Sunday, 27 April 2025
ค้นหา พบ 47686 ที่เกี่ยวข้อง

คนไข้อึ้ง!! ไปทำฟัน รพ.สต. เจอไฟส่องเตียงแบบดีไอวาย เผย!! ของบ 3 ปีแล้ว ยังไม่ได้ ต้องดัดแปลงเอง!! โซเชียล คอมเมนต์กันสนั่น!! สตง.มีงบจะสร้างตึกใหม่ แต่รพ.ไม่มี

(20 เม.ย. 68) วิจารณ์กันหนักในโลกออนไลน์ เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพลงในกรุ๊ป สวนผึ้ง City โดยเล่าเรื่องว่า ไปทำฟันที่ รพ.สต.ตะนาวศรี กลับเจอไฟส่องทำฟันนั้นเป็นไฟส่องกบแทน

โดยระบุข้อความว่า …

“ไปทำฟัน รพ.สต.ตะนาวศรี ทำดีมากจนเสร็จ เพิ่งเห็นว่าไฟส่องเตียงสภาพนี้ ถามหมอ ของบมา 3 ปีแล้วยังไม่ถึง ต้องดัดแปลงเองเพื่อคนไข้ หน่วยงานไหนช่วยด้วยเถอะค่ะ”

ซึ่งมีคนเข้าไปแชร์ และคอมเมนต์จำนวนมาก อาทิ

“สตง. มีงบจะสร้างตึกใหม่ แต่โรงพยาบาลไม่มี เห้ออออ ประเทศไทย”

“งบ กระทรวงสาสุข จะลงไปที่ cup คือ รพช. อยู่ที่ รพช.จะให้มาแค่ไหน เมื่อไหร่ นี่คือปัญหาที่ รพ.สต.ประสบอยู่ ถ้าโอนตรง รพ.สต. จะดีที่สุด แต่คงยากมาก”

“ไฟนี้นอกจากใช้งานใน รพ.สต. ยังเอาไปหาอึ่งได้ด้วยนะนี่”

“โคมไฟ …เค้าบอก ของไม่เร่งด่วน รอคิวลำดับที่ที่สี่ร้อย”

“ถ้าคุณหมอเปิดรับบริจาค ผมก็ขอเป็น 1 ในล้านๆคน ขอมีส่วนร่วมบริจาคทรัพย์ช่วยด้วยครับ”

‘กรรมการ ททท.’ ชี้!! ‘รัฐ - เอกชน’ ต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูด!! นักท่องเที่ยว ทั้งกลุ่ม ‘ตลาดยุโรป – จีน – มาเลเซีย – เกาหลีใต้ – ญี่ปุ่น – ไต้หวัน’ โกยเงินเข้าประเทศ

(20 เม.ย. 68) นายกิตติ พรศิวะกิจ กรรมการ ททท. ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า …

ท่องเที่ยวไทยกับโลก 2 ใบ

โลกใบแรก 
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ึคนไทยคุ้นเคย จีน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซึ่งติด Top 10 ในปีก่อนๆ 2 เดือนนี้ ติดลบ 30-50% อาการหนัก โดนทุบซ้ำๆ ทั้งจาก เรื่องความปลอดภัย แผ่นดินไหว กำแพงภาษี และคู่แข่ง

โลกใบที่สอง 
ตลาดยุโรป ทั้ง Russia UK Germany France US ตะวันออกกลาง ไปจนถึง เอเชียกลาง (คาซัคสถาน ) เอเซียใต้ ( อินเดีย ) ปีก่อนต่างก็ทำ New High + 100% เทียบกับปี 2019 และยังบวกต่อเนื่องในปีนี้

ถ้าเรามองตัวเลขนักท่องเที่ยว Weekend แรกหลังสงกรานต์ ในวันพฤหัสบดี-เสาร์ ที่ 17-19 เม.ย. 2568
17/4 82,926 คน
18/4 94,827 คน
19/4 80,996 คน

จะเห็นว่าจำนวนนักท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ไวกว่าที่คาด และผลกระทบจากแผ่นดินไหว กับนักท่องเที่ยวกลุ่ม Hi-Spending และ Long Hual แทบจะไม่มีผลเลย

โจทย์ที่ทั้งรัฐและเอกชนต้องช่วยกันคือ การสร้างความเชื่อมั่นและแรงดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนและเกาหลีใต้ ที่กำลังหันไปเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น ทั้งจากเรื่องความปลอดภัย ค่าเงินเยน และงาน Expo 2025 ที่ Osaka ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่ 13 เมษายน - 13 ตุลาคม 2025 ที่คาดว่าจะมีผู้เข้าเยี่ยมชมกว่า 28 ล้านคน

ยูเครนรับร่างทหารกลับคืน 909 ราย ต่อเดือน พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เริ่มสงครามรัสเซีย

(21 เม.ย. 68) ​ตามรายงานจากสื่อต่างประเทศหลายแห่ง ระบุว่าในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน 2568 ยูเครนได้รับร่างทหารของตนกลับคืนจากรัสเซียจำนวน 909 ร่างในแต่ละเดือน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์

ขณะเดียวกัน จำนวนทหารรัสเซียที่เสียชีวิตที่ถูกส่งตัวไปยังสหพันธรัฐรัสเซียก็ลดลงด้วย จาก 49 นายในเดือนมกราคมเป็น 41 นาย ในเดือนเมษายน 

การแลกเปลี่ยนร่างทหารที่เสียชีวิตระหว่างสองประเทศนี้สะท้อนถึงสถานการณ์ในสนามรบที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในภูมิภาคคูร์สก์ ซึ่งกองทัพรัสเซียได้เริ่มปฏิบัติการเชิงรุกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 

โดยสามารถตัดเส้นทางลำเลียงของยูเครนในเขตซูจานได้ และในวันที่ 8 มีนาคม ได้ใช้ยุทธวิธีเคลื่อนกำลังไปตามท่อส่งก๊าซ บุกเข้าตีแนวรับของยูเครนบางส่วนในรูปแบบกึ่งวงล้อม ทำให้ยูเครนต้องถอนกำลังออกจากฐานที่มั่นขนาดใหญ่หลายแห่งอย่างฉุกละหุก

คำให้การของทหารยูเครนที่ถูกจับเป็นเชลยระบุว่า การถอนกำลังเกิดขึ้นโดยไม่มีการวางแผนใดๆ ทหารหลายคนต้องทิ้งร่างเพื่อนร่วมรบเพื่อหนีเอาตัวรอด บางส่วนติดอยู่ในพื้นที่และถูกยิงเสียชีวิตหลังจากนั้น ในขณะที่โชคดีหน่อยก็ถูกจับเป็นเชลย นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมยูเครนจึงได้รับร่างทหารกลับคืนเป็นจำนวนมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่าการแลกเปลี่ยนร่างทหารที่เสียชีวิตนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามหลักมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยมีการประสานงานระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ

สถิติเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงจำนวนผู้เสียชีวิตในสงครามเท่านั้น แต่ยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของโมเมนตัมในสนามรบ ซึ่งฝ่ายที่รุกคืบหน้าจะมีโอกาสเก็บกู้ร่างทหารของฝ่ายตรงข้ามได้มากกว่า ในขณะที่ฝ่ายที่ล่าถอยอาจต้องทิ้งร่างทหารของตนไว้ในพื้นที่ที่ถูกยึดครอง

สถานการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงความรุนแรงและความสูญเสียที่ยังคงดำเนินต่อไปในสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย แม้จะมีความพยายามในการเจรจาและหยุดยิงในบางช่วงเวลา แต่ความขัดแย้งยังคงยืดเยื้อและส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้คนทั้งสองฝ่าย

‘ครูเดวิด’ ฟาดฝรั่งพูดหนีห่าวเหยียด ‘ทราย สก๊อต’ ชี้ดูถูกคนไทยมากไปแล้ว!

(21 เม.ย. 68) หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในสังคมออนไลน์ จากกรณี “ทราย สก๊อต” นักอนุรักษ์ทะเลชื่อดัง เจ้าของฉายา “มนุษย์เงือก” หรือ “อควาแมนเมืองไทย” โพสต์คลิปเหตุการณ์ขณะเกิดการปะทะคารมกับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติรายหนึ่งที่แสดงพฤติกรรมเชิงเหยียดเชื้อชาติ ด้วยการทักทายว่า ‘หนีห่าว’

ในคลิปดังกล่าว ทรายสก๊อตได้ตักเตือนนักท่องเที่ยวรายนั้นถึงความไม่เหมาะสมของคำพูด ซึ่งสะท้อนการเหมารวมและเหยียดชาวเอเชียอย่างชัดเจน แต่กลับไม่ได้รับคำขอโทษหรือท่าทีสำนึกใด ๆ จากอีกฝ่าย จึงตัดสินใจสั่งให้เรือเดินทางกลับฝั่ง พร้อมทั้งอธิบายเพิ่มเติมว่า การเหยียดคนไทยหรือชาติพันธุ์ใด ๆ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ในแผ่นดินไทย

ต่อมา “ครูเดวิด วิลเลี่ยม” (David William) ติ๊กต็อกเกอร์ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และมีผู้ติดตามกว่า 3 ล้านคน ได้ออกมาแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนต่อเหตุการณ์นี้ผ่านช่องทางโซเชียลของเขา โดยระบุว่า

“ฝรั่งเขาดูถูกคนไทย แล้วพี่รับไม่ได้… คุณมาเที่ยวประเทศที่โคตรสวยงาม การรับผิดชอบเบื้องต้น ไม่เอาขยะทิ้งลงทะเล ไม่ใช่เรื่องยาก มันเป็นสิ่งที่ควรทำ... แต่บางคนกลับมองว่า เมืองไทยคือที่ที่อยากทำอะไรก็ได้ เพราะมีเงิน และไม่ต้องให้เกียรติคนท้องถิ่น...”

เขายังเสริมอย่างตรงไปตรงมาว่า คำว่า ‘หนีห่าว’ กลายเป็นคำพูดที่ฝรั่งใช้ในเชิงเหมารวมคนเอเชียว่าเป็นคนจีน ทั้งที่ผู้รับคำพูดนั้นไม่ใช่ และถือเป็นการดูถูกที่ไม่ควรเกิดขึ้นในสังคมที่เปิดกว้างเช่นนี้

“ทำไมฝรั่งมาประเทศไทยแล้วรู้สึกว่าทำอะไรก็ได้? เป็นเพราะเขาดูถูกพวกเรา… ความใจดีของคนไทย อ่อนน้อม เกรงใจ เป็นสิ่งที่สวยงาม แต่บางที… ความน่ารักของเราก็ต้องมีขอบเขต”

เขาทิ้งท้ายอย่างหนักแน่นว่า หากชาวต่างชาติไม่เคารพกฎหมายหรือวัฒนธรรมไทย ก็ควร “กลับบ้านไปเลย” พร้อมเสนอแนวคิดว่า คนไทยควร “เกรงใจฝรั่งให้น้อยลง” เพื่อสร้างความเท่าเทียมทางวัฒนธรรม และไม่เปิดช่องให้ใครมาหยามศักดิ์ศรีคนไทยบนผืนแผ่นดินตัวเอง

ขณะเดียวกัน ชาวเน็ตหลายคนร่วมแสดงความเห็นสนับสนุนทั้งทรายและครูเดวิด โดยเฉพาะในประเด็นความเท่าเทียม การเคารพซึ่งกันและกัน และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติที่ไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าหน้าที่เพียงฝ่ายเดียว แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมของทุกคน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ

โค้งสุดท้ายก่อนปิดรับสมัคร ‘DAD NIDA’ รุ่นที่ 10 สุดยอดหลักสูตรพัฒนาผู้นำยุคดิจิทัลตอบโจทย์โลกธุรกิจยุคใหม่

(21 เม.ย. 68) เพจเฟซบุ๊ก ‘DAD NIDA’ เพจประชาสัมพันธ์หลักสูตร Development Administrator in Digital Era (DAD) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ได้โพสต์ข้อความเชิญชวนสมัครเรียนโครงการ DAD NIDA รุ่นที่ 10 ระบุว่า…

ถ้าคุณกำลังมองหาหลักสูตรผู้บริหารที่ช่วยยกระดับศักยภาพและเครือข่าย DAD NIDA รุ่นที่ 10 คือคำตอบ พบกับวิทยากรชั้นนำจากหลายวงการ
เปิดรับสมัครแล้ววันนี้ การันตีคุณภาพโดย NIDA

✨ Key Highlights ที่คุณไม่ควรพลาด ✨
🔹 เนื้อหาปรับปรุงใหม่ตอบโจทย์โลกอนาคต
✅ Speed Networking – ขยายคอนเนคชันทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว
✅ DAD Executive Networking Night – สร้างเครือข่ายกับผู้บริหารระดับแนวหน้า
✅ DAD Site Visit – เรียนรู้จากองค์กรชั้นนำผ่านการเยี่ยมชมสถานที่จริง
🔹 New Curriculum
📌 องค์ความรู้ด้านเศรษฐกิจและการพัฒนาผู้นำยุคใหม่
📌 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับอุตสาหกรรมต่างๆ
📌 อัปเดตเทรนด์ดิจิทัลสำคัญ
📌 พัฒนา soft skill ด้านภาวะผู้นำในยุคดิจิทัล

🔹 หลักสูตรนี้เหมาะกับใคร
✅ ภาคเอกชน – ผู้ประกอบการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ
✅ ข้าราชการและองค์กรภาครัฐ – ข้าราชการพลเรือน ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการทูต ข้าราชการตำรวจ นายทหาร และผู้บริหารในองค์กรภาครัฐ
✅ บุคคลที่เกี่ยวข้องกับสื่อและสังคม – สื่อมวลชน ศิลปิน ดารา พิธีกร ผู้บริหารภาคประชาสังคม มูลนิธิ ngos สมาคม

ก้าวสู่การเป็นผู้นำยุคดิจิทัลกับหลักสูตร Development Administrator in Digital Era (DAD) ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาผู้บริหารและผู้นำแห่งอนาคต 🕊️
📅 สมัครได้แล้ววันนี้ - 30 เมษายน 2568
📌 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม www.dadnida.com
👉 ลงทะเบียน https://forms.gle/roAqiV7U1p4oCdSa9
📞 สอบถามเพิ่มเติม โทร. 092-728-6722


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top