Thursday, 8 May 2025
ค้นหา พบ 47953 ที่เกี่ยวข้อง

‘มิลลิ’ พลิกบทบาทจากแร็ปเปอร์สู่มวยหญิงหน้าใหม่ พร้อมขึ้นชกในรายการ Fairtex Fight 17 พ.ค. นี้

(6 พ.ค. 68) มิลลิ หรือ ‘นวย’ แร็ปเปอร์สาวชื่อดังจากค่าย YUPP! ได้ตัดสินใจพลิกบทบาทมาชกมวยไทยครั้งแรกในชีวิต โดยจะขึ้นชกในรายการ Fairtex Fight วันที่ 17 พฤษภาคมนี้ ที่สนามมวยลุมพินี (รามอินทรา) ซึ่งเธอจะใช้ชื่อชกว่า “อำนวยจิต สิทธิ์แลกซื้อ” ขึ้นสังเวียนพบกับคู่ชกชาวจีน จีตัว จินสือ ในการชกที่ทั้งจริงและเจ็บจริง

ล่าสุด ผู้จัดได้เปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการชกมวยในรายการนี้ โดยมีให้เลือก 2 ราคา คือ ริงไซด์ (Ring Side) ราคา 1,200 บาท ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ส่วนบัตร Cat 3 ที่นั่งธรรมดาราคา 200 บาท โดยราคานี้สามารถใช้ได้เฉพาะคนไทยเท่านั้น ถือเป็นโอกาสที่ดีในการชมมวยหญิงนัดประวัติศาสตร์ในราคาที่ไม่แพง

งานนี้เชื่อว่าจะมีเหล่ากองเชียร์ของมิลลิและแฟน ๆ มวยไทยมาร่วมสร้างสีสันภายในสนาม พร้อมทั้งมีคู่มวยน่าตื่นเต้นจากนักชกไทยและต่างชาติมาร่วมแข่งขันในรายการนี้ โดยเริ่มการแข่งขันคู่แรกตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป

ทั้งนี้ มิลลิ เก็บตัวฝึกซ้อมที่ค่ายแฟร์เท็กซ์ พัทยา โดยมี “เสมาเพชร แฟร์เท็กซ์” นักมวยหมัดซ้ายฟ้าผ่า วัย 30 ปีจากเชียงใหม่ รับบทบาทใหม่เป็นคู่ซ้อมและโค้ชชั่วคราว ซึ่งเสมาเพชรเผยว่าตนมีหน้าที่ช่วยปรับพื้นฐานและทักษะการชกให้มิลลิ พร้อมแนะนำแนวทางพัฒนาตัวเองอย่างถูกต้อง โดยส่วนใหญ่มิลลิจะซ้อมกับนักมวยหญิงในค่าย และเจ้าตัวก็พร้อมจะไปให้กำลังใจติดขอบเวทีในการขึ้นสังเวียนจริงครั้งแรก

‘สี จิ้นผิง’ ประกาศยุทธศาสตร์ ‘เอเชียบริหารเอเชีย’ หวังลดบทบาทสหรัฐฯ ในภูมิภาค พร้อมประกาศแผนสร้างเสถียรภาพใหม่

(6 พ.ค. 68) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนได้เปิดตัวยุทธศาสตร์ความมั่นคงใหม่ที่มุ่งเน้นการลดบทบาทของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย พร้อมประกาศ “เอเชียบริหารเอเชีย” โดยระบุว่า “เรื่องของเอเชีย คนเอเชียต้องจัดการเอง” ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณถึงประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ว่าอาจถึงเวลาที่จะลดอิทธิพลในภูมิภาคนี้และเปิดทางให้จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านเสถียรภาพ

ยุทธศาสตร์นี้ได้รับการขยายผลทันทีในการเยือนเวียดนาม มาเลเซีย และกัมพูชา โดยสี จิ้นผิงใช้โอกาสนี้เน้นย้ำการเป็น “เพื่อน” ของจีนในภูมิภาคและเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ร่วมมือกันต่อต้านแรงกดดันจากภายนอก ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นการตอบโต้การกีดกันทางการค้าของสหรัฐฯ ที่มีผลต่อเศรษฐกิจในเอเชีย

การผลักดันแนวคิด “เอเชียบริหารเอเชีย” นั้นมีรากฐานมาจาก “Asian Security Concept” ที่จีนเคยประกาศไว้ในปี 2014 ซึ่งเสนอทางเลือกใหม่ให้กับประเทศในเอเชียในการรักษาความมั่นคงโดยไม่พึ่งพาการแทรกแซงจากสหรัฐฯ หรือประเทศตะวันตก โดยสีจิ้นผิงเชื่อว่าภูมิภาคเอเชียสามารถจัดการปัญหาภายในได้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำหรับจีนยังคงมีอยู่ เนื่องจากความขัดแย้งในทะเลจีนใต้และความไม่ไว้วางใจจากบางประเทศในภูมิภาคที่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับเจตนาของจีนในระยะยาว แม้จะมีการเสนอแนวทางการร่วมมือ แต่หลายฝ่ายยังคงจับตาดูว่าใครจะเป็นผู้ที่มีอำนาจในการบริหารเอเชียในที่สุด

‘ยูซีเซอร์เคิล’ วงกลมเล็กที่ครอบคลุมครึ่งโลก ทั้งประชากร-GDP-เทคโนโลยี โดยไร้เงาชาติตะวันตก

(6 พ.ค. 68) ยูซี (Yuxi) เมืองเล็กในมณฑลยูนนานของจีน อาจดูไม่มีอะไรโดดเด่นด้วยจำนวนประชากรเพียง 2.5 ล้านคน แต่หากใช้เป็นจุดศูนย์กลางแล้ววาดวงกลมรัศมี 2,500 ไมล์ (ราว 4,000 กม.) จะพบว่าวงกลมนี้ครอบคลุมประชากรกว่า 4.3 พันล้านคน หรือมากกว่าครึ่งของประชากรโลก

พื้นที่ภายใน “วงกลมยูซี” นี้ ยังคิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของ GDP โลก (เมื่อคำนวณแบบ PPP) และเป็นแหล่งผลิตอุตสาหกรรมสำคัญ อาทิ ไมโครชิพ แบตเตอรี่ รถยนต์ไฟฟ้า ฯลฯ ที่สำคัญ ไม่มีประเทศตะวันตกอยู่ในวงกลมนี้เลยแม้แต่ประเทศเดียว

ประเทศที่อยู่ในวงกลมนี้ได้แก่ จีน อินเดีย อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รัสเซีย เวียดนาม พม่า บังกลาเทศ เนปาล ไทย ฟิลิปปินส์ และอีกหลายประเทศ ซึ่งล้วนมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย โดยไม่ต้องพึ่งพามหาอำนาจตะวันตก

แต่สำหรับประเทศตะวันตก วงกลมนี้อาจไม่ใช่แค่ “จุดแข็ง” ของเอเชีย แต่ยังเป็น “ความเสี่ยง” ต่ออิทธิพลเดิมที่ตนเคยมี จึงมีความพยายามแทรกแซงในรูปแบบต่างๆ ทั้งฐานทัพ กองกำลัง “เพื่อสันติภาพ” หรือแม้แต่การหนุนหลังความขัดแย้งในประเทศอ่อนแอ

ในบริบทนี้ ผู้สังเกตการณ์บางรายเตือนว่า หากประเทศใดภายในวงกลมยูซีไม่ระวังให้ดี อาจกลายเป็นจุดอ่อนของทั้งภูมิภาค เปิดทางให้การแทรกแซงแฝงมาในรูปแบบใหม่ ซึ่งอาจไม่ได้มาเพื่อร่วมมือ แต่เพื่อถ่วงรั้งอำนาจเอเชียไม่ให้เติบโตเทียบเท่าตะวันตกในอนาคต

เรื่องราวชีวิตของจางเจี้ยนเหอ ผู้สร้าง ‘หว่านไจ๋หม่าโถว’ แม่เลี้ยงเดี่ยวที่พลิกชีวิตจากความสิ้นหวังสู่อาณาจักรเกี๊ยวระดับโลก

(6 พ.ค. 68) จางเจี้ยนเหอ หรือ “Chong Kin Wo” คือแม่เลี้ยงเดี่ยวที่เปลี่ยนเกี๊ยวจีนข้างถนนให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลก “หว่านไจ๋หม่าโถว” ด้วยยอดขายกว่า 6,000 ล้านหยวน 

ชีวิตของเธอเริ่มต้นจากความลำบาก หลังสามีทิ้งไปและเธอเดินทางมาฮ่องกงกับลูกสาวเพื่อหาสามีที่หายไป แต่พบว่าถูกทิ้งจนต้องเผชิญกับชีวิตที่ยากลำบากและต้องทำงานหลายอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกๆ โดยเธอเริ่มจากการขายเกี๊ยวริมถนนที่ท่าเรือ และต่อมาก็สร้างโรงงานผลิตเกี๊ยวภายใต้ชื่อ “หว่านไจ๋หม่าโถว” ซึ่งเริ่มขยายเข้าสู่ตลาดเกี๊ยวแช่แข็งและกลายเป็นเจ้าตลาดในฮ่องกงภายในไม่กี่ปี

ความสำเร็จของเธอไม่ได้มาจากโชคชะตา แต่เป็นผลจากความมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ โดยในช่วงต้นเธอปฏิเสธความช่วยเหลือจากรัฐบาลและเงินชดเชยที่เสนอให้ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและสอนลูกๆ ให้รู้จักพึ่งพาตัวเอง จางเจี้ยนเหอได้เริ่มต้นจากแผงลอยบนถนนและสร้างแบรนด์ด้วยความตั้งใจและการเลือกพันธมิตรที่เหมาะสม จนกระทั่งได้รับการร่วมทุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่จากอเมริกา General Mills

การขยายแบรนด์หว่านไจ๋หม่าโถวไม่เพียงแค่ส่งสินค้าคุณภาพไปทั่วโลก แต่ยังคำนึงถึงเสียงจากลูกค้าด้วย จางเจี้ยนเหอได้ปรับกระบวนการผลิตตามคำแนะนำของลูกค้า และยึดมั่นในคุณภาพสูงสุด โดยใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุดและการควบคุมการผลิตอย่างเข้มงวด

ในปี 2001 บริษัท General Mills ได้ซื้อกิจการ Pillsbury และเข้ามาเป็นเจ้าของแบรนด์ “หว่านไจ๋หม่าโถว” ด้วยการลงทุนอย่างมหาศาล และนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาปรับปรุงกระบวนการผลิต ซึ่งช่วยยกระดับคุณภาพสินค้าให้ดียิ่งขึ้น จางเจี้ยนเหอได้เห็นว่าความรู้และเทคโนโลยีขั้นสูงนั้นสำคัญในการทำธุรกิจในระดับโลก

แม้เธอจะพบความสำเร็จ แต่ก็ไม่เคยลืมจุดเริ่มต้น เธอยังคงมีความเชื่อมั่นในวิธีการทำธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อนและเอาใจใส่ลูกค้า เธอเคยกล่าวว่า “ทุกสิ่งที่เรามีในวันนี้ เป็นเพราะคำแนะนำและเสียงสะท้อนจากลูกค้า”

จนถึงที่สุด แบรนด์ “หว่านไจ๋หม่าโถว” กลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก โดยสามารถส่งสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ผ่านระบบ cold chain ที่แข็งแกร่ง และยังคงรักษาภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพสูงและความพรีเมียม

จางเจี้ยนเหอเสียชีวิตในปี 2019 ด้วยวัย 74 ปี แต่เรื่องราวของเธอคือการต่อสู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนหลายล้านคน เธอไม่เพียงแค่สร้างแบรนด์หมื่นล้าน แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและศักดิ์ศรีที่ไม่ยอมแพ้ในทุกสถานการณ์

BRN แถลงเสียใจต่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ปาตานี ยืนยันไม่มุ่งโจมตีพลเรือน เรียกร้องทุกฝ่ายร่วมกันหาทางออกอย่างสันติ ยึดหลักสิทธิมนุษยชน

(6 พ.ค. 68) แนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ปาตานีดารุสซาลามที่ทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต พร้อมยืนยันว่า BRN ไม่มีนโยบายมุ่งโจมตีเป้าหมายพลเรือน และขอแสดงความเห็นใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียทุกคน

ในแถลงการณ์ BRN ระบุว่าการเคลื่อนไหวของตนมีเป้าหมายเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนสากลและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ยืนยันการต่อสู้จะไม่ละเมิดหลักเกณฑ์เหล่านี้

นอกจากนี้ BRN เรียกร้องให้ทุกฝ่าย รวมถึงรัฐบาลไทยและกลุ่มติดอาวุธ หลีกเลี่ยงการกระทำที่เป็นอันตรายต่อพลเรือน พร้อมเสนอให้มีการสอบสวนเหตุการณ์อย่างโปร่งใสเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและลดความตึงเครียดในพื้นที่

แถลงการณ์ปิดท้ายด้วยข้อความว่า “การต่อสู้ของพวกเรามีเป้าหมายเพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนปาตานี มิใช่เพื่อสร้างความหวาดกลัว” พร้อมเชิญชวนให้ทุกฝ่ายยืนหยัดร่วมกันด้วยสันติและปัญญาเพื่อทางออกที่ยั่งยืนของปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top