Tuesday, 20 May 2025
ก้าวไกล

'ปิยบุตร' ขอเป็น 'เอสเพรสโซ่ 2 ช็อต' รสอาจขม แต่ช่วยให้ตื่น ร่ายยาวเตือน 'ก้าวไกล' ระวังจะเป็นได้แค่พรรคคนหัวร้อน

หลังจาก นายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า และอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ออกมาไลฟ์ผ่านทางเฟซบุ๊ก 'Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล' ประกาศขอยุติบทบาทของตัวเอง และจากนี้จะไม่ขอพูดถึงพรรคก้าวไกลอีก เนื่องจากได้วิจารณ์กรณี 'ช่อ' พรรณิการ์ วานิช ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต แต่กลับถูกผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกลรุมโจมตีอย่างหนักนั้น

ล่าสุด นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์ตอนแรกว่า...

ดังที่ผมกล่าวไว้เมื่อวันศุกร์ที่แล้วว่า ผมมีข้อเขียนเกี่ยวกับพรรคก้าวไกลที่เตรียมเอาไว้นานแล้ว 2 ตอนสุดท้าย (ก่อนที่จะหยุดการวิจารณ์เสนอแนะพรรคก้าวไกล) หลายประเด็นในข้อเขียนสองตอนนี้ อาจปรากฏในการสัมภาษณ์สื่อก่อนหน้านั้น ผมเรียบเรียงไว้เป็นข้อเขียนและตั้งใจเผยแพร่ 'ทิ้งทวน' เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสมาชิก ผู้ลงคะแนน ทีมงาน และ สส.

ผมคาดการณ์ว่า ภายในพรรค คงไม่มีใครหรือคณะนำคนใดพูดกันอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ ด้วยเหตุผลจากตำแหน่งหน้าที่ การปิดลับ หรือความเกรงอกเกรงใจต่อกันและกัน (ไม่ว่า คณะนำเกรงใจ สส. หรือ สส.เกรงใจคณะนำ) คงหลงเหลือแต่การคุยบ่นตัดพ้อกันในวงข้าววงเหล้าอยู่บ้าง ดังนั้น ผมในฐานะ 'คนนอก' จึงขอใช้โอกาสสุดท้าย ทำหน้าที่เป็น 'เอสเพรสโซ่ 2 ช็อต' รสอาจขม แต่ช่วยให้ตื่นและสดชื่นได้

หวังว่า ผู้สนับสนุนพรรค สมาชิก พนักงาน สส. และคณะนำของพรรคก้าวไกล จะเข้าใจในเจตนาของผม

ข้อเขียน 2 ตอนสุดท้าย ได้แก่...

***ตอนที่ 1 ปัญหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้

***ตอนที่ 2 ข้อเสนอถึง ส.ส. คณะนำ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่

ในวันนี้ จะเผยแพร่ตอนที่ 1 ก่อน

>> ตอนที่ 1 - ปัญหาที่พรรคก้าวไกลต้องเผชิญในระยะเวลาอันใกล้

ภายหลังจากการสนธิกำลังของชนชั้นนำดั้งเดิม ชนชั้นนำทางการเมือง และชนชั้นนำทางเศรษฐกิจ เพื่อโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นขึ้น เป็นที่แน่ชัดว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปีของสภาผู้แทนราษฎรสมัยนี้ พรรคก้าวไกลจะต้องเผชิญกับความท้าทายจำนวนมาก ผมขอสรุปไล่เรียงเป็นข้อๆ ดังนี้...

- ประการที่หนึ่ง การตรวจสอบและปฏิบัติการข่าวสารอย่างเข้มข้น

ตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่มาจนถึงพรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จได้ เพราะ ปัจจัยสำคัญส่วนหนึ่ง คือ การสื่อสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การสื่อสารผ่านทางโลกออนไลน์ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคก้าวไกลเล็งเห็นถึงข้อนี้ พวกเขาจึงใช้เครื่องมือการสื่อสารในการตอบโต้กลับไป เมื่อ สส.หรือพรรคก้าวไกล สื่อสารบ่อย ก็ย่อมมีโอกาสที่จะสื่อสารพลาด เมื่อ สส.หรือพรรคก้าวไกล สื่อสารบ่อย ก็เป็นธรรมดาที่เปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามนำบางท่อนบางตอนไปขยายความ ตีความ ใส่ความ เพื่อสู้กับพรรคก้าวไกล

ดังนั้น นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป สส.พรรคก้าวไกล ควรระมัดระวังและรอบคอบในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น และคณะนำต้องยึดกุมทิศทางการสื่อสารของคนในพรรคทุกคนให้ไปในทิศทางเดียวกัน แบ่งภารกิจกลุ่มงานตามความเชี่ยวชาญรายประเด็น เรื่องใด ให้ สส.คนใดสื่อสาร มิใช่ปล่อยให้ สส.สื่อสารกันได้ทุกประเด็นตามใจชอบอย่างไม่มีทิศทาง เป็นไปไม่ได้อย่างแน่แท้ที่ สส.คนหนึ่งจะรู้ทุกเรื่อง เชี่ยวชาญสารพัดเรื่อง การเกาะกระแส 'ดราม่า' 'เป็นข่าว' แสดงความเห็นทุกประเด็น โดยตนเองอาจไม่เชี่ยวชาญมากนัก ย่อมนำมาซึ่งความผิดพลาด และต้องไม่ลืมว่า เมื่อสื่อและฝ่ายตรงข้ามจับจ้องอยู่เสมอ ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจถูกนำไปขยายผลได้

นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลพยายามยกระดับการเมืองไทยใหม่ ด้วยการสร้างมาตรฐานของนักการเมืองให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการครองตน เรื่องการยึดถือคุณค่าพื้นฐานร่วมกันอ่อนน้อม ไม่กร่าง ไม่เบ่ง ไม่มีการปฏิบัติที่เป็นไปในทางคุกคามทางเพศ การเคารพความแตกต่างหลากหลายทางเพศ หรือไปจนถึงยึดเรื่อง PC

เมื่อไรก็ตาม คนของพรรคก้าวไกลมีกรณีละเมิดเรื่องเหล่านี้ - ทั้งเรื่องเล็กแต่ถูกตีฟูขยายใหญ่ ทั้งเรื่องใหญ่ที่พรรคไม่อาจคุมคนของตนได้ถ้วนทั่ว - ก็จะถูกปฏิบัติการข่าวสารของฝ่ายตรงข้ามขยายผล พร้อมกับเรียกร้องมาตรฐานตามที่พรรคตนเองได้โฆษณาเอาไว้

เมื่อยกระดับมาตรฐานเอาไว้สูง จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะถูกสังคมเรียกร้องมากเป็นพิเศษ ดังนั้น สส.ของพรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องระมัดระวังเรื่องการครองตนมากกว่า สส.พรรคอื่นๆ

บุคลิกภาพของ สส.และความใหม่ของ สส. ก็เช่นเดียวกัน จะกลายเป็นจุดที่พวกเขานำไปใช้โจมตี

จากเดิม 'ความใหม่ ความสด การไม่เป็นนักการเมืองมาก่อน ไม่ได้อยู่ในตระกูลการเมือง การมีจุดยืนชัดเจน' ที่เป็นจุดเด่น จะค่อยๆ ถูกทำให้เป็น 'หัวร้อน อ่อนประสบการณ์ บริหารไม่เป็น ทำงานกับคนอื่นไม่ได้ คิดว่าตนเองวิเศษคนเดียว ไม่มีเพื่อน ไม่คิดคบใครและไม่มีใครคบ' จนกลายเป็นจุดอ่อนไป

พรรคก้าวไกลต้องต่อสู้กับการยึดกุมความคิดความเชื่อของสังคมไว้ให้ได้ มิใช่ปล่อยเละเทะจนบานปลายไปถึงขนาดที่คนเริ่มบ่นตัดพ้อว่า “รู้แบบนี้ ไม่น่าเลือกเลย ขอคะแนนคืนได้มั้ย”ถ้ามาถึงวันนั้นเมื่อไร คะแนนนิยมของพรรคก็จะเริ่มลดน้อยถอยลง ต้องไม่ลืมว่า เมื่อกระแสสูงได้เพราะโลกโซเชียล กระแสก็ตกได้ด้วยโลกโซเชียลเช่นกัน

- ประการที่สอง ช่วงเวลา 'Honeymoon' กำลังหายไป

ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้การยอมรับและเอาใจช่วยจากหลากหลายแวดวง อยากเห็นพรรคก้าวไกลได้มีโอกาสบริหารประเทศ เราจะเห็นได้ว่า แวดวงวิชาการ ศิลปวัฒนธรรม บันเทิง ไปจนถึงสื่อมวลชน ต่างก็มีใจปฏิพัทธ์ให้แก่พรรคก้าวไกล

เมื่อไรก็ตามที่คนของพรรคก้าวไกลถูกโจมตี ทั้งจากปฏิบัติการข่าวสาร ทั้งจากนิติสงคราม จะมีคนจากหลากหลายแวดงพร้อมออกมาอธิบาย โต้แย้งแสดงเหตุผล ช่วยพรรคก้าวไกลเสมอ ยังไม่นับรวมว่าได้ช่วงเวลาออกอากาศจากสื่อสำนักสำคัญๆ อยู่เป็นประจำ

ประกอบกับ เมื่อพรรคก้าวไกลชนะเลือกตั้งมาเป็นอันดับที่หนึ่ง แต่กลับไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลและไม่ได้ร่วมรัฐบาล ก็ยิ่งทำให้เกิดแรงแค้นผสมระคนกับแรงสงสาร เข้าไปอีก

แต่ทั้งหมดนี้คือช่วงเวลา Honeymoon

เมื่อรัฐบาลเข้ารับหน้าที่ พรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน ผ่านไปสักระยะ บรรยากาศน้ำผึ้งพระจันทร์ที่แวดวงท้้งหลายมีให้แก่พรรคก้าวไกล ก็จะทยอยบรรเบาบางลงไปตามลำดับ

ต่อไป โอกาสแก้ตัว ที่พรรคก้าวไกลได้รับอย่างสม่ำเสมอ จะค่อยๆ หายไป จากเดิม เรื่องหนึ่ง มีคนให้อภัย มีคนพร้อมเข้าใจ มีคนช่วยแก้ต่าง ต่อไป เรื่องเดียวกัน คนจะเริ่มถาม 'อีหยังวะ' คนจะสงสัย 'อะไรกันนักกันหนา อีกแระ ไม่ระวังกันเลย'

นับตั้งแต่เลือกตั้งจบลงจนถึงวันนี้ มีหลายกรณีที่เริ่มเดินไปในทิศทางนี้แล้ว ผมคงไม่ต้องยกมาอธิบายให้เห็นเป็นรูปธรรม ทุกคนคงพิจารณาและนึกออกได้เอง

- ประการที่สาม นิติสงคราม เดินหน้าบดขยี้

บรรดาคดีความที่ ส.ส.พรรคและพรรคก้าวไกล ถูกเล่นงาน ยังคงอยู่ในเงื้อมมือขององค์กรอิสระและศาล และน่าจะมีอีกหลายคดีที่บรรดา 'นักร้อง' เตรียมปฏิบัติการต่อเนื่อง

ตลอด 4 ปีนี้ ปฏิบัติการนิติสงครามต่อพรรคก้าวไกลจะทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ดอกผลอาจไม่ออกช่วงนี้ แต่ก็สร้างความรำคาญและเป็นภาระ ดอกผลจะเบ่งบานบานปลาย หากเข้าใกล้เทศกาลการเลือกตั้งและพรรคก้าวไกลยังกระแสสูง

- ประการที่สี่ พรรคการเมือง/กลุ่มการเมือง ทุกกลุ่ม รุมขย้ำ

เมื่อพรรคก้าวไกลถูกโดดเดี่ยว ก็จะถูกพรรคอื่นๆ ปิดล้อมตามลำดับ รอบนี้จะหนักหนาสาหัสมากขึ้น เพราะ พรรคเพื่อไทย พรรคขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ขั้วเดียวกันมา กลับเปลี่ยนไปอยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเสียแล้ว เมื่อผนวกกำลังเข้ากับพรรคอื่นๆที่ 'จองกฐิน' พรรคก้าวไกลมาโดยตลอด ก็จะยิ่งทำให้พรรคก้าวไกลเหนื่อยมากขึ้น การแบ่งสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการตามโควต้าพรรค เมื่อไม่นานมานี้ เป็นเพียง 'หนังตัวอย่าง' เท่านั้น ประเดี๋ยวคงมีอีกหลายเรื่องตามมา

- ประการที่ห้า ความขัดแย้งภายในพรรค

ความขัดแย้งภายในพรรค เป็นเรื่องปกติของทุกพรรคการเมือง การบริหารความคาดหวังของคนในพรรค และการขจัดหรือลดทอนความขัดแย้งภายในพรรค จึงเป็นศิลปะและความท้ายทายของผู้บริหารพรรค

ในระยะ 4 ปีนี้ พรรคก้าวไกลจะเจอปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคอยู่ 3 กรณีใหญ่...

กรณีแรก ความขัดแย้งเรื่องตำแหน่ง พรรคก้าวไกลถูกเตะให้เป็น 'ฝ่ายค้าน' ทำให้ตำแหน่งทางการเมืองต่างๆ มีน้อย ในขณะที่โอกาสการบริหารและใช้งบประมาณแผ่นดินก็ไม่มี

เมื่อตำแหน่งเหลือน้อยลง ไม่มีงบ ไม่มีอำนาจ แต่มี ส.ส.ถึง 151 คน มีพนักงาน มีอาสาสมัคร มีคณะทำงานทั่วประเทศ รวมอีกหลายร้อยคน มีผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญที่พรรคอยากดึงตัวมาช่วยงานในอนาคตอีก เช่นนี้ การแบ่งสรรปันส่วนตำแหน่งให้ได้อย่างถ้วนทั่ว สมตามความพอใจของแต่ละคน ย่อมเป็นไปได้ยาก

เมื่อมีคนไม่ได้ตำแหน่งที่ตนเองต้องการ ก็ตามมาด้วยความผิดหวัง เมื่อผิดหวัง ก็ไม่พอใจ โกรธ และในท้ายที่สุด ก็จะขยายผลไปไม่พอใจในเรื่องอื่นอีก จากเดิม เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทนๆ กันไปได้ หยวนๆ กันไปได้ แต่เมื่อผิดหวังใหญ่จากเรื่องตำแหน่ง ต่อไป เรื่องเล็กน้อยที่ไม่เป็นประเด็น ก็อาจกลายเป็นประเด็นได้เสมอ

แล้วถ้ามีหลายๆ คนไม่พอใจในเรื่องตำแหน่ง ก็จะตามมาด้วยการจับกลุ่มของคนที่ไม่พอใจ และขยายตัวเป็นความขัดแย้งภายในพรรค

เช่นเดียวกัน พรรคก้าวไกลประกาศว่า จะส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งการเมืองท้องถิ่นในรอบหน้า จุดนี้เป็นชนวนของความขัดแย้งในพื้นที่ได้อีก

ประสบการณ์ของพรรคอื่นๆ บอกเราไว้ว่า การเมืองท้องถิ่นอาจส่งผลสะเทือนภายในพรรคได้จากกรณีที่ สส.หรือผู้สมัคร สส.ในเขตเลือกตั้งหนึ่ง ในจังหวัดหนึ่ง ต้องการส่งคนของตนเองลงสมัครสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือนายกท้องถิ่น แต่พรรคหรือคณะนำของพรรคต้องการส่งอีกคนลง ทำให้เกิดความขัดแย้งกัน ผลลัพธ์ที่ตามมา ก็คือ ต่างคนต่างส่งกันเอง แข่งกันเอง ขัดแย้งกันเอง หรือไม่ก็ อดทนยอมคณะนำพรรคไป แต่ก็สร้างความไม่พอใจเก็บเอาไว้ เรื่องทำนองนี้ ย่อมมีโอกาสเกิดกับพรรคก้าวไกลเช่นเดียวกัน

กรณีสอง ความขัดแย้งเรื่องการไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ ยามเมื่อพรรคพึ่งตั้งใหม่ ยังไม่มีใครรู้จัก และยังไม่รู้จักกันเองเท่าที่ควร คณะนำของพรรคอาจยังไม่ไว้เนื้อเชื่อใจคนในพรรคอย่างถ้วนหน้า การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ อาจมาจาก 'วงปิด' ของคณะนำไม่กี่คน ในขณะที่ สส.คนอื่นๆ อาจคิดว่าต้องยอมสภาพเช่นนี้ไปก่อนในระยะแรก อย่างไรก็ตาม เมื่อพรรคเติบโตขึ้น คนมากขึ้น สส.มากขึ้น เรื่องที่ต้องตัดสินใจส่งผลกระทบต่อคนในวงกว้างมากขึ้น ส.ส.และทีมงานของพรรคย่อมต้องการมีส่วนร่วมมากขึ้น

ยิ่งพรรคก้าวไกลโฆษณาเรื่อง พรรคมวลชน พรรคที่ไม่มีใครคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ พรรคที่มีประชาธิปไตยกันภายในพรรค ก็จะยิ่งถูกคนในพรรคเรียกร้องการมีส่วนร่วมเข้าไปอีก มิพักต้องกล่าวถึง ผู้ลงคะแนนและผู้สนับสนุนจำนวนมากที่สามารถกดดันเรียกร้องพรรคได้เช่นกัน

ปัญหาเหล่านี้จะทยอยๆ เกิดขึ้น ไล่ไปตั้งแต่…

เรื่องใดให้อำนาจคณะนำตัดสินใจ แล้วให้ที่ประชุม สส.รับทราบ เรื่องใดให้คณะนำและที่ประชุม สส.ร่วมกันตัดสินใจ หรือคณะนำไม่กี่คนรวบอำนาจการตัดสินใจทั้งหมด แล้วให้ สส.ยกมือพอเป็นพิธี?

คณะนำตัดสินใจแต่ผู้สนับสนุนพรรคไม่พอใจรวมตัวกันกดดัน

คณะกรรมการบริหารพรรคมาจากการจัดตั้งคนไว้ก่อนแล้วจัดประชุมเป็นพิธียกมือให้ตามระเบียบ หรือจะเปิดให้มีการแข่งขันกันภายในพรรคอย่างจริงจัง? เป็นต้น

กรณีสาม ความขัดแย้งเรื่องความคิดและแนวทางของพรรค พรรคก้าวไกลรวมคนจากหลากหลายกลุ่ม มีหลายเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน แต่ยอมกันไปเพื่อการณ์ใหญ่ แต่เมื่อเวลาผ่านไป พรรคเติบใหญ่ขึ้น ความเห็นแตกต่างกันภายในพรรคในเรื่องความคิด แนวทาง นโยบายพรรค จะเริ่มปรากฏชัดมากขึ้น

เรื่องแบบนี้ เป็นธรรมดาของพรรคการเมือง หากในอนาคต เปิดให้มีการแข่งขันภายในพรรค ก็จะเกิดกลุ่มขั้วต่างๆ แข่งกันภายในว่า แนวคิดไหนจะชนะและได้บริหารชี้นำพรรค

ปัญหามีอยู่ว่า ในช่วงเริ่มต้นแบบนี้ จะประคองไม่ให้ประเด็นแบบนี้กลายเป็นความขัดแย้งจนสั่นคลอนพรรคได้อย่างไร

'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ซัด!! สส.ค้านศาล คดี 'อานนท์' จำคุก ม.112 แก้ผ้าล่อนจ้อนเปลือยตัวตนชัดเจน เพื่อปกป้องคนทำผิด

(27 ก.ย. 66) นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Nantiwat Samart’ ระบุว่า…

ไม่ใช่สิทธิ

คดีทนายอานนท์ถูกตัดสินจำคุก ม.112 ไม่แปลกใจที่พรรคและบรรดา สส.ของพรรค ดาหน้ากันออกมาคัดค้านการตัดสินของศาลว่าจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเป็นความเห็นต่าง ทำให้สงสัยว่า พวกคุณคิดอย่างไรกับสถาบันฯ

ต้องพูดความจริงกัน การกล่าวโทษ ให้ร้าย ขู่อาฆาตคนทั่วไป ก็เป็นสิ่งทำไม่ได้ เพราะมีกฎหมายหมิ่นประมาท รักษาสิทธิของคนที่ถูกคุกคาม

แม้แต่พวกคุณยังใช้สิทธิตามกฎหมาย ฟ้องหมิ่นประมาทคนที่กล่าวพาดพิง ทีอย่างนี้ไม่ใช่การเห็นต่างหรือ

พวกคุณได้แก้ผ้าล่อนจ้อนเปลือยตัวตน แสดงตัวตนชัดเจนว่าปกป้องคนทำผิด จะไม่ให้บ้านเมืองนี้มีกฎหมายหรือไร ทำอะไรตามใจเป็นไทยแท้ ไม่ผิด ให้มันเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน เปลี่ยนไทยเป็นอนาธิปไตย

พระมหากษัตริย์ไม่ได้เกี่ยวข้องการเมือง ผู้ใดจะละเมิดมิได้ อยู่เหนือความขัดแย้งทางการเมือง แต่ถูกคนที่ สส.ให้ท้ายจาบจ้วงกล่าวร้าย อย่าให้ความเกลียดชังบดบังความจริง

คนที่เห็นต่างจากพวกคุณ พร้อมออกมาปกป้องพระมหากษัตริย์

‘ศิธา’ แง้ม ‘ไทยสร้างไทย’ พร้อมรับ ‘รองอ๋อง’ เข้าพรรค หาก ‘ก้าวไกล’ มีมติขับพ้นพรรค เพื่อเป็นผู้นำฝ่ายค้าน

(28 ก.ย. 66) ที่รัฐสภา น.ต.ศิธา ทิวารี สมาชิกพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เตรียมประชุมหาความชัดเจนเรื่องตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน ที่มีกระแสข่าวว่าจะขับ นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ออกจากพรรค พรรค ทสท.พร้อมจะเปิดประตูต้อนรับหรือไม่ ว่า เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค ก.ก.และเป็นสิทธิ์ของนายปดิพัทธ์ ว่านายปดิพัทธ์จะออกหรือไม่ออก ซึ่งพรรค ก.ก.ก็มีมติได้ว่า จะให้นายปดิพัทธ์ลาออกหรือไม่ แต่หากนายปดิพัทธ์ไม่ลาออก พรรค ก.ก.ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ ทำได้อย่างเดียวคือต้องขับออก หากต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร

น.ต.ศิธา กล่าวต่อว่า หากพรรค ก.ก.ขับนายปดิพัทธ์ออกมา ซึ่งนายปดิพัทธ์ยังไม่พ้นสภาพ สส. สามารถเป็นต่อได้อีก 30 วัน ส่วนนายปดิพัทธ์จะไปอยู่พรรคไหนก็ถือว่าเป็นเอกสิทธิ์ การที่ไปบอกว่าให้นายปดิพัทธ์มาอยู่กับพรรค ทสท. หากไม่เข้าใจกัน แต่พูดไปแล้วก็อาจจะเป็นการล้ำเส้น และอาจจะเกิดความคลางแคลงใจกัน ซึ่งทุกวันนี้ตนเชื่อฝ่ายค้านก็ร่วมมือกันในการตรวจสอบรัฐบาลอย่างสร้างสรรค์จริง ๆ ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ถือเป็นส่วนผสมที่ลงตัวอยู่แล้ว แต่หากนายปดิพัทธ์จะอยู่กับพรรค ทสท.ก็ยินดีต้อนรับ แต่คงไม่แสดงความคิดเห็นว่าอยากให้เข้ามา

'จักพันธ์-ปชป.' อู้ฟู่ 161 ล้าน ส่วน 'พล.ต.ต.สุรินทร์' รวย 30 ล้าน ด้าน 'สส.หมิว-ก้าวไกล' มีแค่ 5 แสนกว่าบาท และยังเช่าบ้านอยู่

วันนี้ (29 ก.ย.66) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กรณีเข้ารับตำแหน่ง สส. โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายจักพันธ์ ปิยพรไพบูลย์ สส.พรรคประชาธิปัตย์ มีทรัพย์สินรวม 161,227,934.16 บาท มีหนี้สินรวม 11,446,764.85 บาท แบ่งเป็นบัญชีเงินฝาก 3 บัญชี รวม 1,620,769.16 บาท เลี้ยงไก่ชน 500 ตัว มูลค่า 5 ล้านบาท ที่ดิน 44 แปลงใน จ.ประจวบคีรีขันธ์, นครราชสีมา, ลำปาง มูลค่ารวม 94,769,165 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 11 หลัง มูลค่ารวม 44,750,000 บาท และมีรถยนต์ 29 คัน มูลค่ารวม 14,650,000 บาท เป็นรถโดยสารประจำทาง 26 คัน

ขณะที่ทรัพย์สินอื่น คือ อาวุธปืน 8 กระบอก มูลค่ารวม 438,000 บาท นอกจากนี้ยอดเงินกู้ จากธนาคารกรุงเทพฯ และกสิกรไทย คงเหลือ 11,446,764.85 บาท

ด้าน พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนางจรีพรคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวม 30,334,833.88 บาท มีหนี้สินเป็นของคู่สมรส 19,465.19 บาท ทรัพย์สินที่น่าสนใจของทั้งคู่เป็นเงินฝากรวม 13 บัญชี 5,764,833.88 บาท ที่ดินในจังหวัดสงขลา นราธิวาส รวม 9 แปลง 13,570,000 บาท บ้าน 1 หลังในอ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 1,200,000 บาท นอกจากนี้ยังมีปืนพกสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 5 มม. อาร์อาร์จี 667 กล็อค มูลค่า 1 แสนบาท

ขณะที่ สส.ใหม่พรรคก้าวไกลอย่าง น.ส.สิริลภัส  กองตระการ แจ้งว่ามีทรัพย์สิน 573,566 บาท มีหนี้สินเป็นเงินเบิกเกินบัญชี 12,625 บาท เงินฝาก 8 บัญชีรวม 144,566 บาท ยานพาหนะมูลค่า 329,000 บาท สิทธิสัมปทาน 1 แสนบาท ไม่มีรายการทรัพย์สินอื่น

นอกจากนี้แจ้งมีรายได้ต่อปี รวม 1,682,720 บาท เป็นเงินเดือน สส. 1,362,720 บาท เงินค่าจ้างการแสดง 320,000 บาท รายจ่ายต่อปี 1,051,810 บาท เป็นค่าเช่าที่อยู่อาศัย 132,000 บาท ค่าอุปโภคบริโภค 260,000 บาท ค่าเบี้ยประกันภัย 3,779 บาท จ่ายเงินกองทุน สส. 42,000 บาท ค่าใช้จ่ายส่วนตัว 360,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 13,386 บาท ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ 645 บาท ค่าอุปการะบิดามารดา 240,000 บาท ขณะที่ข้อมูลการเสียภาษีเงินได้บุคคลในรอบปีที่ผ่านมาแจ้งว่ามีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 0 บาท

ทั้งนี้ น.ส.สิริลภัส เคยมีข่าวดรามาถูกถ่ายภาพนำอาหารกล่องจากสภาผู้แทนราษฎรกลับบ้าน ซึ่งเป็นอาหารที่แม่บ้านสภาฯ บรรจุกล่องไว้ เนื่องจาก สส.เข้ามาประชุมน้อยทำให้อาหารที่เตรียมไว้เหลือเป็นจำนวนมาก มีการเปิดค่าอาหาร สส.ต่อหัวในวันประชุมสภาอยู่ที่หัวละ 1,000 บาท และถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาหาร สส.แพงเกินอีกทั้งเหลือทิ้ง จนต้องมีการเรียกหารือถึงทางออกปัญหาดังกล่าว แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป

‘สส.ก้าวไกล อยุธยา’ โพสต์โปรโมตเบียร์ซ้ำรอย ‘หมออ๋อง’ ด้าน ‘ไอซ์ รักชนก’ ไม่ปราม กลับคอมเมนต์แซว ‘แบ้วเกิ๊น’

เมื่อวานนี้ (2 ต.ค. 66) นายทวิวงศ์ โตทวิวงศ์ สส.เขต 1 จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พรรคก้าวไกล ได้โพสต์ภาพตัวเองถือกระป๋องเบียร์และโปรโมตร้านขายเบียร์ โดยระบุข้อความว่า…

ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะมีคนทำ ‘เบียร์ยี่ห้อตัวเอง’ มาให้เรา ไม่คิดว่าจะได้มีเรื่องประทับใจแบบนี้เก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป คนทำเบียร์ยุดยา นี่มันน่าร้ากกกกทุกคนเลยครับ มีหลายยี่ห้อด้วย Dark House Bar ของที่ระลึกชิ้นนี้ เราจะเก็บรักษาเพื่อเตือนใจ พวกเราให้ทำงานเต็มที่ เดินหน้าความฝันที่ทุกท่านส่งต่อมาให้ครับ พร้อมติดแฮชแท็ก #กรุงเก่าก้าวไกล #เต้ทวิวงศ์

โพสต์ดังกล่าวได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กบางส่วนเข้ามาเตือนนายทวิวงศ์ให้รีบลบโพสต์ เพราะเป็นกรณีเดียวกับนายแพทย์ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ สส.พรรคก้าวไกล ที่โพสต์ภาพเบียร์พิษณุโลก

อย่างไรก็ตามนางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล ก็ได้มาคอมเมนต์ด้วย ทว่ากลับไม่มีการทักท้วงเพื่อน สส.ว่าเป็นการกระทำที่อาจผิดกฎหมาย แต่กลับคอมเมนต์ว่า ‘แบ้วเกิ๊น’

สำหรับการโพสต์ของนายทวิวงศ์ ส่อเข้าข่ายเป็นการกระทำผิดพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาตรา 32 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณหรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม

‘ชัยธวัช’ หนุน ‘นายกฯ’ ดันนโยบายเปิดผับบาร์ถึงตี 1 แนะ!! ควรจัดโซนนิ่งให้ชัดเจน สกัดการจ่ายส่วย

(5 ต.ค.66) ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ระบุจะเปิดผับบาร์และสถานบันเทิงถึงตีหนึ่ง จากเดิมให้เปิดแค่เที่ยงคืนว่า เรื่องนี้พรรคก้าวไกลเห็นด้วย เป็นข้อเสนอของพรรคอยู่แล้ว แต่มีความเห็นว่า ควรจัดโซนนิ่งได้ ไม่ควรจะเปิดแบบทั่วไป

“หลายพื้นที่ สถานบันเทิงเป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจสำคัญ ดังนั้น ควรทำให้ถูกกฎหมายและถูกควบคุมกำกับภายใต้กรอบที่ควรจะเป็นให้ได้ ไม่ใช่ในทางปฏิบัติบอกว่ากฎหมายห้าม แต่เปิดถึงเช้าในหลายที่ โดยใช้กระบวนการจ่ายส่วยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง และไม่สามารถควบคุมกำกับตามที่เหมาะที่ควร ผมคิดว่าเรื่องนี้เห็นด้วย แต่ไม่ควรจะเปิดเป็นการทั่วไป” นายชัยธวัช กล่าว 

'พีระพันธุ์' เชิญ 'ก้าวไกล' สนทนาแก้ปัญหาด้านพลังงานหลากมุม ปลุกบรรยากาศการเมือง 'สร้างสรรค์-รับฟัง' เพื่อประโยชน์คนไทย

ร่วมเดือนกว่าๆ หลังได้รัฐบาลใหม่ ประเด็นการเมืองไทย ยังมีเรื่องระอุให้ติดตามไม่เว้นวัน ทั้งนโยบายหลายก๊อกที่ยังรอคำตอบเคาะ เพื่อฝ่าคำค้าน นักวิชาการ และกระแสดรามาการเมืองที่ซัดเท...

ทว่า ควันหลงการเมืองไทยใต้หมอกแห่งความจัดแย้ง ก็ยังมีการเมืองในเชิงสร้างสรรค์ ให้เห็นอยู่บ้าง .
โดยในช่วงปลายเดือนก่อน (22 ก.ย.66) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำหนังสือด่วน เพื่อเชิญ นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้าหารือที่ทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 26 ก.ย.ช่วงบ่าย เหตุจากวันที่ 21 ก.ย. นายศุภโชติได้ยื่นกระทู้สดด้วยวาจาถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สภา เกี่ยวกับปัญหาพลังงาน แล้ววันนั้นนายพีระพันธุ์ไม่ได้เข้าร่วมประชุมสภา เนื่องจากติดภารกิจที่จังหวัดชุมพร

บรรยากาศแบบนี้ มิค่อยได้เกิดขี้นบ่อยครั้งในจังหวะอุณหภูมิการเมืองระอุ โดยเฉพาะกับคนการเมืองที่อยู่ต่างขั้วต่างพรรคกันที่จะได้มานั่งประจันหน้ากันเพื่อคุยและถกแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน

การประชุมในวันนั้น นายพีระพันธุ์ ได้ให้เกียรติ สส.ก้าวไกล ด้วยการเชิญผู้เกี่ยวข้องกับการลดราคาพลังงานของกระทรวงพลังงานมาหารือ ประกอบด้วย นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน, นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน, น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน และ นางพัทธ์ธีรา สายประทุมทิพย์ รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน

ขณะเดียวกัน ก็ได้เชิญ นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ผอ.ศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต พรรคก้าวไกล มาร่วมหารือในครั้งนี้ด้วย

ในห้องประชุม นายศุภโชคและคณะ ได้สอบถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายของกระทรวงพลังงาน ทั้งกรณีที่รัฐบาลลดราคาไฟฟ้าลงเหลือหน่วยละ 3.99 บาท รวมถึงแสดงความเป็นห่วงเรื่องภาระระยะยาวหลังการยืดหนี้ของ กฟผ.ออกไปจนกลายเป็นภาระของประชาชน

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย และส่วนหนึ่งที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยขอให้รัฐบาลพิจารณาให้กลุ่มปิโตรเคมีที่ได้ประโยชน์จากราคาก๊าซในอ่าวไทย แต่ประชาชนกลับต้องรับภาระต้นทุนก๊าซจากต่างประเทศในการผลิตไฟฟ้า เปลี่ยนมาเฉลี่ยต้นทุนจากแหล่งก๊าซธรรมชาติทั้ง 2 แห่ง เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และประเด็นเรื่องแผน PDP ที่ขอให้รัฐบาลเปิดโอกาสให้นักวิชาการภาคประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย

หลังได้รับฟังข้อเสนอจากฝั่งก้าวไกล นายพีระพันธุ์ กล่าวกับนายศุภโชคและคณะในวันนั้นว่า หลังจากตนเข้ารับตำแหน่ง รมว.พลังงาน ก็ได้มอบนโยบายจากมุมมองที่ว่า พลังงานไม่ใช่เรื่องธุรกิจ แต่ให้มองเป็นเรื่องของความมั่นคงเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชน และเป็นความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ดังนั้นจึงต้องหาความสมดุลและความเหมาะสมของทั้งสองฝ่าย

ฉะนั้น ประเด็นที่เป็นห่วงเรื่องปัญหาค่าไฟในระยะยาว รัฐบาลก็จะไม่ได้หยุดแค่การลดราคาไฟฟ้าราคานี้เท่านั้น แต่เนื่องจากเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในระยะสั้น จึงต้องรีบทำก่อน โดยส่วนที่สามารถลดราคามาได้เป็นเพราะขอยืดหนี้จาก กฟผ.ออกไปและส่วนของต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ลดลง จึงทำให้สามารถลดราคาค่าไฟให้ประชาชนลงได้อีก

รมว.พลังงาน ยังกล่าวอีกว่า กรณีของราคาก๊าซธรรมชาติที่ประเทศไทยนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า ซึ่งมี 2 ส่วนคือนำเข้าจากต่างประเทศและส่วนได้มาจากอ่าวไทยเป็นนโยบายที่ตนได้นำเสนอมาก่อนหน้านี้ และทางคณะของพรรคก้าวไกลก็เห็นด้วย โดยเสนอว่าให้นำมาเฉลี่ยต้นทุนเพื่อให้ประชาชนได้ใช้ราคาค่าไฟที่เป็นธรรม แทนที่จะนำไปขายให้กลุ่มปิโตรเคมีในราคาถูกซึ่งจะได้ดำเนินการต่อไป

เมื่อกล่าวถึง แผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย หรือ PDP ที่ทางคณะพรรคก้าวไกลเสนอให้นักวิชาการภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงประเด็นการศึกษากำลังไฟฟ้าสำรองที่จะเกิดในอนาคต ตนจะรับโจทย์ดังกล่าวไปศึกษาจัดทำเป็นนโยบายต่อไป

รมว.พลังงาน ย้ำอีกด้วยว่า ยังมีกฎหมายเดิมด้านพลังงานอีกหลายเรื่องต้องได้รับการแก้ไข เพราะกฎหมายหมายฉบับดำเนินการมาในอดีต แต่ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไป จึงเห็นว่าต้องรื้อตรวจสอบแก้ไขให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพื่ออำนวยต่อการจัดหาพลังงานให้กับประเทศ และให้ประชาชนได้ใช้พลังงานในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรมต่อไป

ภายหลังจากการประชุมกับ รมว.พลังงาน ด้าน นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมว่า ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พร้อมทั้งยอมรับว่า นายพีระพันธุ์รับฟังปัญหาของประชาชน ที่ฝากผ่านตนมาทั้งเรื่องราคาค่าไฟระยะยาว, มาตรการรองรับ, การปรับโครงสร้างราคาใหม่, การจัดทำแผน PDP ที่โปร่งใส

"รมว.พลังงาน รับที่จะนำข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ไปพิจารณา ทั้งเรื่องค่าไฟ ราคาน้ำมัน หรือปัญหาด้านพลังงานอื่นๆ ที่จะต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ และอธิบายให้เข้าใจ ถือว่าเป็นการประชุมที่บรรยากาศเป็นไปด้วยดี" นายศุภโชติ กล่าว

ก็หวังว่า จากเหตุการณ์นี้ จะทำให้มิติการเมืองไทยยุคใหม่ เดินหน้าด้วยการร่วมกันทำงานอย่างสร้างสรรค์ในทุกๆ ฝ่าย และในทุกๆ กระทรวง ดั่งกรณีของกระทรวงพลังงานที่พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะด้วยความจริงใจ เพราะเป้าหมายสุดท้าย คือ ประโยชน์ของประชาชน ที่เชื่อว่าทุกภาคส่วนย่อมอยากให้เกิดผลลัพธ์อันดีต่อประเทศ...

‘วุฒิพงศ์’ สส.ก้าวไกล แจงปมแชตคุกคามสาวเป็นเรื่องเก่า ก่อนรับตำแหน่ง เชื่อ!! ถูกกลุ่มคนไม่หวังดีดิสเครดิต เพราะตนกำลังตรวจสอบทุจริตในพื้นที่

เมื่อวานนี้ (11 ต.ค. 66) นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล ได้โพสต์คลิปชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาแชตคุกคามสาว โดยระบุว่า

ที่ผ่านมาก้าวไกลได้ตั้งคณะกรรมการทางวินัยสอบกรณีนี้แล้ว เพื่อสืบหาที่มาที่ไปของเป้าประสงค์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ตั้งแต่การเลือกตั้งสิ้นสุดลงกลางเดือน พ.ค. ผ่านมา 5 เดือนแล้ว มีกลุ่มคนในปราจีนฯ ตั้งตัวเป็นนักร้องเพื่อตรวจสอบผม ตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาพยายามดิสเครดิตทำลายชื่อเสียงของพรรคก้าวไกลและของผม เพื่อปิดบังเรื่องราวที่ผมกำลังตรวจสอบในจังหวัดขณะนี้

จากข่าวที่ปรากฎมา นับเป็นเรื่องที่สาม ที่บุคคลกลุ่มนี้พยายามขุดคุ้ยข้อมูลเพื่อสร้างประเด็นในการร้องเรียน และสร้างประเด็นในการแชร์ให้ปรากฎในโซเชียลฯ เป็นการแคปภาพเฉพาะบางส่วนมาเสนอต่อสาธารณชน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ขอยืนยันว่าผ่านมา 1 ปีครึ่งแล้ว สำหรับภาพที่แคปมาเผยแพร่ ตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็น สส.

ซึ่งเป็นที่ชัดเจนของผู้ที่นำข้อมูลต่อสาธารณะ ว่าพวกเขาต้องการดิสเครดิตการทำงานของผม และมีเป้าหมายบางประการอย่างชัดเจน

กระผมขอเรียนต่อชาวปราจีนบุรีและสมาชิกพรรคก้าวไกลทุกท่านว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ผมท้อถอยในการทำงานแต่ประการใด ในทางตรงกันข้ามกลับทำให้ผมยิ่งต้องการตรวจสอบในจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์โดยใช้ตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องของมลพิษในพื้นที่ศรีมหาโพธิ

สุดท้ายผมขอให้ทุกท่านมั่นใจในการทำงานของผมว่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาวปราจีนฯ และจังหวัดปราจีนบุรี

ทัวร์ลง 'พรรคก้าวไกล' โหมพฤติกรรม สส.ล่วงละเมิดทางเพศ 'ชาวเน็ต' ขยี้!! ดีแต่ตรวจสอบคนอื่น เรื่อง สส.ฉาวเงียบกริบ

(12 ต.ค. 66) จากกรณีฉาวโฉ่ของนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล โดนแฉว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศทีมงานอาสาสมัครหญิงสาวรายหนึ่ง ล่าสุดทางเพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล - Move Forward Party โพสต์กราฟิกเป็นภาพ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. หนึ่งในคณะกรรมการวินัยตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ระบุข้อความว่า “สนามสอบผู้ช่วยผู้พิพากษา ความเหลื่อมล้ำที่รู้ ๆ กัน ความยุติธรรมจึงถูกตั้งคำถาม”

อย่างไรก็ตามได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก เช่น เคลียร์คนในพรรคตัวเองให้ได้ก่อน พูดไปก็ไม่น่าเชื่อถือแล้ว, ดีแต่ว่าคนอื่น ไม่ดูคนในพรรคตัวเองเลย 5555555 ดีอย่างเกียวคือด่าเก่ง แสดงละครเก่ง สะตอเก่ง, ตรวจสอบคนในพรรคตัวเองก่อนเลย พูดแถลงเหมือนกับแถ, แต่ละเรื่องไม่เมาก็สตรี, อย่ามัวเงียบเรื่องฉาว สส.ของพรรค, ดีแต่ตรวจสอบคนอื่น เรื่องในพรรคตัวเองไม่จัดการเรื่องตั้งแต่สิงหาคม แต่ไม่เห็นทำอะไรเลยทั้งๆที่หลักฐานเยอะไปหมด, แถลงการณ์ให้ไวกว่านี้อย่าให้ประชาชนหมดศรัทธา

‘ก้าวไกล’ อ่วม!! พบ สส.ในพรรคคุกคามทางเพศเพิ่มอีก 1 ด้านเพจดังแฉต่อ ‘เล่นยา’ ก็มี จ่อเปิดหลักฐานมัดตัว

(12 ต.ค.66) เพจเฟซบุ๊ก ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ซึ่งเกาะติดประเด็นร้อน สส.ก้าวไกลที่มีพฤติกรรมล่วงละเมิดหรือคุกคามทางเพศ โพสต์ข้อความว่า ทุกคนคะ ได้รับแจ้งใหม่ 2 เรื่องคือ ละเมิดผู้หญิง กับ เล่นยา

แอดมินขอพักเรื่อง พี่แจ้ (วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี พรรคก้าวไกล) ไปหาข่าว 2 เรื่องนี้ก่อนนะคะ สำหรับคนเล่นยา แอดมินมีชื่อแล้ว รอเอกสารจากทางเมืองนอกอยู่ค่ะ ทุกคนต้องใจเย็นๆ แอดมินต้องรอบคอบด้วย

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมการวินัยพรรค ได้แถลงข่าวตอนหนึ่งว่า นอกเหนือจากกรณีนายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่มีหลักฐานการแชตไลน์ในลักษณะล่วงละเมิดทางเพศแล้ว ยังมีกรณีล่าสุดที่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อ

โดยนายพริษฐ์ กล่าวว่า กรณีข้อกล่าวหาเรื่องการคุกคามทางเพศ โดย สส. อีก 1 คน ทางพรรคได้ทราบข้อมูลว่าได้เกิดเหตุการณ์ที่อาจเข้าข่ายการล่วงละเมิดทางเพศโดยสมาชิกพรรค ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่ง สส. ของพรรคก้าวไกล แม้ว่าทางพรรคยังไม่ได้รับเรื่องร้องเรียนโดยตรงจากบุคคลซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นผู้เสียหาย ตั้งแต่ทราบเรื่อง ทาง คกก. วินัย ของพรรคได้เร่งติดต่อไปยังบุคคลดังกล่าว โดยตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการรอความพร้อมของบุคคลดังกล่าว ในการให้ข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top