Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

‘ส.ว.อุปกิต’ ฟ้อง!! ‘โรม’ ปมอภิปรายหมิ่น เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

(17 ก.พ. 66) ที่ศาลอาญา รัชดา นายเรืองศักดิ์ สุขเสียงศรี ทนายความ ซึ่งได้รับมอบหมายจาก นายอุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ยื่นฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ข้อหาหมิ่นประมาทเนื่องจากในการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง หรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี ในช่วงดึกของวันที่ 15 กุมภาพันธ์ นายรังสิมันต์ ได้อภิปรายในหัวข้อ ‘เช็กบิลไทยดำ-จีนเทา’ โดยมีเนื้อหาเข้าข่ายหมิ่นประมาทนายอุปกิต

'พิธา' นำทัพก้าวไกล เปิดฉากปราศรัยใหญ่ จ.สระแก้ว ชูนโยบาย กระจายที่ดินทำกิน- เปลี่ยนที่ดิน ส.ป.ก เป็นโฉนด

(18 ก.พ.66) ที่ ต.โคคลาน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นำทีม ส.ส. ประกอบด้วย อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ, คำพอง เทพาคำ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดเวทีปราศรัยแรกในการลงพื้นที่ภาคตะวันออก โดยมีประชาชนให้การต้อนรับและรอฟังการปราศรัยอย่างคับคั่งร่วมพันคน ส่วนใหญ่เป็นสมาชิกสหพันธ์ที่ดินสระแก้ว ที่เกินกว่าครึ่งเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกล สะท้อนว่าประชาชนจำนวนมากในพื้นที่มีปัญหาร่วมกันคือปัญหาที่ดินทำกินและต้องการเห็นนโยบายปฏิรูปที่ดินของพรรคก้าวไกลเกิดขึ้นจริง

พิธา กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า รู้สึกปลื้มใจที่ได้รับการต้อนรับจากพ่อแม่พี่น้องชาวสระแก้วอย่างอบอุ่น การลงพื้นที่ภาคตะวันออก นอกจากเป็นการเยือนถิ่นที่หลายคนมองว่ามี 'บ้านใหญ่' เพื่อเสนอตัวให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลเป็นทางเลือกที่ดีของประชาชน เรายังตั้งใจมานำเสนอนโยบายของพรรคที่จะยกระดับคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะนโยบายปฏิรูปที่ดิน ที่ทราบว่าพี่น้องประชาชนในพื้นที่เดือดร้อน ที่ผ่านมาที่ดินในประเทศไทยตกอยู่ในมือของนายทุน ขุนศึก ศักดินา มานานเกินไป เฉพาะกองทัพบกมีที่ดินเกือบ 5 ล้านไร่ อยู่ที่สระแก้ว 1.5 แสนไร่ พรรคก้าวไกลเห็นว่าต้องกระจายที่ดินที่มีความกระจุกตัวแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ดินของกองทัพ หรือ ที่ดิน ส.ป.ก. ให้กลายเป็นโฉนดเพื่อเป็นที่ดินทำกินของประชาชน

“พิธาพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 วันนี้เชื่อว่ากระแสลมทางการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว นอกจากกระแสของบ้านใหญ่ที่พัดในภาคตะวันออก ก็มีกระแสของ ‘บ้านใหม่กว่า’ ที่พร้อมปักธงทั่วทั้งภาคตะวันออกเช่นกัน” พิธากล่าว

'โรม' ควงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี บุก 3 สถานีตำรวจฯ พูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหา พร้อมเสนอนโยบาย ปฏิรูปตำรวจ

เมื่อวานนี้ (18 ก.พ.66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่ จ.นนทบุรี เพื่อพบปะประชาชน แนะนำนโยบายพรรคและแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นนทบุรี พรรคก้าวไกล ช่วงเช้าเริ่มต้นที่ตลาดประชานิเวศน์ 3 พูดคุยกับประชาชนที่มาจับจ่ายในตลาด พบว่ามีประชาชนเข้ามาให้กำลังใจ ขอถ่ายภาพ ขอบคุณรังสิมันต์และพรรคก้าวไกลที่เป็นกระบอกเสียงของประชาชน พร้อมอวยพรให้พรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้ง นำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ประเทศไทย

โดยรังสิมันต์เดินพูดคุยกับพ่อค้าแม่ค้าในตลาด แนะนำนโยบายสวัสดิการของพรรคก้าวไกล เช่น ของขวัญแรกเกิด3,000 บาท เบี้ยเด็กเล็ก 1,200 บาทต่อเดือน เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน เงินช่วยค่าเช่าบ้านสำหรับผู้เช่าบ้านหรือหอพัก พร้อมยืนยันว่านโยบายทั้งหมด มีเงินจ่าย-ทำได้จริง ด้วยการจัดสรรงบประมาณใหม่ ลดงบประมาณที่เคยใช้ไปกับเรื่องที่มีความจำเป็นน้อยในปัจจุบัน เช่น การซื้ออาวุธของกองทัพ

พิธา นำทัพ 'ก้าวไกล' ลุยบางแสน เปิดแผงหวยนโยบาย ย้ำ!! ขอเป็น 'บ้านใหม่' อีกตัวเลือกให้ชาวชลบุรี

(19 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พาชาวก้าวไกลลุยทะเลบางแสน พร้อมทัพส.ส.ก้าวไกล นำโดยอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล, เบญจา แสงจันทร์, คำพอง เทพาคำ, และวิโรจน์ ลักขณาดิศร อดีตส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทักทายพี่น้องประชาชนและนักท่องเที่ยวที่ใช้เวลาหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์ บริเวณชายหาดบางแสน อำเภอแสนสุข จังหวัดชลบุรี โดยระหว่างการเดินพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่ มีพ่อค้าแม่ขายให้การต้อนรับและขอถ่ายภาพจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีประชาชนที่ผ่านไปมาสังเกตเห็นแผงหวยนโยบายที่พรรคก้าวไกลนำไปด้วย จึงเข้ามาขอชมและเลือกหวยนโยบายกลับบ้านไปด้วย ซึ่งพรรคก้าวไกลตั้งใจนำเอาแผงหวยนโยบายนำไปเปิดให้ประชาชนหยิบจับและเลือกนโยบายที่ตนให้ความสนใจในการเยี่ยมทักทายประชาชนวันนี้

ตัวอย่างนโยบายในแผงหวย เช่น เบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ-ผู้พิการ เดือนละ 3,000 บาท ข้อดีของสวัสดิการนี้ คือไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ความจน งานสวัสดิการจะโอนตรงเข้าบัญชีผู้รับและมีการตั้งกองทุนดูแลผู้ป่วยติดเตียงอีกด้วย และนโยบาย ‘หวยใบเสร็จ’ ซึ่งสอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่มีผู้ค้ารายย่อยจำนวนมากให้บริการขายสินค้าอยู่บริเวณริมหาด หวยใบเสร็จเป็นนโยบายการซื้อสินค้าร้านค้ารายย่อยครบ 500 บาท ต่อหนึ่งใบเสร็จ ผู้ซื้อสินค้ารับฟรีหวย 1 ใบเพื่อไว้ชิงโชค เป็นโชค 2 ชั้น ได้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสินค้า ซึ่งนโยบายหวยใบเสร็จเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อย และเป็นการกระจายโอกาสไปยังธุรกิจฐานรากอีกด้วย

‘โรม’ งัดหลักฐาน สู้กลับ ‘ส.ว.อุปกิต’ ชี้!! แสดงทรัพย์สินเท็จ - จ่อยืน ป.ป.ช. เอาผิด

‘โรม’ เปิดหลักฐานเพิ่ม สู้กลับ ‘อุปกิต’ ชี้แสดงบัญชีทรัพย์สินเท็จ ปมขายโรงแรมอัลลัวร์รีสอร์ท จ่อยื่น ป.ป.ช. สัปดาห์นี้ วินิจฉัยฟันพ้น ส.ว. - เพิกถอนรับสมัครเลือกตั้งตลอดชีวิต ตั้งคำถามตำรวจ กล้ายึดอาคารพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ จี้ ‘ประยุทธ์’ อย่าหนีความรับผิดชอบ ตอบสังคม ทำไมตำรวจรับผิดชอบคดี ‘ทุนมินลัต’ โดนย้าย

(20 ก.พ.66) ที่รัฐสภา รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเปิดหลักฐานเพิ่มเติมสืบเนื่องจากการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 เปิดโปงกรณี ‘ไทยดำ-จีนเทา’ ซึ่งพาดพิง อุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. จนรังสิมันต์ถูกอุปกิตฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เรียกร้องค่าเสียหาย 100 ล้านบาท

รังสิมันต์กล่าวว่า จากการอภิปรายของตน ระบุว่า อุปกิต เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และกรรมการของบริษัท อัลลัวร์ กรุ๊ป จำกัด (Allure Group) ซึ่งถูกเชื่อมโยงว่าเป็นบริษัทเพื่อฟอกเงินที่ได้มาโดยผิดกฎหมายของ ‘ทุนมินลัต’ (Tun Min Latt) นักธุรกิจชาวเมียนมา แต่ต่อมาเมื่อมีการจับกุมทุนมินลัต อุปกิตก็รีบออกมาชี้แจงว่าได้ขายหุ้นและลาออกจากตำแหน่งกรรมการของ Allure Group และ Myanmar Allure แล้วในปี 2562 ก่อนรับตำแหน่ง ส.ว. รวมถึงโรงแรม Allure Resort ก็ขายไปแล้ว และยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อย แต่ครั้งนี้ ตนจะมาพูดถึงการขายหุ้นขายโรงแรมที่อุปกิตอ้างว่าทำไปแล้วก่อนมาเป็น ส.ว. ว่าจริงเท็จอย่างไร 

เนื่องจากหนึ่งในเอกสารที่อุปกิตยื่นประกอบบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. คือเอกสารสัญญาซื้อขายอาคารและกิจการโรงแรม ลงวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 เนื้อหาสัญญาระบุว่า อุปกิต ซึ่งเป็นผู้ขาย ทำสัญญากับ ชาคริส กาจกำจรเดช ผู้ซื้อ ว่าตกลงซื้อขายอาคารตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น จำนวน 1 หลัง ห้องพักจำนวน 78 ห้อง และกิจการโรงแรม Allure Resort และสิทธิการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันเป็นที่ตั้งของอาคารดังกล่าว ในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐ ชำระเงินในเดือนสิงหาคม 2562 และตกลงกันว่าจะส่งมอบและรับมอบการครอบครองอาคารดังกล่าวในวันเดียวกันกับวันที่ทำสัญญา นอกจากนี้ อุปกิตยังแนบสำเนาหนังสือรับรองจากธนาคาร B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. ลงวันที่ 6 สิงหาคม 2562 รับรองบัญชีธนาคารดังกล่าว ว่ามีเงินฝากจำนวน 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ

ข้อสังเกตต่อเอกสารสัญญาฉบับนี้ คือสิทธิและหน้าที่เกี่ยวกับโรงแรม Allure Resort ตามสัญญา BOT ที่ทำกับกรมการโรงแรมฯ เมียนมานั้น ต้องเป็นของบริษัท Allure Group หรือ Myanmar Allure ดังนั้นถ้าจะมีการขายโรงแรม Allure Resort ให้ผู้อื่นจริงๆ ก็ควรเป็นการที่อุปกิตขายหุ้นของตัวเองใน Allure Group หรือ Myanmar Allure ที่ถือสิทธิและหน้าที่ในโรงแรม ให้กับชาคริส หรือไม่ถ้าเป็นกรณีที่ Allure Group หรือ Myanmar Allure จะขายสิทธิและหน้าที่ในโรงแรมที่บริษัทถืออยู่ให้กับชาคริส ก็ควรต้องเป็นสัญญาที่ทำขึ้นในนามของบริษัทนั้น ๆ อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่ากรณีนี้ทำได้หรือไม่ เพราะสัญญา BOT กำหนดว่ากรมการโรงแรมฯ ต้องยินยอมด้วย 

แต่ปรากฏว่าสัญญาฉบับนี้กลับมีลักษณะเป็นสัญญาในนามบุคคลธรรมดา 2 คน ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ได้เป็นสัญญาเพื่อซื้อขายหุ้นของบริษัทใด ๆ แต่เป็นการซื้อตึกโรงแรม กิจการโรงแรม และสิทธิใช้ประโยชน์บนที่ดินโรงแรม หมายความว่า ตามสัญญานี้สิทธิในโรงแรม Allure Resort จะต้องตกเป็นของบุคคลธรรมดาที่ชื่อชาคริสคนเดียว ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเป็นไปได้ 

ยิ่งกว่านั้น เมื่อไปดูเนื้อหาหนังสือรับรองของ B.I.C. (CAMBODIA) BANK PLC. แม้จะระบุว่าบัญชีธนาคารที่อุปกิตอ้างมีเงินฝาก 8,150,000 ดอลลาร์ฯ จริง แต่ก็ไม่มีตรงไหนระบุว่าเป็นการจ่ายมาจากชาคริสจริงหรือไม่ นี่คือข้อสังเกตถึงความไม่ชอบมาพากลของการขายโรงแรม ที่อุปกิตอ้างต่อ ป.ป.ช.

ที่สำคัญ หลังจากนั้นเมื่อมีการสืบสวนสอบสวนคดียาเสพติดและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องไปถึงพนักงานของ Allure Group มีการเรียกชาคริสไปให้การเมื่อเดือนเมษายน 2565 ตามบันทึกคำให้การช่วงหนึ่ง ชาคริสให้การว่าตนถือหุ้น 15% ของโรงแรมอัลลัวร์ฯ มาตั้งแต่ปี 2558 จนกระทั่งประมาณปลายปี 2562 ตนเคยทำการตกลงซื้อกิจการโรงแรม Allure Resort จากอุปกิตในราคา 8,150,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 251,572,000 บาท แต่ไม่ได้มีการทำสัญญาซื้อขายกันจริงแต่อย่างใด เนื่องจากตนไม่มีเงินซื้อกิจการดังกล่าว ไม่รู้จะไปหามาจากไหนตั้ง 250 กว่าล้าน และยังให้การอีกว่าต่อมาอีก 1 ปีให้หลัง ประมาณเดือนกรกฎาคม 2563 อุปกิตได้ตกลงขายกิจการให้กับบุคคลอื่นในราคาประมาณ 300 ล้านบาท หักค่าใช้จ่ายแล้วคงเหลือ 265 ล้านบาท ตนได้รับส่วนแบ่งตามจำนวนที่ถือหุ้น 15% เป็นเงินจำนวน 39,750,000 บาท

'ปิยบุตร' ฟันธง!! 'ก้าวไกล' ไม่รอดกระแส 'แลนด์สไลด์' กลบ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก รอบนี้ขอเกาะ พท.เป็นรัฐบาลไว้ก่อน

(21 ก.พ. 66) นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul – ปิยบุตร แสงกนกกุล หัวข้อ

['แลนด์สไลด์' ที่พรรคก้าวไกลแก้ไม่ออก] โดยมีรายละเอียดดังนี้

ประชาชนจำนวนมากต้องการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หากสังเกตจากผลการสำรวจความคิดเห็นหรือการรับรู้พูดคุยในกลุ่มแวดวงต่าง ๆ เชื่อได้ว่า ร้อยละ 60 อยากเปลี่ยนรัฐบาล และจะใช้การเลือกตั้งในปี 2566 นี้เป็นเครื่องมือสำคัญ

การรณรงค์ให้ลงคะแนนแบบยุทธศาสตร์ เพื่อให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ กำลังเป็นที่แพร่หลายและได้การยอมรับไปทั่ว

หากดูผลสำรวจความคิดเห็น ก็จะพบว่า คะแนนของพรรคเพื่อไทยและคุณแพทองธารสูงมาก ทั้งในภาพรวมทั่วประเทศ และในทุกพื้นที่ แม้กระทั่งภาคใต้

สำหรับพรรคก้าวไกลเอง คะแนนนิยมอยู่นิ่งอยู่กับที่มาปีเศษแล้ว ผู้อำนวยการนิด้าโพล ได้วิเคราะห์ไว้ในรายการหนึ่งว่า คะแนนของพรรคก้าวไกล เป็น 'น้ำเต็มแก้ว' ไม่เพิ่ม ไม่ลด ไม่ว่าเกิดเหตุการณ์ใด เวลาผ่านไปนานเท่าไร คะแนนก็จะอยู่เท่านี้ เรียกได้ว่า คะแนนจากผลสำรวจที่พรรคก้าวไกลได้รับนั้น คือ 'แฟนพันธุ์แท้'

หากพรรคก้าวไกลต้องการคะแนนมากกว่านี้ ต้องการมี ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ให้มากกว่านี้ จำเป็นต้องแสวงหาคะแนนจากกลุ่มผู้ที่ไม่ตัดสินใจ หรือกลุ่มที่ตัดสินใจเลือกพรรคอื่น จะได้คะแนนส่วนนี้เพิ่มมาได้ พรรคก้าวไกลต้องแก้ปมปัญหาเรื่อง 'แลนด์สไลด์'

คนจำนวนมากที่เป็น 'แฟนพันธุ์แท้' พรรคเพื่อไทย ย่อมลงคะแนนเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งสองใบ แต่มีคนอีกจำนวนมากที่รักเพื่อไทย แต่ก็เห็นประโยชน์ของการมีพรรคแบบก้าวไกล

คนจำนวนมากที่รักทั้งสองพรรค

คนจำนวนมากที่เห็นด้วยกับสิ่งที่พรรคก้าวไกลทำ แต่คิดว่าเป็นการต่อสู้ระยะยาว

หรือคนจำนวนมากชอบพรรคก้าวไกล แต่ไม่คิดว่าจะชนะได้ในเขตเลือกตั้ง ไม่คิดว่าจะชนะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้

คนเหล่านี้ อาจเลือก ส.ส.เขตของพรรคเพื่อไทย และแบ่งมาลงคะแนนบัญชีรายชื่อให้พรรคก้าวไกล ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากความคิดเรื่อง 'แลนด์สไลด์'

ด้วยระบบเลือกตั้งแบบแบ่งเขต 400 บ้ญชี 100 ทำให้คะแนนแบบแบ่งเขตของผู้ที่ไม่ได้ลำดับที่ 1 ถูกทิ้งน้ำไปหมด ไม่เหมือนตอนปี 62 ที่ยังนำมาคำนวณเป็น ส.ส.ทั่วประเทศ

และด้วยความคิดที่ว่า หากเพื่อไทยกับก้าวไกลแข่งกันเองในเขตเลือกตั้ง อาจทำให้แพ้ทั้งคู่ จนพรรคประยุทธ์ หรือพรรคอื่นที่อยู่อีกขั้ว ชนะไป ดังปรากฏให้เห็นหลายเขตในการเลือกตั้งปี 62 ประกอบกับ 'สวิทช์ สว 250' คนยังทำงานออกฤทธิ์ได้อีก

ทั้งหมดนี้ ทำให้ประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาลเลือกที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยสองใบ หรือเลือกพรรคเพื่อไทยในแบบเขต เลือกพรรคก้าวไกลแบบบัญชีรายชื่อ

หากสถานการณ์และอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ ไปจนถึงวันลงคะแนน พรรคก้าวไกลก็จะได้ ส.ส.เขตน้อยมาก และได้ 'ส่วนแบ่ง' จากบัญชีรายชื่อมา รวมยอด ส.ส. ทั้งหมด คงไปไม่เกิน 30

หากพรรคก้าวไกลไม่คิดอะไรมาก ได้เท่าไร ก็เท่านั้น รอบนี้ ขอ 'เกาะพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล' ไว้ก่อน พรรคก้าวไกลก็ไม่ต้องแก้ไขอะไร ไม่ต้องคิดยุทธวิธีใหม่ ประคองตัวไปจนจบเลือกตั้ง และถ้าไม่มีสัญญาณแปลกๆใดมาขัดขวาง หรือรวมเสียงฝ่ายค้านเดิมเพียงพอ พี่ใหญ่” ก็อาจเมตตาชวน 'น้องเล็ก' ไปร่วมรัฐบาล แบ่ง รมต ให้สัก 2-3 ที่

แต่ถ้าพรรคก้าวไกลยังคงต้องการเสียงมากกว่านี้ จำนวน ส.ส.มากกว่านี้ พิสูจน์ตนเองว่าแนวคิดแนวทางที่ทำกันมาตั้งแต่อนาคตใหม่ เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ประชาชนเห็นด้วยมาก พรรคก้าวไกลก็ต้องคิดแก้ปมปัญหา 'แลนด์สไลด์' ให้ได้

หนึ่ง ทำให้คนจำนวนมากเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีโอกาสชนะในเขตเลือกตั้งสูง ไม่ใช่พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกลจะเข้าที่ 1 ไม่ใช่เข้าที่ 2 หรือที่ 3 หากทำให้คนจำนวนมากเชื่อได้ คนก็จะมาเลือก เพราะ คะแนนนี้ไม่ทิ้งน้ำ ไม่เปล่าประโยชน์ แต่จะทำให้พรรคก้าวไกลชนะ ส.ส.เขต

‘ณัฐชา’ นำทีม 'ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี' เดินหน้าหาเสียง พร้อมลุยเลือกตั้ง ลั่น!! ผู้แทนไม่จำเป็นต้องนามสกุลดัง

(21 ก.พ. 66) นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร เขตบางขุนเทียน ในฐานะรองเลขาธิการพรรคก้าวไกล นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ราชบุรี ทั้ง 5 เขต เดินพบปะประชาชนในพื้นที่อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี เพื่อขอความไว้วางใจให้พรรคก้าวไกลได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ทำนโยบายให้เป็นจริง สร้างการเมืองดี ปากท้องดี มีอนาคต

นายณัฐชา กล่าวว่า มีความมั่นใจในจังหวัดราชบุรี เนื่องจากว่าที่ผู้สมัครของพรรคมีความหลากหลาย ทั้งเรื่องอายุและอาชีพ เมื่อเทียบกับกลุ่มการเมืองบ้านใหญ่ ที่ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์บ้านแตกสาแหรกขาด หาทางย้ายพรรคไปต่อในทางการเมือง

ส่วนผู้สมัครของก้าวไกลมุ่งเดินหน้า เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน และอยากสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีทราบว่า การเป็นผู้แทนประชาชนไม่จำเป็นต้องนามสกุลโด่งดัง หรือมีบ้านใหญ่หลังโต แต่มีความตั้งใจมุ่งมั่น ก็สามารถเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องประชาชนได้

‘ปิยบุตร’ โต้กลับ ‘พิธา’ “เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม” ลั่น!! พฤติกรรมแบบนี้ ปล่อยผ่านไม่ได้

จากกรณีที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อและอดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เผยแพร่บทวิเคราะห์ ‘แลนด์สไลด์ ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แก้ไม่ออก’ โดยช่วงหนึ่งกล่าวถึง ‘ผู้นำพรรคก้าวไกล’ นำมาสู่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาระบุถึงการครบรอบ 3 ปี ยุบพรรคอนาคตใหม่ พร้อมกล่าวถึง ‘ปิยบุตร’ ต้อง ‘เลิกมือไม่พายเอาเท้าราน้ำ’ เลิกทำตัวไม่เป็นมืออาชีพ ทำตามที่ ‘ธนาธร’ เคยขอ กลับมาช่วยกันเท่าที่กฎหมายอนุญาต ทำให้คนที่เคยปรามาสอนาคตใหม่ ก้าวไกล คิดผิด และอนุญาตให้ตนและอีกหลายร้อยชีวิตที่พรรคมีสมาธิในการทำงานโค้งสุดท้ายนั้น

ล่าสุด (22 ก.พ.66) นายปิยบุตรกล่าวถึงโพสต์ของนายพิธา ผ่านเฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul โดยระบุว่า เพิ่งได่อ่านที่ ‘คุณพิธา’ เขียน ‘เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผม’ ทั้งหมด Ok ได้ จัดไป

ผมจะเขียนอธิบายให้ฟังทั้งหมดยาว ๆ ทั้ง ๆ ที่ผมไม่อยากพูดเรื่อง ‘คุณพิธา’ เลย พยายามวิจารณ์พรรคอย่างตรงไปตรงมา ไม่พูดถึงตัวบุคคล แต่ ‘คุณพิธา’ ก็ให้เกียรติโพสต์สื่อสารถึงผมโดยตรงขนาดนี้ ก็ถือเสียว่า ‘คุณพิธา’ คงอยากคุยกับผมในที่สาธารณะ ผมจึงจำเป็นต้องตอบโดยละเอียดทุกประเด็น ประชาชน สมาชิก ผู้สนับสนุนพรรค จะได้รู้เสียทีว่า ‘คุณพิธา’ เอารัดเอาเปรียบพวกผม ทีมงาน พนักงาน ทีมจังหวัดทั่วประเทศ ส.ส. และผู้สมัคร ส.ส.เพียงใด ใครกันแน่ ‘มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ’ ใครกันแน่ ‘จับเสือมือเปล่า’

เมื่อวานเย็น ผมนัดกินข้าวกับเพื่อนมิตรและเพื่อน ส.ส. มีทีมงานมาบอกว่า ‘คุณพิธา’ โพสต์ตอบโต้ผม ให้ผมใจเย็น ๆ อย่าตอบโต้ ผมเองก็ไม่อะไร จนเจอธนาธร (ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ) กับชัยธวัช (ชัยธวัช ตุลาธน) ก็รำลึกความหลังครบรอบ 3 ปียุบพรรคอนาคตใหม่ที่เราริเริ่มมาด้วยกัน แล้วก็เคลียร์เรื่องนี้กันไป แต่พอผมกลับบ้านมา เปิดอ่านดู โอ้โฮ ‘คุณพิธา’ เขียนแบบ ‘เอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าผม’ ไอ้นั่นเรื่องเล็ก

ผมมาเป็นนักการเมืองเจอเรื่องวิจารณ์กันแบบนี้ จะมา ‘ใจเสาะ’ แบบ ‘คุณพิธา’ ไม่ได้ แต่ที่น่ารังเกียจกว่า คือการเขียน ‘ขาวเป็นดำ ดำเป็นขาว’ เสียมากกว่า จนทำให้พนักงาน ทีมงาน ทั่วประเทศคงอึ้งไปตามๆ กันว่า ‘คุณพิธา’ เป็น ‘ผู้นำ’ เพื่อนร่วมงานกว่าร้อยชีวิต แล้วผมเป็นคนที่ ‘ไม่เป็นมืออาชีพ’ มาทำลายพรรคก้าวไกลอย่างที่ ‘คุณพิธา’ พูดจริงหรือ? เขียน ‘ขาวเป็นดำ’ ว่า ‘คุณพิธา’ เป็นพระเมสสิอาห์มากอบกู้พรรค ส่วนผมกลายเป็นพวกทำลายพรรค?

เมื่อไรก็ตามที่สื่อติดต่อผมให้ไปคุยเกี่ยวกับการวิจารณ์พรรคก้าวไกล ผมปฏิเสธทุกครั้ง เพราะไม่ต้องการให้บานปลาย ถือเสียว่าผมเป็น ‘คนนอก’ วิจารณ์เข้าไป (ซึ่งวัฒนธรรมการเมืองในต่างประเทศ ปัญญาชนที่เคยร่วมพรรคกันมา พอออกมา เขาก็วิจารณ์กันเป็นเรื่องปกติ) ก็ใช้เพจของผม เขียนไปเรื่อยๆ ไม่ขยายความดราม่าผ่านสื่อต่างๆ

'โรม' จ่อ ยื่น 'ป.ป.ช.' ฟัน 'อุปกิต' ปมแสดงทรัพย์สินเท็จ เหน็บ 'ส.ว.' ปากบอกเป็นคนดี แต่สุดท้ายช่วยพวกเดียวกัน

(22 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ กรณีการยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดนายอุปกิต ปาจรียางกูร ส.ว. ว่า ตนตั้งเป้าว่าภายในวันที่ 28 ก.พ.นี้ ตนจะเอานายอุปกิตเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ควรจะเป็นให้ได้ ซึ่งเป็นบันไดขั้นสำคัญที่เราจะต้องทำให้กระบวนการยุติธรรมและประชาธิปไตยเรากลับคืนมา

แม้ปากของรัฐบาลบอกว่าจะจัดการเรื่องทุนสีเทา แต่ถึงเวลาก็ไม่ทำอะไร ไม่แม้แต่จะเสแสร้งว่าจะทำ หากตนเป็นนายกฯ ก็คงจะบอกว่าจะจัดการให้ จะตั้งตำรวจให้มีการสอบสวน แต่รัฐบาลไม่แม้แต่จะพูดประโยคนี้ แสดงให้เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมที่จะปล่อยเรื่องนี้ให้สังคมลืมไป ซึ่งเมื่อมีตำรวจน้ำดีทำเรื่องนี้ ก็ถูกสั่งย้าย ฉะนั้น เราจะปล่อยให้คนดีอยู่อย่างลำบากไม่ได้ ขณะเดียวกัน คนที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการค้ายาไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย และไล่ฟ้องปิดปากคนอื่นไปทั่ว ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนรับไม่ได้ที่สุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top