Saturday, 5 July 2025
กระทรวงพลังงาน

👍‘พีระพันธุ์’ เริ่มแล้ว ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ ขอประชาชนคนไทยช่วยกันส่งแรงเชียร์ให้จัดตั้ง ‘SPR’ สำเร็จโดยไว

การพลิกโฉมระบบพลังงานไทยให้เกิดประโยชน์สูงสุดเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย เป็นไปตามแนวทาง ‘รื้อ-ลด-ปลด-สร้าง’ ของ ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ด้วยกระบวนการบันได 5️ ขั้นได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

 📌ขั้นที่ 1 ดำเนินการแล้ว : ใน 6 เดือนแรกของการกำกับดูแลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งการให้ตรึงราคาน้ำมัน พร้อมทั้งหาช่องทางในการปรับรื้อระบบเพื่อให้รู้ต้นทุนราคาน้ำมันที่แท้จริงของผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องไม่เคยรู้ และมีแต่คนบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้! 

 📌ขั้นที่ 2 ดำเนินการสำเร็จแล้ว : ‘พีระพันธุ์’ ได้ลงนามประกาศกระทรวงพลังงาน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2567 เพื่อ ‘รื้อ’ ระบบการค้าน้ำมันเชื้อเพลิง โดยกำหนดให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแจ้งต้นทุนให้กับหน่วยงานภาครัฐที่กำกับดูแลทุกวันที่ 15 ของเดือนซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 51 ปี มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2567 จึงทำให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 15 เมษายน พ.ศ. 2567 เป็นต้นมา

 📌ขั้นที่ 3 อยู่ในระหว่างการดำเนินการ : ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งให้มีการ ‘รื้อระบบการปรับราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิง’ โดยผู้ค้าต้องแจ้งให้กระทรวงพลังงานทราบก่อน และให้ผู้ค้าปรับราคาขายปลีกน้ำมันได้เพียงเดือนละ 1 ครั้ง ไม่ใช่ปรับราคากันทุกวันเช่นปัจจุบันนี้ โดยให้ปรับราคาได้ตามความเป็นจริงตามที่ราคาตลาดโลกสูงกว่าราคาต้นทุนเฉลี่ยของผู้ค้าน้ำมันในงวดเดือนนั้น ๆ ณ วันที่มีการปรับราคานั้น เพื่อ ‘ลด’ ภาระค่าน้ำมันเชื้อเพลิงรายวันที่ไม่มีความเสถียรแน่นอนเป็นการกำหนดราคาขายปลีกน้ำมันเชื้อเพลิงให้สอดคล้องและสะท้อนต้นทุนที่แท้จริงให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้บริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

 📌ขั้นที่ 4 อยู่ระหว่างการเตรียมดำเนินการ : ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งให้มีการศึกษาข้อมูลของประเทศต่าง ๆ เพื่อเตรียมจัดทำระบบสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เพื่อความมั่นคงของประเทศ หรือ SPR อย่างเร่งด่วน เพราะ SPR จะช่วยให้ไทยมีความมั่นคงทางพลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในระยะสั้นจากปัจจุบันผู้ค้าน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นผู้จัดเก็บน้ำมันสำรอง เพื่อการพาณิชย์ ซึ่งปริมาณที่จัดเก็บสามารถรองรับการใช้งานในประเทศเพียง 20 กว่าวันเท่านั้น 

กรณีฉุกเฉินหรือเกิดวิกฤตน้ำมันเชื้อเพลิง เช่น กรณีสงครามอิสราเอล-อิหร่านเกิดขึ้นก็จะไม่ทำให้มีผลกระทบกับพี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งราคาและ Supply น้ำมัน และระบบ SPR นี้สามารถใช้เพื่อรักษาเสถียรภาพระดับราคาน้ำมันให้อยู่ในระดับที่รัฐบาลกำหนดได้เองโดยไม่กระทบจากราคาน้ำมันในตลาดโลก (ทำให้ปัญหาการขึ้นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกเป็นเรื่องระหว่างรัฐกับผู้ค้าน้ำมัน โดยประชาชนผู้บริโภคไม่ต้องเข้ามาเกี่ยวข้อง) รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงานจะเป็นผู้ถือครองน้ำมันเชื้อเพลิงสำรองให้เพียงพอต่อการใช้งาน 50-90 วัน เป็นไปตามมาตรฐานของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ทั้งยังเป็นการ ‘ปลด’ พันธนาการชีวิตของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ต้องรับผลกระทบจากภาวะขึ้นลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้อย่างสิ้นเชิง

📌ขั้นที่ 5 อยู่ในระหว่างการเตรียมดำเนินการ : ‘พีระพันธุ์’ ได้สั่งให้มีการศึกษาข้อมูลของประเทศต่าง ๆ เพื่อเตรียม ‘สร้าง’ ระบบราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นธรรมและยั่งยืนเพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย ด้วยการนำผลสรุปการศึกษารวบรวมมาพิจารณาในการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สามารถดำเนินการตามขั้นตอนที่ 3 และ 4 ให้สำเร็จลุล่วงอย่างมั่นคงและมีต่อเนื่องความยั่งยืน

นโยบาย ในการจัดตั้งระบบ SPR: Strategic Petroleum Reserve หรือ การสำรองเชื้อเพลิงปิโตรเลียมทางยุทธศาสตร์ ของ ‘พีระพันธุ์’ เพื่อเป็นการสำรองน้ำมันดิบ หรือน้ำมันสำเร็จรูป (บางส่วน) ซึ่งถือครองโดยรัฐบาล หากสามารถนำไปสู่การปฏิบัติได้แล้วเสร็จจะเป็นการปกป้องเศรษฐกิจและรักษาความมั่นคงของชาติในช่วงวิกฤตพลังงานของประเทศที่อาจจะเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สถานการณ์โลกเกิดความตึงเครียดจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภูมิภาคต่าง ๆ จึงถือเป็นภารกิจที่มีความสำคัญยิ่งของ ‘พีระพันธุ์’ ที่จะต้องพยายามผลักดันและดำเนินการจัดตั้งระบบ SPR ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด 

ด้วยระบบ SPR หากเกิดขึ้นในประเทศไทยได้แล้วจะเกิดผลกระทบในเชิงบวกอย่างมากมายมหาศาลต่อประเทศไทยโดยรวมในทุก ๆ มิติไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง ฯลฯ ทั้งจะทำให้ความมั่นคงด้านพลังงานในภาพรวมไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง ก๊าซ LPG และ LNG รวมถึงพลังงานไฟฟ้ามีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวต่อไปในอนาคต 

โดยที่ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมา หากรัฐมนตรีผู้รับผิดชอบได้คิดถึงประโยชน์ที่ประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทยจะได้รับมากกว่าประโยชน์ที่บริษัทผู้ค้าน้ำมันจะได้รับ เรื่องที่ดีและมีประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชนคนไทยต่าง ๆ เช่นนี้น่าจะเกิดขึ้นและมีการดำเนินการสำเร็จเสร็จสิ้นไปนานแล้ว

'พีระพันธุ์' ตัดริบบิ้น!! นิทรรศการ 'การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีน' เชื่อมโยงเด็กไทย เก็บเกี่ยวโอกาสใหม่ๆ จากรั้วอุดมศึกษาแดนมังกร

(22 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานเปิดงานนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีนประจำปี 2567 ณ BANGKOKTHONBURI HALL มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี โดยมีศาสตราจารย์ ดร.บังอร เบ็ญจาธิกุล อธิการบดี มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี, รศ.ดร.ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง พร้อมด้วยอาจารย์และนักศึกษา ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายหาน จื้อเฉียง เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เข้าร่วมในพิธีเปิดครั้งนี้ด้วย

สำหรับนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีนประจำปี 2567 จัดขึ้นเพื่อเป็นการเสริมสร้าง และยกระดับความสัมพันธ์ ในด้านการแลกเปลี่ยนและเป็นความร่วมมือ ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทยในด้านการศึกษาระดับอุดมศึกษา คณะกรรมการด้านการให้ทุนการศึกษาต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (China Scholarship Counci -CSc) ร่วมกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี จัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน 2567

ทั้งนี้ ภายในงานนิทรรศการ มีผู้แทนจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 32 แห่ง เข้าร่วมในงานอย่างคับคั่ง เช่น Tsinghua University, China University of Political Science and Law, Beihang University, Harbin Institute of Technology และ Xiamen University เป็นต้น

การจัดงานนิทรรศการ การศึกษาระดับอุดมศึกษาของประเทศจีน ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อเปิดโอกาส ให้มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้นำเสนอเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านการศึกษาในระดับนานาชาติ รวมถึงนโยบายเกี่ยวกับทุนการศึกษาต่างๆ ที่มีความหลากหลายสำหรับการศึกษาในสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านการสื่อสารในรูปแบบของการสื่อสารโดยตรง เพื่อเป็นการส่งเสริมการขับเคลื่อนของนักวิชาการ และนักศึกษา ตลอดจนความร่วมมือด้านการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีน และราชอาณาจักรไทย บนพื้นฐานของการได้รับประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ 

‘ธนกร’ หนุน ‘พีระพันธุ์’ ออกมาตรการ ลดค่าใช้จ่ายพลังงาน เพื่อลดภาระค่าครองชีพ มั่นใจ!! การเพิ่มวงเงิน ‘บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ’ 3 เดือน ช่วยกลุ่มเปราะบางได้แน่

(29 มิ.ย. 67) นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาพลังงานน้ำมันและก๊าซหุงต้มที่มีการปรับขึ้นราคา ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนของพี่น้องประชาชน ตนขอสนับสนุนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ครั้งที่ 2/2567 ที่เห็นชอบมาตรการบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนในสถานการณ์วิกฤตราคาพลังงาน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางผู้มีรายได้น้อย สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มวงเงินช่วยเหลือค่าน้ำมัน (กลุ่มเบนซิน และกลุ่มดีเซล โดยให้ใช้กับยานพาหนะ)อีก 120 บาท/คน/เดือน เป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2567  

นอกจากนี้ ยังมีมติลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ราคาก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) เพื่อช่วยลดภาระของประชาชน ให้คงราคาขายส่งหน้าโรงกลั่นก๊าซ LPG ที่ 20.9179 บาทต่อกิโลกรัม (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ราคาขายปลีก LPG อยู่ที่ประมาณ 423 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2567

ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน เร่ง ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนมาตรการดังกล่าว โดยการประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มสถานีบริการที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อลดภาระค่าครองชีพแก่ผู้มีรายได้น้อยมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น 

“รัฐบาลไม่นิ่งนอนใจถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรื่องค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม ก๊าซ LPG หวังช่วยตรึงราคาพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย บรรเทาความเดือดร้อนได้ในระยะ 3 เดือน” นายธนกร กล่าวทิ้งท้าย

'พีระพันธุ์' ขานรับ 'ก.เกษตร' เร่งช่วยชาวสวนปาล์มสุราษฎร์ฯ แก้ปัญหาราคาตกต่ำ พร้อมหนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์ ช่วยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานแก่เกษตรกร

‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ลงพื้นที่จังหวัด สุราษฎร์ธานี รับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ พร้อมเร่งแนวทางผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสจากขยะพลาสติกและเศษถ้วยยางพาราเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยเกษตรกร รวมทั้งเร่งการสนับสนุนไฟฟ้าระบบโซลาร์เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้เกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืน

เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำจากชาวสวนปาล์มและโรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ หรือ CPO ณ บริษัท ปาล์มทองคำ จำกัด อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครั้งนี้ เพื่อพบพูดคุยปัญหากับชาวสวนปาล์มที่ประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำโดยตรง พบว่าปัจจุบันปัญหาลดน้อยลงแล้วและลานเทก็รับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนยางในราคาสูงขึ้น แต่ปัญหาคืออยากให้กรมการค้าภายในประกาศราคารับซื้อทะลายปาล์มในราคาสูงขึ้น เพราะราคาปุ๋ยกับค่าใช้จ่ายอื่นไม่ลดลง ส่วนปัญหาของโรงหีบหรือโรงสกัดคืออยากให้วางระบบการรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานไบโอดีเซลให้มีความเป็นธรรมกับลานเทและโรงสกัดมากขึ้น เพราะปัจจุบันมีกฎหมายกำกับดูแลลานเทและโรงสกัดแต่กลับไม่มีกฎหมายกำกับดูแลโรงงานไบโอดีเซลในการซื้อน้ำมันปาล์มดิบ CPO และการขายน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ รวมทั้งน้ำมัน B100 ที่นำมาผสมน้ำมันดีเซล ซึ่งนายพีระพันธุ์รับว่าจะนำไปพิจารณา ทั้งนี้ปัจจุบันนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันเพื่อเร่งหามาตรการแก้ไขและช่วยเหลือพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพลังงาน แม้ว่าจะไม่ใช่กระทรวงหลักที่ดูแลปัญหาดังกล่าว ทว่า ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงเกษตรฯ ได้ขอให้กระทรวงพลังงานช่วยดำเนินการให้ผู้ค้าน้ำมัน เช่น ปตท. และ บางจาก รับซื้อน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ B100 จากโรงงานผลิตไบโอดีเซลที่นำมาใช้ผสมน้ำมันดีเซล ในราคาประมาณ 33-35 ต่อกิโลกรัม ตามที่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน ประกาศไว้ เนื่องจากมองว่าจะทำให้การรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบหรือ CPO จากโรงหีบหรือโรงสกัดในราคาสูงขึ้นได้ จากนั้นโรงหีบหรือโรงสกัดก็จะไปซื้อผลปาล์มจากลานเทในราคาสูงขึ้น และจะทำให้ลานเทสามารถขยับราคารับซื้อผลปาล์มจากชาวสวนปาล์มสูงขึ้นด้วยตามลำดับ 

นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะบังคับผู้ค้าน้ำมันให้รับซื้อน้ำมัน B100 ในราคาใดราคาหนึ่ง ต่างจากกระทรวงพาณิชย์ นอกจากนั้นโรงงานผลิตไบโอดีเซลเป็นขั้นตอนที่อยู่ห่างจากการซื้อผลปาล์มจากเกษตรกรที่ลานเทมาก จึงขอความร่วมมือให้ผู้ค้าน้ำมันที่จะซื้อน้ำมัน B100 จากโรงงานไบโอดีเซลต้องทำความตกลงกับโรงสกัดและลานเทว่าจะรับซื้อทะลายปาล์มจากชาวสวนปาล์มในราคาสูงขึ้นด้วยเสียก่อน ขณะเดียวกัน จะผลักดันการนำน้ำมันปาล์มดิบ CPO ขยะพลาสติก และเศษถ้วยยางไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตน้ำมันระบบไพโรไลซิสในชุมชนเพื่อช่วยลดมลภาวะและช่วยลดภาระด้านน้ำมันเชื้อเพลิงให้เกษตรกร

“ก่อนหน้านี้ เคยให้ความเห็นไว้ว่า หากต้องการจะช่วยเหลือชาวสวนปาล์มจริง ๆ แล้ว ควรให้กระทรวงพาณิชย์กำกับให้ลานเทรับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศตามกฎหมายมากกว่า เพราะปัญหาในปัจจุบันคือ ลานเทส่วนมากไม่รับซื้อผลปาล์มในราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ในขณะที่โรงหีบหรือโรงสกัดส่วนใหญ่กลับเป็นผู้รับซื้อผลปาล์มจากลานเทตามราคาที่กระทรวงพาณิชย์ประกาศ ปัญหาอีกอย่างคือเรายังไม่มีการขึ้นทะเบียนลานเทว่า มีจำนวนเท่าใด ขนาดใด ซึ่งการลงพื้นที่ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งก็เพื่อมาดูกระบวนการรับซื้อปาล์มของลานเทในจังหวัดสุราษฎร์ธานี หนึ่งในจังหวัดที่มีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันมากที่สุดของประเทศ จากนั้นจะนำไปสู่การบูรณาการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวสวนปาล์มอย่างยั่งยืนต่อไป”

นอกจากนี้ นายพีระพันธุ์ ยังได้รับฟังเสียงจากชาวสุราษฎร์ธานี ที่ต้องการให้ช่วยส่งเสริมไฟฟ้าจากแสงแดดหรือระบบโซลาร์เซลล์ ซึ่งนายพีระพันธุ์แจ้งให้ทราบว่าปัจจุบันกระทรวงพลังงานกำลังเตรียมการที่จะสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรและชาวบ้านในการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในเรื่องนโยบายและงบประมาณ แต่ในระยะยาวต้องทำกฎหมายการส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์เป็นการเฉพาะเพื่อลดขั้นตอนการขออนุญาตและกำหนดมาตรการสนับสนุนอย่างยั่งยืนด้วย ปัจจุบันกระทรวงพลังงานได้เจรจากับกระทรวงการคลังที่จะให้ประชาชนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบหลังคาโซลาร์รูฟ มาหักภาษีเงินได้ คาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุม ครม. ได้ในเร็วๆ นี้ 

‘พีระพันธุ์’ แง้ม!! ร่างกม. ให้อำนาจพลังงานคุมราคาน้ำมัน แล้วเสร็จ วอน!! ม็อบรถบรรทุกใจเย็นๆ รออีกไม่นานได้ใช้น้ำมันราคาถูก

(3 ก.ค. 67) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน กล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับในปัจจุบัน โดยหากไม่มีสถานการณ์พิเศษแบบที่เคยเกิด ราคาน้ำมันในตลาดโลกก็จะไม่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไปมาก

เมื่อถามว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงจะสามารถดูแลราคาน้ำมันให้ประชาชนไปจนถึงสิ้นปีได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์กล่าวว่าเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องกฎหมายก็ต้องดูและปรับรูปแบบซึ่งกระทรวงพลังงานเรากำลังปรับกฎหมายอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงที่ต้องไปทำกฎหมาย

“รูปแบบเดิมกฎหมายเคยให้กระทรวงพลังงานมีอำนาจในการกำหนดเพดานน้ำมัน”

เมื่อถามย้ำว่าในเรื่องของเพดานน้ำมันดีเซลที่มีการกำหนดไว้จะต้องปรับลงมาหรือไม่ เพราะกลุ่มรถบรรทุกที่จะเข้ามาประท้วงอยากให้ราคาน้ำมันดีเซลลงมาอีก นายพีระพันธุ์ก็ย้ำว่าที่ผ่านมาไม่มีการเตรียมการในเรื่องนี้ไว้เลยตลอดระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา เรากำลังปรับแก้ส่วนนี้อยู่เพื่อให้ประชาชนไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับตลาดโลก

ส่วนกฎหมายจะทันเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสมัยประชุมนี้หรือไม่ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน พยักหน้าแล้วบอกว่าทัน โดยอย่างน้อยที่สุดก่อนที่จะไปสู่การพิจารณาของสภาฯ จะต้องมีการส่งร่างกฎหมายให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีดูก่อน

“ผมจะพยายามทำให้ทัน กฎหมายนั้นร่างเสร็จทันแน่นอน แต่ก็มีกระบวนการที่จะออกกฎหมายต้องมีการทำประชามติ รับฟังความคิดเห็นตรงนั้นจะทำให้ช้า ตอนนี้ตัวกฎหมายเสร็จแล้วกำลังทบทวน”

เมื่อถามว่าค่าการตลาดที่ผู้ขายน้ำมันได้รับสูง กระทรวงพลังงานจะเข้าไปดูได้หรือไม่ นายพีระพันธุ์ตอบว่ากฎหมายปัจจุบันกระทรวงไม่มีอำนาจอะไรสักอย่าง เป็นไปได้อย่างไร แล้วก็ปล่อยอยู่กันมาแบบนี้ ก็ต้องมีการแก้กฎหมายให้กระทรวงมีอำนาจ ตอนนี้ยังไม่มี

ส่วนการแก้กฎหมายจะทันกับที่กลุ่มม็อบรถบรรทุกจะเข้ามาหรือไม่ นายพีระพันธุ์ ตอบว่าในเรื่องนี้ถ้าจะรอสักหน่อย ใจเย็น ๆ จะได้ใช้ราคาน้ำมันราคาถูก ที่ผ่านมาไม่มีใครทำในส่วนนี้วันนี้ผมจะเข้ามาทำให้

'พีระพันธุ์' ชี้!! ทิศทางพลังงานไทยระยะยาว ยืนยัน!! ต้องมุ่ง 'Net Zero-ราคาเป็นธรรม'

(5 ก.ค.67) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยในการกล่าวสุนทรพจน์เปิดการอบรมหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงด้านวิทยาการพลังงาน รุ่นที่ 20 (วพน.20) โดยระบุว่า ในระยะยาวทิศทางพลังงานของประเทศยังคงต้องให้ความสำคัญกับนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่ได้ตั้งเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน หรือ Carbon Neutrality ให้ได้ภายในปี ค.ศ. 2050 

และ Net Zero ในปี ค.ศ. 2065 รวมทั้งการปรับโครงสร้างราคาพลังงาน การแก้กฎหมายให้ราคาพลังงาน มีความยุติธรรม ประชาชนเข้าถึงได้ 

ทั้งนี้ พลังงานมีความสำคัญกับการดำเนินชีวิตของประชาชน ทั้งน้ำมัน ไฟฟ้า ก๊าซ ซึ่งปัจจุบันการใช้พลังงานทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทย ยังคงเผชิญกับวิกฤตด้านราคาพลังงาน ทั้งจากประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ ที่ยังไม่มีข้อยุติ

ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญกระทบข้อจำกัดในการผลิตและจัดหาพลังงาน และการเข้าถึงพลังงาน 

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นภาวะโลกร้อน ที่ทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยให้ความสำคัญและเร่งการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ดี การบริหารจัดการและใช้พลังงานอย่างยั่งยืน เป็นวาระสำคัญของโลกที่ครอบคลุมใน 3 มิติ ประกอบด้วย 

- Security คือมีพลังงานใช้อย่างเพียงพอ

- Affordability คือราคาพลังงานที่เข้าถึงได้และเป็นธรรม 

- Environment คือพลังงานที่ใช้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

"วาระดังกล่าวเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้โดยร่วมสนับสนุนนโยบายการอนุรักษ์พลังงาน และการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพอย่างจริงจังจากทุกภาคส่วน เพื่อมีส่วนช่วยขับเคลื่อนประเทศให้ผ่านพ้นวิกฤต" 

‘ดร.หิมาลัย’ ลงพื้นที่ ‘ลพบุรี’ พบปั๊มน้ำมัน มีค่ากำมะถัน สูงเกินเกณฑ์ เผย!! ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำมัน ตามนโยบายของ ‘ท่านพีระพันธุ์’

เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.67) ดร.หิมาลัย ผิวพรรณ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและเรื่องร้องเรียนร้องทุกข์ พร้อมด้วย นายทนงศักดิ์ วงษ์ลา พลังงานจังหวัดลพบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจกองวิทยาการพิสูจน์หลักฐานจังหวัดลพบุรี เดินทางมาที่ สภ.บ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี เพื่อติดตามการดำเนินคดี กับผู้ประกอบการปั๊มน้ำมัน

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ สำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ออกตรวจสอบคุณภาพน้ำมันจากปั๊มน้ำมันต่างๆ ในพื้นที่ 3 อำเภอ ของจังหวัดลพบุรี ทั้งหมด 28 ปั๊ม โดยทางสำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ส่งน้ำมันไปตรวจสอบมาตรฐานคุณภาพน้ำมันยังกรมธุรกิจพลังงาน

ต่อมาแจ้งผลการตรวจคุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิงมาที่พลังงานจังหวัดว่า มีผลค่ากำมะถันในน้ำมันเกินค่ามาตรฐานจำนวน 2 ปั๊ม พบผลการตรวจค่ากำมะถันนี้ สูงกว่า 240 PPM. เกินกว่าค่าปกติถึง 4 เท่า วัดจากค่ามาตรฐานของน้ำมันกำมะถันที่กำหนดไว้ 50 PPM.

ทางสำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี เข้าแจ้งความดำเนินคดี กับสถานประกอบการทั้ง 2 แห่ง แล้ว โดยวันนี้มีผู้ประกอบการน้ำมันเชื้อเพลิงพร้อมกับทนายความ เดินทางมาเข้าร่วมประชุมกับเจ้าหน้าที่ด้วยเช่นกัน เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้มีสารกำมะถันสูงกว่ามาตรฐาน

ดร.หิมาลัย กล่าวว่า ในขั้นต้นได้รับรายงานว่า สำนักงานพลังงานจังหวัดลพบุรี ตรวจสอบคุณภาพน้ำมันให้มีมาตรฐานตามนโยบายของ นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ซึ่งเราก็ได้รับการร้องขอความเป็นธรรมมาจากผู้ประกอบการ วันนี้มานั่งประชุมกันทั้ง 2 ฝ่าย ทำความเข้าใจการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเจ้าหน้าที่เองก็ทำงานที่ตรงไปตรงมา ซึ่งก็เป็นการปฏิบัติงานตามวงรอบ ขณะเดียวกันทางเราก็รับทราบปัญหาจากทางผู้ประกอบการด้วย

การหารือวันนี้ ถือว่าเป็นไปโดยดี เป็นการรับฟังข้อมูลจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะประชาชน เราต้องการที่จะดูแลผลประโยชน์ให้ประชาชนในเรื่องของน้ำมันให้มีคุณภาพและมีมาตรฐานเดียวกัน ดร.หิมาลัย กล่าว

ด้านนายทนงศักดิ์ กล่าวว่า ดำเนินการตรวจสอบตามปกติ คือ พลังงานจังหวัดลพบุรี มีแผนสุ่มตรวจในจังหวัด โดยขณะนี้มีอยู่ 3 พื้นที่ 3 อำเภอ ในการสุ่มตรวจทั้งหมด 28 ปั๊มที่ได้มา ไม่ได้เจาะจงปั๊มใดปั๊มหนึ่ง เมื่อส่งตรวจแล้วทางกรมธุรกิจพลังงานได้ส่งรายการแจ้งมาที่สำนักงานพลังงานจังหวัด ว่ามีผลเกินค่ามาตรฐานอยู่ 2 ปั๊ม คือมาตรฐานที่ประมาณ 50 PPM. ต่อปริมาณ แต่ว่าผลการตรวจของ ปั๊มทั้ง 2 แห่งสูงกว่า 240 PPM. และขณะนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างการดำเนินการในการแจ้งความดำเนินคดีตามกฎหมาย

‘พีระพันธุ์’ มั่นใจ ‘กฟผ.’ จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ให้ประเทศไทย

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เชื่อมั่น ‘กฟผ.’ จะสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ให้ประเทศไทยได้
 

ลุ้น 'พีระพันธุ์’ ตรึงค่าไฟ 'ก.ย.-ธ.ค.' คงไว้ 4.18 บาทต่อหน่วย คาด!! อาจต้องของบประมาณจากรัฐบาลมาช่วยหนุน

ไม่นานมานี้ ทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที งวดปลายปี (กันยายน-ธันวาคม 2567) พบว่าต้นทุนค่าไฟเพิ่มขึ้นอีกประมาณหน่วยละ 20-40 สตางค์ จากค่าไฟงวดปัจจุบันหน่วยละ 4.18 บาท และจะมีการแถลงข่าว 3 ทางเลือกค่าไฟวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ เพื่อให้ประชาชนและผู้มีส่วนได้เสีย ทำการเลือกและแสดงความเห็น ก่อนจะประกาศใช้ทางการวันที่ 1 สิงหาคมนี้ 

สำหรับปัจจัยการขึ้นค่าไฟมาจากต้นทุนเชื้อเพลิง ปริมาณการใช้ไฟฟ้า และหนี้ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) วงเงินประมาณ 98,000 ล้านบาท ดังนั้น ตัวเลขการปรับขึ้นจะอยู่ใน 3 ทางเลือก คือ 1.ขึ้นไม่มาก รวมการคืนหนี้ กฟผ.เล็กน้อย 2.ขึ้นบางส่วนรวมคืนหนี้ กฟผ.บางส่วน และขึ้นสูงสุด หมายถึงการคืนหนี้ให้ กฟผ. วงเงินประมาณ 98,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เมื่อรับฟังความเห็นแล้ว จะเลือกการปรับขึ้นน้อยที่สุด

“ส่วนแนวทางไม่ขึ้นเลย ตรึงระดับ 4.18 บาทต่อหน่วย ต้องขึ้นกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พิจารณา โดยอาจของบประมาณจากรัฐบาลมาสนับสนุน” รายงานข่าวระบุ

รายงานข่าวจากกระทรวงพลังงานแจ้งด้วยว่า ความคืบหน้าการกำหนดราคาดีเซลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม เป็นต้นไป ภายหลังครบกำหนดกรอบราคาไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) กำหนดตรึงราคาตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2567 และครบกำหนด 31 กรกฎาคม 2567 นั้น เบื้องต้นมีแนวโน้มว่าคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) ที่มีนายพีระพันธุ์เป็นประธาน จะพิจารณาแนวทางการปรับขึ้นราคาดีเซลแบบทยอยขึ้นกรอบ 1 บาทต่อลิตร ทำให้ราคาปลายทางระดับไม่เกิน 34 บาทต่อลิตร เพื่อรักษาสภาพคล่องให้กับกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปัจจุบันฐานะ ณ วันที่ 7 กรกฎาคม 2567 ติดลบ 111,595 ล้านบาท แบ่งเป็น บัญชีน้ำมันติดลบ 63,944 ล้านบาท และบัญชีแอลพีจี ติดลบ 47,651 ล้านบาท

รายงานข่าวระบุว่า ปัจจุบันราคาน้ำมันดีเซลตลาดโลกยังมีความผันผวนสูง ช่วงเดือนที่ผ่านมาแนวโน้มลดลงบ้างจนกองทุนน้ำมันฯลดอุดหนุนระดับ 4 บาทต่อลิตร จนสามารถเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลเข้ากองทุนน้ำมันฯสำเร็จ แต่ขณะนี้แนวโน้มกลับมาขึ้นอีกครั้ง ทำให้กองทุนน้ำมันฯต้องอุดหนุนกว่า 2 บาทต่อลิตร สถานการณ์ดังกล่าวหากไม่ปรับราคาหลังวันที่ 31 กรกฎาคม อาจทำให้กองทุนน้ำมันฯสถานการณ์ยิ่งแย่

รายงานข่าวระบุอีกว่า ก่อนจะพิจารณาแนวทางปรับราคา ตลอดจนเดือนมิถุนายนจนถึงปัจจุบัน ได้พยายามดำเนินการอีก 2 แนวทางเพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาขายปลีก แต่ด้วยสถานการณ์และปัจจัยต่าง ๆ พบว่าไม่น่าจะดำเนินการได้ ประกอบด้วย...

1. การส่งหนังสือถึงสำนักงบประมาณ เพื่อขอใช้งบกลางปี 2567 วงเงิน 6,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ดีเซล 6,000 ล้านบาท และแอลพีจี 500 ล้านบาท เป็นตามที่ ครม.อนุมัติไว้ภายใต้เงื่อนไขให้ใช้กลไกกองทุนน้ำมันฯดูแลราคาน้ำมันและแอลพีจีก่อน แต่เบื้องต้นได้รับการประสานอย่างไม่เป็นทางการว่างบกลางฯมีจำกัด อาจไม่สามารถนำมาดูแลราคาดีเซลและแอลพีจีได้ 

2. การเสนอกระทรวงการคลัง โดยกรมสรรพสามิตลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตดีเซลลงในอัตราที่เหมาะสม เบื้องต้นจากท่าทีของกระทรวงการคลังไม่ตอบรับการลดภาษีดังกล่าว เพราะจำเป็นต้องจัดเก็บรายได้ตามเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด นอกจากฐานะกองทุนน้ำมันฯที่ติดลบทะลุแสนล้าน กองทุนน้ำมันฯยังมีภาระหนี้จากการกู้เงินมาเสริมสภาพคล่องประมาณ 110,000 ล้านบาท กองทุนน้ำมันฯมีภาระต้องจ่ายคืนเงินต้นกู้จากสถาบันการเงินก้อนแรก 30,000 ล้านบาท เดือนพฤศจิกายนนี้ 

ดังนั้น จึงต้องพยายามดูแลสภาพคล่องกองทุนน้ำมันฯ และวางแผนการชำระหนี้ดังกล่าว เดือนกรกฎาคมนี้จะทำแผนการบริหารหนี้ภาพรวมเสนอสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) คาดว่า สบน.จะทำแผนบริหารหนี้ปีงบประมาณ 2568 ภายในเดือนสิงหาคม 2567

ด้านนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตามกระแสข่าวคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) มีแนวโน้มจะปรับราคาน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 1 บาท จาก 33 บาท ไป 34 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2567 เป็นเรื่องจริงนั้น ทางสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย จะรับมือเบื้องต้นในการขึ้นราคาค่าขนส่งเพิ่ม รวมถึงเดินหน้าสานต่อการเคลื่อนม็อบรถบรรทุกทันที หลังจากเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา

‘ก.พลังงาน’ มอบ ‘กกพ.’ คุย ‘กฟผ.-ปตท.’ ลดค่า Ft งวด ก.ย.-ธ.ค.67 ช่วยลดภาระค่าไฟฟ้าประชาชน ท่ามกลางราคาพลังงานทั่วโลกผันผวน

(17 ก.ค. 67) นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงข้อกังวลของประชาชนและภาคเอกชนเกี่ยวกับ การปรับขึ้นค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ว่า กระทรวงพลังงานกำลังเร่งหาแนวทางเพื่อลดภาระค่าครองชีพประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งที่ภาครัฐให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก 

โดยกระทรวงพลังงานจะดำเนินการบริหารจัดการและประสานทุกภาคส่วน จะหารือกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เจรจา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เพื่อหาแนวทางพิจารณาปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร หรือ ‘ค่าเอฟที’ ซึ่ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานก็ได้ให้ความสำคัญและได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันในการบริหารต้นทุนค่าไฟ เพื่อบรรเทาผลกระทบประชาชน

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าค่าไฟของไทยแพงที่สุดในอาเซียนนั้น ไม่เป็นความจริง ค่าไฟของไทยอยู่ในระดับปานกลาง ที่มีข่าวว่าเวียดนามค่าไฟถูกกว่าไทยมากนั้น เนื่องจากเวียดนามใช้ไฟฟ้าจากพลังงานน้ำค่อนข้างมาก จึงทำให้ต้นทุนถูกกว่า แต่เวียดนามก็ไม่มีความเสถียรด้านไฟฟ้า เกิดไฟฟ้าดับบ่อย อินโดนีเซียก็ใช้ถ่านหินก็ทำให้ต้นทุนถูกกว่า

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานต้องพิจารณาสร้างความสมดุลทั้งด้านความมั่นคงไปพร้อมกับราคาที่เหมาะสม เพราะนอกจากไฟฟ้าจะนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของประชาชนแล้ว ไฟฟ้ายังเป็นปัจจัยหลักที่หนุนเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้า และการลงทุนของประเทศ ซึ่งในกระบวนการบริหารจัดการ จึงมีเป้าหมายในการรักษาสมดุลทั้งการดูแลค่าครองชีพ การดูแลคุณภาพ ความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกันได้ในช่วงที่ราคาพลังงานทั่วโลกผันผวนในระดับสูง

“กระทรวงพลังงาน เข้าใจความรู้สึกของประชาชนและภาคเอกชนที่กังวลถึงค่าไฟฟ้าในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ที่ทาง กกพ. ได้ประกาศออกไป แต่เนื่องจากราคาพลังงานทั่วโลกผันผวนในระดับสูง อีกทั้งกระทรวงพลังงานจะต้องรักษาสมดุลทั้งด้านเสถียรภาพด้านพลังงาน ความน่าเชื่อถือทางการเงินของ กฟผ. รวมทั้งก็คำนึงถึงภาระค่าครองชีพของประชาชน ก็จะพยายามอย่างเต็มที่ในการรักษาสมดุล โดยหาแนวทางพิจารณาค่าไฟฟ้าที่จะทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบให้น้อยที่สุด ส่วนในอนาคตก็จะพิจารณาปรับแผน PDP ให้มีความเหมาะสม รับฟังความคิดเห็นรอบด้านเพื่อให้ราคาพลังงานมีความเหมาะสมและยั่งยืนต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ กกพ. ประกาศแนวโน้มค่าไฟงวดเดือนกันยายน-ธันวาคม 2567 ระดับ 4.65-6.01บ./หน่วย โดยแบ่ง 3 ทางเลือก ปัจจุบันอยู่ระหว่างรับฟังความเห็น สิ้นสุด 26 กรกฎาคม 2567 


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top