Tuesday, 20 May 2025
ก้าวไกล

'ณัฐชา' เชื่อ สว.หนุน 'เศรษฐา' ฉลุยนายกฯ มีเบื้องหลัง  งง!! ทะเลาะกันมาสิบปี คงมีข้อเจรจาที่ตกลงกันได้

(24 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายณัฐชา บุญอินไชยสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ว่ามีนัยทางการเมืองหรือไม่ ว่า ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไรกับการส่งมอบอำนาจ เป็นอำนาจใหม่ที่ประชาชนมีข้อเคลือบแคลงสงสัย เพราะพล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจจากน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ  ซึ่งเป็นรัฐบาลจากพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งยึดอำนาจมาเกือบ 9 ปี สุดท้ายมาส่งมอบอำนาจให้กับพรรค เพื่อไทยซึ่งเป็นสิ่งที่เราสงสัยในหลายประเด็น

ส่วนการเข้าพบในครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่ สว. โหวตให้นายเศรษฐาหรือไม่นั้น นายณัฐชากล่าวว่า หลังจากพรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ก็ต้องมีเสียงของ สว. เกี่ยวข้องด้วยแน่นอน เพราะเช้าวันที่โหวตนายกฯ (22 ส.ค.) ตนได้พูดคุยกับสว.ที่รู้จักกัน ก็ยังไม่มีสัญญาณมา แต่โค้งสุดท้าย ก็มีการส่งสัญญาณไฟเขียวโหวตให้นายเศรษฐา ช่วงเวลาระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง แน่นอนว่าต้องมีการเจรจากับนอกรอบอย่างแน่นอน

เมื่อถามว่า การพูดคุยของนายกฯ จาก 2 ขั้วอำนาจ จะถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีหรือไม่สำหรับพรรคก้าวไกล นายณัฐชากล่าวว่า คำว่า สมานฉันท์ปรองดอง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เบื้องหลังมีการกระทำอะไรบ้าง ที่มีผลกระทบกับประชาชน นี่เป็นเรื่องสำคัญ เพราะฉะนั้นเราต้องรู้ให้ได้ว่า เบื้องหลังของคนที่ขัดแย้งกันมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี สุดท้ายมาจับมือกัน และบอกว่าเป็นการทลายความขัดแย้งที่ยาวนาน

“อยู่ดี ๆ คนมีปัญหากันมาเป็นสิบปี มาจับมือกัน มันต้องมีข้อเจรจาที่ตกลงกันได้ สิ่งที่ตกลงกันนั้นคืออะไร ประชาชนยังไม่ทราบเท่านั้นเอง” นายณัฐชากล่าว

เมื่อถามว่า มีอะไรอยากจะฝากถึงคณะรัฐมนตรีใหม่หรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า “หน้าตารัฐมนตรีที่ออกมาทั้ง 35 คน จะทำให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น ว่าภายใต้การเจรจา เบื้องหลังเบื้องลึกนั้นมีการเจรจาต่อรองตำแหน่งใดไว้บ้าง และทิศทางที่เจรจาส่งผลกระทบอะไรต่อประชาชน หน้าตาของครม. ก็จะเป็นคำตอบให้กับประชาชนว่า สุดท้ายแล้วรัฐบาลนี้วางอยู่บนความไว้วางใจของประชาชนได้หรือไม่”

เมื่อถามว่า เห็นหน้าตาครม. และนายกฯ แล้ว คิดว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับยังเป็นไปได้หรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า “จากการที่นายเศรษฐาระบุว่า จะนำเรื่องดังกล่าวเข้า ครม. ในวาระแรก ตนมองว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญแก้ไขได้อย่างแน่นอน ถ้านายกฯ มีความตั้งใจ แต่ความจริงใจนั้นต้องพิสูจน์ว่า ที่มาที่ไปของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จะมาด้วยวิธีการใด ก่อนเลือกตั้งเราพูดเป็นเสียงเดียวกัน ว่าสสร. ต้องมาจากการเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้คือประเด็นหลัก ไม่ใช่ว่าจะแก้ได้หรือไม่ได้” 

ส่วนจะร่างรัฐธรรมนูญควบคู่ไปด้วยหรือไม่ นายณัฐชากล่าวว่า “ต้องทำอย่างแน่นอน”

‘พิธา’ ลบตำแหน่ง ‘แคนดิเดตนายกฯ ไทย’ ออกจากไอจี พร้อมแชร์คลิปเศร้า ‘ก้าวไกลไม่มีใครเลย นอกจากประชาชน’

(25 ส.ค. 66) ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ล่าสุดในอินสตาแกรม นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลบคำว่า ‘แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย 30th Prime minister–designate of Thailand.’ ออกจากโปรไฟล์ของ อินสตาแกรม pita.ig เหลือแค่เพียงคำว่า ‘นักการเมือง’

นอกจากนี้ ยังได้แชร์คลิปจากผู้ใช้ TIKTOK ลงในไอจีสตอรี่ ซึ่งเป็นช่วงที่นายพิธาลงพื้นที่หาเสียงช่วงเลือกตั้ง พร้อมกับมีแคปชันว่า ‘ก้าวไกลไม่มีใครเลย นอกจากประชาชน’

‘อี้ แทนคุณ’ ฉะ ‘รองอ๋อง’ ทำตัวเป็นเด็ก-ไร้วุฒิภาวะ ‘มารยาท-การแต่งกาย’ ไม่เหมาะนั่ง ‘รอง ปธ.สภาฯ’

(25 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ ​รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์​ กล่าว​ถึง​กรณี​นาย​ปดิพัทธ์​ สันติ​ภาดา​ รองประธาน​สภา​คนที่​ 1 จากก้าวไกลกระทำตัวไม่เหมาะสมไร้วุฒิภาวะ​หลายครั้ง​จนเป็น​เหตุ​ให้สภากลายเป็น​สภาโจ๊ก จนมี สส. จากพรรคเดียวกัน​ยังล้อ​เล่นตลกตอกย้ำ ความเป็​น ‘ประธาน​สภาหมูกระทะ’ ซึ่งไม่เคยปรากฏ​มาก่อนในประวัติศาสต​ร์ 

ล่าสุดกับการแต่งกายไม่เหมาะสม​จนกลายเป็น​ต้องมีเรื่องให้ สส. ประท้วงและประชาชน​ตำหนิทุกวันและยังปิดปากลิดรอนสิทธิ์​ สส. ในการประท้วงตนเองอีก​โดย​มี​ประชาชน​วิพากษ์วิจารณ์​อย่างกว้างขวาง​ว่าใช้อำนาจตามอำเภอใจไม่ให้​เกียรติ​สถานที่​และสมาชิก​สภาผู้แทนราษฎร​ที่ร่วมประชุม​อยู่ ​ทำเสมือน​เป็น​เด็กเล็ก ๆ เล่นในสนามเด็กเล่น​ จะเล่นอะไรจะทำตัวอย่างไร แต่งตัวขึ้นบนบัลลังก์​อย่างไรก็ได้ พ่วงด้วยคดี ‘โชว์​เชีย​ร์เบียร์’ ที่ผลิตคนละจังหวัดเป็นการทำผิดกฎหมาย​ก็ยังไม่สลด  

โดยเฉพาะ​อย่างยิ่ง​ตอนนี้​สถานการณ์​ชัดเจน​แล้ว​ว่า พรรคก้าวไกล​ต้องไปเป็นฝ่ายค้าน ตามธรรมเนียม​ควรมีสำนึกลาออกจากตำแหน่​งรองประธาน​สภา​ฯ หลีกทางให้พรรครัฐบาล​เป็น​แทนอย่าให้มองว่าไม่รู้เรื่องไม่สนใจ​ธรรมเนียม​ ไม่รู้​กาลเทศะ​อะไรเลย โดยบอกว่าเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ในขณะที่ประชาชนยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเรื่องแค่นี้ยังดูแลตัวเองไม่ได้ แล้วจะสามารถดูแลประเทศชาติในเรื่องใหญ่กว่านี้ได้อย่างไร 

รวมทั้งอยากจะตั้งคำถามไปยังพรรคก้าวไกลว่านี่คือคนที่ ‘คัดมาอย่างดีที่สุด’ ในการมาดำรงตำแหน่งนี้แล้วใช่ไหม ถึงมีเรื่องให้เป็นที่ครหาได้ไม่เว้นแต่ละวัน หรือจะรอถลุงเงินหลวงจากภาษีประชาชน​เพื่อโปรโมตตัวเองและพรรคของตัวเองให้หมดก่อนแล้วจึงค่อยลาออก ซึ่งย้อนแย้งกับนโยบายที่พรรคก้าวไกลเคยประกาศไว้ว่าห้ามใช้เงินหลวงโปรโมตตัวเอง 

เรียกได้ว่าเป็นพรรคการเมืองและนักการเมืองที่ไม่เคยสนใจหลักการจริยธรรม กฎระเบียบบ้านเมือง เป็น​แบบ​อย่างให้เยาวชนตีความ​เสรีภาพผิดจนเกิดความก้าวร้าวรุนแรงกระด้างกระเดื่องต่อกฎหมายบ้านเมืองจนเสียอนาคตไปหลายคน แต่ไม่เคยเห็นความรับผิดชอบใด ๆ ของคนในพรรคนี้เลย ซึ่งทำให้เชื่อว่าหากพรรคนี้อยู่ต่อไปยิ่งนานยิ่งทำให้สังคมมีแต่ถดถอยลง 

อยากเตือนไปถึง ‘หมออ๋อง’ อย่าตะแบงทำผิดไปมากกว่า​นี้​ก่อนที่จะ​ต้อง ‘ให้มันจบที่ คุกเรา’ อีกคน แค่นี้​ขาข้างหนึ่ง​ก็ก้าวเข้าไปรอในเรือนจำแล้วเพราะคดีก่อนหน้านี้ยังไงก็ผิดกฎหมาย​แล้ว ขืนยิ่งอยู่นานยิ่งมีปัญหา​และนี่อาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะหยุดทำเพื่อสนองต่อกิเลสตัณหาและอำนาจของตัวเองก่อนที่จะทำให้ภาพลักษณ์​รัฐสภาไทยแย่ลงไปกว่านี้

‘พิธา’ เผย โทรยินดี ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ แล้ว ฝากกู้วิกฤตศรัทธา เป็นนายกฯ ของทุกคน

(25 ส.ค. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือ โย ผู้สมัคร สส. เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล เลือกตั้งซ่อมเขต 3 จ.ระยอง พร้อมทีมงาน ได้เดินทางโดยรถแห่หาเสียง ลงพื้นที่ ต.บ้านนา อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อขอคะแนนเสียงให้กับ ‘โย พงศธร’ ท่ามกลางสายฝนโปรยปรายลงมา โดยมีชาวบ้านในพื้นที่แห่ต้อนรับ และ ขอถ่ายเซลฟี่ และ ขอลายเซ็น กับนายพิธา จำนวนมาก โดยไม่กลัวเปียกฝน

นายพิธา กล่าวว่า มาวันนี้ เพื่อมาพบปะกับพี่น้องประชาชน ขอคะแนนให้กับ ‘โย พงศธ’  รับรองจะไม่ผิดหวัง ส่วนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ได้โทรศัพท์แสดงความยินดี และ ยืนยัน คือ ยินดีกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และ ก็ต้องยืนยันว่า วิกฤติของบ้านเมืองครั้งนี้ อาจไม่ใช้วิกฤตเศรษฐกิจ ไม่ใช่วิกฤตเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและวิกฤตการศึกษา แต่เป็นวิกฤตศรัทธาของประชาชนในชาติ ในฐานะผู้นำจึงต้องรวมความคิดของคนในชาติให้เป็นปึกแผ่นเดียวกัน โดยได้ยินว่า นายเศรษฐา เคยให้สัมภาษณ์ว่า จะเป็นนายกฯ ของประชาชน ก็ขออวยพรให้ทำได้ และทำได้จริงๆ

ส่วนเรื่องของการจัดตั้งรัฐบาล นายพิธา กล่าวว่า จากการจับขั้วหลายขั้วของพรรคการเมือง คิดว่าการทำงานน่าจะยากเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่ได้เคยพูดคุยกับคุณเศรษฐา ทวีสิน ในเวทีดีเบต พูดถึงการสมรสเท่าเทียม และสุราก้าวหน้า โดยหวังว่าจะผลักดันได้จริง ๆ หรือไม่ ยังหวังว่า วิกฤตที่ประเทศ ได้รับผลกระทบจะได้รับการแก้ไข และก็จะได้กู้วิกฤตศรัทธากลับมาสู่การเมืองไทย

นายพิธา กล่าวต่ออีกว่า ถึงจะเป็นฝ่ายค้าน ก็เป็นฝ่ายค้านเชิงรุกที่ยังมีหลายนโยบายที่สามารถผลักดันได้เพื่อให้ผลประโยชน์อยู่กับประชาชน ยืนยันว่าการทำงานเป็นฝ่ายค้าน คอยตรวจสอบเพื่อให้รัฐบาลทำงานเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม และปราบการคอร์รัปชันให้ได้มากที่สุด กรณีที่มีการจดพรรคการเมืองในชื่อ พรรคอนาคตไกล ไม่รู้จัก และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคก้าวไกล เพิ่งได้ยินจากสื่อเช่นกัน

‘อั้ม เนโกะ’ ซัด!! ด้อมส้ม แต่งนิยายดีลลับ ‘ทักษิณ’ กลับไทยชี้!! ‘ก้าวไกล’ ปิ๋วตั้งรัฐบาล เพราะตัวเองไม่มีเสียงมากพอ

เมื่อไม่นานนี้ นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ ‘อั้ม เนโกะ’ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งลี้ภัยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้ออกมาโพสต์คลิปวิดีโอผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ‘Aum Neko’ โดยช่วงหนึ่ง ‘อั้ม เนโกะ’ ได้อธิบายถึงปมดีลลับ ‘ทักษิณ’ กลับไทย ว่า ทักษิณพร้อมจะกลับบ้าน พร้อมจะติดคุกมาตั้งนานแล้ว และพรรคเพื่อไทยไม่เคยทอดทิ้งหรือลืมคนที่ลี้ภัยเลย พร้อมทั้งบอกสาเหตุที่ ‘พรรคก้าวไกล’ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เป็นเพราะไม่มีเสียงที่มากพอ โดยระบุว่า…

“คุณทักษิณไม่ได้ดีล ดีลในเรื่องที่ว่าหักหลังพรรคก้าวไกล เพื่อที่จะให้พรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะว่าในหนังสือดาราหรือหนังสือแต่งนิยายดารา เขาบอกว่าถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาลคุณทักษิณจะไม่สามารถกลับไทยได้ อยากจะขําเป็นภาษาแมว พรรคเพื่อไทยไม่เคยลืม ไม่เคยทิ้ง ในขณะสิบปีที่ผ่านมาที่อั้มต่อสู้ คนที่อยู่ในพรรคส้มไม่เคยอยู่เคียงข้างอั้ม”

“คุณทักษิณบอกมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้วว่าเขาพร้อมจะกลับบ้าน พร้อมจะติดคุกอะไรยังไงก็ว่ากันไป แต่ถามว่าคุณทักษิณเขาไม่เห็นด้วยหรือไม่ เขาเห็นดีเห็นแดงกับคนที่ลี้ภัยอย่างพวกเราไหม? อั้มขอยืนยันตรงนี้ว่า คุณทักษิณและพรรคเพื่อไทยไม่เคยลืมคนที่ลี้ภัยอยู่นอกประเทศ… คุณคิดได้ยังไงว่าเขาต้องกันซีนพรรคก้าวไกล ไม่ให้พรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพื่อที่ทักษิณจะได้กลับบ้านได้ ขอด่าดัง ๆ คุณดูความจริงก่อน”

“ความจริงมันคืออะไร? คือรัฐบาลของพรรคก้าวไกลไม่สามารถจัดตั้งได้เลย เพราะคุณไม่มีเสียงมากพอในสภาฯ คุณมี 151 เสียง ไม่ได้มีเสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งเสียงพรรคอื่น หรือพึ่งเสียง สว. แล้วคุณโกหกต่อสาธารณชนบอกว่าพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เสียงของเราพอแล้ว นั่นคือ ‘คุณโกหก’ จริง ๆ คุณจัดตั้งไม่ได้ ทุกคนเห็น โลกเห็น แฟนคลับเห็น ว่าคุณจัดตั้งไม่ได้ แล้วคุณเองก็ไปโทรศัพท์คุยกับพรรคที่เป็นพรรคฝั่งรัฐบาลเผด็จการที่คุณด่า ทุกพรรคคุณไปคุย คุณไม่ได้เอามาคุยหน้าไมค์ด้วยซ้ำ แล้วคุณบอกว่าคุณดีเลิศ ประเสริฐศรี สามารถจัดตั้งได้ เพราะคุณคิดว่าเขาจะยกมือให้คุณ สรุปคือ คุณโกหกต่อสังคม แต่ประชาชนก็ปล่อยผ่าน เพราะว่านี่คือพรรคก้าวไกล…”

“คุณทักษิณไม่ได้ดีล และหักหลังพรรคก้าวไกล ถ้าคุณทักษิณหรือพรรคเพื่อไทยตั้งใจที่จะถลกหนังตลบหน้าพรรคก้าวไกลเหมือนแมวข่วนหน้า นั่นแปลว่า เขาก็ไม่ต้องมานั่งยกมือ ไม่มานั่งโหวตให้คุณ ไม่ต้องมาอะไร แต่เขาพร้อมโหวตให้ตั้งแต่คุณยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ ทุกคนที่อยู่ที่นี่จําได้ว่าสมัยพรรคอนาคตใหม่ ได้รับการเลือกตั้งครั้งแรกได้ สส. เข้ามาในสภาฯ คุณไม่ใช่เป็นพรรคเสียงอันดับหนึ่งนะ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่ได้เสียงอันดับหนึ่ง แต่เขายอมที่จะยกมือขานชื่อของ ‘คุณธนาธร’ ให้ทั้งพรรค ตั้งแต่อดีตจนทุกวันนี้”

“ถ้าสมมติว่าพรรคก้าวไกลของคุณสามารถไปรวบรวมคนมาได้ สามารถที่จะจัดตั้งได้ พรรคเพื่อไทยเขาก็ยังจะยกมือให้คุณ ทุกวันนี้ถามว่าถ้าพรรคก้าวไกล คุณกลับมาจับมือพรรคเพื่อไทยได้ พรรคเพื่อไทยก็พร้อมยกมือให้คุณ แต่ประเด็นคือคุณไม่มีความสามารถในการหาเสียงได้เกินครึ่งหนึ่งของสภาฯ และของฝั่ง สว. รวมกันให้มากพอที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้”

“ดังนั้น เมื่อคุณจัดตั้งไม่ได้ คุณบอกว่าคุณประกาศเองเลยว่า ขอส่งไม้ต่อให้พรรคเพื่อไทย แล้ว พอคุณส่งไม้ต่อไปแล้ว พรรคเพื่อไทยเขาก็ทําทุกวิถีทางเพื่อให้สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณมาบอกว่าพรรคเพื่อไทยไปกันซีนพรรคคุณ เพื่อที่จะดีลให้ทักษิณกลับบ้านได้ ขอโทษค่ะ… อันนี้คือคุณบิดและมาหาว่าดิฉันเป็นนางแบก คนนั้นคนนี้เป็นนางแบก คุณพวกส้มบิด บิดจน โอ้โฮ! ลําไส้เจ็บไปหมดเลย คุณไม่มีความสามารถที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณด่าพรรคเพื่อไทยหวังผลทางการเมือง สร้างข่าวลวงว่าคุณทักษิณกันซีนไม่ให้พรรคก้าวไกลขึ้นมาเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาล คุณทําเองไม่ได้ แล้วคุณมาดักเพื่อไทยต่อ คือต่อให้พรรคก้าวไกลสามารถมาเป็นประธานรัฐสภาได้ มันทําให้เสียงของพรรคก้าวไกลได้เกินครึ่งหนึ่งและจัดตั้งรัฐบาลเอาพิธาตีเมียมาเป็นนายกได้ไหม? ก็ไม่ได้เพราะความจริงคือคุณมีแค่ 151 แค่นั้น คุณอย่าฝัน คุณยังไม่ได้เกินครึ่งสภาฯ เลย คุณยังไม่ได้พรรคเดียวเกิน 250 เสียง ยังไม่ได้พรรคเดียวถึง 375 เสียง”

“ดังนั้น คุณจึงไม่สามารถจัดตั้งพรรคได้ และพวกส้มบิดทั้งหลาย เลิกเชื่อละครน้ำเน่าที่กล่าวหาพรรคเพื่อไทยและทักษิณว่า ดีลเพื่อที่จะไปกันซีนพรรคคุณได้แล้วค่ะ”

'โย-พงศธร' ผู้สมัคร สส.ระยอง ก้าวไกล แจงเหตุไม่เสียภาษี  อ้าง!! ตอนนี้เริ่มถูกโจมตี เพราะหาเสียงได้สร้างสรรค์

(28 ส.ค. 66) นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย ผู้สมัคร สส. เขต 3 จังหวัดระยอง กล่าวถึงประกาศ ของ กกต. ระยอง ที่ตนเองไม่ได้เสียภาษี 3 ปีย้อนหลัง ว่า ตามที่ได้มีประกาศจากทาง กกต. ว่าตนไม่เสียภาษีนั้น ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเวลารับสมัครมีการให้กรอกอาชีพของผู้สมัคร สส. จะมีให้แนบ 2 แบบ คือแบบที่เป็นของบุคคลที่มีรายได้ถึงเกณฑ์เสียภาษี ต้องแสดงเอกสารเสียภาษี 3 ปีย้อนหลัง กับแบบที่สอง บุคคลที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี จะเป็นแบบ สส. 4/7 คือเป็นใบรับรองตัวเองว่ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ซึ่งตนใช้แบบที่สองในการยื่น คือมีรายได้ไม่ถึง 220,000 บาทต่อปี ซึ่ง กกต. ก็มีการประกาศรับรองปกติ

เมื่อถามย้ำว่าเป็นเพราะรายได้ไม่ถึงใช่หรือไม่ นายพงศธร กล่าวว่า ใช่ ตนไม่ได้กังวล ถือเป็นกระบวนการตามปกติและมีเอกสารรับรองผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว ไม่กังวลว่าคนจะเข้าใจผิดว่าไม่เสียภาษี หากเรียกไปชี้แจงก็สามารถชี้แจงได้

เมื่อถามว่ามีอะไรอยากจะบอกชาวระยองที่หาเสียงอยู่ขณะนี้หรือไม่ นายพงศธร กล่าวว่า นอกจากเรื่องหาเสียงก็มีข่าวเรื่องของการโจมตีตน ตนเข้าใจว่าเป็นเพราะการเมืองที่พรรคก้าวไกลพยายามทำในเรื่องการหาเสียงเชิงสร้างสรรค์และพูดถึงว่าเราจะทำนโยบายอะไร ดังนั้น ฝ่ายที่โจมตี ตนขอให้พ่อแม่พี่น้องเข้มแข็ง รับฟังข่าวสารอย่างมีวุฒิภาวะ

‘อี้​ แทนคุณ​’ จี้สรรพากรสอบภาษีย้อนหลัง ‘โย พงศธร’ หลังโซเชียล​ขุดคุ้ย ‘โชว์ถือหุ้น-​ขายเบียร์​เต็มรถ’

(29 ส.ค. 66) ดร.แทนคุณ​ จิตต์​อิสระ​ รักษา​การ​ประธาน​คณะกรรมการ​ส่งเสริม​สิทธิ​มนุษยชน​และ​ความ​เสมอภาค​ระหว่าง​เพศ​ พรรค​ประชา​ธ​ิ​ปัตย์ ​กล่าว​ถึง​กรณี​มีการขุดคุ้ยและแชร์ประวัติ​ของผู้สมัคร​ สส.พรรคก้าวไกล ในการเลือกตั้ง​ซ่อม ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกลว่าไม่เสียภาษี​เงินได้​บุคคลธรรมดา​ทั้งที่มีภาพถ่ายเป็นผู้ถือหุ้นและขายเบียร์เป็น​จำนวนมาก

โดยปรากฏ​ข้อความ​ในเฟซบุ๊ก​ผู้ใช้นามว่า ‘Yo Pongsathon Sonpechnarintr’ เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม​ 2022 “พร้อมแล้วใครรออยู่เราจะทยอยไปส่งให้นะครับ” และข้อความวันที่​ 11 ตุลาคม 2022 “วันนี้ส่ง 25 ลังเล่นเอารถกลายเป็นรถโหลดเตี้ยเลย” ซึ่งเป​็นการกระทำ ความผิดฐานการโฆษณา​เครื่อง​ดื่ม​แอลกอฮอล์ตาม​มาตรา 32 เช่นเดียวกับ​ ‘รองอ๋อง’ ด้วยหรือไม่

และเมื่อวันที่ 16 มกราคมอยู่ที่ Khaoyai Pool Villa Khaoyal “ส้มมนาผู้ถือหุ้น #บูรพ์ ผู้​ถือหุ้นมา 5 ใน 7 ปีนี้มาเขาใหญ่เป้าปีหน้าเราจะไปด่างประเทศพร้อมคืนทุน 100% สุราก้าวหน้า ประชาก้าวไกล พวกราจะเต็บโตไปด้วยกัน” โดยแสดงให้เห็นว่ามีการประกอบ​กิจการและเป็​นผู้ถือหุ้นในการขายเบียร์​ซึ่งเป็นกิจการที่ทำกำไรดีมากและมียอดจำหน่าย​เยอะขนาดนั้นถึงกับจะไปต่างประเทศ​ได้ เหตุใดจึงไม่มีการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา

ตนจึงอยากให้ ‘กรมสรรพากร’ เร่งตรวจสอบ​รายได้และภาษีย้อนหลังอย่างละเอียด​โดยเฉพาะ​ยอดขายเบียร์​ที่ต้องเสียภาษีในปีภาษี 2563-2565 หากพบว่าจงใจไม่ยื่นเสียภาษีจะด้วยเหตุใดก็ตามต้องถูก ‘ตัดสิทธิการสมัคร’ รวมทั้งต้องตรวจสอบ​บริษัทและผู้ถือหุ้นคนอื่น ๆ ด้วยว่า​มีการเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ โดยหากได้รับเลือกตั้งไปแล้วขาดคุณสมบัติ​อาจ​เข้าข่ายผิดตาม ม.151 ซ้ำรอยเดิม

นอกจากนี้​ยังมีเอกสาร​คดียักยอกทรัพย์​ปี 61 ของสถานีตำรวจ​นครบาล​บางนาที่สั่งไม่ฟ้องเนื่องจากมีการเจรจาชดใช้ค่าเสียหาย​ที่เกิดจากการนำของไปขายแล้วไม่จ่ายเงิน แม้คดีจะสั่งไม่ฟ้องแต่ก็เป็​นสิ่งที่ประชาชน​ควรตระหนักถึงพฤติกรรมและต้องคิดทบทวนรอบด้านถึงคุณ​สมบัติของคนจะ​มาเป็น​ตัวแทนคนไทยทั้งประเทศ​ โดยตนจะตรวจสอบ​ว่ามีคดีอื่นใดอีกหรือไม่ หากบุคคลดังกล่าว​รู้ตัวว่าเคยทำอะไรผิดไว้​ควรชิงลาออกก่อนเพราะหากมีการสืบค้นและตรวจพบจนประวัติศาสตร์​ซ้ำรอยอีกต้องชดใช้ค่าเสียหาย​หนักมากแน่นอน

ชาวเน็ตขุดเฟซบุ๊ก ‘โย พงศธร’ ผู้สมัคร สส.ระยอง ก้าวไกล เจอ ‘QR Code ขายเบียร์ - ภาพสัมมนาผู้ถือหุ้น’ ก่อนถูกลบ

(29 ส.ค. 66) จากกรณีที่บนโซเชียลฯ แชร์และวิจารณ์กรณีที่นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำจังหวัดระยอง ออกประกาศเรื่องบัญชีหลักฐานแสดงการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกันสามปีนับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งนายพงศธรชี้แจงว่า ตนมีรายได้ไม่ถึง 220,000 บาทต่อปี จึงยื่นใบรับรองตัวเองว่ามีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี ตนไม่ได้กังวล ถือเป็นกระบวนการตามปกติและมีเอกสารรับรองผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว

ต่อมาพบว่ามีชาวเน็ตขุดภาพจากเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพงศธร ขณะที่เจ้าตัวกำลังจะส่งผลิตภัณฑ์เบียร์ยี่ห้อหนึ่ง โดยขนใส่รถยนต์เป็นลัง ๆ รวมถึงการใช้ชีวิตและไลฟ์สไตล์ในลักษณะหรูหรา 

ส่วนเฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ โพสต์ภาพหนังสือจากสถานีตำรวจนครบาลบางนา เรื่อง ส่งสำนวนคดีเห็นควรสั่งไม่ฟ้อง (ผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์) คดีที่บริษัทแห่งหนึ่ง เป็นผู้กล่าวหา และมีนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ เป็นผู้ต้องหา เมื่อปี 2561 และบรรยายว่า ได้นำเครื่องเสียงของทางบริษัทฯ ไปขาย แล้วไม่นำเงินส่งบริษัทฯ ต่อมามีการตกลงเจรจาคืนเงินกันแล้วถอนคำร้องทุกข์ไป

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ชี้แจงว่า ตั้งแต่ปี 2562 นายพงศธร ทำหน้าที่เป็นผู้ชำนาญการประจำตัว น.ส.เบญจา แสงจันทร์ มีเงินรายได้ประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน เมื่อคำนวณตลอดทั้งปี จะมีรายได้ไม่เกิน 180,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขไม่เกินที่กฎหมายกำหนดให้จ่ายภาษี และถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งนายพงศธรก็ได้ทำแบบฟอร์ม สส.4/7 เพื่อยืนยันว่าตัวเองมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์เสียภาษี

ขณะเดียวกัน ยังกล่าวตำหนิถึงการนำเสนอข่าวของสื่อในเครือผู้จัดการ ที่ระบุว่า “โซเชียลทั้งขุดทั้งแฉนายพงศธร ผู้สมัครเขต 3 ระยอง ก้าวไกล ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา พบชีวิตหรูหราฟู่ฟ่า ขายเบียร์ใส่รถกันเป็นลัง ๆ อีกด้านขุดกันไปถึงคดียักยอกปี 61” เป็นพาดหัวค่อนข้างรุนแรง เพราะกรณีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ นายพงศธรได้ร่วมหุ้นกับเพื่อนจริง แต่รายได้ไม่ถึงปันผลจนถึงปัจจุบัน จึงไม่เคยยื่นเสียภาษีในกรณีนี้ ส่วนคดีความทางตำรวจมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง นายพงศธรจึงยังมีคุณสมบัติครบถ้วนลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ยืนยันต่อสื่อมวลชนว่าเข้าใจการตรวจสอบ ยินดีที่จะตรวจสอบ แต่เมื่อพิจารณาจากพาดหัวข่าวและประเด็นเกินเลยจากข้อเท็จจริง คิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าจะมีผู้หวังประโยชน์ทางการเมืองจากการดิสเครดิต

ล่าสุด รายงานข่าวแจ้งว่า เฟซบุ๊ก ‘Yo Pongsathon Sonpechnarintr’ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ หรือโย พบว่าได้ลบโพสต์เก่า ๆ ออกไปจนหมด เหลือโพสต์ล่าสุดตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 2011

อีกด้านหนึ่ง ยังมีภาพปกเฟซบุ๊ก (Cover) ระบุว่า "พวกแกหวาดกลัวยุคสมัยใหม่มากนักรึไง" ทำให้ชาวเน็ตพากันทัวร์ลง เช่น

- อุ้ย โดนขุดหน่อย ปิดสาธารณะ ปิดทุกอย่าง กลัวความโปรงใสหรอ

- พอมีข่าวไม่เสียภาษี แล้วบอกว่าชี้แจงได้หมด ปิดสาธารณะทำไมครับ ทั้งที่ก่อนหน้านี้เปิดมาตลอด แบบนี้เค้าเรียกวัวสันหลังหวะรึป่าวนะ

- เสียดายจังว่าจะแสดงความคิดเห็นเรื่องภาษีรายได้สักหน่อย

- digital footprint กรรมมุนา วต ตตี โลโก

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจ ‘วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร’ ยังได้โพสต์ภาพขณะที่มีการขายเบียร์ โดยมีคิวอาร์โค้ดสำหรับสแกนจ่าย และหนึ่งในนั้นภาพขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ยืนคู่กับทีมงานเบียร์ยี่ห้อดังกล่าว โดยระบุว่า "#ทุกคนคะ QR Code ที่ใช้ซื้อขายคราฟต์เบียร์ เป็นของผู้สมัครก้าวไกลชัดเจน ไปตรวจสอบเงินหมุนเวียนในบัญชีได้เลยค่ะ ว่ารายได้ถึงไหม แด๊ดดี้ทิมก็ช่วยโปรโมตด้วยค่าาาาา"

จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า คิวอาร์โค้ดดังกล่าวเป็นหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ลงทะเบียนพร้อมเพย์ของนายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ จริง โดยผูกกับบัญชีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

ด้านเฟซบุ๊ก Warat Gap ซึ่งเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความ โดยอ้างจากข่าวในเฟซบุ๊กเพจโต๊ะข่าวการเมืองของเว็บไซต์ผู้จัดการออนไลน์ (MGR Online Politics) โดยระบุว่า "15,000 x 12 = 180,000 กฎของสรรพากร ถ้ามีรายได้เกินปีละ 120,000 ต้องยื่นภาษีทุกคนนะครับ ซึ่งจริง ๆ จะรายได้เท่าไหร่ก็ควรยื่น เพราะเป็นหน้าที่ ‘ประชาชน’ ที่ดี นี่ไม่รวมขายเบียร์ (การกุศล?) นะครับ ช่วยแถลงใหม่แล้วลดเงินเดือนลงนะครับ บอกว่าคราวที่แล้วเข้าใจผิด เดี๋ยวได้ใบแดงแล้วจะหาว่าโดนกลั่นแกล้งอีก

ป.ล. คุยกับเพื่อนที่สรรพากรแล้ว ทางสรรพากรก็กำลังให้ฝ่ายสำรวจติดตามกรณีนี้อยู่นะครับ"

'วิโรจน์' แซะ!! คนยังสนข่าว 'ชลน่าน' ออกอีกหรือ  ชี้!! ออกไปก็ได้นั่ง รมต. คงมีคนอยากออกเยอะ 

(30 ส.ค. 66) ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้ความเห็นต่อกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เตรียมลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค มองว่าเป็นการรับผิดชอบที่ไปจับมือกับพรรค 2 ป. หรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของ นพ.ชลน่าน แต่ยังมีคนสนใจข่าวนี้อยู่อีกหรือ คิดว่าการประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วก็ไปเป็นรัฐมนตรี ส่วนตัวมองข้ามช็อตไปแล้ว

เมื่อถามว่าการลาออก นพ.ชลน่าน จะช่วยลดแรงเสียดทานที่พรรคเพื่อไทยโดนโจมตีได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ย้อนว่า นักข่าวถามก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นการเพิ่มหรือลดแรงเสียดทาน เพราะไม่ใช่การลาออกไปตัวเปล่าเล่าเปลือย

"ถ้าลาออกแบบนี้ ก็คงมีคนอยากลาออกเยอะแยะไปหมด เพราะคำว่าลาออกในมุมมองของประชาชนคือการแสดงความรับผิดชอบ แต่การลาออกลักษณะนี้เหมือนลาออกไปรับตำแหน่งที่ใหญ่โตขึ้น ให้คุ้มกับสิ่งที่ตนเองได้ทำ" นายวิโรจน์ กล่าว

อดีตผู้สมัคร สส.ก้าวไกล โพสต์ทวิตฯ ขอโทษล่วงละเมิดสาว ล่าสุดลบโพสต์ แต่ชาวเน็ตแคปทัน ด้านเหยื่อเล่าเหตุเกิดตอนเมา

กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในโลกออนไลน์ เมื่อนายเกรียงไกร จันกกผึ้ง อดีตผู้สมัคร สส.พรรคก้าวไกล จ.ชัยภูมิ โพสต์ทวิตเตอร์ข้อความขอโทษ ผู้หญิง ที่ตัวเองล่วงละเมิดทางเพศไป โดยระบุว่า ในวันที่ 27 / 06 / 2566 ตนได้ละเลยความรู้สึกของผู้หญิงคนหนึ่ง และได้ละเมิดหลักการเรื่อง consent จนทำลายความเชื่อใจ และหวังดีของเธอ ซึ่งการกระทำนี้ ไม่ควรค่าแก่การให้อภัยเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งเป็นการกระทำร้ายแรงต่อจิตใจของเธอ

ผมขอสัญญาไว้กับเกียรติอันน้อยนิดที่ยังหลงเหลืออยู่ว่า จะไม่มีการละเมิดหลักการอันเป็นที่ยึดมั่นนี้อีก และจะไม่ทำลายความเชื่อมั่นและความหวังดีของใครอีกต่อไป แม้การกระทำครั้งนี้จะไม่มีการให้อภัยใด ๆ แต่ผมจะตอบแทนผู้คนด้วยการรับใช้ซึ่งอุดมการณ์นี้อย่างสุดหัวจิตหัวใจตลอดไป

โดยเพียงหวังว่าจะเธอจะให้อภัยในการกระทำที่ไม่น่าให้อภัยนี้ และเผชิญหน้าอย่างถูกต้องผมได้แต่เฝ้าหวังและรอการให้อภัยจากเธอและเหตุครั้งนี้จะตอกย้ำทุกการกระทำของผมต่อจากนี้อย่างรอบคอบทุกครั้ง เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เหล่านี้ ได้เกิดขึ้นอีก

และการกระทำแบบนี้ยังทำลายซึ่งหลักการที่เรายึดมั่นเสมอมา ผมผู้ที่ไม่ควรให้อภัยอย่างยิ่งนั้นยังไม่รู้สำนึกถึงโอกาสที่มอบให้ยังทำลายโอกาสนั้นต่อเรื่อยมา จนทำให้เรื่องนี้เดือดร้อนถึงบุคคลอื่นที่หวังดีและเชื่อมั่นในตัวผม ผมได้เดินทางไปขอโทษเธอจากใจจริง

หลังจากเจ้าตัวโพสต์เรื่องราวดังกล่าว เจ้าตัวทำการลบและปิดทวิตเตอร์หนี ทำให้บรรดาชาวเน็ตต่างพร้อมใจขอความชัดเจน รวมให้ทางพรรคต้นสังกัดชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวด้วย

ทั้งนี้จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ “พิมxx” ที่วันนี้ได้แชร์โพสต์ของนายเกรียงไกร ที่ได้โพสต์ขอโทษเหตุการณ์ดังกล่าว โดยพิม ระบุว่า ได้เห็นคำขอโทษที่พิมรอกันบางส่วน และเห็นว่ามีเพื่อน ๆ ที่เคียงข้างพิมอยู่ ทำให้พิมรู้สึกซาบซึ้งและขอบคุณมากค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนี้คำขอโทษเหล่านั้นจะเข้าถึงไม่ได้แล้ว อาจเกิดจากเขาต้องการปิดบัญชีไปด้วยเหตุผลใดก็ตาม พิมอยากเก็บถ้อยคำเหล่านี้ไว้เพื่อเป็นประจักษ์ว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง

พิม ยังทวิตข้อความอีกว่า มีความคิดเห็นว่า คำขอโทษนี้ไม่ได้ระบุความผิดที่ทำ และอาจยังไม่เข้าใจว่าผิดอะไร พิมเห็นด้วยค่ะ และพิมคงคาดหวังสิ่งนี้กับคนที่พิมรอคำขอโทษถึง 2 เดือนไม่ได้ รวมถึงมีคำถามว่าจะมีการลงขอโทษอีกครั้งไหม พิมยังไม่สามารถให้คำตอบได้เช่นกัน พิมยังอยู่ในความฉงนใจจากการหายไปของสิ่งที่พิมรอ

ขณะเดียวกันหากย้อนไปเมื่อ 2 วันก่อน พิมได้ทวิตข้อความว่า พิมได้รับการขอโทษ โดยมีพยานจากผู้กระทำเบื้องต้นแล้วเมื่อวันที่ 22 สิงหาคมนะคะ ขอบคุณความห่วงใยจากทุกท่าน เคยได้ยินสำนวนว่า หมอตายเพราะงู ก็ไม่นึกเลยค่ะ ว่าคนทำเหล้าจะโดนล่วงละเมิดตอนเมาเพราะเหล้า

นอกจากนี้ยังพบว่าเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม หลังเกิดเหตุการณ์ถูกล่วงละเมิดทางเพศเกือบ 2 เดือน พิมได้ทวิตข้อความว่า ขอบคุณทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กับพิมในเวลาเกือบ 2 เดือนที่ผ่านมานะคะ ขออภัยที่ทำหน้าที่บกพร่องในการเป็นโฆษกxxx เนื่องจากมีเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถสื่อสารเรื่องอื่นได้เต็มที่หากยังไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม พิมได้ให้เวลาและโอกาสกับคู่กรณี และยังเฝ้ารอความรับผิดชอบอยู่ค่ะ


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top