Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

'พิธา' ลั่น!! คืนที่ดินนายทุนให้ประชาชน พร้อมปฏิรูปที่ดิน ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล

(5 ก.พ.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีนำเสนอนโยบายของพรรคก้าวไกลและรับฟังความคิดเห็นประชาชน ที่วัดแม่ตืน อ.ลี้ จ.ลำพูน และที่บ้านห้วยงิ้ว อ.จุน จ.พะเยา โดยผู้สนใจเข้าร่วมเวทีส่วนใหญ่เป็นประชาชนที่มีปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินทำกิน ในพื้นที่ที่ส่วนใหญ่เป็น ส.ป.ก. ซึ่งมีข้อจำกัดในการทำกินที่ทำให้ไม่สามารถต่อยอดได้

พิธา กล่าวว่า ที่ผ่านมาเรามีปัญหา '3 ท.' คือ ทัศนคติ, เทคโนโลยี และทุน การแก้ปัญหาทั้ง 3 ท. นี้ จะเกิดขึ้นได้ภายใต้รัฐบาลก้าวไกล เพราะเรามีทัศนคติที่ต่างออกไป ว่าเราต้องปลูกคนไปปลูกป่า ให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่า ทำกินกับป่า และรักษาป่าไปพร้อมกันได้ ให้ท้องถิ่นมีบทบาทในการสนับสนุนการกระจายที่ดิน เช่น การข้อบัญญัติท้องถิ่นแบบในต่างประเทศ ที่อนุญาตให้ประชาชนตัดไม้ได้ แต่ต้องปลูกทดแทน เช่น ตัด 1 ต้นต้องปลูก 3 ต้นมาทดแทน เป็นต้น

ในเรื่องของเทคโนโลยี วันนี้เรามีเครื่องมือในการแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ นั่นคือเทคโนโลยี One Map ที่มีอัตราส่วนละเอียดขึ้นเป็น 1 : 4,000 หรือเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่า แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ถูกนำมาใช้เนื่องจากหน่วยงานรัฐทั้ง 8 กระทรวงต่างคนต่างไม่ยอม แต่ถ้าตนได้เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อไหร่ ตนจะบูรณาการนำเทคโนโลยี One Map ที่มีอยู่แล้วมาใช้ทันที

สุดท้ายคือเรื่องของทุน รัฐบาลก้าวไกลจะเพิ่มงบประมาณในการพิสูจน์สิทธิจาก 300 ล้านบาทเป็น 10,000 ล้านบาท ให้เกิดการพิสูจน์ได้ทันทีทั่วประเทศ

พิธากล่าวอีกว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ เพื่อจบปัญหาคาราคาซังด้านที่ดินที่ตกอยู่ในมือของนายทุนขุนศึกศักดินามาเป็นเวลานานเกินไปแล้ว โดยจะดำเนินการทั้งหมด 5 ข้อ อันประกอบด้วย...

'พิธา' ชี้ ครูกล้อนผมเด็ก สะท้อนใช้อำนาจเกินขอบเขต ลั่น!! หากก้าวไกลเป็น รบ. พร้อมดันกฎห้าม รร. ละเมิดสิทธิฯ

(7 ก.พ. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความลงโซเชียลมีเดีย แสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่มีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งกล้อนผมนักเรียนในโรงเรียน ว่าเป็นเรื่องที่ขัดกับหลักสิทธิมนุษยชน แสดงให้เห็นว่าการลงนามยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยทรงผม ไม่ได้ช่วยทำให้นักเรียนมีเสรีภาพมากขึ้นจริงในทางปฏิบัติ เสนอแนะให้กระทรวงศึกษาธิการปกป้องสิทธิเสรีภาพนักเรียน เพื่อสร้างพลเมืองที่ตอบโจทย์โลกอนาคต

โดยพิธา กล่าวว่าตน รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง ที่วันนี้ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่ถูกนำเสนอโดยกลุ่มนักเรียนเลว ที่มีครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบูรณ์ ใช้กรรไกรเดินกล้อนผมนักเรียนกว่าร้อยคนจนแหว่งและเสียทรง ในระหว่างเข้าแถวตอนเช้า หลังจากนั้นก็บังคับให้นักเรียนทุกคนแก้ทรงผมกลายเป็นทรงนักเรียนขาว 3 ด้านทั้งหมด

แม้กฎเรื่องทรงผมโรงเรียนจะไม่ได้บังคับให้นักเรียนต้องตัดผมเกรียนก็ตาม นี่แสดงให้เห็นว่า การที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามยกเลิกระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ. 2563 เปลี่ยนเป็นการกำหนดแนวปฏิบัติกว้าง ๆ ให้สถานศึกษาแต่ละแห่งนำหลักเกณฑ์ไปกำหนดเป็นระเบียบเอง ไม่ได้เป็นการปลดปล่อยเสรีภาพเหนือร่างกายของนักเรียน แต่กลับทำให้กฎเกณฑ์เรื่องทรงผมนักเรียนถูกกำหนดอย่าง 'ไร้ขอบเขต' กว่าเดิม

“ผมคิดว่าการสอนและสร้างความสำนึกเรื่องสิทธิมนุษยชน และเสรีภาพของมนุษย์ในโรงเรียน เป็นเรื่องเดียวกันกับการพัฒนาคุณภาพการศึกษา เพราะในโลกยุคปัจจุบันเราไม่สามารถเอาวิธีคิดแบบการผลิตพลทหารของโลกยุค 100 ปีก่อน มาใช้ในการสร้างสรรค์การเรียนรู้ สิ่งที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการควรต้องทำจริง ๆ คือการประกาศระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ที่ห้ามบุคลากรทางการศึกษาทั้งครูและผู้บริหารโรงเรียน ไม่ให้ละเมิดสิทธิมนุษยชนตามนโยบายของพรรคก้าวไกล” พิธากล่าว

ผู้ร่วมก่อตั้ง 'อนาคตใหม่' ลาขาด 'ก้าวไกล' ไร้ประชาธิปไตย ไม่ฟังความเห็นต่าง

(9 ก.พ. 66) หลังจากมีข่าวสะพัดว่า นายคริส โปตระนันทน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย เตรียมประกาศลาออกจากพรรคก้าวไกล พร้อมทีม ส.ก.อีกจำนวนหนึ่ง เพื่อไปก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่นั้น

ล่าสุด นายคริส โปตระนันทน์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงสาเหตุการลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลว่า  สวัสดีครับประชาชนที่รักทุกท่าน วันสองวันนี้มีคนสอบถามผมเข้ามาเยอะว่า ผมยังเป็นสมาชิกพรรคก้าวไกลอยู่หรือไม่? ผมเรียนถึงทุกท่านตามตรงว่า ผมมีความภูมิใจในการเป็นส่วนหนึ่งในพรรคนี้ไม่น้อยกว่าใคร แต่ตัวผมก็ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคก้าวไกลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพราะเหตุผลสามประการ

1. ผมอยากจะทำการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ความเป็นประชาธิปไตยของพรรคยังห่างจากที่พรรคโฆษณาอีกมาก การที่ผมได้มาร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่กับคุณธนาธรเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 เพราะผมไม่ได้มาทำการเมืองเพื่อให้ใครได้เป็น ส.ส. หรือเพื่อให้ใครได้อำนาจ หรือมาทำการเมืองเพื่อผลักดันวาระทางการเมืองของใครบางคน

ผมอยากได้พรรคการเมืองที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริงคือพรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ

เวลาจากวันนั้นถึงวันผ่านมา 5 ปี  ต้องถามกลับไปที่ประชาชนผู้เป็นสมาชิกพรรค จำนวนกว่า 60,000 คน ว่าทราบบ้างหรือไม่ว่าพรรคมีประชุมสามัญวันไหน พรรคมีการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.กันอย่างไร กลไกในการคัดเลือกนโยบายที่จะหาเสียงในคราวนี้ คุณเคยมีส่วนร่วมในการตัดสินใจหรือไม่? ใครจะได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของพรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้ คุณรู้หรือไม่?

ผมในฐานะที่เคยเป็นสมาชิกตลอดชีพทั้งพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล ตอบได้เลยว่า เรื่องทั้งหมดที่เป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งสิ้น ล้วนเป็นเรื่องของการตัดสินใจของคนกลุ่มเล็ก ๆ เท่านั้น ผมให้ชื่อเล่นกลุ่มนี้ว่า 'โปลิตบูโร'

หากการบริหารพรรคยังเป็นอย่างนี้ หากพรรคก้าวไกลได้อำนาจในการบริหารประเทศ พรรคก้าวไกลจะบริหารประเทศอย่างไร ก็คงต้องอยู่ที่คนกลุ่มนี้ ไม่ได้อยู่สมาชิกพรรคแต่อย่างใด
เรื่องดีๆ ใครก็พูดได้ แต่ทำยาก ผมก็เข้าใจ มิฉะนั้น พรรคก้าวไกลในอนาคตคงจะมีชะตากรรมไม่ต่างจากพรรคการเมืองที่ดีแต่พูด (Hypocrital party)

เรื่องนี้ผมสะท้อนให้แกนนำฟัง ผมพูดในที่ประชุมใหญ่พรรคทุกปี พูดกับทุกคน คำตอบที่ได้มีเพียงแค่ “ขอเวลาหน่อย” “เรายุ่งมาก อดทนหน่อยนะ ทำให้แน่ ๆ” “เลือกตั้งคราวหน้า เราทำแน่ ๆ” ฟังดี ๆ มันคล้ายที่คุณประยุทธ์พูด “ขอเวลาอีกไม่นาน”

เรื่องนี้ผมรับรู้อย่างลึกซึ้งด้วยตัวเอง เมื่อเดือนที่ผ่านมา ผมสอบถามผ่านแกนนำว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจะจัดการอย่างไร เป็นไปได้หรือไม่ที่ผมจะขยับไปลงส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ เพราะมีโอกาสสูงมากที่เขตที่ผมลงรอบปี 62 (ราชเทวี พญาไท จตุจักร 2 แขวง) จะถูกแบ่งใหม่แยกเป็นสามส่วน และผมก็เชื่อว่า ความรู้ความสามารถของเราสามารถที่จะช่วยให้พรรคหาเสียงทั่วประเทศได้ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา การทำงานของผมและเพื่อนๆในกลุ่มเส้นด้ายลงไปทำงานกับชุมชนแออัดทั่วทุกเขตในกทม. และในอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ จนส.ก.ในกลุ่มของผมได้รับเลือกตั้งจำนวนมาก และเกือบชนะอีกจำนวนหนึ่ง

คำตอบที่ได้กลับมาคือ คุณจะมาเป็นได้ยังไง? คุณเหยียบย่ำหัวใจคนในพรรคขนาดนี้ ผมก็งงสิครับนี่มันเรื่องอะไร ผมไปเหยียบใครตอนไหน พอนั่งนึกก็ถึงบางอ้อ

- ผมคัดค้านการลงสมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของส.ส.วิโรจน์ เพราะเห็นว่าตัวผู้สมัครของเราไม่ดีพอที่จะสู้กับผู้ว่าชัชชาติ

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ต่อผู้ว่าชัชชาติชนิดคะแนนทิ้งกัน 2 แสนกับ 1.2 ล้านเสียง

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ซ่อมเขตจตุจักร-หลักสี่ เพราะส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีทางที่จะเข้าใจการเลือกตั้งแบบเขต หากไม่เคยลงเลือกตั้งมาก่อน

ผลคือ พรรคก้าวไกลแพ้ในเขตชนิดคะแนนทิ้งกันเกือบหมื่นคะแนน

- ผมคัดค้านการแต่งตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งมาเป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งส.ส.ในกรุงเทพมหานคร ปี 66 อีกครั้ง เพราะเรากำลังเอาคนที่ทำเลือกตั้งแพ้มาแล้วครั้งหนี่งมาคุมเลือกตั้งที่สำคัญกว่าและใหญ่กว่า

- ผมในฐานะอดีตประธานมูลนิธิเส้นด้ายแถลงข่าวกรณีที่อาสาของมูลนิธิเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศจากอดีต ส.ก. พรรคก้าวไกล

ผลคือ ผมโดนถล่มจากสมาชิกพรรคว่า ไม่ปกป้องพรรค

ผมไม่เคยกลัวในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่เคยกลัวในการกระทำที่เราคิดว่าถูกต้อง และที่ผ่านมา ผมพูดตรง ๆ กับพรรคเสมอถึงความยุติธรรมในประเด็นต่าง เช่น การเกลี่ยทรัพยากรของส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ กับส.ส.เขต ความน้อยเนื้อต่ำใจของคนที่ลงพื้นที่เหล่านี้อยู่ในใจของผู้สมัครท้องถิ่น หรือผู้สมัครส.ส.เขตทุกคนแต่ไม่มีใครกล้าพูด แต่การที่ผมพูดกับแกนนำแบบนั้น มันทำให้ผมกลายเป็น

-ทำไมคุณถึงมีปัญหาตลอดเลย?

-ผมเป็นคนเลว เพราะผมต้องการแย่งเงิน แย่งทรัพยากรจากส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ?

-ผมเป็นคนไม่จงรักภักดีกับพรรค?

วันที่ผมนั่งคุยกับแกนนำเรื่องการขยับไปลงส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ วันนั้นแกนนำท่านหนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของบริษัท เปรียบเทียบให้ผมฟังว่า หากมีเซลล์ในบริษัท 2 คน คนแรกเป็นคนเก่ง คนฉลาด ยอดขายดีมาก ๆ แต่ต่อรองผลประโยชน์ตลอด กับอีกคนยอดขายครึ่งเดียวของคนแรก แต่จงรักภักดีมากๆ เค้าจะเลือกคนที่สอง

ผมก็เลยรู้แล้วว่า ชะตากรรมผมในพรรคนี้จะเป็นตาย ร้าย ดี ก็ขึ้นอยู่กับว่า ผมจะพิสูจน์ความจงรักภักดีกับ “โปลิตบูโร” ได้หรือไม่? แน่นอนนั่นคือวิธีการบริหารงานแบบหนึ่ง เรื่องนี้ไม่มีถูก ไม่มีผิด แต่เมื่อคุณโฆษณากับประชาชนแล้วว่าคุณเป็นพรรคประชาธิปไตย พฤติกรรมของคุณต้องทำให้ได้ตามที่คุณพูด ไม่งั้นจะกลายเป็น สำนวนไทย ข้างนอกสุกใส ข้างในตะติ๊งโหน่ง

2. ผมไม่เห็นด้วยกับนโยบายหลายประการของพรรคก้าวไกล

พรรคการเมืองอนาคตใหม่ที่ผมร่วมจัดตั้ง ผมฝันว่าพรรคจะเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นเหมือนร่มคันใหญ่ ที่สามารถโอบรับได้กับความหลากหลายของสมาชิกพรรค ไม่ว่าจะเป็นความคิดการเมืองแบบฝั่งซ้าย ความคิดการเมืองแบบฝั่งขวา ความคิดเศรษฐกิจแบบเสรี ความคิดเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม

วันแรกจุดร่วมของจุดใหญ่คือการไม่เอาเผด็จการ (เรื่องการแก้ไข 112 ในวันนั้นยังไม่ใช่วาระของพรรคด้วยซ้ำ) ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่เหลือ อ.ปิยบุตรยังเคยบอกผมตอนเถียงกับอ.ษัษรัมย์ (ตอนนั้นอ.เสนอเรื่องรัฐสวัสดิการ แต่ผมเสนอว่าคำตอบน่าจะเป็นเศรษฐกิจแบบเสรีมากกว่า) เรื่องนโยบายเศรษฐกิจของพรรคว่า เดี๋ยวค่อยไปคุยกัน เมื่อเราทำภารกิจสำเร็จ ต่างฝ่ายค่อยแยกออกไปตั้งพรรคก็ได้

5 ปี เดินผ่านไป วันนี้นโยบายของก้าวไกลหล่นลงมาจากฝากฟ้า หล่นลงมาจากห้องแอร์ ไม่ว่าคุณจะเรียกชื่อมันว่าอะไร

วันนี้หนึ่งในนโยบายหาเสียงที่สำคัญที่สุดของพรรคก้าวไกลคือ เงินบำนาญของคนที่อายุเกิน 60 ปี ถ้วนหน้าเดือนละ 3,000 บาท หากนโยบายนี้สำเร็จ รัฐบาลจะมีรายจ่ายจากแปดหมื่นกว่าล้าน เป็นสามแสนล้านหกหมื่นล้านบาททันที

‘โรม’ โต้ ‘คริส’ ไม่มี ‘โปลิสบูโร’ ในก้าวไกล น้อมรับคำติชม จะนำไปพัฒนาให้ดีขึ้น

(9 ก.พ. 66) เวลา 11.40 น. นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ นายคริส โปตระนันทน์ อดีตว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ได้ประกาศถอนตัวจากพรรคก้าวไกล และได้มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า พรรคก้าวไกลมีคนนอกครอบงำกระบวนการคัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และไม่เป็นประชาธิปไตยตามคำโฆษณา ว่า ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายที่นายคริส ลาออกจากพรรคตั้งแต่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งการลาออกทำให้เขตพญาไท ราชเทวี และจตุจักรต้องเว้นว่างผู้สมัคร ดังนั้นพรรคต้องแก้ปัญหาด้วยการหาผู้สมัครใหม่มาแทนที่ เพราะเขตดังกล่าวถือเป็นพื้นที่สำคัญในสนามการเลือกตั้ง กทม.

นายรังสิมันต์ กล่าวว่าในส่วนของการลาออก ตนอยากให้มองเป็นเรื่องปกติ เพราะมีความไม่พอใจ ซึ่งนายคริสก็เขียนเอาไว้ในเฟซบุ๊ก หลายเรื่องพรรคคงต้องน้อมรับและนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ดี
ขึ้น 

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีการคัดสรรผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อนั้น ต้องคำนึงหลายอย่าง เพราะตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ การที่จะมีผู้สมัครบัญชีรายชื่อ ต้องสะท้อนถึงความหลากหลายของสังคม มีปัจจัยประกอบหลายอย่าง เช่น เพศ เชื้อชาติ และคนพิการ เข้ามาพิจารณา ส่วนนี้จึงอาจเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้นายคริสเลือกเดินทางในเส้นทางของตนเอง

คริส โปตระนันทน์ ชี้! 'ก้าวไกล' หากไม่ปรับบริหาร พรรคก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา

“หาก 'ก้าวไกล' ไม่ปรับการบริหาร แทนที่พรรคจะใหญ่ขึ้น ก็จะเล็กลงเรื่อย ๆ จนเหลือแต่ 'เลือดแท้' จำนวนน้อย และไม่มีเสียงพอที่จะผลักวาระของพรรคให้สำเร็จผ่านระบบรัฐสภา”

‘พิธา’ โชว์วิสัยทัศน์ ‘สร้างงาน-ซ่อมประเทศ’ เปลี่ยนปัญหาให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน

‘พิธา’ ร่วมวงถกนโยบายเศรษฐกิจพรรคการเมือง ชงแนวคิดกำหนดนโยบายต้อง ‘ถูกใจคนไทย-ตรงใจตลาดโลก’ ชู 'สร้างงาน-ซ่อมประเทศ' เปลี่ยนปัญหา-ความต้องการคนไทย เป็นอุตสาหกรรมใหม่-จ้างงาน 1 ล้านตำแหน่ง พุ่งเป้าเศรษฐกิจเติบโตควบคู่ลดเหลื่อมล้ำ

(9 ก.พ. 66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ร่วมแสดงวิสัยทัศน์พร้อมผู้นำพรรคการเมืองต่างๆ ในงานสัมมนา ‘อนาคตประเทศไทย Economic Drives เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก’ ซึ่งร่วมจัดโดยเครือโพสต์ทูเดย์และเนชั่น ให้ผู้นำพรรคการเมืองได้พูดถึงมุมมองของแต่ละพรรคที่มีต่อสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน พร้อมนำเสนอนโยบายเศรษฐกิจของแต่ละพรรค

พิธาเริ่มต้นการนำเสนอ โดยระบุว่าโจทย์ที่ได้รับมาวันนี้จากผู้จัดงาน คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจตลาดโลก แต่ในการนี้ตนต้องขอคิดต่าง ว่าคำถามที่ถูกต้อง คือเราจะกำหนดนโยบายเศรษฐกิจอย่างไรให้ตรงใจคนไทยและตลาดโลกไปพร้อมกัน เพราะที่ผ่านมาเรามีเศรษฐกิจที่ตรงใจตลาดโลกมามากแล้ว ทั้งของถูกและมีคุณภาพ แต่จะมีประโยชน์อะไร ถ้าสิ่งนั้นต้องแลกมาด้วยการเสียสละของคนไทย

ดังจะเห็นได้ว่าประเทศไทยที่ส่งออกข้าวเป็นอับดับ 1-3 ของโลกมาตลอด แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ของประเทศยังยากจน คิดเป็นถึง 66% หรือ 2 ใน 3 ของคนจนอยู่ในภาคการเกษตร จะมีประโยชน์อะไรกับการที่รายได้การท่องเที่ยวของประเทศก่อนโควิด สูงถึง 2 ล้านล้านบาท แต่ 74% กระจุกตัวอยู่แค่ใน 5 จังหวัดจากทั้งประเทศ และจะมีประโยชน์อะไรกับการที่ประเทศไทยมีภาคธนาคารที่เข้มแข็งเป็นอันดับที่ 21 ซึ่งถือเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนของประเทศไทยพุ่งทะยานไปถึง 89% ของจีดีพีแล้ว

พิธากล่าวต่อไปว่า ธนาคารโลกล่าสุดคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกปีหน้าจะโตช้าที่สุดในรอบ 30 ปี นี่คือโจทย์ที่รัฐบาลไทยต้องออกแบบนโยบายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ จะเอาแต่พึ่งการส่งออก การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ รวมถึงการท่องเที่ยวอย่างเดียวไม่ได้แล้ว สิ่งที่เราต้องการวันนี้คือวิธีคิด ซึ่งพรรคก้าวไกลมีกระบวนการวิเคราะห์ กำหนดเป้าหมาย ที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายอย่างเป็นระบบ พรรคก้าวไกลเริ่มต้นจากการวิเคราะห์หาจุดแข็ง-จุดอ่อน-โอกาส-ภัยคุกคาม (SWOT analysis) ที่ทำให้เราได้เห็นภาพของประเทศไทยในปัจจุบัน

กล่าวคือ ประเทศไทยมีจุดแข็ง คือความสร้างสรรค์ ห่วงโซ่อุปทานที่ดีระดับหนึ่ง และมีเสถียรภาพทางการเงินการคลัง ในขณะเดียวกันก็มีจุดอ่อนคือการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างเต็มตัว การมีระบบรัฐราชการรวมศูนย์ที่เต็มไปด้วยการคอร์รัปชัน และความเหลื่อมล้ำที่สูงมาก หากมองในแง่โอกาส แนวโน้มการลงทุนของโลกในขณะนี้กำลังมุ่งไปที่การกระจายความเสี่ยงออกจากฐานการผลิตเดิม ขณะเดียวกันกำลังจะเกิดการปฏิรูปภาษีโลกครั้งใหม่ (Global Minimum Tax) หรือ GMT แต่โลกก็กำลังมอบโจทย์ความท้าทายให้กับประเทศไทยในหลายด้านเช่นเดียวกัน ทั้งในเรื่องภาวะโลกร้อน ปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เช่นสงคราม และราคาโภคภัณฑ์ที่ผันผวน

พิธากล่าวต่อไปว่า เมื่อได้ภาพปัจจุบันของประเทศดังนี้แล้ว การกำหนดยุทธศาสตร์ของพรรคก้าวไกลจึงเกิดขึ้นภายใต้โจทย์เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตไปพร้อมกับการลดความเหลื่อมล้ำ นำมาสู่นโยบาย 'สร้างงาน ซ่อมประเทศ' หรือการนำปัญหาร้อยแปดพันเก้าที่เรื้อรังมาข้ามทศวรรษ ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไม่ถึงระบบขนส่งสาธารณะ น้ำประปาที่ไม่สะอาด ปัญหาพลังงาน ความเหลื่อมล้ำ ฯลฯ เปลี่ยนให้เป็นโอกาสในการสร้างงาน เพื่อซ่อมประเทศ กล่าวคือ

'พลพรรค' แห่เท 'อนาคตใหม่-ก้าวไกล' ระเบิดเวลาที่รอวันทำลายตัวเอง (อีกหน)

ดุเดือดกว่า สงครามรัสเซีย-ยูเครน ในยามนี้ก็การเมืองไทยนี่แหละ ล่าสุดเหมือนถล่มพรรคก้าวไกลด้วยระเบิดพลีชีพ เมื่อ 'คริส โปตระนันทน์' ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตจตุจักร พญาไท ราชเทวี ในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ และมูลนิธิเส้นด้าย ประกาศลาออกจากพรรคที่ตนเองร่วมก่อตั้งเมื่อครั้งยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ ด้วยเหตุผลหลักสามข้อ ที่เจ้าตัวชี้แจงชัดเจนออกสื่อ 

ข้อแรกคือ อยากทำงานการเมืองในพรรคที่เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง แล้วอธิบายว่าความเป็นประชาธิปไตยของพรรคก้าวไกลยังห่างไกลจากที่พรรคโฆษณาไว้มาก จากนั้นก็แฉรัวๆ ว่า พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองที่ประชาชนเป็นเจ้าของ แต่อำนาจอยู่ในมือคนกลุ่มเล็กที่เรียกว่าโปลิตบูโร แบบนี้ควรเรียกว่าพรรค 'พวก' มากกว่า 

ส่วนข้อสองคือความขัดแย้งเรื่องการลงสมัครเลือกตั้ง เพราะตนเองเคยเกือบชนะในเขตพญาไทมาแล้ว แต่พอปรึกษาพรรค กลับถูกตอกหน้าว่าจะมาเป็นได้อย่างไร จากนั้นกล่าวอ้างว่าคริสเหยียบย่ำหัวใจคนในพรรค ทั้งนี้เพราะเคยคัดค้านการลงผู้ว่าของวิโรจน์และคัดค้านผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมเขตจตุจักร 

ส่วนเหตุผลข้อสามคือ คริสเป็นอดีตประธานมูลนิธิเส้นด้าย เคยช่วยเหลือเหยื่อการถูกล่วงละเมิดทางเพศจากอดีต ส.ก.พรรคก้าวไกล แต่กลับโดนด่าว่าไม่ปกป้องพรรค 

จะว่าไปเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเรื่องที่ได้ยินอยู่ตลอดเวลา ทุกครั้งที่สมาชิกพรรคก้าวไกลโบกมือลาออกจากพรรค จะได้ยินปมขัดแย้งเรื่องเดิม ๆ เสมอ คนแล้วคนเล่าที่ก้าวออกจากพรรค ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าพรรคก้าวไกลใช้ระบบพรรคพวกมากกว่าพิจารณาที่ผลงาน 

ลองย้อนอดีตกันหน่อยว่า ส.ส.และ สมาชิกพรรคก้าวไกลกี่คนแล้วที่ลาออก หรือถูกไล่ออก เพราะปมขัดแย้งในพรรคนี้ หลายคนคงจำได้กรณีงูเห่าสีส้ม เมื่อปี 2562 ตอนนั้นพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ถูกยุบ พรรคมีมติขับ ส.ส. 4 คน คือ กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี, พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี, ศรีนวล บุญลือ ส.ส.เชียงใหม่ และ จารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี โดยจิกเรียก ส.ส.ทั้งสี่คนว่าเป็นงูเห่าสีส้ม เพราะลงมติสวนทางกับพรรคหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์

ก่อนหน้านั้น ส.ส.ศรีนวล บุญลือ เป็น ส.ส.ที่เป็นคนขานชื่อธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในสภา เรียกได้ว่าถือเป็นขวัญใจเจ้าของพรรคก็ว่าได้ แต่พอโหวตสวนเท่านั้นแหละ มีการขับไสไล่ส่งพ้นพรรค ที่หนักสุดคือ มีการด้อยค่าสารพัด แม้กระทั่งเอาตุ๊กตาตัวเงินตัวทองมาวางหน้าที่ทำการพรรค ซึ่งอยู่ในตึกของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทำให้บรรดาคอการเมืองแทบไม่เชื่อสายตาว่า จะเห็นการบูลลี่ในพรรคที่อ้างว่า 'คนเท่าเทียม' กัน

ต่อมาเกิดการแฉครั้งมโหฬารโดย ดร.โจ ชาญวิทย์ ใจสว่าง อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่เขตหนึ่ง ชุมพร หลังประกาศลาออกจากพรรค ข้อมูลที่แฉก็คล้ายกับข้อมูลของคริส นั่นคือตัวตนพรรคก้าวไกลคือ เผด็จการตัวจริง มีกลุ่มใกล้ชิดเพื่อนนักเรียนนอก มีชนชั้นในพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้เป็นเหมือนภาพที่ขายฝันไว้ พรรคนายกโซเชียลจ้างบริษัทเอเจนซี่ ตั้งวอร์รูมทำงาน 7:00-24:00 คอยจับตาตามเพจ ทวิตเตอร์ โซเชียลมีเดียต่างๆ แล้วสร้างไอดีผี ซอมบี้ส้ม เข้าไปรุมด่าคนที่มาวิจารณ์พรรค รวมถึงปั่นโหวตต่าง ๆ ดร.โจไม่ได้แฉแค่หนเดียวจบ แต่แฉตามมาต่างกรรมต่างวาระ 

‘โรม’ ย้อน ‘ตู่’ คสช. เคยนิรโทษกรรมตัวเอง แซะ!! เลิกสั่งสอนความสามัคคีจอมปลอมให้ ปชช.

‘โรม’ ย้อน ‘ประยุทธ์’ จำได้ไหม คสช. นิรโทษกรรมตัวเอง เลคเชอร์ความปรองดอง ไม่ใช่สร้างสามัคคีแบบปลอม ๆ แต่ต้องนิรโทษกรรมประชาชน ไม่นิรโทษกรรมผู้มีอำนาจ

(10 ก.พ. 66) รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนในประเด็นการนิรโทษกรรม ระบุทุกคนที่ทำผิดกฎหมาย ต้องยอมรับกระบวนการยุติธรรม ถ้านิรโทษกรรมให้คนบางกลุ่ม แสดงว่าต้องนิรโทษกรรมให้คนทั้งคุกเลยหรือไม่

รังสิมันต์ กล่าวว่า ต้องถือเป็นความกล้าหาญของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สอนคนอื่นให้เคารพกฎหมาย ทั้งที่ตัวเองเป็นอดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ กระทำความผิดที่เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง แต่ยังลอยหน้าลอยตาเป็นนายกฯ มาได้จนถึงปัจจุบัน เพราะเขียนนิรโทษกรรมตัวเองและพวกลงในรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 279 แม้ประชาชนนับแสนคนเคยเข้าชื่อขอแก้รัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว เพื่อเปิดทางให้มีการดำเนินคดีกับคณะรัฐประหาร แต่ก็ถูก ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ปัดตก จึงไม่รู้ว่าตอนที่พูดประโยคเหล่านั้นออกมา พล.อ.ประยุทธ์ ได้ฉุกคิดถึงสิ่งที่ตัวเองเคยทำมาก่อนบ้างหรือไม่

‘เจี๊ยบ อมรัตน์’ โต้ ‘คริส’ ใส่ร้ายก้าวไกล ลั่น!! คนแบบนี้ไร้สปิริต ไม่เคยคิดเสียดาย

(10 ก.พ. 66) นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทวีตข้อความในทวิตเตอร์ตอบโต้นายคริส โปตระนันทน์ อดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ว่า…

“ในส่วนตัวไม่เคยเสียดายคนอย่างคริส โปตระนันทน์ การใส่ร้ายพรรคไม่ใช่สปิริตที่ดี เช่น กล่าวหาว่าไม่มีการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค”

‘พิธา’ นำทีมก้าวไกล เปิดตัว 10 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. บุรีรัมย์ ชู โยกงบกองทัพเป็นสวัสดิการ - กระจายอำนาจสู่ ปชช.

‘พิธา’ นำทีม ‘ก้าวไกล’ เปิดเวทีแนะนำผู้สมัครบุรีรัมย์ เผยความจริงอีกด้านเมืองปราสาทหิน มีคนแก่ที่ใช้ชีวิตคนเดียว-เด็กด้อยโอกาส-คนหนี้ท่วมมากที่สุด เชื่อไม่มีใครเป็นเจ้าของบุรีรัมย์ พร้อมหยุดวงจรมือใครยาวสาวได้สาวเอา ลั่น คนบุรีรัมย์ต้องกินข้าวไม่ใช่กินถนน ประกาศก้าวไกลเปลี่ยนงบกองทัพเป็นสวัสดิการประชาชน-กระจายอำนาจภายใน 5 ปี ให้คนบุรีรัมย์ได้เลือกเอง

เมื่อวานนี้ (10 ก.พ.66) พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีปราศรัยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้ง 10 คน ที่ลานข้างถนนคนเดินริมทางรถไฟ ในบรรยากาศที่เนืองแน่นไปด้วยประชาชนและผู้สนับสนุนที่เดินทางมารับฟังการปราศรัยในวันนี้

วิโรจน์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนมีความคับแค้นหลายเรื่อง ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภคแพงขึ้น ถูกอย่างเดียวคือค่าแรงและยาบ้า นอกจากการปฏิรูประบบราชการ ทหาร ตำรวจแล้ว เรายังต้องมีนโยบายสวัสดิการประชาชนเพื่อดูแลคนไทยทุกคนด้วย

วิโรจน์กล่าวต่อไปว่า หลังจากพรรคก้าวไกลเสนอนโยบายสวัสดิการประชาชนออกมา ก็มีคนบอกว่าถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วคนไทยจะขี้เกียจแน่ ๆ ตนขอถามกลับว่าประเทศแบบไหนที่ปล่อยให้คนแก่อายุ 70-80 ยังต้องขยัน ทำงานมาทั้งชีวิตแล้วพอแก่ตัวลงยังต้องตรากตรำทำงานอยู่อีก จะให้พวกเขาตายคางานเลยหรืออย่างไร ด้านประยุทธ์เองก็ถามว่าจะเอาเงินที่ไหนทำสวัสดิการ แต่ทีเวลาจะซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถถัง ยานเกราะ เครื่องบินรบ ครั้งละหลักพันล้านหมื่นล้าน ประยุทธ์ไม่เห็นจะเคยถามว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อ ปัญหาคือประเทศนี้ที่ผ่านมาคนถือทัพพีตักข้าวคนแรกไม่ใช่ประชาชน แต่ตักข้าวไปมากที่สุด เหลือแค่ก้นหม้อให้ประชาชน

“เพราะฉะนั้น ผมยืนยันว่ารัฐสวัสดิการเป็นเรื่องที่ทำได้ แค่ต้องอาศัยการจัดสรรงบประมาณใหม่ ไม่ให้เอาไปใช้กับเรื่องไร้ประโยชน์ เราต้องเปลี่ยนคนที่จะได้ถือทัพพีตักข้าวคนแรกเป็นประชาชน” วิโรจน์กล่าว

ด้านพิธา ระบุว่าวันนี้ตนกลับมาที่นี่เป็นครั้งที่สองในรอบสามเดือน มาทุกครั้งด้วยความเชื่อว่าคนบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ ไม่มีบ้านใหญ่ ต้องการความเปลี่ยนแปลง ไม่ต้องการระบบแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แน่นอนว่าระบบที่เป็นมาทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่าบุรีรัมย์มีความเจริญ มั่งคั่ง มีคนมาเที่ยวหลายเทศกาล แต่ข้อมูลที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึง คือข้อเท็จจริงที่ว่าผู้สูงอายุที่ต้องอยู่คนเดียว เด็กที่ด้อยโอกาส และประชาชนที่มีหนี้สินต่อรายได้มากกว่า 2 เท่า ล้วนอยู่ที่บุรีรัมย์เป็นจำนวนมากที่สุด

ความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาที่มหาศาลเช่นนี้ คือเหตุที่ทำให้ตนเชื่อว่าบุรีรัมย์ไม่มีเจ้าของ คนบุรีรัมย์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงหากมีพรรคการเมืองที่สามารถมอบคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าให้แก่ชาวบุรีรัมย์ได้ ตนเชื่อว่าชาวบุรีรัมย์เองก็ต้องการเปลี่ยนงบประมาณกองทัพให้เป็นสวัสดิการประชาชน นี่ต่างหากที่จะทำให้ชาวบุรีรัมย์นอนหลับได้ ไม่ใช่แค่การสร้างถนนไปเรื่อย ๆ ชาวบุรีรัมย์ไม่ต้องการการเมืองแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา แต่ต้องการการกระจายอำนาจเหมือนกับทุกคนในทุกจังหวัดของประเทศนี้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top