Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48971 ที่เกี่ยวข้อง

'หมอเบียร์' รพ.แม่สอด จี้ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา 'ศูนย์ผู้อพยพ' หลังเบียดบังเวลาดูแลคนไข้ ลั่น! คนไทยชายแดนเสียสละมากพอแล้ว

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) แพทย์หญิงณัฐกานต์ ชื่นชม อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ โรงพยาบาลแม่สอด ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Nuttagarn Chuenchom ระบุว่า ผู้บริหารบอกว่าให้หมอเบียร์รับตรวจเคสวัณโรคกับเอชไอวีในศูนย์อพยพ เพราะ รพช. ไม่สามารถดูแลได้ จะให้รถโรงพยาบาลไปรับคนไข้เอามาให้ตรวจที่แม่สอด ..โดยไม่ดูภาระงานที่ทำอยู่ตอนนี้เลย

ไม่ผิดคาดนะ ที่จะเป็นแบบนี้ เบียร์คิดมาหลายวันแล้ว .. ให้เวลาอีกครึ่งวัน ถ้าผู้บริหารยังไม่เปลี่ยนแนวคิด จะไปเขียนใบลาออกราชการวันนี้แหละ อายุราชการ 20 ปีก็อุทิศตนมามากพอละ ไม่มีวินาทีไหนเลยที่ไม่ทำเพื่อผู้อื่น

บอกอยู่ตลอดว่าศูนย์อพยพเป็นเรื่องของประเทศไทย ไม่ใช่สาธารณสุขท้องถิ่น คนไทยชายแดนเสียประโยชน์มาเยอะแล้ว ได้รับบริการช้า เสียเวลารอนาน ยังต้องแบ่งหมอของพวกเขาไปให้คนอื่นอีกหรอ ส่วนกลางโน่นต้องมาจัดการ

ไม่ทนอีกต่อไป.. ลาก่อนละค่ะ

หมอเบียร์ ยังโพสต์เพิ่มเติมว่า เรื่องของการจัดการค่ายผู้อพยพไม่ใช่เรื่องของสาธารณสุขท้องถิ่น มันเป็นเรื่องระดับชาติ เป็นเรื่องการจัดการของรัฐบาล การแก้ไขกฎหมาย การผลักดันผู้ลี้ภัยกลับประเทศเดิม

ความเห็นของเบียร์คือต้องจัดบุคลากรอีกชุดหนึ่งเพื่อมาดูแลค่ายอพยพ ในช่วงเร่งด่วน แนะนำให้เขาหางบประมาณมาจ้างหมอเมียนมากลุ่มเดิมที่เคยดูแลอยู่แล้วระหว่างรองบประมาณใหม่ แต่เค้าไม่ทำแบบนั้น เค้ามาแบ่งหมอจากโรงพยาบาลชุมชนและโรงพยาบาลทั่วไปไปออกตรวจ จำนวนผู้ลี้ภัยทั้งหมดเท่ากับประชากรหนึ่งอำเภอเลย

ในระยะยาวต้องพูดคุยเรื่องการแก้กฎหมายผู้ลี้ภัยให้ถูกต้อง และมีการผลักดันกลับประเทศเดิม

คนไทยชายแดนเสียสละมามากพอแล้ว ทุกวันนี้บุคลากรก็ไม่พอ คนไข้ก็ต้องรอนาน รอทุกอย่างทั้งรอหมอและรอคิวในการตรวจ บางคนเป็นมะเร็งก็ต้องรอการวินิจฉัยและการรักษา แล้วจะมาให้เค้าเสียสละเพิ่มโดยการแบ่งหมอของพวกเขาไปให้คนอื่นอีกหรอคะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ปรากฏว่าได้มีผู้เข้าไปให้กำลัง และแสดงความเห็นใจหมอเบียร์เป็นจำนวนมาก พร้อมกับเห็นด้วยกับการเรียกร้องแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว เนื่องจาเป็นปัญหาระดับประเทศ ไม่ใช่ให้หมอมาแบกรับภาระเองทั้งหมด ไม่งั้นเราก็จะต้องรับภาระตรงนี้ไปเรื่อย ๆ แบบเตี้ยอุ้มค่อม

ผลเลือกตั้ง นายกอบจ.ลำพูน เมื่อลูกลำไยกลายเป็นมีเปลือกส้ม รสชาติออกเปรี้ยวนำ ความหวานหอมแต่ดั้งเดิมกำลังจะเลือนหาย

(4 ก.พ. 68) เป็นที่แน่นอนแล้วว่าทุกจังหวัดในประเทศไทย “พรรคส้มล้มสถาบัน” ไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เลย ยกเว้นจังหวัด ลำพูน เพียงจังหวัดเดียว ย่อมสะท้อนให้เห็นแนวคิด และมาตรฐานของผู้คนในพื้นที่ได้หลากหลายมิติ 

ส่วนใหญ่ที่สุด คนลำพูนเบื่อหน่ายนายก อบจ. คนเก่า ซึ่งเป็นคนของ “พรรคโกงจำนำข้าว” ซึ่งเป็นคนใหญ่โตในพื้นที่ เก๋าเกมกางปีกคลุมเมืองลำพูนมาช้านาน แต่กลับไร้การพัฒนาตามความรู้สึกนึกคิดของ “คนรุ่นใหม่” เมื่อตัวแทนผู้สมัครจาก “พรรคส้มล้มเจ้า” โชว์วิสัยทัศน์และนโยบายที่ตรงใจ มีความหวังว่าจะเกิดขึ้นจริงในจังหวัดลำพูนได้ จึงคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้เป็นนายก อบจ. ของจังหวัดลำพูนคนใหม่ทันที

ประชาชนหลายจังหวัด แม้จะเบื่อนายก อบจ. คนเก่าของจังหวัดตัวเอง แต่ก็ตื่นรู้เรื่องแนวคิด “ล้มสถาบัน” ของพรรคประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นอันตรายต่อประเทศชาติ ไม่อาจหาญไปกาเลือกผู้สมัครของ “พรรคล้มสถาบัน” ให้เข้ามาเจาะเปลี่ยนความคิดของผู้คนให้ชิงชังกษัตริย์ตาม “นโยบายล้มเจ้า” ที่ฝังลึกอยู่ใน DNA ของพรรคส้ม ถ้าไม่กาช่อง “โหวตโน” ก็จะเลือกจะให้โอกาสคนจากพรรคใดก็ได้ที่ไม่มีแนวคิดล้มล้างการปกครองอย่างที่รู้สึกกัน 

เพราะตกผลึกแล้วว่า “ได้ย่อมไม่คุ้มกับเสีย” แค่การเบื่อคนเก่า แต่กาเลือกคนที่มีแนวคิดล้มสถาบันให้เข้ามาดูแลจัดการจังหวัดบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง อนาคตอาจจะพังพินาศยิ่งกว่า

การเมืองท้องถิ่นย่อมใกล้ชิดประชาชนในพื้นที่ การจะปลุกระดม เปลี่ยนแปลง สร้างความเชื่อมั่น และปลุกปั่นความนึกคิดของผู้คนให้คล้อยตาม โดยแลกด้วยผลประโยชน์ที่จับต้องได้ ก็สามารถหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้ไม่ยาก ไม่นานก็จะกลายเป็น “ลำพูนส้ม” ที่ลำไยทุกลูกเมื่อลิ้มรสชาติก็จะออกเปรี้ยวนำ หวานแต่ดั้งแต่เดิมกำลังจะหมดหายไป กลายเป็น “ลำไยเปลือกส้ม” แทน

ผมไม่บังอาจฟันธงว่าท่านนายก อบจ. คนใหม่จาก “พรรคส้มล้มเจ้า” เป็นคนไม่เก่ง ไม่มีความรู้ ไม่เจนจัดเรื่องการบริหาร หรือจะเป็นคนที่ไม่สามารถพัฒนา “เมืองลำไย” ได้สำเร็จ ท่านอาจจะทำได้ดี และทำให้ผู้คนชื่นชมมากกว่านายก อบจ. คนก่อนจาก “พรรคนายกหนีคดี” แต่เรื่องแนวคิดการไม่เอาสถาบันผ่านอำนาจที่ท่านมี ยังไง “พรรคล้มเจ้าของท่าน” ก็ต้องวางแผนออกอาวุธอย่างเป็นระบบ 

อย่าลืมว่าพรรคส้มเกิดมาเป้าหลักก็เพื่อล้มสถาบัน อย่างอื่นน่ะเป็นได้แค่เครื่องมือ

ศค.จชต.เสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการศึกษา “ส่งเสริมการศึกษานอกระบบแบบร่วมมือและบูรณาการในจังหวัดชายแดนภาคใต้”

(4 ก.พ. 68) ศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จัดกิจกรรมเสริมสร้างความเข้าใจและแลกเปลี่ยนเรียนรู้การจัดการศึกษา ภายใต้ โครงการ “ส่งเสริมการศึกษานอกระบบแบบร่วมมือและบูรณาการในจังหวัดชายแดนภาคใต้” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 2-3 กุมภาพันธ์ 2568 ณ ศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ใหม่นาโต๊ะขุน ตำบลแป-ระ อำเภอท่าเเพ จังหวัดสตูล และสถาบันศึกษาปอเนาะอุมมุลฮาซานาต ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล โดยมี นายนิกร เซ้งเถียร ผู้อำนวยการศูนย์ขับเคลื่อนการศึกษาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรม พร้อมทั้งบรรยายพิเศษ “สร้างเครือข่ายในการบูรณาการและการสร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการเพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้” โดยมีผู้แทนจากสำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้และสำนักงานการศึกษาเอกชนจังหวัดสตูลได้ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ ได้มีการนำเสนอผลการดำเนินงานฯ โดยผู้บริหารศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ใหม่นาโต๊ะขุน และกิจกรรมสัมมนาแนวทางการสร้างเครือข่าย การนำหลักฮูกุมปากัต (ธรรมนูญหมู่บ้าน) บูรณาการในการบริหารและการจัดการเรียนการสอนของสถานศึกษา นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าว ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางขับเคลื่อนเครือข่ายการจัดการศึกษานอกระบบใน จชต. และเยี่ยมชมแหล่งเรียนรู้บริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะ อุมมุลฮาซานาต ตำบลทุ่งนุ้ย อำเภอควนกาหลง จังหวัดสตูล จำนวน 4 ฐาน ได้แก่ 

ฐานที่ 1  มุมการเรียนรู้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ฐานที่ 2  มุมการศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงปอเนาะเรา
ฐานที่ 3  Pondok ของฉันฮาฟีเซาะห์
ฐานที่ 4  มุมการศูนย์การเรียนรู้อาชีพสร้างรายได้ของฉัน

โดยมีกลุ่มเป้าหมายผู้บริหารและผู้สอนในสถานศึกษานอกระบบในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยะลา นราธิวาส และจังหวัดสงขลา 4 อำเภอ (อำเภอเทพา จะนะ นาทวี และสะบ้าย้อย) จำนวน 100 คน จากสำนักงานส่งเสริมการเรียนเรียนรู้และสำนักงานการศึกษาเอกชน กระทรวงศึกษาธิการ ได้ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนและพัฒนาการศึกษาของสถาบันศึกษาปอเนาะและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้แนวทางการสร้างความเข้าใจการจัดการศึกษาและการดูแลผู้เรียนของสถาบันศึกษาปอเนาะและศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา และให้เยาวชน ประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม ดำรงชีวิตถูกต้องตามหลักศาสนา มีทัศนคติที่ดีต่อการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในสังคมพหุวัฒนธรรม ร่วมสร้างสังคมสันติสุขต่อไป

นายปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์ / หาดใหญ่ จ.สงขลา

‘เอกนัฏ’ นำ 6 หน่วยงานรัฐ-เอกชนเปิดศูนย์บริการรัฐแบบเบ็ดเสร็จ ปักหมุด ‘อมตะซิตี้’ ชลบุรี เพิ่มศักยภาพออกใบอนุญาตรวดเร็ว - โปร่งใส

(4 ก.พ. 68) 6 หน่วยงานรัฐ จับมือ กลุ่มอมตะ ร่วมเปิดศูนย์ “Government All-Service Center” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี มุ่งยกระดับการให้บริการครบวงจร กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ลดขั้นตอน อุปสรรคในการขอใบอนุญาตต่างๆ เพิ่มความเชื่อมั่นด้านการลงทุนในพื้นที่ EEC พร้อมดึงนักลงทุนสู่ฐานผลิตสำคัญของประเทศ 

เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 68 ) กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)  การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ. ) และกลุ่มอมตะ  ร่วมพิธีเปิดศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จให้บริการผู้ประกอบการแบบครบวงจร (Government All-Service Center ) อย่างเป็นทางการและเป็นนิคมอุตสาหกรรมแห่งแรกที่จัดตั้งศูนย์ฯ นี้  โดยมีนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม  นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก  นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน  นายสุเมธ ตั้งประเสริฐ รักษาการผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) และนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) 

นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า   การดำเนินงานของศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จแบบครบวงจร  (Government All-Service Center )   เป็นความร่วมมือของ  6  องค์กร ประกอบด้วย กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก(EEC)  สำนักงานส่งเสริมการลงทุน การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ. ) และกลุ่มอมตะ  เพื่อยกระดับการให้บริการ อำนวยความสะดวก ต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่เข้ามาติดต่อหน่วยราชการ สามารถใช้บริการผ่าน ศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จฯ  ทั้งในด้านการขอใบอนุญาต การยื่นคำขอรับสิทธิประโยชน์ การขออนุญาตนำเข้า และส่งออก เป็นต้น  ที่จะครอบคลุมการให้บริการในพื้นที่ EEC  ซึ่งเป็นศูนย์ฯ แห่งแรกที่ จัดตั้ง ใน จ.ชลบุรี โดยจะเห็นว่า พื้นที่ดังกล่าวมีสถานประกอบการด้านอุตสาหกรรมจำนวนมาก ดังนั้นศูนย์ฯ จะเป็นเครื่องมือ และกลไกสำคัญในการผลักดันให้เกิดการลงทุน เพื่อให้มีความพร้อมในทุกๆด้าน นับเป็นการสนับสนุนภารกิจของกระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้นโยบาย "การปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่เศรษฐกิจใหม่" ที่มีเป้าหมายให้เศรษฐกิจไทย มีความสะอาด สะดวก และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น จึงเป็นก้าวสำคัญในการให้บริการสำหรับผู้ประกอบการและประชาชนที่เข้ามาติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ลงทุน จ.ชลบุรี 

“ ความร่วมมือภาครัฐ และเอกชนในครั้งนี้ เป็นการยกระดับบริการให้กับผู้ประกอบการที่สามารถลดระยะเวลากับหน่วยราชการในขั้นตอนต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ทำให้เกิดความเชื่อมั่นกับนักลงทุนที่จะเข้ามาใช้พื้นที่ ใน EEC  เพื่อการลงทุน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิต ในการวางระบบการบริหารจัดการด้านการติดต่อหน่วยงานราชการให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งในอดีตอาจต้องใช้ระยะเวลายาวนาน ทำให้สูญเสียโอกาสในการลงทุนของผู้ประกอบการ” 

ด้านนายวิกรม กรมดิษฐ์ ประธานกรรมการ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงการเปิดศูนย์บริการแห่งนี้ว่า  “การจัดตั้งศูนย์บริการภาครัฐแบบเบ็ดเสร็จ “ เป็นกลไกที่สำคัญ ที่จะเอื้อต่อการลงทุน  เพราะพื้นที่การลงทุนในภาคตะวันออก มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจประเทศ ทั้งการนำเข้า และส่งออกสินค้า นับเป็นฐานการผลิตที่สำคัญของภูมิภาค ดังนั้นการอำนวยความสะดวก ในด้านการขอใบอนุญาตต่าง ๆจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวทางการให้บริการ ให้สอดรับกับภาวะการแข่งขัน และยังคงรักษาขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศได้ 

“Government All-Service Center” ที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ แต่ยังเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการลงทุนและการพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน   เป็นการผนึกกำลังร่วมกัน ระหว่างภาครัฐและเอกชนเพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นด้านการอนุมัติ และอนุญาต จากหน่วยราชการที่มีประสิทธิภาพ สู่การพัฒนาประเทศในยุคที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว และทันสมัยอย่างแท้จริง.”นายวิกรม กล่าว

นายพรรษา ใจชน ผู้จัดการฝ่ายประสานงานราชการและนิติกรรม บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้บริหารศูนย์บริการราชการ Government All-Service Center เปิดเผยถึงแนวทางการบริหารจัดการศูนย์ฯ ว่า อมตะมุ่งเน้นการให้บริการและรองรับกิจกรรมต่างๆ ของผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป เพื่อสอดคล้องกับปรัชญา “All Win” ซึ่งเป็นแนวทางการดำเนินธุรกิจของกลุ่มอมตะ

“ปัจจุบันศูนย์บริการราชการ พร้อมให้บริการผ่าน 6 หน่วยงานหลัก และในอนาคต กลุ่มอมตะมีแผนขยายการให้บริการเพิ่มเติม โดยเชิญหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการศึกษา และองค์กรที่มีบทบาทสำคัญต่อสังคมเข้ามาให้บริการภายในพื้นที่ของนิคมอุตสาหกรรมอมตะ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการอำนวยความสะดวกแก่ภาคธุรกิจและประชาชนได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น” นายพรรษา กล่าว

อย่างไรก็ตาม นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยมีผู้ประกอบการมากกว่า 800 ราย เข้าดำเนินธุรกิจอยู่ในพื้นที่ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการให้บริการที่มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกให้แก่ภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนรองรับนักลงทุนใหม่ที่เล็งเห็นศักยภาพของอมตะ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้พื้นที่แห่งนี้เติบโตเป็นศูนย์กลางธุรกิจและอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งได้ในอนาคต

"จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะตำหนิทางการไทย จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว"

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศชี้แจ้งว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า การเยือนไทยของผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนเป็นการประสานงานในกรอบความร่วมมือของหน่วยงานความมั่นคงของทั้งสองประเทศ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศไม่ใช่ผู้ประสานงานหลักของการเยือนดังกล่าว จึงไม่ทราบรายละเอียด และสำหรับกรณีที่สื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข้อความว่า ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีนตำหนิทางการไทยนั้น จากการตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ จีน ไม่เคยพูด หรือมีคำพูดในลักษณะดังกล่าว จึงควรหยุดการเผยแพร่ข้อความดังกล่าว

ทั้งนี้ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศย้ำว่า การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์โดยเฉพาะบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเองได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารือในเวทีระหว่างประเทศในทุกระดับมาโดยตลอด และพร้อมให้ความร่วมมือ รวมถึงการประสานงานกับทุกหน่วยงานเพื่อร่วมกันจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจัง


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top