Monday, 19 May 2025
น้ำท่วม

‘ป้าแสงเดือน’ โอด บอบช้ำหนักจากภัยพิบัติ ยังมีแต่คนคอยบิดเบือนซ้ำเติม อาจพิจารณาเดินหน้าฟ้องหากล้ำเส้น ขอทำงานต่อเพื่อสัตว์ที่ไร้เสียง

(8 ต.ค. 67) น.ส.แสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้างและประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม และเป็นเจ้าของศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park อำเภอแม่แตง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระบุว่า 

“ดิฉันไม่ชอบทำงานท่ามกลางดราม่า และไม่อยากเสียเวลากับเรื่องอย่างนี้ เพราะคิดอยู่เสมอว่าชีวิตคนเรามันสั้นเรามีเวลาจงใช้เวลาในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ดรามาเป็นเรื่องปกติแต่การใส่ร้ายคนอื่นเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ หลายวันที่ผ่านมาถ้าสังคมจะเห็นประเด็นใส่ร้ายป้ายสีโจมตีต่าง ๆ นานาต่อตัวดิฉันจนกระทั่งนักข่าวแทบทุกสำนักต้องมาสอบถามข้อเท็จจริงจากดิฉัน เรื่องดราม่าไม่ใช่มีแค่วันนี้แต่มันมีมาเกือบยี่สิบปี หลายคนถูกฟ้องและลงข้อความขอโทษทางหนังสือพิมพ์และสื่อต่าง ๆ หลายคนถูกพิพากษาติดคุก บางคนทั้งปรับทั้งจำ บางคนอยู่ระหว่างรอลงอาญา เมื่อมีเวลาดิฉันจะทยอยเอาลงสื่อมาให้สังคมได้รับทราบแล้วท่านจะได้โยงถูกกับประเด็นดราม่าว่าต้นตอมาจากไหน

วันที่พวกเราบอบช้ำอย่างหนักจากการสูญเสียแต่มีการโยงพวกเราจากเรื่องหนึ่งไปอีกเรื่องหนึ่งแม้กระทั่งบิดเบือนข้อมูลควาญช้างเพื่อสร้างประเด็นให้เกิดความเข้าใจผิดต่อสังคม ดิฉันพยายามอดกลั้นอดทนเนื่องจากพวกเรากำลังผ่านเรื่องเลวร้ายมาควาญหลายครอบครัวที่ไร้ที่อยู่ต้องไปขออาศัยตามที่ต่าง ๆ เพราะบ้านพังไหลไปกับน้ำ เราต้องเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือเพราะบางครอบครัวมีลูกเล็ก ๆ นอกจากนั้นเรายังมีสัตว์เจ็บป่วยระงม สัตว์จำนวนมากที่ยังต้องไปฝากไว้ที่อื่นเพราะสภาพพื้นที่เข้าไม่ได้เพราะพื้นที่ยังไม่พร้อมเต็มไปด้วยดินโคลน ไม่มีน้ำ ไม่มีไฟฟ้า พวกเราต้องทำงานกันอย่างหนักเพื่อฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ ดิฉันเป็นหัวหน้าครอบครัวที่นี่ชีวิตเหล่านี้คือความรับผิดชอบ

แต่ประเด็นดราม่าต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ดิฉันอยากจะให้สังคมวิเคราะห์และตั้งคำถามว่า คนที่เลือกออกมาโจมตีคนอื่นในช่วงระหว่างการสูญเสียนี่มันมีเบื้องหลังหรือไม่อย่างไร คนที่มีศีลธรรมเขาเลือกที่จะทำอย่างนี้หรือ

ในวันที่พวกเรามีสัตว์ที่รับผิดชอบอยู่หลายพันชีวิตดิฉันไม่สามารถใช้เวลามาต่อสู้กับคนที่มีแต่ความเกลียดและจิตใจเต็มไปด้วยอคติ

การวิพากษ์วิจารณ์ด้วยเหตุผลที่ดีเป็นเรื่องที่รับฟังได้และดิฉันพร้อมที่จะรับฟังและนำไปแก้ไขแต่เรื่องมีการวิจารณ์ที่เต็มไปด้วยอคติและไม่เป็นความจริง ดิฉันจำเป็นต้องมาแจ้งความจริงให้สังคมได้รับทราบ ผู้คนที่มาเยี่ยมโครงการของเราคนไทยจำนวนมากที่มาเยี่ยมน้องช้างในศูนย์ของเรา บางคนมานอนเป็นอาทิตย์คนเหล่านี้ต่างหากที่เห็นความจริงในพื้นที่แห่งนี้

การกล่าวหาว่าที่ศูนย์ช้างเราไม่มีควาญประจำ ไม่น่าเชื่อว่าจะกล้าพูดออกมาโดยที่ไม่รู้จริง โครงการของเรามีควาญช้างมากกว่าจำนวนช้างเสียด้วยซ้ำ คนพูดเคยมาเห็นวันที่พวกเราประชุมควาญช้างทุก ๆ สองอาทิตย์หรือไม่

เรื่องการขายทัวร์ในวันน้ำท่วมนี่ก็ยิ่งไปใหญ่โปรแกรม Volunteer ของเรามีการจองล่วงกันมาข้ามปีเราจะมีปฏิทินในเว็บไซต์อย่างชัดเจน และวันที่เราเกิดอุทกภัยเราประกาศแจ้งปิดให้อาสาสมัครและนักท่องเที่ยวได้ทราบในจดหมายข่าวอย่างชัดเจน

ดิฉันขอแจ้งให้ทุกท่านได้ทราบในตรงนี้ว่าดิฉันจะไม่เสียเวลามานั่งตอบคำถามดราม่าเหล่านี้อีกต่อไปเพราะดิฉันมีชีวิตของสัตว์นานาชนิดที่รอการช่วยเหลือและต้องรับผิดชอบ อยากถามกลับคนที่ออกมาวิพากษ์ด่าเทสาดเทเสียดิฉันว่าบ้านคุณมีหมาแก่มาพิการเลี้ยงเต็มบ้านเกือบร้อยตัวเหมือนดิฉันไหม ถ้าคุณมีคุณจะเข้าใจว่าทำไมดิฉันถึงไม่ให้ค่าความเป็นดราม่าของคุณ บอกตรง ๆ ดิฉันไม่อยากเขียนอะไรอย่างนี้ออกมาด้วยซ้ำเพราะกัลยาณมิตรที่ดีที่อยู่รอบข้างดิฉันต่างบอกว่าใส่ใจ การได้รับความเมตตาจากทุกท่านในวันที่พวกเรามีวิกฤตทำให้ดิฉันมองเห็นสองด้านของความเป็นคนได้อย่างชัดเจน

ทุก ๆ วันเราต่างมีบทเรียนจากการดำรงชีวิต ความสูญเสียที่เกิดขึ้นพวกเราใจแหลกสลาย และพวกเราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องชีวิตสัตว์ที่เหลืออยู่ในความดูแลของพวกเราให้ดีที่สุด

ดิฉันขอบคุณคนรักสัตว์ทุกท่านที่เข้าไปตอบช่วยตอบแทนในหลายคอมเมนต์ ดิฉันเข้าใจดีถึงการที่พวกท่านทนไม่ได้ต่อสิ่งที่บิดเบือนเหล่านั้น แต่ดิฉันอยากขอร้องทุกท่านว่าอย่าไปตอบโต้ ถ้าท่านรักดิฉันเราเอาเวลาไปช่วยกันไปช่วยกันหาทางช่วยเหลือหมาแมวสัตว์ต่าง ๆ และชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อนจากน้ำท่วมกันเถอะค่ะ จะได้ประโยชน์มากกว่า

แต่ข้อมูลไหนที่คิดมันล้ำเส้นเกินไปขอส่งมาทางอินบ็อกซ์ดิฉันจะส่งต่อให้กับทีมทนายพิจารณาค่ะ เพราะการใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นมีมูลค่าที่ต้องจ่ายเสมอ
ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาให้นะคะ

ขอจบดรามาในหน้าเพจนี้นะคะเพราะชีวิตที่เหลือของดิฉันจะทำงานเพื่อสัตว์ที่ไร้เสียงเท่านั้นค่ะ“

ติดตามภารกิจ ‘บิ๊กเล็ก-ณัฐพล’ ลงพื้นที่ติดตามการทำงานไม่หยุดพัก ประสานงาน ‘ศปช.ส่วนหน้า’ ใกล้ชิด เร่งคือสาธารณูปโภคพื้นฐาน

(8 ต.ค. 67) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะปรึกษาศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม หรือ ศปช.ส่วนหน้า ได้ลงพื้นที่ในตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เพื่อสำรวจผลการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในภารกิจ ‘30 วันกอบกู้แม่สาย’

พล.อ.ณัฐพล เปิดเผยว่า ปัจจุบันภารกิจในพื้นที่คืบหน้าไปมากกว่าร้อยละ 60 ประชาชนในพื้นที่เริ่มทยอยกลับเข้าอยู่อาศัย แต่อย่างไรก็ตามยังติดขัดในส่วนปัญหาสาธารณูปโภค เช่น น้ำประปา ไฟฟ้า ซึ่งเสียหายไปพร้อม ๆ กับเหตุการณ์ดินโคลนถล่ม

ตนจึงได้ประสานงานไปยังนางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะประธาน ศปช.ส่วนหน้า ให้ทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น โดยประธษน สปช.ส่วนหน้า ได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น การประปาส่วนภูมิภาค และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาสาธารณูปโภคโดยเร็ว

สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว มอบเงินและสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบภัย

เมื่อวานนี้ (8 ต.ค. 67) สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียวร่วมกันกับสมาคมจีนต่าง ๆ ในประเทศไทย ส่งมอบสิ่งของจำเป็นและเงินจำนวนกว่า 3,800,000 บาทผ่านท่านทูตหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยน้ำท่วมระลอก 2 ในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย โดยมีท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เป็นสักขีพยาน และกระจายไปยังพื้นที่น้ำท่วมภาคเหนือ

คุณอมร อภิธนาคุณ ประธานสมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว เปิดเผยว่า เนื่องด้วยสถานการณ์น้ำท่วมทางภาคเหนือทวีความรุนแรงมากขึ้น เกิดพายุฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ถึงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สะสมทับมาจนถึงเดือนตุลาคมนี้ ทำให้มีปริมาณฝนมากกว่าปกติถึง 50-60% จึงเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ น้ำไหลทะลักมาท่วมบ้านเรือนราษฎร เทียบเท่ากับเหตุน้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 และบางพื้นที่เกิดความเสียหายมากกว่าเดิมอีกด้วย 

“สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว ได้เล็งเห็นถึงวิกฤตน้ำท่วมครั้งนี้ทวีความรุนแรงมากกว่าขึ้นกว่าทุกปี ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินเป็นจำนวนมากรวมถึงการฟื้นตัวจะต้องใช้เวลานาน โดยที่ผ่านมาเห็นว่าผู้ประสบภัยพิบัติส่วนใหญ่ยังขาดแคลนปัจจัย 4 อย่างฉับพลันโดยเฉพาะใน 24 ชั่วโมงแรก ซึ่งถือเป็นช่วงวิกฤตและความทุกข์ยากที่ประชาชนต้องประสบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ชาวจีนและสมาคมชาวจีนต่าง ๆ  รวมไปถึงนักธุรกิจชาวจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย  เห็นถึงความยากลำบากของพี่น้องชาวไทยที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ จึงได้รวมพลังกันผ่านสมาพันธ์ฯ เพื่อระดมทุนและสิ่งของที่จำเป็นสำหรับน้ำท่วม เพื่อช่วยลดความเดือดร้อนของผู้ประสบภัยภาคเหนือ ทั้งจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย”

โดยนักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ในสมาคมต่าง ๆ ร่วมกันบริจาคทรัพย์ กว่า 17 องค์กร คือ 1.สมาพันธ์รวมใจชาวจีนทั่วโลกเป็นหนึ่งเดียว 2.สมาคมการค้าการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจไทย-ซานตง 3. สมาคมเตี่ยอันเเห่งประเทศไทย 4.สมาคมการค้าไทย-ซานซี 5.สมาคมการค้าไทย-กวางตุ้ง 6.สมาคมการค้าไทย-หูหนาน 7.สมาคมหนานอัน 8.ชมรมนักธุรกิจโชคดี 9.สมาคมการค้ารวมใจนักธุรกิจรุ่นใหม่จีน-เอเชีย 10.สมาคมความปลอดภัย 11.สมาคมเจียงเจ้อหู้ 12.สมาคมเจียงซี 13.สมาคมกวางสี 14.สมาคมซูซาน 15.สมาคมฟูเจี้ยนอานซี 16.สมาคมย่าไท่ 17.สมาคมกวางตุ้งและร่วมบริจาคสิ่งของ คือ 1.หอการค้าเยาวชนแห่งเอเชียเพื่อสันติภาพและการพัฒนา บริจาคเป็น ปลากระป๋องใหญ่ มาม่า และครีมสำหรับน้ำท่วม 2.คุณหวังคาน เหอ บริจาคข้าวสาร 100 ถุง  3.คุณจาง จุนหมิง บริจาคผ้าห่ม 400 ผืน  4.คุณ ซูซานจงฮุ้ย บริจาคผ้าห่ม 100 ผืน 5.สมาคมซานตง บริจาคเป็นผ้าขนหนู จำนวนเงินกว่า 300,000 บาท 7.คุณเจิง ซูเจียน บริจาคเป็น เครื่องปั่นไฟ 2 เครื่อง  8.คุณอู่ปิงหลิน บริจาคเป็นเสื้อกันฝน 300 ตัว และอื่น ๆ 

“อยากฝากถึงพี่น้องประชาชนให้ติดตามข่าวสาร เพื่อเตรียมตั้งรับกับภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นแบบฉับพลัน และขอให้ระมัดระวังอันตรายในการเดินทางสัญจรไปในที่ที่อาจจะเกิดอุทกภัย และเกิดอุบัติเหตุตามมาได้ ซึ่งทางสมาพันธ์ฯ ก็ขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในส่งมอบกำลังใจผ่านสิ่งของและเงินสมทบจากชาวจีนร่วมกับสมาคมจีนต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย เพื่อช่วยบรรเทาทุกข์ของพี่น้องประชาชน ขอให้ผู้ประสบภัยปลอดภัย และสามารถผ่านวิกฤตอุทกภัยครั้งนี้ในเร็ววัน และอยากส่งผ่านข้อความนี้ไปยังคนไทยทุกคนให้ทราบว่า คนจีนทุกคนที่อยู่ในประเทศไทยไม่เคยนิ่งดูดายกับความเดือดร้อนที่ทุกท่านประสบ และจะหาทางช่วยเหลือเสมอ หากมีโอกาส”คุณอมรกล่าวในตอนท้าย

ด้านคุณสื่อ ต้าถัว ประธาน ประธานสมาคมการค้าการส่งเสริมผู้ประกอบธุรกิจไทย-ซานตง กล่าวว่า สมาคมมีแนวทางที่ยึดถือมาตลอดตั้งแต่ก่อตั้งสมาคมคือ "อยู่ประเทศไทยเพื่อประเทศไทย อยู่ประเทศไทยรักประเทศไทย" และจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น ทำให้น้ำไหลบ่าท่วมบ้านเรือนประชาชนเป็นวงกว้าง ส่งผลให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งมีประชาชนและสัตว์เลี้ยงติดค้างหลายราย ซึ่งถือเป็นอุทกภัยน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่และหนักที่สุดในรอบ 60 ปี ทางสมาคมฯ ไม่ได้นิ่งเฉย ได้ระดมสิ่งของและกำลังทรัพย์ของสมาชิกภายในสมาคม ที่เป็นนักธุรกิจคนจีนรวมเป็นเงินมูลค่า 750,000 บาท เพื่อร่วมส่งต่อความห่วงใยผ่านทางสมาพันธ์ฯ ไปยังประชาชนผู้ประสบอุทกภัยภาคเหนือ

“การร่วมระดมกำลังทรัพย์เพื่อประชาชนคนไทยในครั้งนี้ เพราะประชาชนคนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยนั้นตระหนักถึงความเดือดร้อน และความเสียหายคนไทยได้รับเป็นอย่างดี จึงร่วมแรงร่วมใจกันระดมความช่วยเหลือในทุกทางที่มีผ่านสมาคมต่าง ๆ เพื่อช่วยเยียวยาคนไทยและถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนและไทยให้แนบแน่นยิ่งขึ้น และเป็นการสื่อสารที่ชัดขึ้นว่า คนจีนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย ไม่มีวันทิ้งคนไทยที่ประสบความเดือดร้อนแน่นอน”

พิธีมอบเงินและสิ่งของบริจาคในครั้งนี้มีท่านอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นสักขีพยาน โดยมีท่านเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย หาน จื้อเฉียง เป็นผู้ส่งมอบ เพื่อแสดงถึงความห่วงใยและกำลังใจจากชาวจีนในประเทศไทยแก่ผู้ประสบภัย และจะมีการส่งต่อไปยังผู้ว่าในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายต่อไป

‘บางจาก’ จัดแคมเปญมอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวดแด่ผู้ประสบภัย ส่งต่อน้ำใจจากบางจาก-คนไทยให้ผู้ประสบภัยบรรเทาทุกข์

(9 ต.ค. 67) นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ พร้อมด้วย นายเสรี อนุพันธนันท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มธุรกิจการตลาด, นางกลอยตา ณ ถลาง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ งานบริหารความยั่งยืนและสื่อสารองค์กร 

ร่วมประชาสัมพันธ์แคมเปญ ‘บางจากฯ ชวนปันน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัย มอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวด’ เชิญชวนให้ลูกค้าที่ได้รับแจกน้ำดื่ม 1.5 ลิตรจากการเติมน้ำมันในสถานีบริการน้ำมันบางจากและเอสโซ่เดิมทั่วประเทศที่ร่วมรายการ ร่วมบริจาคน้ำดื่มให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมที่ยังอยู่ในภาวะวิกฤต ตั้งแต่วันที่ 9 - 31 ตุลาคม 2567 หรือจนกว่าจะครบ 1 ล้านขวด

ลูกค้าที่ต้องการร่วมส่งต่อพลังน้ำใจทำได้โดยแจ้งความจำนงกับพนักงานหน้าลานในสถานีบริการ 
โดยบางจากฯ จะประสานงานกับหน่วยงานในพื้นที่เพื่อกระจายน้ำดื่มไปยังผู้ที่เดือดร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ

‘บางจากฯ ชวนปันน้ำใจ ช่วยผู้ประสบภัย มอบน้ำดื่มหนึ่งล้านขวด’ เป็นการต่อยอดการส่งมอบ
ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จากการช่วยเหลือผ่านบัตรเติมน้ำมัน เงินสด น้ำดื่ม ข้าวสาร วัตถุดิบในโรงครัว อุปกรณ์ของใช้จำเป็น ฯลฯ ผ่านหน่วยงานต่าง ๆ ที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้ 

รวมถึงการเชิญชวนให้ลูกค้าที่เป็นสมาชิกบางจาก กรีนไมลส์แลกแต้มสมาชิกเป็นเงินบริจาคมอบให้แก่มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งพา (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทยเพื่อนำไปปฏิบัติภารกิจต่าง ๆ เพื่อบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชนที่ประสบภัยและฟื้นฟูหลังเกิดเหตุ 

บางจากฯ หวังว่าการร่วมแรงร่วมใจในครั้งนี้ จะช่วยให้ทุกคนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาวิกฤตนี้ไปได้ พร้อมส่งกำลังใจให้กับผู้ประสบอุทกภัยในทุก ๆ พื้นที่ ด้วยความหวังว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่สภาวะปกติในเร็ววัน

ในการนี้ยังมีนายวัฒนา พรพัฒน์กุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานค้าปลีกน้ำมัน กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายบัณฑิต หรรษาไพบูลย์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายวรากร โกศลพิศิษฐ์กุล  รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจการตลาด บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) ร่วมกิจกรรมด้วย

ดราม่าปางช้างไม่ยอมจบ!! ป้าแสงเดือนฟาด ทิ้งช้างให้ดูแล ‘หนูนา กัญจนา’สวมใจสิงห์ สวนกลับจะเร่งไปรับหาที่อื่นดูแล

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับเรื่องราวเกี่ยวกับการเลี้ยงช้างที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้ดูท่าจะไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อ นางแสงเดือน ชัยเลิศ ผู้อำนวยการศูนย์บริบาลช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ และประธานมูลนิธิอนุรักษ์ช้างและสิ่งแวดล้อม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า

“มีช้างตัวผู้สองเชือก ชื่อพลายขุนเดชและพลายดอกแก้วที่คุณหนูนาเอามาฝากทางเราเลี้ยงไว้หลายปีถ้าคุณหนูนาสงสารและเป็นห่วงเขาจริงๆขอช่วยมาย้ายพวกเขาไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมโดยด่วนค่ะ”

ก่อนที่ในเวลาต่อมานางสาวกัญจนา ศิลปอาชา ที่ปรึกษา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จะโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า 

“ว่าด้วยช้าง 2 เชือกที่เกี่ยวพันกับดิฉัน..ที่อยู่ที่ปางคุณเล็ก..
เชือกแรก..ขุนเดช.. น้องเป็นช้างป่า..ที่ถูกบ่วงแร้วนายพรานรัดข้อจนเป็นแผลใหญ่บวม… ทำให้เดินไม่ปกติ..
ดิฉันไปเจอน้องเมื่อปี 2557 ที่ส่วนสัตว์ป่า ม. เกษตรศาสตร์ กำแพงแสน .. น้องถูกเลี้ยงอยู่เชือกเดียวน่าสงสารมาก…

ช่วงนั้นเป็นปีแรกที่ดิฉันได้รู้จักคุณเล็ก และชื่นชมคุณเล็กมาก ..
ดิฉันวิ่งเต้นทำเรื่องขออธิบดีอุทยานพาขุนเดชไปอยู่ที่ปางคุณเล็ก .. จนสำเร็จ..
ตอนที่แรกเจอขุนเดช อายุประมาณ 4 ขวบตอนนี้น้องก็คง 14 แล้ว …

เชือกที่ 2 .. ดอกแก้ว..
ดิฉันเจอดอกแก้วที่โรงพยาบาลช้างคชบาล ลำปาง ..
น้องมากับแม่ แม่น้องป่วยหนักคือเหมือนมดลูกหลุดจากช่องคลอดมาครึ่งหนึ่ง ถ้าดิฉันจำไม่ผิด…

ดอกแก้วตอนนั้นอายุสองเดือนคลอเคลียอยู่กับแม่ตลอด..
ดิฉันพูดกับแม่โม่ดิพอ แม่ของดอกแก้วว่าอยู่กับลูกนะอย่าทิ้งลูกไป…
พอดีฉันกลับจากลำปางได้สามวันหมอก็โทรมาแจ้งว่าแม่ล้มแล้ว..
ดิฉันสงสารดอกแก้วมากกลัวเจ้าของจะเอาไปขายที่ไม่เหมาะสมจึงขอซื้อมาตอนนั้นราคา 850,000 (ถ้าตอนนี้คงเป็นล้าน)..

ช่วงปีแรกทางคชบาลเลี้ยงน้อง.. หาแม่รับคือแม่สิงขรให้..
แต่ภายหลังมีข่าวว่าแม่สิงขรอาจจะท้องและคงไม่เหมาะจะเลี้ยงลูกรับ…
ดิฉันจึงประสานขอคุณเล็กรับดอกแก้วไปเลี้ยงให้ด้วย… ซึ่งเธอก็ยินดี…

ดิฉันต้องขอบคุณคุณเล็กมากที่ตลอดเวลาได้เลี้ยงดูขุนเดชและดอกแก้วให้…
แต่ดิฉันก็ไม่ได้ไปฝากเฉยๆ ..
ในช่วงปีแรกที่ดิฉันไปหาคุณเล็กบ่อยๆนั้น ดิฉันได้สนับสนุนคุณเล็กอย่างที่ในชีวิต แม้จนถึงทุกวันนี้ ก็ยังไม่เคยให้ใครเท่านี้มาก่อนเพราะรักคุณเล็กมาก…

ดิฉันต้องขอบคุณเล็กอีกครั้ง สำหรับการดูแลขุนเดชและดอกแก้ว
คุณเล็กให้ไปรับโดยเร็ว..
ดิฉันกำลังจะไปรับทั้งคู่มานะคะ

ต้องเข้าใจด้วยนะคะว่าทุกอย่างที่ดิฉันทำเพื่อช้าง ไม่มีธุรกิจใดเกี่ยวกับช้าง ไม่ได้มีหน้าที่ใดๆ ไม่เคยได้เงินจากช้างเลยค่ะ …
เกิดแต่รักล้วนๆ…”

‘คลองแมพ’ แอพดี ๆ จากสำนักระบายน้ำ เช็กปริมาณน้ำในคลองใกล้บ้านแบบเรียลไทม์

(9 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ‘สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ได้พัฒนาระบบ ‘แผนผังบริหารจัดการน้ำ กรุงเทพมหานคร’ ภายใต้ชื่อ KlongMap หรือ คลองแมพ โดยระบบดังกล่าวสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการจัดการน้ำ โดยข้อมูลจะแสดงเป็นแถบสี ถ้าสีเขียวคือปกติ สีเหลืองคือระดับเฝ้าระวัง และสีแดงคือระดับวิกฤต

ทั้งนี้ข้อมูลที่นำมาประมวลผลจะนำมาจากอัตราการไหลของน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา, ระดับน้ำในคลอง แม่น้ำ ที่ประตูกั้นน้ำ, ค่าระดับความเค็มของน้ำ และคาดการณ์เวลาและระดับของน้ำขึ้น-น้ำลงสูงสุดในแต่ละวัน

ผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปตรวจระดับน้ำใกล้บ้านท่านได้ที่ http://weather.bangkok.go.th/KlongMap?fbclid=IwY2xjawFzM8FleHRuA2FlbQIxMAABHQeQxtZrPROuRLviN8aeNYZ_6rWpg2DMskrjeeGxnuKn60NAVeBEt7yksg_aem_FeR2xYlmAozwiAl4VdV8JA

นอกจากนี้สำนักระบายน้ำ กรุงเทพมหานครยังมีอีกหลายระบบ เช่น เรดาห์ตรวจอากาศ และระบบตรวจวัดน้ำบนถนน

นันยาง มอบรายได้รวมกว่า 3.2 แสนบาท สมทบทุนโครงการ ‘หมูเด้งช่วยผู้ประสบอุทกภัย’

(10 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ นันยาง Nanyang ได้เผยแพร่โพสต์ความว่า 

ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมกับรองเท้าแตะหูคีบธรรมดาที่เกิดจากความน่ารักและใจดีของเพื่อนคู่ซี้ 'ช้างดาว' กับฮิปโปน้อย 'หมูเด้ง' สองเพื่อนซี้ที่ใจดีและชอบช่วยเหลือสัตว์อื่น ที่ตั้งใจทำรองเท้าแตะที่เด้งได้เหมือน 'หมูเด้ง' ที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสความสนุก ใครใส่ก็เด้งได้เหมือนหมูเด้ง!

จากรองเท้าธรรมดา ๆ จึงกลายเป็นของที่ใคร ๆ ก็อยากมี เพราะใส่แล้วรู้สึกเหมือนได้เล่นสนุกกับช้างดาวและหมูเด้งทุกวัน! นี่คือที่มาของ 'รองเท้าแตะช้างดาว หมูเด้ง Edition' รองเท้าธรรมดาใส่แล้วเด้งได้ เกิดจากความน่ารักและใจดีของเพื่อนคู่ซี้ ที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัสความสนุก ใครใส่ก็เด้งได้เหมือนหมูเด้ง สนุกสุด ๆ ทั่วทั้งป่า!

สุดท้าย ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับเจ้าของช้างดาวหมูเด้งทุกท่านที่จะได้สนับสนุน 'โครงการหมูเด้ง ชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและดูแลสวัสดิภาพเพื่อนสัตว์' ของ องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

โดยทางเฟซบุ๊กแฟนเพจได้รายงานอีกว่ารองเท้าคอลเลกชัน ‘ช้างดาว หมูเด้ง’ สามารถทำยอดขายได้รวม16,372 คู่

ต่อมาทางเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘ขาหมู แอนด์เดอะแก๊ง’ ได้รายงานว่า 

ผู้บริหารกลุ่มบริษัทนันยางได้มอบเงิน 327,440 บาท จาก การจำหน่ายรองเท้านันยาง รุ่นพิเศษ หมูเด้ง จากยอดสั่งจอง 16,372 คู่ เพื่อร่วมโครงการหมูเด้งชวนช่วยผู้ประสบอุทกภัยและช่วยเหลือสวัสดิภาพสัตว์ป่า องค์การสวนสัตว์

‘วอชด็อก ไทยแลนด์’ โดดร่วมวงดรามา ‘ปางช้างดัง’ ซัดบินโดรนก่อกวนช้าง ‘ร่มแดนช้าง’ สวนทันควัน ไม่ไฮเทคพอจะบินโดรน เตรียมช่วยช้างถูกขังเดี่ยว

(11 ต.ค. 67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเฟซบุ๊กแฟนเพจ ‘มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT’ ได้โพสต์เฟซบุ๊กว่า 

หยุดคุกคามเขาได้แล้ว!!

ล่าสุด นำโดรนไล่จี้จนพลายโฮบตกใจ วิ่งหนีหัวซุกหัวซุน นี่หรือการกระทำที่อ้างว่ารักช้าง!!

Save ENP

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ‘พลายโฮบ’ คือช้างที่เมื่อช่วงปี 2561 มีข่าวทำร้ายควาญช้างจนเสียชีวิต ณ ปางช้างชื่อดังแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ 

ต่อมานายธีรภัทร ตรังปราการ นายกสมาคมสหพันธ์ช้างไทย ซึ่งเป็นทีมงาน ‘ร่มแดนช้าง’ พร้อมควาญช้างที่เข้าไปเคลื่อนย้ายขุนเดช และดอกแก้ว ช้าง 2 เชือกที่ตกอยู่ท่ามกลางดราม่าระหว่างหนูนา กัญจนา ศิลปอาชา และแสงเดือน ชัยเลิศ

นายธีระภัทรเปิดเผยกับ The States Times ว่า การเดินทางไปยัง ‘ศูนย์บริบาลช้าง Elephant Nature Park’ ของตนและทีมงานนั้น เป็นไปเพื่อการเจรจาและหาวิธีในการขนย้ายช้าง 2 เชือกที่ตกเป็นข่าว ขอยืนยันว่าตนและทีมงานไม่มีใครเฉียดเข้าไปใกล้กับคอกของพลายโฮบเลยแม้แต่น้อย 

และยิ่งที่มีกระแสข่าวว่าบินโดรนเข้าไปรบกวนนั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เพราะอุปกรณ์เหล่านี้ไฮเทคเกินทีมงาน ทุกวันนี้ถ่ายวิดีโอจากมือถือยังไม่ค่อยเป็นเลย 

นอกจากนี้นายธีระภัทรยังกล่าวต่ออีกว่า ขณะนี้จะต้องหาแนวทางอื่น ๆ ในการช่วยเหลือพลายโฮบเพราะจากข้อมูลเท่าที่ทราบ พลายโฮบถูกขังเดี่ยวอย่างต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลายาวนาน ซึ่งไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมในการปรับพฤติกรรมของช้าง

‘เผ่าภูมิ’ ขึ้นแม่แตง ให้ "ธ.SME" ซับน้ำตาน้ำท่วม "พักหนี้ 1 ปี เติมทุน 2 แสน" ไม่ใช้หลักประกัน ไม่คิดค่าธรรมเนียม

เมื่อวันที่ (14 ต.ค. 67)ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยระหว่างการนำคณะธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank) ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ อ. แม่แตง จ.เชียงใหม่ ว่า

กระทรวงการคลัง โดย SME Bank ได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย เพื่อบรรเทาทุกข์ ลดค่าใช้จ่าย ต่อลมหายใจให้พี่น้องประชาชน ดังนี้

1.มาตรการ "พักชําระหนี้" เงินต้นและดอกเบี้ย
ผู้ขอสินเชื่อที่ได้รับผลกระทบทั้งทางตรง และทางอ้อม ตามประกาศฯ มีสถานะหนี้ A หรือ M สามารถ "พักชําระเงินต้นและดอกเบี้ย สูงสุด 1 ปี" และตั๋วสัญญาใช้เงิน ต่ออายุตั๋วสัญญา และสินเชื่อแฟคตอริ่ง ขยายเวลาชําระตั๋วสัญญาใช้เงิน ออกไปอีกสูงสุด 180 วัน

2. มาตรการ "เติมทุนฉุกเฉินฟื้นฟูกิจการ"
เติมทุนโดยให้กู้เพิ่มต่อราย 10% ของวงเงินอนุมัติสินเชื่อ สำหรับผู้ประสบภัยทางตรง บุคคลธรรมดา 30,000 - 1 แสนบาท และนิติบุคคล  30,000 - 2 แสนบาท ระยะเวลากู้สูงสุด 3 ปี พักชําระเงินต้นสูงสุด 12 เดือน ไม่ใช้หลักประกัน ไม่คิดค่าธรรมเนียม

รัฐบาลเฝ้าระวัง 31 จังหวัดเสี่ยงจากอากาศแปรปรวน ยัน พายุโซนร้อนลงทะเลจีนใต้ ไร้ผลกระทบกับไทย

(21 ต.ค. 67) นายจิรายุ ห่วงทรัพย์  ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีและโฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (21 ต.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา ยังแจ้งเตือนหลายพื้นที่ ระวังผลกระทบจากสภาพอากาศแปรปรวน  อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ และมีพื้นที่อ่อนไหวต้องติดตามเฝ้าระวังแผ่นดินถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ช่วงวันที่ 21-23 ตุลาคมนี้ ใน 31 จังหวัด ประกอบด้วย  

ภาคเหนือ จังหวัดตาก (พบพระ) จังหวัดเชียงราย (เวียงป่าเป้า) จังหวัด ลำปาง (วังเหนือ) จังหวัดอุทัยธานี (บ้านไร่ ห้วยคต ลานสัก)

ภาคตะวันออก จังหวัดชลบุรี (ศรีราชา บ่อทอง บางละมุง สัตหีบ บ้านบึง) จังหวัดระยอง (บ้านค่าย เขาชะเมา) จังหวัดฉะเชิงเทรา (ท่าตะเกียบ สนามชัยเขต) จังหวัดปราจีนบุรี (นาดี ประจันตคาม) จังหวัดจันทบุรี (เมืองจันทบุรี ขลุง เขาคิชฌกูฎ โป่งน้ำร้อน)  จังหวัดตราด (เกาะช้าง  เขาสมิง บ่อไร่) 

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดนครราชสีมา (ปากช่อง) 

ภาคกลาง จังหวัดกาญจนบุรี (สังขละบุรี ทองผาภูมิ ไทรโยค) จังหวัดนครนายก (เมือง บ้านนา) จังหวัดสระบุรี (มวกเหล็ก) จังหวัดราชบุรี (บ้านคา ปากท่อ สวนผึ้ง) จังหวัดเพชรบุรี (แก่งกระจาน หนองหญ้าปล้อง ท่ายาง) จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน ปราณบุรี สามร้อยยอด กุยบุรี ทับสะแก บางสะพาน บางสะพานน้อย) 

ภาคใต้ จังหวัดชุมพร (เมืองชุมพร สวี พะโต๊ะ ท่าแซะ หลังสวน ละแม ทุ่งตะโก) จังหวัดสุราษฎร์ธานี (ท่าชนะ ไชยา กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก พนม) จังหวัดนครศรีธรรมราช (สิชล  ท่าศาลา ขนอม นบพิตำ) จังหวัดระนอง (กะเปอร์ สุขสำราญ ละอุ่น กระบุรี) จังหวัดพังงา (กะปง ตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า ท้ายเหมือง คุระบุรี) จังหวัดภูเก็ต (ถลาง กะทู้ เมืองภูเก็ต) จังหวัดกระบี่ (เขาพนม เมืองกระบี่  อ่าวลึก ปลายพระยา เกาะลันตา) จังหวัดตรัง (เขาพนม เมืองกระบี่ อ่าวลึก  ปลายพระยา  เกาะลันตา) จังหวัดสตูล (ละงู ทุ่งหว้า มะนัง ควนกาหลง) จังหวัดพัทลุง (กงหรา ศรีนครินทร์ ศรีบรรพต) จังหวัดสงขลา (สะบ้าย้อย หาดใหญ่ รัตภูมิ) จังหวัดยะลา (เบตง ธารโต ยะหา) จังหวัด ปัตตานี (โคกโพธิ์ มายอ ทุ่งยางแดง ยะรัง)  จังหวัดนราธิวาส (บาเจาะ ระแงะ ยี่งอ  รือเสาะ สุคิริน)

“อากาศแปรปรวนทำให้ กรมทรัพยากรธรณี เตือนประชาชน พร้อมประสานเครือข่ายในพื้นที่เฝ้าระวัง ในหลายจุดเสี่ยงของ 31 จังหวัด เพื่อเป็นการป้องกัน และเตรียมพร้อมเข้าช่วยเหลือทันทีประชาชนได้ทันทีหากมีเหตุการณ์เกิดขึ้น” นายจิรายุ กล่าว

นายจิรายุ กล่าวว่า ส่วนสถานการณ์พายุหมุนเขตร้อนในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก  นายจิรายุ กล่าวว่า  จากการติดตามของกรมอุตุนิยมวิทยา  ยืนยันว่า  พายุนี้ยังอยู่ห่างไกลจากประเทศไทยมาก  โดยในวันนี้ (21/10/67)  เป็นพายุดีเปรสชัน มีแนวเคลื่อนตัวทางตะวันตก มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อนได้  และจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะลูซอล ประเทศฟิลิปปินส์ ในช่วงวันที่ 24- 25 ตุลาคมนี้  ก่อนที่จะเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ลงสู่ทะเลจีนใต้  เบื้องต้นไม่มีผลกระทบกับประเทศไทย แต่ยังคงเฝ้าติดตามอย่างต่อเนื่อง

นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า  กรณีน้ำป่าไหลหลาก ที่ อ.บ้านไร่ จ.จังหวัดอุทัยธานี ภาพรวมกลับสู่ภาวะปกติแล้ว มวลน้ำทั้งหมดไหลลงสู่เขื่อนกระเสียว ช่วยเติมน้ำลงอ่างไว้ใช้ประโยชน์ช่วงหน้าแล้ง  ไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำแต่อย่างใด ขณะที่ภาคใต้ตอนล่างซึ่งยังมีแนวโน้มฝนตกหนักต่อเนื่อง ได้พร่องน้ำในเขื่อนบางลาง เพื่อเพิ่มพื้นที่ไว้รองรับน้ำที่จะไหลเข้ามาเพิ่มเติมช่วง 7 วันข้างหน้า อีก ประมาณ 86 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมถึงวางแผนไว้รับน้ำช่วงฤดูฝนของภาคใต้หลังจากนี้ด้วย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top