Monday, 23 June 2025
ค้นหา พบ 48971 ที่เกี่ยวข้อง

‘นายกฯอิ๊งค์’ เผย ‘ทักษิณ’ คุย ‘อันวาร์’ หลายเรื่อง เน้นหารือสถานการณ์ความสงบในเมียนมา

เมื่อวันที่ (3 ก.พ. 68) ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อพบนายนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ เมื่อวันที่ 2 ก.พ.ที่ผ่านมา จะนำผลดีต่อการพูดคุยเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างไรว่า ก็เป็นการคุยในเรื่องความร่วมมือต่างๆที่ทั้งสองประเทศสามารถสนับสนุนกันได้

“ที่ได้คุยโทรศัพท์กับนายทักษิณ สั้นๆกันเมื่อคืนวันที่ 2 ก.พ. การพูดคุยเน้นในเรื่องของเมียนมา นายอันวาร์ เป็นประธานอาเซียน การดูแลช่วยเหลือเมียนมาเป็นเรื่องที่สำคัญของอาเซียนมากๆ ซึ่งในการประชุมในอาเซียนทุกครั้งจะได้รับการยืนยันว่าอยากให้เมียนมาเกิดความสงบสุข และในเมียนมาเองเขาก็อยากให้เกิดความสงบสุขเช่นกัน ฉะนั้นการเข้ามาคุยกันแบบนี้ทำให้เกิดประโยชน์กับภาครวมของอาเซียน และพัฒนาเรื่องอื่นได้อีก ไม่ว่าจะเรื่องฝุ่น PM2.5 ที่ได้มาคุยกันเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีช่วยเหลือกัน และมีอีกหลายเรื่อง แต่การไปรอบนี้มีการพูดคุยเรื่องเมียนมาเยอะหน่อย เห็นนายทักษิณอัพเดทมาอย่างนั้น”

ผบ.ตร.เปิดโครงการอาหารกลางวัน ลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

(3 ก.พ. 68 ) เวลา 11.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เป็นประธาน เปิดโครงการอาหารกลางวันสำหรับข้าราชการตำรวจในหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568  เพื่อช่วยเหลือลดภาระค่าใช้จ่าย เป็นสวัสดิการให้กับข้าราชการตำรวจนอกเหนือจากการที่ทางราชการจัดให้ สร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการตำรวจ ตลอดจนเสริมสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างข้าราชการตำรวจ และช่วยสนับสนุนปฏิบัติงานของทางราชการ โดยมี พล.ต.อ.กรไชย คล้ายคลึง รอง ผบ.ตร. , ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล/โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ , ผู้บัญชาการ และผู้บังคับบัญชาหน่วยงานต่างๆ ที่มีที่ตั้งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมพิธี 

พล.ต.ท.อาชยนฯ กล่าวว่า ด้วยสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าครองชีพสูงขึ้นตามลำดับ ทำให้การใช้จ่ายแต่ละเรื่องจะต้องรอบคอบและรัดกุม ทำให้ภาระการใช้จ่ายของข้าราชการตำรวจเพิ่มมากขึ้น โดยตามนโยบายการบริหารราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ข้อ 15 ด้านสวัสดิการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้กับข้าราชการตำรวจ จึงได้จัดทำ “โครงการอาหารกลางวัน สำหรับข้าราชการตำรวจในหน่วยงานที่มีสถานที่ทำการตั้งอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ซึ่งมีการกำหนดระยะเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2569 โดยจะมีการแจกคูปองเงินสด จำนวน 200 บาทต่อคนต่อเดือน ให้กับข้าราชการตำรวจระดับผู้บังคับหมู่ถึงรองผู้กำกับการ จำนวน 34,554 นาย เพื่อนำไปซื้ออาหารในโภชนาคารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นไปตามระเบียบสวัสดิการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2568

มักส์เล็งสั่งปิด 'USAID' องค์กรมนุษยธรรมโลก ซัด ไร้ประสิทธิภาพ-ผลาญเงิน-เกินเยียวยา

(4 ก.พ. 68) อีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและนักธุรกิจชื่อดัง  ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้นำกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล หรือ DOGE ได้ประกาศแผนปรับลดขนาดหน่วยงานรัฐ  โดยมีหนึ่งในเป้าหมายหลักคือการสั่งปิด องค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (USAID) โดยให้เหตุผลว่าหน่วยงานดังกล่าว "ไร้ประสิทธิภาพและไม่สามารถแก้ไขได้อีกต่อไป" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

มักส์ โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า กำลังหารือกับกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลหรือ DOGE เรื่องปิดยูเอสเอด เนื่องจาก “เกินเยียวยา” แล้ว และว่าประธานาธิบดีทรัมป์เห็นด้วยว่าควรปิดหน่วยงานนี้

USAID เป็นผู้บริจาคเดี่ยวรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยได้บริจาคความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมตามที่สหประชาชาติหรือยูเอ็นติดตามข้อมูลได้ในปี 2567 มากถึงร้อยละ 42 ของความช่วยเหลือทั้งหมด

ก่อนหน้าที่มักส์จะประกาศเรื่องดังกล่าว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลทรัมป์ได้สั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 รายของ USAID หลังจากที่พวกเขาพยายามขัดขวางตัวแทนจาก DOGE ของมัสก์ไม่ให้เข้าถึงพื้นที่ควบคุมของหน่วยงานดังกล่าว

USAID ถือเป็นองค์กรบริจาครายใหญ่ที่สุดของโลก โดยในปีงบประมาณ 2023 รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ให้เงินช่วยเหลือทั่วโลกรวมกว่า 72,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ครอบคลุมโครงการด้านสุขภาพ น้ำสะอาด การรักษาโรค HIV/AIDS ความมั่นคงด้านพลังงาน และมาตรการต่อต้านการทุจริต โดยคิดเป็น 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั้งหมดที่องค์การสหประชาชาติติดตามในปี 2024

ก่อนหน้านี้ไม่นานหลังโดนัลด์ ทรัมป์ กลับมาดำรงตำแหน่ง นโยบาย America First ของทรัมป์ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการให้ความช่วยเหลือระดับนานาชาติ โครงการสำคัญ เช่น โรงพยาบาลสนามในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย การเก็บกู้ทุ่นระเบิดในพื้นที่สงคราม และการแจกจ่ายยารักษาโรค HIV อาจถูกยกเลิกเนื่องจากมาตรการลดงบประมาณครั้งนี้

มัสก์คาดการณ์ว่ามาตรการลดงบประมาณดังกล่าวจะช่วยให้รัฐบาลสหรัฐฯ ลดการขาดดุลงบประมาณลงได้ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 34 ล้านล้านบาทในปีหน้า โดยเขากล่าวหาว่ามีกลุ่มอาชญากรทางการเงินจากต่างประเทศปลอมแปลงตัวตนเป็นพลเมืองสหรัฐฯ เพื่อฉ้อโกงเงินช่วยเหลือจำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม มัสก์ไม่ได้ให้หลักฐานเพื่อสนับสนุนข้อกล่าวหานี้ หรืออธิบายว่าตัวเลข 1 ล้านล้านดอลลาร์นั้นถูกคำนวณอย่างไร

นอกจากนี้ มีข้อกังวลเกี่ยวกับการที่มัสก์สามารถเข้าถึงระบบการเงินของกระทรวงการคลัง ซึ่งเกี่ยวข้องกับการจ่ายเงินมากกว่า 6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับหน่วยงานรัฐบาลกลาง และยังมีข้อมูลส่วนบุคคลของประชาชนสหรัฐฯ ที่ได้รับเงินสวัสดิการทางสังคมและการคืนภาษี ซึ่งเรื่องนี้ ส.ว. ปีเตอร์ เวลช์ จากพรรคเดโมแครต ได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายว่าเหตุใดมัสก์จึงสามารถเข้าถึงระบบดังกล่าวได้ โดยกล่าวตำหนิมัสก์ว่า 

“นี่เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบของบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และสะท้อนให้เห็นว่าการเงินสามารถซื้ออำนาจในรัฐบาลทรัมป์ได้” 

ในขณะเดียวกัน เมื่อถูกถามเกี่ยวกับบทบาทของมัสก์ โดยเฉพาะการมุ่งทำงานเพื่อตัดลดงบประมาณของรัฐบาล ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่า "ผมเห็นด้วยกับเขา เขาช่วยลดค่าใช้จ่ายได้มาก แม้ว่าบางครั้งเราอาจมีความเห็นที่แตกต่างกัน แต่ผมคิดว่าเขากำลังทำงานได้ดี เขาเป็นคนฉลาดมาก และมีความมุ่งมั่นในการลดขนาดรัฐบาลกลางของเรา"

UN ปฏิเสธ ไม่เคยกดดันไทยยกเลิก มาตรา 112 ย้ำชัด หน่วยงานที่มีการกล่าวอ้าง ก็ไม่มีอยู่จริง

(4 ก.พ. 68) จากกรณีที่ มีสื่อแห่งหนึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านสิทธิฯ จาก UN เรียกร้องไทย ยกเลิกหรือแก้ไขมาตรา 112 ให้สอดคล้องกับหลักสิทธิฯ สากล นั้น ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 68 ทางภาคีกลุ่มราชภักดี ได้เดินทางไปยื่นหนังสือ ณ สำนักงาน สหประชาชาติ โดยได้เข้าพบ mr.dip magar ผู้แทนข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ(ohchr) กรณีที่มีข่าวกดดันให้ประเทศไทยยกเลิก กฎหมาย 112 ได้รับคำยืนยันว่า สหประชาชาติไม่มีนโยบายแทรกแซงกฎหมายของประเทศไทย รวมทั้งรูปแบบการปกครองของประเทศไทยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข การที่จะไป ละเมิดหรือคุกคาม เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เช่นเดียวกับประมุขทั่วโลก !!!

เมื่อทางภาคีได้ตรวจสอบหน่วยงาน ตามที่ศูนย์ทนายสิทธิฯอ้าง ว่าเป็นผู้รายงานพิเศษที่ร่วมกันส่งหนังสือกดดันรัฐบาลไทย ยกเลิก 112  ก็ไม่พบหลักฐานว่าเป็นผู้รายงานพิเศษแต่อย่างใด!!!

ผู้อพยพประท้วงรบ.ทรัมป์ บอยคอตหยุดงาน แสดงพลังเป็นเบื้องหลังผู้สร้างศก.อเมริกา

(4 ก.พ. 68) สื่อท้องถิ่นสหรัฐรายงานว่า บรรดาประชาชนซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวและผู้อพยพ ต่างออกมาชุมนุมประท้วงต่อต้านนโยบายจับกุมและเนรเทศผู้อพยพของรัฐบาลภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะที่นครลอสแอนเจลิส (LA) ซึ่งมีการรวมตัวประท้วงหลายจุดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า การประท้วงทั่วเมืองใหญ่ในสหรัฐภายใต้แคมเปญ Day without immigrations ที่นครลอสแองเจลิส กลุ่มผู้ประท้วงเดินขบวนไปยังศาลากลาง LA พร้อมโบกธงและถือป้ายต่อต้านมาตรการแข็งกร้าวต่อผู้อพยพ ก่อนที่บางส่วนจะเคลื่อนตัวไปปิดกั้นทางด่วนหมายเลข 101 ส่งผลให้การจราจรเป็นอัมพาตในใจกลางเมืองนานหลายชั่วโมง ขณะที่เมืองริเวอร์ไซด์ ทางตะวันออกของ LA ก็มีการชุมนุมเช่นกัน โดยบางกลุ่มใช้รถยนต์เบิร์นยางกลางสี่แยกเพื่อแสดงออกถึงความไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม การชุมนุมเป็นไปอย่างสงบ

ส่วนที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส กลุ่มภาคประชาสังคมได้เดินขบวนประท้วงนโยบายเข้มงวดของทรัมป์ ที่มุ่งเน้นจับกุมและเนรเทศผู้อพยพผิดกฎหมาย พร้อมเพิ่มงบประมาณปิดกั้นพรมแดน รายงานระบุว่ารัฐบาลทรัมป์จับกุมผู้อพยพเฉลี่ยวันละ 900-1,200 คน โดยเฉพาะในเมืองที่มีศูนย์พักพิงขนาดใหญ่ เช่น นิวยอร์กและชิคาโก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกาใต้ เปรียบเทียบกับยุครัฐบาลโจ ไบเดน ที่มีอัตราการจับกุมเฉลี่ยเพียง 311 คนต่อวัน

กลุ่มผู้อพยพหลายกลุ่มได้แสดงพลังในการสนับสนุนบทบาทของแรงงานต่างด้าวในฐานะกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยการบอยคอตการทำงานและการงดซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อแสดงออกว่าแรงงานต่างด้าวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ หากขาดแรงงานต่างด้าว สหรัฐฯ จะไม่สามารถสร้างเศรษฐกิจที่มั่นคงได้

ขณะเดียวกันนาย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ มีกำหนดการเดินทางเยือนปานามา ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับคลองปานามา ซึ่งทรัมป์เคยขู่ว่าจะใช้กำลังทหารเข้าควบคุม อ้างเหตุผลว่าค่าธรรมเนียมผ่านทางสูงเกินไปและปานามาตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของจีน อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ของปานามายืนยันว่าคลองปานามาเป็นของประเทศตนและไม่สามารถเจรจาเปลี่ยนแปลงได้ แต่จะพิจารณาข้อกังวลของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการลงทุนของบริษัทจีนและฮ่องกง รวมถึงมาตรการควบคุมผู้อพยพ

รูบิโอยังมีกำหนดเดินทางเยือนเอลซัลวาดอร์ คอสตาริกา กัวเตมาลา และสาธารณรัฐโดมินิกัน เพื่อหารือเรื่องการผลักดันผู้อพยพกลับประเทศต้นทาง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเข้มงวดของทรัมป์ในการควบคุมการเข้าเมืองผิดกฎหมาย


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top