(3 พ.ค. 68) ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2014 เมืองดนิโปร (Dnipro) ได้กลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในมิติภูมิรัฐศาสตร์ ด้วยที่ตั้งซึ่งอยู่กึ่งกลางระหว่างยูเครนตะวันตกที่โน้มเอียงเข้าหาตะวันตกกับยูเครนตะวันออกที่มีรากฐานทางอุตสาหกรรมและสายสัมพันธ์ทางประวัติศาสตร์กับรัสเซีย เมืองดนิโปรจึงมีความสำคัญทั้งเชิงยุทธศาสตร์และเชิงอัตลักษณ์ทางการเมือง
ดนิโปรมิใช่เพียงเมืองใหญ่อันดับต้น ๆ ของยูเครนหากยังเป็นที่ตั้งของฐานทัพและโรงงานอุตสาหกรรมด้านอวกาศและอาวุธยุทโธปกรณ์มาอย่างยาวนานโดยเฉพาะในยุคสหภาพโซเวียต
ส่งผลให้เมืองนี้เป็น "จุดยุทธศาสตร์" ที่มีความหมายทั้งทางทหาร เศรษฐกิจ และสัญลักษณ์ของความสามารถทางเทคโนโลยีของชาติ ปีค.ศ. 2022 เมืองดนิโปร (Dnipro) ได้กลับมามีบทบาทสำคัญในฐานะจุดยุทธศาสตร์ทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์ เศรษฐกิจและการทหารในสนามรบยูเครนอีกครั้งหนึ่ง แม้จะไม่ได้เป็นจุดศูนย์กลางการสู้รบโดยตรงเช่นเมืองมาริอูโปลหรือบัคมุต แต่ดนิโปรถือเป็น “หลังบ้านของแนวหน้า” และเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่มีนัยสำคัญยิ่งต่อทั้งฝ่ายยูเครนและรัสเซียการที่รัสเซียให้ความสนใจต่อดนิโปรจึงไม่ใช่เพียงเรื่องของการขยายอิทธิพล แต่เป็นการแย่งชิง “หัวใจของยูเครนตอนกลาง” ที่มีศักยภาพในการกำหนดทิศทางของสงครามและภูมิรัฐศาสตร์ของภูมิภาคโดยรวม
ดนิโปร (ชื่อเดิม: ดนีโปรเปตรอฟสค์ – Dnipropetrovsk) ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีเปอร์ (Dnieper River) ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่ของยูเครนทั้งในทางเศรษฐกิจ การคมนาคมและการทหาร เมืองนี้เป็น
เมืองใหญ่อันดับ 4 ของประเทศ มีประชากรราว 1 ล้านคน (ก่อนสงคราม) และยังเป็นศูนย์กลางการบริหารในภูมิภาคดนิโปรเปตรอฟสค์ซึ่งเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่มั่นคงที่สุดของยูเครนหลังปีค.ศ. 2014 และยังเป็นสะพานเชื่อมระหว่างภาคตะวันออกและภาคกลาง การควบคุมเมืองนี้เท่ากับสามารถแทรกซึมลึกเข้าสู่ใจกลางของยูเครน โดยเมืองนี้มีความสำคัญดังนี้
1) เป็นแนวกันชนระหว่างตะวันออกกับตะวันตก
ในทางภูมิรัฐศาสตร์เมืองดนิโปรตั้งอยู่ริมแม่น้ำดนีเปอร์ทางฝั่งตะวันตกของแนวแบ่งระหว่างดอนบาส (Donbas) ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการสู้รบอย่างเข้มข้นกับภูมิภาคภาคกลางของยูเครนที่ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง เมืองนี้จึงทำหน้าที่เป็นแนวกันชนเชิงยุทธศาสตร์ หากรัสเซียสามารถยึดครองดนิโปรได้จะเป็นการเปิดเส้นทางตรงสู่ภาคกลางของยูเครน รวมถึงเป็นการตัดขาดการส่งกำลังบำรุงและการเชื่อมต่อระหว่างตะวันตกกับตะวันออก นักภูมิรัฐศาสตร์เช่น Halford Mackinder เคยเสนอว่า “ผู้ใดควบคุมใจกลางยูเรเชีย
ผู้นั้นควบคุมโลก” และในลักษณะคล้ายคลึงกันดนิโปรสามารถถูกมองว่าเป็น “จุดค้ำ” (pivot) ของความมั่นคงภายในยูเครน โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเมืองนี้ตั้งอยู่ในใจกลางของโครงข่ายคมนาคม ระบบรถไฟ และเส้นทางส่งกำลังพล
2) เป็นฐานการผลิตและซัพพลายโลจิสติกส์
ในยุคสงครามเย็นเมืองดนิโปรซึ่งขณะนั้นยังใช้ชื่อว่า ดนิโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk) ได้รับการพัฒนาให้เป็นหนึ่งในศูนย์กลางสำคัญที่สุดของอุตสาหกรรมอวกาศและยุทโธปกรณ์ของสหภาพโซเวียต โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกล (Intercontinental Ballistic Missiles - ICBMs) ซึ่งเป็นหัวใจของยุทธศาสตร์การถ่วงดุลอำนาจกับโลกตะวันตก หัวใจของศักยภาพทางยุทโธปกรณ์ของดนิโปรอยู่ที่โรงงาน Yuzhnoye Design Office (OKB-586) และโรงงาน Yuzhmash (Southern Machine-Building Plant) ซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งศูนย์ออกแบบและฐานการผลิตขีปนาวุธหลักของโครงการนิวเคลียร์โซเวียต โรงงานเหล่านี้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างเข้มงวดและได้รับการจัดว่าเป็น "เมืองปิด" (closed city) โดยจำกัดการเข้าถึงจากบุคคลภายนอกอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลด้านเทคโนโลยี หนึ่งในผลงานสำคัญที่ออกแบบและผลิตโดย Yuzhmash คือขีปนาวุธรุ่น R-12, R-16 และ R-36 ซึ่งรุ่นหลังสุดถูก NATO ตั้งชื่อว่า SS-18 Satan ซึ่งถือเป็นหนึ่งในขีปนาวุธที่มีอานุภาพร้ายแรงและระยะยิงไกลที่สุดในประวัติศาสตร์ของโซเวียต
ด้วยพิสัยการยิงที่สามารถโจมตีได้ทั่วทั้งยุโรปและอเมริกาเหนือ ระบบขีปนาวุธเหล่านี้ยังคงเป็นรากฐานของแสนยานุภาพนิวเคลียร์ของรัสเซียแม้หลังการล่มสลายของสหภาพโซเวียต
นอกจากบทบาททางทหารแล้ว โรงงาน Yuzhmash ยังมีบทบาทในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศของโซเวียต โดยผลิตจรวดขนส่งอวกาศและดาวเทียม อาทิ จรวดรุ่น Cyclone และ Zenit ซึ่งถูกนำไปใช้ในภารกิจปล่อยดาวเทียมทั้งเชิงพาณิชย์และด้านความมั่นคงแห่งรัฐ ถือเป็นหลักฐานชัดเจนถึงศักยภาพด้านเทคโนโลยีระดับสูงของเมืองดนิโปรในระบบอุตสาหกรรมโซเวียต ด้วยเหตุนี้ดนิโปรจึงไม่ได้เป็นเพียงเมืองอุตสาหกรรมธรรมดาหากแต่เป็น "เส้นเลือดใหญ่" ของระบบป้องกันประเทศของโซเวียต เมืองนี้ไม่เพียงมีมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาลจากการจ้างงานและการผลิตแต่ยังเป็นศูนย์รวมขององค์ความรู้วิศวกรรมขั้นสูงและเทคโนโลยีทางทหารที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้น การที่รัสเซียในยุคหลังโซเวียตยังคงให้ความสนใจต่อเมืองนี้จึงเป็นเรื่องที่สืบเนื่องโดยตรงจากมรดกทางยุทธศาสตร์ที่ดนิโปรเคยมีและยังคงเป็น แม้ในปัจจุบันโรงงาน Yuzhmash จะลดบทบาทลงจากยุคโซเวียตแต่ดนิโปรยังคงเป็นหนึ่งในเมืองที่มีอุตสาหกรรมยุทโธปกรณ์และโรงงานซ่อมบำรุงขนาดใหญ่ของกองทัพยูเครน นอกจากนี้เมืองดนิโปร ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้าน
โลจิสติกส์สำหรับการส่งอาวุธและเสบียงไปยังแนวหน้า เช่น แคว้นซาปอริซเซียและโดเนตสค์ การโจมตีทางอากาศของรัสเซียจึงมักพุ่งเป้าไปที่คลังอาวุธ คลังน้ำมัน และเส้นทางรถไฟในพื้นที่นี้อย่างต่อเนื่อง
3) พื้นที่หลบภัยและการตอบสนองด้านมนุษยธรรม
เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้แนวรบแต่ยังปลอดภัยพอสำหรับการอยู่อาศัย ดนิโปรกลายเป็นพื้นที่รองรับผู้ลี้ภัยจากเมืองทางตะวันออก เช่น สโลวียานสค์ ลูฮานสค์ หรือมารีอูโปล ทำให้เมืองมีบทบาทสำคัญในการจัดการด้านมนุษยธรรม โรงพยาบาลในดนิโปรยังเป็นศูนย์กลางการรักษาทหารบาดเจ็บที่ถูกส่งกลับจากแนวหน้า
4) เป้าหมายเชิงสัญลักษณ์
ดนิโปรมีรากทางประวัติศาสตร์ที่โยงกับสหภาพโซเวียตและเทคโนโลยีทางการทหารของโซเวียต ดังนั้นการควบคุมเมืองนี้จึงมีนัยสำคัญเชิงจิตวิทยาและประวัติศาสตร์สำหรับรัสเซีย ซึ่งพยายามวาดภาพว่ายูเครนเป็นดินแดนที่ควร “กลับคืน” สู่การเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมรัสเซีย การเข้ายึดเมืองดนิโปรจะไม่เพียงแค่เป็นชัยชนะทางทหาร แต่ยังอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือสร้างวาทกรรมของ “การกู้คืนดินแดนแห่งความรุ่งเรืองทางทหาร” อีกด้วย
เมื่อพิจารณาความสำคัญของเมืองดนิโปรในเชิงภูมิยุทธศาสตร์ เมืองดนิโปรมีความสำคัญดังนี้
1) ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์เป็นจุดเชื่อมระหว่างภาคตะวันตกและตะวันออกของยูเครน
เมืองดนิโปรตั้งอยู่ในภูมิภาคกลางของประเทศยูเครน เป็นเมืองสำคัญในแคว้นดนิโปรเปตรอฟสค์ (Dnipropetrovsk Oblast) ซึ่งถือเป็น “ประตูสู่ตะวันออก” ของประเทศ หากพิจารณาในแง่ภูมิศาสตร์เชิงยุทธศาสตร์ดนิโปรตั้งอยู่บนเส้นแกนตะวันตก–ตะวันออก ซึ่งเชื่อมระหว่างภูมิภาคที่มีบทบาทต่ออัตลักษณ์และอุดมการณ์ทางการเมืองที่แตกต่างกัน ภาคตะวันตกของยูเครนมีแนวโน้มโน้มเอียงไปทางยุโรปตะวันตกและมีความเป็นชาตินิยมสูง ขณะที่ภาคตะวันออกโดยเฉพาะแคว้นดอนบาสมีความใกล้ชิดทางภาษาวัฒนธรรมกับรัสเซียและเป็นฐานเสียงของพรรคการเมืองสายรัสเซียมาตลอด ดนิโปรจึงกลายเป็นพื้นที่กันชน (buffer zone) หรือพื้นที่เปลี่ยนผ่าน (transitional zone) ที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ภาษา และการเมือง นอกจากนั้นดนิโปรยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ในระบบโลจิสติกส์ของประเทศ โดยเป็นศูนย์กลางของเครือข่ายรถไฟ ถนน และการขนส่งทางแม่น้ำ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งในช่วงสงคราม เพราะสามารถใช้เป็นฐานส่งกำลังบำรุงจากตะวันตกไปยังแนวหน้าทางตะวันออก และในทางกลับกันเป็นเส้นทางถอนกำลังหรืออพยพพลเรือนออกจากเขตสู้รบ
2) ความสำคัญของแม่น้ำดนีโปร (Dnieper River)
แม่น้ำดนีโปรนับเป็นเส้นเลือดสำคัญของยูเครนทั้งในมิติทางภูมิศาสตร์และยุทธศาสตร์ โดยมีความยาวกว่า 2,200 กิโลเมตรไหลจากทางเหนือของประเทศลงสู่ทะเลดำทางใต้ ทำหน้าที่แบ่งดินแดนของยูเครนออกเป็นสองฝั่ง—ตะวันตกและตะวันออก—อย่างชัดเจน ด้วยบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ในฐานะ “กำแพงธรรมชาติ” (natural barrier) แม่น้ำสายนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการป้องกันและรักษาอธิปไตยของรัฐยูเครน เมืองดนิโปรตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีโปรซึ่งเป็นพื้นที่ที่รัฐบาลยูเครนสามารถรักษาการควบคุมได้ในช่วงที่เกิดการรุกรานจากรัสเซียโดยเฉพาะในห้วงเวลาที่เกิดการสู้รบอย่างเข้มข้นในภูมิภาค
ซาปอริซเซียและดอนบาส ดนิโปรจึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการรักษาสมดุลของการป้องกันและการส่งกำลังบำรุงให้แนวรบภาคตะวันออก หากดนิโปรถูกยึดครองโดยกองทัพรัสเซียความได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ของแม่น้ำดนีโปรในฐานะปราการธรรมชาติก็จะถูกบั่นทอนลงอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายรัสเซียสามารถข้ามแม่น้ำเพื่อขยายแนวรบเข้าสู่ภาคกลางของยูเครนแล้วยังอาจเปิดทางให้มีการรุกคืบไปถึงกรุงเคียฟซึ่งเป็นเมืองหลวงที่ตั้งอยู่ตอนเหนือของแม่น้ำสายนี้ได้อีกด้วย ดังนั้นในมิติของภูมิรัฐศาสตร์แม่น้ำดนีโปรไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางน้ำธรรมดาแต่เป็นแนวกำหนดยุทธศาสตร์ของสงคราม เป็นทั้งพรมแดนและแนวป้องกันซึ่งมีผลต่อดุลอำนาจในพื้นที่ตอนกลางของยูเครนและมีอิทธิพลต่อผลลัพธ์ของสงครามโดยรวม
3) ดนิโปรในฐานะป้อมปราการตะวันตกของแนวป้องกันยูเครน
นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 เป็นต้นมาเมืองดนิโปรได้กลายเป็นหนึ่งในฐานที่มั่นหลักของกองทัพยูเครนในการป้องกันแนวรบตะวันออกโดยเฉพาะการสนับสนุนการสู้รบในแคว้นโดเนตสค์ ลูฮานสค์ และซาปอริซเซีย กองกำลังสำรอง อาวุธยุทโธปกรณ์ และเวชภัณฑ์จำนวนมากถูกส่งมาจากดนิโปร รวมถึงโรงพยาบาลในเมืองนี้ยังรับหน้าที่เป็นจุดพักฟื้นสำหรับทหารที่บาดเจ็บ บทบาทของดนิโปรในฐานะ “ป้อมปราการเชิงลึก” (deep defense fortress) จึงอยู่ในลักษณะของเมืองหลังแนวหน้า (rear base) ที่มีความมั่นคงทางภูมิศาสตร์แต่มีศักยภาพในการรองรับแรงกระแทกจากแนวรบเบื้องหน้า การรักษาความปลอดภัยในดนิโปรจึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลยูเครนให้ความสำคัญอย่างมาก แม้ไม่ได้ถูกใช้เป็นแนวสู้รบโดยตรงแต่การถูกโจมตีทางอากาศหลายครั้งของรัสเซียต่อเป้าหมายในดนิโปร เช่น คลังแสง คลังน้ำมัน หรือโรงงานอุตสาหกรรมบ่งชี้ถึงความพยายามของรัสเซียในการทำลายศักยภาพของเมืองนี้ในฐานะศูนย์กลางทางยุทธศาสตร์
4) ความสำคัญทางการทหารและความมั่นคง
ในบริบทของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้ออย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 เมืองดนิโปรได้พัฒนาไปสู่การเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางทหารที่สำคัญที่สุดของยูเครน โดยเฉพาะในบทบาทของ “ฐานส่งกำลังบำรุง” (logistics base) ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสนับสนุนปฏิบัติการในแนวรบภาคตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ เมืองดนิโปรตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ที่ไม่ไกลจากสมรภูมิหลักในภูมิภาคดอนบาส แต่ยังอยู่ในระยะที่พอปลอดภัยจากการรุกภาคพื้นดินของกองทัพรัสเซียในระยะสั้น ส่งผลให้สามารถดำรงบทบาทเป็นจุดรวบรวมและกระจายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเวชภัณฑ์ ไปยังหน่วยต่าง ๆ ที่ปฏิบัติการในแนวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญทางทหารของเมืองดนิโปรยังปรากฏชัดในฐานะที่ตั้งของหน่วยงานด้านความมั่นคงและการทหารที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นศูนย์บัญชาการทางทหาร (Military Command Centers) ศูนย์ส่งกำลังบำรุง (Logistics Hubs) ไปจนถึงหน่วยวิจัย ซ่อมบำรุง และปรับแต่งอาวุธยุทโธปกรณ์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการบูรณะยานเกราะที่ได้รับความเสียหาย และในอีกด้านหนึ่ง ก็มีการนำอาวุธที่ได้รับจากประเทศตะวันตกมาปรับแต่งให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและลักษณะของการรบในแนวหน้า บทบาทของดนิโปรในฐานะศูนย์กลางยุทธศาสตร์เช่นนี้จึงเป็นมากกว่าการเป็นเพียงจุดผ่านของกำลังรบ หากแต่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการรักษาสมดุลและเสถียรภาพของความสามารถทางทหารของยูเครนในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อการสู้รบยังคงดำเนินต่อเนื่องในลักษณะสงครามแบบยืดเยื้อและใช้ทรัพยากรอย่างหนัก
5) โครงสร้างพื้นฐาน: สนามบิน ทางรถไฟ ถนนยุทธศาสตร์
ความสำคัญของดนิโปรไม่ได้จำกัดเฉพาะตำแหน่งเชิงภูมิศาสตร์ แต่ยังรวมถึง โครงสร้างพื้นฐานยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงกับความมั่นคงระดับชาติ ได้แก่ สนามบินดนิโปร (Dnipro International Airport) ที่แม้จะไม่ได้ใหญ่เท่ากับสนามบินในเคียฟหรือโอเดสซาแต่ก็ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการทางอากาศในช่วงก่อนสงครามและมีบทบาทรองรับการลำเลียงทางอากาศและการอพยพฉุกเฉินในช่วงวิกฤต โครงข่ายทางรถไฟ
ที่เชื่อมโยงดนิโปรกับเคียฟ โพลตาวา คาร์คิฟ และแนวรบภาคตะวันออก ทำให้เมืองนี้กลายเป็นศูนย์กลางของระบบโลจิสติกส์ขนาดใหญ่ที่สามารถลำเลียงทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างรวดเร็ว ถนนยุทธศาสตร์ เช่น เส้น M04 และ M18 ที่ใช้ในการเคลื่อนย้ายกำลังพลระหว่างแนวหน้าและฐานสนับสนุนด้านหลังถือเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ถูกจับตาจากทั้งสองฝ่าย การมีโครงสร้างพื้นฐานดังกล่าวส่งผลให้เมืองดนิโปรมี “value added” ทางทหารสูง หากฝ่ายใดสามารถควบคุมหรือทำลายจุดยุทธศาสตร์เหล่านี้ได้ย่อมสามารถส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำสงครามของอีกฝ่ายได้โดยตรง
ตั้งแต่ต้นปี ค.ศ. 2022 เป็นต้นมาเมืองดนิโปรตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีทางอากาศหลายครั้งจากฝั่งรัสเซีย โดยเฉพาะในรูปแบบของขีปนาวุธพิสัยไกล (long-range missiles) เช่น Kh-22 และ Iskander
โดรนกามิกาเซ่ (kamikaze drones) โดยเฉพาะ Shahed-136 ที่ใช้ในภารกิจแบบ “low-cost disruption” และการโจมตีแบบเจาะจง (targeted strikes) ต่อโครงสร้างพื้นฐาน เช่น โรงเก็บเชื้อเพลิง โรงงานซ่อมยุทโธปกรณ์ และศูนย์ควบคุมการจราจรทางรถไฟ การโจมตีลักษณะนี้สะท้อนถึงยุทธศาสตร์ของรัสเซียในการใช้การก่อกวนโครงสร้างพื้นฐานเป็นเครื่องมือทำลายเส้นทางสนับสนุนของยูเครนจากภายใน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่ผ่านมาที่มีความพยายามอย่างเป็นระบบในการโจมตีเครือข่ายไฟฟ้าและระบบขนส่งของเมือง ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ยุทธศาสตร์นี้ไม่ได้มุ่งเพียงเป้าหมายทางทหารเท่านั้นแต่ยังมุ่งสร้างความหวาดกลัวในหมู่ประชาชน ลดขวัญกำลังใจ และทำให้ต้นทุนการรักษาเมืองของรัฐบาลยูเครนสูงขึ้นในระยะยาว หากรัสเซียสามารถยึดครองเมืองดนิโปรหรือบั่นทอนศักยภาพของเมืองนี้ผ่านการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบที่อาจตามมาคือ
1) ความเสียหายต่อระบบสนับสนุนแนวรบ โดยเฉพาะในภูมิภาคดอนบาส ซึ่งเป็นแนวรบหลักของยูเครน
2) การตัดขาดเครือข่ายการขนส่งระหว่างภาคตะวันตกกับตะวันออก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจัดสรรทรัพยากรทางการทหารและพลเรือน
3) ความเสียหายเชิงจิตวิทยาและยุทธศาสตร์ต่อรัฐยูเครน ในการสูญเสียเมืองศูนย์กลางอุตสาหกรรมเก่าแก่และฐานทัพภายในประเทศ
4) การเปิดช่องให้รัสเซียขยายอิทธิพลต่อฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนีโปร ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นคงของเมืองใหญ่ เช่น เคียฟ และโพลตาวา
บทสรุป เมืองดนิโปรมิได้เป็นเพียงศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในอดีตเท่านั้นหากแต่ในบริบทของสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2022 เมืองนี้ได้พัฒนาขึ้นเป็นหนึ่งในศูนย์กลางยุทธศาสตร์ทางทหารที่สำคัญที่สุดของยูเครน ทั้งในฐานะฐานส่งกำลังบำรุง (logistics base) และศูนย์บัญชาการภาคกลางที่รองรับแนวรบด้านตะวันออก ด้วยทำเลที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้สมรภูมิสำคัญในแคว้นดอนบาส แต่ยังคงอยู่ในระยะที่ปลอดภัยจากการรุกภาคพื้นดินโดยตรง เมืองดนิโปรจึงสามารถทำหน้าที่เป็นจุดรวบรวมและกระจายกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเวชภัณฑ์ไปยังแนวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นเมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางของหน่วยงานทางทหารระดับยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงยุทโธปกรณ์ ศูนย์บัญชาการและหน่วยวิจัยที่ทำหน้าที่บูรณะอาวุธจากแนวหน้า รวมถึงดัดแปลงอาวุธจากตะวันตกให้เหมาะสมกับการใช้งานในพื้นที่ปฏิบัติการของยูเครน บทบาทดังกล่าวของดนิโปรสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญทางภูมิรัฐศาสตร์ในระดับประเทศ เมืองนี้ไม่เพียงแต่เป็นแนวป้องกันเชิงลึกที่เชื่อมโยงภาคตะวันออกกับภาคกลางของยูเครน หากแต่ยังทำหน้าที่เป็นเสาหลักในการรักษาเสถียรภาพของระบบป้องกันและโครงสร้างทางทหารของประเทศ ในสงครามที่มีลักษณะยืดเยื้อและอาศัยการสนับสนุนจากภายนอกอย่างเข้มข้น การมีศูนย์กลางทางทหารที่แข็งแกร่ง เช่น ดนิโปร จึงถือเป็นปัจจัยชี้ขาดต่อความสามารถในการต้านทานการรุกรานจากรัสเซียได้ในระยะยาว