Monday, 28 April 2025
ค้นหา พบ 47725 ที่เกี่ยวข้อง

‘ภูมิกิตติ์ - เอมาอร’ แชมป์สวิง “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” คว้าตั๋วลุยญี่ปุ่นรายการ “Yonex Junior Golf Championship”

(28 เม.ย. 68) นายดาว์ปกรณ์ รัตนสุวรรณ ประธานจัดการแข่งขัน “ช้าง-เจ็นซ์ กอล์ฟ ทัวร์” มอบรางวัลและร่วมแสดงความยินดีกับ ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ และเอมาอร มณีฤทธิ์ นักกอล์ฟเยาวชนที่คว้าแชมป์รุ่น Super GENZ พร้อมคว้าตั๋วแข่งที่ญี่ปุ่น ในการแข่งขันรายการ “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  เมื่อวันที่ 20 เมษายน ที่ผ่านมา

“บริษัท เดอะ เจ็นซ์ จำกัด”  ร่วมกับ “บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” จัดแมทช์แข่งกอล์ฟเยาวชน “บางจาก แชมเปี้ยนชิพ 2025” ทำการแข่งขัน 3 วัน (54 หลุม) แข่งขันระหว่างวันที่ 18-20 เมษายน 2568 ที่สนามกบินทร์บุรี สปอร์ต คลับ จ.ปราจีนบุรี  รายการนี้เป็นรายการที่รับรองโดย WAGR (World Amateur Golf Ranking) เก็บคะแนนสะสมเพื่อจัดอันดับนักกอล์ฟเยาวชนโลก และเก็บคะแนนสะสมของ JGS (Junior Golf Scoreboard)  โดยในสนามนี้จะทำการคัดเลือก นักกอล์ฟเยาวชนที่ทำสกอร์ดีที่สุด (Best Score) จากรุ่น Super Genz (15-18 ปี) และ Junior Genz (11-14 ปี) ชาย 1 คน และหญิง 1 คน ที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันกอล์ฟที่ประเทศญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

หลังจากการแข่งขันในรอบสุดท้ายจบลง ผลปรากฏว่า ภูมิกิตติ์ พิชยเสาวภาคย์ ในรุ่น Super GENZ (ชาย) แชมป์เก่าสนามนี้ในปีที่แล้ว ในรอบสุดท้ายฟอร์มยังคงร้อนแรง กดเพิ่มอีก 7 อันเดอร์ จบสามวันที่ 12 อันเดอร์พาร์  ส่วนในรุ่น Super GENZ (หญิง) รอบสุดท้ายเบียดกันมาแบบสูสี สู้กันสนุกจบหลุม 18 สกอร์รวมเท่ากันที่ 3 อันเดอร์พาร์ 213 ถึง 3 คน คือ วิชญาดา แรมเมือง, จิรัชยา ปรีชาสุชาติ  และเอมาอร มณีฤทธิ์ ต้องตัดสินกันด้วยการเพลย์ออฟถึง 3 รอบ โดยการเพลย์ออฟรอบสุดท้ายที่หลุม 12 พาร์ 5 เป็น เอมาอร มณีฤทธิ์ ตีช็อต 2 ลงหลุมไป ได้อีเกิ้ล คว้าแชมป์รุ่นนี้ไปครอง พร้อมคว้าตั๋วแข่งญี่ปุ่น ในรายการ Yonex Junior Golf Championship 2025

รายการต่อไปเป็นการแข่งขันเก็บคะแนนสะสมรายการที่ 3 “บางจาก มาเตอร์ส 2025” ซึ่งเป็นรายการที่เก็บคะแนนสะสมของ Junior Golf Scoreboard (JGS) แข่งขันระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2568 สนามปัตตาเวีย เซ็นจูรี่ กอล์ฟ คลับ จ.ชลบุรี สำหรับผู้ปกครองและนักกอล์ฟที่สนใจเข้าร่วมแข่งขันสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Official Line : @genzgolf  หรือโทร. 065 696 2229

วันที่ 29 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร

วันที่ 29 เมษายนของทุกปี ถือเป็นวันสำคัญอย่างยิ่งของประเทศไทย เนื่องในวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงประสูติเมื่อวันศุกร์ที่ 29 เมษายน พุทธศักราช 2548 เวลา 18.35 น. ณ โรงพยาบาลศิริราช กรุงเทพมหานคร ท่ามกลางความปีติยินดีของพระบรมวงศานุวงศ์และพสกนิกรทั่วประเทศ

สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ ทรงได้รับการดูแลและอบรมพระองค์อย่างประณีตให้เจริญพระชันษาอย่างสมพระเกียรติ ทรงมีพระจริยวัตรงดงาม สุภาพอ่อนน้อม และทรงแสดงออกถึงความตั้งใจจริงในการศึกษาเล่าเรียนในทุกด้าน ทั้งด้านภาษา ศิลปวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี อีกทั้งยังทรงสนพระทัยในกิจกรรมจิตอาสาและงานสาธารณประโยชน์ เพื่อสืบสานแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ในการปลูกฝังให้เยาวชนมีความรักชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์

ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติของพระองค์ หน่วยงานราชการ หน่วยงานเอกชน และประชาชนทั่วไป ต่างพร้อมใจจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ เพื่อแสดงความจงรักภักดีและถวายพระพรชัยมงคล อาทิ การจัดพิธีถวายพานพุ่ม การบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศล การจัดนิทรรศการเผยแพร่พระประวัติและพระราชกรณียกิจ ตลอดจนการดำเนินกิจกรรมจิตอาสาในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสร้างประโยชน์แก่สังคม โดยสำนักพระราชวังได้เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรได้ทั้งทางออนไลน์และในสถานที่ราชการที่กำหนด

ทั้งนี้ สำนักพระราชวัง ขอเชิญชวนประชาชนร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ วันที่ 29 เมษายน 2568 ผ่านระบบออนไลน์ ที่เว็บไซต์หน่วยราชการในพระองค์ https://wellwishes.royaloffice.th/home/index/43 ระหว่างวันที่ 28 – 30 เมษายน 2568

เซี่ยงไฮ้ครองใจนักท่องเที่ยวไทย ไตรมาสแรกปี 68 ทะลุ 1 แสนคน โตพรวด 242.8% ดันขึ้นอันดับ 3 นักท่องเที่ยวต่างชาติสูงสุด

(28 เม.ย. 68) สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเมืองเซี่ยงไฮ้เผยว่า ในไตรมาสแรกของปี 2568 มีนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปยังเซี่ยงไฮ้ถึง 109,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 242.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เติบโตเร็วที่สุด และติดอันดับ 3 รองจากเกาหลีใต้และญี่ปุ่น สะท้อนเสน่ห์ของเซี่ยงไฮ้ที่ยังคงดึงดูดใจชาวไทยได้อย่างต่อเนื่อง

โดยรวมแล้ว เซี่ยงไฮ้มีนักท่องเที่ยวขาเข้ารวมกว่า 1.74 ล้านคนในไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 37.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน และในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติเกือบ 1.26 ล้านคน เพิ่มขึ้นถึง 61.9% ปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นการเติบโต ได้แก่ นโยบายฟรีวีซ่า ระบบชำระเงินที่สะดวก การสื่อสารภาษาต่างประเทศที่ง่ายขึ้น และการคมนาคมที่เป็นมิตร

สำหรับ 3 อันดับประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเยือนเซี่ยงไฮ้มากที่สุดในช่วงต้นปี ได้แก่ เกาหลีใต้กว่า 200,000 คน (เพิ่มขึ้น 142.4%) ญี่ปุ่น 142,000 คน (เพิ่มขึ้น 60%) และไทย 109,000 คน (เพิ่มขึ้น 242.8%) ขณะที่มาเลเซียตามมาในอันดับ 4 ด้วย 85,000 คน นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ รัสเซีย และออสเตรเลียก็เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน

ความสำเร็จนี้ตอกย้ำบทบาทของเซี่ยงไฮ้ในฐานะเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ซึ่งยังคงเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์วัฒนธรรมและการท่องเที่ยวต่อเนื่อง พร้อมเดินหน้าขยายตลาดในภูมิภาคและเสริมสร้างความเชื่อมโยงกับนักเดินทางทั่วโลก

ยอดผู้โดยสารทางอากาศจีนพุ่งแตะ 190 ล้านครั้ง ไตรมาสแรก 2568 เพิ่มขึ้นสูง 4.9% เมื่อเทียบปีต่อปี

(28 เม.ย. 68) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีนรายงานว่าในไตรมาสแรกของปี 2568 (มกราคม-มีนาคม) ยอดผู้โดยสารทางอากาศของจีนแตะ 190 ล้านครั้ง เพิ่มขึ้น 4.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตนี้สะท้อนถึงความฟื้นตัวของภาคการบินหลังจากการลดลงในช่วงวิกฤตโควิด-19

ในช่วงไตรมาสแรก การบินพลเรือนของจีนดำเนินการบินทั้งสิ้น 3.58 ล้านชั่วโมงบิน และมีเที่ยวบินรวม 1.36 ล้านเที่ยว เพิ่มขึ้น 4.8% และ 2.6% ตามลำดับเมื่อเทียบปีต่อปี ปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมดสูงถึง 38,500 ล้านตัน-กิโลเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้น 10.5% เมื่อเทียบปีต่อปี

สำหรับการขนส่งสินค้าและไปรษณียภัณฑ์ทางอากาศในไตรมาสแรกมีปริมาณรวม 2.24 ล้านตัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 11.7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของการขนส่งสินค้าทางอากาศในตลาดจีน

นอกจากนี้ ภาคการบินพลเรือนของจีนยังมีอัตราความตรงต่อเวลาของเที่ยวบินในไตรมาสแรกอยู่ที่ 94.5% เพิ่มขึ้น 4.9 จุดเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และไม่มีรายงานอุบัติเหตุในภาคการบินพลเรือนในช่วงเวลาดังกล่าว

Great Smog of London : เมื่อฝุ่นพิษฆ่าคนนับหมื่น และนายกฯ ต้องเลือกทางรอดทางการเมือง | THE STATES TIMES Story EP.162

ในวันที่กรุงเทพฯเริ่มหายใจได้สะดวกขึ้นจากวิกฤติฝุ่น PM2.5...

ขอพาไปย้อนเหตุการณ์จริงที่หนักหนากว่าฝุ่นทุกวันนี้หลายร้อยเท่า Great Smog of London ปี 1952 หมอกพิษที่คร่าชีวิตคนกว่า 12,000 รายในเวลาแค่ 5 วัน และทำให้ทั้งโลกต้องเปลี่ยนแนวทางการจัดการมลพิษใหม่ทั้งหมด

จุดเริ่มจากการเผาถ่านหิน...ไปจนถึงการตัดสินใจที่เปลี่ยนทั้งสหราชอาณาจักร และสร้างกฎหมาย Clean Air Act อันลือลั่น

แต่ระหว่างทาง วินสตัน เชอร์ชิล ต้องเผชิญทั้งแรงกดดัน การเมือง และข้อกล่าวหาว่า 'รู้แต่ไม่แก้'
เรื่องจริงที่ทำให้เรารู้ว่า 'ฝุ่น' ไม่ได้ฆ่าแค่สุขภาพ แต่ฆ่าได้แม้แต่ผู้นำ...ถ้าแก้ไม่ทัน!


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top