Monday, 19 May 2025
ค้นหา พบ 48202 ที่เกี่ยวข้อง

เวียดนามออกกม.ห้ามเด็กต่ำกว่า 18 ปี เล่นเกมออนไลน์-บังคับใช้โซเชียลยืนยันตัวตน

(30 ธ.ค. 67) เวียดนามได้ประกาศใช้กฎหมายอินเทอร์เน็ตฉบับใหม่ที่เข้มงวด ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา กฎหมายนี้มุ่งเน้นการควบคุมการใช้เกมออนไลน์สำหรับเยาวชนและบังคับให้ผู้ใช้โซเชียลมีเดียยืนยันตัวตน ภายใต้กฎหมายดังกล่าว บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ที่ดำเนินการในประเทศเวียดนามจะต้องเก็บข้อมูลผู้ใช้และส่งมอบข้อมูลดังกล่าวให้แก่ทางการเมื่อมีการร้องขอ รวมถึงต้องลบเนื้อหาที่รัฐบาลถือว่า "ผิดกฎหมาย" ภายใน 24 ชั่วโมง

กฎหมายฉบับนี้มีชื่อว่า "กฤษฎีกา 147" ซึ่งอิงมาจากกฎหมายความมั่นคงทางไซเบอร์ที่ผ่านการวิพากษ์วิจารณ์จากหลายประเทศและองค์กรสิทธิมนุษยชนทั่วโลก โดยเฉพาะจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป ที่มองว่ากฎหมายนี้มีลักษณะคล้ายกับการเซ็นเซอร์อินเทอร์เน็ตที่เข้มงวดในประเทศจีน

หนึ่งในประเด็นที่ได้รับความสนใจมากที่สุดจากกฎหมายใหม่คือการจำกัดการเล่นเกมออนไลน์สำหรับเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยจะมีการกำหนดเวลาเล่นเกมไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อเซสชัน และไม่เกิน 180 นาทีต่อวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการติดเกมในกลุ่มเยาวชน

Nguyen Minh Hieu นักเรียนมัธยมศึกษาวัย 17 ปีจากฮานอย ซึ่งยอมรับว่าเขาติดเกม กล่าวว่า ข้อจำกัดใหม่นี้จะเป็นเรื่องที่ยากต่อการปฏิบัติตาม เพราะเกมมีการออกแบบให้ผู้เล่นติดมากขึ้น และเขามักจะใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่น

นอกจากนี้ กฎหมายใหม่ยังมีผลกระทบต่อผู้ใช้โซเชียลมีเดียในเวียดนาม โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, YouTube และ TikTok ซึ่งผู้ใช้ต้องยืนยันตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์หรือหมายเลขประจำตัวประชาชนเวียดนาม การยืนยันตัวตนนี้จะส่งผลต่อผู้คนที่ทำธุรกิจหรือสร้างรายได้ผ่านโซเชียลคอมเมิร์ซ เนื่องจากการถ่ายทอดสดบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะสามารถทำได้เฉพาะบัญชีที่ผ่านการยืนยันตัวตนแล้วเท่านั้น

ทางการเวียดนามระบุว่า กฎหมายใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในสังคมและปกป้องความมั่นคงของชาติในโลกไซเบอร์ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักวิจารณ์มองว่า กฎหมายนี้เป็นการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและการเข้าถึงข้อมูล

ในขณะที่กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารของเวียดนามมองว่า กฎหมายนี้จะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในโลกไซเบอร์และรักษาอธิปไตยของชาติ ขณะเดียวกัน ก็ต้องเผชิญกับความกังวลจากกลุ่มผู้สนับสนุนเสรีภาพที่กลัวว่า จะทำให้เวียดนามกลายเป็นประเทศที่มีการเซ็นเซอร์ข้อมูลและควบคุมสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น

เริ่มแล้ว 'Amazing Thailand Countdown 2025' ไอคอนสยามเคานต์ดาวน์ยิ่งใหญ่ สร้างไทยสู่เวิลด์แลนด์มาร์ก

(30 ธ.ค. 67) เริ่มแล้ว มหาปรากฏการณ์เคานต์ดาวน์ที่สุดของไทยและที่สุดของโลก ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน “Amazing Thailand Countdown 2025” โดย ไอคอนสยาม 29-31 ธันวาคม 2567 ณ ริเวอร์ พาร์ค ไอคอนสยาม 

ไอคอนสยาม แลนด์มาร์กระดับโลกริมแม่น้ำเจ้าพระยา ชวนทุกคนมานับถอยหลังสู่ปี 2025 โดยก่อนที่ความสนุกจะเริ่มต้นขึ้น เหล่าอากาเซ่ต่างมารอให้กำลังใจคู่จิ้นสุดฮอตที่มีแฟนคลับมากมายอย่างสองหนุ่ม “ซี-พฤกษ์ พานิช” และ “นุนิว-ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์” รวมถึงทุกด้อมแฟนคลับของกองทัพศิลปินที่มาร่วมส่งความสุข ซึ่งในวันนี้นอกจากจะได้สัมผัสช่วงเวลาสุดพิเศษและเพลงฮิตจาก “ซี นุนิว” คู่นักแสดงขวัญใจแฟนคลับทั่วโลก พบการแสดงจาก Namo, Super Band - Turbo TRACKTONES, ต้า นันคุณ, Sammy Niche และ แพรว รัตนาพร

พร้อมรับบิ๊กเซอร์ไพรส์จาก “มิลลิ” ตัวลูกสุดปัง ฟีเจอริ่งกับตัวมัมตัวแม่ “ฮาย-อาภาพร นครสวรรค์” พิเศษยิ่งขึ้นกับครั้งแรกของการร่วมแจมกับ “22Bullets - World Class EDM Artist” สัญชาติไทยเพียงหนึ่งเดียวที่ถูกจัดอันดับให้เป็น Top 100 DJs แค่มหากาพย์ความบันเทิงวันแรกก็เล่นเอา ไอคอนสยาม แน่นขนัด เต็มลาน ริเวอร์ พาร์ค สร้างความคึกคักรับเทศกาลแห่งความสุขที่คนทั่วโลกรอคอย

ไอคอนสยาม มุ่งมั่นอย่างเต็มกำลังในการสร้างสรรค์ มหาปรากฏการณ์งานเคานต์ดาวน์ เพื่อพาทุกคนก้าวเข้าสู่ปี 2568 อย่างสมบูรณ์แบบ ภายใต้ 3 มหาปรากฏการณ์ที่จะสร้างความประทับใจในทุกมิติ มหาปรากฏการณ์พลุเฉลิมฉลองระดับโลก การแสดงพลุตระการตาบนโค้งน้ำที่สวยที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา มหาปรากฏการณ์สะกดโลกจากสุดยอดศิลปินไอคอนิคระดับโลก ผู้เป็นแรงบันดาลใจของผู้คนทั่วโลกและเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย มหาปรากฏการณ์บันเทิงฉลองความยิ่งใหญ่ จากกองทัพศิลปินไทยและอินเตอร์ฯ ร่วมฉลองส่งท้ายปีต่อเนื่องตลอด 3 วัน

พร้อมขยายเวลาเปิดให้บริการ เพื่อให้ความสุขของทุกคนในเทศกาลเฉลิมฉลองช่วงปลายปีพิเศษยิ่งกว่าเดิม โดยให้บริการตั้งแต่ 10.00-23.00 น. จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2567 และสำหรับในวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-02.00 น. มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของปรากฎการณ์งานเคานต์ดาวน์ระดับโลก “Amazing Thailand Countdown 2025 at ICONSIAM” สุดยิ่งใหญ่อลังการพร้อมสะกดทุกสายตาของชาวโลก เพื่อส่งให้ Amazing Thailand Countdown 2025 ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งเดียวในไทยสู่การเป็น Global Countdown Destination 

ติดตาม ไลน์อัพศิลปิน กิจกรรม โปรโมชั่น การเดินทางและที่จอดรถ และข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ ได้ที่ Facebook: ICONSIAM www.facebook.com/ICONSIAM/ และช่องทาง Line Official ของไอคอนสยาม @ICONSIAM

โซเชียลวิจารณ์ยับ ‘สส. พรรคส้ม’ ขึ้นป้ายอวยพรปีใหม่ "ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?"

สะพัดป้ายไวนิลนักการเมืองพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกล ขึ้นป้าย "สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?" พบเป็นของ ‘ฉัตร สุภัทรวณิชย์’ สส.โคราช ยกบุญกิริยาวัตถุ 10 สั่งสอน

(30 ธ.ค. 67) บนโซเชียลฯ แชร์ภาพป้ายไวนิลของนักการเมืองพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลรายหนึ่ง ระบุข้อความว่า "สวัสดีปีใหม่ ทำบาปมาทั้งปี สวดมนต์ข้ามปีแค่วันเดียว?" และระบุว่า "สแกน QR CODE เข้าร่วมการเปลี่ยนแปลงได้ที่" พร้อมกับคิวอาร์โค้ดให้ผู้สนใจ

จากการตรวจสอบพบว่านักการเมืองรายดังกล่าว คือ นายฉัตร สุภัทรวณิชย์ สส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลเดิม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "รู้จัก “บุญกิริยาวัตถุ 10” ทางแห่งการทำดี 10 ประการ

ในทางพระพุทธศาสนา มีการทำบุญด้วยกัน 10 วิธี เรียกว่า บุญกิริยาวัตถุ 10 ที่ตั้งแห่งการกระทำความดี ทางกาย วาจา และ ทางใจ ได้แก่

1. ทานมัย บุญสำเร็จจากการให้วัตถุเพื่อสงเคราะห์หรือบูชาแก่ผู้อื่น
ทานมัย หมายถึง การให้ทาน การสละ หรือการเผื่อแผ่แบ่งปัน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ข้าวของเครื่องใช้หรือสิ่งอื่นใด กับใครก็ได้ถือเป็นบุญทั้งสิ้น สิ่งสำคัญของการบริจาคหรือให้ทานแก่ผู้อื่น ควรเป็นสิ่งของที่ยังใช้ได้ ไม่เสียหายชำรุด หรือ หมดอายุ การให้ทานทำได้ทุกที่ทุกเวลา และไม่จำเป็นต้องเป็นเงิน เช่น การแบ่งของกินให้กับแม่บ้านที่ทำงาน หรือยาม เป็นต้น

ผลที่ได้รับ ทำให้ผู้ที่ให้ทานลดความเห็นแก่ตัว ความตระหนี่ และความคับแคบในจิตใจให้น้อยลง ไม่ยึดติดในวัตถุสิ่งของ

2. สีลมัย บุญสำเร็จจากการงดเว้นจากทุจริต หรือประพฤติสุจริตทางกาย วาจา
สีลมัย หรือ การรักษาศีล หมายถึง การปฏิบัติทางกายและวาจา เช่น ศีล 5 ศีล 8 เช่น เป็นแม่ค้าไม่โกหกหลอกขายของไม่ดีแก่ลูกค้า เป็นพ่อบ้านไม่กินเหล้าเมายา ทำให้ลูกเมียมีความสุข ล้วนเป็นการรักษาศีล

ผลที่ได้รับ เป็นการฝึกฝนมิให้ไปเบียดเบียนผู้อื่น ลด ละ เลิกความชั่ว มุ่งให้กระทำความดี อันเป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิต มิให้ตกต่ำลง ทำให้เป็นคนเยือกเย็น สุขุม

3. ภาวนามัย บุญสำเร็จจากการอบรมจิตให้สงบจากกิเลส และการอบรมปัญญาเพื่อละกิเลสทั้งปวง
ภาวนามัย หรือ เจริญภาวนา เป็นการมุ่งพัฒนาจิตใจและปัญญา เห็นคุณค่าสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง เช่น นั่งสมาธิ วิปัสสนา หรือ วิธีการสวดมนต์

ผลที่ได้รับ เป็นการเตือนสติให้เรายึดมั่นในการประพฤติปฏิบัติชอบ ทำให้จิตใจสงบ และผลบุญนี้จะทำให้เกิดปัญญาแก่ผู้ปฏิบัติ

4. อปจายนมัย บุญสำเร็จจากการประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตน
อปจายนมัย หรือ การอ่อนน้อมถ่อมตน คือ การประพฤติตนเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน ไม่ว่าจะเป็นผู้น้อยประพฤติต่อผู้ใหญ่ และการที่ผู้ใหญ่แสดงตอบด้วยความเมตตา หรือการอ่อนน้อมต่อผู้มีคุณธรรม รวมถึงการให้เกียรติ ให้ความเคารพต่อความคิด ความเชื่อ และวิถีปฏิบัติของบุคคล หรือสังคมอื่นที่แตกต่างจากเรา

ผลที่ได้รับ ลดความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นตัวตนของเรา ช่วยให้สังคมทุกระดับเกิดความเข้าใจต่อกัน ผลบุญข้อนี้จะทำให้เกิดความเมตตาต่อกัน

5. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จจากการขวนขวายบำเพ็ญประโยชน์ต่อผู้อื่น
เวยยาวัจจมัย หรือ การช่วยขวนขวายทำในกิจที่ชอบเป็นการให้ความช่วยเหลือแก่สังคมรอบข้าง ในการทำกิจกรรมความดีต่างๆ เช่น ช่วยงานเพื่อนที่ทำงานให้แล้วเสร็จทันเวลา ให้กำลังใจแก่เพื่อนที่มีความทุกข์

ผลที่ได้รับ ช่วยให้เกิดความรักความสามัคคี

6. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จจากการให้ส่วนบุญที่ได้บำเพ็ญมาแล้ว
ปัตติทานมัย หรือ การให้ผู้อื่นมาร่วมทำบุญกับเรา คือ ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ก็เปิดโอกาสให้คนอื่นได้มาร่วมทำบุญด้วย ไม่ขี้เหนียว หรืองกบุญเพราะอยากได้บุญใหญ่ไว้คนเดียว เช่น จะทำบุญสร้างโบสถ์ ก็ให้คนอื่นได้ร่วมสร้างด้วย

ผลที่ได้รับ จะช่วยให้เราเป็นคนใจกว้าง และปราศจากอคติต่างๆ เพราะพร้อมเปิดใจรับผู้อื่น

7. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จจากการยินดีในกุศลที่ผู้อื่นได้กระทำแล้ว
ปัตตานุโมทนามัย หรือ การอนุโมทนาส่วนบุญ คือ การยอมรับหรือยินดีในการทำความดีหรือทำบุญของผู้อื่น เมื่อใครไปทำบุญมาก็รู้สึกชื่นชมยินดีไปด้วย โดยไม่คิดอิจฉาหรือระแวงสงสัยในการทำความดีของผู้อื่น เช่น ร่วมอนุโมทนากับเพื่อนที่ไปสร้างโบสถ์สร้างวัด ไม่อิจฉาแม้เราไม่ได้ไป และอย่าไปคิดอกุศลว่าในทางที่ไม่ดี

ผลที่ได้รับ การไม่คิดในแง่ร้ายทำให้เราจิตใจไม่เศร้าหมอง เพราะได้ยินดีกับกุศลผลบุญต่างๆ อยู่ตลอดเวลา แม้จะมิได้ทำเองโดยตรงก็ตาม

8. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จจากการฟังพระสัทธรรม
ธัมมัสสวนมัย หรือ การฟังธรรม ทำให้เราได้ฟังเรื่องที่ดี มีประโยชน์ทั้งต่อสติปัญญา และการดำเนินชีวิต ซึ่งการฟังธรรมนี้ ไม่จำเป็นต้องไปฟังที่วัด แต่อาจจะฟังจากเทป ซีดี หรือเป็นการฟังจากผู้รู้ต่างๆ โดยไม่รวมเฉพาะหลักธรรมทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังหมายรวมไปถึงเรื่องจริง เรื่องดีๆ ที่ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้และปัญญา

ผลที่ได้รับ จะทำให้ผู้ฟังเกิดการรู้แจ้งเห็นจริงยิ่งขึ้น

9. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จจากการแสดงพระสัทธรรม
ธัมมเทสนามัย หรือ การแสดงธรรม คือการให้ธรรมะหรือข้อคิดที่ดี ๆ แก่ผู้อื่น ด้วยการนำธรรมะหรือเรื่องดีๆ ที่เป็นประโยชน์ไปบอกต่อ หรือให้คำแนะนำให้เขาได้รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตที่ดี เช่น สอนวิธีการแก้ปัญหา สอนวิธีการทำงานให้ แนะหลักธรรมที่ดีในการดำเนินชีวิต

ผลที่ได้รับ ทำให้ผู้อื่นได้รับรู้สิ่งที่เป็นประโยชน์ และทำให้ผู้บอกกล่าวได้รับการยกย่องสรรเสริญอีกด้วย

10. ทิฏฐุชุกัมม์ ทำความเห็นให้ตรงถูกต้องตามความเป็นจริง
ทิฏฐุชุกัมม์ หรือ การทำความเห็นให้ถูกต้อง คือ การไม่ถือทิฐิ เอาแต่ความคิดเห็นของตนเป็นใหญ่ แต่ให้รู้จักแก้ไข ปรับปรุงพัฒนาความคิดเห็น และความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ให้ถูกต้องตามธรรมอยู่เสมอ เป็นบุญข้อสุดท้ายที่สำคัญ เพราะไม่ว่าจะทำบุญใดทั้ง 9 ข้อที่กล่าวมา หากมิได้ตั้งอยู่ในทำนองครองธรรม การทำบุญนั้นก็ไม่บริสุทธิ์ และให้ผลได้ไม่เต็มที่

ผลที่ได้รับ ความเข้าใจให้ถูกต้องตามธรรม เป็นการพัฒนาปัญญาที่นำไปสู่การมีชีวิตที่ดีงาม"

อย่างไรก็ตาม โพสต์ดังกล่าวมีทั้งผู้สนับสนุนพรรคประชาชน หรืออดีตพรรคก้าวไกลเดิมต่างเห็นด้วย กดไลค์และกดหัวใจ แต่ก็มีชาวเน็ตที่เห็นข้อความดังกล่าวตำหนิโพสต์ดังกล่าว อาทิ
- ป้ายนี้รู้สึกจะมีดราม่านะครับ
- ท่าน สส. ทำได้อย่างที่คัดลอกตำรามาโพสต์ไหม
- ต้องกินเหล้าข้ามปีรึไง เรื่องดีๆ ไม่ชอบเหรอ
- เป็นการโปร (โปรโมต) ที่ห่วยแตกมาก ทำบาปมาทั้งปีสวดมนต์ข้ามปีเเค่วันเดียว อย่างน้อยในช่วงเวลาที่เขาสวดมนต์ก็เป็นเวลาที่เขาเจริญกุศล ไม่ควรดูหมิ่นว่าบุญมีประมาณน้อย ดังที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า “บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่าบุญมีประมาณน้อยจะไม่มาถึง แม้หม้อน้ำยังเต็มด้วยหยาดน้ำที่ตกลงมาทีละหยาดได้ ฉันใด ชนผู้มีปัญญา สั่งสมบุญแม้ทีละน้อย ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น” และในการที่ไปสวดมนต์นั้นเขาคงไม่ได้ไปสวดอย่างเดียวหรอกต้องมีการฟังบรรยายธรรม รักษาศีล เจริญภาวนาบ้างเเหละ ไปศึกษาให้ดีก่อนนะ ค่อยโปร มีแต่เสียกับเสียไปทำความเข้าใจกับบุญกิริยาวัตถุ 10 มาใหม่ ไม่ใช่สักว่า copy เเล้วมาวาง

- สวดมนต์เป็นการเจริญกุศลครับ เข้าภาวนามัยและขวนขวายในทางที่ควรอย่าเอาไวรัลแบบนี้เลย
- สำหรับเรา นี่คือการสื่อสารที่ห่วยมาก
คนที่สวนมนต์ข้ามปี = คนที่ทำบาปมาทั้งปี ?
สิ่งหนึ่งที่ต้องระวังให้มาก ถึงมากที่สุด คือ "การสื่อสารทางเดียว" มันจะถูกตีความเสมอ และบ่อยครั้งมากที่จะไม่ตรงตามเจตนาของผู้ส่งสาร เพราะการตีความนั้นขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผู้รับสาร ไม่ใช่ผู้ส่งสาร

เราเข้าไปอ่านเนื้อหาข้างใน ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับภาพ อยากเป็นคนตื่นธรรม รู้แจ้งเรื่องธรรม ก็ทำไปสิ วิธีที่จะใช้ปูเข้าเนื้อหา 10 ข้อนั้นที่ "ชวนอ่านแบบสุนทรีย์" มีตั้งเยอะแยะ ไม่ต้องใช้วิธีแบบ "หาเรื่อง" อย่างนี้ก็ได้.

เหนืออื่นใดคือ เราทุกผู้ทุกคนล้วนเป็นคนบาป เพราะเราเป็นมนุษย์ ถ้ามันจะพอมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้เข้าวัด(หรือสถานที่อื่นใดของศาสนาอื่น) เพื่อสวดปลอบประโลมจิตใจตัวเองบ้าง ก็เรื่องของเขา ซึ่งคุณไม่มีวันรู้เลยว่าตลอดทั้งปีเขาเจออะไรมาบ้าง

ไม่ต้องเรียกแขกมากหรอก เอาแค่ที่มีอยู่ก็รับมือกันไม่ไหวแล้ว สื่อสารแบบสร้าง "มิตร" เถอะ ยื่งหายากอยู่นะ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเจ้าตัวได้โพสต์ขออภัยผ่านเฟซบุ๊กของตนเองแล้ว โดยระบุว่า ขออภัยและขอโทษ ผู้หลักผู้ใหญ่หลายๆท่านครับ  การสวดมนต์เป็นเรื่องดี และอยากให้เราสวดมนต์กันบ่อยๆ อยู่บ้านสวดได้ทุกวัน ก่อนไปทำงาน พนมมือตั้งนะโม 3 จบ เป็นมงคลดีมากๆ และนำแนวทาง บุญกิริยาวัตถุ 10 ประการ มาเป็นแนวทางการสร้างบุญคับ

สำหรับนายฉัตร สุภัทรวณิชย์ เป็นศิษย์เก่าโรงเรียนมารีย์วิทยา โรงเรียนอัสสัมชัญนครราชสีมา โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จบการศึกษาปริญญาตรี บริหารการขนส่งระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท การตลาดเชิงกลยุทธ์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม และกำลังศึกษารัฐประศาสนศาสตร์ระดับปริญญาโท สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ผู้บริหารและที่ปรึกษาบริษัทเอกชน ก่อตั้งและสร้างธุรกิจ บริษัทนำเข้า-ส่งออก ผู้อำนวยการสถาบันชุณหะวัณเพื่อการพัฒนาธุรกิจ SMEs อย่างยั่งยืน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน

เส้นทางการเมือง เคยเป็นรองประธานสภาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา กลุ่มประสานมิตร ของนายสุรวุฒิ เชิดชัย เคยเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ในนามคณะก้าวหน้า ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อปี 2564 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง แพ้ให้กับนายประเสริฐ บุญชัยสุข กลุ่มโคราชชาติพัฒนา ของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แต่การเลือกตั้ง สส. เมื่อปี 2565 นายฉัตรลงสมัครในนามพรรคก้าวไกล ซึ่งมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชนะนายเทวัญ ลิปตพัลลภ จากพรรคชาติพัฒนากล้า ได้เป็น สส.ถึงปัจจุบัน

1 มกราคม ‘วันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ’ เจ้านายพระองค์สำคัญ

วันที่ 1 มกราคม นอกจากจะเป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว ยังถือเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพเจ้านายพระองค์สำคัญในอดีตด้วยเช่นกัน ดังนี้

1 มกราคม 2407 วันพระราชสมภพ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2407 เป็นพระอัครมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จประพาสยุโรปนั้น พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ทำให้พระองค์ทรงเป็นปฐมบรมราชินีนาถของประเทศไทย มีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระอัครมเหสี และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ ยังทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์สภานายิกา สภากาชาดไทยพระองค์แรกอีกด้วย 

1 มกราคม 2423 วันพระราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 มกราคม 2423 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 29 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่ประสูติแต่สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีพระอัจฉริยภาพและทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในหลายสาขา ทั้งด้านการเมืองการปกครอง การทหาร การศึกษา การสาธารณสุข การต่างประเทศ และที่สำคัญที่สุดคือ ด้านวรรณกรรมและอักษรศาสตร์ ได้ทรงพระราชนิพนธ์บทร้อยแก้วและร้อยกรองไว้นับพันเรื่อง กระทั่งทรงได้รับการถวายพระราชสมัญญาว่า “สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า” พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จดำรงสิริราชสมบัติได้ 15 ปี 

1 มกราคม 2437 วันพระราชสมภพ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก 
 สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เสด็จพระราชสมภพ 1 มกราคม พ.ศ. 2437 เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 86 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า 

พระองค์มีคุณูปการแก่กิจการแพทย์แผนปัจจุบันและการสาธารณสุขของประเทศไทยประชาชนโดยทั่วไปคุ้นเคยกับพระนามว่า "กรมหลวงสงขลานครินทร์" หรือ "พระราชบิดา" และบางครั้งก็ปรากฏพระนามว่า "เจ้าฟ้าทหารเรือ" และ "พระประทีปแห่งการอนุรักษ์สัตว์น้ำของไทย" ส่วนชาวต่างประเทศเรียกพระนามว่า "เจ้าฟ้ามหิดล" ทรงเป็นสมเด็จพระบรมชนกใน พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8 และ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

2 มกราคม พ.ศ. 2551 วันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ พระธิดาใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม 2466 ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ทรงเป็นพระเชษฐภคินีของพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ คือ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่8 และพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

สมเด็จกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติในหลายสาขา ทั้งด้านการศึกษาและสาธารณสุข โดยเฉพาะทรงสืบสานงานมูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (มูลนิธิ พอ.สว.) พระองค์ทรงนำหน่วยแพทย์ พอ.สว. ออกเยี่ยมราษฎรและตรวจรักษาผู้ป่วยตามหมู่บ้านต่าง ๆ ที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในผู้ป่วยบางรายทรงรับไว้ในพระอนุเคราะห์ และส่งตัวไปรักษายังโรงพยาบาลในตัวจังหวัดหรือกรุงเทพมหานคร

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2538 ในโอกาสมหามงคลเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาพระอิสริยศักดิ์เป็นเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในตามธรรมเนียมโบราณราชประเพณีพระองค์เดียวในรัชกาล โดยทรงพระนามว่า “สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์”

ปลายปี 2550 สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ประชวร และเสด็จไปประทับรักษาพระองค์ ณ โรงพยาบาลศิริราช และสิ้นพระชนม์เมื่อวันพุธที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2551 หรือ วันนี้เมื่อ 17 ปีที่แล้ว สิริพระชันษา 84 ปี ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดการพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพระหว่างวันที่ 14-19 พฤศจิกายน 2551


© Copyright 2021, All rights reserved. THE STATES TIMES
Take Me Top