Monday, 19 May 2025
ก้าวไกล

'พิธา' นำทัพ 'ก้าวไกล' เลาะโขง ไล่อัดโครงการรัฐ ชูนโยบายจริงจังแก้แล้ง แสดงว่า 8 ปีมานี้ 'จิงโจ้'

'พิธา' นำทัพก้าวไกลเลาะโขง เปิดเวทีปราศรัยบึงกาฬ แนะนำว่าที่ผู้สมัคร 4 จังหวัดอีสานเหนือ ชี้ บึงกาฬเป็นถึงปลายอีสาน-กึ่งกลางอาเซียน แถมยังมีถ้ำนาคาชูโรงท่องเที่ยว แต่กลับขาดการพัฒนา ขาดแคลนทั้งโรงแรม-โครงสร้างรองรับท่องเที่ยว พื้นที่ชลประทานแค่ 1% อัดพรรครัฐบาลชูนโยบายจริงจังแก้น้ำแล้ง แปลว่าที่ผ่านมาจิงโจ้หรือไง ลั่นก้าวไกลเป็นรัฐบาลเมื่อไรพร้อมดันทันที ‘สร้างงานซ่อมประเทศ’ ดัน พ.ร.บ.โฮมสเตย์-แก้ พ.ร.บ.โรงแรม สร้างดีมานด์แปรรูปยางพารา กระจายงบลง รพ.สต.

(11 ก.พ.66) พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิชาติ ศิริสุนทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เดชรัตน์ สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต ร่วมเปิดเวทีปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดภาคอีสานตอนบน ประกอบด้วย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร โดยในช่วงเช้า มีการเปิดเวทีที่ลานตลาดนัด บ้านอีสานพัฒนา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ก่อนที่ในช่วงเย็นจะมีการเปิดเวทีที่ ตลาดอำเภอเฝ้าไร่ จ.หนองคาย

ในเวทีช่วงเช้าที่ จ.บึงกาฬ พิธาได้ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาของชาวบึงกาฬ โดยระบุว่าจังหวัดบึงกาฬเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงมาก ทั้งอยู่สุดปลายอีสาน และกึ่งกลางอาเซียน มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างถ้ำนาคา แต่ที่ผ่านมากลับไม่มีการส่งเสริมให้มีโครงสร้างที่รองรับจุดเด่นเหล่านี้ ด้านการท่องเที่ยวบึงกาฬทุกวันนี้ยังมีปัญหาโรงแรมไม่พอ ไม่มีตำแหน่งงานในภาคการท่องเที่ยวรองรับมากพอ ตนไปถามคนทำรีสอร์ตที่พักเมื่อคืน ทราบมาว่ายังมีข้าราชการมารีดไถ เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับโรงแรมมีข้อจำกัดและอุปสรรค ที่เอื้ออำนวยกับแค่โรงแรมขนาดใหญ่เท่านั้น

ดังนั้น นอกจากต้องกระจายงบประมาณที่เกี่ยวกับการโปรโมตการท่องเที่ยวลงมามากกว่าเดิมแล้ว เรายังต้องแก้ พ.ร.บ.โรงแรม และทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กมีโอกาสทำมาหากินได้อย่างถูกกฎหมาย ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เราจะผลักดัน พ.ร.บ.โฮมสเตย์ พร้อมแก้ พ.ร.บ.โรงแรมให้รองรับผู้ประกอบการขนาดเล็กทันที

'คริส' ยอมรับ!! ก้าวไกลมักจุดประเด็นดีๆ ให้สังคม แต่ถ้าอยากให้พรรคเข้มแข็ง ต้องทําให้เหมือนที่พูดด้วย

หลังจาก ‘คริส โปตระนันทน์’ ประกาศลาขาดกับพรรค ‘ก้าวไกล’ แล้ว เรื่องดรามาต่าง ๆ ก็ตามมามากมายเลยทีเดียว คนในพรรคก้าวไกลก็ออกมาให้ข่าวกันตามสไตล์ของตัวเอง บ้างก็บอกว่าเสียดายคนแบบคริส แต่บางคนกลับบอกว่า ไม่เคยคิดเสียดายคนไม่มีสปิริต 

ล่าสุด ‘คริส โปตระนันทน์’ ได้ไปให้สัมภาษณ์ที่ช่อง Voice TV ในรายการ Talking THAILAND โดยบางช่วงบางตอนในการสัมภาษณ์คริสได้พูดถึงข้อดีที่มีพรรคก้าวไกล ความควาดหวังต่อพรรค และเรื่องนโยบายของพรรค โดยระบุว่า…

“ผมพูดด้วยความสัตย์จริง ผมอยากให้พรรคก้าวไกลดีกว่านี้ แล้วการมีอยู่ของพรรคก้าวไกล มีคุณูปการกับสังคมหลายหลายเรื่อง สร้างให้เกิดการถกเถียงกันในประเด็นหลากหลายที่พรรคการเมืองอาจจะไม่เคยมาคุยเรื่องพวกนี้เลย เมื่อสมัยก่อน ผมสอนกฎหมายป้องกันการผูกขาด ไม่มีใครมานั่งคุยเรื่องการผูกขาดกันนะในประเทศไทย ไม่มีใครเคยสนใจลงวิชานี้เลย พรรคก้าวไกลทําให้ประเด็นเรื่องการผูกขาด มันกลับขึ้นมาเป็นประเด็นฮอตฮิตในสังคม ทําให้ประเด็นเรื่อง LGBT กลับมาคุยกันว่ามันเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม ทําให้ประเด็นที่ต้องมาคุยกันเรื่องรัฐสวัสดิการ มันน่าคุย ปรากฏว่า สิ่งที่พรรคก้าวไกลแสดงออกเป็นสิ่งที่ดี แต่วันนี้ผมจะบอกว่าถ้าเราจะทําพรรคให้มันเข้มแข็ง มันต้องมาดูโครงสร้างภายในด้วย ทําให้มันเหมือนกับที่เราพูด แค่นั้นเอง”

ส่วนในเรื่องของนโยบาย คริส ได้กล่าวไว้ว่า “มันมีปัญหามากด้วย เพราะว่าในสายตาผมนะ นโยบายที่ออกมาจากพรรคการเมืองที่จะทําให้ประชาชน ถ้าไม่ใช่นโยบายห้องแอร์ มันควรจะมาจากผู้สมัคร หรือว่านักการเมืองท้องถิ่น ลงพื้นที่คลุกคลีกับประชาชน แล้วได้รับปัญหารับฟังมา ให้รู้สึกด้วยนะ ว่ามันมีปัญหา เอากลับไปบอกที่พรรค ไปบอกนักนโยบายนี่แหละ ไปบอกนักรบห้องแอร์นี่แหละ ให้เขาคิดแผนคิดอะไรออกมา แล้วเมื่อได้นโยบายนั้น ต้องส่งกลับมาที่ท้องถิ่น ก็อย่างน้อยก็ส่งกลับมาที่เขตให้เอาไปคุยกับประชาชนว่า มันใช่หรือไม่ใช่. มีบวกหรือมีลบ แล้วสะท้อน feedback กลับไป แล้วเมื่อสะท้อน feedback กลับไป พรรคก็เอา feedback นั้น ไปร่างเป็นนโยบายชุดสุดท้าย แล้วก่อนที่จะเอามาหาเสียงเลือกตั้ง มันก็ควรจะผ่านคณะกรรมการนโยบาย ที่ได้รับการเลือกจากที่ประชุมใหญ่ในพรรค”

'ปดิพัทธ์' จี้ 'กกต.' แจงให้ชัด กรณีแบ่งเขตเลือกตั้ง ชี้ ขาดความชัดเจน ทำคนไม่ไว้ใจ ย้ำ จัดการเลือกตั้งให้โปร่งใส

(14 ก.พ. 66) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก พรรคก้าวไกล แสดงความเห็นกรณีมีรายงานข่าวว่าที่ประชุมคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะหารือในวันนี้ ประเด็นการนำจำนวนราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคิดคำนวณจำนวน ส.ส. ที่แต่ละจังหวัดพึงมีและแบ่งเขตเลือกตั้ง เนื่องจากมีหลายฝ่ายในสังคมทักท้วง โดยประเด็นหารือรวมถึงอาจพิจารณายื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยเรื่องนี้ด้วย

นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้พรรคก้าวไกลเคยแสดงความกังวล ว่าการแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่ชัดเจน อาจนำไปสู่เลือกตั้งโมฆะเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รวมถึงตั้งคำถามว่า การนับรวมราษฎรที่ไม่มีสัญชาติไทยนั้น เป็นสิ่งที่ กกต. เคยทำมาก่อนหรือไม่ หากเคยทำมาก่อน ก็ไม่น่าต้องกังวลว่าจะมีปัญหา แต่หากไม่เคยทำมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ควรทำเช่นกัน"

หลังจากนั้น กกต. ออกมาชี้แจงว่า การประกาศจำนวนราษฎรในอดีต ก็ทำเป็นประกาศรวมที่นับทั้งคนสัญชาติไทยและคนที่ไม่มีสัญชาติไทย เพิ่งจะมาแยกคน 2 กลุ่มนี้ออกจากกันในประกาศจำนวนราษฎร วันที่ 31 ธันวาคม 2557 แต่ กกต. ยังไม่ได้ตอบคำถามของพรรคก้าวไกล ว่าแล้วการเลือกตั้งที่ผ่านมาเช่นปี 2562 ได้คิดรวมคนที่ไม่มีสัญชาติไทยมาคำนวณด้วยหรือไม่ ดังนั้น ในเมื่อ กกต. จะประชุมวันนี้ ก็ควรมีคำตอบเรื่องนี้ รวมถึงคำตอบว่าถ้า กกต. จะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย จะกระทบต่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งหรือไม่

นายปดิพัทธ์ กล่าวต่อว่า ตามกฎหมาย การเลือกตั้งควรมีขึ้นไม่เกินวันที่ 7 พฤษภาคมนี้ ทั้งที่ประชาชนมีความหวังให้การเลือกตั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง แต่จากการทำงานของ กกต. ปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้ประชาชนรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการแบ่งเขตเลือกตั้ง ทั้งที่ทะเบียนราษฎรออกมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2566 แต่ตอนนี้หลายจังหวัดเริ่มพบกลไกที่ย้ายเขตเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความได้เปรียบทางคะแนน เช่น พิษณุโลกเขต 1 มีความพยายามตัดพื้นที่ที่ตนทำงานอย่างต่อเนื่องออกไป และเอาพื้นที่ของนักการเมืองท้องถิ่นที่เป็นฝ่ายรัฐบาลมาเติมแทน นอกจากนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับระบบรายงานผลเลือกตั้งแบบ real time ทั้งที่ กกต. ได้รับงบประมาณจัดเลือกตั้งถึงเกือบ 6,000 ล้านบาท

'ครูธัญ' นำทีมก้าวไกล ร่วมงานจดแจ้งสมรสเพศหลากหลาย ชี้ สังคมไทยพร้อมเปิดรับสมรสเท่าเทียม ลุ้น รบ.ใหม่ สานต่อ

(14 ก.พ. 66) ที่ห้อง Sunset Terrace ชั้น 11 โรงแรมปรินซ์พาเลซ นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางขุนเทียน พรรคก้าวไกล และนายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พรรคก้าวไกล ร่วมกิจกรรม “รักแท้…ไม่แพ้พ่าย” ที่จัดขึ้นโดยสำนักงานเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย พร้อมกันกับหลายสำนักงานเขตในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และที่ว่าการอำเภอหลายแห่งในประเทศไทย ที่จัดกิจกรรมเพื่อให้ผู้มีความหลากหลายทางเพศสามารถจดแจ้งการสมรสได้

นายธัญวัจน์ ระบุว่า แม้การจัดงานในวันนี้อาจมีความเห็นที่แตกต่างกันไป บางส่วนเห็นว่าเป็นการจดแจ้งที่ไม่มีผลตามกฎหมายและไม่ทำให้ได้อะไรขึ้นมา แต่ตนคิดว่าอย่างน้อยที่สุด ทำให้เห็นว่าสังคมไทยมีฉันทมติระดับหนึ่งแล้ว ว่าการสมรสเท่าเทียมควรต้องเกิดขึ้นในประเทศไทยเสียที

โดยเฉพาะจากการตอบรับโดยหน่วยงานราชการ ที่มีการจัดสรรงบประมาณ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเท่าเทียมทางเพศ และเปิดพื้นที่ให้บุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศได้แสดงตัวตน ก็ถือว่าเป็นพลวัตในการเปลี่ยนแปลงและเป็นพลังในการขับเคลื่อนที่เป็นด้านบวก

‘โรม’ ขู่!! ไม่จบแค่อภิปราย แต่ยื่นเอาผิดทาง กม. เพียบ ไม่หวั่น!! หากสภาฯ ล่ม พร้อมอภิปรายต่อนอกสภาฯ

'โรม' ขู่ไม่จบแค่ซักฟอก ยื่นเอาผิดกฎหมายต่ออีกเพียบ ฮึ่ม!สภาล่มจะอภิปรายนอกสภาต่อ ไม่หวั่นไร้เอกสิทธิ์คุ้มครอง ตอกรัฐบาลเย้ยข้อมูลเก่า แต่หน้าชาทุกรอบ

(15 ก.พ. 66) นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามาตรา 152 ว่า ในวันที่ 15 ก.พ. พรรคจะมีผู้อภิปรายจำนวน 5 คน มีเนื้อหาทั้งเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง ทุจริต การอภิปรายครั้งนี้แม้จะไม่มีการลงมติ แต่ใกล้การเลือกตั้งใหญ่ เราจึงจะทำงานในระดับเดียวกับการเลือกตั้งใหญ่ มั่นใจว่าเรามีหลักฐานในการเอาผิดรัฐบาล และไม่จบแค่การซักฟอก แต่จะมีการดำเนินการตามกฎหมายอีกเยอะ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายรัฐบาลออกมาระบุว่าถ้าการอภิปรายเหมือนการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะประท้วง รวมถึงมีการนับองค์ประชุม นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่แน่ใจจะทำเช่นนั้นทำไม การที่ฝ่ายค้านทำหน้าที่ตรวจสอบได้ดีและเป็นประโยชน์กับประชาชน ซึ่งเมื่อเป็นประโยชน์กับประชาชนแล้วรัฐบาลไม่ต้องการให้เราทำหน้าที่นี้ ตกลงรัฐบาลต้องการอะไร ไม่ได้ต้องการให้ประชาชนรับรู้ข้อมูล รับรู้การทุจริตใช่หรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นรัฐบาลกำลังยอมรับว่าตัวเองมีบาดแผลเหวอะหวะเต็มตัวใช่หรือไม่ แล้วกลัวว่าประชาชนจะรู้เลยพยายามปิดบังฝ่ายค้าน

‘พิธา’ ชี้ เกือบ 10 ปี รัฐบาลทำ ปชช. เสียโอกาสหลายอย่าง ซัด!! ใช้งบมหาศาล แต่ ‘ปากท้อง-คุณภาพชีวิต’ ไม่พัฒนา

(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล ลุกขึ้นอภิปรายเปิดเป็นคนแรกของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 โดยกล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้สำคัญกว่าการอภิปรายครั้งไหนใน 2 เรื่อง หนึ่งคือแม้ ส.ส. ลงมติไม่ได้ แต่ประชาชนลงมติได้ในการเลือกตั้ง และสอง แม้เป็นการอภิปราย 152 ครั้งสุดท้ายแต่จะเป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ ที่ประชาชนจะได้ฟังข้อมูลก่อนเข้าสู่คูหาเลือกตั้ง

พิธา กล่าวว่าประเทศไทยกำลังอยู่ในทศวรรษที่สูญหาย เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้เงินภาษีประชาชนรวมกันไปแล้ว 28 ล้านล้านบาท เทียบเท่ากับทองคำพันล้านแท่ง สามารถเอาไปชุบถนนทั่วประเทศไทยได้เกือบ 2 รอบ อย่างที่ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช อดีตนายกรัฐมนตรี เคยบอกว่าถ้าประเทศไทยเลิกคอร์รัปชัน จะปูถนนเป็นทองคำก็ทำได้ แต่ถึงวันนี้ ประเทศไทยยังไม่มีอนาคตเหมือนเดิม

สิ่งที่คนไทยได้จากการบริหารประเทศตลอดเกือบ 10 ปี ของ พล.อ. ประยุทธ์ คือ ‘การเมืองเดิม ปากท้องเดิม อนาคตแบบเดิม’ เราลงทุนไป 28 ล้านล้านบาทก็ได้อนาคตแบบเดิม อนาคตที่ประเทศไทยจะแพ้เพื่อนบ้านแบบไม่เห็นฝุ่น เป็นประเทศเดียวที่จีดีพีรั้งท้ายอาเซียนและยังไม่ฟื้นตัวจริงจากโควิด นอกจากนั้น คือเราสูญหายเวลาไปกับ 3 สิ่งสำคัญคือ (1) การศึกษา คะแนนมาตรฐานโลกอย่าง PISA ก็รั้งท้าย (2) คอร์รัปชัน ปี 2557 อันดับความโปร่งใสของเราอยู่ที่อันดับ 85 แต่ปี 2565 อยู่ที่อันดับ 110 และ (3) ภัยแล้ง ก่อนหน้านี้มีพรรครัฐบาลบอกว่า “มีลุงไม่มีแล้ง” แต่ที่ผ่านมาเกือบ 1 ทศวรรษ พื้นที่แล้งซ้ำซากในภาคอีสานเพิ่มจาก 40 ล้านไร่เป็น 49 ล้าน

เรายังสูญหายโอกาสในการปฏิรูปสิ่งที่สำคัญที่สุด คือการปฏิรูปตำรวจ ภาพลักษณ์ของตำรวจตอนนี้ ประชาชนมีคำถามว่าจริงหรือไม่ที่ตำรวจมีส่วนกับทุนจีนสีเทา จริงหรือไม่ตำรวจตั้งด่านรีดไถนักท่องเที่ยวไต้หวัน แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์ราษฎรกลับเป็นส่วนหนึ่งของการทำร้ายราษฎร รวมถึงระบบเส้นสาย-ตั๋ว ที่ทำให้ตำรวจมีปัญหาสุขภาพจิต 

ส่วนกองทัพ รัฐบาลยังลอยตัว ประชาชนยังไม่ได้คำตอบ อะไรคือสาเหตุของเรือหลวงสุโขทัยล่ม ที่ทำให้ทหารชั้นผู้น้อยสูญเสียมากขนาดนั้น เท่าไรคือค่าใช้จ่ายที่กองทัพใช้ในการบินเครื่องบินรบ F16 ที่เอาไปดูแลกิจกรรมในครอบครัวของอดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ อะไรคือสาเหตุของการบริหารในกองทัพที่ทำให้เกิดเหตุการณ์กราดยิงโคราชและความรุนแรงต่อทหารชั้นผู้น้อย

‘โรม’ ชี้ คำสั่งย้าย ‘หมอสุภัทร’ ไม่เป็นธรรม เหมือนส่งสัญญาณข่มขู่ ‘หมอ’ ที่เห็นต่าง

(15 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายสมบูรณ์ คำแหง ตัวแทนภาคีเพื่อนหมอสุภัทร ยื่นหนังสือถึงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผ่านน.ส.ศิริภา อินทวิเชียร ผู้ช่วยเลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน โดยมี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะกมธ. เป็นตัวแทนรับยื่นหนังสือ กรณีขอให้ตรวจสอบนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ฐานผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 185

ด้านนายสมบูรณ์ กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ โดนย้ายไปเป็น ผอ.โรงพยาบาลสะบ้าย้อย จ.สงขลา คำสั่งจากสาธารณสุข ซึ่งเป็นข้อกังขาว่าไม่เป็นธรรม และเชื่อว่ามีอำนาจทางการเมือง โดยเฉพาะจากนายอนุทิน น่าจะเป็นคนดำเนินการในเรื่องของการย้าย ซึ่งตามหลักของรัฐธรรมนูญมาตรา 185 วรรค 3 ได้ระบุถึงเรื่องการแทรกแซง ข้าราชการในกระทรวง อาจจะเข้าข่ายผิดและอาจจะต้องถูกถอดถอน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 ด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยอำนาจของรัฐสภา ผ่านนายชวน และ ฝากประสานไปยังพรรคการเมืองทุกพรรค ให้ช่วยกันตรวจสอบพฤติกรรมของนายอนุทิน ในครั้งนี้ว่าเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถึงแม้รัฐสภาเหลือเวลาอีกไม่นาน แต่เวลาที่เหลืออยู่น่าจะเพียงพอที่จะตั้งเรื่องดังกล่าวให้เป็นบรรทัดฐานกับนักการเมือง

ขณะที่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเห็นด้วยว่ากรณีที่มีการย้ายแบบนี้ไม่เป็นธรรม และเห็นด้วยว่าการย้ายเกิดขึ้นจากสาเหตุในเรื่องของแรงจูงใจทางการเมือง และตนขอเพิ่มเติมว่าการย้ายตรงนี้จุดประสงค์หลักคือเพื่อสร้างความกลัวให้เกิดขึ้นในวงการหมอ และวงการสาธารณสุข ใครก็ตามที่ไม่ได้เป็นแค่หมออย่างเดียว แต่ออกมาขับเคลื่อนทางสังคม ออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมก็จะโดนแบบเดียวกันกับนพ.สุภัทร

“นี่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่านายอนุทิน พยายามส่งออกไปถึงหมอทุกคนว่าถ้าพวกคุณไม่เชื่อฟังคุณก็จะถูกย้าย ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เราอยากจะเห็นในภายใต้รัฐบาลชุดนี้ และตนค่อนข้างผิดหวังที่เราเห็นฝ่ายการเมืองมาทำอะไรแบบนี้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับนพ.สุภัทร ซึ่งไม่แน่ใจว่าการทำแบบนี้ดูแล้วคล้ายกับสิ่งที่อำนาจเผด็จการเขาชอบทำ และไม่แน่ใจว่านายอนุทิน อยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มากจนเกินไป จนอาจจะทำให้สุดท้ายพยายามจะใช้วิธีการแบบนี้ซึ่งเป็นการรังแกคนที่ต้องการปกป้องชุมชนหรือปกป้องพี่น้องประชาชน” นายรังสิมันต์ กล่าว

'ธนกร' ซัดกลับ 'ก้าวไกล' ปมที่ตั้งตึก 'รทสช.' กล่าวหาไร้ข้อมูล ยัน เช่าถูกต้องตามกฎหมาย

(16 ก.พ. 66) ที่ทำเนียบฯ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายรังสิมันต์ โรม ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายตามมาตรา 152 พาดพิงอดีต ส.ว.ทรงเอ ถูกโยงว่าเป็นเจ้าของที่ดินที่ทำการพรรครวมไทยสร้างชาติ ย่านซอยอารีย์ เขตพญาไท กรุงเทพฯ

โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค รทสช. ว่าเมื่อคืนที่ผ่านมา ตนก็ได้ดูการอภิปรายอยู่เช่นกัน ก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เป็นเรื่องไม่จริง และเรื่องต่าง ๆ เหล่านั้นเป็นข้อมูลที่นายกฯ ทราบอยู่แล้ว เพราะนายกฯ เป็นคนสั่งการให้ดำเนินคดีกับทุกฝ่ายทั้งคดีตู้ห่าว และเรื่องอักษรย่อต่าง ๆ และ ผบ.ตร.ก็รายงานนายกฯ มาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นได้ว่ากระบวนการทุนจีนสีเทาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปแล้ว

ดังนั้น เมื่อเกิดคดีใหม่ก็ต้องให้เครดิตนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาเปิดเผยข้อมูล ซึ่งคดีนี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เป็นผู้จับกุมครั้งแรก และมีการขยายผลเมื่อนายชูวิทย์เปิดเผยข้อมูล ผบ.ตร.ก็ได้ดำเนินคดีอย่างเต็มที่ นายชูวิทย์ก็ชื่นชม ผบ.ตร. และ ผบ.ตร.ก็ได้รายงานนายกฯ โดยตลอด นายกฯ จึงกำชับดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่ช่วยเหลือปกป้องใครทั้งนั้น สุดท้าย อัยการสั่งฟ้อง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว สิ่งที่ ส.ส.รังสิมันต์ อภิปรายมาจึงไม่ใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด และนายกฯ ก็เต็มที่กับเรื่องนี้ สั่งการอย่างเด็ดขาด เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องก็ไล่ออก ปลดออกไปแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มีการโยงที่ดินและอาคารที่ทำการพรรค รทสช. เกี่ยวโยงกับ ส.ว.คนดังกล่าว นายธนกร กล่าวว่า "ตรงนี้เป็นการกล่าวหาที่ไร้ข้อมูลมาก ๆ เรื่องนี้ผมก็ทราบมาก่อนว่า ตึกที่พรรค รทสช.ไปเช่าถูกต้องตามกฎหมาย และอดีต ส.ว.มีชื่อครอบครองตั้งแต่ปี 60-62 แต่ตอนนี้ปี 66 แล้วไม่มีชื่อเขา ดังนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับตึก รทสช. และหัวหน้าพรรคก็เป็นอดีตผู้พิพากษารู้กฎหมายดี มีความซื่อสัตย์สุจริต เช่นเดียวกับ พล.อ.ประยุทธ์ เราไม่ไปเกี่ยวข้องกับสิ่งเหล่านี้ เป็นการกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรม

หากผมบอกว่า พรรคก้าวไกล หรือพรรคอนาคตใหม่ เดิมเช่าตึกไทยซัมมิทอยู่ แล้วเจ้าของตึกมีคดีรุกป่า มีคดีน้องชายติดสินบนใต้โต๊ะพนักงานที่สำนักทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถ้าผมกล่าวหาอย่างนี้ ก็คงไม่ถูก เพราะพรรคก้าวไกลเองก็คงไม่ทราบว่าเจ้าของตึกไปทำอะไรมา จึงต้องให้ความเป็นธรรมด้วย มิใช่พูดเอามันอย่างเดียวโดยไม่สนใจอะไรเลย

และสุดท้ายก็จะไปตัดคลิปอะไรสั้น ๆ แล้วบอกว่า รทสช.เกี่ยวพัน ตัดบางท่อนที่นายกฯ พูดบ้าง ผมพูดบ้างแล้วไปบิดเบือน ส่งไปในโลกโซเชียลเป็นการเมืองที่ตรรกะวิบัติที่สุด ทำการเมืองแบบนี้ตลอด พฤติกรรมแบบนี้ไม่ใช่แนวทางคนรุ่นใหม่ ควรเลิกได้แล้ว หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยที่เช่าตึกชินวัตรอยู่เหมือนกัน ทั้งที่เจ้าของตึกก็กระทำความผิดมากมาย แล้วเราจะไปกล่าวหาพรรคเพื่อไทยอย่างนั้น ผมก็คิดว่าไม่เป็นธรรมกับพรรคเพื่อไทย อย่างนี้เป็นการกล่าวหาตีหัวเข้าบ้าน มันไม่ถูก"

'โรม' แฉ!! 'ขบวนการไทยเทา' อยู่เบื้องหลังทุนจีนสีเทา เตรียมส่งเรื่องยื่น ป.ป.ช. เตือน 'บิ๊กตู่' อย่าลอยตัวเหนือปัญหา

(16 ก.พ. 66) ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป ตามมาตรา 152 เมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) ว่า เป็นการอภิปรายที่เดือดมาก และมีข้อมูลหลายอย่าง ประชาชนหลายคน และพรรคการเมืองต่าง ๆ ได้เห็นความจริงมากขึ้น พวกเขาเข้ามาชื่นชมในเรื่องของการอภิปราย ซึ่งนายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส. นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ชื่นชมตนในเฟซบุ๊ก สิ่งที่ตนอภิปรายทุกคนเห็นและช่วยกันยืนยันว่าเป็นความจริงที่เกิดขึ้นในประเทศของเรา ตนขอเรียกว่า 'ไทยเทา' กำลังเป็นปัญหาของประเทศ ซึ่งเชื่อมโยงกับกลุ่มเมียนมาและทุนจีนสีเทา ซึ่งพยายามเข้ามาในประเทศ และยังมีกลุ่มทุนจีนบางกลุ่มมาในรัฐสภา มาเยี่ยมกรรมาธิการคาสิโน และอาจเกี่ยวข้องกับการค้าอวัยวะเถื่อน

“ในบันทึกชวเลขที่ได้มาจากสภาฯ มีความพยายามเซ็นเซอร์ชื่อของผู้เข้าร่วมประชุม แต่พรรคเข้าก้าวไกลมี ส.ส. ในกรรมาธิการชุดนี้ จึงได้ข้อมูล ตนเห็นทุนสีเทาที่นำโดยไทยเทาพาเข้ามาเกี่ยวกับรัฐสภา เกี่ยวกับอำนาจที่ประชาชนเลือกเข้ามา ความเกี่ยวพันชัดเจนว่าเราไม่สามารถกำจัดได้ เพราะมีผู้มีอำนาจ แม้ตำรวจนครบาลทำหน้าที่ได้ดี สุดท้ายโดนย้าย” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้ ไม่ใช่การเปิดโปงและอยากจะสดุดีพลเมืองดีอย่าง นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ที่พยายามปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน หากเราไม่มีนายชูวิทย์ หรือตำรวจน้ำดี ที่พยายามนำข้อมูลต่าง ๆ มาให้ เราไม่สามารถอธิบายได้ และการเปิดโปงครั้งนี้ เป็นจุดเริ่มต้น ตนจะไม่หยุดเพียงเท่านี้ จะนำข้อมูลทั้งหมดไปยื่นต่อ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุด


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top