน โดยได้มอบสิทธิที่ดินทำกินแล้วในหลายพื้นที่ เช่น เชียงใหม่ นครราชสีมา และตาก โดยย้ำ ส่วนราชการในพื้นที่ และ บจธ. ขอให้ความสำคัญ ในการป้องกันการสูญเสียสิทธิที่ดินทำกินให้เกษตรกรจากการจำนองและการขายฝาก เพื่อให้เกษตรกรยังคงสิทธิในที่ดินทำกินของตนเอง ตลอดจนส่งเสริมและสนับสนุนการใข้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มศักยภาพ รวมทั้งการแก้ปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนไปพร้อมกัน

‘บิ๊กป้อม’ ลุยตราด ติดตามมาตรการรับมือฤดูแล้ง พร้อมสั่งเตรียมแหล่งน้ำสำรอง รองรับพื้นที่ EEC

(20 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส, รมว.ศธ., รมช.คลัง, รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ต่อเนื่องจากช่วงเช้า (จ.จันทบุรี) เพื่อไปปฎิบัติราชการพื้นที่ จ.ตราดในช่วงบ่าย โดยเมื่อเดินทางถึง โครงการแก้มลิงหนองฉุงใหญ่ อ.เขาสมิง จ.ตราด มีนายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผวจ. ให้การต้อนรับ

จากนั้นได้รับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมสถานการณ์น้ำ จาก เลขาฯ สทนช. ต่อด้วยอธิบดีกรมชลประทาน เกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ และอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำได้รายงานผลการอนุรักษ์ฟื้นฟูแหล่งน้ำในพื้นที่ รวมทั้ง นายก อบต.ประณีต ได้รายงานผลการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ในระดับชุมชน ที่สำคัญโดยสรุป จ.ตราด พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออก มีลำน้ำสำคัญ คือแม่น้ำตราด และมีฝนตกชุกเกือบตลอดปี มีโครงการสำคัญ ที่รัฐบาลสนับสนุนการบริหารจัดการน้ำ เพื่อป้องกันน้ำท่วมและแก้ปัญหาภัยแล้ง ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ได้แก่ โครงการแก้มลิงฉุงใหญ่ สามารถช่วยเหลือเกษตรกรได้ 1,000 ไร่ 1,244 ครัวเรือน และยังช่วยชะลอการไหลของน้ำ บรรเทาการเกิดอุทกภัยพื้นที่ตอนล่าง โครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูคลอง ทรายขาว-หนองหวีด-คุ้งกะปาง ช่วยพื้นที่เกษตรได้ 6,000 ไร่ รวมถึง โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคุณภาพน้ำบริโภค และโครงการงานปิดกั้นคันดินกั้นน้ำเค็มชั่วคราว คลองเวฬุ-ท่าเสมอ เป็นต้น

‘บิ๊กป้อม’ วิดีโอคอลให้กำลังใจกลุ่มผู้พิการ โปรยยิ้มหวาน หลังเจอหยอด “รักจริงๆ ไม่ติงนัง”

(22 ก.พ. 66) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก FC ลุงป้อม ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่กลุ่ม FC ลุงป้อม ได้เข้าเยี่ยมและให้กำลังใจผู้พิการ ที่มูลนิธิส่งเสริมและพัฒนาคนพิการ จ.นนทบุรี โดยผู้พิการและคุณครูในมูลนิธิ อยากเห็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอยากพูดคุย

ก่อนที่ พล.อ.ประวิตรจะวิดีโอคอลเข้ามาพูดคุยกับกลุ่มผู้พิการ ท่ามกลางเสียงปรบมือ และแสดงความดีใจที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร โดยตรง โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวทักทาย “สวัสดีทุกคน สบายดีนะครับ ขอบคุณในกำลังใจ และขอให้โชคดีทุกคน”

ทั้งนี้ ตัวแทนผู้พิการในมูลนิธิ ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นกำลังใจให้กลุ่มผู้พิการมาโดยตลอด รวมทั้งผลักดันนโยบาย และโครงการที่ส่งเสริมสวัสดิการ และคุณภาพชีวิตให้กับผู้พิการทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอให้ พล.อ.ประวิตร รักษาสุขภาพ และขอเป็นกำลังใจให้กับ พล.อ.ประวิตร ในการทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

‘บิ๊กป้อม’ ลงพื้นที่ ‘อุดรฯ-หนองคาย-เลย’ เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ตั้งเป้าอีสานมีน้ำใช้ตลอดปี

(24 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผวจ. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี 65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี 66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6 แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

'บิ๊กป้อม' เปิดใจ เหตุผล ที่ยังไม่หยุดเล่นการเมือง และทำไมต้อง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’

(27 ก.พ. 66) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เผยแพร่ผ่านเพจ ‘พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ’ เรื่อง ทำไมต้อง ‘ก้าวข้ามความขัดแย้ง’ เนื้อหาระบุ เพราะแม้จะมีเหตุผลมากมายที่หลายคนเห็นว่าผมควรจะหยุด และกลับไปใช้ชีวิตสบาย ๆ ซี่งจะทำให้ผมมีความสุขมากกว่า เนื่องจากชีวิตไม่ได้รู้สึกขาดแคลนอะไรแล้ว

และนั่นทำให้ผมคิดแล้ว คิดอีกอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ในที่สุดแล้ว ผมตัดสินใจที่จะทำงานต่อ แน่นอนว่าเหตุผลหนึ่งคือ ผมผูกพันกับคนที่ร่วมสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ขึ้นมาจนประสบความสำเร็จ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศมาเกือบครบ 4 ปีเต็ม ๆ

ทุกคนล้วนมีความหวัง ความฝันที่จะทำงานการเมืองต่อไป ทุกคนต่างร่วมทำงานหนักกันมา เมื่อถึงวันที่จะต้องลงเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าครั้งนี้จะเป็นการแข่งขันที่เข้มข้น การต่อสู้รุนแรงมาก ใครไม่พร้อมก็ยากที่จะเดินต่อไปได้ ผมจะคิดแค่เอาตัวรอด ทิ้งเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมสร้าง ‘พรรคพลังประชารัฐ’ ที่ยังมีความฝันอยู่เต็มเปี่ยมได้อย่างไร

นั่นเป็นเหตุผลแรก

แต่ลึกไปในใจ ในความรู้สึกนึกคิด ผมมีเหตุผลส่วนตัวที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง เป็นเหตุผลที่เกิดจากการทบทวนครั้งแล้ว ครั้งเล่า ถึงทางออกของชาติบ้านเมือง ว่าควรจะทำอย่างไรกันดี เป็นการทบทวนที่มองผ่านเข้าไปในประสบการณ์ชีวิตของผมทั้งหมด แล้วหาข้อสรุปว่าเกิดอะไรกับประเทศ

ผมจะค่อย ๆ เล่าให้ฟังว่า อะไรที่ผมพบเจอ รับรู้ และเกิดความคิดอย่างไรในแต่ละช่วงชีวิต จนสุดท้ายตัดสินใจทำงานการเมืองต่อ ด้วยความคิดว่าตัวเองจะทำประโยชน์ด้วยการคลี่คลายปัญหาให้ประเทศเดินหน้าไปสู่ความสดใส ผมจะเริ่มจากการเล่าให้เห็นประสบการณ์รับราชการทหารตั้งแต่ ‘นายทหารผู้น้อย’ ค่อย ๆ เติบโตมาถึง ‘ผู้บัญชาการกองทัพ’ ได้รับการหล่อหลอมให้ ‘จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์’ มาทั้งชีวิต

จนผลึกความคิด ความเชื่อ ความศรัทธา เป็น ‘จิตวิญญาณที่เปี่ยมด้วยความจงรักภักดีของผม’ อย่างมั่นคง ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ในห้วงเวลาเกือบทั้งชีวิตในราชการทหาร ด้วยจิตสำนึกดังกล่าว ผมได้รับรู้ความห่วงใยของคนในวงการต่าง ๆ ที่มีต่อความเป็นไปทางการเมืองของประเทศ อาจจะเป็นเพราะผมเป็น ‘ผู้บังคับบัญชากองทัพ’ เสียงความห่วงใยส่วนใหญ่จึงมีเป้าหมายไปที่ ‘นักการเมือง’

คนกลุ่มหนึ่ง ซี่งมีบทบาทสูงต่อความเป็นไปของประเทศ หรือจะเรียกให้เข้าใจง่ายว่า ‘กลุ่มอิลิท’ ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลต่อการกำหนดความเป็นไปของประเทศ มอง ‘ความเป็นมาและพฤติกรรมของนักการเมือง ด้วยความไม่เชื่อถือ’ และความไม่เชื่อมั่นลามไปสู่ความข้องใจใน ‘ประชาธิปไตย’ และ ‘ความรู้ความสามารถของประชาชน ในการเลือกนักการเมืองเข้ามาครอบครองอำนาจบริหารประเทศ’ ความไม่เชื่อมั่นต่อนักการเมือง และการเลือกของประชาชนนั้น ทำให้ผู้มีบทบาทกำหนดความเป็นไปของประเทศเหล่านี้ เห็นดีเห็นงามกับการ ‘หยุดประชาธิปไตย’ เพื่อ ‘ปฏิรูป’ หรือ ‘ปฏิวัติ’ กันใหม่ หวังแก้ไขให้ดีขึ้น

คนในกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่หวังดี อยากเห็นประเทศพัฒนาไปสู่ความรุ่งเรือง เป็นผู้มีประสบการณ์ที่พิสูจน์แล้วว่ามีความรู้ความสามารถ หากสามารถชักชวนเข้ามาทำงานให้กับประเทศได้จะเป็นประโยชน์  แต่เป็นที่น่าเสียดายยิ่งว่า คนที่ประสบความสำเร็จในการใช้ความรู้ ความสามารถเหล่านี้ ไม่มีโอกาสเข้ามาช่วยประเทศชาติในช่วงที่ ‘ระบบการเมือง’ จัดสรรผู้เข้ามามีอำนาจบริหารตามโควต้าจำนวน ส.ส. ที่ประชาชนเลือกเข้ามา โอกาสที่จะเข้ามาช่วยประเทศชาติ มีเพียงช่วงที่ ‘รัฐบาลมาจากอำนาจพิเศษ’ หรือการปฏิวัติ รัฐประหารเท่านั้น การรับราชการทหารมาเกือบทั้งชีวิต ทำให้ผมรู้จัก เข้าใจ และแทบจะมีความคิดในทางเดียวกับคนที่หวังดีต่อประเทศชาติเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นความคิดในช่วงแรก แม้จะครอบคลุมเวลาส่วนใหญ่ของชีวิต แต่หลังจากเข้ามาทำงานร่วมกับนักการเมือง และตั้งพรรคการเมือง ทั้งในช่วงเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเป็น ‘ผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ’ จนมาเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ ผมได้รับประสบการณ์อีกด้าน อันทำให้เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องนำพาประเทศไปด้วย ‘ระบอบประชาธิปไตย’

เพราะในความเป็นจริงทางการเมือง ไม่ว่านักการเมืองส่วนใหญ่จะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ที่สุดแล้วอำนาจการบริหารประเทศต้องกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตย ซึ่งผู้ที่อำนาจตัดสินว่าจะให้ใครเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ก็คือ ‘ประชาชน’ มีความจริงอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ นั่นคือ แม้ในการเลือกตั้งทุกครั้ง ‘ผู้ยึดครองอำนาจด้วยวิธีพิเศษ’ จะตั้ง ‘พรรคการเมือง’ ขึ้นมาสู้ ซึ่งแม้จะหาทางได้เปรียบในกลไกการเลือกตั้ง แต่ผลที่ออกมา ‘ฝ่ายอำนาจนิยม’ จะพ่ายแพ้ต่อ ‘ฝ่ายประชาธิปไตยเสรีนิยม’ ทุกคราว

ความรู้ ความสามารถของ ‘กลุ่มอิลิท’ ทำให้ประชาชนศรัทธาได้ไม่เท่ากับนักการเมือง ที่คลุกคลีกับชาวบ้านจนได้รับความรัก ความเชื่อถือมากกว่า นี่คือต้นตอของปัญหาที่สร้างความขัดแย้ง ขยายเป็นความแตกแยก ระหว่าง ‘ฝ่ายอำนาจนิยม’ กับ ‘ฝ่ายเสรีนิยม’ ที่หาจุดลงตัวร่วมกันไม่ได้ เพราะพยายามหาทางให้ฝ่ายตัวเอง ‘ชนะอย่างเด็ดขาด-ทำลายอีกฝ่ายให้สิ้นสูญ’ กลายเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ กระทบต่อความเชื่อมั่นของต่างชาติ

‘บิ๊กป้อม’ หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง สร้างความมั่นคงระดับชุมชน มีน้ำสะอาดใช้-ดื่มฟรี

(27 ก.พ. 66) พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย รมว.ศธ., รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล 

ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯ สทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี 65 ความลึกเจาะ 90 ม. ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8 ล้านบาท 500 ครัวเรือน

‘บิ๊กป้อม’ ไฟเขียว ต่อพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ใต้ 3 เดือน เอื้อ จนท. ดูแล ปชช. - ระงับเหตุในพื้นที่ได้ทันที

(1 มี.ค. 66) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2566 มีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วม

โดยที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับลดพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เนื่องจากผ่านเกณฑ์การประเมินผล และให้นำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ มาบังคับใช้แทน และเห็นชอบ ขยายเวลาการประกาศ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงใน 3 จชต. ยกเว้น อ.ศรีสาคร, อ.สุไหงโก-ลก, อ.แว้ง และ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส ยกเว้น อ.ยะหริ่ง, อ.มายอ, อ.ไม้แก่น และอ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ยกเว้น อ.เบตง, อ.กาบัง ออกไปอีก 3 เดือน ตั้งแต่ 20 มี.ค.-19 มิ.ย.66 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ป้องกันและระงับยับยั้งสถานการณ์ให้ได้ อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ด้วย


TRENDING
© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top