Thursday, 8 May 2025
ค้นหา พบ 47953 ที่เกี่ยวข้อง

‘พิชัย-พีระพันธุ์’ ร่วมย้ำ ค่าไฟฟ้างวด ก.ย.-ธ.ค. เหลือ 3.99 บาท/หน่วย ไม่ใช้งบหลวง เว้นแต่ราคาพลังงานเปลี่ยนแปลงรุนแรง

(6 พ.ค. 68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งที่ 1/2568 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบลดค่าไฟฟ้างวดเดือนกันยายนถึงธันวาคม 2568 จาก 4.15 บาท เหลือ 3.99 บาทต่อหน่วย โดยย้ำว่ารัฐบาลมั่นใจจะควบคุมค่าไฟให้อยู่ในกรอบนี้จนถึงสิ้นปี เว้นแต่มีการเปลี่ยนแปลงต้นทุนเชื้อเพลิงอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน

ขณะเดียวกัน ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติม สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิงและขยะอุตสาหกรรม ภายใต้แผนพลังงานสะอาดปี 2566–2573

ด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยืนยันผ่านเฟซบุ๊กว่า การกำหนดเพดานค่าไฟไม่เกิน 3.99 บาทต่อหน่วย เป็นมาตรการเร่งด่วนเพื่อบรรเทาภาระประชาชน พร้อมเฝ้าระวังต้นทุนพลังงานอย่างใกล้ชิด

กองทัพอากาศส่ง F-16 สกัดเครื่องบินเมียนมา หลังพบบินเข้าใกล้ชายแดนกาญจนบุรี ยันไม่มีการล้ำอธิปไตย

(6 พ.ค. 68) พล.อ.ท.ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า หน่วยควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศตรวจพบเครื่องบินลักษณะคล้าย K-8 จากเมียนมา บินเข้าใกล้เขตแดนไทยบริเวณตรงข้ามอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี เวลาประมาณ 12.45 น. กองทัพอากาศจึงสั่งการให้ F-16 จำนวน 2 ลำ จากกองบิน 4 จังหวัดนครสวรรค์ ขึ้นบินพิสูจน์ฝ่ายและแสดงท่าทีทางอากาศ

F-16 ทั้งสองลำได้ทำการบินลาดตระเวนรบในพื้นที่อำเภอเมืองและอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งไม่พบการล้ำอธิปไตยหรือท่าทีคุกคามเพิ่มเติมจากเครื่องบินดังกล่าว

ทั้งนี้ กองทัพอากาศยืนยันความพร้อมในการสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย โดยจะดำเนินการตามมาตรการอย่างมืออาชีพ เพื่อปกป้องน่านฟ้าไทยและอธิปไตยของประเทศตามกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด

7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ พ้นเก้าอี้ “นายกรัฐมนตรี” หลังศาล รธน. วินิจฉัย ปมย้าย ‘ถวิล เปลี่ยนศรี’

เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ได้พ้นจากเก้าอี้รักษาการนายกฯ หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ขัดรัฐธรรมนูญ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ พ้นเก้าอี้รักษาการนายกฯ พร้อมกับ 9 รัฐมนตรี ที่ร่วมลงมติเห็นชอบให้ย้ายนาย ถวิล เปลี่ยนศรี  

กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากนายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกวุฒิสภาในขณะนั้น ได้ร้องขอให้ศาลพิจารณาว่า สถานภาพความเป็นรัฐมนตรีของ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 มาตรา 182 (7) ประกอบมาตรา 268 หรือไม่ จากกรณีการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาแล้วเห็นว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโยกย้าย นายถวิล พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเร่งรีบอย่างผิดสังเกต ซึ่งไม่เป็นไปตามการปฏิบัติราชการปกติ ถือเป็นการกระทำที่รวบรัด ปราศจากเหตุผลอันสมควรที่ต้องดำเนินการอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้ จึงมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าการที่ย้าย นายถวิล เลขาธิการ สมช. ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ คือความประสงค์ให้ตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ว่างลง เพื่อโอนย้าย พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. แทน อันจะทำให้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่างลง เพื่อย้าย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการ และเป็นเครือญาติของนางสาวยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแทน

ดังนั้น การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ศาลรัฐธรรมนูญจึงมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้สถานะการเป็นนายกรัฐมนตรี เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการเพื่อประโยชน์ของตัวเอง มีผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง รวมถึงรัฐมนตรีในขณะนั้นจำนวน 9 คนที่ร่วมมีมติดังกล่าวก็ให้พ้นตำแหน่ง ถือว่ามีส่วนร่วมในการก้าวก่ายแทรกแซงการโยกย้ายข้าราชการด้วย

หลังจากนั้นอีก 15 วันต่อมา (วันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557) ทหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวหน้าคณะ จึงได้ก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครอง นับถึงวันนี้ เป็นระยะเวลา 11 ปีแล้ว

ปากบอกจะกำจัดความเหลื่อมล้ำ กล้าทุกอย่าง แต่ปอดแหกกับชั้น 14 เราจะเรียกว่าเป็น “พรรคการเมืองขี้ข้านักโทษ” ได้ไหม?

(6 พ.ค. 68) ด้วยเพราะเกลียดสถาบันกษัตริย์เป็นทุน มีอคติสุมอยู่ในใจอย่างร้อนรุ่ม มุ่งคิดร้าย อาฆาต พยาบาท  จึงพร้อมใจกันทำทุกวิถีทางที่จะเซาะกร่อน ทำลายความน่าเชื่อถือ แม้กระทั่งการยอมเป็น “เด็กเช็ดรองเท้าให้กับตะวันตก” เพื่อมาล้มล้างสถาบันแห่งแผ่นดินเกิดของตนเองก็ยังทำ

ยอมกระทั่งเหยียบศักดิ์ศรีความเป็นคนของตัวเอง ด้วยการสุมหัววางแผนกัน “หลอกต้มเด็ก” ที่ไร้ความคิด เด็กที่อยากเด่น อยากเท่ อยากมีที่ยืนโง่ ๆ ในสังคมให้ออกมาสู้รบแบบก้าวร้าวแทนตัวเอง คอยปลุกปั่นด้วยวาทกรรมเลว ๆ ว่าเมื่อเกิดมาเป็นคนแล้วทุกชีวิตต้องได้รับความเสมอภาค เท่าเทียมโดยถ้วนทั่ว ทั้งหมดก็เพื่อหวังผลทางการเมือง ทำให้เด็กบ้องตื้น และผู้ใหญ่ที่ “คิดไม่เป็น” จำนวนไม่น้อยเห็นคล้อยตาม ตกเป็นเหยื่อจนโดนคดี “112” มหาศาล บางส่วนต้องหนีลี้ภัย ที่เหลือก็ติดคุกยาว ๆ หมดอนาคตนับไม่ถ้วน

ถือเป็น “ตราบาป” ที่พรรคการเมือง “สามกีบ” สร้างไว้ให้กับสังคมไทย

แต่ที่สุดก็วงแตก ไปกันไม่รอด เหยื่อก็คือเหยื่อ กระจัดกระจายหนีหายกันไปคนละทิศละทาง นักการเมืองผู้แอบชักใยอยู่ใต้กระโปรงเด็กจึงเปลี่ยนวิธี เมื่อหลอกใช้เด็กไม่สำเร็จ ก็คิดแผนชั่วแบบอื่น เพื่อจะลบคำว่าสถาบันให้หายไปจากความรู้สึกดี ๆ ของคนไทยให้ได้ ถือเป็นพรรคที่ยืนหนึ่งในเรื่อง “ล้มล้างการปกครอง” เท่านั้น อย่างอื่นเป็นเพียงอาหารว่างคั่นเวลาโจร

คำโฆษณาที่ว่าความเหลื่อมล้ำจะหมดหายไป จึงเป็นได้เพียงคำโป้ปด ที่คอยหลอกต้ม “ด้อมส้มผู้เบาปัญญา” เพื่อให้มาเป็นแรงหนุนและตายแทน เพราะกว่าสองปีที่ “นักโทษเทวดา” กลับไทยมาแล้วเหาะเหินไปนอนนอกคุก ทำตัวมีอภิสิทธิ์เหนือกว่าประชาชนคนเดินดิน เช่นนี้เรียกว่า “โคตรของโคตรความเหลื่อมล้ำ” แต่พรรคการเมืองที่อวดอ้างว่าจะมาต่อสู้ให้สังคมไทยเกิดความเท่าเทียม นับตั้งแต่หัวถึงหางกลับไม่มี สส. ที่เคยปากดีสักตัวแสดงความกล้าหาญที่จะทักท้วง หรือเป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชนให้สมกับชื่อ “พรรคประชาชน” ของตนเอง

เปลี่ยนชื่อไปเป็น “พรรคขี้ข้านักโทษ” ดูจะเหมาะสมกว่ามากมาย

หรือใครว่าไม่จริง?

‘อังกฤษ’ อัปเดตแผนลับฉุกเฉินรับมือภัยคุกคาม ‘รัสเซีย’ เตรียมพร้อมทั้งอพยพราชวงศ์-ต้านขีปนาวุธ-การโจมตีทางไซเบอร์

(6 พ.ค. 68) สหราชอาณาจักรกำลังทบทวนและปรับปรุงแผนการป้องกันประเทศฉบับลับที่ไม่ได้อัปเดตมาตั้งแต่ปี 2005 ท่ามกลางความกังวลต่อความเป็นไปได้ของการโจมตีจากรัสเซีย โดยเฉพาะในรูปแบบของขีปนาวุธ นิวเคลียร์ และไซเบอร์ ตามรายงานของ The Telegraph

เอกสารแผนลับดังกล่าวระบุขั้นตอนฉุกเฉิน เช่น การอพยพรัฐบาลและราชวงศ์ไปยังหลุมหลบภัย การประสานการออกอากาศฉุกเฉิน และการปกป้องโครงสร้างพื้นฐานสำคัญอย่างระบบขนส่งและการสื่อสาร เพื่อให้ประเทศสามารถดำเนินงานได้ต่อเนื่องในภาวะวิกฤต

รายงานยังเปิดเผยว่า รัฐบาลได้จัดทำสถานการณ์จำลองการโจมตีแบบผสมผสาน ทั้งขีปนาวุธและไซเบอร์ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงอาจส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากและสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจรุนแรง รัฐมนตรีหลายรายแสดงความกังวลถึงความพร้อมของประเทศในการรับมือสงครามสมัยใหม่

ในอีกด้าน สหราชอาณาจักรยังตรวจพบเซ็นเซอร์สอดแนมของรัสเซียในน่านน้ำใกล้ชายฝั่ง ซึ่งอาจถูกใช้เพื่อเก็บข้อมูลเกี่ยวกับเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของอังกฤษ เหตุการณ์นี้ตอกย้ำถึงภัยคุกคามเชิงยุทธศาสตร์ที่กำลังทวีความรุนแรงในภูมิภาค

แผนการทั้งหมดอยู่ภายใต้ความลับอย่างเข้มงวด และไม่น่าจะมีการเปิดเผยต่อสาธารณะในอนาคตอันใกล้ ขณะที่การสอดแนมและความเคลื่อนไหวทางทหารของรัสเซียยังคงเป็นประเด็นเฝ้าระวังหลักของรัฐบาลอังกฤษต่อไป


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top